ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] รวมช็อตฟิค HAEEUN WONKYU จ้า

    ลำดับตอนที่ #8 : [SF] 도대체 누가 미쳤어? "ใครกันแน่ที่บ้า?" `+ ¦ _ Donghae x Hyukjae [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      5
      12 พ.ค. 55

      

     

     

     

     

    งั้นขอรางวัลหน่อยสิ ทำแก้มอมลมแล้วยื่นไปตรงหน้า ร่างบางหน้าขึ้นสีก่อนจะเข้าไปจุ๊บแก้มทงเฮเบาๆ แล้วผละออก

    พอมั้ย

    ไม่พอหรอก ขออีกข้าง

    โอเค~” ร่างบางหอมแก้มอีกข้างซ้ำๆ ก่อนจะผละตัวออกมาหัวเราะ

     

     

    มีความสุข...ตอนนี้อีทงเฮรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

     

     

    ปิดประตูบ้านแล้วประคองน้องหมาวางไว้บนพื้นก่อนจะลุกขึ้นสบตากับร่างบางที่ใบหน้าห่างกันไม่เท่าไหร่ ปลายจมูกโด่งสันคลอเคลียกับปลายจมูกอีกคนพร้อมกับจับมือเล็กมาโอบรอบคอตัวเองเอาไว้ ทงเฮหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับกดจูบบนริมฝีปากอิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว ฮยอกแจหัวเราะชอบใจเมื่อถูกออดอ้อน...และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงอีกครั้ง...

    เสียงครางหวานอยู่ข้างหูพร้อมกับปลายเล็บที่จิกลงบนแผ่นหลังกว้างจนเป็นรอย กายร้อนขยับเข้าออกเป็นจังหวะตามความต้องการ จ้องมองดวงหน้าหวานพร้อมกับไล้นิ้วหัวแม่มือลงไปบนริมฝีปากอิ่มที่กำลังบวมเจ่อ สายตาฮยอกแจนั้นยั่วยวนหากแต่แฝงไปด้วยความหวาดกลัว ทงเฮยิ้มให้กับคนใต้ร่างอยากให้ฮยอกแจรู้สึกได้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ไม่มีวันที่จะทิ้งฮยอกแจไปเหมือนกับคนๆ นั้นแน่..

     

    ผมรักคุณ...ฮยอกแจ

    ...รัก...รัก...อ๊ะ...เหมือนกัน

     

    อย่างน้อยครั้งนี้ทงเฮก็ไม่ต้องทนเจ็บปวดกับการได้ยินชื่อของคนอื่นในขณะกอดฮยอกแจ ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนพวงแก้มเนียนก่อนจะไล่ไปถึงกกหู...จูบซ้ำๆ จนมาถึงซอกคอขาว...และเป็นอีกครั้งที่เขาทำรอยตีตราเป็นเจ้าของเอาไว้...





    ถึงแม้ว่าอีทงเฮนั้นจะไม่ใช่เจ้าของตัวจริงของฮยอกแจก็ตาม...

     


     

     

    เวลาผ่านไปหลายเดือน ตอนนี้ทงเฮทำตัวเหมือนผู้ชายพึ่งแต่งงานใหม่ ไหนจะรับงานน้อยลงแถมไม่ยอมค้างกับลูกค้าเหมือนอย่างเคยจนถูกเพื่อนร่วมงานแซวอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นตำแหน่นัมเบอร์วันก็ยังคงไม่พ้นเขาอยู่ดี... อาจเป็นเพราะว่าสาวๆ ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ ชอบผู้ชายน่าค้นหาด้วยล่ะมั้งอีทงเฮถึงยังไม่ถูกถีบตกลงไปจากตำแหน่งนี้

    วันนี้ตั้งใจทำงานแค่ครึ่งวัน แค่ออกไปกินมื้อเย็นกับลูกค้าก็กะจะกลับบ้านไปดูแลฮยอกแจต่อ ไม่อยากทิ้งให้อยู่คนเดียวนานๆ ถึงแม้ว่าเขาจะกำจัดปัญหานั้นด้วยการซื้อลูกหมามาให้ฮยอกแจเลี้ยงก็เถอะ แต่ใครจะไปวางใจได้ล่ะ

