คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : กล้อง
Chapter 6
กล้อง
“กล้องพร้อมแล้ว นักแสดงรับเชิญทุกท่านเชิญเข้าประจำที่ด้วยครับ”
“MC อีทึกพร้อมนะครับ?”
“พร้อมแล้วครับ” ร่างโปร่งขานตอบก่อนจะอ่านทวนสคริปท์ในมืออีกครั้งขณะที่ใครบางคนกำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่ห่างๆ การเป็น MC หลักในรายการสตาร์คิงทำให้อีทึกต้องพยายามมากขึ้นเป็นเท่าตัวอีกทั้งฮยอกแจก็ไม่ได้เป็น MC ร่วมกับเขาแล้ว ตอนนี้ที่มีงานคู่กันก็แค่จัดรายการวิทยุกับสตรองฮาร์ทเท่านั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันพร้อมกับขยับปากอ่านตามสคริปท์อย่างตั้งใจ
“นี่คุณ”
อีทึกเงยหน้าขึ้นก่อนจะเบะปากเมื่อเห็นใบหน้าของผู้จัดการส่วนตัวอีทงเฮ...ใช่แล้วล่ะ วันนี้อีทงเฮก็มาเป็นแขกรับเชิญในรายการด้วย
“นึกว่าถูกผีหลอก ถ้าเกิดผมช็อคตายน้ำลายฟูมปากขึ้นมานี่ยุ่งกันทั้งห้องส่งเลยนะคุณ” อีทึกกลอกตา นั่นทำให้คนที่ยืนมองอยู่เส้นกระตุกนิดๆ
“ดีเจอึนฮยอกไม่ได้เป็น MC ที่นี่แล้วหรือไง?”
“เลิกไปสักพักแล้ว พอดีว่าหมอนั่นก็งานยุ่งส่วนผมก็ย้ายมาแทนพี่โฮดง...ว่าแต่มีอะไรกับน้องผม คงไม่ได้มาหาเรื่องมันหรอกนะ?” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับยืนกอดอกนิ่ง อีทึกยิ้มเมื่อถูกมองด้วยสายตาเยือกเย็น
“เมื่อวานโกซึงจีทำกองถ่ายปั่นป่วนไปหมด”
“หือ...ใครคือโกซึงจี?”
“ก็อีทงเฮนั่นแหละ พอหมอนั่นได้รับข้อความก็โวยวายขอให้เริ่มถ่ายทำกันต่อทั้งที่ทุกคนอยู่ในเวลาพัก”
“อ้อ...อย่างนี้นี่เอง” อีทึกพยักหน้า
“เพราะดีเจอึนฮยอกใช่ไหม?”
“หืม? ว่าไงนะ?” อีทึกก้มหน้าอ่านสคริปท์ต่อนั่นเรียกน้ำโหจนฮีชอลต้องแย่งไปถือไว้เอง เขาเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วแบมือมาตรงหน้า
“ผมต้องแสตนด์บายแล้วนะคุณ เอาคืนมา”
“ผมถามน่ะไม่ได้ยินเหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม สามีภรรยาเขาจะติดต่อกันบ้างมันก็เป็นเรื่องปกตินี่...”
“แล้วตอนนั้นมันใช่เวลาไหม? เขาควรจะรู้จักกาลเทศะมากกว่านี้สิ แล้วอีกอย่าง...พูดผิดพูดใหม่ได้นะดีเจอีทึก”
“พูดอะไร”
“สามีภรรยาอะไรกัน นั่นมันก็แค่การแสดง สองคนนั้นจะเป็นคู่รักกันก็ต่อเมื่อกล้องจับภาพอยู่เท่านั้น”
“อื้อหือ...นี่ปากคุณเหรอ...ฟังไม่ได้เลยนะคำพูดแต่ละคำเนี่ย” อีทึกทำท่าไล่กลิ่นพลางปัดจมูกเบาๆ เมื่อได้ยินประโยคแสลงหู คิมฮีชอลก็เป็นซะอย่างนี้ จริงจังกับทุกเรื่องจนไม่รู้ว่าอะไรควรตลกอะไรควรคิดจริง
“ผมไม่ได้อยากให้คุณฟัง แต่คุณต้องหัดเตือนน้องคุณบ้าง อีทงเฮไม่ใช่ไอดอลว่างงานที่จะได้เที่ยวส่งข้อความหาคนอื่นในเวลางานแบบนี้นะ”
“น้องผมก็งานยุ่งเถอะคุณ ถึงเจ้านั่นจะเป็นแค่ดีเจแต่ถ้ามันเอาจริงๆ ก็เดบิวท์เป็นดารานักร้องได้เหมือนกันนั่นแหละ แล้วทงเฮบ่นสักคำหรือยังคุณถึงได้ออกตัวเป็นเดือดเป็นร้อนแทนแบบนี้น่ะ เป็นพ่อเขาป่ะ...ก็ไม่?” อีทึกทำหน้าเหยเกใส่อีกฝ่ายเชิงกวนประสาท คิมฮีชอลเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วหันกลับมามองหน้าร่างโปร่งอีกครั้ง
“ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องเตือนเขา หรือว่าจะให้ผมเป็นคนพูดเอง?”
“คุณรู้เรื่องลึกตื้นมากแค่ไหนถึงได้เอาแต่ว่าน้องผมไม่หยุดเลยน่ะ ผมถามหน่อยเถอะ...ถ้าเกิดคนที่ส่งข้อความไปไม่ใช่ฮยอกแจล่ะ?”
“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครอีก ก็เจ้าเด็กนั่นกระตือรือร้นทุกทีที่ได้ยินเรื่องของดีเจอึนฮยอกนี่”
“อ้อเหรอ...” อีทึกอุทานออกมาเบาๆ ในขณะที่คิมฮีชอลเพิ่งรู้ตัวว่าได้พลาดหลุดปากพูดออกไป แบบนี้ไม่วายไอ้หมอนี่คงคิดว่าเขาเผด็จการทั้งที่อีทงเฮก็สนใจดีเจอึนฮยอกอยู่แน่ๆ
“ไม่ใช่ฮยอกแจหรอก”
“.................”
