ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] รวมช็อตฟิค HAEEUN WONKYU จ้า

    ลำดับตอนที่ #13 : [SF] รุ่นพี่ชมรมบาสปีสาม `+ ¦ _ LEETEUK x HEECHUL [1]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 609
      1
      11 ธ.ค. 55

     

     



     




     

    [SF] รุ่นพี่ชมรมบาสปีสาม

    LEETEUK x HEECHUL 

     




     

    เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน รีบๆ หาชมรมสิงสถิตกันได้แล้วนะพวกนายน่ะ ลีลาอืดอาดกันอยู่นั่น เสียงของอาจารย์ที่ปรึกษาวัยห้าสิบพูดด้วยน้ำเสียงระอาเหล่านักเรียนชายพร้อมกับรวบหนังสือและแฟ้มเอกสารขึ้นมาถือไว้

    ยังเหลือเวลาอีกตั้งสองวันน่ะอาจารย์ รีบเหรอ

    เงียบปากไปซะคิมยองอุน

    เอ๊า! คนนะครับไม่ใช่รูปปั้นคุณยายแองเจล่าในสวนบ้านของไอ้ซีวอน

    คนปากดีพูดต่อก่อนที่เสียงหัวเราะในห้องเรียนจะดังก้องไปทั่วโดยที่ไม่แคร์เลยว่าจะมีผู้ใหญ่เดินผ่านมาได้ยินเข้า มันเป็นเรื่องปกติที่เด็กพวกนี้จะเห็นอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ดิ้นได้และใช้ช็อคกับแปรงลบกระดานเป็น

    ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบๆ จัดการให้มันเรียบร้อยล่ะ อย่าให้ฉันต้องปากเปียกปากแฉะนักเลย ขยับแว่นอยู่ในทีก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ไม่ได้สนใจใยดีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไป

    เฮ้...สนใจกันหน่อย เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นและมันได้ผล ทุกคนต่างหันมาสนใจคนที่ยืนอยู่หน้าชั้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใสในแบบของเขา

    พอดีว่าตอนนี้ชมรมบาสเก็ตบอลยังไม่เต็ม มีใครสนใจเข้าร่วมกับพวกเราไหม?

    โห่ ใครจะไปอยากเข้ากันวะ ขืนเข้าไปก็โดนพวกแกแย่งซีนหมดพอดี

    เออจริง งานกีฬาสีปีที่แล้วเขาให้คนนอกเข้ามาดูได้ แทนที่สาวๆ จะกรี๊ดที่ฉันฟลุ๊คได้ลงสนามทั้งที่เป็นตัวสำรอง แต่เปล่าเลย...จองซูกับซีวอนมันแย่งซีนจนฉันกลายเป็นแค่แมลงสาปที่วิ่งไปวิ่งมาในสนาม เสียงของเยซองพูดขึ้นก่อนจะปรายตามองชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งกอดอกหลับอยู่ถัดไป

    ไม่เอาน่า บาสเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมนะ ใครจะฮ๊อตน้อยฮ๊อตมากมันไม่สำคัญหรอก

    ช่าย ที่สำคัญมันอยู่ที่ทีมเวิร์ค ฉันได้ยินประโยคนี้มาล้านรอบแล้วว่ะจองซู ยองอุนพูดพร้อมกับยกขาขึ้นมาพาดบนโต๊ะแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ลักยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายหายไปได้

     

     

    พรึ่บ!

    ความเงียบเข้าครอบคลุมเมื่อเด็กหนุ่มร่างผอมบางลุกขึ้นยืน เขาล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกไปข้างนอกท่ามกลางสายตาทุกคนที่อยู่ในห้องเรียน

     

     

     

    คนๆ นั้น...คิมฮีชอล

     

     

     

    อะไรของมันวะ

    ไอ้นักเรียนแลกเปลี่ยนนั่นคงหาเรื่องโดดเรียนอีกแล้วมั้ง

    ฉันสงสัยจริงๆ ว่ามันสอบแลกเปลี่ยนมาได้ยังไง ตอนเรียนฉันมันเห็นนั่งหลับได้ตลอด

    อะไรกัน นี่แกกำลังสนใจหมอนั่นอยู่สินะ ถึงได้รู้ว่าหลับตลอด

    หุบปากไปเลยน่า!”

