ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu | Friend's "แฟนเพื่อน"

    ลำดับตอนที่ #7 : Friend's VI - Breathe

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 54


      

     







     

    คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด

    แต่คนที่รู้ว่าผิด..แต่ก็ยังทำ..ควรได้รับบทลงโทษอย่างไรดี..

     

     

     

     

    RRRRrrrrr…

     

    ฮัลโหล ~”

    ...ท...

    ว่าไง

    ท...ทงเฮ..

    เฮ้ย..ฮยอกแจ? มึงเป็นไรเปล่าวะ? น้ำเสียงดูร้อนรนเมื่อได้ยินเสียงของคนในปลายสายที่ดูเหมือนจะขาดใจเสียอย่างนั้น

     

     

    กู..ไม่ไหวแล้ว..ช่วยด้วย..ฮึก...

     

     

    ได้ยินเพียงแค่นั้นทงเฮก็ยอมทิ้งทุกอย่างที่ทำอยู่แล้วรีบตรงดิ่งไปที่หอพักของเพื่อนสนิททันที..กุญแจห้องที่ห้อยเชือกสีแดงถูกไขกลอนอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ทงเฮรีบวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเพื่อนสนิทนอนขดตัวดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น

     

    ฮยอกแจ..ฮยอกแจ!!” พยุงอีกคนขึ้นมากอดแนบอก ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยเหงื่อพราว ร่างโปร่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนทงเฮนึกสงสาร

    เขาอุ้มฮยอกแจออกมาจากห้องก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดอย่างระมัดระวัง โน้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถออกพลางวางร่างโปร่งลงบนเบาะอย่างเบามือ ไม่รอช้า..ทงเฮรีบวิ่งไปเปิดประตูที่นั่งคนขับแล้วออกรถทันที

    จำได้..ครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้วที่ได้รู้ว่าฮยอกแจเป็นโรคเครียดลงกระเพาะ..ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าสนิทกับฮยอกแจพอตัวแล้ว แต่เขาคิดผิด..ช่วงเวลาหนึ่งเทอมที่รู้จักกันฮยอกแจไม่เคยเล่าปัญหาของตัวเองให้ฟังเลยสักครั้ง และทงเฮก็ไม่เคยถาม..เพราะมัวแต่เล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังเสียมากกว่า

    รู้สึกผิด..เขาสนใจแต่เรื่องตัวเองจนมองข้ามเพื่อนสนิทไป แต่หลังจากนั้นทงเฮก็ใส่ใจฮยอกแจมากขึ้น เมื่อไหร่ที่ร่างโปร่งไม่ยอมกินยาเขาก็จะบังคับ..บังคับจนกว่าฮยอกแจจะยอมกินนั่นแหละ และต่อให้ทงเฮมีนัดกับสาวที่ไหนเขาก็ไม่ลืมที่จะแวะไปหาฮยอกแจก่อน ถ้าติดธุระมากหน่อยก็เปลี่ยนเป็นโทรหาแทน

    ฮยอกแจเป็นคนเจียมตัวตอนแรกไม่ยอมให้เขาไปส่งที่หอพักด้วยซ้ำ บอกว่าหออยู่ใกล้แค่นี้นั่งรถเมล์สายเดียวก็ถึง จะขับไปส่งทำไมเปลืองน้ำมัน แต่สุดท้ายแล้วลูกตื้อของทงเฮก็ชนะเสมอ ฮยอกแจไม่ชอบเข้าร้านอาหารแพงๆ เพราะเขาไม่อยากใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหมือนทงเฮ อ้างว่ายังคงขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่หาเงินเองได้เมื่อไหร่แล้วจะพาไปเลี้ยงสุกี้หม้อยักษ์เลยว่างั้น ฮยอกแจพยายามหางานพิเศษทำแต่สุดท้ายก็ต้องเลิกเพราะตารางงานที่ทำมันตรงกับเวลาเรียนทั้งนั้น

