คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 : Kiss The RAIN~
Chapter 7
ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...โรแมนติกที่สุดในโลก
“หืม ทำไมไม่เดินเข้ามาล่ะ”
“เดี๋ยวนะครับครู”
แช๊ะ!
เสียงชัตเตอร์ดังพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเงยหน้าขึ้นกวาดสายตาไปรอบๆ สวนสนุกแห่งนี้ที่ครูบอกว่ามันชื่อ ‘EVERLAND’ จะหาว่าผมบ้านนอกก็ได้นะครับแต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเที่ยวสวนสนุก ตั้งแต่เป็นเด็กอย่างหรูก็แค่งานวัดแหละครับ...ช้อนปลาทองเอย...ยิงเป้าเอยอะไรพวกนั้นน่ะ พอได้มาแบบนี้แล้วก็อดที่จะแสดงความเป็นบ้านนอกให้ครูเห็นไม่ได้
ครูเอาแต่ยืนกลั้นขำถ้าจะทรมานขนาดนั้นผมว่าหัวเราะออกมาเลยยังจะดีกว่า ผมหันซ้ายขวาแล้วรัวชัตเตอร์ไม่หยุด อ้อ! ผมลืมบอกไปเลยครับว่ากล้องตัวนี้เป็นของครูล่ะ ครูให้ผมยืมมาถ่ายรูปเพราะผมดันหลุดทำหน้าหงอยให้ครูเห็นตอนรู้ว่าจะได้มาที่นี่แต่ดันไม่มีกล้อง ตอนนี้ผมเอามันห้อยคอไว้อย่างดีครับรับรองว่าไม่มีหาย ผมถ่ายรูปตั้งแต่เห็นทางเข้าไม่เว้นแม้กระทั่งผู้คนที่กำลังเดินเข้าไปตอนนี้เราทั้งคู่อยู่ในสวนดอกไม้ครับ ครูเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับถอดกล้องที่คล้องคอผมออกมา ผมเงยหน้ามองแล้วทำตาปริบๆ ครูจะยึดกล้องคืนเพราะเห็นผมถ่ายมั่วซั่วสินะครับ...
“ไปยืนตรงนั้นสิ เดี๋ยวครูถ่ายให้”
“ครับ” ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าสวนดอกไม้หลากสีหลากชนิด ตอนแรกก็ยืนตัวตรงเหมือนตอนถ่ายรูปบัตรประชาชนนั่นแหละครับแต่พอเห็นสายตาเอือมๆ ของครูแล้วผมก็เลยงัดท่าเก่งออกมานั่นก็คือชูสองนิ้วพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างคือที่นี่มันสวยมากจริงๆ นะครับ สวยจนผมเลือกไม่ถูกเลยว่าจะยืนตรงไหนดี
“ขยับมาทางซ้ายหน่อย”
“ตรงนี้เหรอครับ...” ผมก้าวไปทางซ้ายอย่างเก้ๆ กังๆ ราวกับบ้านนอกตื่นกล้อง (ซึ่งมันก็ใช่ครับ) ครูหัวเราะน้อยๆ แล้วก็ถ่ายรูปผมประมาณสองสามรูปก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วกดรีวิวรูปให้ดู
“ว๊าว...สวนดอกไม้สวยจังเลยครับครู” ผมเผลอกุมมือครูที่กำลังถือกล้องเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับรูปถ่าย ครูขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาดูด้วย
“ครูให้นายดูรูปตัวเอง ไม่ใช่สวนพฤกษาสักหน่อย”
“อ๋า...แต่มันสวยจริงๆ นี่ครับ งั้นเดี๋ยวผมถ่ายให้ครูบ้างนะ”
“เอาสิ”
พูดจบครูก็เดินลิ่วหนีผมไป ปล่อยให้ผมยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวนะครับ...เมื่อกี้ผมสื่อสารอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมกำลังบอกว่าจะถ่ายรูปให้ครูไม่ใช่เหรอแล้วทำไมเขาเดินหนีไปแบบนั้นล่ะครับ ผมรีบวิ่งตามครูไปติดๆ ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นครูกำลังยืนคุยกับชาวต่างชาติอยู่ หนำซ้ำยังรัวเป็นภาษาอังกฤษที่ผมสุดจะเกลียดอีกด้วยครับ -_-...
