คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 :: Suspect
Chapter 6
Suspect
ผมจะแน่ใจได้ยังไง...ว่าที่ ๆ ผมอยู่ในตอนนั้นมันปลอดภัยแล้ว
“แล้วรีบตามมานะลูก”
ผมพยักหน้าก่อนที่แม่จะเลื่อนกระจกรถขึ้น ผมมองแม่ขับออกไปจนลับสายตาและหวังว่าอีทงเฮคงไม่ตามไปฆ่าแม่ถึงที่นั่น ผมกำหมัดแน่นแล้วคิดว่าจะทำอะไรต่อดี ผมควรโทรหาคุณซีวอน…ใช่ ผมควรจะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตื้ด...ตื้ด...
งานยุ่งอยู่หรือไงนะ...
ตื้ด...ตื้ด...
( ยอโบเซโย? )
“คุณซีวอนครับ”
( อ่า ผมคิบอมครับคุณฮยอกแจ พอดีว่าตอนนี้หมวดซีวอนไม่ว่างรับสาย มีอะไรหรือเปล่าครับ? )
“งั้นเหรอ...คืออย่างนี้ครับคุณคิบอม อีทงเฮเขา...ผมจะอธิบายยังไงดี เขาส่งของขวัญมาให้แม่ผมที่บ้าน ผมกลัวว่าเขาจะฆ่าแม่ผม”
( ของขวัญเหรอ? )
“ครับ...แล้วผมก็ต้องขอโทษด้วย ที่ผมไม่เชื่อฟังคำพูดของพวกคุณ”
( หมายความว่ายังไงครับที่บอกว่าไม่เชื่อที่พูด? คุณคงไม่ได้กำลังจะบอกว่า... )
“ตอนนี้ผมอยู่ที่บ้านผมครับ...คุณคิบอม”
( อา...ให้ตายเถอะ )
“ผมขอโทษ”
( ทำไมคุณถึงไม่โทรหาผมก่อน รู้ไหมว่าข้างนอกนั่นมันอันตรายแค่ไหน? )
คุณคิบอมดุผม ตอนนี้ผมทั้งรู้สึกผิดแล้วก็สับสน ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปและคิดว่าจะปล่อยให้เขาว่าจนกว่าจะพอใจ
“คุณช่วยบอกเรื่องนี้กับคุณซีวอนได้ไหมครับ ผมอยากเจอเขา”
( บ้านคุณอยู่แถวไหน ออกมารอผมที่ป้ายรถเมล์ ตรงนั้นคนน่าจะเยอะ เดี๋ยวผมกับหมวดซีวอนจะรีบออกไปรับเดี๋ยวนี้ )
( ผมติดต่อคนที่รู้จักหมอโจคยูฮยอนได้แล้ว เขาเป็นจิตแพทย์ชื่อปาร์คจองซูครับ )
( หมวดครับ เราเจอที่กบดานใหม่ของคิมยองอุนแล้วจะเอายังไงต่อครับ? )
( คิบอม ช่วยมารับเรื่องตรงนี้หน่อย )
( ได้ครับ )
เสียงแทรกเข้ามานั่นทำให้ผมสำเหนียกตัวเองขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าคุณซีวอนกับคุณคิบอมกำลังยุ่งกับงานอื่นอยู่ ผมไม่ควรพูดเอาแต่ใจแบบนั้นออกไป
( ฮัลโหล คุณฮยอกแจยังอยู่ไหมครับ? )
“ครับ ผมฟังอยู่”
( ฟังนะ คุณรอผมที่ป้ายรถเมล์สักราว ๆ หนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวผมขอเวลาผมเคลียร์งานที่นี่เสร็จก่อน แล้วผมจะรีบไปหาคุณให้เร็วที่สุด )
“เดี๋ยวครับคุณคิบอม แล้วคุณจะบอกเรื่องนี้กับคุณซีวอนเมื่อไหร่?” ผมอยากให้เรื่องนี้มันคืบหน้าเร็ว ๆ เพราะผมก็รู้สึกลำบากใจที่ต้องเป็นภาระให้เขาทั้งคู่แบบนี้
( ผมจะบอกเขาหลังจากวางสาย ส่วนคุณน่ะพยายามอยู่ในที่ ๆ มีคนเยอะ ๆ เข้าไว้นะ )
“ครับ...ผมเข้าใจแล้ว”
ผมเม้มริมฝีปากแล้ววางสาย...อีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าคุณคิบอมกับคุณซีวอนจะมา เพราะฉะนั้นผมควรจะทำอะไรด้วยตัวเองมากกว่าที่จะรอความช่วยเหลือจากเขา ผมเก็บมือถือแล้วตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลเพื่อตามหาจิตแพทย์ที่ชื่อปาร์คจองซู ตอนนี้ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบเงินเก็บออกมาจากมาพอสมควร ผมนั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลและใส่ผ้าปิดปากสีขาวทำท่ากระแอมเหมือนคนป่วยเพื่อไม่ให้พยาบาลที่เคยดูแลผมจำหน้าได้