“คนที่ส่งไปน่ะผมเองแหละ” อีทึกพูดเสียงเรียบก่อนจะแย่งสคริปท์จากมือเรียวกลับมา ร่างโปร่งเดินไปข้างหน้าได้สามก้าวก็เอี้ยวตัวหันกลับมามองใครอีกคนที่แสดงสีหน้าไม่พอใจเงียบๆ
“น้องผมไม่ใช่คนที่ชอบสร้างความเดือดร้อนให้ใครนอกจากตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่าพูดจาเอาแต่ใจแบบนั้นให้ผมได้ยินอีก” ฮีชอลยืนนิ่งพลางมองตามแผ่นหลังของอีกคนที่กำลังเดินเข้าไปในห้องส่ง...
เสียงหัวเราะของนักแสดงรับเชิญดังไปทั่วห้องส่งเพราะ MC เจ้าของฉายารอยยิ้มนางฟ้ากำลังเล่นมุขตลก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มต่างกับสีหน้านิ่งเฉยเมื่อครู่ที่มีให้เขานั้นบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพ ทั้งที่อายุเท่ากันแต่เขากลับเป็นฝ่ายมองอีทึกตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ ตั้งแต่อีทึกยังมีสไตล์การแต่งตัวแบบบ้านๆ ไร้รสนิยมไปจนถึงการแต่งหน้าทำผม...นานมากแล้วที่คิมฮีชอลมองการเติบโตของผู้ชายคนนี้
“มีปัญหาอะไรกับ MC อีทึกหรือเปล่าครับคุณฮีชอล?” สตาฟหนุ่มคนหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นทั้งคู่มีปากเสียงกันเมื่อก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะไม่ได้ยินว่าทะเลาะอะไรกันแต่ก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าครับ เราแค่ทักทายตามประสาคนรู้จักกันมานานน่ะ”
ร่างบางหันไปยิ้มก่อนจะมองเข้าไปในห้องส่ง...มองคนในความดูแลที่กำลังหัวเราะไปกับรายการที่อีทึกพยายามเอ็นเตอร์เทรนด์อยู่ก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับ
“สวัสดีครับ”
“...ว่าไงนะครับ?”
“ครับ...แล้วผมจะรีบไปให้เร็วที่สุด” พอวางสายแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่ เขาเก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วพยายามสงบสติอารมณ์
“จนได้สินะ...” พึมพำกับตัวเองแล้วมองไปยังคนในดูแลที่กำลังหัวเราะจะเป็นจะตายกับการแสดงของแขกรับเชิญ
โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าหายนะกำลังมาเยือนเขากับดีเจอึนฮยอกแล้ว...
.
.
“ฮยอกแจ”
“อี...ฮยอกแจ”
ร่างบางค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะยกมือบังแสงแดดที่ส่องเข้ามาในตัวห้อง หันไปมองข้างๆ ก็พบกับเพื่อนสนิทที่กำลังรูดผ้าม่านออกพร้อมกับรอยยิ้ม
“บ่ายสองแล้ว นายคิดจะนอนไปถึงเมื่อไหร่น่ะ” ร่างบางเบิกตาโพลงก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งแต่ก็ต้องกุมขมับทันทีกับอาการปวดจี๊ดขึ้นสมอง รู้สึกหน่วงๆ อย่างบอกไม่ถูก
“เบี้ยวนัดฉันแล้วไปดื่มกับพี่อีทึกแบบนี้ฉันควรงอนนายกี่วันดีล่ะหื้ม?” ซองมินนั่งลงบนขอบเตียงพร้อมกับจ้องหน้าคนที่นั่งหัวฟูอยู่ ฮยอกแจชำเลืองมองคนข้างๆ แล้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ถ้าฉันเป็นนายฉันจะงอนแค่หนึ่งนาที” ฮยอกแจพูดเบาๆ ก่อนจะหัวเราะลั่นห้องเมื่อถูกอีกคนผลักให้ลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับรัวจี้เอวไม่หยุด
“ฮ่าๆ ยอมแล้วๆ ซองมินอ่า~ ขอร้องล่ะหยุดเถอะ ฮ่าๆ”
“ก็ได้ แต่คืนนี้นายต้องเลี้ยงมื้อดึกฉันนะ”
“หือ...มื้อดึก...นายจะรอจนฉันจัดรายการเสร็จเลยเหรอ?” ฮยอกแจเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองคนที่นอนกอดเขาจากข้างหลัง ซองมินพยักหน้าหงึกพร้อมกับกระชับกอดเพื่อนสนิท
“อ้วนตัวจะแตกตายอยู่แล้วยังจะกินมื้อดึกอีก ลดน้ำหนักบ้างสิ” ฮยอกแจยิ้มบางๆ แล้วหันหน้ากลับมาอีกครั้งก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไปเมื่อพบว่าที่นอนข้างๆ นั้นว่างอยู่
ภาพเมื่อคืนมันค่อยๆ ฉายมาเป็นฉากๆ แววตาคู่นั้น...รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะ...กอด...จูบ
อีฮยอกแจรู้ตัวดีว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรลงไป...เพราะต่อให้เมามากแค่ไหนเขาก็จำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับทงเฮ แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกเบื้องลึกของหัวใจ บางทีเขาอาจจะเหนื่อยล้าที่จะวิ่งหนีความรู้สึกนี้แล้วก็ได้...เหนื่อยจนลืมคิดไปว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไง ทงเฮจะมองหน้าเขาได้เหมือนปกติหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ฮยอกแจ”
“อื้ม”
“นายต้องเล่นรายการนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
“...ไม่รู้สิ อาจจะสามสี่เดือนล่ะมั้ง”
“งั้นเหรอ”
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า ฉันก็แค่เป็นห่วงนาย...คงอึดอัดแย่ที่ต้องมีกล้องคอยจับภาพอยู่ตลอดไม่ว่าจะไปที่ไหน”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ตอนแรกก็มีเกร็งๆ บ้างแต่หลังๆ ก็เริ่มชินแล้วล่ะ” ฮยอกแจพลิกตัวเข้าหาอีกคนพร้อมกับจ้องหน้า ซองมินยิ้มบางๆ แล้วขยี้หัวเพื่อนสนิท
“ว่าแต่นายเข้ามาได้ยังไง”
“เดินสวนกับอีทงเฮพอดีน่ะ เขาเลยกลับมาเปิดประตูให้ฉัน”
“แล้ว...นายมานานหรือยัง” ฮยอกแจถาม จริงๆ ไม่ได้อยากรู้เรื่องของซองมิน เขาก็แค่อยากรู้ว่าทงเฮออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่เท่านั้น
“สักเก้าโมงเห็นจะได้”
“...อ้อ” พอนึกถึงใครอีกคนแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา เพียงแค่คิดว่าจะต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง จนถึงตอนนี้แล้วเขาคงไม่ต้องคิดหาข้อแก้ตัวเพราะสิ่งที่ทำลงไปนั้นมัน...
