ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | He's mine "Teacher"

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 : Friend?

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 55


      

     






     
     

    Chapter 8

    ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...ฟอร์มจัดที่สุด

     

     




     

    ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...

    ท่ามกลางความเงียบในยามค่ำคืนที่ได้ยินเพียงแค่เสียงเข็มนาฬิกาเท่านั้น ผมควรจะหลับได้แล้วเพราะพรุ่งนี้คือวันจันทร์แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม เอาแต่นอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมานับครั้งแทบไม่ถ้วน ต้นเหตุมันมาจากอะไรนะ...อาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำล่ะมั้งครับที่ทำให้ผมนอนไม่หลับแบบนี้ พอนึกถึงก็หน้าแดงขึ้นมา ผมกล้าขอให้ครูจูบแบบนั้นได้ยังไงกัน (เขินจังเลยครับ) สุดท้ายก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียง อ๋า...นี่ตีสองแล้วเหรอครับเนี่ยไวจังเลย

    ผมก้าวลงจากเตียงแล้วเดินออกจากห้อง เป้าหมายคือตู้เย็นในห้องครัว ถ้าได้ดื่มนมสักแก้วอาจจะทำให้ผมหลับลงก็ได้ เปิดตู้เย็นแล้วเทนมใส่แก้วกระดกไปอึกใหญ่แล้วยืนนิ่งปล่อยให้มันไหลลงไปอยู่ในกระเพาะอย่างช้าๆ พยักหน้าสองสามทีแล้วปิดตู้เย็นก่อนจะผงะถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเห็นใครอีกคนที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่

    “ครูไม่นอนเหรอครับ”

    นอนไม่หลับเหรอ

    เราทั้งคู่โพล่งคำถามออกมาพร้อมกัน ผมยืนเงียบพลางใช้มือทั้งสองข้างถือแก้วเอาไว้แล้วถอยหลังไปอีกสองก้าวเมื่อครูเดินเข้ามาเปิดตู้เย็น ตอนนี้มีเพียงแค่แสงสว่างจากห้องโถงเท่านั้นที่ทำให้ผมมองเห็นอะไรได้ ผมมองครูที่กำลังดื่มน้ำก่อนจะปิดตู้เย็นแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

    หน้าตาแบบนี้คงยังไม่ได้นอนใช่ไหม?

    ครับ

    เป็นอะไรไป มีไข้เหรอหืม?

    เปล่านะครับครู ผมปรกติดีพูดจบครูก็เชยคางผมขึ้นแล้วเอาหน้าผากมาชนกัน ผมเบิกตากว้างเมื่อใบหน้าของครูอยู่ใกล้ผมเกินไปแล้ว

    อืม...

    ...ผมไม่ได้ป่วยหรอกครับครู” ผมพูดเบาๆ สิ่งที่ครูกำลังทำอยู่มันให้ผมคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ บอกตามตรงว่าผมเองก็ยังเขินไม่หายที่พูดจาแบบนั้นออกไปครับ

    ตัวนายอุ่นๆ

    ตัวครูต่างหากล่ะครับที่อุ่น...ผมแย้งขึ้นมาพร้อมกับช้อนตามอง ผมเห็นหน้าครูไม่ชัดเท่าไหร่ครับเพราะมันย้อนแสง

    งั้นก็แสดงว่าตัวเราอุ่นทั้งคู่ครูหัวเราะทั้งที่หน้าผากของเรายังคงแนบกันอยู่อย่างนั้น ผมพยักหน้าก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายจุ๊บหน้าผากเบาๆ

    ครูเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน

    ทำไมครับ ครูรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหรอ ผมว่าแล้วเชียว...

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครูยิ้มพลางยืนพิงกับซิ้งค์ล้างจานแล้วเอื้อมไปกดสวิซต์ไฟที่อยู่ไม่ไกล ผมเดินเอาแก้วไปล้างก่อนจะหันกลับไปมองครูที่กำลังมองผมอยู่

    ครูคิดว่ามันคงเป็นเหตุผลเดียวกันที่นายนอนไม่หลับ

    ...เอ๋?

    ไม่มีอะไร...ไปนอนกันเถอะดึกแล้ว” ครูเดินมาขยี้หัวผมแล้วก็เดินออกจากห้องครัวไป ผมได้เพียงแค่มองแผ่นหลังกว้างนั้นจนลับสายตาไป นี่แหละครับนิสัยของครู ชอบพูดค้างๆ คาๆ ให้ผมเดาเล่นไปเรื่อย

    หันไปเห็นตารางสอนที่แปะอยู่หน้าตู้เย็นแล้วก็เพ่งตามองก่อนจะเห็นปฏิทินที่แปะอยู่ข้างๆ ตัวหนังสือสีแดงเด่นหรากำกับย้ำว่าออกข้อสอบ’ ผมเดินไปหยุดหน้าห้องครูแล้วยืนมองประตู ผมไม่ได้คิดจะเคาะมันหรอกนะครับแค่ขามันเดินมาหยุดตรงนี้เอง (ขาผมช่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกจริงๆ) ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ ลอดออกมา นั่นทำให้ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าใครกันแน่ที่ป่วย (ครูนี่ปากแข็งจริงๆ เลย) แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่ผมจะเคาะประตูแล้วปลุกครูมาแล้วพูดว่าครูนั่นแหละครับที่ป่วย ผมก็เลยหันหลังเดินกลับเข้าห้องตัวเองแล้วพยายามข่มตาหลับ




    เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเลยครับ โดยรวมแล้วผมนอนไปแค่ชั่วโมงครึ่งแต่ก็ทนแรงต้านทานของนาฬิกาปลุกข้างหัวเตียงกับแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือใต้หมอนไม่ได้ ผมลุกมาล้างหน้าแปรงฟันเข้าครัวเตรียมทำข้าวกล่องให้กับครูครับ นี่คือเหตุผลที่ผมต้องมายืนสัปหงกตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันแบบนี้

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ทันทีที่รถจอดเข้าที่ลานจอดรถสำหรับครูอาจารย์ ผมก็หันไปมองคนข้างๆ ที่อาการไม่ค่อยดีนัก ผมสังเกตเห็นครูแอบไออยู่บ่อยๆ ผมคิดว่าครูกำลังทำซึนครับ ครูคงไม่อยากให้ผมเป็นห่วงเลยเก็บอาการเอาไว้

    เดี๋ยวครับครูผมดึงแขนเสื้อครูไว้เพียงเบาๆ เพราะกลัวมันจะยับ ครูหันกลับมามองผมขณะกำลังจะลงจากรถ ผมหัวเราะแหะๆ ก่อนจะยื่นข้าวกล่องที่ห่อด้วยผ้าสีฟ้าลายจุดให้ ครูเลิกคิ้วมองก่อนจะจ้องหน้าผมด้วยความสงสัย ผมได้แต่ยื่นไปข้างหน้าอีกหวังว่าครูจะรับไปสักทีแต่เขาก็เอาแต่มองผมอยู่อย่างนั้น

    ข้าวกล่องครับ

    หืม?

