คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตำราบทที่ 8 : ปัญหา
เคยเป็นไหมครับ...
ง่วงจะตายชัก...แต่หลับไม่ได้...
“ฟี้~”
หึ...
“ฟี้...”
ฮื่อ... -_-
“งืม...”
เสียงงึมงำมาพร้อมกับวงแขนเล็กที่พาดลงบนเอวของร่างหนาที่ยังคงตาสว่างแม้ว่าตอนนี้จวนจะใกล้รุ่งสาง ราวกับมีคนเอาไม้จิ้มฟันมาถ่างตาเขาเอาไว้ อีทงเฮนอนหันหลังท่านี้มาทั้งคืนในขณะที่ใครบางคนนอนดิ้นเปลี่ยนท่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
...เกร็งตัวจนเมื่อย
ถ้าหันหน้าไปก็ป๊ะหน้ากับอีฮยอกแจอีกพอคิดได้ว่าถ้าเลือกลงไปนอนบนพื้นแล้วทนปวดหลังตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมานอนตาค้างแบบนี้...แล้วดูไอ้วงแขนเล็กๆ นี่สิกอดรัดเอวเขาไว้แน่นยิ่งกว่าอะไรซะอีก
ง่วง...
“ฟี้...”
“หลับสบายเหลือเกิน” พึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อยเพราะแสงจากโคมไฟบนหัวเตียงฝั่งตรงข้าม
คิมคิบอมยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางสะลึมสะลือกะจะเดินไปเข้าห้องน้ำสักหน่อยแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นไปเห็นเพื่อนสนิทที่นอนตาคล้ำเหมือนคนขับรถบรรทุกที่อดหลับอดนอนมาสามสี่วัน
“อรุณเบิกฟ้า...นกกาโบยบิน...”
“................”
ริมระเบียงที่เงียบสงบแสงสีส้มบนปลายฟ้าบ่งบอกเวลาใกล้รุ่งสาง คิบอมหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนอ้าปากหาวโดยที่ไม่แคร์อิมเมจภาพลักษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นแล้วก็นึกระอา ยืนทนฟังมันพ่นความอัดอั้นตันใจมาจนเหน็บกินขาเพราะความหนาวเย็น
“ใครจะไปหลับลงวะแม่ง”
“ทำเหมือนไม่เคยก็แค่นอนกับพี่ชายข้างบ้านเองนี่...” ทงเฮถึงกับเลิกคิ้วมองเมื่อได้ยินประโยคสุดจะขัดใจจากปากคิมคิบอม เออ! มันก็จริงอยู่ที่ฮยอกแจเป็นพี่ชายข้างบ้านของเขาแต่นั่นน่ะเป็นผู้ชายปกติเหมือนคนทั่วไปซะที่ไหนกันล่ะ มึงมันไม่รู้อะไรซะแล้วคิบอม
“หรือว่ามึงคิด”
“คิดห่าไรล่ะ! เวลานอนแล้วมีคนนอดกอดแม่งอึดอัดจะตาย” ตอบน้ำเสียงหนักแน่น ใครจะไปยอมบอกว่าตอนมือของฮยอกแจพลั้งไปโดนบันนี่เฮแล้วแม่งเสือกเกิดปฏิกิริยาตอบโต้เร็วยิ่งกว่าแสง orz
แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ...ไอ้เรื่องช่วยฮยอกแจเนี่ยมันชักจะยังไงๆ แล้วสิ
“มึง”
“เออ” ขานตอบแบบปัดๆ ไป อารมณ์บ่จอยสักเท่าไหร่ ตอนนี้ทั้งง่วงและงิด
“กูคบกับพี่ฮยอกแจแล้วนะ”
“ห๊า!”
“เสียงดังทำไม เดี๋ยวพี่เค้าก็ตื่นหรอก”
“มึงดักกูเปล่าเนี่ย พูดเล่นพูดจริง?”
