ไม่อยากทำอะไรเลย
เป็นความคิดแรกหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมา
ชเวยูจูนอนแกร่วบนเตียงควีนไซต์ที่มันกว้างใหญ่ผิดปกติ คงเป็นเพราะเขานอนคนเดียวล่ะมั้ง
ยูจูพลิกตะแคงหันไปด้านขวา
ซึ่งเป็นที่ๆของใครคนนึงที่จากเค้าไปไกล
พอนึกถึงใครคนนั้น
น้ำตาก็พาลไหลมาดื้อๆ
ใครคนนั้นก็ชอบบอกว่าเขาขี้แย เขาแค่น้ำตาไหลง่ายต่างหากล่ะ
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ในโทรศัพท์ดังเตือนขึ้น
แขนยาวๆยืดควานหาเครื่องมือสื่อสารประจำตัวแล้วกดปิดมัน
เมื่อได้ยินอะไรรบกวนสมอง ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มจางๆไป
ยูจูลุกขึ้นนั่งแล้วเสยผมไม่ให้มันปรกหน้าก่อนปาดคราบน้ำตาที่ติดหางตา
ก็ไม่ได้ขี้แยขนาดนั้นสักหน่อย แค่ร้องไห้ทุกคืนเอง
โทรศัพท์มือถือที่เปิดไว้ทิ้งสามคืนติดปรากฏแบตเหลือไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าของสนใจเท่าโนติปฎิทินขึ้นบนหน้าจอบอกว่าวันนี้ต้องไปสำนักพิมพ์เพื่อส่งต้นฉบับ
เขาถอนหายใจอย่างอ่อนแรงผิดแผกจากคนสุขภาพดี
เพราะเมสเสจที่คนๆนั้นส่งมาวันนั้นก็ไม่มีอีกเลย
แม้ไม่อยากไปไหนตามประสาคนติดบ้าน แต่ไปชมนกชมไม้บางก็ดี
อยู่ในนี้ก็มีแต่ความรู้สึกเดิมๆ
‘คิดถึงเธอ’
“หัวข้อคอลัมน์น่าสนใจดีนะคะ
แต่อ่านแล้วมันดูจืดๆไปหน่อย คุณลองปรับคำหรือเพิ่มลูกเล่นขึ้นก็โอเคนะคะ”
“……” บอกตามตรงว่าตอนนี้นักเขียนตัวสูงไม่ได้สนใจฟังบก.จอมโหดพูดเลยแม้แต่น้อย
ยูจูทำแค่นั่งจ้องต้นแคคตัสที่เริ่มออกดอกเล็กๆบนชั้นวางโต๊ะทำงานของหัวหน้า ต้องเรียกว่าเหม่อดีกว่า
บก.คิมโซวอนอ่านเนื้อหางานก่อนเหลือบมองอีกฝ่ายที่เซื่องซึมผิดปกติ ซึ่งกำลังใจลอยไปที่ไหนแล้วไม่รู้
เธอขยับกรอบแว่นแล้วเรียกคนนั่งตรงข้าม
“คุณชเวคะ”
“……”
“คุณชเวยูจู!”
“คะ คะ”
“……” ทั้งห้องตกอยู่ในอาการเดดแอร์
ยูจูเหงื่อตกเมื่อเห็นสายตาคมกริบเหมือนจะปาดคอเขาให้ได้
“เข้าใจที่ฉันพูดมั้ยคะ?”
“อ่ะ...ค่ะ เข้าใจค่ะ” บก.สาวเข้าใจทันทีว่าอีกคน ‘ไม่เข้าใจ’ โชคดีที่ตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ดีอยู่เลยไม่ต่อว่า
“ดูท่าทางคุณจะใจลอยไปหน่อยนะคะ
กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
“ค่ะ” ยูจูเชื่อฟังแต่โดยดี เขาลุกขึ้นโค้งลาแล้วเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวค่ะคุณชเว”
ขณะกำลังเปิดประตู บก.สาวก็เรียกเขา
“ไปโรงพยาบาลด้วยนะคะ
ดูเหมือนคุณจะป่วย”
“อ่าค่ะ
ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” โค้งให้อีกครั้งเป็นการขอบคุณ ทว่าที่บอกให้ไปตรวจคงไม่ไปหรอก
ไข้ใจน่ะ ไม่มีทางหายง่ายๆ
“เฮ้ออออออ”
ถอนหายใจยาวๆพลางใช้เท้าเตะใบไม้ที่เกลื่อนเต็มทางเดินในสวนสาธารณะใกล้ที่ทำงาน
แล้วนั่งจุ้มปุ้กที่ม้านั่งตัวยาว
ไม่ดีเลยแฮะ...ปกติไม่เหม่อขณะฟังเจ้านายพูดเลยนี่นา
เพราะ
‘เธอ’ อีกแล้วสินะ
“อ้าว คุณยูจูนี่” ขณะกำลังคิดถึงใครบางคน เสียงอันคุ้นเคยเรียกให้ยูจูหันไปหา
“คุณชินบี?”