“นายนั่งรอฉันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ คงเบื่อแย่เลยสิ ที่นี่ไม่มีเกมให้เล่นซะด้วย”
“ช่างมันเถอะ ว่าแต่นายน่ะ”
“หื้ม...ว่าไง”
“ทำไมถึงเมาขนาดนั้น” คำถามนี้ทำเอาร่างบางชะงัก มันก็ไม่แปลกที่ซองมินจะสงสัยเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาก็ใช่ว่าจะเป็นคนชอบดื่มเสียเมื่อไหร่ หนำซ้ำยังปฏิเสธคนอื่นเวลาถูกชวนไปสังสรรค์อีกด้วย
“อ๋อ...ก็”
“หืม?” ซองมินเพ่งมองคนตรงหน้าเค้นเอาคำตอบ เขาไม่สนหรอกว่ามันจะทำให้ฮยอกแจอึดอัดกับคำถามนี่หรือไม่
“..................” พูดไม่ออก ไม่อยากโกหกเพื่อนแต่ก็ไม่อยากพูดความจริงเหมือนกัน เพราะดูแล้วซองมินก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ถ้าเขาจะชอบอีทงเฮ ขืนบอกไปคงโดนบ่นไปดาวเสาร์แน่
“นายดูมึนๆ นะ...ยังปวดหัวอยู่เหรอไง?” โอบใบหน้าเพื่อนสนิทเอาไว้แล้วส่ายหน้าไปมาก่อนจะดึงแก้มให้ยืดออกทั้งสองข้าง ฮยอกแจโอดครวญแล้วตีมืออีกคนให้คลายออก
“เจ็บนะ”
“นายจะได้ตื่นสักทีไง ไปอาบน้ำเถอะวันนี้เรามีหลายที่ๆ จะต้องไปด้วยกัน”
“เอ๋? ไปไหน?” ฮยอกแจกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของซองมิน ริมฝีปากได้รูปยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อไหมพรมสีครีมมาทาบตัวให้อีกคน
“ไปที่ๆ มีแต่ฉันกับนาย”
.
.
“สนุกไหม?” ซองมินถามพลางหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังเหม่อลอยอยู่ ฮยอกแจเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มออกมาจากคอนโด วันนี้เขาคะยั้นคะยอถามฮยอกแจไปไม่รู้กี่รอบเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนแต่เจ้านี่ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นตลอด แต่ถ้าจะให้เดา...ก็พอจะเดาออก
“สนุกสิ ดูหนังฟรีซะอย่าง” ฮยอกแจยิ้มบางๆ แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดูไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ ตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของซองมินกำลังค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด
ทั้งที่เพิ่งมีเวลาได้อยู่ด้วยกันสองคนแต่ฮยอกแจกลับเอาแต่คิดถึงคนอื่น...
“เรื่องทงเฮใช่ไหม”
“..................” เรียวขาหยุดชะงักนั่นทำให้ซองมินเอี้ยวตัวหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
กะแล้วไม่มีผิด...
“นายคงเห็นฉันเป็นคนอื่น ถึงได้ปิดบังกันแบบนี้” ฮยอกแจเบิกตาโพลงก่อนจะรีบเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ซองมินพร้อมกับจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันไม่ได้อยากปิดบังอะไรนายเลยสักนิด”
“แล้วนี่มันอะไรกันล่ะ นายเล่นไม่พูด เหม่อไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ นายทำให้ฉันรู้สึกว่ากำลังฝืนใจให้นายมาเที่ยวด้วยกัน”
ฮยอกแจงอหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าเขาผิดปกติจนซองมินสังเกตได้ แต่เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั่นแหละที่ทำให้เขาต้องมาปวดหัวแบบนี้
“คือว่าฉัน...”
RRRRrrrrr!!!
ยังไม่ทันได้เล่าอะไรมือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังเสียก่อน ฮยอกแจหยิบมันขึ้นมาแล้วก็พบว่าปลายสายคืออีทึก มือเรียวกดรับพลางมองหน้าซองมินที่ยืนกอดอกรอคำตอบจากเขาแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มนิ่มอีกคนเบาๆ
( ฮยอกแจ แกอยู่ไหนน่ะ? )
“ผมเพิ่งดูหนังกับซองมินเสร็จน่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่า?”
( มีสิ ท่าทางจะเรื่องใหญ่ซะด้วย )
“เรื่องใหญ่?”
( ฉันได้ยินสตาฟแอบคุยกันว่าทงเฮถูกพีดีเรียกไปที่ตึกเอสบีเอส )
“...................”
( ตอนแรกก็คิดว่าคงถูกเรียกไปเรื่องภารกิจ แต่พอฟังดีๆ แล้วเหมือนจะเกิดเรื่องกับหมอนั่นเมื่อคืนนะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นมันไปเอาข่าวนี้มาจากไหน แต่ฉันแนะนำให้แกโทรถามทงเฮจะดีที่สุด )
เกิดเรื่อง...เมื่อคืน...?
ถ้าเกิดเรื่องทางต้นสังกัดก็ต้องเรียกทงเฮไปสิ ไม่ใช่พีดีรายการ WGM
“โอเค...ขอบคุณมากนะพี่”
( เออ ฉันก็เริ่มเอะใจตั้งแต่เห็นคิมฮีชอลเข้ามาลากตัวทงเฮออกจากห้องส่งตั้งแต่อัดรายการเสร็จแล้ว ยังไงก็รีบโทรหาหมอนั่นแล้วกัน )
“ครับ”
ฮยอกแจวางสายแล้วก็กดโทรออกหาทงเฮในทันที ซองมินปรามมืออีกคนลงพลางจ้องหน้าด้วยแววตาจริงจัง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ไม่ใช่ตอนนี้ซองมิน ฉันต้องโทรหาทงเฮก่อน” ร่างบางแกะมืออีกคนออกแล้วกดโทรหาทงเฮใหม่ ระหว่างรอสายก็คิดไปต่างๆ นานา ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อคืนนี้ทงเฮมีถ่ายละคร...เขาจำได้
รอสายอยู่นานแต่ทงเฮก็ไม่รับสักที ซองมินเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ ฮยอกแจก็วิ่งออกไปจากตรงนั้น เขาวิ่งตามร่างบางไปจนถึงชั้นล่าง ฮยอกแจโบกแท็กซี่แล้วรีบขึ้นไปนั่งในขณะที่ซองมินวิ่งเข้ามาทุบกระจกหวังจะให้อีกฝ่ายเปิดประตูแต่ฮยอกแจก็แสดงสีหน้าขอโทษขอโพยเขาก่อนที่แท๊กซี่จะออกตัวไป
“ให้ตายเถอะ...” ซองมินอุทานอย่างหัวเสีย เขาพยายามไม่แสดงออกแล้วนะว่าวันนี้เขารู้สึกแย่แค่ไหนที่ฮยอกแจเป็นแบบนี้
.