“จริง”
“เยดแม่...มึงหลงอีฮยอกแจเข้าแล้วสินะ” เห็นไหมล่ะกูบอกแล้วว่าอีฮยอกแจไม่ธรรมดา ถึงจะหน้าตาบ้านๆ แต่ทำให้กูหวั่นใจได้มาแล้วไม่แปลกเลยที่มึงจะพลาดเหมือนกู นี่ดีนะที่กูใจแข็งอ่ะ
“เปล่าว่ะ”
( ̄(エ) ̄)
“กูพลั้งปากไป...ตอนนั้นรู้สึกอะไรอยู่ก็ไม่รู้ (-_-a)” สีหน้าคิบอมดูกระวนกระวายอยู่เล็กน้อย นั่นไง...ถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียวว่าแล้วก็ชะเง้อหน้าเข้าไปในห้องมองคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง
“แล้วจะเอายังไง กูก็ว่าแล้วทำไมแม่งแปลกๆ ตอนเดินเข้ามาในห้องนี่อื้อหือ...ยิ้มจนเหงือกบานเชียว” จากตอนแรกที่ตาปรือเพราะความง่วงก็ตาสว่างขึ้นมาเสียอย่างนั้น เรื่องแบบนี้คงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในไม่ช้าแน่
ก็จริงอยู่ที่ทงเฮคิดไว้ในทีแรกว่าไม่ว่ายังไงฮยอกแจก็ไม่มีทางจีบคิบอมติด เห็นอย่างนั้นถ้าเกิดมันเลือกคบใครสักคน คนๆ นั้นต้องป๊อปมากในโรงเรียน ยกตัวอย่างเช่นคิมยูจินดาวโรงเรียนแถมเป็นหัวหน้าทีมเชียร์หลีดเดอร์ที่ใครๆ ต่างหมายปองและนั่น...มันก็ลากไปแดกในน้ำมาแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก คบกันสักสามสี่วันก็ไม่เสียหายอะไรนี่”
“เสียหายแน่ มึงเชื่อกูดิ”
“ทำไมวะ?”
“เดี๋ยวมึงรู้”
ทงเฮหัวเราะพอใจอยู่เงียบๆ คนเดียว ตอนนี้ความรู้สึกประหนึ่งกำลังวิ่งลงทุ่งดอกทานตะวันท่ามกลางแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้า ผีเสื้อโบยบินไปรอบตัวราวกับยกภูเขาออกจากอก...
ฮยอกแจคบกับคิบอม = กูเป็นอิสระ
o(*////▽////*)o
#ฟิน
ขณะที่สองหนุ่มกำลังคุยเรื่องปัญหาชีวิตกันอยู่ก็ได้ยินเสียงกุกกักในห้อง หันไปมองใครอีกคนที่กำลังงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเบาๆ ตัวปัญหาที่ปั่นหัวอีทงเฮมาตลอดชั่วชีวิตจนถึงวินาทีนี้กำลังป้องปากหาวอย่างน่ารัก...เฮ้ย! ไม่ได้นะเว้ยอีทงเฮ นั่นมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น!
“ฮ้าวว~ ตื่นกันแล้วเหรอ~”
“........................”
“........................”
.
.
ในห้องนี้มันเงียบ...
เงียบจนได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น...
ชายหนุ่มนั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่ข้างเตียงโดยที่มีใครอีกคนนอนคลุมโปงอยู่ วางมือบนหน้าขาด้วยความรู้สึกผิด ผมเผ้าชี้โด่เด่ นัยน์ตาเรียวผ่านเลนส์แว่นเห็นเพียงแค่พื้นพรมสีน้ำตาลไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปถามไถ่ หลังจากสร่างเมาแล้วปาร์คจองซูก็แทบอยากจะเอาหัวโขกผนังให้ความจำเสื่อมไปซะให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อคืนเขาทำอะไรลงไป จำได้ลางๆ ว่าอาจารย์ฮีชอลรินเหล้าให้ไม่ได้ว่างมือ เมาไปตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้ตัวแต่ถึงอย่างนั้นจะโบ้ยให้เป็นความผิดของอาจารย์ฮีชอลก็ไม่ได้...