    ครับ...ข้าวกล่องผมไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากประโยคเดิม เหมือนกับพวกตุ๊กตาที่บีบตรงท้องแล้วก็จะพูดประโยคซ้ำๆ ผมยังคงยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ก็รู้ครับว่ากำลังยิ้มแปลกๆ แต่จะให้หุบยิ้มตอนนี้มันคงไม่ดีแน่ ย่าผมบอกว่าคนป่วยต้องการกำลังใจ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องยิ้มเข้าไว้

    ให้ครูน่ะเหรอ

    ใช่ครับ

    ขอบใจนะ

    ผมเตรียมคำตอบมาซะดิบดีแต่ครูกลับไม่ถามผมสักคำว่าผมทำข้าวกล่องอันนี้มาเพื่ออะไร สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในตอนนี้คือยิ้มเก้อแล้วมองครูเดินลงจากรถไปครับ พอประตูปิดลงครูก็โผล่หน้ามาให้ผมเห็นพร้อมกับกวักมือเรียก...เดี๋ยวนะครับ...ครูคนที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นแรงและแสนละมุนละไมคนเมื่อคืนหายไปไหนแล้ว ทำไมตอนนี้มีแต่ครูที่ป่วยและดูเร่งรีบอีกทั้งยังปล่อยเซอร์ผมอีก

    ผมเดินลงไปช้าๆ ช่วงนั้นสมองผมก็ประมวลตามไปด้วยหรือสิ่งที่ผมทำไปมันจะไม่ประทับใจครูนะ

    สายแล้วสายตาของครูเหมือนกำลังสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในตัวผม

    นั่นสินะครับ สายแล้ว ใช่เลย...สายแล้วผมหันไปหัวเราะเกินจริงก่อนจะพยักหน้าหงึก ครูหัวเราะแล้วโบกมือลาผมแล้วเดินเข้าไปในตึก เป็นอีกครั้งที่ผมได้แค่ยืนมองแผ่นหลังของครู ในใจผมมันเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมครูถึงมีท่าทีแปลกไปจากเดิม

     

     

    .

    .

     

     

     

    รู้ตัวบ้างไหมว่าพักนี้นายเอาแต่ทำหน้าตูดฮยอกแจทักผมที่กำลังนั่งเอาคางเกยโต๊ะ ผมชำเลืองมองคนที่นั่งเท้าทางมองอยู่ข้างๆ แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

    เหรอครับ งั้นตอนนี้หน้าตามันคงไม่น่ามองสักเท่าไหร่สินะ

    อยากเล่าให้ฉันฟังไหมล่ะ -.- ฮยอกแจยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วส่ายหน้าพรืด

    ไม่อยากเล่าครับ

    ตอบแบบอ้อมค้อมก็ได้นะเล่นพูดแบบนี้รู้บ้างไหมว่าคนถามเขาติดสตั้น -_-” ฮยอกแจทำหน้าเนือยใส่ผม คือมันไม่ใช่อย่างที่ฮยอกแจคิดนะครับ

    มันเป็นเรื่องที่ผมเล่าให้ใครฟังไม่ได้นี่ครับฮยอกแจ

    ฉันไม่ใช่ใครที่นายกำลังพูดถึง นี่ใคร? ว่าที่แฟนนายในอนาคตทั้งคนเลยนะฮยอกแจยิ้มแล้วกลอกตาใส่ผม

    ว่าที่แฟนอะไรครับ

    แฟนไง Boyfriend Right?”

    ผมมองหน้าฮยอกแจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เบือนหน้าหันไปถอนหายใจ พอเห็นอย่างนั้นฮยอกแจก็ผลักหัวผมจนเซเลยครับ ไม่รู้ผมทำอะไรให้เขาไม่พอใจ

    นี่นายกล้าเมินฉันเหรอโจคยูฮยอน เดี๋ยวบั๊ด!”

    ฮยอกแจครับ

    ไร

    จูบแรกของฮยอกแจกับครูทงเฮน่ะ มันเกิดขึ้นก่อนหรือหลังคบกันเหรอครับ” ผมลดระดับเสียงลงเพราะเรื่องนี้มันอาจทำให้ฮยอกแจเดือดร้อนได้ เพราะที่ๆ เรานั่งอยู่มันคือสถานที่สาธารณะนี่ครับ ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นี่ถึงแม้ว่าเพื่อนๆ จะยังเข้ามาไม่ครบแต่เชื่อเถอะว่าเรื่องที่ผมพูดออกไปถ้าไม่ระวังมันอาจถึงหูครูอังคณาก็ได้

    หืม...ถามแบบนี้แสดงว่านายเพิ่งมีจูบแรกมาล่ะสิ

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คือผมจะสมมติว่าถ้าเกิดจูบกับใครคนหนึ่งทั้งที่ไม่ได้เป็นแฟนกันเนี่ย สถานะแบบนั้นเค้าเรียกว่าอะไรเหรอครับ

    99% ของคนที่พูดว่าสมมติมักจะเป็นเรื่องจริง สารภาพมาเถอะโจคยูฮยอนแล้วฉันจะรูดซิปปากตัวเองไว้ด้วยช็อคโกแลตแท่งนี้ฮยอกแจชูคิทแคทขึ้นมาระดับใบหน้าผมพร้อมกับทำตาปริบๆ ทำไมเขาถึงอยากรู้เรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองด้วยนะครับ

    มันเป็นเรื่องของเพื่อนผมน่ะครับฮยอกแจ...

    โกหก หน้าอย่างนายมีฉันคนเดียวเป็นเพื่อนก็ถือว่าปาฏิหารย์แล้ว พูดออกมาซะ!” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกตะคอกใส่หน้า เพื่อนร่วมห้องนี่หันมามองเราสองคนเป็นตาเดียวกันเลยล่ะครับ

    ไม่ต้องมอง! ฉันกำลังพลอดรักกับไอ้แว่นนี่อยู่เห็นไหม - -+”

    ฮยอกแจร็อคจังเลยเดี๋ยวก็โดนเพื่อนรุมอัดหรอกครับ...ผมชี้ไปยังกลุ่มผู้ชายหน้าห้อง

    นี่มันไม่ใช่เวลามาพูดจาอ้อล้อนะ ฉันกำลังจะช่วยนาย ปลดปล่อยความทุกข์ออกจากหัวใจของนายไงไม่ดีเหรอ?

    เอ๋...

     

     

    นายน่ะ...จูบกับครูซีวอนมาแล้วสินะ...?

     

     

    ผมสะดุ้งสุดตัวจนเกือบหงายหลังแต่ก็ได้ฮยอกแจคว้าเอาไว้ทันครับ เสียงเย็นๆ ของเขาเมื่อครู่กับสายตาเจ้าเล่ห์ในตอนนี้มันช่างน่าผวาเสียเหลือเกิน ผมกลืนน้ำลายเอื้อกพยายามทำตัวให้เป็นปรกติที่สุดแต่สุดท้ายมันก็...

    ให้ตายเถอะแฟรงค์ ฉันพูดถูกสินะ!! 5555555555555555555555555555

    เพื่อนๆ หันมามองฮยอกแจด้วยความสงสัย เมื่อจู่ๆ เขาก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งตอนนี้ผมคิดว่าฮยอกแจน่าจะเดาใจผมออกแล้วล่ะครับ ผู้ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าผู้คุมวิญญาณอีก

    ฮยอกแจครับ ได้โปรดอย่าโพนทะนาผมเลยนะ เห็นแก่เด็กปูซานเข้ากรุงอย่างผมทีเถอะผมคว้าแขนฮยอกแจเอาไว้พร้อมกับเขย่าเบาๆ แล้วกระซิบ ฮยอกแจยังคงขำค้างอยู่ครับไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันตลกอะไรกันนักกันหนา

    ได้เลย แต่นายต้องเล่าทุกอย่างให้ฉันฟังนะ

    ..................

    จะเล่าไม่เล่า

    ..................

    เฮ้! ทุกคน คยูฮยอนน่ะจู....ผมรีบปิดปากฮยอกแจด้วยความเร็วแสงไม่มีอะไรครับเพื่อนๆ ไม่มีอะไรเลย ฮะๆผมหัวเราะแห้งๆ แล้วลากฮยอกแจออกจากห้องเรียนด้วยท่านั้นแหละครับ (ใช้คำว่าลากผมว่าคงถูกต้องแล้ว)

     

     



    ตอนนี้เราทั้งคู่ยืนอยู่ตรงบันไดทางเดินครับแถวนี้ไม่มีใครเดินเพ่นพล่านสักเท่าไหร่ ฮยอกแจยืนกอดอกเคี้ยวหมากฝรั่งอีกทั้งยังกระดิกเท้ามองหน้าจับผิด ตอนนี้เหงื่อผมกำลังแตกพลั่กๆ เลยล่ะครับ ยังไงฮยอกแจก็ต้องเค้นเอาความจริงจากผมให้ได้สินะครับ



    ที่นี่ปลอดคนแล้ว จะเล่าได้หรือยัง

    ฮยอกแจอยากรู้ไปทำไมครับ มันไม่สำคัญอะไรนักหรอก...

