คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตำราบทที่ 13 : สอน
“มองไรวะ” คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจับได้ เฮนรี่ยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะหันหน้าเข้าหากระดานดำพลางหมุนปากกาเล่น
“โอ๊ย!!!” เฮนรี่ร้องลั่นเมื่อถูกตบกระบาลเข้าให้ หันไปมองคาดโทษอีเตี้ยหน้าแมนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็นึกหงุดหงิดซ้ำยิ่งกว่าเดิม มึงนะมึง
“กูถามทำไมไม่ตอบ”
“ได้ งั้นกูกับมึงมาเล่นเกมถามตอบกัน” ดันเก้าอี้ออกเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าเข้าหาคนตรงหน้า แอมเบอร์ได้แต่ขมวดคิ้ว ตามอารมณ์มันไม่ถูกเลยสิน่า
“มีอะไร”
“มึงกับพี่ซองมิน...”
“เออ”
“เป็นอะไรกันวะ กูขอความจริง มึงห้ามปิดบัง”
“...” แอมเบอร์ไม่ตอบ ใบหน้าเรียวเสมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่งแล้วโบกมือให้กับใครสักคนที่อยู่ข้างล่างตึก เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้อาหลัวขอเสือกทีเถอะ ชะเง้อหน้าออกไปแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อคนที่อยู่ข้างล่างนั่นไม่ใช่ใครนอกจากพี่ซองมินของเขา!!!
“เดี๋ยวกูมานะ”
“มึงจะไปไหน! มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ!”
“เออ ไว้เดี๋ยวมาตอบ” คนตัวเล็กยักคิ้วพร้อมกับยิ้มพอใจก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้องเรียน ทิ้งไว้แค่ความค้างคาใจไว้ให้อีกคน
เฮนรี่อ้าปากค้างอยากจะชี้หน้าด่าแม่มันแต่ก็พูดไม่ออก ยิ่งเห็นพี่ซองมินเล่นด้วยกับอีหมวยแบบนี้ยิ่งใจร้าวเข้าไปใหญ่ มันเกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้กันวะ ว่ากูที่ชอบผู้ชายด้วยกันมันก็แปลกมากพอแล้ว แต่ให้ทอมไปชอบผู้ชายที่กูชอบด้วยเนี่ยมันน่า...
“โว๊ยยยยยยยยย” ตะโกนระบายออกมาอย่างอัดอั้นแล้วเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปข้างนอกห้อง ทงเฮกับคิบอมที่ต่างฝ่ายต่างนั่งอมขี้ฟันตัวเองอยู่นั้นได้เพียงแค่มองตามเพื่อนชาวจีนแต่ก็ไม่มีใครมีน้ำใจออกไปไถ่ถาม
นัยน์ตาคมชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างวางเชิง ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวานคิบอมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มันกลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มีให้ผม ไอ้รอยยิ้มที่เห็นแล้วก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาน่ะ แต่ก็อย่างว่าแหละนะเรื่องของหัวใจมันไม่มีคำว่าเพื่อนฝูงหรอก คิบอมมันควรคิดให้ได้เหมือนผมแล้วชีวิตมันจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในวิกฤติหัวใจแบบนี้ -.-
อย่าว่างู้นงี้เลยแต่จะให้ผมเข้าไปทักไอ้ขี้เก๊กก่อนน่ะเหรอ โหยคุณ...ไม่มีทางซะหรอก อีทงเฮผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อยนี่หว่า
“ฮัลโหล หืม...ว่าไงนะครับ...อยากไปสวนสนุกเหรอ?”
หูผึ่ง...
“ฮ่าๆ ไม่ยักรู้มาก่อนว่าพี่ชอบเครื่องเล่น...อืม...วันไหนดีล่ะครับ?” เห็นใบหน้าบวมๆ ของมันที่เริ่มบานออกเพราะรอยยิ้มแล้วก็นึกหมั่นไส้ ขึ้นมา มันชำเลืองมองผมก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะ...
เสียงหัวเราะของผู้ชนะ...
“ชวนทงเฮด้วยดีไหมครับ?”
มึงจงใจให้กูได้ยินสินะ โธ่...มึงไม่ต้องเสแสร้งหรอกไอ้ขี้เก๊ก กูรู้ว่ามึงอยากไปเดทกับฮยอกแจสองต่อสองทำเป็นเอ่ยปากชวน กูไม่ไปขัดความสุขมึงหรอกถึงแม้ฮยอกแจจะอ้อนวอนขอให้กูไปด้วยก็เถอะวะ
“อะไรนะ อ่า...โอเคครับ ไม่ชวนก็ไม่ชวน...ครับ...ผมก็อยากไปเดทกับพี่สองคนเหมือนกัน”
อยากไปเดทกับพี่สองคน ‘เหมือนกัน’ ....
