คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 :: Hound Down
Chapter 7
Hound Down
“จอดตรงนี้ครับ ๆ ”
ผมรีบควักเงินให้คนขับแท็กซี่ก่อนจะรีบเปิดประตูลงไปเมื่อพบว่าอีทงเฮจอดรถอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ผมก้มตัวเดินเลียบไปกับกำแพงอิฐบล็อกแล้วโผล่หน้าออกไปดู บ้านหลังนี้บ้านของใคร? ทำไมอีทงเฮถึงหยิบกุญแจออกมาไขกลอนเข้าไปได้ง่าย ๆ แบบนั้น?
ผมทำหน้าเครียดแล้วคิดว่าจะเอายังไงต่อดีในเมื่อนั่งรถตามมาถึงที่นี่แล้ว แม่ผมจะอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า ผมควรจะโทรถามก่อนเพื่อความแน่ใจ
“ฮัลโหล แม่ถึงไหนแล้วครับ?”
( แม่อยู่บนทางด่วนน่ะ ลูกกำลังจะตามมาเหรอ? )
“อ...อ้อ...ยังหรอกครับ ผมแค่โทรมาถามดูเฉย ๆ งั้นไว้ผมจะโทรหาอีกทีนะ”
ผมกดวางสายพลางขมวดคิ้วสงสัย ถ้าแม่ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วจะเป็นใคร? ความอยากรู้อยากเห็นมันสั่งการให้ผมหาทางเข้าไปในบ้าน ผมมองซ้ายมองขวาแล้วก็คิดวิธีไม่ดีออกมาจนได้
ผมเดินไปที่บ้านหลังข้าง ๆ แล้วสังเกตการณ์อยู่ราว ๆ ห้านาทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ก่อนจะพยายามปีนเข้าไปเพราะผมคงเข้าไปในบ้านหลังนั้นซึ่ง ๆ หน้าไม่ได้ ผมนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บขา บางทีผมควรจะสำเหนียกสุขภาพตัวเองให้มากกว่านี้ แต่ถ้ามันมีวิธีที่ดีกว่าการปีนเข้าบ้านคนอื่นผมก็จะทำ
ผมด้อม ๆ มอง ๆ บ้านหลังที่อีทงเฮเข้าไปเมื่อครู่แล้วก็กัดฟันปีนรั้วอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมทรงตัวไม่อยู่เพราะขาข้างขวามันอ่อนแรงเลยทำให้ผมตกลงไปกระแทกกับพื้นซีเมนต์ ผมอยากจะแผดเสียงร้องเพราะความเจ็บแต่ก็ต้องกัดริมฝีปากกลั้นเอาไว้
ผมรีบลากตัวเองออกจากตรงนั้นแล้วหาที่หลบเพราะกลัวว่าอีทงเฮจะได้ยิน นี่ผมกำลังเข้าถ้ำเสือเหรอ จะใจกล้าเกินไปแล้วอีฮยอกแจ ถ้าเกิดถูกจับได้ขึ้นมาผมคงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกแน่ ๆ ผมชะโงกหน้าออกไปเพียงเล็กน้อยดูว่าอีทงเฮเดินมาแถวนี้หรือเปล่า ผมปาดน้ำตาออกลวก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเดินออกมา
“โอ๊ย!!”
“!!!”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนร้องออกมาจากทางด้านใน ผมเขย่งขาเพื่อที่จะมองดูว่ามีใครอยู่ข้างในนั้นแต่หน้าต่างมันก็สูงเกินไป ผมจิ๊ปากแล้วหันซ้ายขวาดูว่าจะมีอะไรที่พอจะเหยียบได้ไหม แล้วก็เห็นกล่องไม้กล่องนึงที่อยู่ไม่ไกลนัก ผมเดินไปหิ้วมันมาวางเป็นฐานแล้วเหยียบขึ้นไปดูแล้วก็พบว่า...
ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดกาวน์กำลังยืนตัวสั่นเพราะปืนที่จ่ออยู่กลางขมับเขาโดยใครอีกคน...คนที่ผมเรียกว่าไอ้โรคจิต...
“ทำไม...คุณถึงอยากให้หมอคยูฮยอนหลับไปทั้งอย่างนี้ล่ะครับ? ที่ผมช่วยให้เขาฟื้นตัวไว ๆ ...มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?” เสียงคุณหมอคนนั้นสั่นเครือราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะเหนี่ยวไกเมื่อไหร่ก็ได้ อีทงเฮแค่นหัวเราะแล้วใช้สันปืนฟาดขมับคุณหมอคนนั้นจนเซไปติดผนังด้านข้าง
หมอคยูฮยอน...