    นั่งติดแหง่กอยู่บนรถมาร่วมชั่วโมงแล้วเมื่อการจราจรดันติดขัดเพราะฝนที่โหมกระหน่ำตกลงมาไม่หยุดตกหนักเสียขนาดนี้จนเขากังวลว่าน้ำจะท่วมโลกในอีกไม่ช้านี้หรือเปล่า นิ้วเรียวเคาะลงบนพวงมาลัยเป็นจังหวะก่อนจะเอื้อมไปหรี่เสียงเพลงที่เปิดทิ้งไว้ทำลายบรรยากาศความเงียบ ระหว่างนั้นก็กดโทรหาฮยอกแจไปด้วย เคยสอนให้ฮยอกแจรับโทรศัพท์มาแล้วและร่างบางก็เรียนรู้ได้ดี แต่คราวนี้เกิดอะไรขึ้น โทรไปกี่ครั้งๆ ก็ไม่ยอมรับสาย...

    หรือว่าจะหลับ

    โยนมือถือไว้เบาะข้างๆ แล้วออกรถเมื่อการจราจรเริ่มสะดวกขึ้น พักใหญ่ๆ กว่าจะถึงบ้านก็เล่นเอาซะฟ้ามืดแต่ถึงอย่างนั้นฟ้าฝนที่ตกลงมาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

    ยังไม่ทันเข้าไปในบ้านก็ต้องเบรกรถกะทันหันเมื่อเห็นใครบางคนยืนตากฝนอยู่หน้าประตู...ทงเฮรีบเปิดประตูรถออกไปพร้อมกับยกมือบังระดับสายตาเพื่อให้มองได้ชัดเจนขึ้น... ร่างบางค่อยๆ หันหน้ามามองตามแสงสว่างของไฟหน้ารถทั้งที่ตัวกำลังสั่นเทา...เสื้อเชิร์ตสีขาวตัวบางมีเลือดอยู่เต็มไปหมดจนทงเฮต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    ฮยอกแจ!”

    รีบวิ่งเข้าไปดูร่างบางที่ยืนตัวสั่นท่ามกลางฝนที่เทกระหน่ำลงมา ริมฝีปากอิ่มที่เคยมีสีแดงสดราวกับลูกเชอรี่นั้นซีดเผือดจนทงเฮต้องรีบถอดสูทที่สวมอยู่มาคลุมไหล่ให้ ในอ้อมกอดของฮยอกแจมีร่างของลูกหมาตัวสีขาวเปื้อนเลือดนอนแน่นิ่งอยู่ นั่นทำให้ทงเฮแทบเสียสติเมื่อเห็นร่างบางเอาแต่พึมพำโทษตัวเองไม่หยุด

    ทงเฮ...ทงเฮ...ทงเฮตื่นเถอะ...ได้โปรด...ฮือ...ขอโทษ...ฮยอกแจขอโทษ...ตื่นนะ...ตื่น...ฮือ...

    ฮยอกแจ...เข้าบ้านกันเถอะ

    ไม่...ทงเฮไม่ยอมตื่น...ทงเฮวิ่งออกไปข้างนอก...ซ...ซีวอน!!! ไม่นะ...อย่า...ม่าย!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    ร่างบางกรีดร้องลั่นพร้อมทิ้งร่างศพไร้วิญญาณของเจ้าตัวเล็กที่คอยเป็นเพื่อนยามเหงาในเวลาที่อีกคนไปทำงาน...เมื่อกลางวันมีบุรุษไปรษณีย์มาส่งของ...แล้วก็เปิดประตูออกไปรับให้เพราะอยากทำตัวมีประโยชน์กับคนรักบ้าง...แต่ตอนนั้นเจ้าตัวเล็กวิ่งออกไปข้างนอกจน...

     

    ซีวอน...ซีวอน...

     

    ภาพของเจ้าตัวเล็กนอนจมกองเลือดยังติดตา ร่างบางทรุดลงกับพื้นก่อนจะค่อยๆ คลานเข้าไปหาลูกหมาที่นอนแน่นิ่งไม่ขยับ ทันทีที่มือได้สัมผัสเลือด...ฮยอกแจก็กรีดร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ก็มีภาพบางอย่างซ้อนขึ้นมาในหัว...

