คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 13 : ความลับไม่มีในโลก.. ft.WonKyu
ความลับไม่มีในโลก..
ผมเองก็พึ่งรู้วันนี้นี่แหละ...
.
.
.
จวนจะถึงเวลาเข้าพิธีอยู่แล้ว.. หากแต่คนสี่คนกำลังนั่งทำหน้าตึงเครียดอยู่.. ร่างสูงโปร่งนั่งมองหญิงสาวสองคนละอีกคนที่เขาเรียกว่าคุณว่าเจ้าสาวด้วยอารมณ์โกรธสุดๆ
“…”
“มีอะไรจะแก้ตัวไหม?” อีทึกถามพร้อมกับมองไปยังว่าที่เจ้าสาว(?)ที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาสำนึกผิดไม่ได้ต่างไปจากคิมแทยอนที่นั่งอยู่ข้างๆเลย
“คุณอีทึกคะ.. อย่าโกรธยัยแทงกูเลยนะคะ... ที่สองคนนี้ทำไปต่างก็มีเหตุผลทั้งนั้น” เป็นควอนยูริเองที่เอ่ยปากแก้ตัวกับอีทึก แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นจะสูญเปล่าเมื่อคนตรงหน้ากลับแสดงท่าทีโกรธยิ่งกว่าเดิม
“เหตุผล?”
“อะ..อื้อ.. ก็... ก็.. แทแทไม่อยากแต่งงาน...ฮึก” หญิงสาวตัวเล็กเริ่มใช้สุดยอดท่าไม้ตาย... วิชาบีบน้ำตาคร่าชีวี.. แต่ยิ่งได้ยินคำว่า ‘แทแท’ จากปากคนตัวเล็กแล้วยิ่งทำให้เขาโกรธคิมฮีชอลยิ่งขึ้นไปอีก
“แทแท...งั้นเหรอ? หึ..” อีทึกว่าพลางกวาดสายตาไปทางร่างบางที่นั่งทำหน้าสำนึกผิดอยู่
“พี่ทึกช่วยแทแทด้วยนะคะ พี่เองก็ไม่อยากแต่งงานกับแทแทไม่ใช่เหรอ..” หญิงสาวตัวเล็กว่าพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับเขย่าแขน.. นี่ต่างหากคิมแทยอนตัวจริงที่เขารู้จักเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว
“ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วย” ร่างสูงถามอย่างไร้เยื่อใย
“อึ่ก.. ใจร้าย.. ฮือ..”
“คุณอีทึกคะ.. ช่วยยัยแทงกูด้วยเถอะ.. นะคะ” ควอนยูริพูดพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน
“ฉันจะยกเลิกงานแต่งงาน”
สิ้นสุดประโยคทำเอาทั้งสามคนเบิกตากว้าง.. ไม่นะ!!! คิมฮีชอลนั่งระลึกชาติไปตอนที่ยัยตุ๊กตาบลายธ์พูดถึงตอนความแตกแล้วก็อดสยองไม่ได้... เขาต้องตายเหมือนหมาข้างถนนแน่ๆ..
“ฮะ..เฮ้ย...”
“แต่งแล้วค่อยหย่าก็ได้นี่คะ.. เราต่างก็ได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่.. พี่จะได้ไม่ต้องผิดคำสัญญากับพ่อแม่.. ส่วนแทแทก็ไม่ต้องแต่งงาน.. ไม่ดีเหรอคะ”
คำพูดของคิมแทยอนทำให้อีทึกชั่งใจอยู่ไม่น้อย.. แต่มันก็ยังอดโมโหไม่ได้อยู่ดี.. พอมานั่งคิดๆดูแล้วก็น่าแปลกใจอยู่หรอก..ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันยัยเจ้าสาวตัวปลอมของเขาก็ทำท่าไม่เหมือนลูกคุณหนูแม้แต่น้อย.. ไหนจะคำพูดคำจาคะขาที่เคยพูดกับเขาอีกล่ะ.. โถ่.. ปาร์คจองซูทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ
“ใกล้จะถึงเวลาแล้วนะคะคุณอีทึก..” ควอนยูริพูดขึ้นมาอีกครั้ง.. ยังไงก็ยังคงหวังไม่ให้อีทึกเปลี่ยนใจ
“ถ้าความแตกขึ้นมา..”
“ไม่แตกแน่นอนค่ะ ฉันจะไม่ให้ความแตกแน่” คิมแทยอนรีบพูดแทรกขึ้น
“เธอจะแน่ใจได้ยังไง? เมื่อกี้ก็เห็นๆกันอยู่” พูดพร้อมกับส่งสายตาพิฆาตไปยังคิมฮีชอลอีกครั้ง.. เจ้าตัวได้แค่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วผิวปากกลบเกลื่อนความผิด..
ร้ายนักนะ..
“หึ..ยังไงก็จะไม่แต่งสินะคะ?” คิมแทยอนถามร่างสูงด้วยน้ำเสียงเย็น.. คิมฮีชอลรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวนั้น.. น้ำเสียงแบบนี้เหมือนที่เคยเอามาขู่เขาเป๊ะๆ
“ฉันไม่แต่ง.. เธอจะให้ฉันแต่งงานกับผู้ชายนิสัยม้าดีดกระโหลกนี่น่ะเหรอ?” อีทึกแค่นเสียงหัวเราะ
มือเล็กเปิดกระเป๋าสะพายข้างตัวเองออกก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารคู่ใจออกมา.. บีบีโบลด์ตัวเก่งของคิมแทยอน..นิ้วเรียวกดเปิดคลิปเสียงขึ้นมาให้ร่างสูงได้ฟังแล้วยกยิ้มมุมปาก
“เธอทำอะไรของเธอเนี่ย..”