“ก่อนหน้านี้ผมบอกให้คุณทำอะไรเหรอครับ?”
“...”
ผลั่วะ!!
“ตอบ”
“คุณ...บอกให้ผมเลี้ยงอาการเขาไว้...ไม่ให้เขาตาย...แต่ก็ไม่ให้ฟื้น...”
“ก็จำได้นี่ครับ...แล้วที่คยูฮยอนตื่นขึ้นมานี่มันคืออะไรเอ่ย? พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ผมควรให้รางวัลกับครอบครัวของคุณยังไงดีนะ...คุณหมอจงอุน?”
“ผ...ผมขอโทษ...คุณอีทงเฮ...ได้โปรดอย่าทำอะไรครอบครัวผมเลย...ผมผิดไปแล้ว...ถ้าเกิดคยูฮยอนฟื้นขึ้นมาอีกผมจะให้ยาสลบเขาแล้วกันนะครับ...”
“ดีครับ พูดง่าย ๆ แบบนี้จะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บอีก” อีทงเฮลูบหัวคนตรงหน้าอย่างเอ็นดู ผมคิดว่าคุณหมอคนนั้นน่าจะอายุมากกว่าอีทงเฮเสียด้วยซ้ำ แต่เขากับทำพฤติกรรมไร้มารยาทแบบนั้นได้ลง
อีทงเฮเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงคนไข้ที่มีสายอะไรก็ไม่รู้ระโยงรยางค์อยู่เต็มไปหมด มีเครื่องช่วยหายใจที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ และหมอคยูฮยอนที่นอนหลับไม่ได้สติ เขานั่งลงบนขอบเตียงพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ขณะมองหน้าหมอคยูฮยอน มือหนาเอื้อมไปปัดไรผมออกจากใบหน้าซีดเผือดนั่นอย่างทะนุถนอมก่อนจะโน้มลงไปจูบหน้าผากมนเบา ๆ เขาจ้องใบหน้าคนที่หลับไม่ได้สติอยู่อย่างนั้นราวกับต้องมนต์สะกด
“คุณออกไปพักผ่อนได้แล้วครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเดี๋ยวผมจะเรียกเอง” ประโยคที่เหมือนจะสุภาพแต่ผมคิดว่าหมอจงอุนคงไม่ได้คิดอย่างนั้น คุณหมอในชุดกาวน์รีบเดินออกไปข้างนอกและปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง อีทงเฮเอื้อมมือไปหยิบช่อดอกไม้ที่เพิ่งซื้อมาขึ้นมาวางไว้บนช่วงท้องของหมอคยูฮยอน เขาลูบกลีบดอกไม้อยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“ผมซื้อดอกไม้มาให้คุณด้วยนะ”
“...” แม้ว่าอีกคนจะหลับไม่ได้สติอยู่ แต่อีทงเฮก็ยังพูดต่อไปราวกับว่าหมอคยูฮยอนจะรับรู้
“คุณเคยบอกผมว่าดอกไม้ทุกชนิดมีความหมาย ผมเลือกอยู่ตั้งนานกว่าจะได้ความหมายที่ถูกใจ”
“...”
“ความหมายของดอกทิวลิปคือการตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำและจืดจางอย่างรวดเร็ว...”
“...”
“เหมือนกับคุณ” เขาแค่นยิ้มแล้วมองหน้าหมอคยูฮยอน
“ไหน ๆ คุณก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ดีเหมือนกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ “เพราะตอนที่คุณตื่นมาอีกครั้ง ดอกไม้พวกนี้ก็จะเฉาพอดี” อีทงเฮดึงดอกทิวลิปออกมาหนึ่งดอกแล้วไล้ลงบนแก้มอีกคน
“คนโลเลอย่างคุณน่ะ...ดอกไม้เฉา ๆ คงเหมาะที่สุดแล้ว”
“...”
“รู้ไหม ว่าผมชอบคุณตอนไหนมากที่สุด?” อีทงเฮยิ้มบาง ๆ
“...”
“ผมชอบตอนที่คุณนอนอยู่เฉย ๆ ไงล่ะครับ”
“...”
