คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : PART 6 : Jealous
PART 6
ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไร ต่อให้ต้องเจ็บปวดสักแค่ไหน
แต่ผมบอกกับตัวเองแล้วว่า...ผมจะไม่มีทางยอมแพ้เกมนี้แน่
“สิ่งสำคัญที่นายไม่ควรลืมอีกข้อนั่นก็คือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามถ้าเกิดหมอนั่นรู้ว่านายตายไปแล้ว...เกมนี้ก็จะจบลงทันที”
คุณได้รับข้อความจาก...
‘ซีวอน’
[ อึนซอ...ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอนาน...ขอโทษนะครับ ]
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘ซีวอน’
[ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ ]
วางมือถือลงที่โต๊ะข้างเตียงแล้วปิดโคมไฟ ถึงจะบอกว่าไม่ได้โกรธยังไงแต่ก็รู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อยแต่อย่างซนอึนซอน่ะหรือจะพูดอะไรออกไปให้คนรักไม่สบายใจ ถ้าจะต้องมีใครสักคนรู้สึกแย่ สู้ให้เธอรับมันไว้คนเดียวเสียยังจะดีกว่า ร่างบางเอนลงนอนบนเตียงพลางถอนหายใจออกมา กว่าจะได้รับข้อความจากคนรักก็เวลาผ่านไปเกือบห้าชั่วโมง...ถ้าเกิดว่าเธอไม่โทรหาฮีชอลก็คงได้นั่งรอซีวอนต่อไปเรื่อยๆ
ซีวอนใช่ว่าจะชอบออกนอกลู่นอกทางบ่อยเหมือนอย่างตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย พยายามปลอบใจตัวเองว่าช่วงนี้ที่เขาเปลี่ยนไปคงไม่ใช่เพราะเรื่องผู้หญิง ตั้งแต่เข้าทำงานที่บริษัทซีวอนก็ทำให้เธอเชื่อใจในตัวเขามากขึ้นจนยากที่จะมีเรื่องผู้หญิงมาให้คิดมาก ไหนจะงานแต่งงานที่ใกล้เข้ามาถึงนี้ซีวอนคงไม่คิดทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ แต่ก็ได้แค่หวังว่าซีวอนจะอธิบายเรื่องที่เธอค้างคาใจอยู่ให้ได้ฟังบ้างสักครั้งโดยที่ไม่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเอง...
.
.
“Good Morning~”
“เช้าแล้วเหรอ?”
“YES ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในนรกนะที่จะได้ไม่รู้เดือนรู้ตะวันเลยน่ะ”
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว...”
“บ่ายโมง”
“บางทีคุณก็น่าจะตั้งใจเรียนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นะทงเฮ” พูดจบก็ลืมตาขึ้นเผยให้เห็นใครอีกคนนอนอยู่ข้างๆ พร้อมกับรอยยิ้มทะเล้นเฉกเช่นเคย คยูฮยอนถอนหายใจก่อนจะพลิกตัวหันหลังหนี
“นายคงลืมไปแล้วว่าตอนที่ฉันมีชีวิตอยู่ภาษาอังกฤษยังไม่เข้าถึงเกาหลี ไหนจะพวกเทคโนโลยีล้ำสมัย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มยังอยู่ในยุคสงครามโลกอยู่เลย น่าอิจฉามนุษย์ยุคนี้ชะมัด” พูดพร้อมกับขยับเข้าไปนอนกอดอีกคนจากทางด้านหลัง คยูฮยอนแกะมือหนาออกอย่างรำคาญ
“งั้นคุณก็เรียนรู้เร็วดีนะ” พูดจิกกัดมัจจุราชหนุ่มที่ทำตัวตามยุคตามสมัยได้ดีต่างจากยมทูตนายอื่นที่เขาได้รู้จักตอนที่ยังทำงานขัดดอกให้กับทงเฮในนรก
“ฉันฉลาดกว่าที่นายคิดนะโจคยูฮยอน”
“หึ ผมเพิ่งรู้ก็วันนี้”
“ไปอาบน้ำหน่อยไหม ตัวนายมีแต่กลิ่นสุราเมรัย มันคลุ้งไปทั่วทั้งห้องแล้ว” พูดพร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่ร่างโปร่ง คยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา
“เวอร์น่ะ วันนี้ว่างหรือไง?”