“โอเคๆ ฉันสัญญา..”
“สัญญาว่าอะไรคะพูดให้จบ”
“ฉันสัญญาว่าจะเข้าร่วมพิธีแต่งงานกับเธอ พอใจแล้วใช่มั้ย?”
“ดีจังเลย~ แทแทไม่อยากเป็นหม้ายขันหมาก~”
“พูดอะไรของเธอ..”
“เราจะต้องแต่งงานกันนะคะโอป้า”
จบสิ้นกันแล้วสินะ.. อนาคตของปาร์คจองซู..
“คุณคิม.. พูดอะไรกับคุณอีทึกหน่อยสิคะ” ควอนยูริเอื้อมมือไปสะกิดขาของร่างบาง
“ก็..”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีทึกก็เบรคเขาซะแล้ว.. ฮีชอลได้แค่อ้าปากค้างพลางมองไปยังว่าที่เจ้าบ่าว.. จะเถียงก็ไม่ได้.. มันเป็นความผิดของเขาทั้งนั้นนี่นะ
“ทำไมถึงไม่ให้พูด....T[]T” ฮีชอลถามเสียงเย็น.. ทำไมไม่ให้พูดบ้าง.. เขาเองก็อยากพูดแบบเป็นตัวของตัวเองมานานแล้วนะ
“ฉันยังช็อคอยู่.. เธอ... ไม่สิ.. นะ..นายนี่มัน...ฮึ่ยยย!!!” อีทึกชี้หน้าคาดโทษร่างบางก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วคว้าข้อมือเล็กเอาไว้
“ดะ..เดี๋ยว..จะพาฉันไปไหน?” ฮีชอลถามพลางกับมองข้อมือตัวเองที่ถูกพันธนาการไว้
“ก็อยากแต่งงานนักไม่ใช่เหรอ? ฉันก็จะพานายไปแต่งแล้วนี่ไง”
พูดจาได้ซีรี่เกาหลีมาก.. แต่ประเด็นหลักคือเรื่องนี้มันไม่ใช่ซีรี่เกาหลี.. คิมฮีชอลไม่ได้อยากแต่งงานกับปู้จาย... คิมฮีชอลโดนบังค้าบบบบบบบบบบบบบบบ T[]T
.
.
.
ถ้าพูดถึงโบสถ์แล้ว.. คิมฮีชอลคงนึกถึงแสงแดดตอนสายๆในวันอาทิตย์
และเสียงเพลงขับร้องสรรเสริญพระเจ้าที่คิมฮีชอลไม่เคยฟัง...
มากกว่าพิธีแต่งงานที่ตัวเองกำลังพบเจออยู่ในตอนนี้..
.
.
.
ในพิธีวิวาห์ของคู่รักตระกูลผู้ดีเก่าที่มีหน้ามีตาในสังคม.. ผู้คนมากหน้าหลายตาต่างปรบมือยินดีให้กับคู่บ่าวสาว..
หมวกแต่งงานสีขาวที่สั่งทำแบบพิเศษเพื่อใช้ปิดบังใบหน้าของคิมฮีชอล เมื่อร่างบางเดินเข้ามาในโบสถ์ทุกคนต่างเพ่งมองใบหน้าที่อยู่ใต้ผ้าสีขาว.. อยากรู้จริงๆว่าคุณหนูคิมแทยอนลูกสาวคนเดียวของท่านฑูตจะมีใบหน้างดงามสักแค่ไหน
ร่างบางเกร็งไปหมด.. กว่าจะเดินออกทีละก้าวมันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน.. ในมือเรียวถือช่อดอกไม้อยู่.. แต่ตอนนี้ก้านดอกไม้คงหักเละไปหมดแล้วเพราะความตื่นเต้นของคิมฮีชอล...
ร่างสูงมองมายังเจ้าสาวตัวปลอมของตัวเองที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า.. บาทหลวงกำลังจะเริ่มทำพิธีแล้ว.. ถ้าเกิดเขายกเลิกงานแต่งตอนนี้มันคงไม่ทันแล้วล่ะ.. เพราะหันไปตรงที่นั่งก็พบกับพ่อแม่ของเขาที่กำลังนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจอยู่..
ปฏิเสธไม่ได้แล้วนะปาร์คจองซู...
“ปาร์คจองซูจะรับคิมแทยอนเป็นภรรยาหรือไม่...”
ถึงตอนจบแล้วสินะ..
ไม่สิ.. มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ต่างหาก..
.
.
.
คำถามนี้ทำเอาคิมแทยอนตัวจริงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายนั่งลุ้นจนตัวโก่ง.. ตอบไปซะ.. แต่ง!! เจ้าสาวตัวปลอมได้เพียงแค่ภาวนา.. ขอให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปให้เร็วที่สุด
“รับครับ” ตอบเสียงหนักแน่นทำเอาคนที่ยืนก้มอยู่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“คิมแทยอน.. จะยอมรับปาร์คจองซูเป็นสามีหรือไม่..”