“อยู่นิ่ง ๆ แบบนี้จะได้ไม่ต้องมีเวลาไปหาผู้ชายที่ไหนอีก”
กึ่ก!
“!!” ผมเบิกตากว้างเมื่อกล่องที่ผมเหยียบอยู่มันทำท่าเหมือนจะพังลง และที่ยิ่งกว่านั้นคืออีทงเฮกำลังมองมาทางนี้นั่นมันทำให้ผมรีบมุดหัวลงทันทีที่เห็น
อีทงเฮเห็นแล้ว อีทงเฮเห็นแล้ว!!!
ผมลนลานรีบวิ่งหาที่หลบ ผมได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาและนั่นทำให้หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ ผมหลบอยู่ข้างหลังเครื่องซักผ้าพร้อมกับขดขาเข้าหาตัว
ตึก...ตึก...ตึก...เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ใกล้...จนผมได้เพียงแค่หลับตาภาวนาต่อพระเจ้าเท่านั้น...
“เมี๊ยว~”
เสียงแมวร้องขึ้นมานั่นทำให้เสียงฝีเท้าหายไป ผมลืมตาขึ้นแล้วค่อย ๆ โผล่หน้าออกไปดูแล้วก็พบว่าอีทงเฮกำลังนั่งเล่นกับแมวตัวเล็ก ๆ อยู่
“ว่าไงครับ?”
“...”
“มาจากบ้านหลังไหนน่ะเรา?”
“เมี๊ยว~”
“อย่าร้องสิ คยูฮยอนหลับอยู่เดี๋ยวเขาจะตื่น เข้าใจไหม?” เขาพูดพร้อมกับอุ้มแมวตัวนั้นขึ้นมาตรงระดับใบหน้าก่อนจะลูบหัวมันอย่างเอ็นดู
“เมี๊ยวว~”
“บอกว่าอย่าร้อง...”
“เมี๊ยว~~~ อึ่ก!!” จากที่ลูบหัวอยู่ดี ๆ แมวตัวนั้นก็แน่นิ่งอยู่ในกำมือหนาเพราะอีทงเฮบีบคอมันให้ตายคาที่ ผมยกมือขึ้นป้องปากตัวเองเพราะตกใจกับภาพที่เห็น
“...ก็บอกว่าอย่าร้อง”
เขามองแมวน้อยที่ไร้วิญญาณด้วยแววตาเฉยชาก่อนจะโยนมันไปข้าง ๆ รั้วอย่างไม่ใยดี ผู้ชายใจโหดเดินล้วงกระเป๋ากลับเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่คิดจะมองหาต้นตออะไรอีก...ผมน้ำตาไหลออกมาเพราะสงสารลูกแมวตัวนั้นจับใจ แม้กระทั่งกับแมวตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เขายังฆ่ามันได้ลงคอ... จิตใจของเขาทำด้วยอะไรกัน?
ก่อนที่จะสงสารแมวผมก็ควรห่วงตัวเองก่อน ผมปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วค่อย ๆ ย่องออกมาจากตรงนั้น ตอนนี้ผมได้ข้อมูลเพิ่มแล้ว...หมอคยูฮยอนยังไม่ตาย ผมควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณซีวอนให้เร็วที่สุด ผมรีบปีนรั้วไปบ้านหลังข้าง ๆ เพื่อที่จะปีนรั้วออกไปข้างนอกอีกที ตอนนี้อีทงเฮไม่ได้ตามผมมา แต่ผมจะวางใจไม่ได้...ผมเดินกระเผกออกมาจนถึงปากซอยกระทั่งล้มลงไปเพราะเจ็บแผล ขาข้างขวาผมไม่สามารถฝืนอะไรได้อีก
“ลุกไหวไหมคะพี่?” เด็กนักเรียนม.ปลายสองคนเข้ามาช่วยประคองให้ผมลุกขึ้นยืน ผมโค้งหัวขอบคุณเธอทั้งคู่แล้วใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อออก
“รบกวนช่วยเรียกแท็กซี่ให้พี่หน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ” เธอคนหนึ่งเดินออกไปยืนริมฟุตปาธรอเรียกแท็กซี่ให้ผม ส่วนอีกคนยังคงช่วยประคองผมเอาไว้
“พี่เหงื่อออกเต็มเลย เดี๋ยวหนูเอาทิชชู่ให้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะ”
“นาอึน แท็กซี่มาแล้ว” เด็กผู้หญิงคนนั้นตะโกนเรียก เธอคนข้าง ๆ เลยช่วยหิ้วปีกผมไปขึ้นแท็กซี่
“ขอบคุณมากนะครับ ทั้งคู่เลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เด็กสาวทั้งสองคนโบกมือลาผมขณะที่แท็กซี่กำลังเคลื่อนตัวออก ผมเอนหลังพิงกับเบาะแล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า ผมรู้สึกเหมือนตัวเองรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ถ้าเกิดเมื่อกี้อีทงเฮไม่เห็นแมวตัวนั้นก่อน คงเป็นผมที่ถูกบีบคอแทน
“จะให้ไปส่งที่ไหนครับ?”
