ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] รวมช็อตฟิค HAEEUN WONKYU จ้า

    ลำดับตอนที่ #15 : [SF] BEFORE VALENTINE `+ ¦ _ LEETEUK x KYUHYUN [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 608
      0
      20 ก.พ. 56

     

     

     



     

    BEFORE    VALENTINE

    LEETEUK x KYUHYUN

     




     

     

     

    ที่บอกว่าแค่นี้ก็พอแล้ว

    มันก็เป็นแค่คำปลอบใจเพื่อไม่ให้ผมลำเส้นมากเกินไปกว่านี้ก็เท่านั้น

     

     

    โทษที พอดีนั่งติดลมไปนิด คงไม่ว่ากันนะ

    เฮนรี่ยืนหอบหายใจในขณะที่มันยังไม่ปล่อยมือจากใครอีกคนที่เดินมาด้วยกัน ผมคิดว่านั่นคงเป็นแฟนมันล่ะมั้ง ผมได้ยินมันพูดถึงคนที่แอบชอบอยู่บ่อย ๆ ได้ยินมันบอกว่าจะสารภาพรักวันวาเลนไทน์ด้วย ทีแรกผมก็คิดว่ามันคงพูดเล่น ๆ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วคงไม่ต้องถามแล้วล่ะว่า นั่นแฟนแกเหรอวะ? แม้ว่าทั้งคู่จะยืนเกร็งและคะเขินแต่มือคู่นั้นก็ไม่ปล่อยออกจากกันนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาเพราะอย่างน้อยเฮนรี่มันก็กล้าทำในสิ่งที่คิด

    ไม่เป็นไรผมถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายตาของเฮนรี่ที่กำลังมองผมแปลก ๆ ก่อนจะหันไปมองคนข้างหลังที่กำลังแก้เชือกผูกเอวให้ผม

    นั่นแฟนแกเหรอ?

    ห๊ะ?ผมหรี่ตามองไอ้ตี๋ที่จู่ ๆ ดันยิงคำถามโง่ ๆ ออกมาจนได้

    พี่เป็นแฟนคยูฮยอนเหรอครับ?เออดี พอมันไม่ได้คำตอบจากปากผม มันก็หันไปถามพี่อีทึกแทน คนถูกถามดูงงเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็หัวเราะออกมา

    เราเหมือนแฟนกันเหรอ?

    โธ่พี่ครับ...ผมมองคนข้าง ๆ อย่างอ่อนใจ แทนที่จะตอบคำถามไปตรง ๆ แต่ดันเล่นลิ้นกับไอ้ตี๋นี่อยู่ได้ ไม่สิ...จะว่าไปแล้วทำไมผมไม่ตอบคำถามไปเลยล่ะ?

     

     

    คาดหวังคำตอบอะไรอยู่เหรอโจคยูฮยอน?

     

     

    เหมือนสิครับ เหมือนมาก ๆ

    ไอ้เฮนรี่ -_-”

    คบกันนานแล้วเหรอครับ โอ๊ะ! แล้วนั่นใครให้ดอกไม้อ่ะ? เฮนรี่ชะเง้อมองดอกไม้ในมือผมแล้วยิ้มกริ่ม

    ถามโง่ ๆ ดูไม่ออกหรือไงว่าดอกไม้นี่มันมาจากร้านที่แกกำลังยืนอยู่ผมทำท่าจะเบิ๊ดกะโหลกไอ้ตี๋แต่มันดันถอยหลังหนีไปตั้งหลักเสียก่อน

    มันเป็นดอกไม้จากร้านนี้ แต่พี่เป็นคนทำนะ” <- พี่อีทึก

    “-_-” <- ผม

    สวยดีอ่ะ เออ! จะเอาดอกไม้ไปวางหน้าร้านใช่ไหม มา! ฉันช่วยผมชักมือกลับทันทีที่เฮนรี่ยื่นมือมาเพื่อจะเอาดอกไม้ไปจากมือผม มันทำหน้าตกใจอยู่หน่อย ๆ ไม่ใช่แค่มันหรอกครับ ทั้งแฟนมัน รยออุค เยซอง พี่อีทึกก็ด้วย

    ...อะไรของแกวะ

    ช่อนี้ของคยูฮยอนน่ะ พี่จ่ายตังค์แล้วพี่อีทึกยิ้มแล้วชูกระเป๋าเงินให้อีกคนดู ผมรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาหลังจากรู้ตัวว่าได้ปล่อยไก่ตัวโตออกมาวิ่งเล่น ยิ่งทำแบบนี้เฮนรี่มันยิ่งสงสัยคิดว่าผมกับพี่อีทึกเป็นแฟนกันน่ะสิ

    ผมหิวแล้วมันคือประโยคที่สมองสั่งการออกมาเพื่อให้ผมหลบหนีจากสถานการณ์ชวนจับผิดแบบนี้ พี่อีทึกผายมือออกให้ผมเดินนำไปก่อนจะก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกใครอีกคนดึงเสื้อเอาไว้ พอหันกลับไปก็เห็นรยออุคที่ป้องปากกระซิบอยู่ข้างหูผม

     

    แล้วดอกไม้ของพี่ซีวอนล่ะ...?