“Is that your boyfriend?”
“Nope, He’s my brother.”
“Really? You both look like a couple.”
สาวผมบรอนด์หัวเราะก่อนจะรับกล้องไปถือไว้ ผมได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกมองครูกับสาวตาน้ำข้าวอีกสองคนสลับกันไปมาผมพอจะฟังออกคร่าวๆ ว่าเขาถามว่าผมเป็นน้องชายครูหรือเปล่าแต่ประโยคหลังนี่ผมฟังไม่ทันครับ อะไรเพิ่ลๆ สักอย่าง ครูเอาแต่ยิ้มแล้วโอบไหล่ผมให้ถอยห่างจากกล้องไปช่วงหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองวิวด้านหลังไม่ต้องห่วงครับพอเธอตั้งท่าว่าจะถ่ายรูปผมก็ชูสองนิ้วขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับยิ้มกว้างอีกนั่นแหละ
“Can you please move a bit closer to your brother?”
หันไปมองหน้าครูที่กำลังโอบไหล่ผมให้เข้าไปใกล้กันมากยิ่งขึ้น หลังจากผมก็ได้ยินแม่สาวตาน้ำข้าวพูดอะไรสักอย่างรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าผมเมื่อครู่นั้นมันก็ดูไม่ปรกติอยู่แล้วและตอนนี้มันกำลังไม่ปรกติคูณห้าเข้าไปอีกเมื่อผมกำลังเกร็งหน้าจนกลัวว่ารูปจะออกมาตลก เธอทำท่าทางบอกให้ผมเอียงคอเล็กน้อย ผมก็ทำตามครับแล้วหัวผมก็ไปซบโดนคางครูเข้าให้
เธอรัวชัตเตอร์อยู่ประมาณสี่ห้ารูป ผมคิดว่าบางทีเธอน่าจะถ่ายแค่สองรูปแล้วยื่นกล้องคืนให้ครู ระหว่างห้าครั้งที่เธอกดรัวชัตเตอร์ก็บอกให้ผมเปลี่ยนท่าบ้าง ย่อตัวชูสองนิ้วที่คิดว่านี่แหละคือสุดยอดท่าไม้ตาย รูปสุดท้ายครูเข้ามากอดคอผมจากข้างหลังพร้อมกับเอาคางเกยไหล่นั่นทำให้ผมสะดุ้งอยู่เล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองใบหน้าคมที่แทบจะแนบกับแก้มผมอยู่แล้ว ภาพที่ออกมาค่อนข้างเป๋อมากครับเหมือนภาพหลุดที่คนเดินผ่านฉากยังดูดีกว่าผม ครูหล่อจังเลยครับในรูปดูไม่ต่างจากตัวจริงเลยส่วนผมล่ะมีอะไรบ้าง ตัวจริงก็ดูไม่ดีอยู่แล้วในรูปยังถ่ายไม่ขึ้นอีก (เศร้าจังเลยนะครับ) ผมชอบทุกรูปเลยล่ะถึงแม้ว่ารูปสุดท้ายผมจะดูประหลาดๆ ไปสักหน่อยแต่มันก็คือรูปคู่ของผมกับครู ถ้าผมขอรูปไปล้างแล้วแอบมาแปะฝาห้องครูจะว่าอะไรหรือเปล่านะ...
“คิดอะไรอยู่น่ะเรา”
“ผมคิดว่าอยากเอารูปที่เราถ่ายด้วยกันไปล้างแล้วเอามาแปะติดฝาห้องกับกระเป๋าเงินครับครู” ตอบหน้าตาเฉยจนครูหัวเราะออกมา ครูขยี้หัวผมอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหยิบหมวกรูปร่างเหมือนหัวสัตว์ที่แขวนอยู่บนราวอยู่มาใส่ให้ผม
“เดี๋ยวครูจะเอาไปล้างให้แล้วกัน” ขยับหมวกที่อยู่บนหัวผมอยู่สองสามทีแล้วเพ่งมอง ครูอมยิ้มแล้วหันไปจ่ายเงินให้กับเจ้าของร้าน
หมวกหัวหมูสีชมพูหน้าตาเปิ่นๆ นี่...ครูเห็นผมเป็นคนยังไงกันนะครับ - -
หรือว่าครูจะเห็นว่าผมตะกละเหมือนหมูเลยเลือกใบนี้ให้ หมวกลายกระต่าย จิ้งจอก หมี แมวน้ำมีเยอะแยะแต่ครูกลับมองข้ามมันไปเฉยเลยล่ะครับ
“ไม่ชอบเหรอ?”