คนขับแท็กซี่ถาม ผมหันไปมองข้างทางแล้วก็นึกได้ว่านี่มันคือทางไปคอนโดซองมิน ตอนนี้ผมกลับบ้านคุณคิบอมก็ไม่ได้ เห็นทีว่าคงต้องแวะคอนโดซองมินก่อนแล้วค่อยโทรหาคุณซีวอน ผมบอกทางไปคอนโดของซองมินที่อยู่ระแวกนี้แล้วก็หลับตาลงพักสายตา
.
.
ก๊อก ก๊อก!!
“อ้าวฮยอกแจ? อ๊ะ!” ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกผมก็ดันตัวซองมินเข้าไปข้างในแล้วล็อคกลอนแน่นหนา ซองมินยืนมองการกระทำของผมแล้วก็เลิกคิ้วมอง
“อะไรของนายเนี่ย?”
“ก่อนหน้านี้ไม่มีใครมาใช่ไหม?”
“ไม่มีหรอก ถามอะไรแปลก ๆ จะมีใครมาหาฉันหรือไง? แฟนมีก็ว่าไปอย่าง” ซองมินบ่นแล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ผมเดินตามไปติด ๆ แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาว
“ไปวิ่งที่ไหนมาเหงื่อโชกเชียว...เดี๋ยวนะ...ตรงขานั่นน่ะใช่เลือดหรือเปล่า?” ซองมินถามเป็นชุด ผมส่ายหน้าแล้วยกมือปรามเป็นเชิงบอกว่าผมไม่พร้อมที่จะตอบอะไรตอนนี้
“เออ งั้นหายใจก่อนแล้วค่อยเล่า”
“...”
ผมหลับตาลงพลางเอาแขนก่ายหน้าผาก คิดเรื่องต่าง ๆ นานาที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ทั้งเรื่องของหมอคยูฮยอน เรื่องอีทงเฮ อีกทั้งของเรื่องคุณคิบอม ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณคิบอมจะเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ระหว่างทางมาที่นี่ก็ได้แต่คิดว่าผมคงคิดมากไปเองหรือเปล่า? แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่คุณคิบอมจะทำตัวมีพิรุธแบบนั้น ทำไมเขาถึงไม่บอกคุณซีวอน? แค่นั้นแหละที่ผมอยากรู้
“มีคนกำลังตามฆ่าฉัน”
“ห๊ะ?”
“เพราะฉันไปเห็นตอนที่เขากำลังฆ่าคนตาย” ผมไม่ได้เล่ารายระเอียดให้ซองมินฟังเพราะคิดว่ามันซับซ้อนและยาวเกินที่จะเล่าให้ฟัง
“ฉันหนีออกจากโรงพยาบาลไปที่สถานีตำรวจเพราะถูกเขาตามฆ่า แต่เขาก็ยังตามหาตัวฉันเจอจนได้”
“เฮ้ย ขนาดนั้นเลยเหรอ ตำรวจที่นั่นไม่คิดจะช่วยนายเลยหรือไงกัน?”