“ฉันอยากว่าง” ลุกขึ้นบิดขี้เกียจพลางป้องปากหาว บางทีคยูฮยอนก็นึกหมั่นไส้ยมทูตนายนี้ที่ชอบทำเกินตัว ร่างกายของเขาทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องได้รับการพักผ่อน ถึงไม่ได้นอนพวกเขาก็ยังมีพลังงานใช้ต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิงแต่ที่คยูฮยอนนอนก็เพราะว่าอยากซึมซับของการเป็นมนุษย์อย่างที่เคยเป็นก็เท่านั้น...
“ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว ทีตอนอยู่กับหมอนั่นเห็นยิ้มไม่หุบเลยนี่”
“เลิกพูดสักที” คยูฮยอนแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อถูกจับได้ ตอนนี้เขากำลังเซ็งจนอยากหาอะไรทำสักอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ฟุ้งซ่านอย่างที่เป็นอยู่
อะไรก็ได้...
มัจจุราชหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ข้างหลังร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับนวดไหล่ให้เบาๆ ก่อนจะโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างใบหูคนที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด
“อยู่เฉยๆ แบบนี้ก็ปล่อยเวลาผ่านไปให้เสียดายเปล่าๆ ยังมีเรื่องสนุกให้นายได้ทำอีกเยอะน่าโจคยูฮยอน...”
“..............”
“ไปสิ...ลุกขึ้นไปแต่งตัว นายจะมัวนั่งอยู่เฉยๆ แบบนี้ทั้งที่มีอะไรน่าตื่นเต้นรออยู่อย่างนั้นหรือ?” ปลายนิ้วเกลี่ยไปตามพวงแก้มขาวซีด คยูฮยอนหลับตาลงตามนิมิตรจินตนาการที่มัจจุราชหนุ่มจงใจให้เขาได้เห็น...
ซีวอน...กำลังจะไปเลือกแหวนแต่งงานกับอึนซอ...
“ไปทักทายว่าที่เจ้าสาวหมอนั่นหน่อยเป็นไง หืม?” เสียงหัวเราะในลำคอที่พร่ำกระซิบอยู่ข้างหู...คยูฮยอนลืมตาขึ้นก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก
ถึงเวลาที่เราต้องทำความรู้จักกันสักทีสินะ...ซนอึนซอ
ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองซึ่งจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากครอบครัวชเว พาแฟนสาวเดินช๊อปปิ้งให้อารมณ์ดี ซึ่งมันก็ได้ผลถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั่นไม่ได้เกิดจากของแบรนด์เนมที่ถืออยู่...แต่มันเกิดขึ้นได้เพราะคนข้างๆ ที่มาด้วยกันต่างหาก ร่างสูงหันไปยิ้มให้กับคนรักที่กุมมือเดินไปด้วยกันส่วนมืออีกข้างก็ถือกระเป๋าให้กับเธอ ใครเดินผ่านก็ต่างยิ้มในความเหมาะสมของทั้งคู่
“หิวหรือยังครับ?”
“ยังเลยค่ะ ฉันอยากไปดูแหวนก่อน”
“อืม...งั้นเราไปดูแหวนกันเลยดีไหม?”
ร่างบางยิ้มกว้าง...รอยยิ้มที่มีแต่ความสุข สุขจนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เคยจิตตกกับเรื่องซีวอนมากแค่ไหน ความกลัวทุกอย่างพลันหายไปหมดสิ้นเพียงแค่ซีวอนกลับมาใส่ใจเธอเหมือนเดิม
“ซีวอนชอบวงไหนคะ?”
“ผมยังไงก็ได้ว่าแต่คุณน่ะชอบแบบไหน วงนั้นดีไหม?” ชี้ไปที่แหวนเกลี้ยงไร้เพชร อัญมณีเหมือนวงอื่นๆ อึนซอทำหน้าคิดเมื่อใจไม่ตรงกันกับคนรัก
“ฉันชอบวงนี้น่ะค่ะ แต่มันคงไม่เหมาะกับนิ้วของคุณ” ร่างบางหยิบแหวนที่พนักงานขายเอาขึ้นมาวางไว้บนตู้กระจกให้คนรักดูใกล้ๆ ซีวอนพลิกดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเห็นใครอีกคนเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ อึนซอพร้อมกับยื่นถุงกระดาษแบรนด์ของร้านให้กับพนักงานขาย
“ผมขอเปลี่ยนไซส์ได้ไหมครับ ดูเหมือนว่าอีกวงมันจะเล็กเกินไป” อึนซอหันหลังกลับไปมองอีกคนเมื่อเห็นว่าสายตาคนรักนั้นไม่ได้จดจ้องอยู่ที่แหวนในมือเหมือนในทีแรก
“ได้ครับ รอสักครู่นะครับ”
“ขอบคุณมากครับ...อ้าว...สวัสดีครับซีวอน” คยูฮยอนยิ้มให้ร่างสูงที่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ไม่คิดว่าจะได้เจอคยูฮยอนที่นี่ มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว
“เพื่อนคุณเหรอคะซีวอน?”