“เปล่าครับ หมูนี่แหละเหมาะกับผมที่สุดในโลกเลย” ผมตอบตรงข้ามกับความรู้สึกทั้งที่ในใจอยากจะถามออกไปว่า‘ครูเห็นผมตะกละเหมือนหมูใช่ไหมล่ะครับ’แต่มันจะดูเสียน้ำใจจนเกินไปแบบนั้นไม่ดีครับไม่ดี
“ที่ครูเลือกใบนี้ให้เพราะทุกคนต่างก็มองข้ามความน่ารักของมัน ใครๆ ก็คิดว่าหมูมีรูปลักษณ์น่าเกลียด ไม่น่าเอ็นดู...แต่สำหรับครูไม่คิดอย่างนั้น” ครูยิ้มแล้วหันหน้าไปรับเงินทอนก่อนจะเดินนำผมไป
ความน่ารักที่ใครๆ ต่างก็มองข้ามงั้นเหรอ...ผมคิดไม่ถึงเลยแฮะ...
“ครูครับ! รอผมด้วย!”
ผมวิ่งตามหลังไปติดๆ ครูหันมายิ้มให้ผมพร้อมกับยื่นมือมา...ผมเอื้อมไปจับมือครูเอาไว้ก่อนที่เราจะเดินไปด้วยกัน...
แค่เราสองคน...
.
.
“( ̄(エ) ̄)”
“สองท่านนะคะ”
“ครับผม”
ผมกำลังเงยหน้าขึ้นมองความสูงของชิงช้าสวรรค์ที่ผมกลัวมากที่สุดในบรรดาเครื่องเล่นทั้งหลาย (ถ้าไม่รวมกับพวก T-Express อะไรนั่นน่ะนะครับ ของพวกนั้นโหดร้ายทารุณจนเกินไปถ้าผมเล่นคงหัวใจวายแน่) ครูกำลังแกล้งผมชัดๆ เขาพาผมมาเล่นชิงช้าสวรรค์เป็นอันดับแรกทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะพาไปบ้านผีสิง T_T
“ผมนั่งรอตรงนี้ได้ไหมครับ”
“แหม...นั่งข้างบนสวีทกว่ามั้งคะ” เสียงพนักงานพูดขึ้นทำให้ผมทำหน้าเนือยใส่ทันที อะไรที่ทำให้พวกเขามองว่าเราเป็นคู่รักกันนะครับ ผมก็ดูจะแมนออกขนาดนี้จะว่าเหมือนผู้หญิงปลอมตัวมาอย่างกับในละครก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ
“ไปกันเถอะ” ครูจูงมือผมให้เข้าไปอยู่ในกระเช้านั่น ผมยื้อแขนไว้แต่ก็อย่างว่าละนะครับผมไม่สามารถหลบหนีชะตากรรมนี้ได้หรอก...
กึ่ก!!!