เงียบ...
กลับเป็นฝ่ายฮีชอลซะเองที่ไม่กล้าตอบ.. ร่างบางหันไปมองคิมแทยอนอย่างชั่งใจก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาข่มขู่ของร่างเล็ก
“ยอม - รับ - ไป - ซะ” พอจะอ่านริมฝีปากของคิมแทยอนได้อย่างนั้น
ดวงตากลมโตช้อนมองร่างสูงที่ยืนจ้องเขาอยู่.. เดาไม่ออกเลยว่าอีทึกกำลังคิดอะไร
“รับค่ะ..”
“งั้นเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้” นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมองหน้ากันราวกับเห็นผี..
นั่นสินะ.. พอจบพิธีแล้วจุดไคลแมกซ์มันก็ตอนฉากจูบนี่แหละ..
อีทึกและฮีชอลคงมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องนี้ไป..
ไม่นะ.. ต้องจูบผู้ชายเรอะ..
“เอ่อ.. เจ้าบ่าว..จูบเจ้าสาวได้แล้วนะลูก..” บาทหลวงกระซิบย้ำร่างสูงอีกครั้ง.. อีทึกหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆเปิดหมวกแต่งงานออกเพียงเล็กน้อยเผยให้เห็นริมฝีปากอิ่มของคนตรงหน้าที่ตอนนี้สวยไม่แพ้หญิงแท้เลย
“รู้จักมุมกล้องไหม? มุมกล้องน่ะ..” ร่างบางกระซิบเบาๆเมื่อเจ้าบ่าวเริ่มยื่นใบหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้เขา
“ไม่รู้จัก”
พูดจบก็เชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาประกบริมฝีปากอย่างนุ่มนวล.. คิมฮีชอลเบิกตากว้างเหมือนโดนไฟฟ้าแสนโวลต์ช๊อตแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน..
นี่ไม่ใช่จูบแรกของผมก็จริง.. ผมเคยจูบแฟนสาวล่าสุดก็ตอน ม.ปลายปีหนึ่งแต่หลังจากนั้นก็โดนบอกเลิกเหตุผลเพราะผมสวยกว่าเธอ...
แต่นี่ผมกำลังจูบกับผู้ชาย...
และคำถามคือทำไมถึงได้รู้สึกใจเต้นแรงแปลกๆ
แถมยังไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยด้วยซ้ำ...
.
.
.
และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่สาวๆรอคอยนั่นคือช่วงที่เจ้าสาวจะต้องโยนดอกไม้.. มันเป็นพิธีสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าใครที่ได้รับช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวโยนนั่นแสดงว่าอีกไม่นานเธอคนนั้นต้องเป็นเจ้าสาวคนต่อไปอะไรเทือกๆนั้นแหละ
“โยนมาทางนี้~~~”
“ทางนี้ค่ะ!!”
ร่างบางมองเอือมๆพลางหันหลังแล้วถอนหายใจก่อนจะโยนช่อดอกไม้ไปข้างหลังแบบสั่วๆ ทำนองว่าโดนหัวใครก็ช่างหัวมันเถอะ
“พรึ่บ!!” เวรแล้วไง! จังหวะโยนดอกไม้นั้นหมวกแต่งงานของเจ้าสาวตัวปลอมดันหลุดออกโดยที่ไม่รู้ตัว คิมแทยอน ควอนยูริ และอีทึกต่างช็อคยืนช็อค.. คิมแทยอนพอจะรู้ว่าแขกบางคนในงานนี้เคยเห็นหน้าค่าตาของเธอมาบ้างแล้ว และต้องความแตกแน่ๆถ้าเกิดคิมฮีชอลหันหน้าเข้าหาผู้คนในตอนนี้...
“เฮือก!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อดอกไม้ตกมาอยู่ในมือของหญิงสาวร่างเล็ก...
“แทงกู!” ควอนยูริสะกิดเรียกเพื่อนที่ยืนอึ้งกับช่อดอกไม้ในมือ..
=[]=!!! อะ...อะไรเนี่ย!!
“ว๊ากกกกกกกก!!!” คิมแทยอนแหกปากลั่นพร้อมกับทิ้งช่อดอกไม้ในมือลงราวกับถูกของร้อนก่อนจะใช้เท้ากระทืบรัวๆ
ไม่เอานะ ฉันไม่ยอมแต่งงานเป็นรายต่อไปเด็ดขาด!!
ผู้คนระแวกนั้นอ้าปากหวอเมื่อเห็นคนตัวเล็กกระทืบช่อดอกไม้สีชมพูอย่างโหดร้ายทารุณ...
“นี่เธอ..ฮึ่ย!!..นาย!!! หมวกตกแล้วเห็นมั้ยเนี่ย!!” อีทึกว่าพร้อมกับก้มลงไปหยิบหมวกแต่งงานให้เจ้าสาวที่สุดแสนจะซื่อบื้อของเขาขึ้นมาให้ ร่างบางหันซ้ายขวาทำท่าเงอะงะที่เห็นแล้วโคตรขัดใจ อีทึกหันไปมองผู้คนมากมายที่กำลังมองคิมแทยอนที่กำลังดูเหมือนคนถูกผีเข้าเป็นตาเดียวกันจึงทำให้เขาใช้จังหวะนั้นพาฮีชอลวิ่งหายเข้าไปในโบสถ์...