     

    ผมยืนโง่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปทำหน้ารู้สึกผิดกับรยออุค ราวกับเห็นเขาเป็นร่างทรงของพี่ซีวอน รยอุคยิ้มเจื่อน ๆ พลางเหลือบไปมองพี่อีทึกที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่หน้าซุ้มแล้วก็ถอนหายใจ

    ฝากทีนะ

    ฝากอะไรเล่า ถ้าเกิดพี่ซีวอนกลับมาจะทำยังไง

    ยังไงก็ได้

    เป็นประโยคที่เห็นแก่ตัวประโยคแรกที่รยออุคได้ยินจากปากผม เขาหันกลับไปมองช่อดอกไม้ที่อยู่ข้างล่างก่อนจะหันกลับมามองผมด้วยสายตาเนือย ๆ ผมรู้ว่ามันแย่มากที่ต้องทำแบบนี้ แต่ผมคงไม่ตัดอนาคตตัวเองด้วยการบอกพี่อีทึกว่าผมได้รับดอกไม้จากพี่ซีวอนแล้วแน่ ๆ

    พอเดินออกมาจากซุ้มเราก็เดินทอดน่องกันไปเรื่อยเปื่อย ถ้าถามว่าเบื่อไหมที่ต้องเดินชมงานโรงเรียนทั้งที่มีคู่รักเดินจับมือกันเต็มไปหมด เรื่องนั้นผมไม่ซีเรียสเท่าไหร่ แต่ที่ทำให้ผมกังวลก็คือคนที่เดินเอื่อยอยู่ข้าง ๆ ผมต่างหาก ตอนนี้ผมว่าผมคิดผิดแล้วล่ะที่ชวนเขามาที่นี่ด้วยกัน นอกเสียจากจะทำให้เขาเบื่อเพราะเดินกับผมแล้วบางทีมันอาจจะตอกย้ำทำให้เขานึกถึงพี่ฮีชอลมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมก็ได้

    หิวไหม?

    ครับ?

    เมื่อกี้นายบอกว่าหิวเขาหยุดเดินแล้วหันมาถามผม

    ครับ ก็...หิวนะ?

    แหงล่ะ นายคงออกจากบ้านตั้งแต่พี่ยังไม่ตื่น เลยคิดว่าคงยังไม่ได้ทานอะไร

    พี่อยากทานอะไรล่ะครับ มีทั้งซุ้มทาโกะยากิ ซุ้มร้านกาแฟ เยอะแยะไปหมด...หือ...? ผมก้มลงมองมือตัวเองที่จู่ ๆ ถูกใครอีกคนกุมเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่อีทึกก่อนจะพบกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

     

    นายอยากติดแหง่กอยู่ในโรงเรียนนี่ทั้งที่วันนี้คือวันวาเลนไทน์หรือไงกัน?

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ย่านใจกลางเมืองที่มีผู้คนเดินผ่านเพ่นพ่านกันเยอะแยะเต็มไปหมด แหงล่ะ...นี่มันคือวันแห่งความรักที่คนเกินครึ่งโลกต่างให้ความสนใจนี่ มองไปทางไหนก็เจอแต่สีแดง ดอกไม้สีแดง หัวใจสีแดง สารพัดสิ่งที่แสดงถึงความหวานเลี่ยน

    ผมในสภาพชุดนักเรียนกำลังเดินทอดน่องอยู่กับผู้ชายอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของพี่ชายตัวเองในวันวาเลนไทน์ ดอกกุหลาบที่ผมถือไว้ตลอดเวลาเมื่อก่อนหน้านี้ปัจจุบันมันมันนอนแอ้งแม้งอยู่ที่เบาะหลังรถ ถ้าผมถือมาด้วยพี่อีทึกคงแซวผมยันโลกหน้าหาว่าผมเห่อ เดินอวดชาวบ้านว่ามีคนให้ดอกไม้

    เรานั่งทานอาหารกัน เดินเล่นกันตามประสาไม่ได้มีอะไรพิเศษมากเกินไปกว่ากุหลาบขาวช่อนั้น ผมนั่งลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะในขณะที่พี่อีทึกวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะผมกำลังป่วย ผมถึงได้รู้สึกเหนื่อยกับการเดินเหินไปไหนมาไหนแบบนี้ แต่ถ้าจะให้ผมบอกเขาว่าผมเหนื่อย เชื่อเถอะว่าเขาคงรีบพาผมนั่งรถกลับบ้านแล้วประเคนให้ผมนอนลงบนเตียงพร้อมกับเขียนใบสั่งยาให้แน่ถ้าเขาทำได้ ผมดึงผ้าปิดปากไว้ที่คางแล้วโกยอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นสายไหมสีขาวอยู่ตรงหน้า

    ที่รีบวิ่งไปเมื่อกี้คือวิ่งไปซื้อสายไหมเหรอครับผมถามอีกคนที่หยัดตัวนั่งลงข้าง ๆ

    “Of Course นี่ไปแซงคิวเด็กมาเลยนะ แมนกว่านี้ไม่มีอีกแล้วพี่อีทึกหัวเราะแล้วยื่นให้ผมกัดมันสักคำ ผมถอนหายใจแล้วกัดมันคำหนึ่งและที่ทำให้ผมค้างอยู่ท่านั้นก็คือพี่อีทึกยื่นหน้าเข้ามากัดสายไหมจนหน้าผากเราเกือบจะชนกันอยู่แล้ว

    อร่อย

    .................ผมใช้หลังมือเช็ดปากแล้วหันหน้าไปทางอื่น ผมคิดอยู่เสมอว่าที่พี่อีทึกอยู่ข้าง ๆ ผมในตอนนี้ ทำดีกับผมแบบนี้ อาจเป็นเพราะเขาสงสารที่ผมไม่มีใครก็เท่านั้น

    ครับ?ผมเลิกคิ้วมองเมื่อถูกคนข้าง ๆ สะกิดพร้อมกับยื่นสายไหมมาให้ขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ผมได้แต่รับมาถือไว้งง ๆ พลางมองผู้ชายที่ภายนอกดูดีแต่พอเขาลุกขึ้นยืนล้วงกระเป๋ากางเกงสะเป๊ะสะปะเพราะหาของไม่เจอแล้วผมก็อดขำไม่ได้

    หาเศษเหรียญอยู่หรือไง?