ผมไปที่แผนกจิตเวช ผมยืนมองป้ายหน้าห้องอยู่ครู่หนึ่งพลางหันหลังกลับไปมองคนไข้ที่นั่งรอคิวพบหมอตามที่ระบบกำลังรันตัวเลข ผมกดบัตรคิวแล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ หญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งสัปหงกอยู่ ผมมองบัตรคิวในมือเธอพลางเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขสีแดงที่บ่งบอกลำดับเลขที่...ผมเนียนเปลี่ยนบัตรคิวโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ถึงแม้ว่าในใจของผมจะรู้สึกผิดแต่ผมคงรอเวลาตามคิวไม่ไหว
‘ลำดับที่ 30 เชิญค่ะ’
ผมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป ข้างในเป็นห้องแคบ ๆ ดูสะอาดตาที่มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้โซฟาสีครีมที่คุณหมอนั่งอยู่ เขายิ้มก่อนจะผายมือให้ผมนั่งลง
“เชิญนั่งก่อนครับผม”
ผมนั่งลงตามคำเชิญพลางวางมือไว้บนหน้าขา ผมควรจะเปิดประโยคยังไงดี อันดับแรกผมควรจะบอกเขาก่อนว่าจุดประสงค์ที่ผมมาที่นี่นั่นไม่ใช่เรื่องสุขภาพจิต
“เป็นหวัดเหรอครับ?” เขาทำท่าดึงผ้าปิดปากทั้งที่ไม่ได้ใส่ ผมส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะดึงผ้าปิดปากลงไว้ที่คาง
“คุณหมอปาร์คจองซู”
“ครับคุณ...คิม...ฮยอนอา? อ้าว...” เขาขมวดคิ้วมองผมก่อนจะขยับแว่นเมื่อพบว่าประวัติที่อยู่ในมือเขานั้นไม่ตรงกัน
“คุณฟังผมก่อนนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนเวลางานของคุณ แต่ผมกำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ” ผมพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจภายในครั้งเดียวเพราะกลัวว่าเขาจะเรียก รปภ. มาลากตัวผมออกไป
“นี่คุณเป็นใคร?” เขาถามผมพร้อมกับหรี่ตามองจับผิด จากคุณหมอท่าทางดูสุภาพอ่อนโยนได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพียงเพราะความสงสัยในตัวผม
“ผมชื่ออีฮยอกแจ ผมเคยเป็นคนไข้ที่นี่...คุณรู้จักหมอโจคยูฮยอนใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เขาเป็นรุ่นน้องของผมเอง” เขาตอบมาแค่นั้นแต่ก็ไม่ได้เป็นข้อมูลให้ผมสักเท่าไหร่
“ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณได้ติดต่อกับเขาบ้างหรือเปล่า?”
“ก็นาน ๆ ที ก็มีบ้างที่นัดกันไปดื่ม ทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องของเขา?”
“ผมขอถามอีกสองสามข้อนะครับ คุณหมอพอจะรู้ไหมว่าเขาหายไปไหน?”
“...” หมอจองซูไม่ได้ตอบคำถาม เขานั่งหลังตรงพลางกอดอกมองผม
“หมอครับ...ผมต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ...”