    ฮยอกแจเป็นคนทำให้ทงเฮรู้จักคำว่า ง่ายๆ แค่กินข้าวกล่องเป็นมื้อเย็นก็จบ ทั้งที่ทงเฮเป็นคนใส่ใจเรื่องอาหาร มื้อเย็นมันต้องเลิศหรูสิถึงจะถูก เหนื่อยมาทั้งวันจะให้กินอาหารประเภทขอไปทีได้ยังไง แต่ไอ้ข้าวกล่องนั่นแหละทำให้เขาสองคนสนิทกันมากขึ้น นั่งกินข้าวข้างๆ กัน ดูบอลด้วยกัน เล่นเกมส์ด้วยกัน แค่นั้นอาหารมื้อเย็นมันก็อร่อยอย่าบอกใครแล้ว

    เราชอบเพลงสไตล์เดียวกัน ชอบศิลปินวงเดียวกัน ทุกครั้งที่เพลงใหม่ออกทงเฮจะเอาลงไอพอตไปฟังที่มหาลัย ใส่หูฟังคนละข้างก้มหน้าก้มตาฮัมเพลงกันอยู่หลังห้องไม่เคยจะสนใจที่อาจารย์กำลังสอนอยู่เลยแม้แต้น้อย

     

     

    .

    .

     

     

    ทำไมมึงไม่มีแฟนสักทีวะฮยอกแจ หัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินเพื่อนสนิทถาม

    มึงแย่งคนที่กูชอบไปหมด แล้วจะให้กูไปชอบใครที่ไหน ฮยอกแจตอบตามที่คิด ไม่ต้องกลัวว่าทงเฮจะเสียใจ เพราะการทำให้ทงเฮเสียความรู้สึกได้มันคงเป็นเรื่องที่ยากน่าดู จะหาว่าทงเฮตายด้านแล้วก็คงงั้น

    ผู้หญิงที่มึงชอบแต่ละคน ไม่เหมาะสมกับมึงหรอก ทงเฮตอบพลางเอนหลังพิงพนักโซฟาขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูบอลกันอยู่ที่บ้านทงเฮ

    หืม?

    เพราะอะไรรู้ไหม? ผู้หญิงที่ให้มึงเอาได้ง่ายๆ นั่นก็หมายความว่าแม่งพร้อมจะนอกใจมึงไปหาคนอื่นได้เหมือนกัน ทงเฮว่าพลางจ้องหน้าเพื่อนสนิท

    อีกอย่าง..ผู้หญิงพรรค์นั้นไม่สมควรได้รับความรักจากคนอย่างมึงหรอก ทงเฮคิดอย่างนั้นจริงๆ จะว่าฮยอกแจหัวอ่อนก็ไม่เชิง แต่ถ้าคบกันไปไม่นานเดี๋ยวก็เลิก ฮยอกแจไม่ใช่คนที่จะขัดใจใครแถมยอมทุกอย่างเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างที่รู้ๆ ว่าผู้หญิงมีความต้องการมากแค่ไหน เดี๋ยวจะเอาอย่างนั้น เดี๋ยวจะเอาอย่างนี้ ผู้ชายแสนดีอย่างอีฮยอกแจ..ไม่มีทางหยุดผู้หญิงเหล่านั้นได้หรอก

    จะบอกว่าที่ทำไปทุกอย่างเพราะห่วงกูงั้นสิ ฮยอกแจหรี่ตามองคนข้างๆ ที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ทงเฮผิวปากพลางหันกลับมามองหน้าฮยอกแจก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง

    จะหาแฟนทั้งที ก็ช่วยหาคนดีๆ หน่อย กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมึงแบบนี้ไง ทงเฮขยี้หัวฮยอกแจอย่างเอ็นดูในขณะที่อีกฝ่ายปัดออกอย่างรำคาญ

     

    งั้นกูคงไม่ต้องมีแฟนแล้วล่ะ

    .............. ใบหน้าคมเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก ฮยอกแจหัวเราะในลำคอก่อนจะหันมาสบตากับอีกฝ่าย

     

     

     

     

     

     

     