“เอ่อ...”
ทันทีที่เสียงผ่อนออกมาจากริมฝีปากใครที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย จองซูค่อยๆ ยันตัวขึ้นก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียง เอื้อมมือไปข้างหน้าหวังจะปลุกให้อีฝ่ายลุกขึ้นมานั่งคุยกันถึงเขาจะรู้ดีว่าคิมฮีชอลไม่ได้หลับอยู่
“อาจารย์ฮี...เหวอ!!!!”
“.....................”
ครูสอนชีวะผงะจนหงายหลังตกเตียงเมื่อใครอีกคนดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าอิดโรยราวกับถูกแวมไพร์ในหนังสูบเลือดสูบเนื้อไปจนหมดตัว จองซูยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าแว่นมาใส่แล้วกลับไปนั่งบนพื้นด้วยท่าคุกเข่าเช่นเดิม
เมื่อคืนล่อกูซะน่วมเลยนะเจ้าชายกบ.......
“อะ...เอ่อ...คือ...คือผม...”
ผมเหี้ยอะไรล่ะครับอาจารย์จองซู...มาถึงขั้นนี้แล้วไม่ต้องแอ๊บใสหรอก อย่างว่าล่ะคนเรามันดูกันที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ โดยสัญชาติญาณเมะของคิมฮีชอลผู้นี้แล้วไม่เคยเลยสักครั้งที่จะดูเป้าหมายพลาด เมะเคะแยกแยะออกได้โดยไม่ต้องเข้าไปทำความรู้จัก...
แต่นี่อะไร...
อาจารย์จองซูที่กูคิดว่าเคะมาตลอดน่ะ...
“ผมจะรับผิดชอบอาจารย์ฮีชอลเองนะครับ!”
รับผิดชอบอะไรครับอาจารย์จองซู...กูจะท้องเหรอ...แย่เม็ด
“...ถึงแม้ว่าเมื่อคืนผมจะเมาจนแทบไม่รู้เรื่องแต่ลูกผู้ชายอย่างผมก็จะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น”
อื้อหือ...นี่ขนาดไม่รู้เรื่องนะ...ถ้ารู้เรื่องแล้วจะขนาดไหน...อูย... (กุมสะโพก)
“ได้โปรดพูดอะไรบ้างเถอะ...ผมรู้สึกผิดจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว...”
ในชั่วโมงนี้จะให้พูดอะไร...เอาซิงกูคืนมาดีไหม...
กริ๊งงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!
“!!!”
“!!!”
สะดุ้งกันทั้งคู่เมื่อนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น คิมฮีชอลเอื้อมไปกดปิดก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ ตั้งสติไว้คิมฮีชอลเอ๋ย...ถ้าเกิดตอนนี้แสดงอาการดราม่าออกไปเดี๋ยวเจ้าชายกบจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเคะ...ซึ่งอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าคิมฮีชอลมันโคตรเมะ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันคงผิดพลาดทางเทคนิคไปสักหน่อย...
“ผ...ผมสำนึกผิดทุกอย่าง ผมจะยอมทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการเลย...”
“ฮะๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับอาจารย์จองซู ก็แหม...เราสองคนต่างก็เมาทั้งคู่...อย่าคิดมากเลยครับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของผมหรอก อูย....ฮ่าๆๆ” หัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่ปากซี๊ดด้วยความเจ็บปวดตรงสะโพก หากมีคนบอกว่าโกหกนั้นผิดศีลผมจะบอกทุกคนให้ได้รู้ไปเลยว่าคิมฮีชอลผู้นี้ไม่มีศาสนาในหัวใจว่ะ
“ไม่ได้หรอกครับ ถ้าเกิดผมคิดแบบนั้นผมก็เป็นได้แค่ผู้ชายชุ่ยๆ คนหนึ่งที่เห็นแก่ตัว”
หลอกด่าเหรอครับเจ้าชายกบ -_-
“ม๊าย ไม่ชุ่ยหรอกครับ ฮะๆ นี่ก็สายแล้ว...อาจารย์จองซูต้องไปคุมเด็กทานมื้อเช้าไม่ใช่เหรอครับ...”