ไอ้ประโยคนั่น...มันหมายความว่าฮยอกแจไม่ชวนผมแล้วก็ไม่อยากให้ผมไปด้วยรึเปล่าวะ...ความสงสัยอัดแน่นเต็มพิกัดแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ ผมลุกขึ้นยืนบิดซ้ายบิดขวาทำท่าเดินไปคุยกับเพื่อนโต๊ะอื่นแต่หูผมยังฟังมันคุยโทรศัพท์อยู่นะครับ -.-
“วันอาทิตย์นี้ใช่ไหม โอเคครับ...ผมจะรอพี่นะ”
วันอาทิตย์สินะ!
ต่อกๆๆๆ
เสียงนิ้วชี้เคาะลงบนโต๊ะอย่างร้อนใจ เมื่อไหร่อีหมวยแม่งจะกลับมาสักทีวะ ตอนนี้อีทงเฮต้องการที่ปรึกษาอย่างหนัก เดินออกไปยืนพิงผนังริมระเบียงทางเดินพลางทอดสายตามองไปยังบันไดที่อยู่สุดทาง รอ...รออีหมวยอยู่ครับ ไม่นานนักอีหมวยมันก็เดินมาพร้อมกับสาวที่ไหนไม่รู้ น่ารักใช้ได้เลยล่ะ
“เฮ้ยมึงว่างมั้ยกูมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เออว่าไง ไว้เจอกันตอนเย็นนะซูจี” หันไปโบกมือให้กับเด็กผู้หญิงที่หนีบมาด้วยพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ มองซ้ายขวาดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่าแล้วคว้าข้อมือแอมเบอร์เอาไว้ก่อนจะไปหาที่เงียบๆ คุยกัน
“อะไรของมึงวะ”
“ฮยอกแจจะไปเดทกับไอ้เชี่ยคิบอมอาทิตย์นี้ที่สวนสนุก”
“แล้วไง”
“ก็แล้วจะยังไงล่ะ ที่กูบอกมึงไงว่ากูสารภาพกับไอ้เหี้ยคิบอมไปแล้วเรื่องความรู้สึกของกูอ่ะ”
“กูก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหนกับที่เขาไปเที่ยวสวนสนุกกัน...อ๊อ...นี่มึงหึงสินะ”
“ใช่ กูหึง กูไม่อยากให้ฮยอกแจไปเที่ยวกับมัน”
“โถ...น้องหมาน้อย ทีงี้แล้วมากรีดร้องไม่อยากให้เขาไปด้วยกัน ตอนแรกล่ะด่าเขาจังเลยว่าหน้าเหียกไร้นมตูดจมเข้าไปในกระดูก”
“มึงอย่าพึ่งแขวะดิ กูกำลังเครียดนะ”
“แทนที่จะเครียดเรื่องที่มึงกับมันเข้าหน้ากันไม่ติด ระวังนะเว้ย...วันดีคืนดีเกิดมันอารมณ์ขึ้นต่อยมึงเข้าให้แล้วจะหนาว”
“มันไม่ต่อยกูเพราะเรื่องแค่นี้หรอก”
“มึงรู้ได้ไงว่าเรื่องแค่นี้ มึงเห็นคิบอมมันควงใครนานขนาดนี้ป่ะ แสดงว่าพี่ฮยอกแจแม่งมีของดีจากพระนคร ถึงดึงดูดบุรุษอย่างปริ๊นซ์คิบอมได้”
“ว่าแต่กูมึงก็พอกัน ไปยุ่งกับพี่ซองมินมากๆ ระวังโดนไอ้เหี้ยหลัวจับทำผัวไม่รู้ตัว จะว่าไปแล้วเรื่องมึงหนักกว่ากูอีกนะ อยู่บ้านแดกข้าวหม้อเดียวกันยังหักหลังกันได้ลงแบบนี้ จิตใจมึงทำด้วยอะไรวะอีหมวย”
“พ่อง มึงพูดเรื่องอะไรเนี่ย”
“ทีงี้ล่ะทำแอ๊บ”
“มันไม่เหมือนกัน มึงกำลังนอกเรื่อง”
“เรื่องเดียวกันว่ะ บอกกูมาเลยดีกว่าว่ามึงกับพี่ซองมินใครเคะ”
“มันไม่...”
“มึงไม่ต้องอายที่จะต้องเคะให้ผู้ชายหรอกนะเพื่อน ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะหน้าหวานกว่ามึงร้อยภพก็เถอะ” พูดพร้อมกับตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ แอมเบอร์ปัดออกอย่างแรง เริ่มหงุดหงิดกับไอ้เหี้ยทงเฮแล้วสิ
“โอเคๆ กลับเข้าเรื่องกูต่อ เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ...อ้อ...ถึงตอนที่กูหึงฮยอกแจ” นอกเรื่องไปไกลจนจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง แอมเบอร์เดินไปนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนพลางกุมขมับตัวเอง
“พี่ฮยอกแจรู้เรื่องนี้รึยัง”
“เรื่องกูกับไอ้คิบอมอ่ะนะ ยังหรอก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...ไอ้เหี้ยนี่ยังไง ยิ่งคุยด้วยยิ่งโง่เข้าไปทุกวัน นี่มึงแดกหญ้าหรือแดกข้าววะทุกวันนี้”
“เอ้า ก็มึงถามไม่เข้าใจอ่ะ”
“กูหมายถึงเรื่องที่มึงชอบเขา มึงบอกเขาไปรึยัง?”