    เพราะการที่ได้อยู่กับเพื่อนเชี่ยๆ อย่างมึง....แค่นี้กูก็มีความสุขแล้ว

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    บ่ายแก่ๆ แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอน บนฟูกสีเทาเข้มมีใครบางคนกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา ส่วนบนเปลือยเปล่าหากแต่มีผ้านวมผืนใหญ่คลุมส่วนล่างเอาไว้ เปลือกตาหนาลืมขึ้นพลางกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพ..ทงเฮยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจก่อนจะลูบใบหน้าคลายอาการง่วงแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอยากที่แปะอยู่บนแก้มเขา

     

     

     

    คุณอีทงเฮ

    ผมชื่ออีซองมินนะครับ..ไม่ใช่ฮยอกแจ ;P”

     

     

     

    ทงเฮจ้องโพสต์อิทสีเหลืองในมือพลางส่ายหน้าไล่อาการเมาค้างก่อนจะหันไปมองรอบตัว..เจ้าของโพสต์อิทหายไปแล้ว..ผู้ชายที่ชื่ออีซองมินคนนั้น

     

     

     

    ฮยอกแจ..อะ..อา..

    ฮยอกแจ..ฮยอกแจ..

     

     

     

    พอจำเรื่องเมื่อคืนได้อยู่ลางๆ ตอนนั้นเขากับซองมินดื่มกันต่อนิดหน่อยก่อนที่ทงเฮจะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปจูบกลีบปากบางเสียเอง จำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง..รู้แค่ว่า..ริมฝีปากมันเอาแต่เรียกหาฮยอกแจไม่หยุด..

    ใบหน้าคมเงยขึ้นพลางหลับตาลง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว..ทงเฮถอนหายใจ ลุกขึ้นคว้าผ้าขนหนูสีขาวมาพันรอบเอวก่อนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ..สายตาทอดมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มอีกแล้ว..อีกไม่นานฝนก็คงตกลงมา

     

     

    คุณรักเขา..

    .................

    อีทงเฮ..คุณตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง

     

     

    เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด..ผมจะรักอีฮยอกแจได้ยังไง?

    ถ้าผมจะรักมัน..ผมก็รักไปตั้งนานแล้วสิ..จะมารักอะไรเอาตอนนี้

    ที่เป็นอยู่มันก็แค่ความสับสนเท่านั้นแหละ..แค่ความรู้สึกมันบอกว่าผิดที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปก็เท่านั้น

     

     

    นึกแล้วก็ขำตัวเอง..คนที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างเขา..ไม่เคยยอมรับความจริง..คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นเสมอ ยึดหลักความคิดตัวเองเป็นใหญ่.. หลายครั้งที่เพื่อนคนอื่นต่อว่าเขาเรื่องนี้จนเลิกคบกันไปเลยก็มี ถามว่าเสียใจบ้างไหม? ทงเฮคงตอบทันทีเลยว่าไม่’ ‘จะแคร์พวกแม่งทำไมไม่ได้หาข้าวให้แดกสักหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีคนๆ หนึ่งที่ไม่เคยหนีไปไหน... คนที่อยู่ข้างๆ คอยบอกคอยเตือนเวลาเขาทำผิดพลาดไป คอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆ นานา ที่เขาเป็นคนก่อขึ้น

    ความรู้สึกตอนนี้ยอมรับว่าเย็นลงมากแล้ว..ไม่รู้เพราะอะไร..อาจเป็นเพราะเขาได้ระบายเรื่องที่อัดอั้นตันใจให้คนๆ หนึ่งฟังก็ได้.. ฮยอกแจเหนื่อยทงเฮรู้..แต่ทุกอย่างที่ทำลงไปมันหยุดไม่ได้..ยิ่งนานยิ่งถลำลึกจนแก้ไขอะไรไม่ได้อีก..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ทงเฮลงจากรถยนต์คู่ใจก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปในคณะ..ฝีเท้าก้าวเข้าไปในตึกตอนบ่ายสี่โมงทำไมวันนี้หน้าคณะดูวุ่นวายผิดปกติ หันไปเห็นคยูฮยอนยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวนั้นตั้งใจจะเดินเข้าไปทักทายถามหาเพื่อนคนอื่นแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ..