“อ๋า! นั่นสิครับ! แย่แล้วสิ อ่า...ถ้ายังไงเดี๋ยวผมจะมาขอคุยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ! ผมลาล่ะ” โค้งหัวจนเกือบติดเข่าก่อนจะกุลีกุจอไปหมุนลูกบิดประตูออกไปเมื่อนึกถึงหน้าที่การงานของตน
“แม่งเอ๊ย...อูย...” กุมสะโพกแล้วค่อยๆ นั่งลงบนขอบเตียง ทำคนอื่นมาเยอะไม่คิดว่าพอโดนเองแล้วมันจะเจ็บแบบนี้ ทันใดนั้นจู่ๆ คำพูดของพ่อก็ลอยเข้ามาในหัว
‘ฮีชอลเอ๊ย...คนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอนะลูก’
มันก็จริง...แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้กูก็ไม่อยากจะมีครั้งแรกหรอกนะ ( ̄(エ) ̄)
.
.
ห้องโถงกว้างที่มีนักเรียนนับร้อยนั่งหันหน้าเข้าหากันอย่างเป็นระเบียบมีเพียงแค่เสียงช้อนส้อมที่ดังกระทบกันและเสียงซุบซิบคุยกันเบาๆ เท่านั้น นัยน์ตาเรียวเล็กจ้องมองคนตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้วก็นึกประหลาดใจ
“เป็นห่าไรวะคิบอม” เฮนรี่ถามพร้อมกับเอาตะเกียบเคาะจานข้าวคนตรงหน้าผิดกับไอ้เหียกทงเฮที่เอาแต่ยิ้มร่าเหมือนเจออะไรดีๆ มา
“เปล่าอ่ะ” ตอบปัดๆ ไป ขี้เกียจจะพูดความยาวสาวความยืด
“มึงอย่าสนใจเลย คนกำลังมีความรักก็งี้ ใช่ป่ะวะเพื่อน? 555555555” ทงเฮหันไปแซวพร้อมกับเอาศอกสะกิดเบาๆ ร่างสูงขมวดคิ้วก่อนจะเอี้ยวตัวหลบแสดงอาการไม่พอใจอย่างยิ่ง ไม่น่าเล่าให้แม่งฟังเลย รู้งี้น่าจะรอให้คบจนเลิกก่อนแล้วค่อยบอก
“บ๊ะ! มันมีความรักกับใคร คิมอึนจองเหรอ?”
“โนๆๆ มึงจะเล่าเองหรือจะให้กูเล่าดีวะเพื่อน~” ทงเฮหันไปถามความเห็นกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าที่กลั้นหัวเราะแบบสุดจะทน โอย...คิดสภาพไม่ออกว่าถ้าคนอื่นรู้คนอื่นเห็นมันเดินควงกับฮยอกแจคงฮาน่าดู
“เล่าเหี้ยอะไรล่ะ...อ่า...” ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยเข้าเตะจมูกพร้อมกับมือเรียวที่ทาบทับลงบนเปลือกตาเขาทั้งสองข้าง เสียงรอบข้างเงียบลงอย่างไม่ได้นัดหมายได้ยินเพียงแค่เสียงหัวเราะชอบใจของใครบางคนเท่านั้น
“ทายซิใครเอ่ย~”
.
.