“ย...ยังอ่ะ...เรื่องอะไรกูต้องบอกด้วย” ส่ายหน้าปฏิเสธพลางหันหน้าหนีไปอีกทาง เรื่องแบบนี้จะบอกไปได้ไงครับน่าอายจะตายฮยอกแจแม่งได้แซวผมยันลูกบวชสิ
“มึงไม่บอกเขาแล้วเขาจะรู้มั้ยว่ามึงรู้สึกยังไง แล้วเสือกจะไปแสดงความเป็นเจ้าของเขาอีก ถุ้ย!”
“ก็กูยังไม่พร้อมอ่ะ”
“ต้องรอให้เขาได้กันก่อนสินะมึงถึงจะพร้อม อย่าว่างู้นงี้เลย อย่างที่รู้ๆ กันว่าไอ้คิบอมแม่งก็โคตรหล่อลองได้หยอดพี่ฮยอกแจบนชิงช้าสวรรค์ท่ามกลางแสงสีกรุงโซลยามค่ำคืนแล้ว กูว่าคร้านจะเดินตามเข้าโรงแรมแทบไม่ทัน”
“อีหมวย! นี่ผีเจาะปากมึงมาเกิดไงวะ ฮยอกแจไม่ใช่คนใจง่ายแบบนั้นหรอกกูรู้”
“ง่ายไม่ง่าย มึงก็จูบกับเค้าตอนเป็นเด็กมาแล้วนะได้ข่าว หลายทีด้วยนี่”
“เรื่องนั้นมันไม่เหมือนกันอ่ะ เชี่ยเอ๊ยกูไม่น่าเล่าให้มึงฟังเลย”
“ทำอะไรสักอย่างเถอะ...ก่อนที่พี่ฮยอกแจจะโดนปริ๊นซ์คิบอมสุดหล่อเปิดซิง...” แอมเบอร์กระซิบข้างหูทงเฮเบาๆ
ความสับสนวุ่นวายประดีประดังเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี จะให้ไปสารภาพรักกับฮยอกแจคาดว่าคงจะได้กินแห้วเป็นแน่แท้...
“เคยอ่านการ์ตูนหรือเปล่า...ใช้วิธีเข้าหานางเอกแบบในการ์ตูนสิวะ”
“คุโรมาตี้มันไม่มีนางเอกน่ะสิ”
“โหยควาย ใครให้มึงไปอ่านเรื่องพวกนั้นเล่า ไปเช่าการ์ตูนตาหวานแถวบ้านมาอ่านสักเล่มสองเล่มสิวะ ถ้าไม่รู้จะเลือกเล่มไหนมึงก็เดินไปหลับตาสุ่มเอา จบ!”
ตัดภาพมาอีกที...
ผมกำลังยืนอยู่ในร้านเช่าหนังสือการ์ตูนพร้อมกับเชี่ยหลัวครับ...
“มึงมายืนอะไรโซนนี้วะทงเฮ” เฮนรี่ถามก่อนจะหันไปมองรอบข้างอย่างหวาดระแวง จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตุ๊ดเด็กรึเปล่าที่มาเดินเพ่นพล่านแถวล็อคที่มีแต่การ์ตูนตาหวานสำหรับเด็กผู้หญิงแบบนี้...
“เออน่ารอแป๊ป”
“...อย่าบอกนะว่ามึงอ่าน”
“อ่านเชี่ยไรล่ะ กูจะเช่าไปให้เด็กข้างบ้านเว้ยที่ชื่อเอริอ่ะ ตอนนี้กำลังขึ้น ม.ต้น วัยนี้แหละกำลังติดการ์ตูนเลย”
“เอริไหนวะ”
“ที่พ่อเขาทำงานกับองค์กรนาซ่าแล้วแม่เป็นเด็กปั๊มอ่ะ”
เฮนรี่ขมวดคิ้วแล้วทำหน้าคิดตาม...คนไหนวะ...คนข้างบ้านของทงเฮแม่งก็ไม่มีไม่กี่หลังที่เป็นมิตรกับมัน เออ...ช่างเหอะ ที่มาด้วยวันนี้ก็เพราะเบื่อที่ต้องเจอหน้าอีหมวยที่บ้าน พักนี้มันชอบทำตัวมีพิรุจเห็นแล้วไม่ชอบเลยครับ ไม่ชอบจริงๆ
“ตกลงกูเอาเล่มนี้” ตัดสินใจคว้าหนังสือการ์ตูนเล่มไม่หนามากจนเกินไปออกมาหนึ่งเล่ม ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอี้ยวตัวหันกลับหวังจะไปจ่ายเงินค่าเช่าที่เคาน์เตอร์แต่ก็ต้องผงะหงายหลังเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนถือกรงกระต่ายสีขาวไว้อยู่ในมือ!!!
“เหวอ!”