    เฮ้ย เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้เองนะ มันหายไปไหนแล้วล่ะเขายังคงง่วนอยู่กับการหาของในกระเป๋า

    ต้องวิ่งกลับไปอีกรอบเพื่อทวนความจำไหมครับ?ผมยังคงหัวเราะกับความขี้ลืมของเขา

    อ้าว เก็บไว้ตรงนี้นี่เองเขายิ้มเมื่อของเจอ คลำหาที่กระเป๋ากางเกงตั้งนาน...ที่ไหนได้เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท...คนอะไรต๊องจริง ๆ

    “……….... ผมหุบยิ้มทันทีที่เห็นของในมือเขา มันไม่ใช่ของที่เอาไว้เซอร์ไพร์สคู่รักอะไรเพราะเราสองคนไม่ใช่แบบนั้น แต่น่าแปลกที่บางอย่างในมือของเขาทำให้ผมรู้สึกดีได้อย่างน่าประหลาด

    มือแกร่งลอกแผ่นฟิล์มออกก่อนจะเปิดหน้าผากผมแล้วแปะแผ่นเจลลดไข้ลงไป ผมเงยหน้าขึ้นมองคนใจดีที่กำลังพูดไปเรื่อยเปื่อยเรื่องอาการป่วยของผมแต่ที่น่าตลกคือผมกลับนั่งฟังอย่างตั้งใจ ผมรู้สึกอ่อนแอทุกครั้งที่เขามาทำดีด้วย กำแพงที่ผมเคยสร้างเอาไว้มันกำลังพังทลายลงเพราะความอ่อนโยนของคนตรงหน้า

     

     

    ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ...

     

     

    รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?

    พี่เพิ่งแปะให้ผมเมื่อกี้

    อ้อ...โทษทีเขาหัวเราะน้อย ๆ

    หลังจากนั้นเราก็นั่งเงียบกันอีกแล้ว แต่ความเงียบมันทำให้ผมรู้อะไรได้อย่างหนึ่งว่าตัวเองเป็นคนที่น่าเบื่อมากแค่ไหน? ไม่พูด ไม่คุย แถมตอบคำถามทีก็ขวานผ่าซากจนเขาไม่อยากถามต่อเลยมั้ง ผมนั่งกำแท่งสายไหมคลายความเครียดที่ผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาก่อนที่คนข้าง ๆ ผมจะเอื้อมมือมาหยิบมันไปทาน

    ดูเหมือนนายจะอยากพูดอะไรนะ

    เอาไปถือเองสิครับ

    นายไม่ชอบทานเหรอ?ผมยื่นให้เขา พี่อีทึกรับไปแล้วเขาก็นั่งทานมันเหมือนกับคนแก่ที่ตื่นเต้นกับขนมในวัยเด็ก

    ผมป่วยอยู่ ทานไปผมก็ได้ไอจนคอพังสิครับ

    นั่นแหละเหตุผลที่นายควรจะทานมากที่สุด...รู้ไหม? ตอนที่พี่ตอนอายุเท่านายแล้วไม่สบายน่ะ แม่พี่เธอไม่ยอมให้พี่ทานของอร่อยสักอย่าง นอกจากโจ๊กร้อน ๆ กับน้ำอุ่น จะดีหน่อยก็แค่มะนาวบีบใส่เกลือเท่านั้นแหละที่ทำให้ลิ้นพี่มีรสชาติขึ้นมาบ้าง

    มันก็ถูกแล้วนี่ครับ

    ถึงพี่จะทำตามที่แม่บอกทุกอย่างแต่สุดท้ายพี่ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ดี ไหน ๆ ก็ต้องนอนแหง่กอยู่บนเตียงแล้วก็ขอให้ได้ทานของอร่อยบ้างเถอะ

    ตอนเป็นเด็กพี่คงเกเรเอาเรื่องผมหัวเราะ

    ใช่ พี่ใช้ชีวิตคุ้มนะ ไม่เหมือนนายหรอก

    ผมทำไมเหรอครับ?ผมเลิกคิ้วมอง พี่อีทึกเหล่มองผมก่อนจะหัวเราะพอใจ

    นายเหมือนคนที่กลัวอะไรอยู่ตลอดเวลา กลัวที่จะเดินไปข้างหน้า แต่ก็ไม่กล้าที่จะเดินถอยหลัง

    ..............

    เอาแต่นอนดูซีรี่ย์อยู่ที่บ้านไม่ยอมไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเลย เป็นพี่หน่อยไม่ได้ คงออกไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ จนเหงื่อท่วมตัว หลังจากนั้นก็ไปเกมเซ็นเตอร์กันต่อ

    เยอะนะครับเยอะ...