“อ่า...คือ...”
ในที่สุดสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้เกิดมันก็เกิดขึ้นจนได้...ยากที่จะตอบออกไปว่าเป็นแค่ ‘เพื่อน’ กันเพราะตัวเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ซีวอนและคยูฮยอนยังคงจ้องหน้ากันอยู่ เคยคิดที่จะบอกเรื่องนี้ให้คยูฮยอนอรู้...บอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งแต่เพราะด้วยเหตุผลอะไรกันนะที่มันทำให้เขาไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกไป
อาจเป็นเพราะซีวอนแคร์ความรู้สึกของคยูฮยอน มันก็ใช่...เขาแคร์คยูฮยอนมากในระดับหนึ่ง บางทีคยูฮยอนอาจจะไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะมีใครอยู่ข้างหลัง
เพราะว่าผม...ยังไม่รู้สถานะของเราทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ...
“สวัสดีครับ ผมโจคยูฮยอน เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของซีวอน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ยื่นมือไปตรงหน้าร่างบาง อึนซอยิ้มก่อนจะจับมือทักทายกับคยูฮยอน ร่างสูงมองคนที่โกหกได้หน้าตายแถมยังผูกมิตรกับว่าที่ภรรยาของเขาอีกด้วย
“ฉันซนอึนซอค่ะ”
“มาเลือกแหวนแต่งงานกันเหรอครับ?”
“ค่ะ...” ใบหน้าแดงระเรื่อ อึนซอหันไปมองหน้าคนรักที่ไม่มีท่าทีดีใจเลยสักนิดที่ได้พบปะเพื่อนเก่าสมัยเรียน
“ยินดีด้วยนะครับ คุณสองคน...” เว้นระยะไว้ช่วงหนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “ช่างดูเหมาะสมกัน”
“คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคยูฮยอน” ซีวอนถาม
“ผมเอาของมาเปลี่ยนน่ะ ดูเหมือนว่าอีกวงมันจะเล็กเกินไปผมกลัวว่าเขาจะใส่ไม่ได้”
“คุณก็จะแต่งงานเหมือนกันเหรอคะคยูฮยอน”
“เปล่าครับ ผมแค่ซื้อให้ใครคนหนึ่งน่ะแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงไม่จำเป็นแล้ว” พูดกับอึนซอแต่สายตาจ้องมองไปยังร่างสูง คยูฮยอนยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปรับของที่พนักงานกำลังยื่นให้
“ขอบคุณครับ” เปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินพร้อมกับหยิบแหวนเงินเกลี้ยงขึ้นมาลองกับนิ้วกลางแล้วยิ้มพอใจ
“ยินดีครับผม ถ้าเกิดว่าไซส์นี้มันใหญ่เกินกว่าขนาดนิ้วคนรักของคุณก็เอากลับมาเปลี่ยนได้อีกนะครับ”
“อ่อ...ไม่หรอกครับ ผมคิดว่ามันน่าจะพอดี อีกอย่าง...เขาไม่ใช่คนรักของผมหรอกครับ” คยูฮยอนหัวเราะเมื่อพนักงานพูดถึง ‘คนรัก’ ที่ว่านั่น ซีวอนลดสีหน้าลงพลางเบือนหน้าหลบไปอีกทาง ในใจก็อยากรู้ว่าคยูฮยอนซื้อแหวนคู่นั่นไปให้ใครแต่อีกใจก็อึดอัดที่ต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
“แน่ใจนะคะว่าไม่ใช่คนรัก เห็นคุณดูใส่ใจกับรายระเอียดของมันน่าดูเลย”
“มันก็แค่แหวนเกลี้ยงที่ไม่มีลวดลาย ไม่มีอะไรน่าสนใจเหมือนกับแหวนเพชรวงอื่นๆ จริงไหมครับซีวอน?”