    ฮ่าๆ

     

    ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมห้อง ปาร์คจองซู ยังคงยืนมองไปที่ประตูถึงแม้ว่าใครอีกคนจะลับสายตาไปแล้ว คิมฮีชอลนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ได้มาเรียนที่นี่เพราะโครงการแลกเปลี่ยนของโรงเรียนฮันซองกับโรงเรียนเซจง ทั้งที่โรงเรียนก็ไม่ได้อยู่ไกลกันนักแต่กลับมีการแลกเปลี่ยนนักเรียนแบบนี้ มันเลยทำให้เขาเข้าใจว่าโรงเรียนคนรวยนั่นอาจจะต้องการนักกีฬาหุ่นบึ๊กๆ ของโรงเรียนเขาไปวิ่งอวดหนุ่มสาวในโรงเรียนเซจงเล่นๆ

    แต่ยังไงก็ช่างเถอะ...เวลาผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วแต่คิมฮีชอลแทบจะไม่ปริปากพูดกับใครเลยสักคนเดียว เท่าที่เคยได้ยินก็มีอยู่แค่ประสองประโยค

     

     

    1.มาครับ = อันนี้ได้ยินตอนเช็คชื่อ

    2.ไม่ = ได้ยินตอนที่เพื่อนๆ ชวนไปกินข้าวแล้วถูกตอกกลับมาด้วยสีหน้าดุๆ นั่น

     

     

    จองซูยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินตามออกไป จากเดินก็เปลี่ยนเป็นเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนกระทั่งมาถึงสุดทางเดิน เขาหันซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบใครอีกคนจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูที่ดังมาจากชั้นบนซึ่งนั่นคือชั้นดาดฟ้า

     

    ...................

     

    ขายาวก้าวเข้าไปพร้อมกับปิดประตูให้เบาที่สุดเมื่อเห็นอีกคนกำลังนอนอยู่บนพื้นโดยที่มีหนังสือเรียนโปะหน้าเอาไว้ เขารวบรวมความกล้าแล้วหายใจเข้าลึกๆ ขอพรกับพระเจ้าแล้วก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆ ร่างบางที่ยังไม่รับรู้ถึงการมาของเขา

    ....................

    โอ๊ะ!” จองซูสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฮีชอลดึงหนังสือออกแล้วมองหน้าคาดโทษเขาด้วยความไม่พอใจ

    ฉันทำให้นายตื่นเหรอ ขอโทษนะ ยิ้มอย่างเป็นมิตรให้แต่ดูเหมือนร่างบางจะไม่ซาบซึ้งถึงมันเลยแม้แต่นิดเดียว ฮีชอลปั้นหน้านิ่งแล้วถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

    มีอะไร

    เห็นนายเดินออกมาก่อนก็เลยคิดว่านายคงไม่ทันฟังเรื่องชมรมที่ฉันพูดไปน่ะ พอได้ยินอย่างนั้นร่างบางก็หยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วปัดฝุ่นออกจากเสื้อเบาๆ เขาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วหันมามองหน้าอีกฝ่าย

    นี่ก็เป็นหน้าที่ของหัวหน้าห้องหรือไง?

    นายรู้ด้วยเหรอว่าฉันเป็นหัวหน้าห้อง!!” ลักยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าพร้อมกับสีหน้าดีใจจนเวอร์เกินจริงนั่นทำให้ฮีชอลรู้สึกแปลกๆ เขามองอีกฝ่ายที่เอาแต่ยิ้ม...ยิ้ม...ยิ้มและยิ้มอยู่ได้ทั้งที่เขาก็แสดงพฤติกรรมไม่น่าคบให้เห็นแล้วแท้ๆ

     

     
     

    บ้าไปแล้วหรือไง?