เพื่อนร่วมงานคนสนิทนามฮวังชินบียกผ้าขนหนูขึ้นซับเหงื่อก่อนนั่งลงข้างๆเขา
“ลมอะไรหอบคนติดบ้านอย่างคุณมาที่นี่ล่ะคะ?”
“แหะๆ
คงเป็นลมที่ชื่องานอ่ะค่ะ”
“อ้อใช่! คุณมาส่งต้นฉบับนี่นา”
“แล้วคุณล่ะคะ?”
เขาถามกลับ
“ฉันมาวิ่งออกกำลังน่ะค่ะ
กำลังจะกลับห้องแล้ว” ยูจูพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ ท่าทางไม่ร่าเริงผิดวิสัยทำเอาชินบีแปลกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
“เป็นมั้งคะ?”
“เอ๋?” หญิงสาวทำหน้างง และเห็นอีกฝ่ายยกมือจับหน้าอกด้านซ้าย
ชินบีถึงกับยกมือปิดปากด้วยความตกตะลึง
“โรคหัวใจ!”
“!?!”
บอกเลยว่าเอาตัวรอดจากสาวเฮลตี้มันไม่ง่าย
หลังจากชินบีทายว่าเขาเป็นโรคหัวใจ
ยูจูก็รู้ชะตากรรมตัวเองทันทีเพราะคุณเธอเป็นกูรูด้านเรื่องสุขภาพจึงพยายามแนะนำอาหารการกินและยาสมุนไพรต่างๆจนยูจูต้องเบรคแล้วบอกความจริงไปว่าเขาเป็นอะไร
สูญพลังงานกับการอธิบายให้เพื่อนสาวฟังจนรู้สึกหิว
เลยนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้กินข้าวเช้า
ก็เขาทำอาหารไม่เป็นนี่นา
แถมคนทำให้ก็ไม่อยู่แล้วด้วย
พอคิดถึงกุ๊กประจำตัวก็กลับมาป่วยอีกครั้ง
เฮ้อ
“ยินดีต้อนรับค่า” เสียงหวานใสดังขึ้นเป็นปกติที่เขาเข้ามาในร้านนี้
ร้านอาหารของเพื่อนสนิทสมัยมหาลัยที่เขามักมาฝากท้องบ่อยๆ ช่วงสายไม่มีลูกค้า
ยูจูเดินมานั่งโต๊ะติดกระจกที่ประจำแล้วฟุบลง
“กินไรๆ” สนิทแค่ไหนก็ฟังคำพูดและท่าทางเป็นกันเองดู จองเยรินควงปากการออีกฝ่ายบอกเมนู
“ไม่รู้ว่ะ
อยากกินอะไรง่ายๆ” คำโลกแตกก็มาอีก รู้สึกตะหงิดใจเพราะทุกครั้งยูจูมักจะคิดเมนูมาจากบ้านเลย
“น้ำเปล่าง่ายสุดละ
ฟรีด้วย”
“………” ไร้คำด่าจากเพื่อนตัวสูง
เยรินเลิกคิ้วอย่างงุนงง ปกติไม่เป็นแบบนี้นี่นา
“แล้วมึงจะแดกอะไร”
“อะไรง่ายๆ”
“ข้าวไข่เจียวละกันสัด” เยรินเขียนเมนูลวกๆแล้วเอาออเดอร์ไปให้ลูกมือ ก่อนเดินมานั่งกับเพื่อนสนิท
“เฮ้ยยย เป็นไรละเนี่ย เจ้านายด่าเหรอ?”
“………” นิ่งอีก เยรินหมดปัญญากับการเค้นหาคำตอบ เมื่อเจ้าตัวไม่ตอบก็อดเผือก แล้วเขาเพิ่งนึกอะไรได้
“ออมจีไปไหนล่ะ?”