    ชีวิตวัยเรียนของนายควรจะมีสีสันกว่านี้สิ นายเพิ่งอายุสิบเจ็ดเองนะเขาขยี้หัวผมเบา ๆ ผมได้แต่คิดตามคำแนะนำของอีกคนที่เขาไม่มีวันรู้เลยว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะใคร

    ไลฟ์สไตล์ผมกับพี่มันไม่เหมือนกัน จะเอาไปเทียบกันได้ยังไงล่ะ

    ก็เห็นนายดูเบื่อ ๆ พี่ก็แค่แนะนำทางสว่างให้ก็เท่านั้นเองเขาตบบ่าผมปุ ๆ

    พี่ชอบเล่นบาสเหรอ

    ชอบไม่ชอบสมัยเรียนเคยไปแข่งจนได้แชมป์ด้วยนะ เขาป้องปากกระซิบก่อนจะผละออกไปนั่งกอดอกทำหน้าภาคภูมิใจ

    นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้พี่คงวิ่งแย่งลูกบาสกับใครไม่ไหวแล้ว

    เฮ้! พูดแบบนี้มาลองดวลกันสักเกมเลยไหมเขาหรี่ตามองผม สายตาของเขาดูไม่พอใจกึ่งหาเรื่องหน่อย ๆ แต่ผมชอบสีหน้าในตอนนี้ของเขาจังเลยครับ เพราะในตอนนี้เขาคงเป็นตัวของตัวเองที่สุดแล้วหลังจากฝืนยิ้มมาทั้งวันน่ะ...

    ผมไม่อยากรังแกคนแก่...โอ๊ย!” ผมเซไปตามแรงเมื่อถูกผลักหัว ผมลุกขึ้นมามองหน้าเขาที่กำลังกลอกตาทำหน้ากวนประสาทอยู่แล้วก็เริ่มหงุดหงิดแล้วครับ -_-

     

     

    รังแกเด็กนี่ถนัดจังนะ...

     

     

    โอ๋ ๆ งอนเหรอ มา ๆ พี่จะเป่าขมับเรียกขวัญให้นะพี่อีทึกทำท่าจะเข้ามาจูบหน้าผากผม แต่ผมเอามือดันหน้าเขาไว้เสียก่อน เสียงหัวเราะพอใจของเขาทำให้ผมรู้ได้ว่าบรรยายกาศระหว่างเรามันเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว

    โอ๊ะโอ...มีคนมองเราด้วยล่ะผมมองไปตามที่พี่อีทึกพูด แล้วมันก็ใช่จริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ปล่อยมือที่กำลังจับอยู่ตรงหัวไหล่ผมออกไป

    ก็ดูพี่ทำสิ

    เขาคงคิดว่าเราเป็นคู่รักกัน เหมือนกับที่เพื่อนนายทักล่ะมั้งนั่น...ยังมีหน้ามายิ้มอีก

    ผมกลายเป็นแฟนพี่ไปซะแล้วเหรอเนี่ย...ขายไม่ออกแล้วโจคยูฮยอนผมก็ปากดีไปอย่างนั้น ยิ่งผมอายเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหลุดคำพูดโง่ ๆ ออกไปเท่านั้น

    แฟนเหรอ?

    ...............ให้ตายเถอะโจคยูฮยอน...ประโยคเมื่อกี้พูดเล่นเกินไปหรือเปล่า ถ้าเขาตอบกลับมาว่า ใครเป็นแฟนนาย อย่ามาตลก แบบนั้นผมจะทำยังไง

    ผมหมายถึง...

    รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ ที่โรยตัวอยู่รอบตัวเราทั้งคู่ ผมควรทำอะไรสักอย่างเพื่อกลบเกลื่อนความงี่เง่าของตัวเองซะ

    ผมจะไปซื้อน้ำผมลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินไปแต่ก็ต้องเซถอยหลังเล็กน้อยเมื่อถูกอีกคนคว้าข้อมือเอาไว้ ผมไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าพี่อีทึก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเขาเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ ผม...

    เนื่องจากวันนี้โจคยูฮยอนจับสลากได้รางวัลใหญ่

     

     

     

    และที่ทำให้ผมเหงื่อตกทั้งที่อากาศหนาวแบบนี้ก็คือ...

    เขา...เลื่อนมือลงมากุมมือผมเอาไว้...

     

     

     

    เพราะฉะนั้นพี่จะเป็นแฟนให้นายวันนึงแล้วกัน

     

     

     

    เขายิ้มพร้อมกับกระชับมือผมให้แน่นยิ่งขึ้น มือของเขาอุ่นจัง...คงเป็นเพราะเขาชอบล้วงมือไว้ในกระเป๋าอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม? ผมได้แต่เดินตามอีกคนที่กำลังจูงมือผมไปเรื่อย ๆ โดยที่ผมไม่คิดที่จะแกะมือออกเลย...

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    พี่เล็งดี ๆ สิครับ พี่สายตาเอียงหรือไง?

    เอาน่า...ปาเป้ามันไม่ได้ง่ายเหมือนยิงปืนนะ

    พูดเหมือนตัวเองยิงแม่น คราวที่แล้วก็พลาด

    พลาดหน่อยเดียวเอง นายดูรางวัลที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของพี่ในมือนายสิเขาขยับปากเถียงผมอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ยังค้างอยู่ในท่าเตรียมปาเป้า ผมก้มลงมองมือตัวเองที่มีหมอนรองคอแบดแบดอยู่แล้วก็พยักหน้าขอไปที โอเค...ผมยอมแพ้

    คราวนี้จะเอาอะไรล่ะครับพ่อคุณ

    หัวใจเขาพูดเบา ๆ ก่อนจะปาเป้าไปที่ลูกโป่งลูกสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ ถ้าพลาดดอกนี้ เขาก็อดรางวัล นี่เรามาทำอะไรกันที่นี่ บรรยากาศมันเหมือนกับงานวัดไม่มีผิด