“อย่าพูดถึงตำรวจเลย ทุกวันนี้ฉันยังสับสนอยู่ว่าใครกันที่ไว้ใจได้”
“ยิ่งพูดยิ่งงงอ่ะ” ซองมินเกาหัว
“นายรู้แค่ว่ามีคนกำลังตามฆ่าฉันก็พอแล้ว ที่ฉันมาหานายก็เพราะอยากเห็นกับตาว่านายยังสบายดีอยู่”
“ฉันก็สบายดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เหมือนนายหรอกเอาแต่คิดเรื่องตายอยู่ได้” พอได้ทีซองมินก็แขวะผม
“ก็ดีแล้ว”
“ไปอาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะทำกับข้าวให้กิน” ซองมินว่าแล้วดึงแขนผมให้ลุกขึ้นนั่ง
“ขอนอนตรงนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้โซฟาฉันเหม็นเน่ากลิ่นเหงื่อของนาย เร็ว ๆ เลย” ผมถูกซองมินลากไปเข้าห้องน้ำ เขายัดผ้าขนหนูใส่มือผมแล้วย่นจมูกใส่
“ฉันเจ็บแผลที่ขา ขอไม่อาบน้ำได้ไหม มันลำบาก”
“ก็ยกขาข้างนึงไว้ตรงอ่างแล้วอาบสิ รีบ ๆ ออกมา เดี๋ยวทำแผลให้”
ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อซองมินไม่ฟังคำขอของผมเลย ก็เข้าใจว่าเพื่อนผมรักความสะอาด แต่เขาก็ควรจะเห็นใจผมบ้าง ผมทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ ผมอยากพักผ่อน
ผมอาบน้ำแบบขอไปทีแล้วเดินออกมาข้างนอกก่อนจะได้กลิ่นหอมลอยออกมาจากห้องครัว ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากได้อาบน้ำ แต่ก็ยังเพลียอยากจะนอนอยู่ดี
“มานั่งนี่มา” ซองมินกวักมือเรียกให้ผมไปนั่งทั้งที่ผมยังอยู่ในสภาพผ้าเตี่ยวผืนเดียว
“เดี๋ยวทำแผลเสร็จแล้วก็ไปเลือกเสื้อผ้าในตู้ใส่ซะนะ ฉันทำซุปอยู่อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ซองมินพูดขณะทำแผลให้ ผมได้แต่มองหน้าเพื่อนสนิทที่หวังดีกับผมมาตลอด ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งผมเสียเขาไป ชีวิตผมจะเป็นยังไง
“ซองมิน”
“อือ”
“ถ้าฉันตายไปนายจะทำยังไง?”
“เอาความจริงหรือโกหก” ซองมินพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมยิ้ม ๆ
“เอาโกหกก่อน”
“ดีใจ” เขาตอบสั้น ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ
“งั้นไม่อยากรู้ความจริงแล้ว” ผมผลักหัวอีกคนเบา ๆ แต่เจ้าตัวกลับยิ้มร่า
“ก็ไม่อยากให้นายทำหน้าเครียด อยู่กับฉันต้องผ่อนคลายสิ”
“ทำได้ก็ดีหรอก...” ผมพึมพำเบา ๆ ถ้าไม่มีผู้ชายชื่ออีทงเฮบางทีผมอาจจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้วก็ได้
“เสร็จแล้ว ไปนอนไป” ซองมินเกาคางผมเหมือนลูกหมาแล้วลุกขึ้นเดินไปห้องครัว ผมก้มลงมองแผลตัวเองแล้วกระเผกเข้าไปในห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดหลวมๆ ใส่ก่อนจะเดินไปล้วงเอามือถือในชุดเก่าขึ้นมากดโทรหาคุณซีวอน
ตื้ด...ตื้ด...
( ฮัลโหล ฮยอกแจ คุณอยู่ไหนครับ? )
น้ำเสียงกระวนกระวายของคนในปลายสายทำให้ผมพูดไม่ออก จาก missed call นั่นทำให้ผมรู้ว่าคุณซีวอนคงเป็นกังวลกับผมมาก
“ผมอยู่คอนโดเพื่อน ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ”
( แล้วคอนโดเพื่อนคุณอยู่แถวไหน ผมจะออกไปรับคุณเดี๋ยวนี้ )
“แถวมหาลัยสตรีอีฮวาครับ แต่คุณไม่ต้องมาหรอก เพราะผมคงไม่กลับไปที่บ้านของคุณคิบอมอีกแล้ว...”
( ทำไมล่ะครับ? )
“ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ สะดวกคุยเหรอ?” ผมถามเพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาของคุณซีวอนมากจนเกินไป
( ผมรอคิบอมแต่งตัวอยู่น่ะ...อ้าวคิบอมทำไมนาย? ...ปัง!!!! )
เงียบ...
ไม่มีเสียงคุณซีวอนลอดเข้ามาในสายอีกหลังจากเสียงปืนลั่นขึ้นเมื่อครู่...
เสียงปืนนั่น...
“คุณซีวอนครับ...” ผมเรียกอีกคนเสียงสั่น ไม่จริงหรอก...มันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิด
( ... )
“คุณ...”