    ไม่สำคัญแน่เร้อ~” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมและยังคงจับผิดอย่างต่อเนื่องครับ

    (_ _ )

    คยูฮยอน...

    (_ _ )...”

    โจ...คยูฮยอน...

    โอเคครับผมเล่าก็ได้...ผมเอามือดันหน้าผากเขาเอาไว้เมื่อใบหน้าเขาเข้ามาใกล้ผมเกินไปแล้ว ถึงมันจะไม่ให้ความรู้สึกหวือหวาเหมือนตอนเวลาที่ครูทำแต่ฮยอกแจกำลังทำให้ผมกลัวครับ

    ว่ามา

    คือ...ผมถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ยังไงก็ต้องรู้ให้ได้ใช่ไหมครับเนี่ยคือผม...จูบ...จูบกับ...ครู

    นั่นปะไร!” เสียงดีดนิ้วดังมาพร้อมกับน้ำเสียงแห่งความสะใจ ผมตบหน้าผากตัวเองก่อนจะหันหน้าเข้าหาผนังแล้วเอาหัวโขกเบาๆ

    สาบานกับกำแพงนี่สิครับว่าจะไม่เอาไปบอกใคร...” ผมถลาเข้าไปจับหัวไหล่คนที่กำลังเอาแต่หัวเราะเหมือนคนเมายาเอาไว้

    55555555555555555

    ฮยอกแจครับ T_T”



    ไม่ได้นะครับฮยอกแจนายอย่าทำให้ผมใจแป้วแบบนี้สิ สิ่งที่นายควรทำในตอนนี้คือชูสามนิ้วขึ้นมาระดับหัวไหล่แล้วพูดว่า ได้เลยคยูฮยอน ฉันสาบานกับนายตรงนี้เลยว่าจะไม่ปากโป้งแน่นอนสิครับ...

    สักพักได้กว่าฮยอกแจจะสงบลง เขานี่เส้นตื้นเอาเรื่องเลยล่ะครับหัวเราะได้แม้กระทั่งเรื่องคอขาดบาดตายของคนอื่น เขามองผมหัวจรดเท้าแล้วก็กลั้นหัวเราะ ใบหน้าเรียวยื่นเข้ามาใกล้ๆ ผมพร้อมกับเอามือทาบลงกับกำแพง



    ตั้งแต่เมื่อไหร่?

    ตั้งแต่...ตั้งแต่...

    เอาน่า...ไม่ต้องอายหรอก พูดๆ มันออกมาซะนายจะได้ไม่ต้องอึดอัดกับเรื่องนี้อีกไง” ผมปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจ ตอนนี้ผมรู้สึกจนมุมมากเลยครับ

    ตั้งแต่...วันนั้น...ที่ครูถูกเรียกน่ะครับ...ผมงุดหน้าลงแล้วพูดอู้อี้ในลำคอ ฮยอกแจหัวเราะออกมาก่อนจะจูงมือผมไปนั่งบนบันได

    เป็นไง เขาจูบเก่งไหม

    เก่งมากครับ เอ๊ย!”

    ฮยอกแจตบหน้าขาดังฉาดในขณะที่ตัวผมกำลังหดลงไปทุกทีๆ ฉันกะไว้แล้วไม่มีผิด...ก็ว่า...ตอนที่อีทงเฮเล่าเรื่องครูซีวอนให้ฟังมันแปลกๆ

    แปลกยังไงเหรอครับ

    ฉันมีเซนส์ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าที่รัก ฮยอกแจหันหน้ามามองผม ท่าทีของเขาดูสนใจกับเรื่องนี้มากเลยล่ะครับ

    จูบกันไปกี่ครั้งแล้วล่ะ

    จูบกี่ครั้งมันเกี่ยวกับเรื่องที่เรากำลังจะคุยกันด้วยเหรอครับ...

    เกี่ยวสิ! ฟังนะ...จูบครั้งเดียวมันอาจจะเป็นแค่อารมณ์เผลอใจไง แต่ถ้าสองครั้งอาจจะเป็นอารมณ์ต้องการความแน่ใจ ว่าเอ...นี่ฉันชอบเขาหรือเปล่านะลองจูบดูอีกสักครั้งดีไหมอะไรแบบนั้นน่ะ

     




    แล้วถ้ามากกว่านั้นล่ะครับ...

     





    ทันทีที่ผมพูดจบฮยอกแจก็หันควับทันที สีหน้าของเขาดูตกใจกับสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อกี้มากเลย ผมรู้สึกร้อนผ่าวตรงแก้มหวังว่ามันคงไม่แดงจนฮยอกแจจับได้นะครับ... (_/////_)

    นี่นายจูบกับเขามากี่ครั้งแล้วเนี่ย

    ผมนับไม่ได้แล้วครับฮยอกแจ...

    โอ้โห...

    อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ เรากลับเข้าเรื่องกันดีกว่านะ...

    นี่แหละเข้าเรื่องที่สุดแล้ว เอาล่ะ...เรื่องที่นายค้างคาใจคือครูเล่นรัวจูบนายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งทั้งที่ยังไม่ได้คบกันสินะ...

    ผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเจียมตัวครับ ที่ผมถามฮยอกแจไปไม่ใช่ว่าผมต้องการที่จะคบกับครูหรอกนะ ผมก็แค่อยากรู้ว่าครูรู้สึกยังไง ครูคิดยังไงกับผมบ้างก็เท่านั้นเองครับ

    เขาทำแบบนี้มันก็ไม่ถูกอีกนั่นแหละ ไอ้อาการหมาหยอกไก่แบบนี้เหมือนกับอีตาครูห้องพยาบาลเฮงซวยนั่นไม่มีผิดเลยสมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน...นายกำลังกังวลอยู่สินะว่าจะทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ฉันไม่มีสิทธิ์ จะทำอย่างนี้ก็ไม่ได้ติดว่าแคร์ความรู้สึกเขา จะทำแบบนี้ดีหรือเปล่า จะดูมากมายไปไหม? แบบนั้นสินะ?

    ผมพยักหน้าอีกครั้งทั้งที่ยังไม่หันหน้าไปมองฮยอกแจ เขาเก่งจังเลยนะครับแค่ฟังผมเล่าไม่กี่ประโยคก็บรรยายออกมาเป็นฉากๆ ได้แล้ว...ฮยอกแจนี่เป็นกูรูเรื่องความรักจริงๆ

    นายต้องการความชัดเจนงั้นเหรอ

    ความชัดเจน...?

    ใช่ อย่างเช่นว่าถ้าชอบก็ควรบอกอีกฝ่ายไปเลยว่าชอบ นายอยากให้ครูพูดแบบนั้นกับนายใช่ไหม

    เปล่านะครับ ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะผมโบกมือปัดๆ ปฏิเสธในทันที

    เอ้า! แล้วกังวลเรื่องอะไรอยู่ล่ะ

    ผมก็แค่...ผมเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วถอนหายใจเบาๆ ผมก็แค่อยากรู้ว่าครูคิดยังไงกับผม แต่ไม่ใช่ว่าผมต้องการให้ครูพูดมันออกมาหรอกนะครับ...ฮื่อ...ผมอธิบายไม่ถูกเลยครับฮยอกแจ

    อ๋อ นายแค่อยากรู้สินะว่าที่เขาจูบนายไปนั้นเพราะอะไร ทำไมถึงจูบ ชอบหรือเปล่า หรือแค่อยากจูบ ผมพยักหน้าอีกครั้ง นั่นแหละครับใช่เลย

    ฉันคงให้คำตอบนายไม่ได้แต่ถ้าอธิบายให้นายเก็บเอาไปคิดมันก็ได้น่ะนะ...ฮยอกแจกอดอกพลางยืดขาออก

    ครูซีวอนคงไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรแบบนี้กับใครซี้ซั้ว เพราะที่รู้ๆ จากไอ้ครูห้องพยาบาลเฮงซวยนั่นคือครูซีวอนคบกับแฟนจนจบมหาลัยแล้วก็เลิกกันโดยที่ไม่เคยนอกใจเลยสักครั้งเดียว

    ผมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ หันไปมองหน้าคนข้างๆ

     

     

     

     

    ครูซีวอนคบกับแฟนจนจบมหาลัยแล้วก็เลิกกันโดยที่ไม่เคยนอกใจเลยสักครั้งเดียว

     

     

     

    .