ชเวยูจูมีปฎิกิริยาทันทีที่ได้ยินคำว่า
‘ออมจี’
เขาเด้งตัวขึ้นมามองหน้าเพื่อนสนิทจนอีกฝ่ายรู้สึกใจคอไม่ดี
แล้วเริ่มเบ้ปากจะร้องไห้
แค่นั้นแหละ
เยรินรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“โอเคเพื่อนฝูง
กูไม่ได้พูดไรทั้งนั้น ลืมๆมันไป” คนตัวเล็กลุกไปกอดพร้อมปิดหูเหมือนไม่ให้ได้ยินคำๆนั้น
“เค เพื่อน
แบบนั้นแหละ แหม...ร้องไห้เดี๋ยวไม่สวยนะมึง” จับกลางศีรษะแล้วโยกไปมาเล็กน้อยเป็นการปลอบแบบฮาร์ดคอหน่อยๆ
“……”
“กูถามหน่อยได้มั้ย?
ทำไมวะ?”
“เค้าไม่อยู่กับกูแล้วอ่ะมึง
ทำไมต้องไปด้วยวะ กูไม่เข้าใจเลย ฮืออออออ”
ไม่น่าเล้ยกู เยรินคิดในใจ
สุดท้าย
ยูจูก็ร้องไห้จริงๆแถมพร่ำเพ้อเป็นเสียงอู้อี้ๆทำเอาเพื่อนสนิทแทบจับใจความไม่ได้
สรุปได้ว่า
คิมออมจีซึ่งเป็นแฟนของไอ้ขี้แยนี่ลาจากไปอยู่ที่อื่น...แค่นั้น
ทิชชู่หมดไปหลายกล่อง
ดีที่มันวางกองไว้ให้โกยลงถังง่ายๆ
“เสียใจด้วยนะเว้ย
อย่าร้องๆ” พอยูจูหยุดร้องไห้
เพื่อนแสนดีก็เข้ามาปลอบอีกครั้ง
“กูรักเค้าอ่ะมึง กะทันหันไป กูเตรียมใจไม่ทัน”
“คนผ่านมาแล้วผ่านไปมันก็งี้แหละ
ลืมๆไปเดี๋ยวก็หาย”
“ฮือออออออออ”
“ถ้ามึงร้องไห้อีก
กูไล่ไปหลังร้านจริงนะ ลูกค้ากูหายหมด”
“……” เออ
ได้ผลกว่าอีก
“แต่ไหนๆมึงก็ไม่มีคนคุมละ”
เยรินกอดคอแล้วยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆเหมือนกลัวคนอื่นได้ยิน
“สักก๊งป่ะ?”
“ออมจีสั่งกูห้ามแดกเหล้า”
เออ
ยอมละ
ยูจูอยู่ร้านเพื่อนสนิทจนถึงเย็น
ใช่ว่าจะนั่งว่างๆดูทีวีไป คนอยู่ไม่นิ่งเลยขอช่วยงานเพื่อนเลยไปรับจ๊อบล้างจาน(ตอนแรกจะช่วยเสิร์ฟอาหาร)
เพราะเพื่อนตัวดีอ้างว่า ‘หาไรทำยุ่งๆจะได้ลืมไว’
แหนะ
ยูจูเดินแกว่งถุงใส่กล่องข้าวที่เยรินทำให้เป็นมื้อเย็น
ดวงตากลมโตกวาดชมกรุงโซลในเวลาหนึ่งทุ่มไม่ต่างจากกลางวันมากนัก คนก็พลุกพล่านเหมือนเดิม
เพียงแค่มืดลงและมีแสงสีให้พอตื่นตาตื่นใจบ้าง
“พี่!” เสียงหวานแหววเรียกเสียงดังจนยูจูต้องหยุดมามอง(รวมคนแถวนั้น)
ปรากฏรถตู้ดัดแปลเป็นร้านขายไอศกรีมสีชมพูสะดุดตาและมีเจ้าของร้านตัวเล็กโบกมือทักทาย
ยูจูจึงเดินเข้าไปหา
“มาคนเดียวเหรอพี่?” จองอึนฮาถาม
“ก็เห็นอยู่คนเดียวนี่”
“อ้าว แล้ว...”
