ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu | Friend's "แฟนเพื่อน"

    ลำดับตอนที่ #8 : Friend's VII - Rain.. (비)

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 54


     

     

     

    บางครั้ง..ผมก็แทบจะลืมไปแล้ว..

    ว่าความสุข..มันเป็นยังไง

     

     

    ร่างโปร่งแทบไม่มีเรี่ยวแรงเดินต่อจนเขาต้องพยุงไปขึ้นรถ..คยูฮยอนนั่งเงียบอยู่นาน..นาน..จนฝนตกอีกรอบ.. ซีวอนไม่สามารถมองเห็นสีหน้าอีกฝ่ายได้ถนัดนักเพราะร่างโปร่งเอาแต่ทอดสายตามองออกไปข้างนอก ภายในรถที่ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศ..กับเสียงเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบหลังคารถอย่างต่อเนื่อง ซีวอนไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป ไม่อยากบังคับฝืนใจ ถึงจะเป็นห่วงแค่ไหนแต่สถานะระหว่างเขากับคยูฮยอนในตอนนี้ก็เป็นแค่อาจารย์กับลูกศิษย์เท่านั้น

     

    บ้านคุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง

     

    ร่างสูงมองไปยังอีกคนที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิมราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ซีวอนเอนหลังพิงเบาะนุ่มก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ พยายามเข้าใจ..ว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกแย่จนไม่อยากพูดอะไรออกมา เขาถึงได้อยู่เฉยๆ เชื่อว่าคยูฮยอนยังคงมองเขาในแง่ลบเพราะเหตุการณ์เมื่อวันนั้น ถ้าไม่อยากเห็นหน้ากันมากขนาดนี้ ก็จะไปส่งกลับบ้าน..แต่นี่เล่นเงียบไม่พูดไม่จา แล้วจะให้ไปส่งที่ไหนอะไรยังไง และเขาเองก็ไม่ได้บ้าจี้อ่านใจคนออกเสียด้วย

     

     

    ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น..

     

     

    ประโยคเดียวที่หลุดออกมาจากปากของลูกศิษย์หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน และนั่นทำให้อาจารย์หนุ่มตัดสินใจเออออเอาเองครั้งแรกในชีวิต ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำอะไรแบบนี้ ในเมื่อไม่อยากกลับบ้านแล้วก็ไม่บอกที่หมายว่าอยากไปไหน..งั้นก็กลับคอนโดด้วยกันนี่แหละ

    ร่างสูงสตาร์ทรถมุ่งหน้ากลับที่พักโดยที่ไม่ถามถึงความสมัครใจของอีกฝ่าย..ก็ในเมื่อไม่โต้แย้ง ไม่พูดไม่จาเขาเองก็ไม่อยากถามต่อ..เพราะถ้าถามไปก็ไม่รู้ว่าจะได้คำตอบไหม?

     

    มือแกร่งบิดกุญแจดับรถเมื่อถึงที่หมาย ร่างสูงเลิกคิ้วมองก่อนจะอมยิ้มน้อยๆ เมื่อหันไปเห็นใครอีกคนที่ผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

    คงเหนื่อยมากสินะ..

     

    ร่างสูงลงจากรถพร้อมกับเดินอ้อมไปเปิดประตูที่นั่งคนขับพลางช้อนตัวคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราขึ้นมาแนบอกก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูลิฟท์ ใบหน้าคมเงยขึ้นมองตัวเลขสีแดงที่บ่งบอกชั้นของลิฟท์ที่กำลังนับถอยหลัง นัยน์ตาคมก้มลงมองคนที่หลับอยู่ในอ้อมกอด..

     

    พออยู่เฉยๆ ก็น่ารักเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย..

     

    ร่างสูงวางคนในอ้อมกอดลงบนเตียงอย่างเบามือก่อนจะห่มผ้าให้ นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าเรียวได้รูปที่หลับสนิทพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง

     

    เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้..

     

    นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้วก็ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่ สีหน้าโจคยูฮยอนเปลี่ยนไปตั้งแต่เห็นหน้าผู้ชายอีกคนที่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วอายุไม่น่าต่างจากเขาสักเท่าไหร่..มันก็จริงที่ปกติแล้วโจคยูฮยอนเป็นผู้ชายหน้าเดียวในสายตาซีวอน เด็กผู้ชายที่ยิ้มไม่เป็นกลายเป็นอีกคนเวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น

     

    และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เดินกลับไป..

    เป็นครั้งแรก..ที่เห็นคยูฮยอนอยู่ในสภาพแบบนั้น

     

    มือแกร่งเอื้อมไปปิดโคมไฟบนหัวเตียงก่อนจะเดินออกไปห้องโถง..ในตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้คยูฮยอนตื่น..ไม่รู้ว่าถ้าตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องของเขาแล้วจะเป็นยังไง จะโดนมองว่าเป็นอาจารย์วิปริตที่คิดจะเคลมลูกศิษย์รึเปล่า..เขาเองก็ไม่ได้เป็นคนดีในสายตาคยูฮยอนซะด้วย..

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ภายในแคนทีนในคณะศิลปกรรม ฮยอกแจนั่งปั่นรายงานที่เขายังทำไม่เสร็จอย่างตั้งใจ ที่งานมันยังกองเป็นภูเขาไม่ใช่เพราะไปเฝ้ายูอีแต่เป็นเพราะเขาดองงานไว้ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมถึงได้ต้องมารีบปั่นเอาตอนนี้..

     

    ถ้าศิลปกรรมเรียนแค่เขียนแบบกับปั้นเซรามิกส์ก็คงดีหรอก..

     

    ถัดไปข้างๆ มีเฮนรี่ กับอีทึกที่กำลังนั่งกินข้าวกันหน้าตาเฉย ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับหายนะที่กำลังเข้ามาเยือนเลยแม้แต่น้อย ไม่แปลก..ถ้าคนอย่างไอ้พี่ทึกมันกระตือรือร้นป่านนี้มันคงเรียนจบมีลูกมีเมียไปแล้วล่ะ

     

    ยะ..ยะ..เยดเข้..ไอ้เหี้ยทงเฮแม่งออกมาจากรูแล้วเว้ย..

     

    ร่างโปร่งถึงกับหยุดชะงักหากแต่ใบหน้ายังคงก้มมองสมุดรายงานที่เต็มไปด้วยหมึกสีน้ำเงินอยู่ รู้สึกได้ว่ามีใครอีกคนยืนมองเขาอยู่ตรงมุมโต๊ะ..มือเรียวเริ่มจับปากกาขีดเขียนลงไปอีกครั้งหลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่..

     

    ไงครับ..โทรมมาเชียว..ตีกระหรี่หนักเหรอครับช่วงนี้ อีทึกถามพลางหันไปหัวเราะกับเฮนรี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทงเฮเหลือบมองใครอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาเขียนรายงานอยู่สุดมุมโต๊ะก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งลงข้างๆ เฮนรี่

    พวกมึงส่งงานของไอ้หนวดรึยัง ทงเฮทำเป็นไม่ได้ยินคำถามจากเพื่อนรุ่นพี่และคำถามของเขาที่เอ่ยมานั้นสร้างความประหลาดใจให้กับสองดูโอ้เป็นอย่างมาก

    ทำไม มึงจะทำส่งรึไง?

    เออ ต้องไปหาข้อมูลที่ไหนอะไรยังไงบ้าง เฮนรี่กับอีทึกถึงกับอ้าปากหวอ..ไม่ใช่แค่สองคนนั้นหรอกฮยอกแจเองก็ด้วย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างอีทงเฮคิดจะเอางานเอาการ..เพราะปกติเห็นแกล้งไปหยอดเด็กเรียนในคณะให้เค้าหลงจนช่วยทำทุกอย่างตลอดไม่เคยได้ลงมือเองสักครั้งนี่..

    อีกุ๊ยช่ายได้ออกลูกเป็นอูฐเยอรมันก็งานนี้ล่ะมึงเอ๊ย.. อีทึกหันไปตบบ่าเพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่มองทงเฮอย่างไม่เชื่อสายตาพลางหัวเราะ

    ก็เนี่ยแหละในหนังสือ พี่รหัสกูให้ยืมมา มึงเอาไปซีร็อกดิแล้วเอามาคืนกูพรุ่งนี้ เฮนรี่ดันหนังสือมาไว้ตรงหน้าทงเฮพลางหันไปกินข้าวต่อ

    นัยน์ตาคมมองไปยังใครอีกคนที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเขียนรายงานอยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจเลยเขาเองก็นั่งอยู่ตรงนี้..

     

     

    อีทงเฮเป็นแค่อากาศธาตุที่อีฮยอกแจมองไม่เห็น

     

     

    คยูฮยอนล่ะ? ทงเฮถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนอีกคนอยู่บนโต๊ะ เฮนรี่ยักไหล่น้อยๆ เป็นคำตอบ

    ไม่รู้ดิ..ไอ้ฮยอกแจมันโทรหาเมื่อกี้แม่งปิดมือถือว่างั้น อีทึกตอบก่อนที่คนถูกพาดพิงจะเงยหน้าขึ้นมามอง..

     

    และเผลอสบตากับใครอีกคนโดยบังเอิญ..

    แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น..