    เสียงลูกโป่งแตกยังไม่ทำให้ผมตกใจเท่าเสียงพี่อีทึกแหกปากลั่นเพราะความดีใจ เจ้าของบูธยื่นของรางวัลให้เขา ซึ่งนั่นก็คือกำไลข้อมือสีดำที่มีจี้รูปหัวใจคล้องอยู่

    เหมือนของผู้หญิงเลยเขาชูมันขึ้นระดับสายตาก่อนจะจับมือผมไปทาบกับสร้อยข้อมือนั่นเหมาะกับนายดีพูดจบพี่อีทึกก็ใส่ให้ผมเสร็จสรรพโดยที่ไม่ถามอะไรผมสักคำ

    หมายความว่ายังไงครับที่บอกว่าเหมือนของผู้หญิงแต่มันเหมาะกับผมน่ะ - -

    ก็หมายความว่าเหมาะกับนายแล้ว เห็นนี่ไหม? มันคือหัวใจของปาร์คจองซูเลยนะผมขมวดคิ้วเป็นคำถามก่อนที่พี่อีทึกจะหัวเราะออกมา

    มันคือชื่อจริงของพี่น่ะ

    ................

     

     

    ชื่อจริงของพี่อีทึก...

     

     

    ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะตอนนี้ความรู้สึกสองอย่างมันกำลังตีกันในหัวผม หนึ่งคือ...ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน สอง...ผมดีใจที่เขาบอกผมเอง

    อีทึกเป็นชื่อที่ฮีชอลตั้งให้น่ะ แต่เวลาโมโห เขาชอบเรียกพี่ว่า เกทึก! เกทึก! ไอ้หมาทึก!” พี่อีทึกเลียนเสียงพี่ฮีชอล ซึ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสีหน้าเขาในตอนนี้มันดูมีความสุขมากแค่ไหน

     

     

    มีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงคนรักของเขา...

     

     

    ดูทำหน้าเข้าสิ

    ครับ?

    ยิ้มหน่อย เขาดึงแก้มผมทั้งสองข้าง แล้วผมก็ฝืนยิ้มออกมาเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ พี่อีทึกไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา เพราะฉะนั้นมันคงไม่แปลกอะไรที่เขาจะพูดเรื่องพี่ฮีชอลให้ผมฟังแบบนั้น

    หลังมือที่อังหน้าผากผม กับคำพูดที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยของพี่อีทึกนี่มัน...ทำให้ผมสุขและทุกข์ไปพร้อม ๆ กันได้เลยล่ะครับ

    กลับบ้านกันไหม นายเหมือนจะไข้ขึ้นอีกแล้วนะ?

    ผมอยากอยู่ต่ออีกนิดครับคราวนี้เป็นผมที่ยื้อเวลาเอาไว้ ถ้าเป็นปกติผมคงจะตามใจเขาแล้วเดินตามหลังไปต้อย ๆ แต่ตอนนี้ผม...อยากใช้เวลาในวันนี้อยู่กับเขาอีกสักหน่อย...

    โอเค ว่าแต่นายอยากทำอะไรล่ะ ดูหนังไหม?

    หนัง?

    เดททั้งทีไม่ไปดูหนังรอบดึกกันได้ยังไงเล่า

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    การซ่อนความรู้สึกไว้ใต้ใบหน้าเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง

    มันยากจริง ๆ ครับ...

     

     

    หลังจากดูหนังจบ ผมก็ไม่กล้ายืดเวลามากไปกว่านี้ ฟ้ามืดครึ้มที่มีกลุ่มดาวปะปรายตามท้องฟ้ากับเสียงเพลงในรถนั่นทำให้ผมนึกถึงซินเดอเรลล่า (หัวเราะ)

    ผมมีเวลาถึงเที่ยงคืนเหมือนกันกับเธอ แต่ที่แย่กว่านั้นคือเจ้าชายคนนี้เขาไม่ใช่ของผม อีกไม่ถึงชั่วโมงทุกอย่างก็จะจบลง ไม่มีรองเท้าแก้วทิ้งไว้ให้เจ้าชายตามหา แต่ผมต้องกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงว่าตัวผมเป็นได้แค่น้องชายและเขาเป็นได้แค่คนรักของพี่ชายเท่านั้น

     

    พี่ครับ

    ว่า...

    เบื่อไหม

    หืม?

    ที่ต้องอยู่กับผมทั้งที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ผมถามทั้งที่ทอดสายตาออกไปข้างนอกรถ เขาไม่ได้ตอบกลับมาทันทีราวกับว่าคำตอบนี้มันต้องใช้การใตร่ตรอง

    ไม่หรอก บอกตรง ๆ ว่าผมคาดหวังเหตุผลที่น่าจะพ่วงตามมาด้วย คำตอบของเขาที่พูดมาเหมือนกับว่าแค่อยากรักษาน้ำใจผมเท่านั้น

    เพราะถ้าพี่ฮีชอลอยู่ตรงนี้แทนที่จะเป็นผมมันคงดีกว่า

    เป็นประโยคที่งี่เง่าที่สุดตั้งแต่ผมเคยพูดมา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าที่พูดไปมันจะทำให้พี่อีทึกมองผมแปลก ๆ ผมจะตัดพ้อไปเพื่ออะไร ต้องการคำตอบแบบไหนเหรอโจคยูฮยอน?

    แล้วที่นายอยู่ตรงนี้มันไม่ดีตรงไหนเหรอ?

     “.................