“คุณบอกเหตุผลมาก่อนสิ ว่าทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องของคยูฮยอนนัก?”
“...”
“คุณชอบเขาหรือไง?”
ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ถ้าไม่ใช่แล้วเพราะอะไร?”
“...” ผมเม้มริมฝีปากแน่น ผมชั่งใจว่าจะบอกเขาดีไหม เพราะดูแล้วท่าทางหมอจองซูจะเชื่อคนยากซะด้วย
“โอเค ถ้าคุณไม่พูดอะไรแบบนี้เห็นทีผมคงต้องเชิญคุณออกไปแล้วล่ะครับ” คุณหมอจองซูผายมือไปที่ประตู
“ผมเห็นหมอคยูฮยอนถูกฆ่าตายเมื่อหลายวันที่แล้ว!” ผมลุกพรวดแล้วโพล่งออกไปแบบนั้น หมอจองซูดูตกใจกับสิ่งที่ผมพูด ผมหอบหายใจพลางมองหน้าอีกคน
“บนดาดฟ้า...ผมเห็น...”
“...”
“ผู้ชายที่ชื่ออีทงเฮ เขาใช้มีดแทงหมอคยูฮยอนบนดาดฟ้านั่นผมเห็นกับตา!”
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ความเงียบ หมอจองซูถอดแว่นสายตาวางลงบนโต๊ะพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“อาทิตย์ที่ผ่านมาคุณนอนวันละกี่ชั่วโมงครับคุณอีฮยอกแจ?”
“...หมอจะว่าผมเพ้อเจ้อเพราะนอนไม่พองั้นเหรอ?” ผมรู้ว่าตอนนี้สายตาของผมที่มองเขามันดูไม่สุภาพ แต่ผมรู้สึกเคืองกับคำถามนั้นจริง ๆ
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“แต่ผมเห็นจริง ๆ นะ! หมอคิดดูสิ ว่าผมจะโกหกไปเพื่ออะไร?”
“แต่เรื่องที่คุณพูดมันเป็นไปไม่ได้นี่ครับ”
“...” หมอจองซูวางมือลงบนไหล่ผมพร้อมกับจ้องหน้าด้วยแววตาจริงจัง
“เพราะอีทงเฮ...คนที่คุณกล่าวหานั่นเขาเป็นคนรักของคยูฮยอน”
“...”
“และอีกอย่าง...คยูฮยอนเพิ่งลาพักร้อนไปเที่ยวกับทงเฮเมื่อไม่กี่วันที่แล้วนี้เอง”
.
.
ป๊อง!
ผมเขวี้ยงกระป๋องน้ำอัดลมที่เพิ่งดื่มไปแค่คำเดียวใส่กำแพงอย่างแรงจนน้ำมันกระเด็นเลอะใส่มือไปหมด ตอนนี้ผมอยู่ข้างนอกโรงพยาบาลแล้วแต่คำพูดของหมอจองซูยังคงก้องอยู่ในหัวอยู่
‘เขารักกันซะขนาดนั้น ถ้าแต่งงานกันได้ ผมว่าป่านนี้พวกเขาคงทำไปนานแล้ว’
ผมยืนมองเงาตัวเองผ่านกระจกหน้าร้านกาแฟ ผมแพ้แล้ว...ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะอีทงเฮวางแผนทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบอย่างที่ผมไม่สามารถหาช่องโหว่ของเขาด้วยตัวเองได้
อีทงเฮวางแผนไว้หมดแล้วว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นยังไง...