ยังถามไม่จบ พอเห็นพี่รหัสทำหน้าเป็นหมาหงอยเลยกลืนคำถามลงคอ
“เอาน่าพี่ มันเป็นธรรมชาติของความรัก”
พูดพลางกวักมือให้มานั่งบนเก้าอี้บาร์ ยูจูก็ทำตามที่บอก
พอนั่งแล้วก็ฟุบลงบนบานหน้าต่างที่เปิดออกเป็นโต๊ะชั่วคราว
“หาแฟนใหม่เลยพี่
ง่ายๆ”
“ไม่อ่ะ ให้ไปหมดแล้ว”
“โอ้โห
รักจริงหวังแต่งนะเนี่ย”
“ก็ใช่สิ
ใครจะเปลี่ยนแฟนบ่อยเหมือนแก”
“โห่
ทำไมต้องแซะน้องด้วยเนี่ย”
“……”
“อ่ะนี่” อึนฮาวางซอฟท์ครีมใส่แก้วพลาสติกใบเล็กพร้อมช้อนตัก
“ไม่ได้สั่งนี่”
“เลี้ยง” คำเดียวสั้นๆอาจทำให้คนฟังตาโต แต่นั่นใช้ไม่ได้กับรุ่นพี่ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งสี่ปี
ก็ยัยนี่มันงกเข้าเส้น
“ไม่เชื่อเหรอ เลี้ยงจริงๆนะ
ในโอกาสอกหักไง”
“มันดีตรงไหนวะ”
ได้ยินน้องรหัสยืนยันแบบนั้น ยูจูก็ยอมกินแต่โดยดี
“แล้วไปไหนมาบ้างเนี่ยพี่น่ะ”
“ก็ที่ทำงาน สวน
ร้านเยริน แล้วร้านแก”
“หูย
ไปไหนคนเดียวก็ได้แล้วนี่ ปกติต้องมีเจ้าของพาจูงตลอด”
“ไม่ใช่หมา”
“ค่า แต่ตอนนี้พี่ทำหน้าเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้งมาก”
พอเจ้าของร้านไอติมพูดจบ
คนฟังก็คอตกพร้อมทิ้งแขนข้างที่จับช้อนเหมือนคนหมดแรง
“พี่คะ
กินของหวานก็ทำให้มันมีแรงหน่อยสิ” อึนฮาเอื้อมแขนสั้นๆมาตบบ่ารุ่นพี่
“จะเสียใจจะร้องไห้ก็ร้องซะวันนี้นะคะ
พรุ่งนี้ก็เริ่มต้นใหม่”
“ฮื่อ จะพยายาม”
ไม่นานนัก
แก้วพลาสติกก็เหลือแต่คราบหวาน ยูจูที่รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นบ้างจึงขอลากลับบ้าน
“เดี๋ยวพี่”
เดินไปแค่สามก้าว น้องรหัสก็ยื่นไอศกรีมให้อีกครั้ง คราวนี้ใส่โคน ยูจูรับมา
“ขอบใจ”
อกหักแบบนี้
อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆบ้างแหละนะ
“อันนี้เก็บตังค์”
ถอนคำพูดด่วน
ดวงไฟดาวน์ไลท์สว่างแค่ที่ห้องนั่งเล่นห้องเดียว
ยูจูวางถุงข้าวและทิชชู่ที่ห่อโคนไอศกรีมบนโต๊ะกระจกแล้วหย่อนตัวลงนั่งโซฟา
พอกลับมาอยู่ในโลกส่วนตัว
ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ห้องชุดที่มีใครอีกคนอยู่ด้วยเสมอ ตอนนี้มีแค่เขาอยู่คนเดียว
น้ำตาเจ้ากรรมก็ลงไหลมาดื้อๆ รู้ตัวอีกทีมันก็อาบเต็มสองแก้มแล้ว
ออมจีเองก็ชอบบอกว่าเขาขี้แย เธอเป็นคนแรกที่ยูจูไม่โกรธและยอมให้เรียกแบบนี้
อ่า...บ้าจริงๆ
ทำอะไรก็คิดถึงไปหมด แค่ร้องไห้ก็ยังคิดถึงเลย
แบบนี้จะลืมได้ลงยังไงล่ะ
ติ้งต่อง!
ยูจูที่กำลังก้มหน้าซบหัวเข่าอยู่ต้องลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่ง
เขามองประตูห้องด้วยความไม่แน่ใจว่าเป็นห้องเขารึเปล่า
ติ้งต่อง!
เสียงกริ่งดังอีกครั้ง
มั่นใจแล้วว่าเป็นห้องเขาเองจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูโดยเมินวีดีโอดอร์โฟนไปเลยเพราะยูจูคิดว่าอาจเป็นใครในสี่คนที่พบปะกันในวันนี้ก็ได้
บานประตูห้องเปิดออก
แล้วเขาก็สตั้นทันที
คนตัวเล็กยืนอยู่หน้าห้องกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กำลังส่งยิ้มกว้างให้
“ออมจี...”