“อ้าวแก”
“อ้าวพี่ฮยอกแจ”
“หวัดดีเฮนรี่” ยิ้มกว้างพร้อมโบกมือให้กับรุ่นน้องตาตี่ ทงเฮยกมือทาบอกพลางกลืนน้ำลายเอื้อก พอตั้งสติได้แล้วก็รีบซ่อนหนังสือการ์ตูนตาหวานไว้ข้างหลัง
“หวัดดีครับ พี่มาเช่าการ์ตูนเหรอ”
“อื้อ พี่ยังไม่ได้อ่านวันพีชเล่มล่าสุดเลย”
“- -...” ทงเฮชำเลืองมองเฮนรี่ที่กำลังเข้าไปคุ้ยกรงกระต่ายที่ฮยอกแจถืออยู่แล้วก็ต้องปาดเหงื่อ จะทำยังไงดี เดินกลับเอาหนังไปยัดเข้าที่เดิมก็คงเป็นที่สังเกตุจนเกินไป...
“ของพี่เหรอครับ”
“เปล่าๆ ของซีวอนฝากไว้น่ะ เห็นบอกว่าจะเอาไปให้คยูฮยอนเลี้ยงแต่พี่ว่าคยูฮยอนคงปล่อยให้มันหนาวตายหน้าบ้านแน่เลย~” ร่างบางทำหน้าคิด จำได้ว่าคยูฮยอนไม่ชอบพวกมีขน ขนาดขนขาซีวอนคยูฮยอนยังไม่ชอบเลย ซีวอนคิดยังไงกันนะถึงซื้อเจ้าตัวเล็กมาฝากคยูฮยอนแบบนี้
“น่ารักนะเนี่ย มันมีชื่อหรือยังครับ”
“ซีวอนตั้งให้ว่าน้องบาร์บี้คิยู” ชูกรงขึ้นมาแล้วเอานิ้วเขี่ยๆ เล่นกับกระต่ายน้อยในกรงอย่างเอ็นดู
“.......โอเค น้องบาร์บี้คิยู - -....” <- เฮนรี่
“ทงเฮ แกซ่อนอะไรไว้ข้างหลังอ่ะ”
“ซ่อน? ซ่อนอะไร๊”
“ตะกี้ยังเห็นแว๊บๆ อยู่เลย เช่าการ์ตูนผู้หญิงเหรอ?”
ผ่าง!!!
“เฮ้ยบ้าป่ะเนี่ย...ใครจะไปเช่าอะไรพรรค์นั้นกันวะ บ้าไปแล้ว ฮะๆ” แค่นเสียงหัวเราะกลบเกลื่อน ฮยอกแจยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะมองผ่านไปยังข้างหลังทงเฮที่มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาทางด้านหลัง
“โอ๊ะโอ....”
“เฮ๊ย!!!”
“อ้าว~ นึกว่าใครที่ไหนซะอีก ที่แท้ก็สองผัวเมียคู่นี้นี่เอง ยังไม่หย่ากันอีกเหรอจ๊ะที่รัก 55555” น้ำเสียงกระแนะกระแหนมาพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างใหญ่ จะว่าไปแล้วเรียกว่าอ้วนคงเหมาะกว่า ทงเฮหันหน้าเข้าเผชิญกับไอ้อ้วนที่เคยสร้างบาดแผลในใจให้กับเขาเมื่อสิบปีที่แล้วอย่างไม่เชื่อสายตา แม่งไอ้เชี่ยยองอุนมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ
“นั่นคุณพ่อ แล้วนี่ก็คุณแม่~ วันนี้มาเช่าอะไรกันดีคะที่รัก” พูดพร้อมกับหันไปทำท่าออเซาะเด็กแว่นที่ยืนผอมแห้งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าชวนคันตีน ทงเฮมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอาฆาตแค้นนึกอยากเข้าไปบวกซะตั้งแต่ตอนนี้แต่ก็ต้องใจเย็นเอาไว้เพราะที่นี่มันที่สาธารณะ
“ที่นี่มันร้านหนังสือการ์ตูน ก็ต้องมาเช่าการ์ตูนตาหวานรักแหว๋วๆ ที่คุณชอบสิครับที่รัก”
“ตายๆๆ คุณแม่โตเป็นควายป่านนี้แล้วเค้าไม่อ่านอะไรแบบนี้หรอกค่ะคุณพ่อ” ยองอุนแย่งหนังสือการ์ตูนไปจากมือทงเฮก่อนจะชูขึ้นเหนือหัว
“ไม่อ่านการ์ตูนแล้วจะทำอะไรกันดีล่ะจ๊ะ” ไอ้แว่นตัวแห้งลูบแก้มสากของยองอุนเบาๆ ก่อนที่มันจะแสร้งเอี้ยวตัวหลบไปเพราะความเขินอาย
“บ้าอ่ะ คุณพ่อก็น่าจะรู้ ไอ้ที่มันเป็นวีดีโอทำลูกกันไงเล่า บ้าๆๆ” <- ยองอุน
“เส้นกระตุกเหรอสัดอ้วน” ทงเฮถามเสียงนิ่ง เริ่มหมดความอดทนแล้วสิ
“อ้าวอีคุณแม่ เล่นแค่นี้อารมณ์ขึ้นหรือออออ” <- ยองอุน
“เฮ้ยมึงใจเย็น” <- เฮนรี่
“ยองอุนอย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวกระต่ายจะตกใจนะ” <- ฮยอกแจ
“กระต่ายหรือน้องสาวของลูกตุ๊กตาขี้เรื้อนกันแน่วะ เฮ้ยกูจำชื่อตุ๊กตาลิงขี้เรื้อนตัวนั้นของมึงไม่ได้แล้วว่ะ ฮ่าๆ”