     

     

     

     

    ซีวอน...คนรักของเขาถูกแทงตายในวันครบครอบสามปีที่คบกัน...

     

     

     

     

     

    ซีวอน...ไม่...ไม่จริง...

    ฮยอกแจ ใจเย็นๆ ก่อน

    มือเรียวจิกเล็บลงบนท่อนแขนแกร่งพร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออดเมื่อนึกถึงภาพเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกันกับคนรัก...นี่มันคือความจริงใช่ไหม...ความจริงที่อีฮยอกแจได้หลอกตัวเองมาตลอด...หลอกตัวเองว่าซีวอนยังอยู่ด้วยกันถึงแม้ว่าเขาจะจากไปตั้งนานแล้ว...

    ทงเฮคว้าร่างอีกคนเข้ามากอดแน่น...ท่ามกลางสายฝนที่โหมลงมาอย่างหนัก รู้สึกเจ็บปวดไปไม่ต่างจากฮยอกแจเลยสักนิด...เพราะเมื่อไหร่ที่ฮยอกแจรู้สึกเจ็บ เขาเองก็จะเจ็บไปด้วยเหมือนกัน


    หลังจากวันนั้นฮยอกแจก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก...ไม่แม้แต่จะเรียกชื่อของใครอีกคน...ทงเฮได้เพียงแค่มองร่างบางอยู่ห่างๆ ฮยอกแจไม่ยอมกินข้าว เอาแต่นั่งร้องไห้ และถึงแม้ว่าทั้งคู่จะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันแต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห่างกันไกล บางครั้งก็คุ้มคลั่งจนเขาต้องพยายามรวบตัวฮยอกแจเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง ถึงจะได้บาดแผลมาบ้าง...แต่มันก็ยิ่งดีกว่าปล่อยให้ฮยอกแจเป็นแบบนี้...

     

     

    เฮ้ย กินดิอย่ามัวแต่นั่งเหม่อ นี่แกซูบลงจนหน้าตอบหมดแล้วนะ สภาพตอนนี้ดูไม่ได้เลยว่ะบอกตรงๆ ร่างโปร่งมองหน้ารุ่นน้องอย่างเวทนาที่เอาแต่นั่งนิ่งมองมีดกับส้อมที่วางอยู่ข้างจานอาหารสุดหรูของมื้อนั้น ฮยอกแจต้องการหมอ...แกต้องพาเขากลับไปรักษานะรู้ไหม? เอามีดชี้หน้ารุ่นน้องก่อนจะหั่นเสต๊กในจาน

    ................

    อาจจะดูเหมือนคนโง่ที่ไม่อยากตัดสินใจแบบนั้น อีทงเฮยังอยากมีฮยอกแจอยู่ในชีวิตไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีความสุขได้อีก แต่หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่กับฮยอกแจทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...เขาได้สัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่าความสุขและถึงแม้ว่ามันจะมีความทุกข์ปะปนอยู่ด้วยก็ตาม ถึงจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่เดือน...

     

     

     

     

    แต่ถึงอย่างนั้น...

     

     

    คนบ้าที่ชื่อว่าฮยอกแจ...ก็คือคนที่อีทงเฮรักหมดทั้งใจ

     

     

     

     

    เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพอิดโรย วันนี้เขาก็คงเห็นฮยอกแจนั่งกอดเข่าเปิดทีวีทิ้งไว้เหมือนกับทุกวัน แต่พอเข้าไปแล้วกลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า บ้านมืดสนิทราวกับว่าไม่มีใครอยู่ เดินไปเปิดสวิตซ์ไฟทีละดวงก่อนจะเริ่มใจไม่ดีเมื่อไม่ว่าเดินไปห้องไหนๆ ก็ไม่พบร่างบาง

     

    ฮยอกแจ?

    ฮยอกแจ...ฮยอกแจ!!?”

     

    ตะโกนลั่นบ้านหากแต่ไม่ได้ยินเสียงขานตอบรับเหมือนอย่างเคย...ทงเฮวิ่งออกไปหน้าบ้านพร้อมกับมองไปรอบๆ บางทีฮยอกแจอาจจะออกไปเดินเล่นแถวๆ นี้ก็ได้...มือแกร่งเสยผมขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมา คิดไปต่างๆ นาๆ ถึงเรื่องไม่ดี กลัวไปหมด พักนี้ฮยอกแจยิ่งซึมเศร้าอยู่แบบนั้นเกรงว่าจะออกไปทำอะไรแล้วเจออุบัติเหตุเข้าแล้วเขาจะทำยังไง...

    ตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วออกตามหา ค่อยๆ ขับไปตามถนนอย่างช้าๆ พร้อมกับทอดสายตามองไปบนริมฟุตปาธไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว เป็นห่วงจนแทบควบคุมสติไม่ได้แล้ว สภาพฮยอกแจแบบนั้นเกิดไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจเข้าก็กลัวว่าจะโดนทำร้ายเอา

    เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงได้...จนถึงตอนนี้แล้วอีทงเฮก็ยังขับวนหาต่อไป แต่ยิ่งขับไปเท่าไหร่ความมืดในช่วงเวลากลางคืนก็ยิ่งเป็นอุปสรรคในการค้นหา ร่างหนาฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยพร้อมกับเอาหัวโขกซ้ำๆ ด้วยความโมโห

     

     

    ทั้งที่รู้ว่าฮยอกแจกำลังตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าแต่ทำไมถึงยังทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบนั้นได้นะ...

    แกมันบ้า...อีทงเฮ...

     

     

     

    .

     

    ผมยังคง...หวังพรจากพระเจ้า...

    ถ้าเกิดว่าท่าเมตตาให้พรผมได้สักข้อ...ก็คงดีสินะ

     

     

    ทงเฮคะ วันนี้เราออกไปทานข้าวกันดีไหมคะ?

    อ๋า...แย่จัง...ผมพึ่งทานไปเมื่อกี้เองน่ะ เปลี่ยนเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนวันพรุ่งนี้ดีไหมครับหืม?

    ดีสิคะ ทงเฮเนี่ยน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ

    (หัวเราะ) เพื่อคุณผมทำได้เสมอ...จำไม่ได้เหรอครับ?

    ก็ดีค่ะ ฉันชอบที่คุณเป็นแบบนี้มากกว่า อย่าทำหน้าเศร้าบ่อยนักนะคะ ใบหน้าของคุณมันเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า...แล้วเย็นพรุ่งนี้เจอกันค่ะ

    รับทราบครับเจ้าหญิง ยิ้มให้พร้อมกับโบกมือลาลูกค้าประจำที่มักจะแวะมาใช้บริการเขาอยู่บ่อยๆ

     

     

    วันนี้ก็ผ่านไปอีกวัน...ที่เขาได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนอย่างที่เคย...

     

     

     

    ชีวิตที่ไม่มีฮยอกแจ...

     

     

     

     

    เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วตั้งแต่ที่ฮยอกแจจากไปในวันนั้น เขาไม่สามารถตามหาหรือสืบข่าวคราวของฮยอกแจได้ถึงแม้พี่จองซูจะเสนอตัวเข้ามาช่วยก็ตาม...

    ทงเฮ

    ว่าไง?

    วันนี้จะไปที่ไหนต่อหรือเปล่า พอดีว่าฉันได้ไวน์ดีๆ มาจากลูกค้าว่ะ คิดว่าแกคงอยากดื่ม

    ก็ดีนะ ผมกำลังเบื่อๆ อยู่พอดี

    เยี่ยม เฮ้ยรยออุค จัดมาเลย!” หันไปตะโกนบอกบาร์เทนเดอร์ที่กำลังเช็ดแก้วอยู่ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองรุ่นน้องที่ลับหลังลูกค้าแล้วเป็นทำหน้าตายเหมือนคนถ่ายไม่ออก

    ยังไม่ลืมอีกเหรอวะ

    ทงเฮเงยหน้ามองรุ่นพี่ที่จู่ๆ ก็ขุดเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดทั้งที่เวลาก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว

    อะไรที่ทำให้พี่คิดแบบนั้น เอนหลังพิงพนักโซฟาพลางมองไปยังโฮสต์หนุ่มคนอื่นๆ ที่ยังคงรับงานอยู่ถึงแม้ว่าจะเลยเวลามาแล้ว เหมือนกับเขาตอนอายุสิบเจ็ดไม่มีผิด ต้องทำงานเลยเวลาเพื่อเก็บเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อแลกมายังสิ่งที่ต้องการ...