ถ้าทุกคนในโรงพยาบาลรู้ว่าหมอคยูฮยอนลาพักร้อนก็คงไม่มีใครเชื่อเรื่องที่ผมพูด และคงกลายเป็นผมที่ถูกกล่าวหาว่าใส่ร้ายคนอื่นทั้งที่เขารักกันปานจะกลืนกินเสียขนาดนั้น...ผมยืนทำหน้าหมดอาลัยตายอยากแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาคุณคิบอม
( คุณอยู่ไหนน่ะฮยอกแจ? )
“ผมอยู่...ใกล้ ๆ โรงพยาบาลโซลครับ”
( หืม? ผมบอกให้คุณรอที่ป้ายรถเมล์แถวบ้านคุณนี่ครับ? )
“ผมรู้...แต่คุณช่วยมาที่นี่ทีเถอะ ผมไม่มีแรงเดินไปที่ไหนแล้ว ผมจะรอสตาร์บั้คฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอิดโรยแล้วกดวางสาย ผมทำตัวไร้มารยาทกับคนที่หวังดีด้วยผมรู้ตัว แต่ขอโทษนะ...แต่ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกแย่มากจริง ๆ
ผมเดินเข้าไปในร้านแล้วสั่งโกโก้ร้อนมาวางบนโต๊ะว่างด้านในสุด ผมไม่ได้อยากดื่มมัน ผมแค่ต้องการเพียงแค่สถานที่นั่งรอคุณคิบอมกับคุณซีวอนเท่านั้น ผมนั่งเหม่อลอยไปนานเท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้ แต่รู้ตัวอีกทีคุณคิบอมก็หยัดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมแล้ว
“คุณไปทำอะไรที่โรงพยาบาลน่ะ?”
“...”
“หืม?” คุณคิบอมย้ำเมื่อเห็นผมเอาแต่นั่งเงียบ ผมเงยหน้ามองเขาแล้วถอนหายใจออกมา
“คุณซีวอนไม่มาด้วยเหรอ?”
“เขาบอกว่าจะตามมาทีหลัง มีอะไรเล่าให้ผมฟังก่อนก็ได้” คุณคิบอมไม่ได้ยิ้มทะเล้นเหมือนกับที่เคยทำ คราวนี้เขาคงหงุดหงิดที่ผมน่าดู ทั้งเรื่องที่ผมหนีออกมาเอง ทั้งเรื่องที่ผมเอาแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่ยอมพูดอะไร
“ผมไปพบหมอปาร์คจองซูมา”
“ครับ?”
“อื้อ” ผมประสานมือไว้บนตักแล้วก้มหน้าลง “ผมได้ยินตอนที่คุยโทรศัพท์กับคุณน่ะ”
“แล้วทำไมคุณถึง...ให้ตายเถอะ...คุณช่วยอยู่เฉย ๆ ได้ไหม? อยู่-เฉย-เฉย จนกว่าเรื่องจะจบ เพราะถ้าขืนคุณทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้จนถูกอีทงเฮจับไปจะทำยังไง? คุณคิดว่าการที่ผมเข้าไปช่วยคุณมันง่ายมากเหรอครับ?” คุณคิบอมขมวดคิ้วมอง น้ำเสียงเขาดูโมโหผมมาก
“ก็ผมรู้สึกไร้ค่าที่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ รอความหวังจากพวกคุณ”
“ทางเราก็พยายามอยู่ ทำไมคุณถึงพูดเอาแต่ใจแบบนี้?” คุณคิบอมมองผมด้วยแววตาขุ่นเคือง ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่าได้พูดอะไรโง่ ๆ ออกไปให้เขาเข้าใจผิด
“ผมหมายถึงว่าผมรู้สึกไร้ค่าที่ต้องรอความช่วยเหลือจากคนอื่นโดยที่ไม่ทำอะไร ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าไม่ว่าผมจะอยู่เฉย ๆ หรือดิ้นรนเอาชีวิตรอดแค่ไหนอีทงเฮก็ตามหาผมเจออยู่ดี”
เงียบ...
“...”
“เขาไปที่บ้านผม...แม่เข้าใจผิดว่าของขวัญวันเกิดกล่องนั้นเป็นของผม...ทั้งที่มันเป็นฝีมือของอีทงเฮ”
“...”
“วันนี้ผมรู้แล้ว...” ตาผมสั่นระริก ผมรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณคิบอมอีกครั้ง
“...”
“ว่าเขากำลังเล่นสงครามประสาทกับผมอยู่ โดยการเข้าใกล้คนรอบตัวของผม”
“...”