ยูจูติดอ่างไปชั่วขณะ ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินมาใกล้แล้วหยิกแก้มเขา
“ก็ใช่ไงคะ งงอะไรกัน”
คิมออมจียิ้มขำที่เห็นใบหน้าบื๊อๆของคนรักก่อนเดินเบี่ยงพร้อมลากกระเป๋าเข้ามาแล้วเปิดไฟให้สว่างทั้งห้อง
ปล่อยให้คนตัวสูงมองตามพร้อมอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา
นี่
ออมจี แฟนของเขาจริงเหรอเนี่ย!?
“ไปซื้อข้าวมากินเหรอคะ
ร้านของเยรินนี่นา” แฟนสาวถาม ไม่ได้คำตอบกลับมาหรอกเพราะมัวแต่ช็อกอยู่
เนื่องจากอีกคนไม่พูดไม่จาสักทีตั้งแต่เจอกันเลยหมดความอดทน
ออมจีจึงย่างสุขุมมาหายูจูแล้วยกมือโอบรอบลำคอก่อนเขย่งหอมแก้มดังฟอด!
“ออมจีอยู่นี่แล้วไงคะ
คิดอะไรอยู่ ฮึ?” ได้สัมผัสอันคุ้นเคยยูจูก็เริ่มรู้สึกตัว เขาก้มมองสบตาแล้วค่อยๆกอดเอวของอีกคน
“แง้!!!~~
ออมจียาาาา~~~~” แล้วซบไหล่ร้องไห้ฟูมฟายลั่นห้องจนออมจีอดหัวเราะไม่ได้
แฟนเธอนี่มันจริงๆเลยนะ~
“โอ๋ๆๆ
ไม่ไปไหนหรอกค่ะ” ชั่วโมงครึ่งผ่านไปกว่ายูจูจะหยุดร้องไห้ แล้วไม่ยอมปล่อยแฟนไปไหนเลยนะจนเสื้อออมจีเปียกไปหมด
“คนขี้แย
คิดถึงเค้ามั้ยคะ”
“คิดถึง
คิดถึงมากๆเลย ฮือออ~~” ตอนนี้กลายเป็นยูจูอายุสามขวบที่เพิ่งเข้าสู่อ้อมอกมารดาอีกครั้ง
เพราะแฟนตัวเล็กเป็นตัวแทนของบริษัทที่ต้องไปสัมมนาที่จีนเป็นเวลาสามวัน
แม้อดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้เนื่องจากความเป็นเด็กแบบนี้แต่ออมจีจำเป็นต้องเลือกงานก่อน
ยูจูกับเธอเกิดปีเดียวกันแท้ๆแค่คนตัวโตเกิดก่อนเธอไปตั้งหลายเดือน
แล้วไหงเธอกลายเป็นแม่ของอีกคนไปได้ล่ะ?
“ก็หยุดร้องไห้ได้แล้วนะคะ
เค้าอยู่ตรงนี้แล้วนะ”
“งือออ” คนตัวสูงพยักหน้าแต่ยังไม่ปล่อยอ้อมกอดและซบไหล่คนตัวเล็กกว่าอยู่
เราทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกัน
นิสัยใจคอคนละขั้วจนไม่น่ารู้จักกันได้ ทว่าเพราะความน่ารักและความสดใสของยูจูทำให้เธอตกหลุมรักเข้าเต็มเปา
ยูจูขี้งอแง มีความเป็นเด็กสูงก็จริง
แต่เขาไม่เคยทำตัวให้เป็นภาระหรือทำให้เดือดร้อนเลย
ที่สำคัญ...เชื่อฟังเธอดีมากกกกกยิ่งกว่าลูกหมาอีกมั้ง
“เหงามั้ยคะ?”
“เหงาสิ
เหงามากๆเลย ฮือออ”
“ทำไมไม่โทรหาล่ะคะ”
“ก็...ก็ เค้ากลัวไปกวนออมจีอ่า”
“โอ๋ๆ
ไม่กวนหรอกนะคะ เค้าก็ไม่กล้าโทรเพราะกลัวยูจูปั่นต้นฉบับอยู่”
“งือ” คนตัวสูงกอดแน่นขึ้นอีกราวกับกลัวอีกคนหายไป
“วันนี้ไปข้างนอกมาเหรอคะ?