สองหนุ่มนั่งมองคู่รักคู่ใหม่ของวงการด้วยสายตาที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ทงเฮยักไหล่ไม่ยี่หระต่อหน้าเพื่อนฝูงทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เห็นก่อนจะคีบไข่ม้วนขึ้นมากิน ถึงแม้ว่าภาพตรงหน้ามันจะขัดหูขัดตาเขามากแค่ไหนก็เถอะ
สีหน้าของอีฮยอกแจจะปริ่มสุขเกินไปแล้ว ยิ้มหน้าบานประหนึ่งว่า ‘ถ้าเกิดคิบอมยังอยู่ข้างๆ ฉันคงได้สำลักความสุขตายภายในไม่ช้านี้แน่ๆ’ มาถึงก็เฉดหัวไล่เขาให้ไปนั่งข้างเฮนรี่แล้วตัวเองก็สวมรอยนั่งแทนที่เขา
“โหแม่ง...กับข้าวมื้อนี้หวานจังเลยเว้ย~ แม่ครัวทำถังน้ำตาลหกใส่เหรอวะ” พูดขึ้นมาลอยๆ หากแต่คนถูกแขวะมีหรือจะสนใจ อีฮยอกแจยังคงคีบแครอทให้คิบอมกินด้วยสีหน้าระรื่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้นไอ้คิบอมที่ดูโคตรจะฝืนทน หันซ้ายขวาอยู่ตลอด มึงไม่ต้องห่วงครับเพื่อน...มึงสองคนเด่นมาก ณ จุดนี้
“นั่นแฟนคิบอมเหรอ?”
“ไม่มั้ง อาจจะแค่ตามจีบนั่นแหละ”
“ถ้ากลับค่ายนี้แล้วเราหาเวลาว่างไปเดทกันนะที่รัก”
ที่ รัก งั้น เหรอ
ได้ยินชัดไปถึงโต๊ะมุมสุดกันเลยทีเดียว
( ̄(エ) ̄)
( ̄(エ) ̄)
( ̄(エ) ̄)
“ชัดแล้วล่ะ...คบกันอยู่แน่ๆ”
“ไม่ยักรู้ว่าสเป๊คคิบอมจะเป็นแบบนี้”
“เห่ยชะมัด”
เสียงซุบซิบนินทาเริ่มดังขึ้นนั่นสร้างความอึดอัดให้กับคิมคิบอมเสียเหลือเกิน สงสารเพื่อนก็สงสาร แต่สะใจมันก็สะใจหรอกนะ แต่ความรู้สึกที่เด่นชัดที่สุดในตอนนี้ก็คือ...
หมั่นไส้อีฮยอกแจว่ะครับ -_-
“ฮยอกแจ”
“อื้อ”
“ไม่ไปนั่งกินข้าวกับเพื่อนไง?”
“ไม่อ่ะ ซีวอนบอกว่ามีแฟนก็นั่งกินข้าวกับแฟนสิ เป็นส่วนเกินคนอื่นไม่ดีหรอก~”
-_-...
“พอแล้วครับ...พี่เองก็ทานบ้างสิ” คิบอมยกมือปรามเมื่ออีกคนทำท่าจะยัดข้าวปั้นใส่ปากเขาอีกคำทั้งที่ยังเคี้ยวของเก่าไม่หมด ฮยอกแจวางตะเกียบลงยิ้มหวานให้คนรักที่สุดเท่าที่จะหวานได้
นั่งมองแฟนกินข้าว นี่แหละความสุขของอีฮยอกแจ!
.
.
ผ่านพ้นค่ายงี่เง่านั่นมาจนได้ พอเปิดประตูห้องแล้วก็แทบจะวิ่งไปกอดคอมพิวเตอร์อันเป็นที่รักในทันที ความรู้สึกอัดอั้นที่ไม่ได้เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่ได้อัพเดทข่าวเกมส์แถมพลาดบอลนัดสำคัญไปอีกมันยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด ทำไมโรงเรียนต้องพาไปสถานที่กากๆ ทุกปีๆ ด้วยวะ แต่บ่นไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อดทนอีกสักปีสองปีคงได้พ้นทุกข์สักที กดปุ่ม START กะจะเข้าไปดาวน์โหลดบอลนัดล่าสุดในบอร์ดย้อนหลังสักหน่อยแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ...
“ทงเฮ ลงมาช่วยแม่หน่อยสิลูก”
-_-....
ปัญหาระดับโลกของวัยรุ่นนั่นก็คือการถูกพ่อแม่เรียกใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับคอมพิวเตอร์นี่ล่ะนะ...