“ฮื่อ... T_T”
เมื่อกระเช้าเริ่มเคลื่อนตัวผมก็เอนหลังพิงกับกรงเหล็กทันที (ผมขอเรียกมันว่ากรงแล้วกันนะครับ) มือทั้งสองข้างของผมเกาะเหล็กไว้พร้อมกับชะเง้อหน้าลงไปข้างล่าง มันไม่ใช่แล้วครับ...มันไม่ใช่แล้ว...เอาผมลงไปทีได้โปรด
“มันลอยแล้ว มันลอยแล้ว! T_T”
ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกมา ครูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังปั้นหน้าให้เป็นปรกติในขณะที่ผมกำลังเหงื่อซกเพราะกลัวตาย ผมเคยดูในหนังครับเรื่องไฟนอลเดสทิเนชั่นพวกคุณเคยดูใช่ไหม...ถ้าเกิดเส้นยึดระหว่างเหล็กกับกระเช้านี่ขาดขึ้นมาแล้วตกลงไปข้างล่างนี่ผมจะไม่ได้ลงไปเยี่ยมลูซิเฟอร์ในนรกหรอกเหรอ... T_T
“นี่”
ผมได้ยินเสียงครูเรียกครับแต่ผมไม่กล้าขยับตัวไปไหนแล้ว ตอนนี้ผมมองแค่มือตัวเองที่กำลังเกาะกรงเอาไว้ก่อนที่จะหันไปมองหน้าใครอีกคนที่กำลังแกะมือผมออกจากกรง ครูยิ้มบางๆ พร้อมกับค่อยๆ คลี่มือผมให้แบออก มือของผมมันชุ่มเหงื่อเพราะความกลัวแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ผมไม่ค่อยถูกกับความสูง ครูวางมือของเขาไว้บนฝ่ามือของผมก่อนจะค่อยๆ สอดประสานกัน
“มองหน้าครูสิ”
ครูพูดขณะที่จ้องหน้าผมอยู่เหมือนกัน บอกตรงๆ ว่าให้ผมก้มลงไปมองพื้นดินที่แสนน่ากลัวนี่ยังดีกว่าให้ผมมานั่งจ้องหน้าครูแบบนี้ สีหน้าของครูมันกำลังทำให้ผมสับสนกับความรู้สึกตัวเองครับ ไม่รู้ว่าจะกลัวหรือเขินดี
“อย่ามองไปข้างล่าง มองแค่ครูก็พอ”
มือผมที่ชุ่มเหงื่อเพราะความกลัวอยู่แล้วมันกำลังชื้นหนักเพราะความเขินอาย ผมมองหน้าครูตามที่บอกแล้วผมก็เริ่มใจเย็นลง
“นายเชื่อใจครูไหม?”
เชื่อใจเหรอ...
“ครูอยู่ตรงนี้...กับนาย”
ครูกระชับมือผมพร้อมกับเอานิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามฝ่ามือเบาๆ เพื่อให้ผมผ่อนคลาย
“นายเชื่อครูหรือเปล่าคยูฮยอน”
“..................”
พอไม่ได้ยินคำตอบจากปากผมครูก็ขยับมานั่งฝั่งเดียวกันจนกระเช้ามันโงนเงน ผมนี่แทบตาเหลือกเลยล่ะครับแต่ดีที่ว่าครูประคองผมเอาไว้ไม่งั้นผมคงทิ้งตัวเองลงไปนั่งบนฐานกระเช้าแน่ๆ
“ค...ครูครับ ม...มันจะร่วงไหม”
“เด็กน้อย...”
ครูถอดหมวกลูกหมูสีชมพูออกมาจากหัวผมแล้วใส่ให้เข้าไปใหม่ ผมหันไปมองหน้าครูที่กำลังอมยิ้มอยู่แล้วก็อิจฉา ดีจังเลยนะครับที่ครูไม่กลัวเรื่องแบบนี้ คนอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับผมก็ด้วย
“ดูนี่สิ”
ครูชูมือที่สอดประสานกับมือผมไว้ขึ้นมาระดับไหล่ ผมมองมือสลับกับใบหน้าของครูไปมา
“ครูจะไม่มีวันปล่อยมือนาย...”
เพียงแค่ประโยคเดียว...
ประโยคเดียวเท่านั้นที่มันขับไล่ความหวาดกลัวไปจากหัวใจของผมได้นั่นอาจจะเป็นทั้งเรื่องกลัวความสูงและเรื่องความรู้สึกของผม...หัวใจผมมันก็เต้นแรงอยู่แล้วแต่พอได้ยินแบบนี้มันยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่...ใบหน้าของครูเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พร้อมกับมือที่เชยคางผมขึ้นให้รับรสจูบที่แสนอบอุ่น ผมหลับตาลงเมื่อมือแกร่งกำลังเลื่อนมาโอบใบหน้าผมเอาไว้
ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ที่ผมชอบให้ครูจูบผมแบบนี้
ริมฝีปากหยักผละออกเพียงน้อยนิดแล้วกดจูบซ้ำลงมาอีกครั้ง...อีกครั้งจนผมเคลิ้มตาม หัวใจของผมมันกำลังพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ครูกำลังถอดแว่นผมออกก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปจูบอีกครั้ง...