ร่างสูงฝืนยิ้มออกมา ตอนนี้เขาคิดว่าบางทีคยูฮยอนอาจจะกำลังแกล้งปั่นหัวเขาอยู่ก็ได้ ไหนจะครั้งล่าสุดที่เจอกันเขานั้นก็ทำให้คยูฮยอนไม่พอใจอีกด้วย
“แต่เหมือนกับวงที่คุณเพิ่งชี้ให้ฉันดูเมื่อกี้เลยนะคะ ว่าไหม?” อึนซอสะกิดคนรักให้ดูแหวนที่คยูฮยอนลองใส่เมื่อครู่ ร่างโปร่งถอดมันออกแล้วเก็บเข้าไปในกล่องกำมะหยี่เช่นเดิม
“เห็นทีผมคงต้องไปแล้ว ถ้ามีโอกาส...เราคงได้เจอกันอีกนะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคยูฮยอน”
“เช่นกันครับอึนซอ”
ร่างบางยิ้มพลางมองตามแผ่นหลังของใครอีกคนที่เดินออกจากร้านไปก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับเข้าหาคนรักที่ยังคงมองตามเพื่อนเก่าไม่ละสายตา
“ไม่เห็นคุณบอกลาคยูฮยอนเลย ไม่ดีใจเหรอคะ?”
“...หืม? ดีใจสิ แต่ผมไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาน่ะ...เลือกแหวนกันต่อเถอะ เราจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน”
“ก็ได้ค่ะ”
แม้ว่าตัวผมจะอยู่กับอึนซอแต่ใจของผมมันกำลังอยู่ที่ใครคนหนึ่ง
คนที่มักจะทำให้ผมตั้งคำถามให้กับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง...
.
.
“...............”
“เป็นยังไงบ้าง” ละสายตาออกจากเกมทีวีก่อนจะหันหน้ากลับไปควบคุมจอยคอนโทรลเลอร์อีกครั้ง
“เธอเป็นคนดีกว่าที่คิด” ถอนหายใจแล้วเดินลงไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ มัจจุราชหนุ่มที่ยังคงเอาแต่หมกมุ่นกับเกมที่เล่นอยู่
“ทำไมล่ะ ถ้าซนอึนซอเป็นคนดีแล้วนายจะเปลี่ยนใจไม่ฆ่าซีวอนหรือ?” กัดริมฝีปากล่าง คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่นเมื่อบรรลุภารกิจในเกมที่เล่น
“เปล่า”
“เธอสวยมากใช่ไหมล่ะ”
“ใช่”
“สีหน้าหมอนั่นดูไม่จืดเลยนะตอนที่เห็นนายน่ะ เขาช่างโง่เขลาไม่รู้จักวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาเสียเลย” วางจอยเกมไว้บนโต๊ะกระจกก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟาพลางยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นบิดขี้เกียจ
“เดี๋ยวก็รู้...ว่าเขาจะแก้ปัญหานี้ยังไง”
“หว่า~ เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะโจคยูฮยอน...”
“ตั้งแต่อยู่กับคุณ”
อีทงเฮหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าที่มีแต่ความอาฆาตแค้นของร่างโปร่ง นับวันโจคยูฮยอนยิ่งร้ายเข้าไปทุกที...ร้ายจนไม่เหลือคราบเด็กแว่นที่เคยถูกกดขี่ข่มเหงเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่...
.
.
แหล่งบันเทิงเริงรมย์ยามค่ำคืน วัยรุ่นมากมายต่างมาสังสรรค์กันในที่แคบๆ แห่งนี้นั่นก็รวมถึงเขาด้วย...ชายหนุ่มที่พบกับความผิดหวังที่คิดว่าน้ำเมานั้นจะช่วยทุเลาความเจ็บปวดนี้ไปจากหัวใจได้...
ทำไมล่ะ...ทำไมถึงได้ทิ้งกันไปแบบนี้
“แจจุง...”
“ทำไม...ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้?”
เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาสวมแว่นตาหนาเตอะดูมอมแมมแมม เสื้อที่เมื่อก่อนเคยขาวสะอาดตอนนี้มีทั้งคราบเลือดและฝุ่นดินบ้างเป็นบางจุดอีกทั้งริมฝีปากที่บวมช้ำและบาดแผลตามใบหน้า
‘ไม่เคยรู้ตัวเลยหรือไงชางมิน ว่าตลอดที่ผ่านมาฉันก็แค่หลอกนายเล่นๆ’
‘ต้องขอบคุณเงินทุกวอนของแกเลยนะ ที่ทำให้พวกฉันเมาได้ทุกวี่ทุกวันไม่รู้จักเบื่อ’
‘โง่ให้ถูกหลอกเอง ดูตัวเองบ้างสิ? หน้าตาแบบนี้ใครจะไปรักลง’
‘นี่เป็นบทเรียน...ถ้าแกยังไม่เลิกยุ่งกับแจจุงอีก ฉันจะฆ่าแกแน่ไอ้หน้าเห่ย’
ทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องโกหก...ตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมาคิมแจจุงไม่เคยมีคำว่ารักให้กับเขาเลยแม้แต่น้อย ก็แค่หลอกใช้ หลอกให้รัก บางทีสิ่งที่แจจุงรักมากที่สุดก็อาจจะเป็นเงินในกระเป๋าเขาก็ได้...
กระดกจนหมดแก้วพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด...ร่างโปร่งหยัดตัวนั่งลงข้างๆ คนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความเศร้าแล้วสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ หันไปมองใครอีกคนที่ดูแล้วทำให้ย้อนนึกถึงตัวเอง...
ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่...
‘แกมันก็แค่ขยะนั่นแหละ...มันชื่ออะไรนะ...อ้อ...โจคยูฮยอน’
“คุณ”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ ที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ นัยน์ตาของเขาดำสนิทหากแต่รอยยิ้มบางๆ ที่แต่งแต้มบนใบหน้านั้นทำให้เขาหยุดร้องไห้ไปครู่หนึ่ง
“..............”
“แว่นคุณ...” ร่างโปร่งชี้ไปยังแว่นของอีกคนที่กำลังเมาได้ที่ ร่างสูงขมวดคิ้วปรือตามองคนตรงหน้า แว่นเหรอ...แว่นเขามันทำไม...
กำลังจะถอดแว่นออกมาดูแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมือเรียวได้เอื้อมมาถอดให้ ไหนจะใบหน้าที่ห่างกันไม่เท่าไหร่ ถึงชิมชางมินจะสายตาสั้นมากจนแทบเรียกได้ว่าตาบอดแต่เขาก็สามารถเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
มีเสน่ห์...
“มันมัวน่ะ” ยิ้มแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดแว่นให้ ร่างสูงอึ้งไม่พูดอะไรออกมาอีก คนๆ นี้เป็นใคร ทำไมจู่ๆ ถึงเข้ามาทักทายเขา
“ขอบคุณครับ...”
“เมาแบบนี้จะกลับไหวเหรอ”
“...ผมยังไหว” ร่างสูงก้มหน้าลง ตราบใดที่เงินของเขายังไม่หมดกระเป๋า...เขาก็จะดื่มมันต่อไป
“ความรักก็แบบนี้...เจ็บปวด จนบางครั้งก็ทำให้คนเรารู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น”
“..............” สะอึกเบาๆ พลางหันไปมองใบหน้าเรียวที่สีหน้าดูเศร้าหมองต่างไปจากเมื่อครู่ ชางมินค่อยๆ หมุนเก้าอี้หันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย
“คุณจะมาสนใจผมทำไม จะหลอกผมอีกคนเหรอไง เอาเลยสิ ผมมีเงินนะ แถมโง่ให้หลอกได้ง่ายๆ อีกด้วย ฮะๆ”
น้ำเมาเปลี่ยนนิสัย...ใช่ว่าชิมชางมินจะเป็นคนแบบนี้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ใครอีกแล้วในเมื่อใครๆ ก็ไม่คิดจะแคร์ความรู้สึกของเขา ชิมชางมินก็เป็นตัวตลกมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีใครรัก ไม่มีเพื่อน อยู่ตัวคนเดียวมาตลอดชนเคยชิน
กระทั่งคิมแจจุงเข้ามาในชีวิตหยิบยื่นสิ่งที่เรียกว่าความรักให้จนเขายอมเปิดใจรับใครสักคนเข้ามา...ทุกอย่างราบรื่นดีแต่วันหนึ่งหัวใจเขาก็ต้องแตกสลาย...เมื่อพบว่าทุกอย่างมันเป็นแค่เรื่องโกหก
คิมแจจุงก็แค่หลอกเขาเท่านั้น...