    เพราะสีหน้าแกมันบอกไงล่ะ ฉันบอกแกแล้วไงว่ามีเพื่อนคนหนึ่งช่วยสืบให้ได้ ทำไมไม่ยอมให้ช่วยวะ?

    พี่อย่าตลก นี่ผมเป็นนักโทษหรือเพื่อนดื่มของพี่กันน่ะ พูดกลั้วหัวเราะก่อนจะรับแก้วไวน์มาจากบาเทนเดอร์หนุ่มที่เดินมาบริการให้ถึงที่

    คนแก่ก็อย่างนี้แหละครับ พี่อย่าใส่ใจพี่จองซูเขาเลย บาร์เทนเดอร์หนุ่มสะดุ้งสุดตัวเมื่อรุ่นพี่ทำท่าจะถีบเข้าให้ ทงเฮหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายความรู้สึก

    เห็นแกเป็นแบบนี้แล้วพี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงว่ะ

    ผมไม่เป็นไร มากกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก

    แน่ใจเหรอว่าไม่เป็นอะไร แกรักเขาจนขนาดว่าสวมรอยเป็นผู้ชายที่ชื่อซีวอนนั่นมาแล้วนะอย่าลืมสิ

    พี่จะซ้ำเติมผมหรือไง พอเถอะน่า... ร่างหนาลุกขึ้นก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกมา นั่นสร้างความงุนงงให้กับรุ่นพี่อย่างมาก

    ผมไม่อยากดื่มกับพี่แล้ว บ่นอุบอิบเป็นคุณลุงแก่ๆ ตามร้านต๊อกไม่มีผิด ทงเฮยักคิ้วก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น

    แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกไปไหนขาของเขาก็ต้องหยุดยืนอยู่กับที่ เมื่อใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาทางประตูหน้า ร่างบางเดินตามหลังใครอีกคนมาและนั่นต้อใช่ฮยอกแจแน่ๆ เขามั่นใจว่าไม่ได้จำผิด...ไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่าฮยอกแจจะมาอยู่ที่นี่ ตรงนี้และเวลานี้

     

    สวัสดีจองซู

    อ้าว...ฮีชอลที่รัก เป็นยังไงบ้างไม่ได้เจอกันตั้งนาน

    คิดถึงกันด้วยหรือไง? ฉันคิดว่าคุณตายไปแล้วเสียอีก

    โธ่...อย่าสาปแช่งกันอย่างนั้นสิ ว่าแต่วันนี้มาใช้บริการอะไรครับคนดี จะดื่มหรือจะด่ำ

    ฉันไม่ได้มาหาคุณ แต่ฉันพารุ่นน้องมาผ่อนคลายต่างหาก ที่ข้างๆ คุณน่ะนั่งได้ใช่ไหม...ขอโทษนะครับขอทางหน่อย ฮีชอลหันไปพูดกับร่างหนาที่ยืนจ้องฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา

    อ่า...ขอโทษครับ

    นั่งเลย นั่งเลย ผมกำลังหาเพื่อนดื่มอยู่พอดี ไอ้น้องเวรมันกำลังจะทิ้งผม พูดเหน็บแนมคนที่ยังยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ทงเฮค่อยๆ เดินไปหน้าเคาน์เตอร์บาร์พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มที่เขามักจะดื่มอยู่ประจำ

    ตอนนี้เขากำลังช็อคที่เห็นฮยอกแจที่นี่...ช็อคจนพูดอะไรไม่ออก มันเป็นความรู้สึกที่คาดไม่ถึงและไม่คาดฝันว่าจะได้เจอกันอีก ถึงแม้ว่าฮยอกแจจะไม่ได้สนใจเลยว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นก็ตาม

     

    นั่นใครน่ะ แฟนคุณเหรอ?