     

    เฮ้ย ฮยอกแจ..มึงอย่าเอาแต่ปั่นงาน ไปซื้อข้าวมาแดกซะ อีทึกยีหัวเพื่อนรุ่นน้องที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น ก็พอเข้าใจหรอกนะว่าเข้าหน้ากับทงเฮไม่ติดเพราะเรื่องผู้หญิง ไหนจะต้องรีบปั่นงานให้เสร็จก่อนกำหนดเพื่อที่จะเอาเวลาไปเฝ้าผู้หญิงคนนั้นอีก..ให้มันได้อย่างนี้ ชีวิตยิ่งกว่าละครน้ำเน่า

    กูยังไม่หิว มึงก็แดกไปสิวะหันไปบ่นคืนบ้าง ถึงสายตาจะมองอีกทึกอยู่แต่ก็พอรู้ว่ามีใครอีกคนกำลังมองเขาอยู่

    โรคกระเพาะจะลามไปแดกสมอง ก็เพราะมึงแดกข้าวไม่เป็นเวลานี่แหละ อีทึกบ่นอุบอิบ หลังจากช่วงที่ทงเฮห่างจากทุกคนไปก็มีคยูฮยอนคอยดูแลใส่ใจเรื่องอาหารและยา แต่ไอ้พี่ทึกนี่ไม่เรียกดูแลแล้วล่ะเค้าเรียกบ่น บ่นอย่างเดียวไม่พอ..มีลงไม้ลงมือด้วย

     

     

    อยู่นี่นี่เองสินะ....อีทงเฮ

     

     

    ทุกสายตาจับจ้องไปที่หญิงสาวร่างบางที่ยืนอยู่หัวมุมโต๊ะก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเธอเอาน้ำสาดหน้าทงเฮทันทีโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งหลัก.. ท่ามกลางความตกใจของคนทั้งแคนทีนฮยอกแจมองร่างบางสลับกับทงเฮไปมา..นั่นแฟนเก่าของทงเฮ..

     

    จำได้ว่าทงเฮเคยคบกับผู้หญิงคนนี้อยู่ช่วงหนึ่ง..คบไปได้ไม่นานนักพอเบื่อก็เลยหาเรื่องหลบหน้าไปซะอย่างนั้นแถมยังไม่ยอมบอกเลิกเธอตรงๆ

    ทงเฮอ้างว่าขี้เกียจพูดความยาวสาวความยืด..ในเมื่อเขาไม่โผล่ไปให้เธอเห็นหน้าก็น่าจะรู้แล้วว่าทงเฮไม่เอา..ทงเฮชอบคิดอะไรตื้นๆ ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่ายไม่เคยกลัวปัญหาที่จะตามมา ฮยอกแจได้แค่เอือมกับพฤติกรรมของเพื่อนสนิท ถึงแม้จะคอยบอกคอยเตือนแล้ว แต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม

    ฮยอกแจเห็นร่างบางเดินป้วนเปี้ยนหน้าคณะบ่อยครั้ง เธอมาถามหาทงเฮกับคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง..แต่ก็ไม่เคยเจอ..อืม..ก็ทงเฮมันเข้าเรียนซะที่ไหนกันล่ะ..ถือว่าเป็นความโชคร้ายของเธอหรือความโชคดีของทงเฮก็ไม่รู้ วันไหนทงเฮมาเรียน..วันนั้นเธอจะไม่เข้ามาคณะ วิชาสับขาหลอกขั้นเทพระดับทงเฮ เมื่อก่อนเคยสับรางเป็นว่าเล่น..แต่ทำไมวันนี้ถึงตามตัวเจอได้นะ

     

    ร่างหนายันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะปาดน้ำออกจากใบหน้าพลางมองไปยังคนตัวเล็กกว่า ดวงตาเรียวมองอดีตคนรักพลางแค่นยิ้มก่อนจะตบหน้าอีกฝ่ายดังฉาดจนใบหน้าคมหันไปตามแรงตบ..

     

     ตกใจกับสิ่งที่เห็น..หากแต่ฮยอกแจเองก็ได้เพียงแค่มองใบหน้าของร่างหนา..กังวลว่าทงเฮจะเลือดขึ้นหน้าจนหลุดลงไม้ลงมือกับร่างเล็กเข้า..ถึงแม้ทงเฮจะไม่เคยทำร้ายร่างกายผู้หญิงก็เถอะ แต่ถ้าใครทำให้ทงเฮอับอายต่อหน้าคนอื่นแล้วล่ะก็..

     

    ได้ข่าวว่าไปทำผู้หญิงท้องมานี่.....เลวไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ นะอีทงเฮ... ร่างบางแค่นยิ้มขณะที่มองใบหน้าอีกฝ่าย.. มือหนายกขึ้นนวดแก้มข้างที่ถูกตบก่อนจะผ่อนลมหายใจออกเบาๆ

     

     

    นั่นทงเฮกำลังสงบสติอารมณ์อยู่...

     

     

    สันดานแบบนี้จะเป็นพ่อคนได้เหรอ? หึ...คนอย่างนายต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่พบรักแท้หรอกนะอีทงเฮ!” ทิ้งประโยคสุดท้ายให้เจ็บใจก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น

    เฮนรี่ลุกขึ้นโอบไหล่เพื่อนสนิทให้นั่งลงพร้อมกับตบบ่าเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจก่อนจะหันไปตวาดคนที่กำลังมองโต๊ะเขาเป็นตาเดียวกัน เสียงซุบซิบนินทาดังเข้าหูอย่างต่อเนื่อง..แต่ถึงอย่างนั้นมันคงไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของเขาแย่ลงไปกว่านี้

     

     

    มองอะไรครับ ไม่เคยเห็นพระเอกโดนตบเหรอ? แดกต่อไปสิครับ

     

     

    ความอึดอัดก่อตัวมากขึ้นจนฮยอกแจทนนั่งต่อไปไม่ไหว..ร่างโปร่งรวบหนังสือใส่กระเป๋าเป้ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากตรงนั้น ได้ยินเสียงอีทึกตะโกนไล่หลังหากแต่ไม่ได้หันกลับไปสนใจ..พอเห็นสีหน้าทงเฮแล้วมันรู้สึกเจ็บขึ้นมาเสียอย่างนั้น..ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร..เขาควรจะสะใจด้วยซ้ำที่ทงเฮได้รับผลแบบนั้น แต่ทำไมถึงได้รู้สึกสงสาร..เห็นใจแบบนี้?

     

     

    คงเป็นเพราะยังตัดความเป็นเพื่อนไม่ขาดใช่ไหม?

     

     

    ถึงทงเฮจะเคยทำร้ายเขาให้เจ็บปวดแค่ไหน บอกตัวเองว่าอย่าให้อภัยคนพรรค์นั้น แต่พอนึกถึงเรื่องเก่าๆ ช่วงเวลาที่เคยมีความสุขด้วยกัน..

     

    ถึงทงเฮจะมีข้อเสีย..แต่ฮยอกแจก็สามารถหาข้อดีเข้ามาลบล้างมันออกไปได้

     

    แต่ว่าครั้งนี้..เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันยากที่จะให้อภัย..ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะถีบทงเฮแรงๆ แล้วตะโกนด่าไปสักทีให้หายโกรธ เรื่องไหนที่มองข้ามได้เขาก็ทำหมดแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...มันยากที่จะทำใจยอมรับแล้วกลับไปเป็นเหมือนเดิม..

     

     

     

    ไม่มีเพื่อนที่ไหน..เขาทำกันแบบนี้หรอก

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เอาน้ำแข็งหน่อยไหมมึง?เฮนรี่หันไปถามคนข้างๆ ที่ยังคงนวดหน้าอยู่อย่างนั้น เหม่อลอยไปถึงใครอีกคนที่พึ่งเดินหนีไปเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกเจ็บอีกแล้ว

    มันโดนตบหน้า ไม่ได้โดนชก อีทึกว่าพลางผลักหัวดูโอ้เบาๆ เห็นเฮนรี่เป็นคนปากหมาแบบนี้ แต่เซนซิทีฟน่าดู

    ตอนแรกตั้งใจมาที่นี่เพราะคิดว่าคงได้เจอฮยอกแจ..แล้วก็ได้เจอจริงๆ แต่พอสบตากันแล้วกลับพูดอะไรไม่ออก คำพูดทุกอย่างถูกกลืนลงคอไปหมด.. ไม่กล้าพูดทักทาย..อืม..มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะทำแบบนั้น..เขาทำร้ายจิตใจ เหยียบย่ำความรู้สึกฮยอกแจไปตั้งเท่าไหร่..จะให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทักทายเป็นปกติ..ก็คงทำไม่ได้..

     

    รู้สึกผิดมาก..มากจนเกลียดตัวเอง..ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน..

     

    กูไม่รู้จะพูดอะไรดี..ให้เวลามันหน่อย..คนอย่างมันโกรธใครได้ไม่นานหรอก อีทึกพูด ทงเฮเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนรุ่นพี่ก่อนจะถอนหายใจ... เข้าใจว่าอีทึกพยายามจะปลอบเขา ถ้ามันง่ายอย่างที่พูดแบบนั้นก็คงดีหรอก

    ห้ามไม่ให้เครียดคงไม่ได้ แต่กูอยากให้มึงคิดน้อยลงนะ ไอ้เหี้ย เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ใช่ว่าพวกกูจะสบายใจนะเว้ย เฮนรี่กอดคอร่างหนาเข้ามาใกล้เป็นเชิงให้กำลังใจ

    ถึงจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็อยากให้ทงเฮได้รู้ไว้ว่ายังมีเขาอีกสองคนที่ยังอยู่ตรงนี้

     

    อืม..

    เรื่องนี้กูไม่รู้ใครผิดใครถูก แต่มึงก็ควรลดทิฐิลงบ้าง เพื่อนอย่างไอ้ฮยอกแจใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ นะ

    เออ ขอโทษมันรึยัง

    ยัง

     

    การพูดคำว่าขอโทษ..มันไม่จำเป็นว่าคนผิดต้องพูดเสมอไปหรอก อีทึกฉายแววตาจริงจัง บางครั้ง..การพูดขอโทษทั้งที่ตัวเองไม่ผิด..แต่ถ้ามันทำให้ทุกอย่างดีขึ้น..มึงก็ควรพูดมันออกมานะ

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เปลือกตาบางลืมขึ้นก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางทุบท้ายทอยเบาๆ อ่า.. เมื่อคืนนอนคอตกหมอน..ปวดคอชะมัด..

    นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเตียงที่เขาอยู่นั้น..ไม่ใช่เตียงของเขา..ร่างโปร่งกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องก่อนจะคิ้วขมวดเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ในไม้แขวนวางอยู่ปลายเตียงพร้อมกับโน้ตที่ติดอยู่บนเสื้อ

     

     

    อาบน้ำแล้วใส่ชุดนี้

    ผมจะกลับมาตอนบ่ายสาม..