.
( ฮัลโหล )
“ทงเฮ! นายอยู่ไหน?”
( นี่ไม่ใช่อีทงเฮ )
“...พี่ฮีชอล”
( โทรมาก็ดีแล้วล่ะ ฉันกำลังจะโทรหานายอยู่พอดี )
“...................”
( ฉันจะบอกนายว่าทงเฮจะบินไปญี่ปุ่นก่อนกำหนดสามวัน เขามีถ่ายแบบที่นั่นนายคงรู้ใช่ไหม? )
“ครับ ผมรู้...แล้วเรื่องถ่ายละครล่ะครับ...”
( ฉันเพิ่งเคลียร์เสร็จไปเมื่อกี้ แต่นายไม่ต้องห่วงหรอกทุกอย่างเรียบร้อยดี ส่วนเรื่องถ่ายทำรายการของนายสองคนก็คงเลื่อนไปก่อน )
“ตอนนี้ทงเฮอยู่ไหนเหรอครับ ผมอยากคุยกับเขา” ฮยอกแจลดน้ำเสียงลงราวกับรู้คำตอบในอีกไม่ช้า ร่างบางจ่ายเงินค่าแท็กซี่ก่อนจะลงมาจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าไป แต่ยังไม่ทันเข้าถึงตึกเอสบีเอสก็ต้องพบกับแฟนคลับของทงเฮจำนวนหนึ่งยืนดักรออยู่จำนวนหนึ่ง
( เขาไม่ว่าง )
ประโยคนี้ทำให้ขาเรียวหยุดยืนอยู่กับที่ แต่สิ่งที่เรียกสติเขากลับคืนมานั่นก็คือเสียงรถตู้สีดำที่กำลังเคลื่อนตัวออกมาท่ามกลางเสียงแฟนคลับที่กรีดร้องเรียกชื่อทงเฮ นัยน์ตาเรียวมองตามรถตู้ที่กำลังขับผ่านไปหากแต่ไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ในนั้นได้
“ทงเฮโอป้า!”
“โอป้า!!!”
ร่างบางค่อยๆ ลดมือลง ในตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าคนในปลายสายกำลังพูดอะไรอยู่ ฮยอกแจก้าวไปข้างหน้าแล้วเอนหลังพิงกำแพง ตอนนี้แฟนคลับกลุ่มนั้นยังไม่เห็นเขาและถ้าเห็นก็คงถูกเข้ามารุมสาดคำถามใส่แน่ๆ
“ฉันไม่เชื่อหรอก เมื่อคืนพี่สาวฉันบอกว่าทงเฮโอป้าไปถ่ายละครตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงดึกเลย เขาจะเอาเวลาไปไหนเดทกับแฟนสาวกันล่ะ?”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ถ้าเธอมีตัวตนก็ต้องมีคนรู้จักสิ...หรือว่าจะเป็นคนนอกวงการล่ะ?”
“แล้วถ้ามีคนเห็นจูบกันจริงๆ ก็ต้องมีคนปล่อยรูปออกมาแล้ว”
“เราจะเชื่อได้แค่ไหนว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ช่วงนี้พวกแอนตี้แฟนยิ่งชอบปั่นกระแสอยู่ด้วย”
“ฉันไม่รู้แหละ แต่ฉันไม่ยอมให้ทงเฮโอป้าไปจูบกับผู้หญิงที่ไหนแน่!”
จูบ...กับผู้หญิง?
“ขอโทษนะคะ ทงเฮโอป้าจูบกับใครเหรอ?” ฮยอกแจหันไปมองตามเสียงนั้นเมื่อนั่นคือคำถามเดียวกับที่เขาอยากรู้ เด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งจะเลิกเรียนกำลังเข้าไปถามแฟนคลับกลุ่มนั้น
“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ เมื่อตอนสายมีคนปล่อยข่าวมาว่าทงเฮโอป้าถ่ายละครเสร็จแล้วก็ไปรับผู้หญิงคนหนึ่ง”
“เขาจูบเธอด้วย”
“จูบ?!”
“ใช่...จากข่าววงในน่ะ”
“ไม่นะ ทงเฮโอป้าของฉัน! แค่เป็นข่าวกับโบอาออนนี่ตอนนั้นฉันก็จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ไม่เอานะ!”
ถ่ายละครเสร็จแล้วไปรับผู้หญิง...
จูบ...
ตึกเอสบีเอส...
“อ๊ะ! นั่นอึนฮยอกโอป้านี่! อึนฮยอกโอป้าคะ อย่าเพิ่งไป!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อไล่ตามหลังขณะที่ฮยอกแจกำลังวิ่งเข้าไปในตึกเอสบีเอส เขาไม่รู้ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือไม่...แต่เขารู้อย่างเดียวว่าคนที่อยู่กับทงเฮเมื่อคืนและคนที่จูบทงเฮก็คือ...
เขา...
“อึนฮยอกโอป้า!”
“ไม่จริงหรอกครับ!” ฮยอกแจหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าพร้อมกับหันไปบอกแฟนคลับที่กำลังวิ่งเข้ามา
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะได้ยินอะไรมาผิดๆ แล้วล่ะ...” ฮยอกแจมองไปยังกลุ่มแฟนคลับสาวที่กำลังยืนฟังเขาอยู่
“เอ๋...”
“ยังไงน่ะ...”
“เพราะเมื่อคืนทงเฮมารับผมกลับคอนโดด้วยกันทันทีที่เขาถ่ายละครเสร็จแล้ว...เพราะฉะนั้นเขาคงไม่มีเวลาไหนไปเดทกับผู้หญิงหรอกครับ” ฮยอกแจยิ้มเพื่อให้แฟนคลับกลุ่มนั้นสบายใจ ตอนนี้เขากำลังพยายามปกป้องทงเฮทุกวิถีทางเพราะเขาเริ่มจะมั่นใจแล้วล่ะว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น...
มันเป็นเพราะใคร...