    บ้าน่า ก็พึ่งบอกไปหยกๆ ว่ารุ่นน้อง...เขาพึ่งหายจากอาการป่วยหนัก อยู่ที่บ้านก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาฉันเลยพาเขามาที่นี่หวังว่าจะมีใครสักคนที่ช่วยเขาได้

     

    ได้ยินเสียงโต๊ะนั้นคุยกันอย่างชัดเจน ฮยอกแจหายป่วยแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้นคงไม่แปลกอะไรที่ฮยอกแจจะจำเขาไม่ได้ มือแกร่งยกแก้วกระดกอยู่หลายหนเพื่อลบล้างความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในใจ ยอมรับว่าเสียใจและผิดหวังที่ฮยอกแจจำเขาไม่ได้ แต่จะให้โทษฮยอกแจเหรอ...ก็คงไม่...

     

    ตุ่บ...

    ร่างบางที่นั่งนิ่งมาตลอดหันไปเห็นโทรศัพท์มือถือที่ตกลงบนพื้น คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ชายสูทสีเทาที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ เสียงพูดคุยสนทนาของคนในโต๊ะยังคงออกรสเหมือนในทีแรก ฮยอกแจเบื่อที่ต้องอยู่ที่นี่เลยเดินไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนพื้นแล้วสะกิดเจ้าของเบาๆ

    ................

    คุณทำตก

    ทงเฮจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาที่มีแต่ความซึมเศร้า ตอนนี้ฮยอกแจกำลังคุยกับเขาอยู่งั้นเหรอ?

    ขอบคุณครับ ยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้าก่อนจะหันไปดื่มอีกครั้ง

    ฮยอกแจหันกลับไปมองโต๊ะที่ก่อนหน้านี้เขานั้นเป็นส่วนเกิน บางทีก็สงสัยว่าพี่ฮีชอลพาเขามาที่นี่ทำไมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเขาก็เบื่อทั้งนั้นนั่นแหละ

    ผมนั่งด้วยได้ไหม ฮยอกแจพูด ร่างหนาหยุดชะงักก่อนจะหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง ฮยอกแจก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้นออกไป

    เชิญครับ

     

    รุ่นน้องผมหายตัวไปพักใหญ่ๆ พวกเราออกตามหาเขาอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ...จนกระทั่งวันหนึ่งเราไปพบเขานอนหลับอยู่บนม้านั่งข้างถนน

    หืม? หายตัวไป? น้องคุณเป็นแฮรี่พอตเตอร์เหรอ ฮะๆ

    ปาร์คจองซู!’

    โอเคๆ ผมขอโทษ

     

    ได้ยินทุกอย่างชัดเจน ใบหน้าคมหันไปมองคนข้างๆ ที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา

    อยากดื่มอะไรไหมครับ?

    “...ผมดื่มไม่เก่ง ฮยอกแจตอบสั้นๆ

    งั้นน้ำผลไม้ปั่นมั้ย ผมเลี้ยงคุณเอง เอนตัวหันหน้าเข้าหาร่างบาง ฮยอกแจมองคนข้างๆ อย่างไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นชินกับผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก หรือเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นโฮสต์กันนะ...

    ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจ่ายเองดีกว่า...งั้นรบกวนคุณ...”

    ทงเฮครับ อีทงเฮ ใบหน้าที่เคยซึมเศร้ากลับมายิ้มได้อีกครั้งเพียงแค่ได้พูดคุยกับคนที่หัวใจเฝ้าบอกว่าคิดถึง ร่างบางยิ้มแห้งๆ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

    ครับ...รบกวน...คุณทงเฮช่วยสั่งให้ผมทีนะ

    รยออุค ขอแตงโมปั่นแก้วหนึ่ง ไม่ต้องใส่เหล้าล่ะ

    ทราบแล้วครับเจ้าชาย~”

    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้ชายคนนี้กับบาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยทำให้ฮยอกแจผ่อนคลายยิ่งขึ้น มือเรียวประสานกันไว้ตรงหน้าพลางเม้มริมฝีปากแน่น

    ผม...ผมชื่ออีฮยอกแจนะครับ พึ่งรู้ตัวว่าเสียมารยาทที่ให้อีกฝ่ายแนะนำตัวอยู่ฝ่ายเดียว ทงเฮยิ้มพร้อมกับเท้าคางนั่งมองร่างบาง

    เป็นชื่อที่เพราะที่สุดตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา หัวเราะในลำคอเบาๆ นั่นทำให้ร่างบางหน้าขึ้นสีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ฮยอกแจเบือนหน้าหลบไปทางอื่นพร้อมกับพ่นลมหายใจออกเบาๆ คลายอาการเขินอาย