    ถ้าคุณยังอยู่ถึงตอนนั้น..ผมจะทำมื้อเย็นให้ทาน

     

    Siwon Choi’

     

     

    คิ้วเรียวคลายออกเป็นปกติเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน..คิมยองอุน..มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่ในรถของอาจารย์หนุ่ม..ตอนนั้นไม่อยากกลับบ้าน..จะไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นั่น..แล้วสุดท้ายก็เผลอหลับไป

     

    ซีวอนคงพากลับมาที่ห้องของเขาสินะ..

     

    มองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก่อนจะลอบถอนหายใจ..ยังทัน..นี่พึ่งบ่ายโมงเองกว่าซีวอนจะกลับก็ตั้งบ่ายสาม ร่างโปร่งลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าก่อนจะเดินออกมาส่องกระจก..เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำซะด้วย..แต่ช่างเถอะ..ใส่ชุดเดิมกลับบ้านแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปหาฮยอกแจดีกว่า..

    มือเรียวไขกลอนประตูออกก่อนจะหยุดชะงักเมื่อใครอีกคนยืนอยู่ตรงหน้า..อาจารย์หนุ่มเลิกคิ้วมองลูกศิษย์ที่ทำหน้าตกใจราวกับเห็นผีพลางเดินแทรกเข้าไปในตัวห้อง.. คยูฮยอนมองตามร่างสูงที่ถือถุงหิ้วเต็มมือเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเดินออกมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกับชุดที่วางไว้บนเตียงก่อนหน้านี้

     

    ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวผมทำมื้อเที่ยงให้ทาน

    ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว คยูฮยอนหลบสายตาอีกฝ่าย นึกสมเพชตัวเองจริงๆ ที่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากคนที่หมดศรัทธาไปแล้ว

    ไหนบอกว่าจะกลับมาบ่ายสามไง?

    ข้างนอกฝนตกหนัก อีกอย่างคุณก็ยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เย็นเมื่อวาน ไม่หิวรึไง? อาจารย์หนุ่มมอง

    ผมรบกวนคุณมากแล้ว

    ทานเสร็จแล้วผมจะไปส่ง วางเสื้อผ้าลงบนมือร่างโปร่งก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องครัว..คยูฮยอนมองตามแผ่นหลังกว้าง จะเดินออกไปตอนนี้เลยก็ได้นะ..แต่ทำไมถึงได้ลังเลที่จะอยู่ต่อเพียงเพราะแค่เกรงใจอีกฝ่ายที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยในฐานะศิษย์-อาจารย์ล่ะ?

    สุดท้ายคยูฮยอนก็ยอมอาบน้ำตามคำบอกของร่างสูง.. ร่างโปร่งเดินออกมาจากห้องน้ำพลางมองไปยังอาหารที่ถูกวางเรียงไว้บนโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟาทีวี.. คยูฮยอนยืนนิ่งปล่อยให้อีกคนจัดแจงทุกอย่างจนเรียบร้อย ไม่รู้ว่าควรยืนตรงไหนด้วยซ้ำ..บอกตรงๆ ว่าอึดอัด..

    นั่งสิ ร่างสูงนั่งลงบนเบาะเดี่ยวก่อนที่ใครอีกคนจะเดินลงมานั่งโซฟายาว นัยน์ตาคมจ้องไปยังดวงหน้าของลูกศิษย์ที่ยังคงแสดงสีหน้าซึมเศร้า เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกลู่ตัดกับใบหน้าขาวๆ จนเขาต้องส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป

    .....มันเยอะเกินไป....ผมคงกินไม่หมดหรอกครับ

    ทานไปเถอะ เหลือก็ทิ้ง พูดตามความจริง ไม่จำเป็นต้องบังคับฝืนใจให้อีกฝ่ายกินให้หมด แค่ต้องการให้คยูฮยอนมีสารอาหารตกถึงท้องบ้าง

    มือแกร่งหยิบปากกาขึ้นมาก่อนจะคว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ คยูฮยอนเลิกคิ้วมองอาจารย์หนุ่มที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างลงไปที่ข้อมือของเขา

     

    คุณจะทำอะไร

    เบอร์ของผม

    ผมจะเอาเบอร์คุณไปทำไมกัน คยูฮยอนฉายแววตาสงสัยเมื่อมองไปยังอาจารย์หนุ่มที่ปิดฝาปากกาพร้อมกับยิ้มบางๆ

    คุณยังไม่มีเบอร์ผมนี่ พูดทิ้งท้ายก่อนจะดันจานพาสต้าไปไว้ตรงหน้าร่างโปร่ง คยูฮยอนมองอาจารย์หนุ่มที่พูดจากวนประสาทแล้วนึกหงุดหงิด..

     

    ใครอยากได้เบอร์ของคุณ..

     

    ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังโซฟาพลางหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่บนคอร่างโปร่งขึ้นมาเช็ดผมให้อีกฝ่าย คยูฮยอนเอี้ยวตัวหันกลับมามองหน้าอาจารย์ก่อนจะรั้งมือแกร่งเอาไว้

     

    ผมทำเองได้

     

    เช็ดผมไม่แห้งมันจะทำให้คุณไม่สบายเอา..นั่งนิ่งๆ สิ น้ำเสียงทุ้มนุ่มบวกกับการกระทำที่อ่อนโยนนั่นทำให้ร่างโปร่งนั่งนิ่งตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างไม่เข้าใจ..ดวงตาคู่สวยจ้องไปยังจานพาสต้าที่วางอยู่ตรงหน้า..ไม่รู้สึกหิว..สิ่งที่ซีวอนมอบให้ทุกอย่าง..มันทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้

    ที่ทำแบบนี้...คุณคงไม่ได้หวังอะไรในตัวผมหรอกใช่ไหมครับ มือแกร่งหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคที่ตรงไปตรงมาของร่างโปร่ง

    พออีกฝ่ายนิ่ง..เขาก็ยิ่งแน่ใจ..เขาเป็นใคร..ก็แค่นักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเสียด้วยซ้ำ ซีวอนไม่มีทางมาทำดีโดยที่ไม่หวังอะไรหรอก

     

     

    ในสายตาคุณ..ผมคงเป็นอาจารย์โรคจิตคนหนึ่งสินะ

     

    ความเงียบครอบคลุมไปทั้งห้อง พาสต้าในจานยังคงอยู่ในสภาพเดิม..ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก.. ซีวอนเข้าใจที่ร่างโปร่งคิดแบบนั้น..เพราะสถานการณ์ทุกอย่างมันชวนให้คิด

     

     

    แต่ที่ทำลงไป..ก็แค่หวังดีก็เท่านั้น..

     

     

    ถ้าคุณทำดีกับผมเพราะหวังอะไรอยู่..ก็ปล่อยผมไปเถอะครับ ร่างโปร่งพูดเสียงเรียบ คนอย่างเขาไม่มีอะไรจะให้ซีวอนหรอกอย่าคาดหวังอะไรนักเลย

    เมื่อวานคุณยังบอกให้ผมช่วยอยู่เลย พูดติดตลกไปอย่างนั้นหากแต่คนได้ฟังกลับรู้สึกเคืองอย่างบอกไม่ถูก

     

    คิดผิดใช่ไหมที่ขอความช่วยเหลือจากเขา?

    คิดผิดใช่ไหมที่คิดว่าเขาจะหวังดีกับตัวเองจริงๆ?

     

    ร่างโปร่งปัดมืออีกคนออกพร้อมกับยันตัวลุกขึ้น ซีวอนจ้องมองแผ่นหลังบางที่กำลังเดินเข้าไปในห้องนอน ไม่นานนักคยูฮยอนก็เดินออกมาในชุดนักศึกษาตัวเดิมร่างโปร่งสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู

     

    ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ เอ่ยขอบคุณทั้งที่ไม่หันกลับมามองคนที่ยืนอยู่หลังโซฟาก่อนจะเดินออกจากประตูห้องไป

     

    ร่างสูงเดินอ้อมมาเก็บจานพาสต้าที่อีกฝ่ายยังไม่ได้แตะขึ้นมาไว้ในมือก่อนจะถอนหายใจเบาๆ ก็แค่แซวเล่นๆ ไม่อยากให้คยูฮยอนดูอึดอัดไปมากกว่านี้..ไม่คิดว่าจะโกรธเข้าจริงๆ นี่..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ในห้องสมุดของมหาลัย..ใครคนหนึ่งกำลังนั่งปั่นงานท่ามกลางความเงียบสงบ..ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงบ้างเดินผ่านไปมาบ้าง..ทั้งที่เงียบแบบนี้แต่จิตใจของเขากลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว.. กระดาษรายงานถูกฉีกออกเป็นใบที่สามหลังจากที่เขาเขียนวนไปวนมาอยู่ครู่ใหญ่.. เมื่อไหร่งานจะเสร็จสักที?

     

     

    ในหัวมีแต่ภาพของอีทงเฮ..สีหน้าเฉยชาของเขาตอนสบตากัน..มันยังคงติดตาอยู่อย่างนั้น

     

     

     

    มือเรียวยกขึ้นทาบหน้าท้องตัวเองเอาไว้เมื่อจู่ๆ อาการเดิมๆ ก็กำเริบขึ้นมา..ร่างโปร่งนิ่วหน้าพลางขย้ำเสื้อนักศึกษาตัวเองคลายความเจ็บ..ช่วงนี้กินข้าวไม่ตรงเวลาเพราะมัวแต่ดูแลยูอี..ส่วนยาคงไม่ต้องพูดถึง..ดูแลคนอื่นจนลืมตัวเอง..ใบหน้าเรียวซบลงบนโต๊ะไม้พลางหลับตา...ปวด...ปวดจนไม่อยากขยับตัวไปไหน..