     
     

     

    คนที่เสนอตัวตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องกิจกรรมก็เห็นมีแต่นายนั่นแหละ

    แล้วนายรู้ไหมว่าฉันชื่ออะไร จองซูก้มลงเพื่อมองหน้าคนที่กำลังเบือนหลบไปทางอื่น ฮีชอลรู้สึกรำคาญไอ้หมอนี่อย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็น่ารำคาญกันทุกคน

    ไม่รู้เหรอ? ฉันชื่อปาร์คจองซูนะ

    อืม

    ไหนลองเรียกชื่อฉันหน่อยสิ

    เป็นบ้าอะไรเซ้าซี้อยู่ได้ จะไปไหนก็ไปเลยนะ ฮีชอลหันมาเหวี่ยงจนจองซูผงะเล็กน้อย สีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ยิ้มเก้อจนแปรเปลี่ยนเป็นจ๋อยเล็กน้อยเมื่อถูกตวาด ฮีชอลนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ริมระเบียงพลางทอดสายตามองไปตามวิวทิวทัศน์ของกรุงโซลยามเช้า

    มีหลายคนบอกว่าฉันน่ารำคาญแต่คนพวกนั้นก็ทนรำคาญฉันได้ไม่นานหรอก นายเองก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกันนะ จองซูเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ร่างบางพร้อมกับชะเง้อหน้ามอง ฮีชอลหันมาสบตากับคนข้างๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

    หุบ - ปาก - ซะ

    ทันทีที่พูดจบจองซูก็ยื่นหน้าเข้าไปขโมยจูบริมฝีปากอิ่มโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงก่อนที่อีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกแล้วยิ้มตาหยีใส่เขา ราวกับมีคนมาหยุดเวลาเอาไว้ ตอนนี้คิมฮีชอลขยับตัวไปไหนไม่ได้เพียงเพราะถูกไอ้บ้าที่เรียนห้องเดียวกันจูบเข้าให้

    นิ่มจัง

    ....................

    ฉันชื่อปาร์ค – จอง – ซู คนที่จูบนายบนดาดฟ้าวันพุธในเวลา... ก้มลงมองนาฬิกาจีช็อคแล้วก็เคาะหน้าปัดเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย แปดโมงครึ่ง!”

    อยากตายใช่ไหม? พอตั้งสติได้ก็ตะคอกใส่หน้าร่างโปร่ง เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อห้ามตัวเองไม่ให้มีเรื่องกับไอ้บ้านี่ แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ไม่รู้จักสะทกสะท้านนั่นแล้วก็ยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่ - -

     

    ทั้งที่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลย...ว่ารอยยิ้มของผู้ชายคนนี้มันสดใสมากแค่ไหน

     

    ชมรมบาสยังว่างอยู่ ถ้านายสนใจล่ะก็ฉันจะล็อคตำแหน่งตัวจริงไว้ให้นะ พูดเองเออเองแล้วก็วิ่งกลับไปหยุดที่ประตู ฮีชอลมองตามแผ่นหลังกว้างแล้วก็ได้แค่อ้าปากค้าง มนุษย์ลักยิ้มหันมาโบกมือจนสุดแขนอีกทั้งยังส่งจูบสั่วๆ นั่นมาอีก

    มือเรียวแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนที่ฉากจูบเมื่อครู่จะฉายขึ้นมาในความคิด คนที่ไม่เคยคิดว่าจะเข้าไปทำความรู้จัก คนที่ไม่คิดจะคุยด้วย ก็แค่มองผ่านเหมือนกับทุกวันแต่จู่ๆ กลับมาจูบเขาแบบนี้

     

     

    ให้ตายเถอะ...ต้องบอกตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจกับเรื่องเมื่อกี้แล้วลืมๆ มันไปสินะ

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เวลาผ่านไปจนถึงตอนเลิกเรียน ร่างบางเดินผ่านสนามฟุตบอลแล้วมองไปยังนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมาเพราะไม่ได้เปลี่ยนชุดเหมือนกับพวกนักฟุตบอลประจำโรงเรียน ถึงเขาจะไม่ชอบเข้าชมรม ไม่ชอบเข้าร่วมกลุ่มกับใคร แต่ถ้าเขาไม่มีชมรมอยู่มันก็เป็นปัญหาระดับต้นได้เหมือนกัน

    มองกระดาษรายชื่อชมรมแต่ละชมรมแล้วก็ยักไหล่เล็กน้อย เอาปากกาแดงขีดฆ่าทิ้งไปแล้วเป็นสิบ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกชมรมที่มีคนเข้าเยอะอย่างเช่นชมรมขาแดนซ์ ชมรมการแสดงและพวกกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม

     

     

    แต่เขา...ไม่ได้ขีดฆ่าชมรมบาสออกไป

     

     
     

    ส่งมาๆ

    เฮ!!!”