     

    นั่นคือสิ่งที่ผมอยากรู้...ว่าที่ผมอยู่ตรงนี้..มันไม่ดีหรือเปล่าครับ?

     

    เป็นอะไรหรือเปล่า?เขาหันมามองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองถนนเบื้องหน้า ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่ทาบลงบนหลังมือผมที่วางอยู่บนหน้าขา เขาดูใจเย็นเกินกว่าจะถามผมออกมาตรง ๆ ว่าทำไมผมถึงถามอะไรแบบนั้น

    เหงาเหรอ?เขาถามต่อ แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ส่ายหน้าปฏิเสธเพราะมันคือความจริง มือแกร่งคลึงหลังมือผมเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ เขาคงคิดไปเองหมดแล้วว่าผมกำลังรู้สึกอะไรอยู่

    พี่ก็เหงาเหมือนกัน

    .................

     

     

     

    เหงาเพราะคิดถึงพี่ฮีชอลสินะ...

     

     

     

    เหงาทั้งที่ผมอยู่ตรงนี้น่ะเหรอครับ

    ผมรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ผมเหนื่อยที่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ทั้งที่หัวใจมันเรียกร้องหาเขาแบบนี้ ความผิดชอบชั่วดีคืออะไร ผมขอมองข้ามมันไปสักครั้งได้ไหม อีกไม่ถึงชั่วโมงทุกอย่างก็จะจบลง แต่คนที่ผมต้องการมากที่สุด...เขาได้มาอยู่ข้าง ๆ ผมแล้ว

    .................

    ผมเซไปข้างหน้าเล็กน้อยเมื่อพี่อีทึกเบรกกะทันหันอีกทั้งยังปิดไฟหน้ารถเสียด้วย ถ้าผมไม่คาดเข็มขัดไว้ป่านนี้หัวผมคงกระแทกกับกระจกหน้ารถไปแล้ว ผมหันไปมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงบ้านแล้ว แต่ผมก็ได้คำตอบเมื่อเห็นพี่อีทึกมองไปยังเบื้องหน้าด้วยสายตาตื่นตระหนก

     

     

    และในตอนนี้ผมรู้แล้วว่า...

    ถึงผมจะเรียกร้องขอความเห็นใจจากพระเจ้าสักแค่ไหน

    ...ผมก็เอาชนะความเป็นจริงไม่ได้อยู่ดี...

     

     

    ผมเห็นร่างของใครคนหนึ่งยืนกอดตัวเองอยู่หน้าประตูบ้าน รูปร่างแบบนั้นผมต้องเพ่งมองเกือบครึ่งนาทีถึงจะเดาออกว่าเป็นใคร แต่ผมคิดว่าพี่อีทึกคงรู้ได้ทันทีที่เห็น...ว่านั่นคือพี่ฮีชอลที่ยืนอยู่ตรงนั้น

     

    หยุดรถทำไมเหรอครับผมถามเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมอยากหัวเราะตัวเองจริง ๆ ผมเชื่อแล้วล่ะว่าทำไมคนเราถึงได้ถามอะไรโง่ ๆ ทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ

    ทำไมไม่ขับเข้าไปหาเขา

    ..................

    พี่อีทึกไม่ตอบอะไรกลับมา อาจเป็นเพราะเขาทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่เขาถึงได้ลังเลที่จะเข้าไปหาพี่ฮีชอล ผมไม่รู้หรอกว่าความรักในแบบผู้ใหญ่มันเป็นยังไง มันอาจจะลึกซึ้งจนหาคำมาเปรียบเทียบไม่ได้ หรืออาจจะลึกซึ้งจนพูดยังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเข้าใจก็ได้

     

    มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก

    ครับ?

     

     

     

     

     

    พี่กับฮีชอล...เราเลิกกันแล้ว

     

     

    ประโยคนี้ทำเอาผมพูดไม่ออก คนที่ผมคิดว่ายังไงก็ไม่มีทางเลิกกันได้แน่ ๆ เพราะทั้งคู่ดูรักกันมาก เมื่อไหร่ที่ทะเลาะกันพอข้ามวันไปพวกเขาก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทะเลาะกัน ถึงจะหนักหนาแค่ไหนพี่อีทึกก็ง้อพี่ฮีชอลสำเร็จทุกครั้ง แต่ครั้งนี้...

     

     

    ต่อไปนี้ถ้าเกิดพี่ไม่อยู่ นายต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ

     

     

    ที่พี่บอกให้ผมดูแลตัวเอง...

    อืม

    พี่หมายถึงเรื่องนี้เหรอครับ?

    ..................

    พี่จะย้ายออกเหรอ...

    ใช่เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันมาสบตากับผม

    ..................

    อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เขาเอื้อมมือมาหวังจะลูบหัวผมอย่างที่เขาชอบทำแต่ผมกลับเบี่ยงตัวหลบ

     

     

     

    เขาทะเลาะกัน...โอเค...ผมรู้

    แต่เขาเลิกกัน...ผมไม่รู้...ไม่รู้อะไรเลย

     

     

     

    คยูฮยอน...

    ที่พี่มาหาผมวันนี้ ยิ้มให้ผมทั้งวัน ทำให้ผมมีความสุข

    ..................

    เพราะสงสาร เวทนา เลยทำดีส่งท้ายเหรอครับ?

    ..................

    ..................