“เอ๋?”
“เออจริงด้วย! มีคนอัพข่าวแล้วว่าเมื่อคืนเจอทงเฮโอป้าที่ร้านเนื้อย่าง” เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังง่วนอยู่กับมือถือพูดขึ้นมา
“ไปกับอึนฮยอกโอป้าแล้วก็อีทึกโอป้าด้วย”
“โหยให้ตายเถอะ ใครเป็นคนปล่อยข่าวบ้าๆ เนี่ย!”
ประเด็นถกเถียงและเสียงฮือฮาของแฟนคลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าฮยอกแจเริ่มจางหายไป เขาโค้งให้กับแฟนคลับกลุ่มนั้นก่อนจะเข้าไปในตึกเอสบีเอส อยากรู้เหมือนกันว่าทงเฮคุยอะไรกับพีดีนิมก่อนออกไป
.
.
“พีดีคะ ดีเจอึนฮยอกมาหาค่ะ”
“อ้าว มาถึงนี่เลยเหรอดีเจอึนฮยอก” พีดียิ้มพร้อมกับผายมือให้ฮยอกแจนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามขณะที่เขากำลังนั่งจิบชาร้อนยามเย็น
“ผมเร่งแอร์ให้นะ” เห็นร่างบางเหงื่อโทรมกายแบบนี้แล้วเขาก็พอเข้าใจอะไรขึ้นมา เขาลุกขึ้นเดินไปรินน้ำเย็นก่อนจะเอามาวางให้กับฮยอกแจ
“ขอบคุณครับ”
“อืม...” พีดีมองเด็กหนุ่มที่กำลังดื่มน้ำพร้อมกับยิ้มบางๆ
“ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนสลายม๊อบคนจับปลาข้างล่างนั่น” เขาพูดติดตลก ฮยอกแจหัวเราะน้อยๆ แล้วหลุบสายตาลง
“ที่ผมมาที่นี่...”
“เรื่องทงเฮใช่ไหม?”
ฮยอกแจช้อนตามองอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ ร่างสูงใหญ่เอนตัวพิงกับพนักโซฟาแล้วประสานมือไว้บนตัก
“ผมควรบอกคุณหรือเปล่า...”
“.................”
“ผมลำบากใจเรื่องนี้มาก ถ้าเกิดบอกคุณไปเกรงว่ามันจะเสียผู้ใหญ่”
“ต้องบอกครับ”
“คุณกำลังทำให้ผมเป็นนกสองหัวนะดีเจอึนฮยอก”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ ผมก็แค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทงเฮ ทำไมเขาถึงต้องบินไปญี่ปุ่นล่วงหน้าสามวัน”
“ทางต้นสังกัดเขาบอกมาแบบนี้ ตารางงานของทงเฮรวนไปหมดเพราะถูกเปลี่ยนกระทันหัน” พีดีลดสีหน้าลง เขาถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงหน้าเด็กซนๆ คนหนึ่งที่เขาเอ็นดู
“เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอครับพีดี...” ฮยอกแจถามเสียงแผ่ว เริ่มใจไม่ดีแล้ว กลัวว่าสิ่งที่จะได้ยินในอีกไม่ช้ามันจะทำให้เขาต้องโทษตัวเองไปมากกว่านี้
“เพราะ...”
“......................”
“...เรื่องที่คุณจูบกับเขาเมื่อคืน”
“......................”
รู้สึกวูบตรงหน้าอกข้างซ้ายเมื่อเขาพยายามทบทวนกับประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ ทำไมพีดีถึงรู้ว่าเขาจูบกับทงเฮ เท่าที่จำได้เขากับทงเฮจูบกันที่...
คอนโด...
ที่มีกล้อง...จับภาพอยู่...
“บ้าจริง...” ฮยอกแจสบถพร้อมกับก้มหน้าลงกุมขมับราวกับคนคิดไม่ตก กะแล้วว่าต้องเป็นเพราะเขา เรื่องนี้มันเป็นเพราะเขา ทงเฮกำลังจะเดือดร้อนเพราะความงี่เง่าของเขา...
“ถ้าผมเห็นคนเดียวเรื่องราวมันคงไม่เป็นแบบนี้แต่ก็อย่างว่า...สตาฟที่เช็คกล้องก็มีหลายคน ตอนแรกที่รู้ผมก็สั่งกำชับแล้วว่าอย่าแพร่ข่าวนี้ที่ไหนเพราะมันจะทำให้คุณกับทงเฮเดือดร้อนกันได้”
“.....................”
“ผู้จัดการฮีชอลบอกผมว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทางต้นสังกัด เขาย้ำให้ผมเหยียบเรื่องนี้เอาไว้และขอเลื่อนเวลาถ่ายทำไปสักพัก”
“ผม...”
“อย่าโทษตัวเองเลย เพราะทงเฮเขาคงไม่อยากให้คุณต้องรู้สึกแย่เหมือนกัน” ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
“อะไรนะครับ?”
“เขากำชับผมว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับคุณโดยเด็ดขาด ถ้าเกิดผมบอก...เขาจะยกเลิกถ่ายทำ WGM อย่างถาวร”
‘ทงเฮ ฉันเตือนนายแล้วใช่ไหม?’
‘ครับ ผมฟังประโยคนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว’
‘แล้วยังไง เห็นไหมว่าเดือดร้อนกันหมด อนาคตของนายมันดับลงได้ง่ายๆ เลยนะ!’
‘แต่ตอนนี้ผมยังไม่ดับนี่ครับ เทปถูกลบแล้วพี่ก็ได้ยินที่พีดีพูดไม่ใช่เหรอ และต่อให้มีคนกู้ขึ้นมาได้ผมก็มีทางเอาตัวรอดอยู่ดี ถ้ามันได้ออกอากาศจริงๆ ก็ให้ทางรายการเมคขึ้นมาก็ได้ว่าเป็นจูบกุ๊ดไนท์คิส’
‘กุ๊ดไนท์บ้าอะไรนัวเนียกันขนาดนั้น’
‘ทงเฮสไตล์ครับ’
‘อย่ามาปั้นหน้ากวนประสาทใส่ฉันนะ...นี่ฉันต้องขอบคุณนายใช่ไหมที่ไม่เผลอทำเรื่องอย่างว่าลงไป?’
‘ก็เกือบแล้วล่ะแต่ผมชั่งใจไว้ได้ทัน’
‘อีทงเฮ!’