    ฮ่าๆ สามแต้มโว้ย

    เสียงเฮฮาจากสนามบาสที่อยู่ทางด้านขวาทำให้คนที่กำลังสนใจอยู่กับกระดาษสีขาวในมือต้องละสายตาหันไปมอง ทั้งที่มีคนอยู่ในสนามบาสเป็นสิบ...แต่ทำไมเขาถึงได้เห็นปาร์คจองซูเป็นคนแรกกันนะ

    ร่างโปร่งแท๊กมือกับเพื่อนๆ ก่อนจะรับขวดน้ำที่สตาฟทีมโยนมาให้ในขณะที่บางคนก็ทิ้งตัวลงนอนราบไปกับพื้นสนามพร้อมกับโกยอากาศเข้าปอด ดูจากเหงื่อของหมอนั่นแล้วคาดว่าคงเล่นกันมานานร่วมชั่วโมง พอรู้ตัวว่ากำลังยืนมองปาร์คจองซูอยู่ร่างบางก็รีบหันหน้ากลับแล้วก้าวเท้าเดินอีกครั้ง

    เอาล่ะฮีชอล หมดเวลาสนใจไอ้คนสติไม่เต็มอย่างหมอนั่นแล้ว

    ฮีชอล!”

    ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อใครคนหนึ่งโผล่เข้ามาเกาะรั้วข้างๆ แถมยังยิ้มเหมือนคนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งอีก ฮีชอลทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อไปข้างหน้าเมื่อคนในสนามกำลังหันมาสนใจเขากับไอ้มนุษย์ลักยิ้มนั่นเป็นตาเดียวพร้อมกับส่งเสียงโห่แซวกันไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นปาร์คจองซูก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเดินตามเขาถึงแม้ว่าจะมีรั้วกั้นอยู่ก็ตาม

    เมื่อกี้นายยืนดูพวกเราเล่นกันเหรอ?

    เปล่า

    อย่าปากแข็งเลยน่า~ ฉันเห็นนายแว๊บๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วแต่ไม่คิดว่าจะใช่นายจริงๆ

    .................

    ในมือนั่นน่ะ รายชื่อชมรมใช่ไหม? ขาเรียวหยุดเดินแล้วขยำกระดาษในมือจนยับยู่ยี่นั่นทำให้จองซูเลิกคิ้วมอง ฮีชอลหันไปสบตากับคนขี้เล่นที่กำลังยิ้มให้เขาก่อนจะเสตามองคนในสนามกลุ่มนั้น

    ยังไงฉันก็ไม่เข้าชมรมของนาย เลิกยุ่งกับฉันสักที

    โอ้โห! จองซูมันโดนหักอกว่ะ! 55555” <- ยองอุน

    ผ่างไหมล่ะครับผ่างใช่ไหม” <- ทงเฮ

    นี่เล่นของสูงเลยเหรอครับ ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” <- คยูฮยอน

    หุบปากไปเลยนะ ฉันกำลังหาการ์ดมือฉมังเข้าทีมอยู่ ฝีมือกระจอกอย่างพวกแกน่ะหันหน้ากลับไปกอดจูบลูกบาสเหมือนเดิมเถอะ จองซูตะโกนกลับไปแต่ก็ได้เพียงแค่เสียงหัวเราะเยาะเย้ยกลับมา

     

    น่าแปลก...เจ้าบ้านี่ถูกหัวเราะเยาะจนกลายเป็นตัวตลกแบบนี้แล้วยังยิ้มได้อีก ไม่รู้ว่าตายด้านหรือว่าสติไม่ดีกันแน่

     

    ฮีชอลอาศัยจังหวะที่คนพวกนั้นกำลังโต้เถียงกันแล้วเดินหนีออกมา เขาถอนหายใจเล็กน้อยพลางมองนาฬิกาข้อมือ ทำไมวันนี้เวลามันเดินช้าจังเลยนะ...

    ไม่หรอก...

    เวลามันก็เดินตามปกตินั่นแหละ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใช้เวลาแบบนี้ตามลำพังก็เท่านั้นเอง

     

     

     

    .

    .

     

     

    ลงจากรถเมล์แล้วเดินขึ้นบนทางลาดชัน ริมฝีปากอิ่มขยับตามเนื้อเพลงที่กำลังฟังอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งเดินตามมาติดๆ

    โฮ่ง!!” แต่เพราะเสียงหมานั่นทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปีมันไม่เคยคิดที่จะเห่าเขาเลยสักครั้งแล้วไหงวันนี้มัน...