    .

     

     

     



    แค่กๆ

    ไม่สบายเหรอคะครูซีวอน น้ำเสียงหวานของครูรุ่นแม่หันมาถามร่างสูงด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเขาเอาแต่กระแอมอยู่อย่างนั้นมาพักใหญ่ๆ แล้ว

    ซีวอนหันไปยิ้มให้กับเธอพร้อมกับโค้งหัวเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยื่นแก้วน้ำร้อนมาให้ก่อนที่เธอจะถือกระเป๋าขึ้นมาเพื่อออกไปทานมื้อเที่ยงกับสามีที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์

    ยังไงถ้าไม่ดีขึ้นฉันว่าครูซีวอนควรไปหาหมอนะคะ ข้อสอบน่ะให้คนอื่นช่วยออกก็ได้ค่ะอย่าหักโหมนักเลย

    ครับผม ขอบคุณมากนะครับ

     



    ในห้องพักครูยามเที่ยงที่เงียบสงบได้ยินเพียงแค่เสียงกระดาษกับเสียงขาเก้าอี้ครูดกับพื้นเท่านั้น หากแต่ใครอีกคนกลับเลือกที่จะนั่งออกข้อสอบอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ออกไปหามื้อเที่ยงทานเหมือนครูคนอื่นๆ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมากเข้าไปทุกทีๆ คาดว่าตอนนี้เขาคงจะไม่สบายเข้าจริงๆ เสียแล้ว จากตอนแรกคิดว่าทานยาแล้วนอนตื่นมาก็น่าจะหาย เห็นคยูฮยอนเอาแต่จ้องหน้าก็เลยพยายามทำตัวให้เป็นปรกติมากที่สุดเพราะไม่อยากเสียฟอร์ม มือแกร่งวางปากกางลงก่อนจะเอนหลังพิงกับเก้าอี้ ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ก็คงเป็นน้ำอุ่นในแก้มกับการพักสายตานี่แหละ

    เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีใครอีกคนทำข้าวกล่องมาให้ หันไปข้างหลังแล้วก็หยิบมันมาวางไว้ตรงหน้าแล้วค่อยๆ คลี่ผ้าสีฟ้าลายจุดออก ริมฝีปากหยักอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเปิดออกมาแล้วเห็นสิ่งที่คยูฮยอนทำให้...ข้าวสีขาวที่ถูกตกแต่งให้เป็นรูปหน้าคนมันทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมาจนได้ ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเขานั่งหัวเราะคนเดียวตอนนี้คงถูกหาว่าเป็นคนบ้าแน่ๆ เส้นผมและคิ้วที่ถูกตกแต่งด้วยสาหร่าย ตาที่แต่งด้วยลูกเกด ไหนจะแก้มสีชมพูที่ตกแต่งด้วยแฮม...ข้างๆ มีไข่ม้วนกับแครอทรูปดาวและไส้กรอกอีกสองชิ้น ได้ผักสีเขียวมาเพิ่มความสวยงามคือบล็อคโคลี่กับสลัด ที่ทำให้เขาหุบยิ้มไม่ได้เลยคือตลับกล่องยารูปหมีริลัคคุมะสีน้ำตาลที่มียาลดไข้และยาแก้ไออยู่ข้างใน ซีวอนคาดไม่ถึงเลยว่าคยูฮยอนจะทำอะไรแบบนี้มาให้เขา

     

     

    .

    .

     



    ตอนนี้ทางสะดวก ไม่มีครู ไม่มีประธานนักเรียน ไม่มีภารโรงหรือใครทั้งนั้น ผมยืนสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะพยักหน้าให้กำลังใจตัวเองทีหนึ่งแล้วตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องพักครู

     

    ขออนุญาตครับ

     

    ครูเงยหน้าขึ้นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของผม ดูเหมือนว่าตอนนี้ครูกำลังจะกินมื้อเที่ยงที่ผมตั้งใจทำให้เมื่อเช้าอยู่ล่ะครับ รู้สึกเขินเล็กน้อยแต่ว่าจะให้กลับลำถอยหลังตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ผมเดินเข้าไปที่โต๊ะของครูพร้อมกับวางกล่องสแตนเลสลง ครูขมวดคิ้วพลางมองหน้าผมด้วยความสงสัย

    หืม?

    ซุปหัวหอมครับครู

    อ่า...

    แก้หวัด ผมเห็นครูตัวร้อนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เมื่อเช้าที่ผมไม่ได้เอาให้พร้อมกับข้าวกล่องเพราะคิดว่ากว่าจะเที่ยงซุปคงเย็นซะก่อนแล้วผมก็คิดว่าที่ห้องพักครูคงไม่มีไมโครเวฟ...ผมก็เลยเก็บไว้กับตัวเองแล้วเอาไปเวฟในห้องคหกรรมเมื่อกี้น่ะครับ

    อ่า...ให้ตายสิ ครูหัวเราะแล้วจ้องหน้าผม

    กินสิครับครู จะได้นั่งทำข้อสอบต่อไง

    นายรู้ได้ยังไงว่าครูกำลังนั่งทำข้อสอบอยู่



    ผมชะงักไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเก้อ บางทีถ้าผมตอบไปว่าผมเห็นที่ครูมาร์คไว้ในปฏิทินน่ะสิครับ แบบนั้นผมอาจจะโดนมองว่าเป็นพวกชอบจุ้นจ้านก็ได้



    “ผมเห็นนั่นน่ะครับ กองข้อสอบใช่ไหม ผมชี้ไปยังกองชีทเอกสารที่วางอยู่ข้างมือครู ผมเป็นคนแก้สถานการณ์เก่งใช้ได้เหมือนกันนะครับเนี่ย



    นั่นเอกสารที่ต้องส่งให้ผู้ปกครองเรื่องทัศนศึกษาของปีสามน่ะ ไม่ใช่ข้อสอบหรอก

     



    (())

     



    นั่งด้วยกันไหม?

    ได้เหรอครับ? ผมถามแล้วหันไปมองรอบข้าง ถ้านั่งแล้วเกิดมีใครมาเห็นอีกครูจะเดือดร้อนหรือเปล่าครับ ผมชักจะหวั่นๆ

    นั่งเถอะ ครูทานคนเดียวไม่หมดหรอก ครูลากเก้าอี้มาไว้ข้างตัวก่อนที่ผมจะค่อยๆ เดินไปนั่งด้วย

    ทานข้าวมาแล้วหรือยัง?