“ผมไม่คิดว่าคุณจะมีค่าพอที่จะให้ผมหลอก” ชางมินแค่นเสียงหัวเราะเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด ใช่...เขารู้ตัวดีว่าเขามันไม่มีค่า
“แล้วเข้ามายุ่งกับผมทำไม...อึ่ก...”
“ก็แค่ทนเห็นคนขี้แพ้อย่างคุณไม่ได้ มันน่าสมเพช...ไม่รู้เหรอ?”
“................”
“ปล่อยให้คนมาดูถูก มาทำร้ายซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้...ชีวิตคุณมันก็ไม่ต่างไปจากคนตายเลยสักนิด”
ชางมินแทบจุกกับประโยคที่ตอกย้ำเขาให้จมดินลงไป มันก็จริงอย่างที่ร่างโปร่งพูด ชีวิตของเขามันดูไร้ค่า...ไม่ต่างไปจากคนที่ตายแล้วสักนิด
“ผม...ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...”
“ทำสิ...ทำในสิ่งที่จิตใต้สำนึกของคุณมันสั่ง”
“................” จ้องเข้าไปยังนัยน์ตาที่แน่วแน่ของร่างโปร่ง ไม่ว่าคนๆ นี้จะเป็นใครแต่เขากำลังทำให้ความท้อแท้ สิ้นหวังนั้นค่อยๆ เลือนหายไป
“ทำในสิ่ง...ที่จิตใต้สำนึก...สั่งงั้น...เหรอ”
“ใช่”
“สิ่งที่ผมควรทำในตอนนี้...” กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก จ้องใบหน้าขาวที่อยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะก้มลงมองมืออีกฝ่ายที่กำลังลูบไปตามหน้าขาของเขา
“จูบผมสิ”
.
.
คุณกำลังส่งข้อความถึง...
‘คยูฮยอน’
[ คุณปิดมือถือมาทั้งวัน จงใจหนีผมเหรอครับ? ]
กดส่งข้อความหาคนที่ทำให้เขาต้องเป็นกังวลจนต้องกลับมาเหยียบผับนี่อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้มานาน คิดว่าคงได้เจอคยูฮยอนที่นี่เพราะถ้าจะให้ไปหาที่คอนโดก็ไม่ได้อีก เขาเป็นคนพูดกับปากเองว่าจะไม่ไปที่นั่นถ้าเกิดว่าคยูฮยอนไม่เรียกร้องหาเขา
เข้าไปในผับที่ได้เจอกับคยูฮยอนครั้งแรก เขาคงนอนไม่หลับถ้าวันนี้ไม่ได้คุยกัน ถ้าเกิดสิ่งที่คยูฮยอนทำไปทุกอย่างมันเป็นเพราะโกรธที่เขาไม่ได้บอกรัก? มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ คนอย่างคยูฮยอนไม่น่าจะเก็บเรื่องแบบนั้นมาคิดเล็กคิดน้อยแต่ถ้าจะให้คิดไปเองว่ามันคงไม่ใช่ก็ไม่ได้อีก
เพราะงั้นซีวอนถึงได้ออกมาตามหาคยูฮยอนแบบนี้ไงล่ะ...
มองหาร่างโปร่งอยู่นานก่อนจะเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยของชายชุดดำที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์ ร่างสูงยิ้มเมื่อในที่สุดก็ตามตัวคยูฮยอนเจอจนได้ เดินเข้าไปหวังจะทักทายแต่ก็ต้องชะงักหยุดอยู่กับที่เมื่อใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างโปร่ง...
กำลังโน้มใบหน้าลงไปจูบคยูฮยอนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้...
TALK
(หัวเราะลั่น)
มาแบบติดๆ งงเลยดิแบบนี้
ตอนนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรอ่ะ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ นอกจากตัวละครใหม่ที่เพิ่มเติมมา
คยูฮยอนกำลังจะทำอะไร! จะทำให้พี่วอนหึงใช่ไหม!
ชิมชางมินที่ทำให้คยูฮยอนนึกถึงตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ อาห์...
ในที่สุดคยูฮยอนก็ได้เจอกับอึนซอแล้วด้วย
เดากันดีไหม ว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น -.-
ความคิดเห็น