    โอ้~”

    เจ้าของลักยิ้มที่มาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสแล็ค มือข้างหนึ่งถือเป้เอาไว้ส่วนมืออีกข้างก็โบกมือทักทาย ฮีชอลมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้านั่นทำให้เจ้าตัวมองตามไปด้วย จองซูดึงคอเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเขาลวกๆ ก่อนจะยิ้มตาหยีให้กับร่างบาง

    ...................

    บังเอิญจัง บ้านนายไปทางนั้นเหรอ? ชี้ไปข้างหน้าหากแต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่งไม่ตอบคำถาม จองซูกระพริบตาปริบๆ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกคน

    ตามฉันมาทำไม

    ถ้าตอบว่าไม่รู้...นายจะต่อยฉันไหม?

    อยากลองไหมล่ะ? พอได้ยินคำตอบกวนประสาทแบบนั้นแล้วเขาก็คว้าคอเสื้อร่างโปร่งเข้ามาในทันที จองซูยิ้มกว้างเมื่อใบหน้าของเขาทั้งคู่ตอนนี้ห่างกันไม่เท่าไหร่และนั่นทำให้ฮีชอลต้องปล่อยคอเสื้อคนตรงหน้าออกอย่างปฏิเสธไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้

    อย่าพยายามตีสนิทฉันเลยจะดีกว่า ฉันอยู่ที่นั่นอีกไม่นานนักหรอก

    ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ จะอยู่วันเดียวหรือหนึ่งปีก็ไม่เป็นไรหรอกนะ

    นายต้องการอะไร อยากเอาชนะหรือไง?

    ฉันก็แค่อยากเป็นเพื่อนกับนายก็เท่านั้นเอง มีเพื่อนอย่างฉันน่ะเจ๋งจะตายไปนะ

    โทษที แต่บังเอิญว่าฉันชอบอยู่คนเดียว พูดจบก็หันหลังให้อีกฝ่ายแล้วทำท่าจะเดินต่อแต่ก็ถูกมือแกร่งคว้าข้อมือเอาไว้

    ไม่มีใครอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ได้หรอกนะฮีชอล ใบหน้าที่เคยมีแต่รอยยิ้มทะเล้นนั่นในตอนนี้กำลังฉายแววจริงจังจนเขารู้สึกประหลาดใจ

    โลกของนายอาจจะเป็นสีดำแต่ถ้านายเปิดประตูสักหน่อย แสงสว่างมันก็จะเข้าไปอยู่ในโลกของนายได้นะ

    ...................

    ให้ฉันเข้าไปในโลกของนายนะฮีชอล จองซูยิ้มพร้อมกับเลื่อนมือลงมากุมมือเขาเอาไว้ ฮีชอลก้มลงมองมือตัวเองที่กำลังถูกพันธนาการอยู่แล้วก็แกะออก

    ไม่จำเป็น

    เขามองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชาก่อนจะเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจเลยว่าผู้ชายยิ้มเก่งคนนั้นจะรู้สึกยังไง แน่นอน...ว่าปาร์คจองซูก็จะเป็นอีกคนที่ได้รับความเจ็บปวดจากเขา แต่ที่เป็นแบบนี้มันไม่ใช่เพราะว่ารังเกียจใคร

     

     

    แต่คิมฮีชอลก็แค่ไม่อยากให้ใครเข้ามาในโลกของเขาอีกแล้วก็เท่านั้น

     

     

     

     

    แต่นายเข้ามาในโลกของฉันแล้วนะ!”

     

     

     

     

    เรียวขาหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตะโกนไล่หลังมาแบบนั้น ตอนนี้ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม เสาไฟระแวกนี้ก็เริ่มเปิดไปตามลำดับ ไม่มีเสียงพูดดึงความสนใจอะไรใดๆ อีก...เดินต่อไปสิฮีชอล อย่าไปสนใจ

     

     

    โลกของฉันเป็นสีขาว...และนายก็เดินเข้ามาในโลกของฉันตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน

    ....................

     

     

     

     



     

     

    ฉันจะไม่เข้าไปอยู่ในโลกของนายก็ได้...แต่นายน่ะ อย่าเดินออกไปจากโลกของฉันเลยนะฮีชอล

     

     


     

     

     

    .