    เมื่อกี้กับฮยอกแจครับ

    ตื่นมาทำตั้งแต่ตอนไหนน่ะเรา ครูถามขณะที่จิ้มแครอทเข้าปาก ผมมองลุ้นๆ ดูว่าครูจะพูดอะไรสักคำไหมว่ารสชาติมันอร่อยหรือเปล่า ถึงมันจะเป็นแค่แครอทที่ถูกปั้มออกมาเป็นรูปดาวไม่ได้ตกแต่งรสชาติอะไรแต่ผมก็ยังคาดหวังว่าครูจะชมว่าอร่อยเหมือนกันนะเนี่ย คยูฮยอนนายนี่เจ๋งจริงๆ

    ตีห้าครึ่งครับครู

    หืม? ตีห้าครึ่งครูเห็นครัวเงียบสนิทเลยนะ

     



    (())

     




    ครูหัวเราะเมื่อจับโกหกผมได้ จริงๆ ผมก็ไม่ใช่เด็กที่ชอบโกหกไปเรื่อยหรอกนะครับผมรู้ว่ามันไม่ดี แต่ครูนั่นแหละครับที่ผิด บังคับให้ผมต้องโกหกออกไป เรื่องอะไรผมจะบอกว่าผมตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อทำสุดยอดข้าวกล่องให้ครูไงล่ะครับ ล่ะ

     

    ชิมฝีมือตัวเองหน่อยไหม? ครูเอาตะเกียบคีบไข่ม้วนมาจ่อไว้กับปากผม ถึงขนาดนี้ไม่ชิมก็ไม่ได้แล้วล่ะครับ ผมเลยงับมันไว้กับปากแล้วเคี้ยวง่ำๆ ซะเลย ใจดีนักใช่ไหมครับ ถ้าเกิดไม่อิ่มขึ้นมาจะโทษผมไม่ได้นะ

    เป็นไง อร่อยไหมครับครู? ผมแทบสำลักเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากครูครับ เหมือนครูจะจงใจแกล้งพูดจี้ใจผม ถึงผมจะอยากถามแบบนั้นแต่ครูก็ควรจะให้คำตอบมากกว่ามาเดาคำถามในใจผมนะ -_-

    ต้องอร่อยอยู่แล้วล่ะครับ... ผมพึมพำแล้วก้มหน้างุด หน้าผมมันจะแดงไปเพื่ออะไรครับไม่ได้ถูกครูจุ๊บสักหน่อยก็แค่ถูกอ่านใจออกก็เท่านั้น

    ถ้าอย่างนั้น... ครูยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหู เสียงแหบพร่านั่นกำลังทำให้เด็กน้อยอย่างผมเทียบเสียสติ ก็ทำมื้อเที่ยงให้ครูทานทุกวันเลยสิ







    ถ้าอยากให้ผมทำมื้อเที่ยงมาให้ครูกินทุกวัน...

    งั้นก็ห้ามบ่นว่าเบื่อข้าวกล่องให้ผมได้ยินนะครับครู...

     

     

     



    .

    .

     

     

    หลายวันที่ผ่านมาผมเก็บเอาเรื่องที่ฮยอกแจเล่าให้ฟังไปคิดอยู่เหมือนกันครับ แต่จะให้ผมแสดงอาการงอนง้อครูไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง ผมคิดว่ามันงี่เง่าเกินไปที่จะทำแบบนั้น ครูคงไม่ชอบเท่าไหร่ถ้าเด็กอย่างผมที่แฟนก็ไม่ใช่จะมาน้อยใจเรื่องอดีตของครู

     

    เพราะยังไงอดีตก็คืออดีตนี่ครับและผมคิดว่าสำหรับครูแล้วอย่างน้อยมันก็ยังมีความทรงจำดีๆ ให้นึกถึงมากกว่าความเจ็บปวดที่ได้รับ

     

    ตอนนี้ผมกำลังจะไปทัศนศึกษาครับ ตามตารางแล้วจะต้องไปพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเสียก่อน ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการมาทัศนศึกษาครั้งนี้มาก เพราะที่ปูซานแล้วทัศนศึกษาก็คือการเที่ยวชมทุ่งนาและป่ากว้างครับ ฮยอกแจหาว่าผมบ้านนอกล่ะซึ่งผมก็ไม่เถียง เขาเอาแต่บ่นว่าอยากนอนอยู่ที่บ้านมากกว่าที่จะออกมาเดินดูอะไรแบบนี้ (เขาขี้เกียจมากเลยครับ)

    วันนี้ครูไม่ได้มาทัศนศึกษาด้วย ถึงผมจะแอบเสียดายอยู่บ้างแต่ครูก็ไม่ใช่ที่ปรึกษาห้องผมสักหน่อย ครูก็แค่มาช่วยดูแลแทนครูที่ปรึกษาผมที่ลาคลอดไปก็เท่านั้นเองครับ ผมมองวิวทิวทัศน์ข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว อากาศในวันนี้ดีมากจนผมอยากให้ครูอยู่ข้างๆ ผมตอนนี้แต่พอหันไปข้างๆ แล้วก็พบความเป็นจริงว่านั่นไม่ใช่ใคร...ฮยอกแจกำลังเคี้ยวขนมกรุบกรับเสียงดังไม่แคร์สื่อบนรถบัสโรงเรียนที่ใครๆ ต่างก็หลับ ในเมื่อจุดหมายปลายทางนั้นยังอีกไกลกว่าจะถึง คงมีแต่ผมกับฮยอกแจเท่านั้นแหละครับที่ยังคงถ่างตาอยู่อย่างนี้

    ทันใดนั้นเองครูทงเฮก็เดินผ่านมาพร้อมกับดึงซองขนมออกจากมือฮยอกแจครับ สีหน้าของเขาดูดุๆ คาดว่าคงไม่พอใจที่เห็นฮยอกแจทำตัวเสียมารยาทแบบนี้ (ก็เขาหลับกันหมด)

    เห็นไหมว่าเพื่อนๆ หลับอยู่ ครูตักเตือนฮยอกแจแล้วไงครับ ผมกะจะพูดแบบนั้นอยู่เหมือนกันแต่ก็กลัวว่าฮยอกแจจะโบกกระบาลให้ ผมเลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า

    อะไร ฮยอกแจมองหน้าครูทงเฮอย่างไม่พอใจ ผมว่ามันไม่ดีแน่ถ้าเกิดสองคนนี้จะเอาเรื่องที่บ้านมาทะเลาะกัน (ก่อนหน้านี้ฮยอกแจเล่าให้ผมฟังว่ายอมต่อสัญญาเดือนนี้ไปแล้วน่ะครับ)

    ครูหยิบขนมขึ้นมากินขณะที่สายตายังคงไม่ละห่างจากฮยอกแจ เขาเอี้ยวตัวหันกลับไปแล้วเดินสอดส่องนักเรียนคนอื่นต่อทั้งที่มือก็ยังจ้วงขนม (ของฮยอกแจ) ไม่ขาดปาก...

    ไอ้ครูปัญญาอ่อนเอ๊ย... ฮยอกแจสบถเบาๆ ผมคิดว่าบางทีผมอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปก็ได้ ครูทงเฮนี่ขี้แกล้งเอาเรื่องเลยนะ สมแล้วครับ สมแล้วที่ฮยอกแจจะด่าแบบนั้น

    ไม่เป็นไรนะครับฮยอกแจ ผมมีลูกอมรสน้ำผึ้งมะนาวอยู่เป็นแผงเลย ถ้าเกิดนายอยากกินขนมล่ะก็ไอ้นี่มันช่วยได้เยอะเลยนะครับ ไหนจะแก้เมารถได้ ไหนจะทำให้นายลืมหิวขนมได้ ผมล้วงกระเป๋ามาแล้วกำลูกอมใส่มือฮยอกแจ เขาทำหน้างงๆ บวกกับสีหน้าไม่พอใจจนผมแยกไม่ออกเลยว่าเขาจะอารมณ์ไหนกันแน่

    ใครจะบ้าเมารถกัน ไม่ใช่เด็กบ้านนอกเหมือนนายนะ!”