     

     

     

     

     

    "ฮยอกแจ"

    "อืม"

    "มึงรักกูป่ะ"

     

    "มึงถามกูครั้งที่ล้านห้าแล้ว" คนนอนอยู่บนเตียงขมวดคิ้วบ่นหน่ายๆ หลังจากอาการปวดท้องทุเลาลงไปบ้างแล้ว

     

    ทงเฮแม่งบ้าชอบถามอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย

     

    "ถ้ารักกูมึงก็ต้องรักตัวเองด้วย ยาน่ะแดกๆ เข้าไปบ้าง มึงไม่อยากหายรึไง"

    "เออ~ รู้แล้ว ไว้เดี๋ยวค่อยกินได้ไหมล่ะ" ฮยอกแจบ่นอุบอิบพลางมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งขอบเตียง ในมือหนามียาเม็ดเท่าหัวเด็กอยู่ประมาณสี่เม็ด..

    "แม่งอย่างกับเด็กอนุบาล กูแดกให้ดูเป็นบุญตาไหม" ผลักหัวอีกคนเบาๆ เริ่มหงุดหงิดกับคนป่วยขาประจำเต็มทีแล้ว กว่าจะกินยาได้แต่ละครั้งนี่ลีลาเหลือเกิน

    "เอาดิ" ฮยอกแจอมยิ้มท้าทายเพื่อนสนิท คนอย่างทงเฮมีหรือจะยอมเสียหน้า..ในเมื่อคุณท้ามาเราจัดให้อยู่แล้ว

    "เฮ้ย!!!" ฮยอกแจเบิกตากว้างพลางดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นทงเฮกรอกยาเข้าปากสี่เม็ดพร้อมกันก่อนจะดื่มน้ำตาม

     

     

    ใบหน้าคมยิ้มกว้างพลางยักไหล่น้อยๆ ไอ้บ้านี่มัน......

     

     

    "มึงจะบ้าเหรอทงเฮ ควายเอ๊ย"

    "กูแดกให้มึงแล้ว เพราะงั้นมึงห้ามปวดท้องอีกล่ะ ไม่งั้นกูจะไปต่อยหน้าหมอที่จ่ายยาให้มึง"

    "พ่องดิ มึงแดกแล้วกูจะหายได้ไง ไปล้วงคออ้วกเดี๋ยวนี้นะ" ฮยอกแจว่าพลางเอาเท้ายันอีกคนจนเกือบตกเตียง

    ทงเฮหัวเราะลั่นพร้อมกับจับขาเพื่อนสนิทเอาไว้ ร่างโปร่งพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสนุกสนานกับการแกล้งเขาเสียเหลือเกิน ทั้งคู่ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่พักใหญ่จนฮยอกแจพลาดหงายหลังตกเตียง แถมยังมีไอ้บ้าตัวเท่าควายหล่นมาทับเขาซ้ำอีกด้วย

    "โอยยยย...กูไม่ตายเพราะปวดท้องก็ต้องตายเพราะโดนมึงทับเนี่ยแหละ...ลุกไปเลยนะ" ฮยอกแจกุมหัวตัวเองพลางผลักหัวคนที่คร่อมตัวเขาอยู่

    มือหนาบีบคางมนเบาๆ พร้อมกับยิ้มกว้าง เห็นฮยอกแจบ่นได้แบบนี้ก็ดีใจ แต่ถ้ายังดื้อไม่ยอมกินยาแบบนี้ก็คงต้องใช้ไม้ตายกันบ้างล่ะ

     

     

     

     

    "ถ้าไม่อยากให้กูกินแทนอีก...มึงก็ต้องกินยาให้ตรงเวลา....เข้าใจไหม"

     

     

     

     

     

    หยาดน้ำใสหยดลงบนแผ่นกระดาษสีขาว..ไม่รู้ว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นมาจากความเจ็บปวดในร่างกายหรือความเจ็บปวดของหัวใจกันแน่...เพราะทุกครั้งที่คิดถึงทงเฮก็ต้องพยายามปลอบใจตัวเอง..

     

     

     

     

    ว่ามันไม่มีคำว่า เราอีกต่อไปแล้ว

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    นิ้วเรียวไล่ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดหลังจากกลับมาถึงบ้าน ร่างโปร่งถอนหายใจเบาๆ ยังคงนึกสมเพชตัวเองไม่หายที่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากชเวซีวอน..พอกลับมาถึงบ้านก็ถูกแม่บ่นใหญ่..บอกให้ไปดูแลพ่อแต่กลับหายไปไหนทั้งคืน..นี่ก็ถือว่าโชคดีแล้วที่คิมยองอุนไม่อยู่ที่นี่..

     

     

    ก๊อกๆ

     

    ครับแม่ร่างโปร่งตะโกนกลับไป แม่คงขึ้นมาตามให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน ก็พึ่งบอกไปเมื่อกี้ว่าขออาบน้ำก่อน

     

     

    พี่เอง ขอเข้าไปนะ

     

     

     

    ร่างโปร่งเบิกตากว้างก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อหวังจะใส่กลอนแต่ก็ถูกใครอีกคนดันเข้ามาเสียก่อน..ใบหน้าคมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่เดินถอยหลังไปเรื่อยๆ ดวงหน้าหวานซีดเผือด..ไม่อยากเชื่อเลย..เขาควรจะอยู่ที่โรงพยาบาล..หรือไม่ก็ที่บ้านพี่อินฮยองไม่ใช่เหรอ?

    เมื่อคืนหายไปไหนมาทั้งคืนหืม? ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาประชิดอีกฝ่ายพร้อมกับเชยคางมนขึ้นมาสบตา คยูฮยอนปัดมือออกพร้อมกับแทรกตัวหนีแต่ก็ถูกยองอุนรวบตัวเอาไว้เสียก่อน

    พ..พี่จะทำอะไร.. เอ่ยถามเสียงสั่น ความกลัวทำให้เขาขยับตัวไปไหนไม่ได้..

    พี่ถาม..ทำไมไม่ตอบ น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหู..หากแต่สร้างความหวาดกลัวให้กับร่างโปร่งมากยิ่งขึ้น ปลายจมูกโด่งสันกดจูบลงบนซอกคอขาวก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างบนข้อมือเล็กของคนในอ้อมกอด

     

    ....เบอร์โทรของใครงั้นเหรอ?

    ...............

    พอเห็นอีกฝ่ายเงียบไม่ยอมตอบก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น พยายามใจดีด้วยก็แล้ว..แต่ทำไมถึงได้ชอบขัดใจเขานัก? มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะคว้ามือถือเครื่องขนาดพอมือขึ้นมา

    พี่จะทำอะไร อย่านะ คยูฮยอนห้ามเมื่ออีกฝ่ายเริ่มกดเบอร์ที่เขียนไว้อยู่บนข้อมือเขาหากแต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่ฟัง..แถมยังยิ้มมุมปากเป็นคำตอบ

     

    สวัสดีครับ

    สวัสดีครับผม...ผมเป็นผู้ปกครองของโจคยูฮยอน...เมื่อคืนเขาไม่กลับบ้านทั้งคืน..แล้วบังเอิญว่าเห็นเบอร์โทรนี้อยู่บนข้อมือของเขาผมก็เลย.. มือหนาปิดปากคนในอ้อมกอดไว้แน่นถึงแม้ว่าร่างโปร่งจะพยายามแกะมือออกก็ตาม

    อ่า....

     

    พลั่ก!!!

    ยองอุนมองไปยังโทรศัพท์มือถือถูกปัดตกลงพื้นจนชิ้นส่วนกระจายก่อนจะหันกลับมามองคนในอ้อมกอดที่เริ่มทำตัวไม่น่ารัก..มือหนาช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นพลางวางลงบนโต๊ะทำงาน นัยน์ตาคมจ้องมองแผงอกของอีกฝ่ายกำลังพยายามกระชับเสื้อให้เข้าที่

     

     

    ถ้าพี่คิดจะทำอะไรบ้าๆ อีก..ผม..จะตะโกนเรียกแม่..

    ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิมพลางจ้องเข้าไปในดวงตาแข็งกร้าว มือเรียวยกขึ้นปิดริมฝีปากตัวเองส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ยกขึ้นดันแผงอกแกร่งเอาไว้หากแต่ไม่ได้สร้างความหงุดหงิดให้กับร่างสูงใหญ่เลยแม้แต่น้อย

     

     

     

    นายไม่กล้าหรอก...พี่รู้...

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ซ่า............

    เสียงฝนเทกระหน่ำลงมาไม่หยุด..ใครคนหนึ่งยืนเปียกโชกอยู่ภายในตู้โทรศัพท์แคบๆ หน้าหมู่บ้าน ทั้งที่พึ่งทุ่มนึงเท่านั้น..แต่ละแวกนี้กลับมืดไปหมด..ไม่มีรถขับผ่าน ไม่มีแม้กระทั่งคนเดินกางร่ม..

    ริมฝีปากบางสั่นระริกพลางค้นหาเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกง..ไม่ได้พกอะไรติดตัวออกมาด้วยสักอย่าง ถือว่าโชคดีที่ยังมีเศษเหรียญติดตัวอยู่บ้าง มือเรียวยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดไปยังเบอร์ของเพื่อนสนิทที่ต้องใช้เวลานึกอยู่ครู่หนึ่ง..

     

    หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่..เป็นอีกครั้งที่ถูกคนๆ นั้นขืนใจ..รับสายสักทีเถอะฮยอกแจ..ได้โปรด

     

     

    ยินดีต้อนรับเข้าสู่บริการรับฝากข้อความเสียง..

     

     

    ......................

    ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรง..ขาเรียวชันเข้าหาตัวก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด..ร่างกายของเขามันน่ารังเกียจเข้าไปทุกวัน..ทุกวัน..

     

    ถ้าจะต้องมีชีวิตอยู่กับความหวาดระแวงแบบนี้..ตายไปเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ?

     

    บ้านที่เคยอบอุ่น..ในสายตาคนอื่นตระกูลโจเป็นครอบครัวที่น่าอิจฉา มีหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง..มีแม่ที่เป็นคุณแม่ตัวอย่าง..แต่...

     

    พอมีใครคนหนึ่งย่างก้าวเข้ามา..ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป..