“เฮ้ๆ เด็กกลุ่มนั้นน่ะจะมีเรื่องกันก็ออกไปข้างนอกเลยไป”
“แล้วไอ้ตี่นี่เป็นใครกันล่ะ เพื่อนเจ้าบ่าวหรือว่าลูกชายที่โตแล้ว”
“อ้าว ไม่น่าพูดหมาๆ แบบนี้นะครับพี่” เฮนรี่ว่าก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปหายองอุนทำท่าจะเข้าบวกแต่ทงเฮห้ามเอาไว้
“มึงไม่ต้อง...” กระซิบหูเพื่อนตัวสูงเบาๆ แล้วหันกลับไปมองหน้าไอ้อ้วนตัวโตอีกครั้ง
“เดี๋ยวกูเอง” พูดจบหมัดลุ่นๆ ก็ซัดเข้าที่หน้าไอ้อ้วนที่เคยว่าเขาเป็นตุ๊ดน้อยหอยสังข์เมื่อยังเยาว์วัยเข้าไปเต็มรัก ยองอุนเซถอยหลังจนเพื่อนๆ อีกสี่ห้าคนต้องรีบเข้ามาประคองไว้เพื่อไม่ให้หัวหน้าแก๊งเงิบลงไปกับพื้น
ฮยอกแจเบิกตากว้างมองน้องชายข้างบ้านสลับกับยองอุนไปมา ทงเฮไม่ยอมจบทำท่าจะเดินเข้าไปซ้ำพร้อมด้วยเพื่อนรักอย่างเฮนรี่ที่ไม่ว่าเพื่อนจะลุยที่ไหนมีหรือเขาจะยืนเฉย ยังไม่ทันได้ทำอะไรทงเฮก็หน้าหันเพราะแรงหมัดหนักๆ ของยองอุนเข้าให้ เฮนรี่เห็นอย่างนั้นเลือดนักสู้ยิ่งพุ่งพล่าน หนอยมึง...เล่นเพื่อนกูเหรอ...
อารมณ์โกรธที่เห็นเพื่อนโดนชกบวกกับอารมณ์หงุดหงิดเรื่องหัวใจที่สะสมมาตลอดทั้งวันทำให้เฮนรี่เข้าไปบวกเด็กพาณิชย์ทั้งห้าอย่างไม่คิดห่วงชีวิต เจ้าของร้านแทบลมจับเมื่อเห็นชั้นหนังสือล้มระเนระนาดไม่มีชิ้นดีเมื่อเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังรุมตะลุมบอนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฮยอกแจได้แค่ยืนถือกรงกระต่ายง่อยๆ อยู่ตรงนั้น ทำตัวไม่ถูก
ไม่สิ!!! สถานการณ์แบบนี้จะมัวลังเลไม่ได้
เดินเอากรงกระต่ายไปฝากไว้กับเจ้าของร้านแล้วทำหน้ามุ่งมั่น เจ้าของร้านมองฮยอกแจด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย เด็กหนุ่มวางมือลงบนหลังมือเจ้าของร้านพร้อมกับพยักหน้าทีหนึ่ง
“ผมจะจัดการเรื่องนี้เองครับคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“หะ...หา...”
“ผมจะทำเรื่องให้มันถูกต้องเองครับ...” หันกลับไปมองกลุ่มตะลุมบอนด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเฉกเช่นเดิม ขาเล็กก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ราวกับซี่รี่เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ มือเรียวถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกพร้อมกับหักนิ้วกร่อบๆ
“ย๊ากกกก!!!” ฮยอกแจโยนเสื้อเข้าไปในวงสร้างความชลมุนเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม นั่นเป็นจังหวะที่ทำให้เขาฉุดน้องชายข้างบ้านออกมาจากเวทีมวยสยามอ้อมน้อยได้อย่างที่คาดเอาไว้ ริมฝีปากอิ่มยิ้มกว้างภูมิใจในความสามารถของตัวเอง แต่ในวินาทีนั้นเองฮยอกแจก็คิดได้ว่านี่มันไม่ใช่เวลามายืนดีใจอะไรตรงนี้!
ใช่! ฮยอกแจต้องพาทงเฮออกไปจากที่นี่!
“เฮ้! นี่พี่จะทำอะไรน่ะ! ฮยอกแจ! ปล่อย!”
“ไม่ได้นะทงเฮ ขืนอยู่ต่อไปแกมีแต่จะถูกพวกนั้นซัดจนตายนะ!” ฮยอกแจหันไปขึ้นเสียงใส่อีกคนที่พึ่งลากออกมาข้างนอกร้าน ทงเฮยืนมองดวงหน้าหวานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะทำท่ากลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง ถ้าเกิดไม่เข้าไปตอนนี้ไอ้เชี่ยหลัวแม่งจมดงตีนตายแน่ๆ
“ทงเฮ!”