‘โอเค โอเค อยู่ใกล้กันแค่นี้จะเสียงดังไปไหน เห็นหรือเปล่าว่าพีดีนิมเขานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้’
‘ค่อยๆ พูดกันนะผู้จัดการคิม อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สั่งสตาฟทุกคนแล้วว่าห้ามให้คลิปหลุดออกไป และถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดจริงๆ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง’
‘ไม่ต้องหรอกครับ เพราะสิ่งที่ผมอยากให้พีดีนิมรับผิดชอบมีอยู่อย่างเดียว’ ทงเฮพูดพร้อมกับจ้องหน้าเขา
‘หืม?’
‘อย่าบอกเรื่องนี้กับดีเจอึนฮยอกก็พอ ผมอยากให้มันเป็นความลับไปตลอดชีวิต’
‘เหอะ ความลับงั้นเหรอ?’ ฮีชอลแค่นหัวเราะ
‘เพราะถ้าเขารู้เขาต้องคิดมากแล้วก็โทษตัวเองแน่ๆ’
‘มันก็สมควรแล้วนี่ ทำผิดก็ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ควรจะทำ’
‘รับปากผมสิ’
‘ฉันไม่อนุญาตให้นายไปเจอหน้าดีเจอึนฮยอกตลอดสองอาทิตย์จนกว่าฉันจะแน่ใจว่าข่าวนี้ซาไปแล้วจริงๆ’
“...................”
“ผมจะไม่ถามเรื่องระหว่างคุณสองคน และถ้าจะมีคนผิดคนๆ นั้นคงไม่ใช่ใครนอกจากคนที่จับคุณสองคนมาคู่กันซึ่งมันก็คือผมเอง” พีดียิ้มบางๆ ฮยอกแจเริ่มทำอะไรไม่ถูก จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเขา
“ผม...”
“เจ้าเด็กนั่นเป็นห่วงคุณมากนะดีเจอึนฮยอก เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเองอีกเลย”
.
.
แกร๊ง!
เสียงทัพพีกระทบกับกระทะพร้อมกับไฟที่ลุกโชนขึ้นมาจนพ่อครัวจำเป็นต้องผละตัวออกห่างๆ ร่างหนาชะเง้อหน้าดูไข่เจียวในกระทะที่เขาลงมือทอดเป็นจานที่สามแล้วก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะพลิกมันกลับแล้วก็พบว่าไข่ข้างล่างไหม้เกรียมไปแล้ว
“โธ่...ข้างบนกำลังสวยเลย” พึมพำกับตัวเองแล้วก้มลงไปผ่อนแก๊ซลง จริงๆ ก็มีเตาแก๊ซไฟฟ้าแต่เขาไม่ใช้ เหตุผลเพราะมันไม่สะใจ
ตอนนึ้คงไม่มีอะไรทำให้อีทงเฮสงบได้นอกจากการทำอาหารแล้ว เมนูสารพัดอย่างที่ทำด้วยไข่ถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอาหารในคอนโดกว้างที่มีเพียงหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่
ผู้จัดการส่วนตัวกลับไปแล้ว กว่าจะได้พักหูก็นั่งแหง่กไปเกือบสามชั่วโมงไม่รู้บ่นอะไรนักหนา ก็เข้าใจว่าเป็นห่วงเรื่องอนาคตของเขาแต่ใครจะไปนึกถึงกล้องที่ติดอยู่ในห้องนอนกันล่ะ ป่านนี้ไม่รู้อึนฮยอกจะเป็นยังไงบ้าง มือถือก็ถูกพี่ฮีชอลยึดไปแล้วด้วย...
หืม...แต่เขายังมีอินเตอร์เนตนี่!
ว่าแล้วก็ปิดเตาแก๊สแล้ววิ่งไปเปิดโน๊ตบุ้คเพื่อใช้อินเตอร์เนต ล็อคอินเข้าทวีตเตอร์แล้วดีเอ็มหาซีวอนทันที
D siwon407 ขอเบอร์ยอโบหน่อย
เคาะนิ้วชี้ลงบนโต๊ะระหว่างรออีกฝ่ายตอบกลับมาแต่ดูเหมือนว่าจะไร้วี่แวว เขาเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อความกังวลเริ่มประดีประดังเข้ามา ซีวอนมันจะเห็น DM หรือยังนะ ถ้ามันยังไม่เห็นก็พอจะเข้าใจเพราะงานมันยุ่งมาก แต่กลัวมันจะเห็นแล้วแกล้งทำเป็นไม่เห็นนี่สิ...
ไม่ได้การ...เห็นทีว่าเขาจะรอความหวังกับไอ้หมอนั่นคนเดียวไม่ได้แล้ว
D GaemGyu คยูฮยอนจ๋า...ขอเบอร์ดีเจอึนฮยอกหน่อย~
D Special1004 พี่ทึกจ๋า...ขอเบอร์ดีเจอึนฮยอกหน่อย~
D shfly3424 พี่เยซองจ๋า...ขอเบอร์ดีเจอึนฮยอกหน่อย~
D ShinsFriends พี่ชินดงจ๋า...ขอเบอร์ดีเจอึนฮยอกหน่อย~
D ryeong9 รยออุคจ๋า...ขอเบอร์ดีเจอึนฮยอกหน่อย~
ก๊อบแปะ ก๊อบแปะจนครบทุกคนที่สนิทกับอึนฮยอกแล้วแต่ขาดอยู่คนเดียวคือซองมิน เขาก็อยากจะ DM หาหรอกนะแต่ติดที่ว่าซองมินไม่ได้ฟอลเขากลับนี่สิ จะเมนชั่นไปถามก็กลัวแฟนคลับเห็นอีก ถ้าจะสมัครแอคใหม่ซองมินก็คงไม่เชื่อ ชีวิตอีทงเฮมันช่างยากเหลือเกิน...
shfly3424 ซื้อแว่นก่อนแล้วจะบอก
D shfly3424 บาย!!!
ทำไมคนที่ตอบคนแรกต้องเป็นคนที่พูดจาภาษาคนไม่รู้เรื่องด้วยวะเนี่ย ทงเฮเกาหัวอย่างหงุดหงิดก่อนจะขมวดคิ้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอ เมื่อเห็นคนๆ หนึ่งตอบ DM กลับมา
GaemGyu แย่มากนะที่กล้ามาขอเบอร์ผู้ชายคนอื่นกับผม
D GaemGyu ไม่เอาน่า!!!! ไม่หาเรื่องงอนพี่นะจุ๊บ!!!^^
GaemGyu -_-
D GaemGyu ขอเบอร์ดีเจอึนฮยอกหน่อยน๊า~~~~^^
GaemGyu ผมเกลียดพี่ ลาก่อน 82499061755xx
D GaemGyu น่ารักมากเดี๋ยวเจอกันแล้วจะให้หอมแก้มทีนึงเลย
GaemGyu ไปตายเถอะครับ
D GaemGyu โอเคจุ๊บ!!!