( ระ...ระวัง...ตัว... )
แกร่ก...ตื้ด...ตื้ด...
สายตัดไปแล้ว...
ผมทรุดตัวลงไปนั่งบนเตียงแล้วยกมือขึ้นป้องปาก ผมยังคงช็อคกับเสียงปืนเมื่อครู่...คุณซีวอน...คุณคิบอม...ไม่นะ...คุณคิบอมฆ่าคุณซีวอนเหรอ...ไม่จริง...
เพล๊ง!!!
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนกับแก้วแตก ต้นเสียงน่าจะมาจากห้องครัว ผมเดินออกไปข้างนอกแล้วก็ต้องถอยกลับไปหลบที่หลังกำแพงเพราะภาพที่เห็น...
อีทงเฮ...กำลังล็อคคอซองมินเอาไว้พร้อมกับขวดปากฉลามในมือ
“นาย...นายใช่ไหมที่กำลังตามฆ่าฮยอกแจ...” ซองมินพูดเสียงขาด ๆ เพราะถูกรัดตรงช่วงคอ อีกทั้งเลือดสีแดงสดไหลลงมาจากขมับข้างขวาไม่หยุด ผมคิดว่าไอ้โรคจิตนั่นคงเอาขวดฟาดหัวซองมินจนแตก อีทงเฮยิ้มเยาะแล้วเอาปากฉลามเขี่ยแก้มอีกคนเบา ๆ จนเลือดซิบ
“ไม่ได้ตามฆ่าสักหน่อย ก็แฟนผมเขาดื้อ ชอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอก ผมแค่มาตามกลับบ้านก็แค่นั้นเอง”
“...!!!” ผมกำหมัดแน่น ในที่สุดมันก็ตามผมเจอจนได้!
“ที่รักของผมอยู่ไหนเอ่ย?”
“...” ซองมินไม่ยอมพูดอะไร และผมคิดว่าต่อให้ตายเขาก็ไม่ยอมพูด เขาไม่มีทางขายเพื่อให้กับคนอื่น เรื่องนี้ผมรู้ดีที่สุด...
แต่ถ้าซองมินต้องตายเพราะเรื่องนี้...ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตแน่...
“ถามทำไมไม่ตอบครับ?”
“โอ๊ย!!!” พูดจบทงเฮก็จับหัวซองมินโขกกับเหลี่ยมโต๊ะอย่างแรงจนเลือดเลอะกับขอบโต๊ะ ผมยกมือป้องปาก น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“ฮยอกแจ!!! หนีไป!!!”
“หืม?”
“!!!”
“เฮ้อ ทำไมชอบดื้อกับผมนักนะ...” อีทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ เขาจิกหัวซองมินให้เดินออกมาจากครัว ผมควรจะทำยังไงดี ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าออกไปแล้วอีทงเฮจะไม่ฆ่าเพื่อนผม!
“ห...หนีไป...ห...หนี” เสียงซองมินแผ่วลงไปทีละนิด ผมมองซ้ายขวาก่อนจะรีบก้มตัวลงแล้วมุดเข้าไปอยู่ใต้เตียง
เสียงผิวปากดังเข้ามาในห้องนอน ตอนนี้ผมเห็นรองเท้าหนังสีน้ำตาลหยุดอยู่หน้าประตู และซองมินเพื่อนผมที่นอนตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่เลอะตามใบหน้าและพื้นห้อง
“ที่รักจ๋า...ออกมาได้แล้ว”
“...” ซองมินหันมาสบตากับผม เขาส่ายหน้าเบา ๆ เท่ากับแรงทั้งหมดที่มีเป็นเชิงบอกให้ผมอย่าออกมาเด็ดขาด
“อ๊ากกกก!!!” ซองมินกรีดร้องดังลั่นเพราะอีทงเฮเอาปากฉลามทิ่มลงที่กลางหลังเขา น้ำตาผมไหลออกมาอย่างหนักจนม่านตามัวไปหมด ผมรู้สึกผิดเหลือเกิน ผมจะทำยังไงดี ผมจะต้องทำยังไง?!!!
“ถ้าฉลาดก็หาทางเอาออกเองแล้วกันนะครับ” อีทงเฮนั่งลงยอง ๆ พร้อมกับพูดกับใครอีกคนที่นอนหอบหายใจรวยรินอยู่บนพื้นห้อง
ถ้าผมไม่มาหาซองมิน...