    คนโซลเค้าไม่เมารถกันเหรอครับ ดีจัง

    นั่งอมไอ้นี่แล้วเงียบไปเลยไป - -+ ฮยอกแจบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วมองลูกอมในมือตัวเองแล้วก็เก็บใส่กระเป๋า ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาจะเขวี้ยงมันทิ้งลงพิเนเพราะโมโหครูทงเฮซะอีกแต่ก็ดีแล้วล่ะครับผมเสียดายของ

     

     

    และแล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้ายจนได้ครับ...หอคอยนัมซาน

     


    ไม่รู้อีตาครูเฮงซวยนั่นจะมาด้วยทำไม ท่าจะว่างมาก เป็นครูที่ปรึกษาหรือก็ไม่

    ฮยอกแจยังคงบ่นไม่หยุดไม่รู้ว่าเขาอาฆาตอะไรครูทงเฮนักหนา ตอนนี้ก็เกือบเย็นแล้ว ผมรู้สึกเป็นห่วงครูที่อยู่โรงเรียนในตอนนี้ ต่อให้อาการของครูเริ่มจะดีขึ้นแล้วก็เถอะครับ พวกคุณไม่เข้าใจความรู้สึกผมหรอก 

    เขาอาจจะอยากมาคล้องกุญแจคู่กับฮยอกแจก็ได้นะครับ

    ใช่ครับ ฮยอกแจเล่าให้ผมฟังว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆ คู่รักชอบมาคล้องกุญแจกัน เหมือนในซีรี่ย์หลายๆ เรื่องที่พระเอกกับนางเอกเขวี้ยงลูกกุญแจทิ้งไปพร้อมกันทั้งคู่ แต่พอซีรี่ย์เรื่องนั้นจบพระเอกก็ไปโผล่เรื่องใหม่แล้วเขวี้ยงกุญแจกับนางเอกคนใหม่แบบนี้มันทำให้ผมชักจะไม่ค่อยเชื่อแล้วล่ะครับ

    เอากุญแจพวกนั้นไปคล้องเป้ากางเกงหมอนั่นดีกว่าไหม? ฮยอกแจแค่นหัวเราะแล้วมองไปยังครูทงเฮที่กำลังยืนบอกทางนักท่องเที่ยวอยู่ เขาช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ ครับ

    ฮยอกแจเชื่อเรื่องคล้องกุญแจคู่รักนี่ไหมครับ

    ไม่เชื่อแต่จะคล้อง” หืม - -

    แล้วถ้า...ไม่เอาดีกว่า ผมส่ายหัวไล่ความคิดนั้นออกไปเมื่อผมคิดอุตริอยากคล้องกุญแจขึ้นมาบ้างแล้วไงครับ

    ถ้าอะไร นายอยากเขียนชื่อนายกับครูซีวอนลงไปล่ะสิ? ฮยอกแจมองหน้าผมล้อๆ ผมได้แค่มองเขาหวาดๆ แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องในสิ่งที่เขาพูดออกมาครับ

    ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ...

    คุยอะไรกันอยู่เหรอ ครูทงเฮเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเราทั้งคู่ ฮยอกแจเห็นอย่างนั้นเลยกอดคอผมเดินหนีทันทีเลยครับแต่ว่าครูทงเฮก็ยังตื้อเดินตามมาติดๆ อีก เฮ้...อย่าเดินหนีกันแบบนี้สิ

    ยุ่งไม่เข้าเรื่อง

    ไหนบอกว่าหายโกรธแล้วไงครับคนดี ครูทงเฮเดินมาเทียบฮยอกแจ สีหน้าเขาอ้อล้อมากเลยครับ ผมคิดว่าครูทงเฮทำอะไรเปิดเผยซะขนาดนี้แต่ทำไมนะ...ทำไมเรื่องของเขาทั้งคู่ถึงปิดเป็นความลับมาได้ตั้งสามปี

    ถ้าผมไม่ยอมหายพี่คงไม่ปล่อยให้ผมออกมาทัศนศึกษาน่ะสิ

    รู้ใจดีจริงๆ นัมเบอร์วันของพี่ ครูทงเฮหัวเราะชอบใจ ตอนนี้ผมกำลังคิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินครับ เห็นแบบนี้แล้ววูบหนึ่งผมก็คิดไปว่าถ้าเกิดครูมาที่นี่ด้วยกันก็คงดี

    ทำไมวันนี้คนเยอะจัง” ฮยอกแจหรี่ตามองผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมาอย่างกับรังมด

    มีอีกโรงเรียนมาด้วยน่ะสิ เพราะฉะนั้นอย่าเดินไปไหนมาไหนคนเดียวนะเดี๋ยวหลง ครูทงเฮพูด ในความคิดผมแล้วผมคิดว่าต่อให้ฮยอกแจตกทะเลแล้วถูกพายุลูกใหญ่ซัดออกไปเขาก็คงว่ายกลับมาได้อยู่ดีแหละครับครู

    โรงเรียนอะไรเนี่ย ชุดไม่คุ้นเลย

    โกอึมจุน โรงเรียนไฮโซที่มีแต่ลูกคนรวยเท่านั้นที่เข้าไปเรียน

    ผมหันไปมองกลุ่มนักเรียนที่กำลังลงมาจากรถตู้คันหรู มันไม่เหมือนรถตู้ทั่วไปที่ผมเคยนั่งเลยครับ รัศมีคนมีเงินแผ่ซ่านไปทั่วคนกลุ่มนั้นเลยทีเดียว

     

     

     

    โรงเรียนที่แฟนเก่าซีวอนสอนอยู่น่ะ

     

     

     

    ผมค่อยๆ หันไปมองหน้าครูทงเฮที่กำลังยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ฮยอกแจ เรื่องที่ผมได้ยินเมื่อครู่นั้นมันทำให้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่าแฟนเก่าของครูจะมาที่นี่หรือเปล่า ถ้าเธอมาผมก็อยากจะเห็นหน้าเธอสักครั้ง

     



    อีทงเฮเล่าให้ฟังว่า ครูโดนปฏิเสธการขอแต่งงานเมื่อวันเรียนจบ อ้างว่าเธอยังไม่พร้อม

    .................

    ฉันไม่รู้นะว่าเขายังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเลิกกันทั้งที่ยังรู้สึกดีๆ ต่อกันอยู่

    อ่า...

    ฉันกำลังเตือนสตินายอยู่นะคยูฮยอน คิดในแง่ดีหน่อยครูก็คงลืมผู้หญิงคนนั้นได้แล้วและบางทีครูก็อาจคิดที่จะเริ่มต้นใหม่กับนายก็ได้

    ครับ

    แต่ถ้าอีกแง่หนึ่ง...บางทีครูซีวอนอาจจะยังรักเธออยู่เพียงแต่เขาไม่พูดมันออกมาเท่านั้น

     

     

     

    ผมกำลังคิดว่าถ้าเกิดเป็นอย่างข้อแรกที่ฮยอกแจบอกมันก็คงดี แต่ถ้าครูยังรักผู้หญิงคนนั้นอยู่ผมคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ แค่คิดว่าครูจะต้องเจ็บปวดผมก็รู้สึกเจ็บไปด้วยแล้ว ผมใช้เวลาหลายวันคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ไม่คิดว่าจะต้องกลับมาคิดอีกครั้ง

     

    ครูจะเสียใจแค่ไหนที่ถูกปฏิเสธแบบนั้น...ผมสงสารครูจังเลยครับ

     

    ถ้าโชคดีก็คงได้เจอกัน ฉันก็คิดถึงยัยนั่นเหมือนกัน พูดจบก็ถูกฮยอกแจฟาดแขนทันที ครูทงเฮลูบแขนป้อยๆ หันมามองหน้าอีกฝ่ายงงๆ อะไรกันเล่า

    จะบ้าเหรอ คยูฮยอนยืนอยู่ตรงนี้จะให้เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน

    อ้าว สรุปคยูฮยอนคบกับซีวอนแล้วเหรอ? ครูชะเง้อหน้าถาม ผมได้เพียงแค่ยกมือปัดๆ ปฏิเสธไป

    เมื่อคืนเล่าให้ฟังแล้วก็ไม่สนใจไง ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ ฮยอกแจบ่นอุบอิบ ครูทงเฮหัวเราะร่าก่อนจะเดินไปข้างหน้า