ไปหาใครเอ่ย?” ไม่ได้จับผิดอะไร แต่ชวนอีกฝ่ายคุยต่างหาก
“ปะ ไปหาเยริน
อึนฮาแล้วก็บก.มาค่ะ” ออมจีอมยิ้มที่เธอแบบครูถามเด็กอนุบาล
อีกฝ่ายก็ตอบเหมือนเด็กอนุบาล ปกติของพวกเรานี่แหละ
“งานเสร็จเรียบร้อยใช่มั้ยคะ”
ยูจูพยักหน้า
“แล้วสามวันนี้กินอะไรคะ”
คำถามนี้ทำเอาคนตัวสูงสตั้นอีกครั้ง
“……” เขาไม่กล้าตอบเพราะกลัวอีกคนดุ
“ยูจูคะ” ออมจีเรียกเสียงเข้ม ยูจูช้อนตามองปะทะสายดาดุๆบอกว่า ‘อย่าจะคิดโกหกเด็ดขาด’ ทำเอาเขาหัวหดกลับไปซบไหล่อีกครั้ง
“ระ รามยอน”
“บอกแล้วไงคะว่าอย่ากินของกินแบบนี้บ่อยๆ”
“ตะ
แต่เค้าใส่ผักด้วยนะ”
“ยูจูไม่ชอบกินผักนี่คะ” งือ โดนจับได้เลย
“เค้าบอกยูจูแล้วนะคะว่าต้องฝึกทำอาหารด้วย
เวลาเค้าไปไหนยูจูจะได้ไม่ลำบากไง”
“ก็ไม่อร่อยเท่าที่ออมจีทำอ่ะ”
“คนบ๊อง ถ้าไม่ดูแลตัวเองแบบนี้เค้าก็เป็นห่วงนะคะ”
“ไม่ให้ไปแล้วนะ”
“…?”
“ไม่ให้ไปไหนเลย”
ออมจียิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจุ๊บกลางกระหม่อมของอีกคน
“เค้าไม่สัญญานะคะว่าจะไม่ไป”
“ฮืออออ”
“ถ้ายูจูยังไม่ดูแลตัวเองอีก
เค้าจะไปทำงานที่ไกลๆแล้วไปนานๆเลยด้วย”
“ง่าาา~า ไม่เอาอ่า อย่าทิ้งเค้านะ ฮืออออ” ขู่ไปงั้นแหละ
แต่อีกฝ่ายจะร้องไห้อีกรอบนี่สิ
“พรุ่งนี้ฝึกทำอาหารกันนะคะ
ที่ทำงานให้หยุดตั้งหนึ่งอาทิตย์แหนะ ได้อยู่กับยูจูยาวๆเลย” ออมจีกล่าวพร้อมบีบแก้มอีกคน ยูจูพยักหน้ายิ้มดีใจแล้วกอดแน่นขึ้นอีก
ความเหี่ยวแห้งในสามวันที่ผ่านมา
หายเป็นปลิดทิ้งเลย
แฟนของเขากลับมาแล้ว งื้อออ~~ ♥
“เอ่อ ยูจูคะ
เค้าจะไปอาบน้ำน่ะค่ะ ปล่อยเค้าก่อนนะคะ”
“ไม่เอา!”
“ยูจูคะ
ไม่ดื้อนะ”
“งั้นเค้าไปอยู่ในห้องน้ำด้วย”
“ไม่ได้ค่ะ!”
“เค้ายังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”
“………”
“………”
“แค่อาบน้ำนะคะ
ทำตัวให้ดีๆ” พูดจบออมจีหันหน้าแดงๆหนี ยูจูยิ้มกว้างแล้วโผเข้ากอดอีกครั้ง
แฟนของเค้าใจดีที่สุดเลย!
เจ้าพิจูว เจ้าลูกหมาเอ้ย ขี้แยจริงๆเลย อ่านตอนแรกก็นึกว่าอกหัก เลิกกับน้องออม สุดท้ายน้องแค่ไปทำงาน 5555
ชอบบทบาทของยอชินแต่ละคนด้วย ทุกอย่างในเรื่องลงตัวไปหมดเลย เป็นวันช็อตที่น่ารักมากๆเลยค่ะ งืออ
สุดท้าย นานๆทีจะมีฟิคยัยหนูกับจยูคนเด๋อ ขอบคุณไรท์มากเลยนะคะ ><
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 21 มกราคม 2561 / 21:38