ริมฝีปากหยักยิ้มกว้างแล้วก้มหน้าก้มตาจดเบอร์ใส่โพสอิทที่วางอยู่ข้างๆ ก่อนจะถีบโต๊ะเพื่อเลื่อนเก้าอี้โซฟาไปหาโทรศัพท์บ้านที่วางอยู่ข้างทีวีจอใหญ่ เอาหูแนบโทรศัพท์ไว้กับหัวไหล่พลางกดเบอร์โทรทีละตัวอย่างตั้งใจ แต่ทันใดนั้นเสียงออดตรงประตูก็ดังขึ้น เขารีบวางสายก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตู
เกาหัวอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงหน้าใครอีกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามประตูห้อง ใบหน้าบูดบึ้งของคิมฮีชอลที่พบเจอมาทั้งวันทำให้เขาเริ่มเอียนจนไม่อยากทนฟังเสียงบ่นด่าของผู้จัดการส่วนตัวคนนี้อีกแล้ว
“พี่ลืมของ...เหรอ...”
ทันทีที่ประตูเปิดออกนัยน์ตาคมก็เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นอึนฮยอกยืนอยู่ตรงหน้าเขา ต่างคนต่างเงียบไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่คำทักทายก็ยังไม่มี
“อ...อ้าว...อันนยอง!” เป็นทงเฮที่ตั้งหลักได้ก่อน เขายิ้มพร้อมกับโบกมือทักทายหากแต่คนตรงหน้านั้นกลับยืนนิ่งเฉย ทงเฮชะเง้อหน้ามองออกไปข้างนอกดูว่ามีใครตามอึนฮยอกมาหรือเปล่าก่อนจะลดสีหน้าลง
“เข้ามาข้างในก่อน” ทงเฮคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วพาอึนฮยอกเข้ามาในห้อง ทันทีที่ประตูปิดลงเขาก็ถอนหายใจออกมาจนแทบหมดปอด ไม่อยากจะเชื่อว่าร่างบางจะมาหาเขาที่นี่
“นายมาที่นี่ได้ยังไง?” ไม่มีท่าทีคนขี้เล่นเหมือนอย่างเคย เขามองอึนฮยอกที่กำลังยืนหันหลังให้กับเขาอยู่แล้วก็เริ่มเอะใจ
“ผมนั่งแท็กซี่มาน่ะ”
“โอเค...เข้าไปนั่งข้างในก่อนสิ เดี๋ยวผมเอาน้ำมาให้ดื่ม” ยังไม่ทันก้าวออกไปไหนไกลเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือเอาไว้ ทงเฮหันไปมองอึนฮยอกที่กำลังยืนก้มหน้าอยู่แล้วก็ไม่อยากจะคิดไปเองเลยว่าคนตรงหน้าเขากำลังเป็นอะไร
1.ที่มาเพราะอยากเคลียร์เรื่องจูบเมื่อคืน
2.มาเพราะได้ยินเรื่องเขาจากปากพีดี
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว”
“......................”
บอกตรงๆ ว่าเขาไม่ชินเลยสักนิดกับเหตุการณ์อึดอัดแบบนี้ เพราะเวลาที่เขาทั้งคู่อยู่ด้วยกันมักจะมีแต่เสียงหัวเราะและเสียงบ่นของอึนฮยอกตลอด
“ทานข้าวกันไหม ผมทำไว้เยอะแยะเลยนะ” ทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับคิดค้นเมนูระดับโลกที่เชฟกระทะเหล็กยังคิดไม่ได้ เขาเดินเข้าไปในครัวพร้อมบ่นพึมพำกับสิ่งที่เขาทำทิ้งไว้
ฮยอกแจบีบมือตัวเองแน่นไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี เขาควรขอโทษที่จูบทงเฮเมื่อคืน แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ตารางงานของทงเฮวุ่นวาย สีหน้าทงเฮตอนที่เจอเขามันไม่เหมือนกับทุกครั้ง บางทีทงเฮอาจจะรำคาญที่เขาก่อปัญหาให้ก็ได้...
ขณะที่กำลังนั่งรอใครอีกคนที่กำลังตบตีกับเครื่องครัวอยู่ก็พลันหันไปเห็นโน๊ตบุ้คที่เปิดค้างไว้ และไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้ร่างบางเดินไปดูมัน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเพ่งมองจอเมื่อเห็นบทสนทนาระหว่างทงเฮกับคยูฮยอน...
ทงเฮ...ขอเบอร์เขางั้นเหรอ...
พอปิดหน้าจอนี้ไปก็พบว่าไม่ใช่แค่กับคยูฮยอน อีทงเฮยังไล่เที่ยวขอเบอร์เขากับคนอื่นอีกด้วย ในตอนนี้อีฮยอกแจกำลังรู้สึกสับสนไปหมด ทั้งที่กำลังรู้สึกแย่เพราะการกระทำของตัวเองแต่จู่ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมาได้กับเรื่องแค่นี้...
“ย๊าห์!!!” ทงเฮรีบวิ่งมาปิดฝาโน๊ตบุ้คลงพร้อมกับจ้องหน้าเขาตาปริบๆ ฮยอกแจผงะเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ชูมือขึ้นระดับหัวไหล่ทั้งสองข้างเพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาเปล่าทำอะไร
“โน๊ตบุ้คผมมันใกล้จะพังแล้ว ถ้าเอานิ้วแตะจอนี่ช็อตทันทีเลยล่ะ”
“โอเค...ผมจะไม่แตะมัน” ฮยอกแจยิ้มแห้งๆ ก่อนจะถอยหลังกลับไปที่โซฟาแล้วก็พบว่าเมนูไข่สารพัดได้ถูกวางไว้ตรงนั้นแล้ว
“...............”
“...............”