    ไปกันเถอะ ถ้าโชคดีคงได้เจอ...แต่ถ้าโชคร้ายหน่อยคือเราได้เจอเธอและซีวอนดันโผล่หัวมาที่นี่ครูล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกราวน์แล้วเดินนำหน้าไป

    อย่าไปฟังหมอนั่นพูดเลย ทุกอย่างมันอยู่ที่ครูซีวอนนั่นแหละฮยอกแจตบบ่าปลอบใจผม

     

    สุดท้ายเราก็เดินขึ้นมาถึงที่ๆ ทุกคนรอคอยครับ แม่กุญแจที่เกาะอยู่ตามรั้วเรียงรายกันเต็มไปหมดจนผมอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าคนที่คล้องกุญแจทั้งหมดนี่เขายังรักกันอยู่ดีไหม มองแม่กุญแจอันเล็กที่แอบซื้อมาทั้งสองอันในมือแล้วก็อมยิ้มเงียบๆ ผมเขียนชื่อครูกับผมไว้ด้วยครับ ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองกำลังเพ้อเจ้อที่ทำเรื่องแบบนี้โดยที่เราทั้งคู่ไม่ได้เป็นแฟนกัน เอาเถอะครับ...ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ให้ใครเห็น แต่ผมจะทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อทุกคนทยอยกันลงไปขึ้นรถแล้ว เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะเอาไปคล้องเป็นคนสุดท้ายแล้วกันนะครับ

     

     

    RRRrrrr...

    สวัสดีครับครู

    ( ว่าไง ทัศนศึกษาสนุกไหม? )

    สนุกครับ ถ้าเกิดครูมาด้วยกันคงสนุกมากกว่านี้

    ผมได้ยินเสียงครูหัวเราะเลยรู้ตัวว่าพูดอะไรบ้าๆ ออกไป

    ผมหมายถึงว่าผมอยากให้มาด้วยกันน่ะครับที่นี่สวยมากเลย ฮะๆ... - -

    ( (หัวเราะ) งั้นวันหลังเราไปด้วยกันดีไหม? )

    หมายถึงพิพิธภัณฑ์เกาหลีเหรอครับครู




    ( อืม...ครูหมายถึงหอคอยนัมซานน่ะ )



    .................



    ( หลังสอบเสร็จเป็นไง )



    อะ...ครับ... (สำหรับครู) ผมว่างอยู่แล้ว... ผมเริ่มหน้าแดงขึ้นมาเมื่อกำลังจินตนาการให้ไปถึงวันนั้นเร็วๆ ครูจะสารภาพรักผมแล้วเอาแม่กุญแจคล้องกับรั้วนั่นไหมนะ ไม่สิไม่! จะคิดแบบนั้นไม่ได้นะคยูฮยอน นายนี่มันเพ้อเจ้อจจริงๆ เลย (ทึ้งหัวตัวเอง)

    ( วันนี้ครูอาจจะกลับช้าหน่อยเพราะกะว่าจะไปเยี่ยมครูที่ปรึกษาของนาย ไม่ต้องรอทานมื้อเย็นนะ )

    ครับ

    ( เอาล่ะ เที่ยวให้สนุกล่ะครูไม่กวนเวลานายแล้ว )

     

    ผมเก็บมือถือใส่ในกระเป๋าแล้วมองไปรอบๆ ตัวที่นักเรียนหลายคนต่างกำลังทยอยกันเดินออกไป รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลยครับถ้าได้มาที่นี่กับครูจริงๆ มันจะมีอะไรอีกนอกจากบ้านตุ๊กตาหมีที่อยู่ข้างล่างกับที่นี่ ที่ๆ คู่รักเขามากัน...

    ผมหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครมองอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ไม่มีเพื่อนผมอยู่แถวๆ นี้แล้วครับแม้กระทั่งฮยอกแจ เขาโดนครูทงเฮลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ทำอะไรสะดวกๆ หน่อย ผมไขแม่กุญแจออกแล้วคล้องชื่อตัวเองลงไปก่อน มองชื่อของครูบนแม่กุญแจอีกอันแล้วจู่ๆ หน้าก็แดงอีกแล้วครับ (_////_)

     

    ขอโทษนะครับครู

    แกร่บ...

    ฟู่ว...เสร็จแล้ว

     

    ผมเดินลงไปข้างล่างเพื่อขึ้นรถบัสตอนนี้ท้องฟ้ากำลังเป็นสีส้มอ่อนๆ กว่าจะกลับไปถึงโรงเรียนก็คงมืดพอดี แต่เดี๋ยวนะครับ...

     

     

    รสบัสโรงเรียนที่จอดอยู่ตรงนี้หายไปไหนแล้วครับ!!!

     

     

    ข...ขอโทษนะครับ...ไม่ทราบว่ารถบัสโรงเรียนที่จอดอยู่ตรงนี้หายไปไหนแล้วครับ ผมหันไปถามคนแถวนั้นครับ อย่าบอกนะว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ - -



    อ๋อ เพิ่งออกไปประมาณห้านาทีที่แล้วน่ะ

    ..............

     

    หะ...ห้านาทีที่แล้ว...

     

    ไม่สิครับ ถ้าเกิดคนยังไม่ครบรถก็ออกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ อย่างตอนอยู่พิพิธภัณฑ์ยังมีการเช็คชื่อนักเรียนก่อนออกรถเลยแล้วนี่มันอะไรกันครับ...

     

     



    ตัดภาพไปที่รถบัส...

     

     

    ชเวมินโฮ

    มาครับ

    อีฮยอกแจ

    ครับ...

    โจคยูฮยอน

    .............

    โจคยูฮยอน?

    เฮ้ยคยูฮยอน หลับเหรอ? ...สงสัยหมอนี่จะหลับมั้งครับครู

    งั้นต่อไป คิมจงฮยอน

    มาครับ!”

     

     

    .

    .

     

     

    อย่างกับหนังไทยยอดฮิตเรื่องหนึ่งที่พระเอกตกรถ ผมกำลังเดินไปตามริมถนนเพื่อหารถกลับบ้าน จะทำยังไงดีครับตอนนี้แบทมือถือผมก็แดงเถือกแล้วด้วย กว่าจะโทรหาฮยอกแจติดเขาก็เล่นบ่นผมซะหูชาเลย เรื่องของเรื่องคือก่อนหน้านี้ครูทงเฮทะเลาะกับฮยอกแจครับเขาเลยคิดจะหาวิธีง้อ แต่ผมดันขึ้นรถไม่ทันมันก็เลยเป็นแบบนี้แหละ พอโทรหาครูก็ไม่ติดอีกแถวนี้สัญญาณมีปัญหาหรือยังไงก็ไม่รู้ครับ เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวผมเอง

     

    นี่หนู

    ผมหันไปตามเสียงเรียกเมื่อรถเก๋งคันหนึ่งจอดเทียบข้างๆ ผม กระจกรถค่อยๆ เลื่อนลงก่อนที่ผมจะเห็นใบหน้าของเธอ

    ผมเหรอครับ

    ใช่จ๊ะ เรานั่นแหละ ตกรถเหรอ?

    ประมาณนั้นเลยครับ - -

    เอางี้ไหมเดี๋ยวฉันไปส่ง ขึ้นรถมาก่อนสิ

    ผมยืนนิ่งเลยครับพูดอะไรไม่ออก ผมไม่รู้จักเธอมาก่อนจู่ๆ ก็หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้แบบนี้...จะหลอกผมไปขายหรือเปล่านะ

    ขึ้นมาเถอะ

    ผมต้องเก็บความเกรงใจยัดใส่ในกระเป๋าเมื่อตอนนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรจากหมาจนตรอก แบทก็หมด เงินก็ไม่ค่อยมี ถ้าเกิดผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านคงได้ขายไร่ที่ปูซานมาจ่ายแน่ๆ เลย

    สุดท้ายผมยอมขึ้นรถกับคนแปลกหน้าไป เธอเป็นคนสวยมากเลยครับ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนสวยใจดีอยู่บนโลกใบนี้ด้วย

    บ้านอยู่ไหนจ๊ะ?