“อะไร!”
“ฉันไม่อยากเห็นแกเจ็บนะ!”
“...”
ขามันไม่ก้าวไม่ออก ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของคนตรงหน้านั้นมันฉุดให้อีทงเฮเดินไปไหนไม่ได้...
“เราต้องหนีแล้ว...” ทั้งคู่หันกลับไปมองคนที่กำลังงอตัวอยู่บนพื้นในดงตีน ทงเฮก้มลงมองมือตัวเองที่ถูกใครอีกคนกุมเอาไว้แล้วก็ลำบากใจ
“ฉันเชื่อว่าเฮนรี่คงไม่อยากให้แกกลับเข้าไปข้างใน...”
‘เฮ้ยยยยยยยยยย ช่วยกูด้วยยยยยยยยยย!!’ <- เสียงเฮนรี่
“ไม่มีเพื่อนคนไหนอยากให้เพื่อนต้องเจ็บเหมือนตัวเองหรอกนะทงเฮ...” มือเล็กทั้งสองข้างวางลงบนไหล่หนา ทงเฮจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาเรียวที่มองทีไรก็ยังคงสุกสกาวส่องแสงจนกลบเสียงของเพื่อนสนิทที่กำลังขอความช่วยเหลือ
‘ทงเฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!!!!!!’ <- เฮนรี่
“เขาต้องการให้แกหนี...”
ทั้งคู่หันกลับเข้าไปยังดงตีนอีกครั้ง เผยให้เห็นสภาพของหนุ่มชาวจีนที่กำลังกวักมือเรียกอย่างทุลักทุเล ฮยอกแจเม้มริมฝีปากแน่นพลางหลับตาลง ตัดใจทิ้งเพื่อนของน้องชายข้างบ้านไว้ตรงนั้นด้วยความรู้สึกผิด มือเรียวกุมมืออีกคนให้เดินตามมา ส่วนทงเฮก็บ้าจี้เดินตามไปโดยที่ไม่เปิดหูเปิดตาดูเลยว่ามีใครอีกคนที่ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ตรงนั้น
‘ทงเฮ ม่ายยยยยยยยยยยยย กลับมาช่วยกูก่อนนนนน!!!!!!!!!!!!!!!’
.
.
“อะ...อูย...” สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสำลีแตะลงไปที่ข้างมุมปาก ฮยอกแจละมือไว้พร้อมกับมองใบหน้าของอีกคนที่บวมช้ำ
“สมน้ำหน้า แกโดนแม่ด่าแน่ๆ”
“มาสมน้ำหน้าฉันได้ยังไงกัน ถ้าพี่ไม่ลากออกมานะ ป่านนี้พวกมันเละเป็นขี้ไปแล้ว”
“เก่งจริงๆ เล้ย”
“แหงล่ะ” ทงเฮยักไหล่ นึกเป็นห่วงเฮนรี่อยู่เล็กๆ ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้างวะ โทรหาก็ไม่รับสายไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง พึ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนที่เหี้ยก็วันนี้ล่ะ
“ฮยอกแจ” จ้องดวงหน้าหวานที่กำลังตั้งใจทำแผลให้กับเขาแล้วก็อดที่จะถามไม่ได้
“อือ”
“วันอาทิตย์นี้จะไปเที่ยวกับคิบอมเหรอ”
ร่างบางหยุดชะงักก่อนที่แก้มทั้งสองข้างจะแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างกับเด็กสาวกำลังมีความรัก เห็นแล้วอารมณ์กูขุ่นมัวยิ่งกว่าเดิมอีกครับ
“อื้อแกรู้ได้ยังไงอ่ะ -///////-”
“ก็....ไอ้คิบอมมันมาชวนอ่ะดิ ฉันก็เลยปฏิเสธไปไง เออ...นั่นแหละ” ตอแหลชิงแชมป์โลก รู้สึกละอายใจอยู่เบาๆ แต่ถ้าไม่พูดแบบนั้นออกไปฮยอกแจคงตอบกลับมาว่า
‘แต่ฉันไม่ได้ชวน แกห้ามไปนะ ฉันไม่ต้องการคนขัดความสุข!’
แบบนั้นคงเฟลโคตรๆ อ่ะครับ
“งั้นเหรอ...” ฮยอกแจทำหน้าคิด ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในห้องของฮยอกแจ ผมใส่ชุดนอนของฮยอกแจเพราะไม่อยากกลับบ้านในสภาพแบบนี้เดี๋ยวจะโดนแม่บวก เลยโทรไปบอกแม่ว่าวันนี้จะค้างกับฮยอกแจเพราะมีติว
“เออ ฉันไม่ชอบสวนสนุก”
“ตอนเป็นเด็กฉันยังเห็นแกชอบงอแงไปเล่นชิงช้าสวรรค์อยู่เลย จำได้ว่าวันนั้นที่เราไปด้วยกันแล้วแม่แกไม่ให้เล่น แกเลยลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นจนตัวเปื้อนดิน” - -+ ทีงี้ล่ะจำดีเชียวนะ
“นั่นมันก็ตอนเป็นเด็กไง? โตขึ้นแล้วไม่มีผู้ชายที่ไหนเค้าชอบสวนสนุกหรอก” พอทำแผลเสร็จก็เอนหลังพิงกับหนัง ฮยอกแจทำตาโตทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“อะไรนะ ผู้ชายไม่ชอบเที่ยวสวนสนุกเหรอ?”