เดินเกาหัวแกร่กๆ ลงมาในสภาพชุดเดิมขมวดคิ้วไม่พอใจแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว เห็นจานชามสองสามใบวางอยู่บนถาดสีครีมแล้วก็ต้องเบะปาก
“ฝากเอาไปให้พี่ฮยอกแจหน่อยสิ เห็นคุณป้าเค้าบอกว่าฮยอกแจไม่สบาย กลับมาถึงบ้านก็ตัวร้อนจี๋เลย”
ห๊ะ...
อีฮยอกแจน่ะนะไม่สบาย
“บ้าแล้ว คนอย่างฮยอกแจน่ะเหรอจะป่วย ต่อให้นอนจมในกองหิมะก็ยังไม่กล้าเป็นอะไร แม่เชื่อดิ”
“บอกให้เอาไปก็เอาไปเถอะน่า เร็วเข้าก่อนที่มันจะเย็น” ฟังแม่พูดแล้วก็ย่องเข้าไปเปิดฝาถ้วยเซรามิกส์บนถาดเผยให้เห็นโจ๊กหมูใส่ผักที่เห็นแล้วต้องผละตัวออกทันที
“แหวะ เกลียดผักชี”
“นั่นมันช่วยให้หายหวัดเร็วขึ้นนะ”
“งั้นแม่ทำโจ๊กหมูไม่ใส่ผักให้ผมด้วย ใส่หมูเยอะๆ เดี๋ยวจะกลับมากิน” เผด็จการต่อรองกับผู้เป็นแม่แล้วก็เดินมายกถาด
“โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอีก เดี๋ยวเถอะ พอมีแฟนแล้วจะอายเค้า”
.
.
เดินมาหยุดหน้าบ้านฮยอกแจแล้วก็ชะเง้อหน้ามองหน้าต่างชั้นสองที่ผ้าม่านยังคงปิดสนิท กดกริ่งไปครั้งหนึ่งไม่นานนักแม่ของฮยอกแจก็เดินมาเปิดประตูให้
“ว่าไงทงเฮ มาหาฮยอกแจเหรอลูก”
“ครับ แม่บอกว่าพี่ฮยอกแจไม่สบาย แม่เลยทำโจ๊กหมูมาให้”
“แหม...ฝากขอบคุณแม่เราด้วยนะจ๊ะ เข้ามาก่อนสิลูก”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับป้า...คือ...”
“เข้ามาเถอะน่า ฮยอกแจต้องดีใจแน่ๆ ที่เห็นเรามาหาน่ะ” โอบไหล่ทงเฮเข้ามาโดยไม่ถามถึงความสมัครใจเลยแม้แต่น้อย
.
.
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับความเงียบและความมืดมิดทั้งที่ตอนนี้พึ่งจะบ่ายสามเองแท้ๆ แต่คงเป็นเพราะม่านสีทึบนั่นล่ะมั้งที่ทำให้ห้องของฮยอกแจดูน่ากลัวขนาดนี้...พอหันหลังกลับไปก็พบเพียงความว่างเปล่า แม่ของฮยอกแจหายไปไหนแล้ววะ หน้าที่นี้ควรเป็นหน้าที่ของแม่ไม่ใช่เหรอที่ต้องดูแลลูกหลานเวลาป่วยน่ะ
ใช้ข้อศอกกดสวิทซ์ไฟแล้วก็เดินเอาถาดไปวางไว้บนโต๊ะ เกาหัวแกร่กๆ อีกครั้งแล้วก็ยืนคิดว่าควรทำอะไรต่อไปดี หันไปเห็นคนป่วยแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย...แหม...ทีเมื่อวานก่อนนะระริกระรี้เชียวต่อหน้าคุณแฟนเนี่ย...
“ฮยอกแจ” เข้าไปนั่งลงยองๆ ข้างเตียงแล้วสะกิดแขนคนที่หลับอยู่
ห่าแล้วไง...ในใจลึกๆ เสือกไม่อยากให้ฮยอกแจตื่นขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เฮ้ ฮยอกแจตื่นมากินข้าว”
เสียงเบาลงกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย ความรู้สึกเริ่มตีกันแปลกๆ ใจหนึ่งก็อยากให้ฮยอกแจลุกมากินโจ๊กซะเขาจะได้กลับห้องไปทำภารกิจที่ค้างคาไว้สักทีแต่อีกใจกลับอยากให้อีกฝ่ายนอนหลับต่อไป...