.
.
.
หัวใจมีความสุขมากที่สุด..
ก็ต่อเมื่อมันเต้นเพื่อใครสักคน..
(ยอห์น 15:13)
.
.
.
“เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวหายไปไหนแล้วล่ะ” เสียงของผู้คนรอบข้างทำให้ร่างบางเดินฝ่าฝูงคนเข้าไปข้างในเรื่อยๆเพื่อเดินตามคนที่กำลังหายเข้าไปในโบสถ์โดยที่ไม่รู้ตัว..
คุณจองซู.. เดี๋ยวครับ.. อย่าพึ่งไป..
“คุณจะไปไหน?” ข้อมือเล็กถูกรั้งไว้โดยใครอีกคน ใบหน้าหวานหันกลับมามองเจ้านายก่อนจะหยุดยืนอยู่กับที่
“เอ่อ..” นั่นสิ..
นายจะเดินไปไหนน่ะคยูฮยอน.. ตามไปดูคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอเหรอไง
“ผม.. ไม่ได้ไปไหนครับ..” พูดเสียงอ่อนก่อนจะตัวปลิวเพราะถูกร่างสูงจูงมือออกมาจากสถานที่แออัดตรงนั้น
“ฮึ่ย!!!” คิมแทยอนถอนหายใจพร้อมกับกระชับเสื้อให้เข้าที่พลางมองไปยังดอกไม้ช่อนั้นอย่างพึงพอใจ..
อ้าว.. สองคนนั้น.. หายไปไหนแล้ว...
“ยัยแทงกู!!!” ควอนยูริตีแขนร่างเล็กจนหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ
“อะไรเล๊า!”
“คุณอีทึกหายไปแล้ว ถ้าไม่อยากถูกจับได้ก็เลิกทำตัวเป็นมาสคอสของงานสักทีเถอะ!” เพื่อนสาวกระซิบเบาๆทำให้แทยอนหันไปมองข้างๆ..
“เอ่อ.. ขอโทษครับ.. อะแฮ่ม... คือผม.. แพ้ดอกไม้น่ะ..” คิมแทยอนยืดอกก่อนจะควงสาวร่างผอมบางออกจากตรงนั้นหน้าตาเฉย.. ทิ้งไว้เพียงสายตาคนนับสิบที่มองเขาทั้งคู่อย่างประหลาดใจ
Mission... Complete
.
.
.
“โอ๊ยยยยยยย ปล่อยก่อนปล่อย เจ็บนะเว้ย!” ฮีชอลว่าพลางสะบัดข้อมือออกเมื่อเจ้าบ่าวของเขาลากเข้ามาในห้องแต่งตัว
“ยังไม่ทันไร นายก็เกือบทำให้ความแตกแล้วเห็นมั้ย?” อีทึกถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ร่างบางยืนจับผมหน้าม้าตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนความผิดพลางชำเลืองตามอง.. อารมณ์นี้เหมือนกำลังโดนพ่อดุอะไรทำนองนั้นแล
“ใครจะไปรู้เล่า.. แต่ก็ยังไม่มีใครจับได้นี่..” ฮีชอลพูดเบาๆด้วยความรู้สึกผิดปนแถน้อยๆ
“ซื่อบื้อ”
“ฉลาดตายล่ะ..” หันไปพึมพำเบาๆแล้วเบะปาก
“บ่นอะไร”
“ฉันพูดว่าอยากไปตลาด..”
“เพ้อเจ้ออะไรของนาย.. มานั่งนี่” พูดพร้อมกับตบโซฟาเบาๆเป็นเชิงสั่ง.. ร่างบางเบะปากแล้วเดินไปนั่งแผละข้างๆร่างสูง ทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร
“ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” อีทึกว่าพลางมองดวงหน้าหวานที่เสตามองเขาอย่างหวาดระแวง
“ใครจะไปรู้ เกิดนายนึกครึ้มขึ้นมาฉันจะทำไง?”
“คิดว่าตัวเองน่าพิศวาสนักรึไงหืม?” พูดพร้อมกับขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆคนตัวบาง คนถูกแกล้งได้เพียงแค่เอนหลังถอยไปเรื่อยๆเมื่อร่างสูงค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่..พิศวาส..ละ..แล้วยื่นหน้าเข้ามาทำไม?” ถามพลางยกมือขึ้นดันแผงอกแกร่งเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกคนได้รุกล้ำเข้ามามากไปกว่านี้ อีทึกหัวเราะในลำคอก่อนจะถอยออกไปนั่งในท่าสบาย
เงียบ...
บทจะเงียบก็เงียบจริงจัง.. บทจะทำให้กลัวก็เล่นเอาซะใจหายใจคว่ำ
“อย่างที่นายพูด”
หือ.. จะดราม่าอีกเหรอพ่อ...
“มันก็แค่ละครฉากนึง.. ที่มีฉันกับนายเป็นตัวเดินเรื่อง”
อยากบอกว่าปรับอารมณ์ตามคุณชายไม่ทัน..