     

    น้องชายของผมโดนวัยรุ่นแทงตาย ตำรวจบอกว่าไอ้พวกเด็กเปรตนั่นแทงผิดคนเพราะเห็นว่ารูปร่างคล้ายกัน

    จริงเหรอ? ไอ้เด็กพวกนั้นมันน่าเอาไปยิงทิ้งให้หมด! ภาระสังคมจริงๆ เชียว ผมเสียใจกับคุณด้วยนะ

    ผมเจ็บปวดมาก แต่คนที่เจ็บปวดที่สุดคงจะเป็นฮยอกแจ...ที่ต้องเห็นคนรักตายต่อหน้าต่อตาในวันครบรอบสามปีที่คบกัน

    อ่า...เรื่องแบบนี้มันพูดยากจริงๆ ไม่เจอกับตัวก็คงไม่มีทางรู้หรอก

    ผมรีบไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการน้องชายแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันได้ดูใจ...ซีวอนก็จากเราไปแล้ว...ฮยอกแจช็อคมาก ช็อคจนหมดสติไปทันทีที่รู้ พอตื่นมาอีกครั้งเขาก็เอาแต่กรีดร้องโวยวายเสียสติจนหมอต้องฉีดยาระงับประสาทให้

    คนๆ นั้นน่ะเหรอ?

    ใช่ กว่าจะกลับมาเป็นปรกติได้อีกครั้งก็แย่เอาการ อย่างที่ฉันบอกคุณไปตอนแรกว่าฮยอกแจหายตัวไปหลายเดือน ทั้งฉันและทางโรงพยาบาลก็ตามหากันให้ควั่ก

    เดี๋ยวๆ เมื่อกี้คุณเรียกชื่อน้องคุณว่ายังไงนะ

    ฮยอกแจไง?

    ฮยอกแจ??

     

    อุทานเสียงดังพร้อมกับหันไปมองคนสองคนที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ จองซูทำตาโตมองหน้ารุ่นน้องที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะถึงบางอ้อ...

     

    คุณชอบฤดูไหนเหรอครับฮยอกแจ

    ผมเหรอ...ผมชอบหน้าฝนน่ะ ทุกครั้งเวลาที่ได้ยินเสียงฝนตกแล้วผมจะนอนหลับสนิท...เอ่อ...ช่างมันเถอะครับ...แล้วคุณทงเฮล่ะ

    อืม...ก่อนหน้านี้ผมเคยเกลียดหน้าฝน...แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมมีความทรงจำที่ดีกับมัน...ผมเลยคิดว่าบางที...ผมอาจจะตกหลุมรักหน้าฝนแล้วก็ได้

    ฮยอกแจขมวดคิ้วสงสัยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ทงเฮยิ้มบางๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

     

     

     

     

     

    เรามาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ดีไหมครับฮยอกแจ?

     

     

     

     

     

    ถึงชีวิตจะพบเจอแต่ความผิดพลาดและความผิดหวัง แต่ผมมักจะบอกกับตัวเองว่ายังไงผมก็ต้องผ่านอุปสรรคเหล่านั้นไปให้ได้ ถึงความเจ็บปวดนั่นจะทำให้ผมเคยมีน้ำตา แต่พอผมตื่นเช้าขึ้นมาในวันใหม่ทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องของเมื่อวาน...

    ผมพร้อมจะนับหนึ่งใหม่อีกครั้งถึงแม้ว่าฮยอกแจลืมเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับตัวผมไปจนหมดสิ้น...

    ผมจะหยุดเดินแล้วหันกลับไปหาฮยอกแจที่กำลังพยายามเดินตามรอยเท้าของผม...

    และผมจะยื่นมือไปข้างหน้าให้เขาจับเอาไว้...และเริ่มนับหนึ่งไปด้วยกัน...

     

     

     

     

     

     

     

     

    - END -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TALK

    สรุปนี่ใครบ้าวะ?

    เออว่ะ เรื่องนี้ใครบ้า สรุปคือกูบ้าสินะ

    เขียนอะไรออกมาตอนจิตตก ถึงได้บ้าแบบนี้

    โอเค ผ่านไป

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×