    ส่งผมแค่โรงเรียนก็พอแล้วครับ... ผมงุดหน้าลงเล็กน้อย นั่งหนีบขาสงบเสงี่ยมเจียมตัว

    โชคดีนะที่ฉันออกมาทีหลัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเดินอีกไกล เธอหันมาพูดกับผมแล้วยิ้มให้ บอกไม่ถูกเลยครับกับรอยยิ้มของเธอ แค่มองแล้วผมก็รู้สึกดีขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น

    วันนี้ฉันแวะมาดูน้องสาวน่ะ รู้สึกเป็นห่วงเพราะเธอเพิ่งเคยออกมาทัศนศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งแรก

    เหมือนผมเลยครับ นี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน

    จริงเหรอ? น้องสาวของฉันก็น่าจะวัยเดียวกับเธอนี่แหละ

    ฮะๆ

    แบทหมดเหรอ เอามือถือฉันไปใช้ก่อนไหมจ๊ะ? เธอยื่นมือถือมาให้ผมครับ ผมรับมันไว้อย่างงงๆ ก่อนจะโค้งหัวของคุณเธอเล็กน้อย

    งั้นผมขอยืมหน่อยนะครับ

     

    ผมกดโทรออกอยู่หลายครั้งเลยครับกว่าจะติด ผมยิ้มออกมาทันทีเมื่อครูรับสายผม

    ฮัลโหลครูครับ

    ( คยูฮยอนเหรอ? เอาเบอร์ใครโทรมาน่ะ? )

    คืองี้ครับครู...ตอนนี้ผม...

    ( เป็นอะไรหรือเปล่า )

    ผม...ตกรถน่ะครับ

    ( ตกรถเหรอ? ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ? )

    ผมไปขึ้นรถช้าน่ะครับครู...มันเป็นความผิดของผมเอง... ผมพูดเสียงแผ่วเพราะกลัวถูกครูดุครับ ระหว่างนั้นเธอคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หันมายิ้มให้เมื่อเห็นสีหน้าผมไม่ดี

    ( ตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวครูจะไปรับ )

    ตอนนี้ผมอยู่กับคนใจดีคนหนึ่งครับ เธอกำลังจะไปส่งผมที่โรงเรียน

    ( ขอครูคุยกับเขาหน่อย )

     

    ผมมองหน้าคนขับพร้อมกับยื่นมือถือไปตรงหน้า เธอรับมันไปอย่างงงๆ

    คุยกับครูผมหน่อยครับ...

    “อ๋อได้สิ...สวัสดีค่ะ”

    ( ขอโทษครับ ผมเป็นครูของเด็กคนนี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันเหรอครับ? )

    ตอนนี้ฉันกำลังกลับเข้าตัวเมืองแล้วล่ะค่ะ อยู่แถวห้างสรรพสินค้า K แล้ว”

    ( งั้นคุณช่วยจอดรอผมที่นั่นได้ไหม พอดีว่าผมกำลังจะไปแถวๆ นั้นพอดี )

    ได้สิคะ งั้นฉันจะนั่งรอที่แม็คโดนัลชั้นหนึ่งนะ

    ( ขอบคุณมากครับผม )

    ผมนั่งจ้องหน้าเธออย่างใจจดใจจ่อ แต่เธอแค่หันมายิ้มให้แล้วเลี้ยวเข้าไปในห้าง ผมรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ ผมกำลังสร้างภาระให้ทั้งครูและผู้หญิงคนนี้







    .


    .







    ดูท่าครูของเธอจะเป็นห่วงมากเลยล่ะ

    เขาดุผมบ้างไหมครับ?

    ไม่เลย จากน้ำเสียงแล้วเขาดูกระวนกระวายเสียมากกว่า

    อ่า...ขอบคุณมากเลยนะครับ...

     

    ผมได้แค่นั่งดูดน้ำอัดลมรอครูมาหา ผมรู้สึกว่าถ้าเกิดใครได้เป็นแฟนของผู้หญิงคนนี้เขาคงโชคดีมากเลยล่ะครับ ไหนจะใจดี ยิ้มสวย 

    แล้วคุณไม่ได้กลับพร้อมน้องสาวเหรอครับ

    ไม่หรอกจ๊ะฉันเอารถส่วนตัวมา พอดีว่าช่วงบ่ายไม่มีสอนแล้วเลยแวะมาดูน้องสาว

    อ้าว คุณเป็นครูเหรอครับ?

    ใช่จ๊ะ โรงเรียนนั้นนั่นแหละ เธอหัวเราะ

    ว๊าว...สอนวิชาอะไรเหรอครับ ถ้าให้เดา...ผมว่าต้องสอนภาษาอังกฤษแน่ๆ เลย

    เดาผิดแล้ว~ ฉันสอนคณิตศาสตร์ต่างหาก เธอยังคงหัวเราะแล้วดันถาดแฮมเบอร์เกอร์มาให้ผม

    อ๋า...แต่ครูคนที่ผมโทรหาก็สอนคณิตศาสตร์เหมือนกันนะครับ

    จริงเหรอ จริงๆ แล้วฉันก็มีเพื่อนอยู่ที่โรงเรียนเธอเหมือนกันนะ คนหนึ่งสอนคณิตศาสตร์ อีกคนดูเหมือนว่าเขาจะสอนสุขศึกษามั้ง ไม่แน่ใจ

    จำชื่อได้ไหมครับ เผื่อผมรู้จัก ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นครับ ถึงแม้ว่าผมจะมาอยู่ที่โรงเรียนนี่ได้ไม่นานแต่ผมคิดว่าผมรู้จักครูหลายคนพอสมควรเลย

    ตอนนี้ผมรู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก ชีวิตนี้ผมได้พบเจอครูสอนคณิตศาสตร์ที่ใจดีที่สุดถึงสองคนแล้วล่ะครับ

     



    ชเวซีวอน...

    อะไรนะครับ นั่นคือเพื่อนคุณเหรอ

    อ่า... เธอยิ้มบางๆ ก่อนจะประสานมือวางไว้บนโต๊ะ

    นั่นแหละครับคนที่ผมเพิ่งโทรหาเมื่อกี้ เดี๋ยวเขาก็จะมาแล้ว ดีจังเลยนะครับที่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันที่ไหน ผมยิ้มด้วยความปิติแต่สีหน้าอีกฝ่ายกลับดูไม่ดีสักเท่าไหร่เลยครับ

    แล้วครูสอนสุขศึกษาอีกคนล่ะครับชื่ออะไร

    ตอนนี้สีหน้าของเธอเริ่มไม่สู้ดีนัก จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นพรวดพลางเอาผมเหน็บหู รอยยิ้มฝืนๆ ของเธอกำลังทำให้ผมตกใจ ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ

    ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?

    ขอโทษจ๊ะ ฉันคงนั่งรอครูของเธอต่อไปไม่ได้ พอดีเพิ่งนึกออกว่ามีธุระน่ะ เธอสะพายกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็ทำท่าจะเดินออกไป ผมได้เพียงแค่ลุกขึ้นยืนทำท่าจะรั้งเธอเอาไว้แต่นั่นเป็นจังหวะเดียวที่ครูเดินเข้ามาพอดี

     

     

     

    “นั่นไงครับ ครูมาพอดีเลย”

    ....................

    ....................

     


     

    อึนซอ...

     

     

     




     

     

    TALK

    คิยูหน้าโง่ (ล้อ)

    เชื่อว่าหลายคนคงคาดหวังกับทัศนศึกษาครั้งนี้ เราเสียใจจริงๆ ที่มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด

    (เสียใจจริงๆ) 55555

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×