    ผมคงพูดแรงเกินไป ผมไม่ได้ขออะไรมากมาย ผมยอมยืนอยู่ในที่ของผม ที่ ๆ เขาไม่เคยมองเห็นมาตลอดก็ได้ เพราะผมรู้ดีว่าเราคงเป็นมากกว่านี้ไม่ได้

     

     

     

    แต่การที่พี่อีทึกมาทำดีกับผมเพื่อที่เขาจะจากไปโดยที่ไม่กลับมาอีก

    ...แบบนั้นผมเจ็บ...

     

     

    พี่ขอโทษ

    ..................

    ขอโทษที่ทำให้นายกับฮีชอลรู้สึกไม่ดี

    เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่ฮีชอลครับ มันคือผมกับพี่

    ..................

    หมอนรองคอใบนั้นพี่ยิงปืนพลาดถึงสามรอบกว่าจะได้มันมา ถึงราคามันจะแค่ไม่กี่พันวอนแต่ผมก็...

    ..................

    กำไลข้อมือนี่ก็เหมือนของผู้หญิง

    ..................

    และดอกไม้ช่อนี้...ผมเอื้อมไปหยิบช่อดอกไม้ที่วางอยู่เบาะหลังมาถือไว้พลางเม้มริมฝีปากแน่น ถึงพี่จะไม่ได้ตั้งใจจะให้ผม...

    คยูฮยอน...เขาเอื้อมมือมาจับข้อมือผมเอาไว้

    พี่ให้ผมแล้วจะมาทวงคืนตอนนี้ไม่ได้นะ...ผมไม่คืนให้หรอกผมฝืนยิ้มขณะที่ก้มหน้าอยู่ ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ผมกลัวว่าตัวเองจะต้องร้องไห้ กลัวว่าที่พยายามฝืนมาตลอดมันจะพังลงตรงนี้

     

     

     

    ผมจะทำยังไงดี?

    ความคิดในหัวผมมันตีกันไปหมด...เกลี้ยกล่อมให้พี่อีทึกกลับไปหาพี่ฮีชอลซะสิ...ไม่...นายควรปล่อยให้มันเลยตามเลยนะคยูฮยอน...มันเป็นโอกาสของนายแล้วที่จะเริ่มต้นใหม่กับพี่อีทึกในฐานะอื่นที่ไม่ใช่น้องชาย

     

     

     

     

    จำได้ไหมครับ ที่เมื่อวานพี่บอกกับผมว่า คนบางคนอาจจะเกิดมาเพื่อให้เรารัก แต่ไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กับเรา’ ”

    ..................

    แต่สำหรับผมน่ะ...กับคนบางคนแค่แอบรักก็ผิดแล้วครับผมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ผมรู้สึกได้ถึงแรงบีบเบา ๆ ตรงข้อมือ ถ้าเกิดพี่อีทึกจะอยู่ต่อหรือจะไป มันก็สุดแล้วแต่ใจเขาแล้ว

    ที่ผมนอนดูซีรี่ย์อยู่ที่บ้านไม่ไปไหนกับเพื่อนนั่นไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบสังคมหรอกนะครับ

    .................

    แต่ที่ผมอยู่บ้าน...ก็เพราะว่าผมอยากใช้เวลาอยู่กับพี่ตอนที่พี่กำลังทำมื้อเย็นอยู่ก็เท่านั้น

    .................

    ผมขอโทษครับ...

    นาย...

    ผมขอโทษ...เสียงของผมกำลังสั่น ผมเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมเหมือนคนที่เก็บกดที่พ่นทุกอย่างออกมาจนหมด

     

     

    ผมขอโทษที่รักพี่นะครับพี่จองซู...

    .................

     

     

    ผมเคยนั่งคิดเล่น ๆ ว่าถ้าย้อนเวลาได้...ผมจะทำยังไง

    ระหว่างปล่อยให้ตัวเองตกหลุมรักคน ๆ นี้

    กับหักห้ามใจตัวเองแล้วมองเขาเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่ง...?

     

     

    ผมหันกลับไปมองใครอีกคนที่ยังยืนอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ผมรู้จักนิสัยพี่ฮีชอลดี ถึงแม้เขาจะขี้โวยวาย เผด็จการเป็นที่สุด แต่การที่พี่ฮีชอลมายืนรอพี่อีทึกที่หน้าบ้านทั้งที่อากาศหนาวเย็นแบบนี้...นั่นก็หมายความว่าเขาคงไม่อยากเสียพี่อีทึกไป...

     

     

     

    ก็เขารักกันนี่ครับ...

     

     

     

     

    พี่ฮีชอลเขาคงหนาวผมกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ ต้องขอบคุณความมืดที่ทำให้เรามองเห็นหน้ากันได้ไม่ชัด เพราะถ้าเขาเห็นหน้าผมในตอนนี้ เขาคงตกใจกับน้ำตาของผมที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้แน่ ๆ

    พี่น่าจะลงไปหาเขาหน่อยนะครับ... ผมแกะมือแกร่งออกจากข้อมือแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันจะดันประตูออกผมก็ถูกรั้งเอาไว้อีกครั้ง

    นายจะไปไหน?

    ..................

    เมื่อกี้นายเพิ่งสารภาพรักกับพี่ แล้วนายจะไปทั้งอย่างนี้น่ะเหรอ?

    ครับ

    ..................

    ผมรู้ว่ามันคงทำให้พี่ลำบากใจ แต่ผมไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรจากพี่...ผมก็แค่อยากให้พี่รู้ว่าผมคิดยังไงก็เท่านั้น...

    ..................

    ถึงผมไม่ได้อยู่กับพี่ผมคงไม่เป็นไร แต่คนที่จะเป็น...คือคนที่ยืนหนาวสั่นอยู่ตรงนั้นต่างหากผมยิ้มบาง ๆ แล้วแกะมือเขาออก

     

    ไปสิครับ

    ..................