ทุกอย่าง...ก็คงจะไม่เป็นแบบนี้หรอกใช่ไหม?
“หืม?” ผมเบิกตากว้างเมื่ออีทงเฮหันมาทางนี้ ผมเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเพื่อให้ผ้านวมที่เกยปลายเตียงลงมาบังเอาไว้
“ชอบเล่นซ่อนแอบก็ไม่บอก”
“...”
“โอเคครับ งั้นผมจะนับหนึ่งถึงยี่สิบ แล้วที่รักไปหาที่หลบใหม่นะ” อีทงเฮพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“เอ๊ะ...เอาแค่สิบดีกว่า ยี่สิบมันนานไปไม่ตื่นเต้น” เขาพูดแล้วหัวเราะอยู่คนเดียว ผมหันไปมองซองมินที่นอนน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้น เขาชี้ไปที่ระเบียงตรงหน้าต่างราวกับจะบอกให้ผมใช้ทางนั้นเป็นทางหนี
“หนึ่ง...” ผมคลานออกจากเตียงแล้ววิ่งไปที่ระเบียงด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ชั่ววูบหนึ่งผมเห็นอีทงเฮยืนปิดตาอยู่ตรงนั้นเหมือนกับเด็กเล็กกำลังเล่นซ่อนแอบ
“ถึงสิบ...”
ผมยังไม่ทันเปิดผ้าม่านออกไปตรงระเบียงอีทงเฮก็เอามือออกจากตา เขาหันมามองผมพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“จ๊ะเอ๋...”
“!!!” ผมรีบออกไปตรงระเบียงแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าชั้นที่อยู่มันสูงมากแค่ไหน ถึงผมจะเคยคิดโดดตึกตาย แต่พอคิดว่าจะต้องหนีเอาชีวิตรอดด้วยทางนี้ผมก็เริ่มกลัวขึ้นมา
หมั่บ!
“อา...จับได้แล้ว” เสียงแหบพร่ามาพร้อมกับวงแขนแกร่งที่สวมกอดผมจากข้างหลัง ผมรู้สึกขนลุกซู่เพราะปลายจมูกที่กดลงบนท้ายทอย
“คิดถึงที่สุดเลย ฮยอกแจของผม...”
“ปล่อยนะ!! ไอ้สารเลว!!” ผมพยายามดิ้นให้หลุดออก แต่ยิ่งผมดิ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกอดผมแน่นยิ่งขึ้น หนำซ้ำเขายังเอาเป้ากางเกงมาถู ๆ กับสะโพกผมด้วย!!
ให้ตายเถอะ!!!
“ช่วยด้วย!!!”
ผมแหกปากลั่นหวังว่าจะมีใครได้ยิน แล้วมันก็ได้ผลเมื่อคนที่อยู่ห้องข้าง ๆ โผล่หน้าออกมาดูตรงระเบียง
“ช่วยผมด้วย!!!”
“ที่รักครับ...ผมรู้ว่าคุณชอบความตื่นเต้น แต่เรียกให้คนอื่นมาดูแบบนี้จะดีเหรอ?” เขากระซิบข้างหูจงใจให้คนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงข้าง ๆ ได้ยินพร้อมกับลูบเป้าผมไปด้วย ผมนิ่วหน้าเพราะถูกปลุกเร้าก่อนจะงอตัวลงในอ้อมกอดเขา
“อ...อย่า...”
“เอ่อ...”
“พอดีว่าแฟนผมเขาอยากลองเปลี่ยนสถานที่...ถ้าไม่เขินจะยืนดูตรงนั้นก็ได้นะครับ” อีทงเฮพูดกับผู้ชายที่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เขาส่ายหน้าพรืดแล้วรีบกลับเข้าไปในห้อง
“อ...อย่าเพิ่งไป...ช...ช่วย...ช่วยผมด้วย...” ผมขาอ่อนแทบทรุดลงไปกับพื้นถ้าไม่ได้อีทงเฮประคองไว้ ถึงเขาจะเป็นคนที่ผมเกลียดเข้าไส้แต่ร่างกายของผมมันไม่เคยแยกประสาทออกได้เลยว่าควรรู้สึกกับใครและไม่ควรรู้สึกกับใคร
“ได้ครับที่รัก...เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเองนะ...”
…To be continued...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk
แฮ่ก แฮ่ก
หายคิดถึงพระเอกยังคะ?
#โปรดมโนตอนต่อไป
ความคิดเห็น