“พอมานั่งคิดอีกทีก็น่าขำนะ.. เราแต่งงานกันแล้ว.. แล้วที่น่าขำกว่านั้นคือฉันกับนายเป็นผู้ชายทั้งคู่” อีทึกแค่นหัวเราะพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา ร่างบางนั่งนิ่งแต่สายตายังคงมองคนข้างๆอย่างเป็นห่วง ดูไม่ออกเลยว่าตอนนี้อีทึกคิดอะไรอยู่.. ช่างเป็นคนที่เดาใจยากจริงๆ
“นายกลัวพระเจ้าจะลงโทษเราสองคนเหรอไง?” ร่างบางถามขึ้น.. อย่างที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก
พระเจ้ากำหนดให้ผู้ชายและผู้หญิงเกิดมาเพื่อกันและกัน
“นายกลัวเหรอ?” ร่างสูงหันมาถามคนตัวเล็กกว่า ดวงตากลมโตค่อยๆหลุบลงต่ำ.. ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ แต่เพราะคำพูดของอีทึกนั้นทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนั้นช่างไร้ค่าเหลือเกิน
“ทำไมต้องกลัว เราไม่ได้รักกันสักหน่อย.. พระเจ้าของนายคงไม่ลงโทษเราหรอก” พูดติดตลกไปหวังให้ใครอีกคนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่
“แล้วถ้าเกิดวันนึงเรารักกันขึ้นมาล่ะ นายกลัวโทษที่จะได้รับมั้ย?” สิ้นประโยคนั้นทำให้ฮีชอลคิดไปชั่ววูบนึงว่าคนตรงหน้าไม่ได้รังเกียจเขาอย่างที่คิด นั่นสิ.. ถ้าเกิดวันนึงผมตกหลุมรักเจ้าชายหุ่นยนต์ขึ้นมาจริงๆล่ะ.. ถึงวันนั้นผมจะต้องทำยังไงนะ?
“...อย่าพูดอะไรที่มันไม่มีวันเป็นความจริงได้ป่ะ” ร่างบางว่าพลางหรี่ตามองอีกคน อีทึกหลุดหัวเราะออกมาเพราะคำพูดและท่าทางน่ารักๆของฮีชอล มันน่าแปลกเกินไปมั้ย? ที่เวลาเขาอยู่กับฮีชอลแล้วจะรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
“สิ่งเดียวที่จะไม่มีวันเป็นความจริงคือ.. พระเจ้าจะไม่มีวันลงโทษเราถึงแม้ว่าเราสองคนจะรักกันจริงๆก็ตาม”
.
.
.
รู้มั้ยผมไม่ชอบอีทึกตรงไหน
ผมไม่ชอบใบหน้าหล่อๆของเขาที่ชอบแสดงสีหน้านิ่งเฉย
ผมไม่ชอบเวลาเขาฝืนหัวเราะเลยสักนิด
ผมไม่ชอบเวลาที่เขาฝืนยิ้ม
รู้ไหมว่านั่นมันทำให้ลดความน่ารักของเขาไปตั้ง 40% เลยนะ!
แต่ผม..กลับชอบมองลักยิ้มเล็กๆของเขาเวลาหลุดหัวเราะตอนเห็นผมทำเรื่องน่าอายซะมากกว่า...นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย..
.
.
.
“หายตัวไปไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้รู้มั้ยว่าแขกเขาตกใจกันน่ะ” เสียงที่คุ้นเคยทำเอาร่างสูงหันไปมองผู้มาใหม่ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
“พี่อินฮยอง”
“อุ่ย..” ฮีชอลรีบจัดเผ้าผมตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นปัดกระโปรงฟูกสีขาวฟูฟ่องแบบสั่วๆแล้วเดินมาหยุดยืนข้างหลังอีทึก
“พี่พึ่งมาถึง.. ไม่ทันเห็นนายเข้าพิธีเลย.. ต้องขอโทษด้วยนะ” พี่สาวคนโตว่าพร้อมกับเดินมาจัดเผ้าผมที่เซทไว้อย่างดีให้กับน้องชายตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับ แค่พี่มาผมก็ดีใจมากแล้ว”
ทีงี้ล่ะทำตัวเป็นลูกหมาแสนเชื่องเชียวนะคุณชายอีทึก..
“พูดจาห่างเหินเชียว นายทำงานหนักเกินไปเหรอจองซู.. ไม่ต้องเป็นทางการกับพี่ขนาดนั้นก็ได้นะ” ว่าพลางหยิกแก้มน้องชายสุดที่รักก่อนจะหันไปมองเจ้าสาวของร่างสูงแล้วหันกลับมายิ้ม
“สวัสดี...ค่ะ” ฮีชอลพูดเบาๆพร้อมกับโค้งหัวจนแทบติดเข่า ถึงจะพอชินบ้างแล้วกับการลวงโลกเป็นผู้หญิงแต่พอถูกจับได้แล้วจะให้มาพูดจาคะๆขาๆเหมือนเดิมมันก็กระดากปากอยู่...
“สวัสดี.. คิมแทยอนสินะ” ร่างเล็กถามก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าฮีชอล.. ดวงตากลมโตหันไปมองเจ้าบ่าวของตัวเองส่งสายตาขอความช่วยเหลืออย่างด่วน
“คะ...ค่ะ”
“น่ารักกว่าที่คิดแฮะ..”