     

    คยูฮยอนไม่อยากกลับบ้าน..ไม่อยากกลับไปเจอความหวาดกลัวนั่นอีก..ทั้งที่เคยโล่งอกว่าเขาคงไม่กลับมาแล้วหลังจากพี่อินฮยองตั้งท้อง..มีชีวิตเหมือนคนปกติได้ไม่นาน..คิมยองอุนก็ย้อนกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง..

     

    ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยออกไปนอกกระจกตู้โทรศัพท์..จะทำยังไงดี..ติดต่อฮยอกแจก็ไม่ได้..ถ้าจะให้กลับไปที่บ้าน..คืนนี้เขาขอยอมนอนในตู้โทรศัพท์ซะยังจะดีกว่า..

    ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า..ต้องเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?

    ทันใดนั้นนัยน์ตาเรียวมองไปยังเบอร์โทรศัพท์จางๆ ที่อยู่บนข้อมือตัวเองพลางเม้มริมฝีปากแน่นอยู่ครู่หนึ่ง..ก่อนจะตัดสินใจยันตัวลุกขึ้น..

     

     

     

     

     

     

    เพื่อกดโทรหาอาจารย์ชเวซีวอน..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท..หยาดน้ำฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่ายๆ ร่มสีน้ำตาลถูกกางออกก่อนที่กระเป๋าเป้สีดำจะถูกสะพายไว้ข้างหน้า ถึงแม้จะมีร่ม..แต่ฝนตกแรงขนาดนี้ละอองฝนอาจทำให้กระเป๋าเขาเปียกก็ได้

    ขาเรียวหยุดชะงักเมื่อเดินเลยหน้าคณะมาไม่เท่าไหร่ก็เห็นใครคนหนึ่งยืนตากฝนอยู่

    ไอ้รถเฮงซวย มาเสียเหี้ยไรวันนี้วะ!” ร่างหนาสบทพร้อมกับเตะล้อรถเข้าเต็มแรงก่อนจะถอยกรูออกมาเขย่งขาราวกับคนโง่

    เหมือนรู้ว่าถูกมองอยู่ ทงเฮยืนนิ่งพลางมองไปยังใครอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ฮยอกแจยื่นร่มออกมาข้างหน้าเล็กน้อยนั่นสร้างความประหลาดใจให้กับทงเฮอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    ................

    ................

     

    ประหลาดใจ..

     

    ใช่...ประหลาดใจจริงๆ ที่ฮยอกแจยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้..

     

    ร่างโปร่งยื่นร่มให้กับคนตรงหน้าก่อนจะเอี้ยวตัวกลับเพื่อขึ้นไปเดินบนฟุตบาธแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งข้อมือเอาไว้

     

    มึงจะบ้าเหรอ? เอาร่มให้กูแล้วมึงจะกลับยังไง?

    ..................

    ไม่ได้คำตอบจากอีกฝ่าย..มีเพียงแค่สายตาที่ว่างเปล่าของอีฮยอกแจ..การกระทำกับสายตาของเขามันช่างขัดกันเหลือเกิน..มาช่วยทำไม..เกลียดกันมากไม่ใช่เหรอ?

     

    ...แค่ไปส่งกูหน้า ม. ก็พอ ทงเฮพูดเสียงเบาลงเมื่อรู้ตัวว่าเผลอขึ้นเสียงกับคนตรงหน้าไปเมื่อครู่

     

    ใต้ร่มคันเดียวกัน..ตอนนี้ผมกำลังอยู่ใต้ร่มที่มีอีฮยอกแจอยู่ด้วย..จริงๆ ตัวผมก็เปียกอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเดินกางร่ม..แต่ผม..ก็ยังเลือกที่จะเดินไปกับคนข้างๆ แบบนี้..

    ประตูหน้ามหาลัยอยู่ไม่ไกลนักแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันอยู่ไกลเหลือเกิน ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นมันกลายสภาพเป็นความอึดอัด..ไม่กล้าพูดอะไรออกมา..อืมใช่..นี่มันไม่ใช่นิสัยของผู้ชายที่ชื่ออีทงเฮ..แต่คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ในอกถึงทำให้ผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้..

     

    และแล้วก็ถึงป้ายรถเมล์จนได้..ฮยอกแจเปียกฝนเล็กน้อย..ก็สมควรเปียก..ร่มคันแค่นี้คงบังฝนมิดหรอก..เพราะแค่ไหล่กระทบกันนิดเดียวฮยอกแจก็ถอยออกห่างเขาแล้ว

    ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ..แต่รู้สึกเหมือนว่าทั้งคู่ยืนอยู่ข้างกันเป็นชั่วโมง ทั้งที่แท็กซี่วิ่งผ่านไปหลายคันแต่ทงเฮก็เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น.. จนรถเมล์เทียบจอดหน้าป้าย..ฮยอกแจยกมือขึ้นบังสายฝนก่อนจะเดินขึ้นรถเมล์ไปโดยที่ไม่หันกลับมามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย..

     

     

    ร่มสีน้ำตาลยังคงอยู่ในมือ..ในขณะที่รถเมล์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป..เหลือเพียงใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

     

     

    ตั้งแต่ตอนที่ฮยอกแจเดินเข้ามากางร่มให้..ก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายยังคงเป็นห่วงเขาอยู่บ้าง..แต่พอเห็นร่างโปร่งเดินขึ้นรถเมล์ไปโดยไม่บอกไม่กล่าวแล้วก็คงต้องคิดใหม่..

     

     

     

    ว่ามัน..คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    แสงไฟจากรถยนต์ทำให้คนที่นั่งกอดเข่าเงยหน้าขึ้นก่อนที่ชายร่างสูงจะเดินลงจากรถมาหยุดที่หน้าตู้โทรศัพท์พร้อมกับร่มหนึ่งคัน..ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นในขณะที่อาจารย์หนุ่มกำลังถอดเสื้อเชิร์ตตัวนอกออกพร้อมกับเอามาคลุมไหล่บางให้เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปียกโชก..

    ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ..เห็นสภาพคยูฮยอนเป็นแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใบ้ขึ้นมาทันที..ร่างสูงยื่นร่มออกมาข้างหน้าเมื่ออีกฝ่ายก้าวออกมาจากตู้โทรศัพท์..

     

    อะไรทำให้คยูฮยอนต้องตากฝนออกมานั่งขดตัวอยู่ในตู้โทรศัพท์แบบนี้?

     

     

    คยูฮยอนนั่งเงียบตลอดทั้งทาง..ในสถานการณ์แบบนี้เขาไม่ควรถามอะไรออกไป แถมบทสนทนาครั้งล่าสุดเมื่อตอนกลางวันระหว่างเขาทั้งคู่ก็ใช่ว่าจะจบด้วยดีเสียเมื่อไหร่.. ซีวอนชำเลืองมองคนข้างๆ ที่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาก่อนจะดับรถ

    ต้องกลับมาห้องที่พึ่งออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ร่างสูงชะงักเมื่อเห็นร่องรอยสีกุหลาบอยู่ตามซอกคอขาว ร่างโปร่งกระชับเสื้อเชิ้ตที่คลุมไหล่ตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ยื่นผ้าขนหนูมาให้

    ร่างสูงถอนหายใจหลังจากที่ใครอีกคนเดินเข้าห้องน้ำไป..ร่องรอยนั่นคงเป็นคำตอบของทุกอย่าง ซีวอนเดินไปหยุดหน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะเลือกชุดให้กับร่างโปร่ง รู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นคยูฮยอนเป็นอย่างนี้..

     

    ช่วยอะไรไม่ได้เลย..นอกจากให้ที่พักพิงเท่านั้น..

     

    ร่างสูงเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ ก่อนจะตะโกนเข้าไปด้านในผมวางชุดไว้หน้าประตูนะ ได้ยินเสียงฝักบัวหยุดไปครู่หนึ่ง ซีวอนเอี้ยวตัวกลับไป อากาศแบบนึ้ควรเตรียมโกโก้ร้อนสักแก้วกับยาลดไข้สักสองเม็ดไว้ให้อีกคน

    ไม่นานนักคยูฮยอนก็ออกมาพร้อมกับชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ สีหน้าของเขายังดูอิดโรยเหมือนเดิม ร่างโปร่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว

    ดื่มโกโก้ก่อนสิ ส่วนยาลดไข้ก็เอาไว้ทานก่อนนอน ร่างสูงพูดก่อนจะเดินไปคว้าผ้าขนหนู วันนี้ทำงานชิ้นใหญ่มาทั้งวัน เพลียจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว

    ...มียานอนหลับหรือยาแก้ปวดให้ผมอีกไหมครับ คยูฮยอนหันไปถามใครอีกคนที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ ใบหน้าคมหันกลับมามองลูกศิษย์ก่อนจะหันไปมองตู้ยา

    ทานสองเม็ดก็พอแล้ว..ส่วนยานอนหลับผมไม่มีหรอก

    ...ผมคงรบกวนคุณถึงตอนบ่าย...ผมกะจะทานมันตอนเช้าด้วยน่ะครับ คยูฮยอนพูดพลางหลุบสายตาลง ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก..ลำพังยาแก้ปวดสองเม็ดนี่มันจะไปช่วยอะไรเขาได้..เมื่อก่อนกินยาเยอะจนปัจจุบันร่างกายของเขามันดื้อยาไปแล้ว

    ร่างสูงเดินไปหยิบกระปุกสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะพลางมองใบหน้าเรียว

    ครั้งละสองเม็ดก็พอนะ

    คยูฮยอนพยักหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินไปเข้าห้องน้ำ.. นัยน์ตาเรียวมองไปยังแก้วโกโก้ร้อนที่วางอยู่ตรงหน้า..ตอนนี้เขาคงเหนื่อยล้าเกินกว่าที่น้ำตามันจะไหลออกมาแล้ว แก้วสีน้ำตาลถูกยกขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง..ริมฝีปากบางแตะลงที่ขอบแก้วเบาๆ ให้ความอุ่นช่วยบรรเทาอาการหนาวเหน็บ

     

    ทุกอย่างดูว่างเปล่า..ถ้าเกิดตอนนี้เขาอยู่กับฮยอกแจก็คงดีกว่านี้..