ไม่อยากพูดเลยว่าตอนฮยอกแจหลับแม่งโคตรน่ารัก - -...
“วิกฤติกูแล้วล่ะ”
กุมขมับก่อนจะยันตัวลุกขึ้น เดินลงไปบอกป้าว่าฮยอกแจไม่ยอมตื่นหลังจากนั้นจะเป็นยังไงก็แล้วแต่บุญวาสนาแล้วกันนะ
“อื้อ...”
SHIT.............
ร่างหนาหยุดชะงักก่อนจะก้มลงมองมือที่กำลังกุมมือเขาไว้อยู่ อุณหภูมิสูงปรี๊ดจนเขารู้สึกได้ถึงความร้อนในตัวอีกฝ่าย นัยน์ตาเรียวค่อยๆ ลืมขึ้นมองหน้าน้องชายข้างบ้านแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก
“มาทำไม...”
-_- คิดว่าอยากมานักไง?
“แม่เอาโจ๊กมาให้ ไปกินซะสิ” ชี้ไปที่โต๊ะ หาได้มีน้ำใจเดินไปหยิบมาให้
“โจ๊กเหรอ...ยังไม่หิวเลย” นั่งหัวฟูหน้าแดงแถมตาเยิ้มๆ แบบนี้...
อย่ามองมาที่กูจะได้ไหม... = =
พรึ่บ...
เบือนหน้าหลบไปอีกทางเมื่อความรู้สึกประหลาดๆ มันเข้ามาในหัว ไม่ได้นะเว้ยทงเฮ ทุกอย่างมันเป็นภาพลวงตา ภาพลวงตา! จำใส่สมองไว้ซะ
“แก...”
“เออ”
“คิบอมเป็นอะไรรึเปล่า เขาดูเงียบๆ”
พอนึกถึงเหตุการณ์ครั้งล่าสุดแล้วก็อยากหัวเราะ ฮยอกแจตามติดคิบอมซะขนาดนั้นไม่แปลกที่มันจะรำคาญ ไอ้คิบอมเดินหนี ฮยอกแจวิ่งตาม...เป็นภาพที่น่าชมเสียจริง
“มันก็เป็นคนแบบนั้นแหละ”
“เหรอ...” ร่างบางยู่ปากเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองมือตัวเองที่ใครอีกคนกำลังพยายามจะแกะออก
“ทีงี้ไม่โทรให้มันมาดูใจเลยล่ะ”
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคิบอมติดหวัด”
“อื้อหือ...แล้วไม่กลัวฉันติดหวัดจากพี่เลยสิ?” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วแสยะยิ้ม คำตอบโคตรน่าหมั่นไส้เลยโว้ย!
“ไม่~ เพราะแกออกจะแข็งแรงถึกอย่างกับควายคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ~” ยิ้มระรื่นพลางฟื้ดน้ำมูกขึ้นด้วยท่าทางเหมือนจะน่ารัก
-_-...
“หึ! ต่อไปก็ไม่ต้องมาขอให้ช่วยอะไรเลยนะ” พูดพร้อมกับหันหลังให้ ฮยอกแจเบิกตาโพลงก่อนจะพยายามพลิกตัวอีกคนให้หันมาหาตัวเอง
“ทำไมเล่า ทำไมจะไม่ช่วย”
“สัญญาของเรามันจบแล้ว พี่ก็ได้คบกับมันแล้วไง” หันกลับมามองพี่ชายข้างบ้านที่กำลังทำตาแป๋วเหมือนแมวในการ์ตูนเรื่อง Shrek
“ไม่ได้นะ! ถึงจะคบแล้วแต่สถานภาพของฉันตอนนี้มันยังไม่แน่นอนนี่...”