“ใช่”
“ตะ...แต่ว่าฉันชวนคิบอมไปแล้วน่ะสิ...”
“หึหึ พลาดแล้วฮยอกแจ”
“แล้วที่เขาตอบตกลงไปกับฉันล่ะ...”
“ผู้ชายดีๆ ที่ไหนเค้าจะปฏิเสธแฟนกันเล่า...จะบอกอะไรให้นะ ผู้ชายไม่ได้ชอบเล้ยกับเรื่องช๊อปปิ้ง แต่ที่ไปเดินห้างถือของให้แฟนเพราะอะไร? เอาใจไง ไม่อยากให้แฟนต้องผิดหวัง โอเครู้เรื่อง” พูดเหมือนเจนโลก ฮยอกแจสีหน้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้ทงเฮแอบหันไปยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ
“แต่ฉันมีแผน...ที่จะทำให้เดทนี้ไม่น่าเบื่อ” ทงเฮยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ร่างบาง ฮยอกแจมองหน้าอีกฝ่ายที่ไม่ห่างกันสักเท่าไหร่ แววตาฉายแววสงสัยกับสิ่งที่น้องชายข้างบ้านพูด
“อะไร...”
“เดทแบบนี้น่าเบื่อจะตาย ผู้ชายเขาชอบอะไรที่มันน่าตื่นเต้นๆ อ่ะ” ทำท่าประกอบไปด้วย ฮยอกแจขยับเข้ามาใกล้ๆ ทงเฮพลางทำหน้าตั้งใจฟัง
“ว่ามาเลย”
“ข้อแรกคือ...เดทนี้ต้องมีสกินชิพ...”
“เอ๋?” ร่างบางขมวดคิ้วกับสิ่งที่ทงเฮพูด สกินชิพที่ว่านั่นมันเหมือนกับที่ซีวอนชอบสกินชิพคยูฮยอนหรือเปล่านะ
“ใช่แล้วสกินชิพ...จับมือกันมันยังเด็กๆ ไป ควงแขนก็งั้นๆ แต่ที่ฉันจะบอกคือ...” ร่างหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิมก่อนจะขโมยหอมแก้มอีกคนฟอดใหญ่
“!!!!”
“หยุด!” ชี้หน้าห้ามเอาไว้เมื่อฮยอกแจทำท่าจะฟาดเขา ฮยอกแจค้างท่าไว้อย่างนั้นราวกับโดนหยุดเวลาเอาไว้
“อย่าพึ่งโวยวายดิ”
“ก็ดูแกสิ!”
“ถ้าเกิดคิบอมทำแบบนี้กับพี่ล่ะ?”
“ถ้าเกิดคิบอมทำแบบนี้เหรอ....”
“(. .)” <- ฮยอกแจ
“(.////.)”<- ฮยอกแจ
“(-////-)”<- ฮยอกแจ
มันน่าไหมล่ะ - -...
“นั่นแหละ...เดทมันจะได้ดูน่าตื่นเต้นขึ้น เดินกินนั่นกินนี่เล่นเครื่องเล่นน่าเบื่อจะตายไป ผู้ชายเขาต้องการอะไรที่พิเศษกว่านั้น”
“ฉันก็เป็นผู้ชายแต่ฉันไม่เห็นคิดแบบนั้นเลยนะ”
“พี่มันเป็นกรณียกเว้น อย่าถามนอกเรื่องได้ไหม พี่นี่มันแย่จริงๆ”
“ขอโทษก็ได้ . _.”
“ต่อไปนะ”
“อื้ม” ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน นั่งขัดสมาธิอย่างจริงจัง ร่างบางเริ่มรู้สึกแปลกๆ เมื่อถูกจ้องแบบนั้นเลยต้องหลุบสายตาลง
“เคยจูบกับมันหรือยัง?”
“ยังเลย...”
“ทำไมล่ะ พี่เขินหรือไง?”
หึ...กะไว้แล้วไม่มีผิด ฮยอกแจคงไม่กล้าที่จะทำแบบนั้นกับไอ้คิบอมสินะ
“เปล่าหรอก คิบอมไม่เริ่มสักทีฉันก็รออยู่”
อีฮยอกแจ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
FUS RO DAH!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ถ้าเขาจูบฉันมันจะเป็นยังไงนะ -//////////////-”
“โอเค -_-”
“มันคงรู้สึกดีมากแน่ๆ เลย”
“พอ ไม่ต้องพูดแล้ว -_-”
“โอเค!” ฮยอกแจยิ้มกว้าง ยืดนั่งตัวตรงดูระริกระรี้กว่าเมื่อกี้เป็นไหนๆ
“รู้ไหมว่าจูบคืออะไร?”