“ขะ..ขอบคุณมากค่ะ..” ร่างบางหัวเราะแห้งๆ ก็เพราะสายตาที่ดูเหมือนจะจับผิดของคนตรงหน้านั่นแหละที่ทำให้เขาต้องเลิกลั่กแบบนี้.. อีทึกมองฮีชอลกับพี่สาวตัวเองสลับกันไปมา เดาไม่ออกเลยว่าพี่สาวของเขากำลังคิดอะไรอยู่
“จองซู.. ออกไปรับแขกสิ.. เดี๋ยวพี่จะดูแลเจ้าสาวนายให้เอง”
ประโยคนี้ให้ฟีลเหมือนกับตอนที่เขาอายุ 10 ขวบขณะนั่งรอหมอเรียกไปขึ้นเขียงฉีดยาอะไรทำนองนั้นไม่มีผิด.. ความรู้สึกแบบ.. บอกไม่ถูกเลย.. ให้อารมณ์เหมือนโดนเรียกไปเข้าห้องดับจิตบวกกับฉีดยาไปด้วยอะไรเทือกๆนั้นแหละ
“เอ่อ..” อีทึกมองหน้าฮีชอลอย่างชั่งใจ.. ไม่ได้อยากทิ้งนายไปหรอกนะ.. แต่ฉันไม่อยากลองดีกับพี่อินฮยองสักเท่าไหร่..
“หืม? กลัวพี่ทำอะไรเจ้าสาวนายอย่างนั้นเหรอจองซู? อ๊ะ..กาฮีมาพอดีเลย..ไม่ต้องห่วงนะ.. พี่จะดูแลเจ้าสาวของนายเอง” อินฮยองยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย.. ฮีชอลปาดเหงื่อ หายใจเข้าปอดลึกๆ.. เอาวะ.. วันนี้วันเดียว.. จัดเต็มมาให้หมด!
“จองซู.. เลขาใหม่ของซีวอนก็มาแน่ะ.. ออกไปทำความรู้จักกับเขาหน่อยสิ” ปาร์คกาฮีเดินเข้ามาหยุดยืนข้างๆปาร์คอินฮยองยิ่งทำให้ฮีชอลอยากจะตบหน้าผากตัวเองแรงๆซะเดี๋ยวนั้น
“เขามาด้วยเหรอครับ?”
“อื้ม.. มากับซีวอนน่ะ”
“อ่า.. งั้น..”
“โอป้าไปเถอะค่ะ... แทแทอยู่ได้......” ประชดนะอีทึก ฉันประชดอยู่ รีบตอบกลับมาแบบพระเอกเร๊ววว
“ก็ได้.. ฝากแทยอนด้วยนะครับพี่” อีทึกยิ้มก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับไป
เฮ้ยย!! ไม่ใช่เว้ย!! กลับม๊า...!!!
“เรามาทำความรู้จักกันหน่อยดีมั้ย? คุณหนูคิมแทยอน”
เฮือกกกกกกกกกกก...
.
.
.
หนทางที่ดีที่สุดที่จะลืมปัญหาของตนเอง
ก็คือการช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น..
"มนุษย์ อย่ามองเพียงปัญหาของตนเอง แต่ทุกคนควรมองดูปัญหาของผู้อื่น"
(ฟิลลิปปี 2:4)
.
.
.
แก้วไวน์ขาวถูกถือไว้ในมือเรียวอยู่นานแล้วและปริมาณของมันกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ร่างบางยืนจ้องรูปปั้นคิวปิดสีขาวอยู่อย่างนั้นไม่ละสายตาไปไหน..
“พี่ชายคะ~” ร่างผอมบางต้องตื่นจากภวังค์เมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังกระตุกชายเสื้อของเขาอยู่.. ดวงตาสีน้ำตาลก้มลงมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กราวกับตุ๊กตาในชุดแซกสีขาวกระโปรงฟูฟ่องอีกทั้งยังมีปีกนางฟ้าติดมาด้วย เด็กสาวตัวเล็กกำลังยืนมองเขาตาปริบๆ ดวงตากลมโต แก้มอมชมพูจู่ๆก็หัวเราะออกมา
“ตรงนี้แดดร้อนจัง ไปนั่งตรงม้านั่งกับเยอึนดีกว่านะคะ” เด็กสาวว่าพลางกระพริบตาปริบๆ ริมฝีปากสีเชอรี่ที่เอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วนั่นทำให้คนที่กำลังจมดิ่งในความเศร้าอย่างโจวคยูฮยอนยิ้มออกมาได้
“หนูชื่อเยอึนเหรอครับ?” ร่างผอมบางถามพลางวางแก้วไวน์ไว้บนแท่นหินที่เขายืนพิงอยู่ก่อนจะนั่งลงยองๆให้ระดับสายตาตรงกัน มือเรียวยกขึ้นปัดเศษใบไม้ออกจากไรผมคนตัวเล็กให้อย่างเบามือ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกด้วยความเอ็นดู
“ค่ะ.. แล้วพี่ล่ะค่ะชื่ออะไร~”
“พี่ชื่อคยูฮยอนครับผม”
“ชื่อเพราะจังเลย~ พี่กายู.. -3-”
“ชื่อเยอึนก็เพราะเหมือนกันครับ” ริมฝีปากบางยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนน่ารักของเด็กสาวคนนี้.. ลูกสาวใครนะ.. น่ารักจริงๆ
“เยอึนไม่มีเพื่อนเลยค่ะ เยอึนเหงา.. เยอึนลืมเอาคุณโดโมะมาด้วย ( ‘.’)”