“หมายความว่าไง ไม่แน่นอน”
“ฉันรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้...ฮื่อ...” ยู่ปากพูด ก้มหน้าก้มตาพลางกำผ้าห่มไว้ อีทงเฮเห็นแล้วอยากตบหน้าผากตัวเองแรงๆ สักที
สัญญามันจบแล้วฮยอกแจ มันจบแล้ว! - -+
“อะไรก็พูดมาดิ”
“ฉันยังไม่รู้สึกว่าคิบอมรักฉันเลยหรือว่าฉันจะคิดมากไปเองนะ...แกว่าไงอ่ะ Tv T”
ก็ฉลาดนี่.....
เฮ้ย...ไม่สิ...ถ้าตอบไปแบบนั้นฮยอกแจต้องเซ้าซี้แน่และถ้าขืนเป็นแบบนั้นความฝันที่จะหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ของฮยอกแจก็เป็นอันจบ
“คิดมากน่า...คิบอมมันก็แค่แสดงความรักไม่เก่ง” ปั้นหน้าปั้นตาให้เป็นปกติ นี่กูช่วยทั้งสองฝ่ายเลยนะ ส่วนจะบอกเลิกกันเมื่อไหร่ก็ไปตกลงกันเองแล้วกัน
“เหรอ”
“เออดิ”
“ไม่รู้แหละ แกจะต้องช่วยฉันต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าคิบอมรักฉัน -3-”
“อะไรวะ! มันไม่ได้อยู่ในสัญญาของเราเลยนะ พี่บอกให้ฉันช่วยก็ช่วยแล้วไง”
“ฉันเป็นคนร่างสัญญาใหม่ขึ้นมาเอง แล้วถ้าแกไม่ช่วย...” ใบหน้าเรียวยื่นเข้าไปใกล้ๆ จนคนถูกรุกต้องเอนถอยหลังอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ฉันจะตามรังควานแก จะป่าวประกาศว่าตอนเป็นเด็กแกแต่งตัวเป็นผู้หญิง จะ....อื้อออ...!!” มือหนาปิดปากคนตัวเล็กเอาไว้เมื่อทนฟังต่อไปไม่ได้
บ้าจริง...อีฮยอกแจที่เขาคิดว่าซื่อบื้อมาตลอดชีวิตนั้นแอบเป็นคนแผนสูงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!!
“ถ้าพี่พูดอีกนะ” จ้องเข้าไปยังนัยน์ตาเรียวที่กำลังยักคิ้วกวนประสาทเขา
“ถ้าพี่พูดอีก...”
“อะไอ (อะไร)” ส่งเสียงถามทั้งที่ยังโดนปิดปากอยู่ รู้สึกดีเวลาเห็นทงเฮอยู่ไม่สุข
ใบหน้าคมดูจริงจังกว่าเมื่อครู่นั้นโน้มใบหน้าเข้าไปจูบบนหลังมือตัวเองที่คั่นกลางอยู่ระหว่างริมฝีปากอีกฝ่ายเบาๆ นั่นทำให้ฮยอกแจเบิกตากว้างจนทำอะไรไม่ถูก ร่างทั้งร่างแข็งทื่อราวกับเวลาบนโลกนี้หยุดอยู่กับที่ ร่างกายที่ก่อนหน้านี้ร้อนเพราะพิษไข้อยู่แล้วกับรู้สึกร้อนมากขึ้นเป็นเท่าตัว บนใบหน้ายิ่งแล้วใหญ่ ทงเฮผละออกช้าๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของร่างบางอีกครั้ง ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อมือหนาคลายออก ร่างหนายันตัวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีแปลกๆ ฮยอกแจได้แต่อ้าปากค้างแล้วมองตามน้องชายข้างบ้านที่ค่อยๆ ก้าวเดินออกจากห้องเขาไป
TALK
เห็นว่าทวงกันอยู่เลยมาลง
เบลออีกแล้วอ่ะ ;A ;
เขียนอะไรลงไปก็ไม่รู้ ฮื่อว์
ความคิดเห็น