ในตอนนี้ผมคิดว่า...ผมชักจะเริ่มชอบชิงช้าสวรรค์เข้าแล้วล่ะครับครู...
.
.
“บ้านผีสิงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ จะไปกันเลยไหม?”
“ไปสิครับ! ผมรอเวลานี้มานานแล้ว!”
“หืม? เด็กน้อยที่กลัวความสูงเมื่อกี้หายไปไหนแล้วนะ?” ครูพูดลอยๆ แต่มันกระทบหน้าผมอย่างจัง ผมหุบยิ้มก่อนจะยืนสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว ช้อนตามองคนตรงหน้าแล้วย่นจมูกเล็กน้อย
“ทำหน้าเหมือนหมวกเข้าไปทุกทีๆ แล้วนะเรา” ครูบีบจมูกจนผมต้องรีบคว้ามือแกร่งเอาไว้เพราะหายใจไม่ออก นี่ครูจะฆ่าผมด้วยการทำให้ขาดอากาศหายใจไปถึงไหนกันครับ T_T
“ไปกันเถอะ”
ครูเดินนำหน้าไป ส่วนผมได้เพียงแค่ยู่ปากทำตาขีดๆ (แบบนี้ครับ -- --) ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อย ระหว่างเดินไปผมก็สะดุดตากับของสิ่งหนึ่ง ผมรีบหันไปหาครูที่กำลังเดินนำไปข้างหน้าพร้อมกับตะโกนเรียก
“ครูครับ! มาดูนี่เร็ว!”
ผมกวักมือเรียกแล้วหันไปมองตู้เกมกระจกที่มีพวงกุญแจหลากหลายอยู่ในนั้นนั่นก็รวมถึงพวงกุญแจลายน้องหมูสีชมพูด้วย ผมอ่านข้างตู้แล้วก็พบว่าต้องหยอดเหรียญลงไปถึงจะเล่นเกมชิงของรางวัลข้างในนั้นได้...
เอาล่ะ...ผมจะลุยล่ะนะ!
ตัดภาพมาอีกที...
“โธ่...อีกนิดเดียวเอง”
ผมรู้สึกเหมือนนักธุระกิจล้มละลายเมื่อพลาดไปสามรอบแล้ว แย่ล่ะสิ...ผมเหลืออยู่แค่เหรียญเดียวเอง...ถ้าเกิดผมเอาพวงกุญแจนั่นมาไม่ได้ผมคงไม่กล้าไปพบหน้าครูอีก ผมเอาเหรียญสุดท้ายมาประกบไว้กับมือทั้งสองข้างพร้อมกับสวดมนต์ขอผู้เป็นเจ้า ในเมื่อใช้ความสามารถไม่ได้ก็ต้องใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้าช่วยแล้วล่ะครับแบบนี้
“เหรียญสุดท้ายแล้วนะครับคุณตู้” ผมพูดพร้อมกับหย่อนเหรียญเข้าไปก่อนจะขมวดคิ้วเพ่งสายตามองเป้าหมาย ผมใช้ความนิ่งสยบทุกความเคลื่อนไหวครับ คราวนี้ผมต้องได้!
“นั่นไง!” ผมเบิกตากว้างเมื่อพวงกุญแจนั่นร่วงลงมาในช่องรับของ ผมหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับทำท่าเยส! แล้วหันกลับไปหาครู
“ครูครับผมทำสำ...อ้าว...ครูหายไปไหนแล้ว...” ผมทำตาปริบๆ เมื่อคนที่ควรจะยืนอยู่ข้างหลังผมตอนนี้กลับหายไปไหนก็ไม่รู้
ผมค่อยๆ ก้าวออกมาจากตู้เกมพร้อมกับชะเง้อหน้ามองซ้ายขวา ผู้คนมากมายเดินสวนกันจนผมไม่สามารถตาหาครูเจอได้ แย่แล้วสิครับตอนนี้ผมกำลังเป็นเด็กหลงล่ะ ผมเดินไปตามทางที่คิดว่าครูน่าจะเดินไปทางนั้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ความรู้สึกมันคล้ายกับตอนที่ขึ้นมาโซลวันแรกไม่มีผิดเลย
RRRRrrrr!!!