ทันทีที่เห็นสภาพไข่เจียวแล้วอีฮยอกแจถึงกับพูดไม่ออก ร่างบางเงยหน้ามองเชฟกระทะไหม้สลับกับเมนูไข่แล้วก็เครียด
“จะมีใครมาหานายหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก ทำไมเหรอ”
“เห็นนายทำซะเยอะแยะเลยคิดว่าจะมีคนมากินด้วยซะอีก”
“โธ่ ของแค่นี้ผมกินคนเดียวยังหมดเลยยอโบ” ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเรียกเขาด้วยศัพท์นามเดิม ทงเฮเดินมานั่งข้างๆ เขาพร้อมกับรินน้ำให้
“มาก็ดีเหมือนกัน ฝีมือผมพัฒนาขึ้นเยอะแล้วนะ ดูสิ” ทงเฮยิ้มพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบไข่เจียวขึ้นมาให้ดู
“ผมขอโทษ” มือหนาหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายตอบผิดประเด็น ใบหน้าคมค่อยๆ หันไปมองอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะออกมา
“ไม่เป็นไรน่า ถึงยอโบจะเคยบ่นเรื่องฝีมือการทำอาหาร...”
“ผมหมายถึงเรื่องจูบ”
“...................”
“ที่ผม...จูบนาย” ไข่เจียวร่วงลงจากตะเกียบทันที
“จูบ!!!!!!!! ว่าไงนะ!!!!!!!!!!” ทงเฮหันเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกับจับหัวไหล่บางทั้งสองข้างด้วยสีหน้าเกินจริง
“..................”
“ใครจูบใคร?!!!”
“ทงเฮ...ผมไม่ตลก”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถึงผมจะอยากเป็นนักแสดงตลกแต่ใช่ว่าผมจะเป็นคนตลกนะ” ทงเฮเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
“ผมจูบนายเมื่อคืน...ชัดไหม?” ฮยอกแจยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ทำให้เจ้าตัวกลอกตาไปมาเป็นเชิงกวนประสาท
“จูบ? เมื่อไหร่กัน นี่ยอโบฝันไปหรือเปล่า...” ทงเฮมองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดๆ ฮยอกแจถอนหายใจแล้วแกะมือหนาออกจากไหล่ตัวเอง
“อย่ามาทำไขสืออีทงเฮ ผมกำลังจริงจังอยู่นะ เพราะเรื่องนี้มันอาจทำให้นายต้องเสียชื่อเสียงเพราะผมได้ถ้าเกิดมีคลิปหลุดออกไป”
“คลิปหลุดอะไรกันพีดีนิมย้ำกับผมแล้วว่าจะจัดการให้ แต่เดี๋ยวนะ...ยอโบไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน?” ทงเฮขมวดคิ้วพร้อมกับชี้หน้าร่างบาง ฮยอกแจเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วกอดอก
“เฮ้! ตาลุงนั่นคงไม่ได้...?”
“ความจำกลับคืนมาแล้วเหรอไง?” ฮยอกแจมองไอ้คนชอบแถด้วยสายตาเอือมระอา
“โธ่เอ๊ย...อุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าบอกๆ” ตบหน้าผากตัวเองแล้วเอนหลังพิงกับพนักโซฟา
“อย่าโกรธพีดีเลย ถ้าผมไม่ดันทุรังคาดคั้นเอาคำตอบจากเขาผมก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลยไง?” ฮยอกแจแค่นยิ้ม
“ใช่ นายไม่ควรไปคาดคั้นเขา” ทงเฮชี้หน้าร่างบางพร้อมกับเพ่งมอง ฮยอกแจปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างรำคาญแล้วหันตัวเข้าหาร่างหนา
“แล้วยังไง ผมเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมานะ จะให้ผมเป็นไอ้โง่ที่ไม่รับรู้ปัญหาที่ตัวเองก่อขึ้นผมทำไม่ได้หรอก”
“ผมจัดการได้น่า” ทงเฮกอดอกแล้วมองตรงไปข้างหน้า
“ไม่ได้”
“ได้”
“ก็บอกว่าไม่ได้ไง มันเป็นความผิดของผม ถ้าผมไม่จูบนายเรื่องราวมันก็คงไม่เป็นแบบนี้!”
พูดจบริมฝีปากอิ่มก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของใครอีกคน ฮยอกแจเบิกตากว้างเมื่อถูกคุกคามโดยไม่ทันตั้งตัว ทงเฮผละตัวออกแล้วจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ทีนี้ก็เสมอกันแล้วนะ”
“..................”
“อะไร ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าอยากจูบอีกใช่ไหม -.-”
“อีทงเฮ!!!” และแล้วปรอดความอดทนของฮยอกแจก็ระเบิดออกมา ร่างบางผลักคนตรงหน้าแล้วเข้าไปจิกหัวพร้อมกับโขกลงกับโซฟานั่นราวกับผีเข้า
“อะ...โอ๊ยยย ยอโบ!! หัวผม!!”
“ปัญหาเก่ายังไม่ทันแก้ก็หาเรื่องใหม่ใส่ตัวอีกแล้วเหรอ! ถ้าเกิดมีกล้องติดอยู่ในห้องนายจะทำยังไงห๊า!” ทั้งบ่นด่าทั้งจิกหัวทงเฮโขกกับโซฟาไม่หยุด
“มันไม่มีหรอกน่า! ถึงมีจริงๆ เขาก็คงได้ยินตอนที่นายสารภาพว่าจูบผมแล้ว...โอ๊ยยย!!”
ฮยอกแจปล่อยมือออกทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เออ...ถูกของหมอนี่...
“คนอะไรรุนแรงชะมัด...” ทงเฮบ่นงุบงิบพลางจัดเผ้าผมที่กระเซอะกระเซิงให้เข้าที่ ฮยอกแจหายเข้าใจลึกๆ แล้วคว้าแก้วน้ำมาดื่มดับอารมณ์
ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็คงดี อีฮยอกแจขอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ประมาทจนเกิดเรื่องแบบนี้อีก แต่ถ้าคลิปนั้นหลุดออกมาจริงๆ เขาก็ทำใจไว้แล้วว่าถ้าจะมีคนดับเพราะเรื่องแบบนี้ก็ต้องไม่ใช่อีทงเฮ
“ถ้าผมจะต้องแย่เพราะเรื่องแบบนี้”
ฮยอกแจหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังง่วนอยู่กับไข่เจียวในจานพร้อมกับพยายามลอกส่วนที่ไหม้ออกแล้วหันมายิ้มกว้างก่อนจะป้อนให้กับเขา
“นาย...ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูผมไปตลอดชีวิตด้วย”
TALK
กล้าอัพ
ปล.เหตุเกิดจากตู้พูริคุระใน SS4 DVD Japan
บาย
ความคิดเห็น