“แล้วนี่เรามากับใครครับ.. ทำไมถึงถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวแบบนี้” ถามพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือเด็กสาวตัวเล็กเข้าไปนั่งใต้ร่มไม้
“มากับคุณกาฮี พี่ทงเฮ พี่ฮยอกแจ แล้วก็คุณลุงคิมด้วย” คนที่พูดมาคงจะเป็นญาติพี่น้องของเด็กคนนี้สินะ.. ทำไมพ่อแม่ถึงปล่อยให้เด็กตัวแค่นี้ออกมาเดินเพ่นพล่านคนเดียวแบบนี้ล่ะ
“แล้วพวกเขาไปไหนหมดล่ะครับ”
“พี่ทงเฮพาพี่ฮยอกแจไปไหนแล้วก็ไม่รู้..ไม่สนใจเยอึนเลย เยอึนงอนแล้ว..” ว่าพร้อมกับยู่ปากงอน เด็กสาวชูไม้คฑานางฟ้าที่อยู่ในมือแกว่งไปมาอย่างน่ารัก คยูฮยอนลูบหัวเด็กสาวพลางมองไปรอบๆ ป่านนี้พ่อแม่เด็กอาจจะตามหาอยู่ก็ได้
“แล้วคนอื่นๆละครับ~”
“คุณพ่อให้เยอึนมาเล่นกับพี่ชาย~ คุณพ่อบอกว่าพี่ชายใจดี” จู่ๆเด็กสาวก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง เมื่อกี้ยังหน้าบึ้งตึงเพราะโดนทิ้งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ.. ว่าแต่คุณพ่อของเด็กคนนี้เป็นใครกันนะ? รู้จักเขาด้วย?
“คุณพ่อของเยอึน..?”
“ผมเองครับ”
เสียงนี้อีกแล้ว..
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ที่ยืนบังแสงแดดจากดวงอาทิตย์ให้กับเขา..
อีกแล้วสินะ..
ทั้งที่คิดว่าเสียงนี้คือเสียงของคนที่เขาคุ้นเคย.. แต่ทำไมกลับไม่ใช่คนๆนั้น..
“คุณซีวอน..”
คุณเป็นพ่อของเยอึนอย่างนั้นเหรอ?
“คุณ~~~~~พ่อ~~” เด็กสาวกระโดดลงจากม้านั่งแล้วเดินเข้าไปกอดของร่างสูงที่นั่งลงยองๆเพื่อมอบอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นให้ลูกสาวสุดที่รัก
“คุณพ่อให้เยอึนมาเล่นกับพี่ชาย~ คุณพ่อบอกว่าพี่ชายใจดี”
ทั้งที่เจอกันไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ.. แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่าเขาสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆของลูกจ้างหน้าใหม่อย่างเขาด้วยเหรอ..
“นางฟ้าน้อยหิวรึยังเอ่ย~” ถามเด็กสาวตัวเล็กที่ถูกอุ้มอยู่.. ช็อคอยู่เหมือนกันที่รู้ว่าคุณซีวอนมีลูกแล้ว
“หิวมากเลยค่ะ เยอึนอยากกินเยงลี่~ คุณพ่อพาเยอึนไปกินนะคะ~” ดวงตากลมโตสบตากับผู้เป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“เอ.. จะพาไปดีมั้ยนะ~~” ลักยิ้มเล็กๆผุดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปยังคนในอ้อมกอด
“ไปสิคะ คุณพ่อพาพี่กายูไปด้วยนะ ‘ ‘-” ร่างสูงหันไปมองร่างบางที่นั่งอยู่
“ไม่เป็นไรครับ คุณไปกับครอบครัวเถอะ” คยูฮยอนรีบปฏิเสธ คนนอกอย่างเขาไม่ควรเข้าไปขัดเวลาครอบครัว
“ยังไงผมก็ต้องไปส่งคุณอยู่ดี” ซีวอนพูดก่อนจะนั่งลงข้างๆคยูฮยอน ทิ้งช่องว่างไว้เพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูอึดอัด
“อ๊ะ! ปี๋เฉื้อ!! คุณปี๋เฉื้อรอเยอึนก่อน~~” นางฟ้าน้อยถือคฑาวิ่งไล่ผีเสื้ออย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะคิกคักทำให้คนสองคนที่นั่งอยู่หลุดยิ้มออกมา
“อย่าไปไกลนะลูก” ตะโกนไล่หลังด้วยความเป็นห่วง.. แต่แล้วก็กลับเข้าสู่บรรยากาศเดิมๆ..
เงียบ...
“ผมมานั่งคิดๆดูแล้ว..ถ้าคุณลำบากใจ..คุณไม่ต้องจ้างผมก็ได้นะครับ” มือเรียวออกแรงบีบมืออีกข้างเพราะรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก.. ร่างสูงหันไปมองคนข้างๆที่จู่ๆยิงคำถามแปลกๆขึ้นมาก่อนจะหันกลับไปมองข้างหน้า
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” ดวงหน้าหวานก้มหน้าลงยิ่งกว่าเดิม.. ถ้าบอกเหตุผลไปคงถูกหาว่างี่เง่าแน่ๆ..