“ครับครู”
(ให้ตายเถอะกว่าจะโทรติด...คยูฮยอนนั่นนายอยู่ไหนน่ะ? )
“ที่ไหนก็ไม่รู้สิครับครู...คนเต็มไปหมดเลย” ผมหันไปมองซ้ายขวาหวังว่าอาจจะโชคดีเจอครูเข้าให้ ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดเข้าไปทุกทีๆ มันคงยากที่เราจะตามหากันเจอ
( มองหาจุดเด่นแถวๆ นั้นสิแล้วบอกครู )
ผมหันไปมองรอบๆ ข้างหวังว่ามันจะมีอะไรเป็นจุดเด่นบ้าง...ก็ไม่มีเลยนอกจากผู้คนที่ยืนมุงอะไรกันอยู่ ข้างหน้ามีแสงสีเต็มไปหมดอย่างกับมีงานอะไร
“มีแสงสีเต็มไปหมดเลยครับครู แถวนี้คนเยอะจัง”
( เอาล่ะ...ยืนอยู่ตรงนั้นนะอย่าไปไหน ครูกำลังจะไปหา)
“ครับ”
ผมเขย่งขามองข้างหน้าเมื่อมีเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้น ผมเห็นขบวนอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมาทางนี้ ผมอ้าปากค้างเมื่อพบเห็นกับความสวยงามของขบวนพาเหรดนั่น ว๊าว...ที่นี่มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับเนี่ยสุดยอดไปเลย อลังการยิ่งกว่าที่เคยเห็นในทีวีอีก...กล้องล่ะครับกล้อง...อ๋า...กล้องอยู่กับครูสินะ T_T
หมั่บ...
ขณะที่ผมกำลังเขย่งขาดูขบวนพาเหรดอยู่นั่นก็ต้องเซถอยหลังไปก้าวหนึ่งเมื่อถูกใครอีกคนเข้าสวมกอดจากข้างหลังเข้าให้ ผมก้มลงมองวงแขนแกร่งที่กำลังโอบกอดเอวผมไว้แล้วถึงได้รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร...
“ครู...”
ผมเอี้ยวหน้าหันไปมองอีกฝ่ายที่กำลังเอาคางเกยไหล่ผมพร้อมกับรอยยิ้ม ใบหน้าคมหอมแก้มผมเบาๆ ครั้งหนึ่งท่ามกลางแสงสียามค่ำคืนของขบวนพาเหรด
“ตามหาตั้งนาน”
“ขอโทษครับ (_ _ )”
“ลงโทษยังไงดีนะ?” ครูกระชับกอดผมแน่นยิ่งขึ้น ผมชักจะแปลกใจที่ครูไม่กลัวเลยว่าจะมีใครมาเห็นเข้า ถึงแม้ว่าตรงนี้มันจะมืดมากก็เถอะ
“ถ้าครูใจดี ครูจะไม่ทำโทษผมครับ”
“อา...แย่จัง...ครูของนายเป็นคนใจร้ายซะด้วยสิ”
“ผมไม่ได้ตั้งใจหลงทางนะครับ...ตอนนั้นก็ตะโกนเรียกแล้ว คิดว่าครูจะเดินกลับมาซะอีก” ผมงึมงำเบาๆ แต่ผมคิดว่าครูคงได้ยินถึงแม้ว่าเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องจะดังสักแค่ไหน...
ก็ใบหน้าของเราทั้งคู่ห่างกันอยู่แค่นี้เองนี่ครับ...
“ผมได้นี่มาให้ครูด้วยล่ะครับ...” ผมล้วงกระเป๋าแล้วชูพวงกุญแจลูกหมูสีชมพูขึ้นมาตรงระดับใบหน้าพลางเม้มริมฝีปากแก้เขิน ครูหยิบมันไปดูใกล้ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
“น่ารัก”
“ใช่ครับ มันน่ารักพอๆ กับหมวกใบนี้เลย” ผมยิ้มกว้างพร้อมกับบีบจมูกหมวกลูกหมูที่สวมอยู่ พอครูเห็นอย่างนั้นแล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“ครูหมายถึงนายต่างหาก”
อีกแล้ว...ผมโดนครูแอทแทคเป็นครั้งที่ร้อยของวันแล้วล่ะครับ...รอยยิ้มบนใบหน้าผมเลือนหายไปแล้วได้ความเขินอายเข้ามาแทน รอยยิ้มของครูมันไม่ได้ละมุนอย่างในทีแรก ตอนนี้มันดู...เจ้าเล่ห์ยังไงพิกลครับ
“แถวนี้คนเยอะ...นะครับ...”