     

    ถ้าอยู่กับฮยอกแจ..เขาคงปล่อยโฮออกมาได้อย่างไม่อาย..คยูฮยอนก็เป็นผู้ชายคนนึงที่มีมุมอ่อนแอใช่ว่าจะไร้ความรู้สึกเสียเมื่อไหร่..ในบางครั้งเขาก็อยากให้ใครบางคนเป็นฝ่ายกอดเขาไว้..ไม่ได้ต้องการคำปลอบใจ..แค่อยู่ข้างๆ ในเวลารู้สึกท้อแท้ก็พอ..

     

    แก้วโกโก้ถูกจิบไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะถูกวางไว้บนโต๊ะเช่นเดิม กระปุกยาสีขาวถูกคว้าขึ้นมาก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เย็น..ร่างโปร่งถือวิสาสะหยิบแก้วมารินน้ำเพราะไม่รู้ว่าอาจารย์หนุ่มจะออกมาจากห้องน้ำเมื่อไหร่..มือเรียวกะเทาะกระปุกยาเบาๆ สองครั้ง..ในมือมียาแก้ปวดสีขาวอยู่สี่ถึงห้าเม็ด..คยูฮยอนจับมันเข้าปากพร้อมกันอย่างไม่ลังเลพร้อมกับดื่มน้ำตามก่อนที่จะถูกใครอีกคนรั้งข้อมือเอาไว้

     

    คุณจะบ้าเหรอ?

    ..................

    ทำแบบนี้ไม่กลัวตายรึไง? คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพลางมองเข้าไปยังนัยน์ตาที่ว่างเปล่าของอีกฝ่าย คยูฮยอนแกะมือแกร่งออกจากข้อมือตัวเองด้วยสีหน้านิ่ง

     

     

     

     

    ผม..ไม่ตายง่ายๆ หรอกครับ..

     

     

     

     

     

     

    ดึกแล้ว..แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่หลับ..ร่างสูงนั่งอยู่ขอบเตียงพลางหันไปมองร่างโปร่งที่นอนหันหลังให้กับเขา

    คำพูดเมื่อตอนหัวค่ำของคยูฮยอนยังคงชัดเจน มันไม่ได้แสดงถึงความเข้มแข็ง แต่ฉายชัดถึงความทุกข์ที่อยู่ในใจซึ่งมากขึ้นทุกขณะ พอจะเข้าใจแล้วว่าเด็กคนนี้โดนอะไรมาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากระบายถึงเรื่องราวหรือเหตุผลที่แท้จริงของการถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย

     

    ทั้งเป็นห่วง..สงสาร..ก้าวข้ามไปถึงความเห็นใจ..

    จนเหมือนปล่อยไปไม่ได้...

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    เมื่อไหร่แกจะหัดทำตัวเป็นผู้ใหญ่บ้างนะทงเฮ แม่บอกกี่ทีๆ แล้วว่าบ้านเราไม่ใช่เศรษฐีที่จะได้จ้างคนใช้ไว้ทำความสะอาดบ้านให้เวลาพ่อแม่ไม่อยู่..แล้วนี่อะไร? โอ๊ยยยยย ไอ้เสื้อตัวนี้แกใส่รึยัง? ผู้เป็นแม่ถามพลางชูเสื้อยืดสีขาวขึ้นมาในขณะที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำหน้าซังกะตายอยู่บนโซฟา ในมือมีรีโมทกับกล่องทิชชู่ไว้แนบอก จมูกฟึดฟัดอยู่ตลอดเหมือนจะมีไข้

    ไม่รู้ ใส่แล้วมั้ง

    เจริญ! ตะกร้าผ้าที่วางไว้ในห้อง ถ้ามันไม่มีประโยชน์ แม่จะเอาไปทำสุ่มไก่มันเลยแล้วกัน คุณนายอีบ่นไม่หยุดตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน..กลับมาถึงก็ดึกดื่นแทนที่จะได้พักผ่อน แต่พอเห็นสภาพบ้านแล้วก็แทบจะลมจับ

    เอาสิ ถ้าแม่คิดจะเลี้ยงไก่น่ะนะ....ฮัดเช้ย!!” ทิชชู่ถูกดึงออกมาจากกล่องสองสามแผ่นก่อนที่ด้ามไม้กวาดจะฟาดลงกลางหัวเบาๆ

     

    นี่แก...แม่บ่นแม่ด่านี่ช่วยสำนึกบ้างได้ไหม

    ซวยเช็ด..พ่อน่าจะกลับมาด้วย..จะได้มีคนปกป้องเขาบ้าง

     

    ก็สำนึกอยู่เนี่ย..แม่เอาแต่บ่นไม่หยุดไม่เหนื่อยรึไงกัน เลิกคิ้วมองก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา..ให้ตายเถอะ..เป็นหวัดเข้าจนได้

    เหนื่อยสิ เหนื่อยมากที่มีลูกอย่างแก..ไหนมาดูซิ พูดพร้อมกับเอาหลังมืออังหน้าผากลูกชาย ร่างหนากระพริบตาปริบๆ ถึงแม่จะขี้บ่นแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังอ่อนโยนกับเขาเสมอ

    นั่นไง..เป็นหวัดจนได้

    ผมกำลังป่วย เพราะฉะนั้นแม่ต้องดูแลผมนะ จับมือนิ่มมาทาบแก้มตัวเองไว้พลางหลับตาลง แกล้งสำออยไปอย่างนั้น นานๆ จะได้อ้อนแม่สักทีนึง

    ทีงี้แล้วมาอ้อน...ฮยอกแจไม่อยู่เหรอไงแกถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ มือเรียวผลักหัวลูกชายเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัว

     

    ราวกับถูกจี้ใจดำ..ทงเฮเงียบ..ไม่ตอบคำถามของแม่ ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องครัวกระทบกัน ตอนนี้แม่คงทำอะไรมาให้เขาทานแก้หวัดเป็นแน่

    ไม่นานนักถ้วยซุปก็ถูกวางตรงหน้า ทงเฮยังคงนอนขดตัวอยู่บนโซฟาแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกมือเรียวฟาดสะโพกเข้าเต็มแรง

     

    ลุกมากินซุปต้นหอมเดี๋ยวนี้

    โห่แม่..ทำไมชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อย ทงเฮขมวดคิ้วพลางลูบสะโพกตัวเอง เริ่มทำตัวงอแงเป็นเด็กให้สมใจคนเป็นแม่

    ถึงแกจะโตจนหมาเลียตูดไม่ถึง..ยังไงซะแกก็ยังคงเป็นเด็กอมมือในสายตาแม่อยู่วันยังค่ำ..เอ้ากินซะ ว่าพร้อมกับดันถ้วยซุปเข้าไปใกล้ลูกชาย คนเอาแต่ใจถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะยกถ้วยซุปขึ้นมา..นี่ถือว่าไม่ได้เจอหน้ากันนานหรอกนะ จะยอมให้กดขี่ข่มเหงสักวันก็แล้วกัน

    .......................

    เมื่อกี้แม่ถามเรื่องฮยอกแจ เขาสบายดีรึเปล่า

    ....................... ช้อนถูกถือค้างไว้อยู่อย่างนั้นเมื่อโดนคำถามที่ทำให้เขาต้องจุก

    เจอเขาแล้วฝากบอกด้วยว่าแม่คิดถึง..นี่ก็ซื้อขนมมาฝาก แม่อยากให้เขามาเอาเอง สีหน้าของคนเป็นแม่ตอนพูดถึงฮยอกแจนี่..ยิ้มมีความสุขราวกับพูดถึงลูกชายสุดที่รัก

     

     

    แม่

    อืม

    ถ้าเกิดแม่เป็นฮยอกแจ...แม่จะยังอยากเป็นเพื่อนผมอยู่ไหม... เอ่ยถามเสียงแผ่ว คนเป็นแม่นั่งจ้องหน้าลูกชายที่กำลังแสดงมุมที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

    ทำไมล่ะ?

    เพราะผมเป็นคนแบบนี้ จะมีสักกี่คนกัน..ที่ทนนิสัยผมได้

    แม่คงตอบแกไม่ได้หรอก..เพราะแม่กับฮยอกแจเป็นคนละคนกัน จ้องมองลูกชายที่กำลังดูเหมือนคนสิ้นหวังพลางยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ

    แล้วถ้าเกิดผมทำผิด...แล้วแม่เป็นฮยอกแจ...แม่จะให้อภัยผมไหม... แค่นี้ก็พอจะทำให้คนเป็นแม่เข้าใจทุกอย่างได้เป็นอย่างดี.. ก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมบ้านถึงรกได้ขนาดนี้ ทั้งที่ปกติมีฮยอกแจคอยดูแลแทนอยู่ตลอด ร่างบางถอนหายใจเบาๆ พลางเกลี่ยไรผมลูกชายเป็นเชิงปลอบใจ

     

    มันอยู่ที่ว่าความผิดของแกมันร้ายแรงแค่ไหน..แต่แม่คิดว่าคนอย่างฮยอกแจคงไม่โกรธใครนานๆ หรอก ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้กับคนตรงหน้า ทงเฮวางถ้วยซุปลงก่อนจะถอนหายใจ

    เพื่อนกัน..มันตัดกันไม่ขาดหรอกนะทงเฮ..คนที่ทำผิดแล้วกล้ายอมรับ..คนเป็นเพื่อนมีหรือจะไม่ให้อภัย

    ..................

     

     

    ลองมองกลับกันสิ..ถ้าเกิดแกเป็นฮยอกแจ..แกจะให้อภัยเพื่อนที่ทำผิดลงไปไหม?

     

     

    ..................

     

    ถ้าเกิดเขาเป็นฮยอกแจน่ะเหรอ..คงยากที่จะให้อภัยล่ะมั้ง..ก็ดูแต่ละอย่างที่เขาทำกับฮยอกแจลงไปสิ..มันไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก..