    .

     

     

     

    กลับมาแล้วเหรอ วันนี้แม่ทำข้าวผัดกิมจิของโปรดของลูกด้วยนะ

    ผมไม่หิวครับ พูดพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปโดยที่ไม่สนใจเลยว่าคนเป็นแม่จะรู้สึกยังไงกับน้ำเสียงเย็นชาตัดพ้อแบบนั้น

    ฮีชอล วันนี้เพื่อนที่เซจงโทรมาหาลูกตั้งหลายสาย เขาฝากบอกให้ลูกโทรกลับหาเขาด้วยนะ ประโยคนี้ทำให้ร่างบางหยุดยืนอยู่ที่ขั้นบันได ฮีชอลยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองคนเป็นแม่ที่ยืนอยู่ชั้นล่าง

    บอกเขาว่าไม่ต้องโทรมาอีก ผมจะไม่โทรหาใครทั้งนั้น

    .................

     

     

    ปัง...

    ทันทีที่ประตูปิดลงร่างบางก็โยนกระเป๋าทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะถอดสูทยูนิฟอร์มออกแล้วมองตัวเองในกระจก...เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนักเรียนเก่ามาทาบกับตัวพลางมองผ่านกระจกก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้น

     

     

     

    ก็แค่ลืมๆ มันไปซะ...

     

     


     

    ฮีชอล! เพื่อนที่โรงเรียนโทรมาน่ะลูก!”

    ผมบอกแม่แล้วนี่ครับว่าผมจะไม่รับสายใครทั้งนั้น

    แต่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนที่ฮันซอง...ชื่อจองซูนะ

    .................

    โอเคจ้ะ...งั้นแม่จะบอกเขาว่าไม่ต้องโทรมาอีก พอได้ยินแบบนั้นแล้วก็ลังเล ไอ้บ้านั่นโทรมาหาเขางั้นเหรอ? ยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินไปเปิดประตูแล้วตะโกนลงไปข้างล่าง

     

     

     


     

    เดี๋ยวผมลงไป!”

     

     


     

     

    .

    .

     

     

     

    ( ปีที่แล้วฉันขาเจ็บ ได้แต่นั่งมองคนอื่นซ้อมทั้งที่ใกล้ถึงวันแข่งแล้ว กว่าขาจะหายก็ปาไปนู่นเลยสามวันสุดท้ายก่อนแข่ง เลยต้องโหมซ้อมหนักกันชนิดที่แบบแทบจะคลานกลับบ้าน ฮ่าๆ )

    ( ทีมของเรามีเซ็นเตอร์มือดีคือซีวอน ไอ้หมอนี่บล็อกเก่งมาก ฝั่งตรงข้ามเห็นมันแล้วทำหน้าขยาดไปตามๆ กัน แล้วก็ได้ทงเฮมาเป็นการ์ด เรื่องชู๊ตสามแต้มนี่พลิ้วมากใครๆ ก็กลัวแต่เรื่องชู๊ตใต้แป้นนี่ห่วยแตกอย่าบอกใครเลย )

     


     

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา?

     


     

    ทำไมถึงได้มานั่งฟังชีวประวัติของมนุษย์ลักยิ้มนั่นแทนที่จะวางสายแล้วเข้านอนซะ ที่น่ารำคาญที่สุดคือเขากลับสนุกไปกับการฟังเรื่องบ้าๆ นั่นจนบางครั้งก็หลุดขำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่นับว่าโชคดีที่หมอนั่นไม่ได้ยิน...ไม่อย่างนั้นเขาคงถูกแซวแน่

     

    ว่างมากเหรอถึงได้เที่ยวโทรหาคนอื่นกลางค่ำกลางคืนแบบนี้

    ( ฉันไม่ได้โทรหาทุกคนหรอก นี่ก็โทรหานายแค่คนเดียว )

    ไปเอาเบอร์บ้านฉันมาจากไหน

    ( ลงทุนกดกริ่งบ้านข้างๆ นายแล้วถามดูน่ะสิ...เกือบโดนหมากัดด้วยล่ะ )

    บ้านหลังไหน?