“มันฟังดูไร้เหตุผลจริง ๆ ” ผมแค่นหัวเราะพลางเสยผมขึ้นอย่างหัวเสีย ที่อีทงเฮตามล่าผมแบบนี้ มันคงเป็นเรื่องสนุกสำหรับคนโรคจิตอย่างเขา
“ไม่หรอก” คุณคิบอมพูดพลางทอดสายตาออกไปข้างนอก “ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลทั้งนั้นแหละครับ”
“...”
“แม้แต่เรื่องที่ทำเราไปโดยไร้เหตุผล มันก็ยังมีเหตุผลในตัวของมันอยู่”
“...”
“ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ”
ผมมองตามคุณคิบอมที่ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำจนลับสายตา คำพูดของเมื่อครู่เขายังคงสร้างความแปลกใจให้ผม ‘แม้แต่เรื่องที่ทำเราไปโดยไร้เหตุผล มันก็ยังมีเหตุผลในตัวของมันอยู่’ เหมือนว่ามันมีอะไรแฝงอยู่ในประโยคนี้ ผมขมวดคิ้วครุ่นคิดแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู ผมอยากคุยกับคุณซีวอน เพราะผมรู้สึกสบายใจที่สุดเวลาที่อยู่กับเขา
( สวัสดีครับคุณฮยอกแจ )
“เมื่อไหร่คุณจะมา ผมกับคุณคิบอมรออยู่ที่สตาร์บั๊คฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลโซลนะ”
( อะไรนะครับ? )
“ผมมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังเยอะแยะเลย รีบมาสักทีเถอะนะครับ”
( คุณไปทำอะไรที่นั่น ผมบอกให้คุณอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ? แล้วคิบอมออกไปหาคุณตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะครับ? )
“...” ผมพูดไม่ออกที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก็ก่อนหน้านี้คุณคิบอมบอกว่าคุณซีวอนจะตามมานี่...
“ก็สักราว ๆ ครึ่งชั่วโมง...ทำไมคุณถามเหมือนไม่รู้เรื่องนี้เลย ก็คุณบอกคุณคิบอมเองว่าจะตามมาทีหลังนี่?”
( ...คิบอมไม่ได้บอกอะไรผมเลยนะ แล้วเรื่องตามไปนั่นผมก็ไม่รู้เรื่องเลย )
“...”
ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณคิบอมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำแล้วเดินไปสั่งกาแฟตรงเคาน์เตอร์ ตอนนี้ผมรู้สึกระแวงเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
( คิบอมเขาบอกว่าปวดหัว จะกลับบ้านไปนอน ผมยังฝากเขาซื้อมื้อเที่ยงไปฝากคุณอยู่เลย )
“เขาไม่ได้บอกอะไรคุณเลยเหรอ”
( บอกเรื่องอะไรครับ? )
“ว่าผมโทรหาคุณ”
( ไม่ครับ )
“...”
ผมกดวางสายทันทีแล้วลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ร่ำลาคุณซีวอนก่อน ผมค่อย ๆ เดินเนียนออกไปจากร้านขณะที่สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของคุณคิบอมที่ยังคงยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เรื่องที่ผมคุยกับคุณซีวอนทั้งหมดมันทำให้ผมระแวงคุณคิบอมจนไม่กล้าที่จะฝากชีวิตไว้กับเขาอีก
ทำไม...คุณคิบอมถึงไม่บอกคุณซีวอน?
ทำไม...คุณคิบอมถึงพูดมีลับลมคมในแบบนั้น?
เหตุการณ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณคิบอมฉายเข้ามาในหัวผมเป็นฉาก ๆ ผมก็เอะใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่ามันมีอะไรแปลก ๆ พอออกมาจากสตาร์บั๊คผมก็รีบกระเผกขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพียงแค่คิดว่าคุณคิบอมจะเป็นใครสักคนที่อาจจะสมรู้ร่วมคิดกับอีทงเฮ
“คุณฮยอกแจ!!!”