“มันเหมือนที่เราสองคนเคยทำลูกกันตอนเป็นเด็กหรือเปล่าอ่ะ แต่ซีวอนบอกว่ามันต้องใช้ลิ้นด้วยไม่งั้นไม่เรียกว่าจูบล่ะ”
กูอยากยกความดีความชอบให้กับมึงก็วันนี้ละวะซีวอน...
“หมอนั่นพูดถูกแล้ว ถ้าพี่จะจูบกับคิบอม จะปากแตะปากแบบนี้ไม่ได้นะ” พูดจบก็ยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากร่างบางเบาๆ ฮยอกแจสะดุ้งเล็กน้อยแต่เพราะมัวแต่สนใจกับประโยคที่ทงเฮพูดจบเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร
“แล้วต้องทำยังไงล่ะ”
“เห็นว่าเป็นพี่น้องกันหรอกนะ ฉันจะสอนให้ก็แล้วกัน”
“สอน? เรื่องแบบนี้เค้ามีสอนกันด้วยเหรอ”
“โหย นี่พี่ไม่รู้อะไรเลยสินะฮยอกแจ ไม่งั้นเค้าจะมีวิชาเพศศึกษาไปทำไมกัน”
“แต่วิชานั้นไม่เคยสอนเรื่องจูบเลยนะ”
“เค้ารอสอนตอนมหาลัยเถอะ ถ้าพี่รู้ตั้งแต่ตอนนี้ตอนเข้าเรียนมหาลัยพี่ก็เชิดหน้าอวดคนอื่นได้เลยล่ะ”
“...อย่างนั้นน่ะเหรอ”
“เออดิ”
“งั้นฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ?” ร่างบางถาม ทงเฮมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับกระดิกนิ้วเรียกอีกคนให้ขยับเข้ามา
“มานั่งบนตักฉันสิ”
ฮยอกแจทำตามอย่างว่าง่าย ร่างบางขึ้นไปนั่งบนตักอีกคนก่อนจะโอบรอบคออีกฝ่ายไว้แน่นเมื่อถูกพลิกลงนอนราบลงกับเตียงในทันที ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูดแต่เหมือนกับว่าคำพูดเหล่านั้นจะถูกกลืนลงคอไปหมดแล้ว
ตึกตัก...ตึกตัก...
เสียงหัวใจของฮยอกแจมันเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมือหนาไล้ไปตามแก้มของเขา กระพริบตาปริบๆ มองคนที่อยู่ข้างบนร่างกายตัวเองอย่างใจจดใจจ่อจนลืมจินตนาการไปแล้วว่าคนตรงหน้าควรจะเป็น...คิมคิบอม
“ตอนนี้รู้สึกยังไง”
“ห...หายใจไม่ค่อยออก”
ทงเฮระบายยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนอย่างที่ฮยอกแจไม่เคยเห็นมาก่อน นี่มันเกิดอะไรขึ้น อีฮยอกแจกำลังใจเต้นแรงเพราะอีทงเฮได้ยังไงกัน?
“งั้นทำใจไว้เถอะ เพราะหลังจากนี้พี่คงหายใจลำบากหน่อยนะ...ฮยอกแจ”
TALK
หายหัวไปนานมากจนคิดว่าแควนๆ คงลืมไปหมดแล้ว orz
ตอนนี้มาลงก่อนที่จะเตรียมตัวรวมเล่มอ่ะจ้า ไม่แน่อาจจะเปิดจองภายในอาทิตย์หน้านี้
เพราะจะเอาฟิคเรื่องนี้ไปขายที่งานอะไรวะ ที่เซนหลุยอะวันที่ 20 พ.ค.
ช่วงนี้ยุ่งมากทำงานกลางคืนเลยไม่ค่อยมีเวลานั่งเขียนฟิค
เอาเป็นว่าหลังจากจบงานฟิควันที่ 20 แล้วจะค่อยๆ เคลียร์ทุกอย่าง
สำหรับคนที่ยังไม่ได้ฟิคแฟนเพื่อน คือมันเด้งกลับมาหลายเล่มมาก orz ต้องเสียเงินส่งเพิ่มอีก
แล้วก็ใครที่ยังไม่ได้ฟิคแฟนเพื่อนคงได้จัดส่งหลังวันที่ 20 นี้อ่ะค่ะ เพราะช่วงนี้ตอนกลางวันคือนอน
คือถ้าจะเดินทางไปส่งหนังสือก็คือกินเวลาไปหลายชั่วโมง
มันทำให้ไม่ได้นอนและทำให้ไปง่วงเวลางาน TT
เลิกงานก็สิบโมงสิบเอ็ดโมง เดี๋ยวจะให้ลูกชายช่วยขนฟิคไปส่งไปรษณีย์ให้
ขอโทษที่โคตรล่าช้า แบบข้ามปีกันเลยทีเดียว
ปล.ส่วนใครที่คิดจะจองฟิคก็เตรียมตัวเตรียมใจโลดเด้อ
จองแล้วไปรับในงานได้
ความคิดเห็น