“ที่พูดแบบนั้น.. เพราะผมไม่ใช่คุณจองซูใช่ไหมครับ?” ถามพร้อมกับยิ้มบางๆให้กับคนข้างๆ คยูฮยอนเบิกตากว้างรีบยกมือขึ้นปฏิเสธในทันที
“มะ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ.. คือ... คือผมหมายถึงว่า.. ผม..” ร่างบางอยากเอาหัวโขกต้นไม้ให้ความจำเสื่อมไปซะให้รู้แล้วรู้รอด พูดอะไรออกไปนะโจวคยูฮยอน
“ถ้าไม่ใช่.. แล้วทำไมถึงอยากออกล่ะครับ?”
“ผมไม่ได้อยากลาออกนะครับ.. ผมหมายความว่า..ถ้าเกิดผมทำได้ไม่ดีพอ.. คุณจะไล่ผมออกก็ได้..”
“ยังไม่ทันเริ่มก็ท้อซะแล้วเหรอครับ..”
คยูฮยอนที่ผมรู้จักต้องเข้มแข็งกว่านี้สิครับ..
“คือ..ผม..” มือเรียวออกแรงบีบหนักกว่าเดิมเมื่อยิ่งคุยยิ่งกดดัน.. ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดจาทำร้ายจิตใจเขาเลยแท้ๆ.. แต่ทำไมถึงรู้สึกกดดันได้ขนาดนี้นะ..
“อ๊ะ..!!” มือเรียวถูกกุมเอาไว้โดยใครอีกคน.. ร่างสูงมองมือเรียวพลางพลิกไปมาก่อนจะเป่าลมลงบนหลังมือเบาๆ
“….”
ดวงหน้าหวานขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้.. ชเวซีวอนกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้า..
“แดงหมดแล้วนะครับ อย่าบีบมันสิ” มือหนาวางมือเรียวลงบนหน้าขาอีกคนพร้อมกับยิ้มให้ คยูฮยอนรู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นแรงจนน่ารำคาญ
“....”
“กลัวผมเหรอ?” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเรียบ
“มันไม่เชิงเรียกว่ากลัวหรอกครับ.. แต่ผมแค่ยังไม่ชิน..” ร่างบางสบตาซีวอนได้เพียงแค่สามวิเท่านั้นก็ต้องรีบเบือนหน้าหนี
ยังไม่ชินที่ต้องพบปะ พูดจา และสัมผัสกับคนอื่นเพราะช่วงที่เขาตาบอดนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเดินในทางที่แสนมืดมนอยู่คนเดียวมาโดยตลอด.. จนมีคนๆนึงเข้ามาในชีวิต.. เข้ามามอบแสงสว่างให้กับเขา.. และพอเขาวิ่งตามก็พบว่าแสงสว่างนั้นได้ค่อยๆเลือนหายไป...
“ถ้าคุณยังไม่ชิน.. คุณจะหลับตาคุยกับผมก็ได้นะ..” ร่างสูงยิ้มพร้อมกับหลับตาลง.. คยูฮยอนมองอีกคนด้วยความงุนงงก่อนจะค่อยๆหลับตาลงบ้าง.. มันจะช่วยได้รึเปล่านะ...
อ่า.. ความมืดแบบนี้...
ผมว่าผมคุ้นเคยกับมันนะ...
“รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างไหมครับ?” ยิ่งหลับตา.. ยิ่งทำให้มั่นใจว่าคนๆนี้แหละคือคนที่เขากำลังตามหาอยู่..
แต่ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากหรอกนะ.. ว่าคุณซีวอนคือคุณความฝันของเขา.. ถ้าเกิดใช่จริงๆ.. คุณซีวอนต้องพูดอะไรบ้างสิ.. ต้องทำเหมือนจำเรื่องราวที่เคยมีระหว่างเราได้บ้าง.. แต่นี่เขาไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย..
เขาถึงได้จมปลักกับคำสามคำนั้น..
ปาร์ค – จอง – ซู
“จะเรียกว่าสบายใจก็คงไม่ได้.. ผมไม่ได้ลำบากใจหรอกนะครับ..” คยูฮยอนพูดทั้งที่หลับตาอยู่ ริมฝีปากบางยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว... ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆพลางมองไปยังร่างสูงที่นั่งหลับตาอยู่ข้างๆด้วยความรู้สึกที่แยกไม่ถูก..
ถ้าเกิดผมสามารถมองอะไรเห็นได้เหมือนเดิมแล้วผมจะรู้สึกแย่ขนาดนี้..
สู้ผมตาบอดแล้วอยู่ในความฝันเหมือนเดิมซะยังจะดีกว่า...
หลอกตัวเองไปวันๆว่าเขายังคงอยู่.. ไม่ไปไหน..
หลอกตัวเองว่าคนข้างๆคือคุณความฝันที่รอมานานแสนนาน...
สุดท้ายนายก็เป็นคนที่ชอบหลอกตัวเอง.. โจวคยูฮยอน
talk with writer
มันออกมาได้ไม่ตีเพราะช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนบ่อยมากค่ะ
= =';
ความคิดเห็น