ผมพูดเบาๆ พลางงุดหน้าลงเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของครูยื่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเราทั้งคู่ก็ต้องผละตัวออกจากกันเมื่อจู่ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างหนักทั้งที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อน ผู้คนมากมายต่างแตกตื่นรีบวิ่งหาที่หลบฝน สถานการณ์กำลังวุ่นวายและตอนนั้นเองครูก็เข้ามาคว้าข้อมือผมเอาไว้แล้ววิ่งไปด้วยกัน
ซ่า...
เสียงฝนตกลงมาอย่างหนักจนผมแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันนะ...เมื่อวานก่อนก็ตกวันนี้ก็ตก หรือว่าจะพายุเข้า ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่ถอดเสื้อนอกออกมาคลุมไหล่ให้กับพร้อมกับโอบใบหน้าผมเอาไว้แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือไล้น้ำฝนออกจากแก้มผมเบาๆ
“แบบนี้คงไปเล่นบ้านผีสิงต่อไม่ได้แล้วล่ะเดี๋ยวนายจะเป็นหวัดเอา”
“ครูก็เหมือนกันนะครับ”
ผมล้วงกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กพร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเอื้อมไปเช็ดหน้าให้ครูบ้าง มือครูหยุดชะงักแล้วเอาแต่ยืนมองหน้าผมโดยที่ไม่สนใจเลยว่าคนถูกมองจะรู้สึกยังไง
“ครูว่าฝนคงไม่หยุดง่ายๆ แน่ เราวิ่งกลับไปที่รถกันดีไหม?”
“ครับ แต่เอาเสื้อนี่ห่อกระเป๋าครูไว้ดีไหมครับ ทั้งกล้องทั้งอะไรหลายๆ อย่างอยู่ในนี้หมดเลย ผมกลัวว่ามันจะพังเอา” ครูขยี้หัวผมเบาๆ พลางก้มมองผมที่กำลังห่อกระเป๋าครูไว้แล้วเอามากอดแนบอก
“งั้นเราไปกันเถอะ”
.
.
ซ่า...
ฝนยังเทลงมาไม่หยุดถึงแม้ว่าเราทั้งคู่จะกลับมาถึงบ้านแล้ว ครูเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาทึ้งหัวผม (ใช้คำว่าทึ้งเถอะครับถ้าจะรุนแรงกับผมขนาดนี้)
“อะ...โอ๊ยๆ ครูครับ หัวผมจะหลุดแล้ว”
“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวครูทำซุปไว้รอทานเสร็จแล้วจะได้ทานยาดักเอาไว้ด้วย”
“ไม่เอาสิครับ ขืนแช่ไว้แบบนี้ครูได้เป็นหวัดแน่เลย นะ...ไปอาบน้ำพร้อมกันกับผมนี่แหละ” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่จู่ๆ ก็หยุดเช็ดหัวผมเสียดื้อๆ
ผมว่ามันไม่ใช่ละครับ! - -‘
“ไม่ใช่นะครับครู คือผมจะหมายความว่าให้เราไปอาบน้ำพร้อมๆ กันแต่คนละห้องน้ำน่ะครับ...” (_/////_) ผมอยากบ้าครับ พูดอะไรแบบนั้นก็ไม่รู้
“นึกว่าอยากจะอาบพร้อมกันซะอีก”
“โธ่ครูครับ...ไม่ดีมั้งครับแบบนั้น...”