    ( เรื่องอะไรจะบอกล่ะ...แต่นายอย่าไปหาเรื่องเขานะบ้านเขามีหมาด้วย -.- )

    บ้านของอีตาลุงโฮดงใช่ไหม?

    ( ฮีชอลอ่า พรุ่งนี้รีบมากรอกใบสมัครเข้าชมรมนะ ฉันไปถึงที่นั่นประมาณหกโมงเช้า เราจะได้วอร์มร่างกายไปพร้อมๆ กันไง )

    เป็นบ้าเหรอพูดเองเออเองอยู่ได้ ฉันพูดสักคำหรือยังว่าจะเข้าชมรมงี่เง่านั่น

    ( ไม่เข้าชมรมฉันแล้วนายจะไปเข้าชมรมไหนเล่า...ฉันขอเดาเลยนะว่าอย่างนายคงกำลังเล็งชมรมที่คนน้อยที่สุดและเงียบที่สุดอยู่ล่ะสิ )

    ถ้ารู้แล้วก็เลิกชวนฉันเข้าชมรมเส็งเคร็งนั่นสักที

    ( ชมรมดนตรีก็นะ...ที่นั่นน่ารำคาญจะตายชักไหนจะเสียงกลองชุด เสียงกีต้าร์ไฟฟ้าปะปนกันไปหมด ขอบอกนะครับว่าชมรมนั่นอยู่ห้องรวม อ้อ..แถมยังอยู่ใกล้อาคารก่อสร้างอีกด้วย )

    หมายความว่าไงที่บอกว่าห้องรวม?

    ( ก็หมายความว่าไม่มีห้องแยกน่ะสิ ทุกโน้ต ทุกคีย์ ทุกประเภทเครื่องดนตรีจะถูกขับกล่อมออกมาในห้องเดียวกันหมด ต่างคนต่างซ้อมจนแยกแยะไม่ออกเลยล่ะว่ากำลังเล่นเพลงอะไรอยู่ ก่อนที่ฉันจะค้นพบชมรมบาสนะก็เคยเลือกชมรมดนตรีอยู่เหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าแหละ...โรงเรียนฉันไม่รวยเหมือนโรงเรียนของนาย )

    ก็ยังมีอีกตั้งหลายชมรม

    ( อะไรดีเอ่ย~ ฉันเป็นไกด์ให้นายได้เลยนะ )

    ......................

    ( ชมรมว่ายน้ำก็ดีนะ แต่พวกนั้นมีแต่เกย์รุกทั้งนั้น แถมชอบต้อนรับเด็กใหม่โดยการขึ้นครูซะด้วย )

    - -...................

    ( อะไรอีกนะ...อ้อ! ชมรมศิลปะ ถ้านายเข้าไปคงได้ยืนถือกระดานทั้งวัน ถึงคนจะเรียนน้อยแต่ห้องมันก็แคบตามจำนวนคนน่ะนะ... )

    โรงเรียนนายมีข้อดีอะไรบ้าง? เส็งเคร็งจริงๆ

    ( ชมรมบาสเก็ตบอลไง มีแต่คำว่าเพอร์เฟ็ค )

    เหอะ...สุดท้ายก็วกเข้าตัว นายเป็นพวกนาซิสติกหรือไง?

    ( มันคืออะไรเหรอ? )

    พวกหลงตัวเองไง ถ้าเป็นแบบนี้สักวันนายคงได้ตกหลุมรักตัวเองในกระจก

    ( ไม่หรอก )

    ....................

    ( เพราะถ้าฉันยังรู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้แอบมองคนๆ หนึ่งอยู่...แบบนั้นฉันก็คงไม่มีวันตกหลุมรักตัวเองได้แน่ๆ )

     

    ไม่มีน้ำเสียงทะเล้นเหมือนกับประโยคก่อนหน้านี้ ทั้งคู่เงียบไป ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ตอนนี้คิมฮีชอลกำลังรู้สึกเขวหลังจากโดนปาร์คจองซูตื้อให้เข้าชมรมบาสแต่ก็ยังชั่งใจอยู่ว่าจะเข้าไปดีไหม เพราะดูทีมของหมอนั่นแล้วท่าทางจะกวนประสาทไม่ต่างกันเลย

     

     










     

    ( ฉันรู้ว่าพรุ่งนี้นายต้องมา )
















     TALK

     เอิ่บ ปล่อยมาตอนแรกแบบเมาๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×