เสียงตะโกนไล่หลังนั่นทำให้ผมเบิกตากว้าง ผมหันไปมองคุณคิบอมที่กำลังรีบวิ่งตามผมมาติด ๆ ผมวิ่งเบียดคนที่ยืนอยู่ตรงฟุตปาธ ทั้งชนคนอื่นทั้งโดนชนเอง แต่ผมก็แหวกผู้คนจนขึ้นรถเมล์ที่ประตูกำลังปิดได้ทัน
“คุณฮยอกแจ!!!”
“...!!!” ผมเกาะเสาทางขึ้นไว้แน่นเพื่อทรงตัวขณะที่มองใครอีกคนที่กำลังวิ่งตามรถเมล์ที่กำลังเคลื่อนตัวออก สีหน้าของคุณคิบอมในตอนนี้ต่างไปจากที่ผมเคยเห็น...
มันเหมือนตอนที่...อีทงเฮวิ่งไล่ล่าผมในวันนั้น...
.
.
ครืด...
ผมเดินลงมาจากรถเมล์ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมหันไปมองทางขวาแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าไม่มีใครตามมาอย่างที่กำลังกลัวอยู่...อย่างน้อยคุณคิบอมก็ไม่ได้ทำให้ผมหลอนเหมือนกับอีทงเฮ
ผมกระเผกขาไปนั่งตรงข้าง ๆ บ่อน้ำตกหน้าตึกสูงพลางก้มลงถลกขากางเกงขึ้น เลือดสีแดงสดซึมออกจากผ้าก๊อชที่ปิดเอาไว้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าผมฝืนวิ่ง ออกแรงเยอะมากเกินไปจนมันเริ่มอักเสบ
ผมดึงขากางเกงลงแล้วก็ถอนหายใจ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ผมก็หยุดอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ตอนนี้ผมควรทำยังไงดี ถ้าผมโทรไปบอกคุณซีวอนเรื่องคุณคิบอมเขาจะเชื่อผมเหรอ? ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วก็พบ 45 missed call สิบสองสายเป็นของคุณซีวอน ส่วนที่เหลือเป็นของคุณคิบอมทั้งหมด...
‘คุณหนีผมไม่พ้นหรอก!!! เพราะต่อให้คุณนอนตายอยู่ในหลุมฝังศพ...ผมก็จะตามหาคุณจนเจอ!!!..................อีฮยอกแจ!!!’
“...!!!”
จู่ ๆ ประโยคนี้ก็แล่นปราดเข้ามาในหัว ผมกำมือถือเอาไว้แล้วหันไปมองรอบ ๆ ตัว แม้ว่าจะมีผู้คนเดินผ่านไปมาแต่ผมก็ยังกลัวอยู่ดี...ตอนนี้ผมทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บขา เพลียจนอยากกลับไปนอนพักผ่อน แต่ถ้าผมกลับไปที่บ้านของคุณคิบอม...ก็คงไม่ได้
ทันใดนั้นผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมละสายตาไปไหนไม่ได้ ตรงฝั่งตรงข้ามถนนนั่น...ร้านดอกไม้...
ผมเห็น...อีทงเฮ...เดินออกมาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่...
ผมมองเขาที่กำลังเดินไปขึ้นรถยนต์คันสีขาว สัญชาติญาณมันบอกให้ผมรีบดึงฮู๊ดขึ้นมาใส่แล้วก้มหน้าต่ำ ๆ เข้าไว้เพื่อไม่ให้เขาเห็นว่าผมอยู่ตรงนี้ ผมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วก็พบว่าเขาขับรถออกไปแล้ว
อีทงเฮจะไปไหน?
นั่นคือคำถามเดียวในหัวผมตอนนี้...เขาซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ด้วยท่าทางอารมณ์ดีแบบนั้น...หรือว่าเขาคิดจะตามไปหาแม่ผมถึงที่ทำงาน?
บ้าเอ๊ย!
ไม่ต้องเสียเวลาคิดอีกต่อไป ผมรีบกระเผกไปเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพอดี ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งเบาะหลังแล้วชี้ตามรถของอีทงเฮ
“ตามรถคันนั้นไปเลยครับ!”
...To be continued...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk
พี่ทงก็ยังไม่โผล่...ค่อยเป็นค่อยไปนะ...
ความคิดเห็น