“ครูล้อเล่นน่ะ” บีบจมูกผมเบาๆ ก่อนที่ผมจะจับมือครูเอาไว้ ครูขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อผมเอาผ้าขนหนูที่เช็ดหัวตัวเองเมื่อครู่มาแล้วเดินไปหยิบเก้าอี้ตัวเล็กมาวางไว้ตรงหน้าครูก่อนจะเหยียบมันขึ้นไปเช็ดผมให้กับครูบ้าง
ส่วนสูงของผมตอนนี้มันยังไม่สามารถยืนเช็ดผมให้ครูได้ถนัดนักเลยต้องใช้ตัวช่วย ตอนนี้ผมสูงกว่าครูนิดหน่อยแล้วเพราะได้เก้าอี้ นัยน์ตาคมเงยขึ้นจ้องผมอยู่อย่างนั้นจนผมรู้สึกอายที่จะมองหน้าครู วงแขนแกร่งโอบกอดเอวผมเอาไว้จนหน้าท้องผมแนบกับแผงอกของครูจนได้...
แย่แล้วล่ะครับ...สถานการณ์ชวนให้ใจเต้นแรงแบบนี้มันมาอีกแล้ว
“คยูฮยอน”
“ค...ครับ”
“จูบได้ไหม?”
“................”
ผมไม่เคยได้ยินครูถามแบบนี้เลยสักครั้งถึงแม้ว่าเราจะจูบกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน มือผมหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่มือแกร่งจะรั้งท้ายทอยผมลงมารับจุมพิตแสนหวาน ร่างกายของผมยังคงชุ่มไปด้วยน้ำฝน ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกหนาวจนแทบอยากจะถอดเสื้อผ้าทิ้งแล้ววิ่งไปซุกในผ้านวมเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่ตอนนี้ร่างกายของผมมันกำลังร้อนผ่าวไปหมดไป ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาในโพรงปากยิ่งทำให้ผมร้อนมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม...ผมค่อยๆ เลื่อนมือลงมาวางบนลาดไหล่กว้างจนผ้าขนหนูร่วงตกลงไปบนพื้น จูบของครูนับวันมันยิ่งกลืนกินผมเข้าไปทุกทีๆ หรือว่าบางทีผมอาจจะคิดไปเองก็ได้...
“บอกครูสิ...ว่าสิ่งที่นายอยากทำที่สุดในตอนนี้คืออะไร”
“..................”
ผมหอบหายใจหนักเมื่อริมฝีปากหยักผละออกไป น้ำเสียงแหบพร่านั่นทำผมสติเตลิดได้ง่ายๆ จนขามันเริ่มจะทรงตัวเองไม่ได้...
“ผม...”
ใบหน้าของเราห่างกันเพียงน้อยนิด ระหว่างที่รอคำตอบริมฝีปากหยักได้รูปก็พร่ำจูบไปทั่วใบหน้าของผม เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงรับสัมผัสนั้นก่อนจะกำเสื้อครูไว้แน่น
“ผมอยาก...ให้ครู...จูบ...ผมครับ”
TALK
คือเขียนเสร็จตั้งแต่ก่อนสิบโมงแล้ว แต่มานั่งย้อนอ่านใหม่ว่าควรเพิ่มอะไรอีกไหม
พอกลับมาถึงห้องอาบน้ำเสร็จเปิดทวีต ออนเอ็มปุ๊ปเป็นเรื่องเลยจ้า 5555
(ขอบ่นหน่อย)
คือไม่เข้าใจว่าตัวเองเขียนฟิคสนุกอะไรขนาดนั้นทำไมมีแต่คนก๊อบ
น่าเบื่อมากอ่ะ orz เพลียจริงๆ นะ
คือเบื่อจะบ่นเรื่องแบบนี้แล้ว แต่มันก็มีมาเรื่อยๆ ไง ไม่เข้าใจหัวอกกันบ้างเหรอ หยุดก๊อบเถอะ กราบ (ขอบคุณน้อง @naniya92 ที่ช่วยหาข้อมูลของเอเวอร์แลนด์นะคะ พอดีว่าเราไม่เคยไปที่นั่นเลยไม่รู้จะเขียนออกมายังไงให้นึกภาพกันออก อาจจะไม่เป๊ะอย่างสถานที่จริงก็เข้าใจกันหน่อยเนอะ 555)
ปล.ตอนนี้มันละมุนไหมไม่รู้ แต่ตอนหน้าอยากไปทัศนศึกษากับคุณครูไหมล่ะ?
ปล.2 น้องคิยูอย่างอ่อยอ่ะตอนนี้ 5555555555555 #อย่าว่าน้อง
ความคิดเห็น