     

     

    จำไว้นะทงเฮ เอาใจเขามาใส่ใจเรา..เพราะถ้าแกโกรธคนอื่นได้..คนอื่นก็มีสิทธิ์โกรธแกได้เหมือนกัน..

     

    ร่างโปร่งเอนลงนอนบนตักของคนเป็นแม่ ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไปดี..ในเมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่าง..มันเกิดจากตัวเขาเองทั้งนั้น..

    มือเรียวลูบหัวอีกฝ่ายก่อนจะหยิบหมอนใบเล็กขึ้นมาซ้อนไว้บนตักเพื่อให้ลูกชายนอนได้ถนัดมากขึ้น..เปลือกตาปิดลงอย่างอ่อนล้า ให้ความอบอุ่นจากมือเรียวช่วยบรรเทาความทุกข์ที่ฝังอยู่ในหัวใจออกไป

    ไม่เคยเห็นทงเฮเป็นแบบนี้ คราวนี้คงทะเลาะกันใหญ่โตจริงๆ สินะ

     

     

     

     

    ทิฐิน่ะมีได้..แต่ถ้าอยู่กับมันมากไป..สักวันแกอาจจะไม่เหลือใครนะทงเฮ

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    กระเช้าผลไม้ในมือถูกกระชับแน่นพลางเดินไปหยุดหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อีกครั้ง..คราวนี้คงไม่ซวยเจอฮยอกแจกับยูอีพร้อมๆ กันอีกหรอกนะ..วันนี้ก็แค่จะเอาของมาฝากก็เท่านั้น

     

    คนไข้ชื่อยูอีครับ..ผมขอฝากของไว้ให้เธอหน่อย ทงเฮว่าพลางวางกระเช้าผลไม้ลง พยาบาลสาวพยักหน้ารับก่อนจะค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์

     

    อ่า..คนไข้พึ่งออกไปเมื่อวานเองค่ะคุณ

    หา?

    ค่ะ พยาบาลสาวยิ้มให้ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังอึ้ง..อะไรนะ..ออกไปแล้วงั้นเหรอ..

     

    ก็นั่นสินะ..ตกเลือด..ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายสักหน่อยที่จะได้นอนซมอยู่โรงพยาบาลหลายๆ วัน..ทงเฮโค้งหัวให้พยาบาลสาวก่อนจะหิ้วกระเช้านั่นออกมาอย่างเนือยๆ ร่างหนาเอี้ยวตัวเดินกลับไปที่เดิมอีกครั้งก่อนจะวางกระเช้าผลไม้ไว้หน้าเคาน์เตอร์

     

    ผมให้คุณแล้วกันครับ

     

    พูดสั้นๆ ง่ายๆ พร้อมกับโปรยยิ้มหล่อบาดใจจนพยาบาลสาวแทบละลายไปตามๆ กัน...

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    สนามบินอินชอน..

    จนถึงตอนนี้ฝนก็ยังคงตกอย่างต่อเนื่อง..ฮยอกแจยืนนิ่งข้างๆ ร่างบางไม่พูดไม่จากันอยู่ครู่ใหญ่..ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูด..แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเสียมากกว่า..เยื้องไปทางด้านขวามีพ่อแม่เธอยืนอยู่ตรงนั้น..ในเวลาแบบนี้เธอเองก็ต้องการเวลาส่วนตัวเพื่อร่ำลาฮยอกแจ..

    ดวงหน้าหวานมองนาฬิกาข้อมือพลางหันหน้าเข้าหาอีกคน..ฮยอกแจยิ้มบางๆ ..คงถึงเวลาแล้วสินะ..

     

    เราต้องไปแล้วล่ะ

    อื้ม..ดูแลตัวเองให้ดีนะ

    ............ ริมฝีปากบางยังคงยิ้มให้คนตรงหน้าเสมอ..ความรู้สึกทุกอย่างมันอัดอั้นอยู่ในใจจนกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำใสที่คลอหน่วงอยู่ในดวงตาคู่สวย

    ร้องไห้ทำไม..

    ไม่ได้อยากร้องหรอก..แต่เรา..คงคิดถึงฮยอกแจมากแน่ๆ เลย ยิ้มทั้งน้ำตาเป็นยังไงได้รู้ก็วันนี้ เรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้รู้ว่าการมองข้ามความรู้สึกคนอื่น..นอกจากจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บแล้ว..ตัวเองก็เจ็บด้วยเหมือนกัน

     

    เจ็บ..ที่ต้องมารู้ตัวช้าแบบนี้..

     

    เราก็คงคิดถึงเธอเหมือนกัน..ไปอยู่ที่นั่นเธอก็คงมีเพื่อนใหม่..แต่ที่นี่..เธอก็ยังมีเรานะ พูดจบก็เอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวคนตรงหน้าเบาๆ

    นั่นสินะ..ที่นี่..เรายังมีฮยอกแจ.. หยาดน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด..มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้า..แต่มันก็ไม่ใช่น้ำตาแห่งความสุขเช่นกัน

    กอดกันหน่อยดีไหม ร่างโปร่งอ้าแขนออก ร่างบางหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเข้าสวมกอดอีกฝ่ายหลวมๆ

     

     

     

    ใช่..กอดหลวมๆ ...ที่เพื่อน มีให้กันเท่านั้น..

     

     

     

    แล้วเจอกัน.. ร่างบางพูดเสียงแผ่วก่อนจะผละตัวออก

    อื้ม..เดินทางปลอดภัยนะ

     

    ใบหน้าเรียวพยักหน้าก่อนจะเดินไปหาพ่อแม่ที่ยืนรออยู่..ฮยอกแจได้แค่มองตามแผ่นหลังบางของเธอ..ความรู้สึกในตอนนี้..จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่..

     

     

    เพราะฮยอกแจรู้ตัวแล้วล่ะ..

    ว่าความผูกพันระหว่างเขากับเธอ..มันเลยจุดที่เรียกว่า ความรัก มานานแล้ว

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    วันนี้ฮยอกแจตัดสินใจมาร้านพี่ฮีชอลกับเฮนรี่หลังจากไม่ได้มาสังสรรค์ด้วยกันพักใหญ่ เอาเถอะ..พรุ่งนี้ก็มีเรียนบ่าย วันนี้อยากเมาบ้างหลังจากที่ไม่ได้แตะเหล้ามานาน เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากดื่มอยากเที่ยวบ้างในบางครั้ง...เอาน่ะ..ก็แค่นานๆ ทีเอง..

     

    วันนี้ไม่มีคนคนคอยห้ามไม่ให้มึงแดกเหล้าแล้ว เต็มที่เลยเพื่อน...โอ๊ยยยยยยย!!!” พูดจบก็โดนตบกระบาลเข้าไปทีนึง เฮนรี่หันไปมองค้อนดูโอ้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันไปมองฮยอกแจที่นั่งชงเหล้าดื่มเองอย่างประหลาดใจ

    กูพูดผิดตรงไหนเนี่ย

    เปล่า วันนี้มึงพูดมากเกินไปแล้ว กูเหนื่อยแทนมึง อีทึกว่าก่อนจะกดโทรหาคยูฮยอนหากแต่ต้องคิ้วขมวดเมื่อโทรกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็โทรไม่ติด

    เชี่ยคยูแม่งหายไปไหนวะสัด โทรหาแม่งไม่ติดมาสองวันละ อีทึกหันไปถามฮยอกแจที่คงให้คำตอบกับเขาไม่ได้เหมือนกัน..

    ฮยอกแจเองก็พยายามโทรหาคยูฮยอนก็แล้วแต่ก็โทรไม่ติด..ถ้าจะไปหาที่บ้านตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องซะด้วย..ร่างโปร่งกระดกเหล้าไปครึ่งแก้วก่อนจะถอนหายใจ..นี่เขามัวทำอะไรอยู่..เพื่อนหายไปทั้งคนกลับมานั่งดื่มเหล้าแบบนี้ได้ยังไง

    ใจเย็นๆ ก่อน มันอาจจะแบตหมดก็ได้ เฮนรี่พูดปลอบใจคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

    พูดน่ะมันง่าย..

    ชิบ..หาย..แล้ว.. อีทึกมองไปยังข้างหลังฮยอกแจที่มีใครอีกคนเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะหันไปมองหน้าเฮนรี่อย่างรู้กัน..

     

    หายนะ..กำลังมาเยือนรึเปล่า..?

     

    อ้าว..พวกมึงก็มาเหรอ? ทงเฮโบกมือทักทายสองดูโอ้ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นใครอีกคนที่กำลังมองเขาอยู่..

    รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อร่างโปร่งขยับไปชิดโซฟาอีกฝั่ง ทงเฮนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันหากแต่เว้นระยะห่างไว้มากพอสมควร.. บรรยากาศอึดอัดก่อตัวขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ตั้งแต่ใครอีกคนเข้ามาร่วมวง..เฮนรี่กับอีทึกหันไปโบ๊ยความผิดให้กันเงียบๆ แต่คนสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามนั้นได้ยินชัดเต็มสองหู

     

    มึงโทรตามมันมาใช่ไหม

    เฮ้ย กูเปล่านะเว้ย เห็นงี้กูก็รู้จักกาลเทศะเหมือนกันนะ

     

    กูไปนั่งเคาน์เตอร์บาร์แล้วกัน มีอะไรก็เรียกนะ ทงเฮพูดพร้อมกับยันตัวลุกขึ้น เฮนรี่รีบกรูเข้าไปดันไหล่เพื่อนสนิทให้นั่งลงกับที่พร้อมกับหัวเราะแห้งๆ

    ไปนั่งนู่นทำเชี่ยไรว๊า เพื่อนมึงอยู่โน่นเหรอ~”

    ทงเฮนั่งลงกับที่เหมือนเดิมก่อนจะชำเลืองมองไปยังคนข้างๆ ที่ทำเป็นไม่สนใจเขา ในมือเรียวถือแก้วสีอำพัน นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเข้าไปกระชากออกมาเสียอย่างนั้น

     

    พอไม่มีเขาอยู่ด้วยแล้วก็ปล่อยปะละเลยตัวเองเหรอไง?