     

     

    เขาจ้องหน้าผมท่ามกลางความมืดที่มีแสงสว่างเพียงน้อยนิด ผมได้แต่ฝืนยิ้มให้กำลังใจเขาอย่างกับคนบ้า ครับ...ผมคงบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปหาพี่ฮีชอลทั้งที่หัวใจของผมเจ็บแบบนี้

     

     

    ติ๊ดติด...ติ๊ดติ๊ด...

    00:00 PM

     

     

    เสียงนาฬิกาเตือนเพียงเบา ๆ เพื่อบอกเวลาของวันใหม่ พี่อีทึกปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม เขาคงรู้สึกผิดทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิด...เขาก็เป็นเสียอย่างนี้...เพราะฉะนั้นผมถึงได้หลงรักเขาไงครับ

     

    พี่ครับ

    ..................

     

     

     

    ขอบคุณที่วันนี้เป็นแฟนผมนะครับ

     

     

     

     

    สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ...

     

     

     

    Ai Mei Rang Ren Shou Jin Wei Qu
    ความไม่ชัดเจน ทำให้คนเราต้องเจ็บซ้ำเพราะเรื่องเข้าใจผิด

    Zhao Bu Dao Xiang Ai De Zheng Ju
    คงจะหาไม่พบแล้วกับคำว่ารักกัน

    He Shi Gai Qian Jin He Shi Gai Fang Qi
    เวลาก็เดินไปเรื่อย ๆ คงถึงเวลาที่เราต้องไปตามทางของเราเอง

    Lian Yong Bao Dou Mei You Yong Qi
    แม้ว่าความกล้าหาญที่จะกอดเธออีกซักครั้งฉันก็ยังไม่มี

    Ai Mei Rang Ren Bian De Tan Xin
    ความสับสน ทำให้คนเราเกิดความอยากได้

    Zhi Dao Deng Dai Shi Qu Yi Yi
    ฉันจะรอ จนกว่าฉันจะไม่มีความหมาย

    Wu Nai Wo He Ni Xie Bu Chu Jie Ju
    อย่างไรก็ตาม ฉันกับเธอ ก็คงไปด้วยกันไม่ได้

     

     

     

    ไม่มีอ้อมกอดปลอบใจใด ๆ ซึ่งผมก็ขอบคุณที่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะถ้าเขากอดผม ผมคงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวจนปล่อยโฮออกมาแล้วทำให้เขาเสียเวลามากไปกว่านี้ก็ได้

    ผมได้เพียงแค่มองแผ่นหลังของคนที่ผมรักมากที่สุด...เขากำลังวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วทั้งหมดที่เขามี...ทั้งคู่โผเข้ากอดกันแน่น เขาจูบลงที่เปลือกตาของคนที่กำลังร้องไห้ กอดปลอบพร้อมกับกดหัวทุยให้ซบลงกับบ่ากว้างนั่นอย่างอ่อนโยน

    เพียงแค่เห็นภาพตรงหน้าผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ผมเม้มริมฝีปากแน่นแล้วหันไปเก็บหมอนรองคอใส่ในกระเป๋าแล้วเปิดประตูออกมา ในมือผมมีช่อดอกไม้ที่ผมได้รับจากเขา จนถึงวินาทีนี้ผมก็ยังทะนุถนอมมันไว้อย่างดีถึงแม้ว่าวันพรุ่งนี้มันก็จะกลายเป็นดอกไม้แห้ง ๆ ที่ไร้ซึ่งความสวยงามแล้ว

    ผมอาจจะเป็นคนที่โง่ที่สุดในสายตาของใครบางคนที่ปล่อยให้ความรักหลุดลอยไป แต่ถ้าจะให้ผมต้องแย่งเขามาเพราะความต้องการของตัวเอง ผมก็คงไม่มีความสุขถ้าต้องให้เขาอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก...

     

     

     

    พี่ก็แค่อยากให้นายได้เจอคนดี ๆ น่ะ

     

     

     

    ผมหันหลังกลับไปมองคู่รักที่ยังคงยืนกอดกันอยู่ตรงนั้น ผมยิ้มบาง ๆ ส่งท้ายให้กับผู้ชายที่ผมรักที่สุดวันแห่งความรัก ผมจะจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในวันนี้ ผมจะรักษาของที่พี่ให้กับผมไว้เป็นอย่างดี

     

     

     

     

     

    สักวันผมคงเจอคนที่รักผมเหมือนกับที่พี่รักพี่ฮีชอลใช่ไหมครับ...พี่จองซู?

     

     

     

     

     

     

    ลาก่อนครับ...ความรักของผม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    THE END

    Next Station >>>    WHITE DAY   :P

     

     

     

     

    TALK

     

    อย่า ๆ อย่าเหวี่ยง อย่าโวยวายเรานะ!

    เพราะถ้าให้จบแฮปปี้มันก็ไม่ได้ เพราะอิมเมจพี่ทึกมาหล่อแสนดีแถมรักพี่ฮีมากขนาดนี้ จะให้ไปแฮปปี้กับคยูได้ยังงาย

    แต่สำหรับคนที่ดราม่าอยู่ รออ่านตอนหน้าวันไวท์เดย์นะจ๊ะ (14 มีนา)

    มันเป็นเนื้อเรื่องต่อเนื่อง...จะเป็นคู่ไหนเดาเอา __________ x Kyuhyun

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×