     

    ..................

    ..................

     

    พี่ทึก มึงไปรีเควสเพลงมันส์ๆ กับพี่ฮีชอลหน่อยดิ๊..เปิดเพลงดราม่าแบบนี้กูโศกาน้ำตาจะแตกอยู่แล้วนะ เฮนรี่ว่าพลางเอาศอกสะกิดแขนอีกคน เพลงมันจะเศร้าเกินไปแล้วยิ่งเห็นเพื่อนอีกสองคนที่นั่งเงียบเอาแต่กระดกเหล้าเข้าปากไม่หยุดก็ยิ่งอึดอัด

    เออ อีทึกลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเคาน์เตอร์บาร์ พอหันมาอีกครั้งก็ต้องอ้าปากหวอเมื่อ...

     

    ทงเฮ ~” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับนั่งเบียดลงข้างๆ ร่างหนา.. ทงเฮขยับที่เมื่อถูกเบียดก่อนจะหันไปมองหน้าร่างโปร่งเมื่อไหล่ทั้งคู่กระทบกันโดยไม่ตั้งใจ

    ว่าไง

    เปลี่ยนเบอร์ใหม่เหรอคะ? โบรัมโทรหาไม่ติดเลย แขนเรียวคล้องเข้ากับแขนร่างหนาพร้อมกับกระแซะเข้ามาใกล้ ฮยอกแจมองพฤติกรรมของผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ต้องเบือนหน้าหลบ

     

    เพราะฤทธิ์เหล้าหรือกลิ่นน้ำหอมของเธอกันแน่ที่ทำให้เขาคลื่นไส้แบบนี้..

     

    นัยน์ตาคมเหลือบมองคนข้างๆ พร้อมกับแกะมือเล็กออกจากแขนตัวเอง..กลัวว่าฮยอกแจจะเข้าใจผิด..ไม่สิ..ฮยอกแจจะเข้าใจผิดทำไม?

     

    เพราะตอนที่เขาคั่วกับผู้หญิงคนนี้ใช่ว่าฮยอกแจจะไม่รู้เสียเมื่อไหร่..

     

    ลุกไปเต้นกับโบรัมนะคะ~” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงแขนแกร่งขึ้นมาหากแต่เจ้าตัวยื้อเอาไว้ ทงเฮส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับแกะมืออีกฝ่ายออก

    ผมไม่ไป คุณไปเต้นเถอะ

    ได้ไงละคะ~ นะนะไปเต้นกัน

    ทงเฮลุกขึ้นพลางแกะมืออีกฝ่ายออกอีกครั้ง เขาเริ่มจะหงุดหงิดผู้หญิงคนนี้เต็มทีแล้วนะ

    ผมบอกว่าไม่ไปไง

    แต่...อ๊ะ!” ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อถูกใครอีกคนกระชากออกมาประทะอกแกร่ง..ร่างสูงใหญ่ยืนมองหน้าทงเฮก่อนจะก้มลงมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่กำลังหัวเราะแห้งๆ

     

    ยุ่งอะไรกับเมียกู?

     

    ทงเฮถึงกับเลิกคิ้วมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนทำตัวเป็นไอ้ขี้เต๊ะอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับลูกกระจ๊อกอีกสี่ห้าคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง..หญิงสาวร่างเล็กที่แสนยั่วเย้าเมื่อกี้กลับยืนกอดแขนไอ้ขี้เต๊ะนั่นไว้แน่นราวกับว่าเขาเป็นฝ่ายเข้าไปยุ่งกับเธอก่อน

    มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันก่อนนะ

    อีทึกเริ่มเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบเข้าไปห้ามแต่ก็ถูกชายร่างสูงใหญ่ชกหน้าจนล้มลงไปกองกับพื้น

    นี่มึงหาเรื่องเหรอ? ทงเฮว่าพลางกำหมัดแน่น..หันไปมองเฮนรี่ที่กำลังพยุงอีทึกให้ลุกขึ้นยืน ฮยอกแจเริ่มรู้สึกว่าเรื่องมันชักจะใหญ่โตกันไปแล้ว..ทงเฮไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครง่ายๆ เขาเองรู้ดีที่สุด

    ก็มึงเสือกมายุ่งอะไรกับเมียกูล่ะไอ้หน้าส้นตีน พูดจบร่างสูงใหญ่ก็ถึงกับหน้าหันเพราะแรงหมัดของใครอีกคน..ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาพร้อมกับหญิงสาวร่างเล็กที่ประคบประหงมคนรักที่พึ่งโดนต่อยไปเมื่อครู่

    ..ไอ้สัดเอ๊ย!” ร่างสูงใหญ่ผลักทงเฮก่อนจะต่อยจนหน้าหัน เฮนรี่และอีทึกไม่คิดจะห้ามอีกต่อไป ทั้งคู่เข้ามาตะลุมบอนกับลูกน้องของชายหนุ่มคนนั้นในขณะที่ฮยอกแจเองก็เข้าไปแยกทงเฮออกมา

     

     

    เฮ้ย!!! จะต่อยกันก็เชิญไสหัวออกไปข้างนอกร้านกูด้วย!!” เสียงตะโกนมาพร้อมกับน้ำเย็นที่สาดเข้ากลุ่มของชายหนุ่มที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่

     

    ทุกคนหยุดชะงักเมื่อได้คำประกาศกร้าวจากร่างบาง..ลูกค้าที่นี่ส่วนมากมีแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตาฮีชอลทั้งนั้น..และนั่นเลยทำให้ชายหนุ่มร่างสูงมีความเกรงใจอยู่บ้าง

    ในขณะที่เหตุการณ์ชลมุนกันอยู่ฮยอกแจกระชากแขนทงเฮให้ออกมานอกร้านก่อนจะหยุดอยู่ข้างถนน..มือหนาแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะถุยน้ำลายที่ปนเลือดออกมา.. ฮยอกแจยืนมองอีกฝ่ายนิ่ง..

     

    มึงจะบ้ารึไง!?” เมื่อเห็นอีทงเฮนิ่งไม่ตอบซ้ำยังเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก็เกิดมีน้ำโหขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จนตะคอกออกไปอย่างลืมตัว “ทำยังกับว่าไม่รู้จักไอ้คนอันตรายพวกนั้น! เห็นๆ อยู่ว่ามันมากันกี่คน

     

    นี่เขากำลังจะบ้าตายเพราะการกระทำของอีทงเฮอีกแล้ว...

     

    “มึงเงียบทำไม?”

    “......................”

    ทำไมล่ะ ทำไม? มึงเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะ? เหวี่ยงกูสิ ตะคอกกูสิ มือเรียวกระชากคอเสื้ออีกคนเข้ามาใกล้..ใบหน้าคมฉายแววตานิ่งเฉย.. ไม่แม้แต่จะตอบโต้แม้ว่าจะถูกอีกฝ่ายขึ้นเสียงด่าทอ

    ร่างโปร่งกำหมัดแน่นก่อนจะต่อยหน้าอีกฝ่ายเข้าไปเต็มแรงด้วยโทสะที่มี.. ทงเฮค่อยๆ หันกลับมาพร้อมกับเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปากพลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาตัดพ้อ เห็นๆ อยู่ว่าเขาไม่ใช่คนเริ่ม แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อนที่เคยปกป้อง คอยอยู่เคียงข้าง บัดนี้กลับเอาแต่โทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเขา

    ......................

    ความใจร้อนของมึงมันทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อน! เพื่อนอีกสองคนที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องมาเจ็บตัวเพราะมึง มันคุ้มแล้วเหรอ?”

    ......................

    เพราะไอ้นิสัยชอบคั่วผู้หญิงไม่เลือกแบบนี้ สักวันมึงคงได้เอาชีวิตไปทิ้ง!”

    ทงเฮคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาในระดับใบหน้าพร้อมกับออกแรงบีบเล็กน้อย..นัยน์ตาคมจ้องมองดวงตาเรียวที่กำลังสั่นระริก..ในตอนนี้เขาเองก็เจ็บไม่ต่างกันนักหรอก..

     

     

    เอาสิ..ต่อยอีก..เอาให้พอ

     

     

    ดวงตาคู่สวยมองไปยังมือที่ถูกพันธนาการเอาไว้ก่อนจะหันมาสบตากับคนตรงหน้าอีกครั้ง.. สีหน้าของทงเฮตัดพ้อ..เสียใจ..แววตาที่มีแต่ความแข็งกร้าวบัดนี้กลับคลอรื้นไปด้วยน้ำตาอย่างที่ไม่เคยเป็น

    ......................

    พวกนั้นมันมีปืน...มึงก็รู้... ร่างโปร่งพูดเสียงแผ่วลงเมื่อถูกสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองมา..ถ้าเกิดทงเฮตะคอกเค้ากลับมาบ้างมันก็คงดีกว่านี้..ดีกว่าให้เขามารู้สึกผิดกับการเป็นห่วงคนที่ทำร้ายเขามาตลอด..

    มึงเป็นห่วงกูเหรอ?

    ...................... ร่างโปร่งนิ่ง..ไม่ตอบคำถาม เสียงของทงเฮสั่นหากแต่ก็ชัดเจนจนไม่ต้องฟังเป็นครั้งที่สอง ทงเฮยังคงมองเขา น้ำใสที่หน่วงอยู่ในดวงตาค่อยๆ ไหลคลอแก้มลงมาอย่างห้ามไม่อยู่

    อีทงเฮไม่เคยต้องการให้ใครมาเข้าใจ...เว้นแค่คนๆ เดียว..

    “จะต่อย..จะด่าว่า..คาดโทษอะไรกับกูก็เชิญ...”

    “......................”

     

     

     

     

    ไหนๆ กูก็ไม่เคยเป็นคนดีในสายตามึงอยู่แล้วนี่..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk  with Writer

     

    ไม่รู้จะพูดอะไร งั้นไม่พูดแล้วกัน ง่วงอ่ะ

    ตอนหน้าจะเป็นยังไง มโนกันต่อไป

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×