     

     ยูอีปลอดภัยแล้วใช่ไหม..อืม..แล้วมึงเป็นยังไงบ้าง..ไม่ต้องห่วง..งานของมึงเดี๋ยวกูช่วยเขียนให้ อีกนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ?

    เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันอีกที..ตอนนี้มึงก็อยู่ดูแลยูอีไปก่อน...อืม...โอเคแล้วเจอกัน

     

     

    ดูแล..ดูแลอะไร?

     

     

    ร่างโปร่งเอี้ยวตัวกลับมาเผยให้เห็นใบหน้าของคนที่ไม่คิดว่าจะโผล่มาตอนนี้..คยูฮยอนเสตามองไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจออกมา แค่เห็นหน้าทงเฮ..ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    ยูอีเป็นอะไร เอ่ยถามเสียงเรียบ คยูฮยอนหันควับกลับมามองใบหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเลิกคิ้วมอง

    มึงสนใจด้วยเหรอว่าเธอจะเป็นอะไร? ประโยคเสียดแทงใจทำให้คนได้ฟังถึงกับจุก ทงเฮได้แค่ยืนนิ่ง..สบตากับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน

    .................

    ถ้ากูบอกไปแล้วมึงจะทำยังไงต่อล่ะ ตามไปดูใจเพราะสงสาร..หรือว่าจะตามไปสมน้ำหน้า?

    .................

    กูจะบอกอะไรให้คนโง่อย่างมึงตาสว่างขึ้นมาบ้างแล้วกันนะทงเฮ.. คยูฮยอนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างหนาก่อนจะมองเข้าไปยังนัยน์ตาอีกฝ่าย

     

     

     

    ยูอี..ไปทำแท้งมาเมื่อเช้า

     

     

     

    ทงเฮนิ่ง...นิ่งจนรู้สึกเหมือนตัวขยับไม่ได้..แม้กระทั่งเปลือกตาที่ควรกระพริบทุกวินาทียังหยุดนิ่ง..

     

     

     

    เธอตกเลือด..ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลกังนัม

    ....................

    แต่มึงอย่าเสนอหน้าไปเลยนะ กูสงสารเค้า ยังคงพูดจาให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดต่อไป สีหน้าคยูฮยอนยังคงนิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่ใครอีกคนกลับหลุบสายตาลงด้วยความรู้สึกผิด.. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกผิดด้วย ที่ยูอีไปทำแท้งก็ใช่ว่าจะเป็นลูกของเขาร้อยเปอร์เซนต์เสียเมื่อไหร่

     

     

     

    เพราะกูเข้าใจ..ว่าการรักคนอื่นมันคงยากเกินไปสำหรับคนอย่างมึง

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ตอนเป็นเด็ก..คุณครูเคยบอกกับผมว่า..

    เด็กในท้องคือภูตินางฟ้าที่พระเจ้าประทานมาให้คนเป็นแม่..

    แต่ภูตินางฟ้าเหล่านั้น..คงไม่ใช่ผม..

     

     

     

    ในห้องคนไข้พิเศษที่เงียบสงบ กลิ่นโรงพยาบาลอบอวลไปทั่วห้อง..ใครคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้มุมห้อง แผ่นหลังบางพิงผนังเย็นยะเยือกแต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงไม่หนาวเย็นเท่ากับหัวใจของเขาในตอนนี้..

    เสื้อนักศึกษาสีขาวมีคราบเลือดอยู่หลายจุดแต่ร่างโปร่งก็ไม่เคยนึกรังเกียจ..สายตายังคงจดจ้องอยู่กับร่างบางที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ถึงหมอจะบอกว่ายูอีปลอดภัยแล้วแต่เขาก็ยังยืนยันจะอยู่เฝ้าต่อ ก่อนหน้านี้ถูกพ่อของเธอซัดหน้าไปทีนึง..ในทีแรกก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก..เพราะความรู้สึกทุกอย่างมันเทลงมาอยู่ตรงหัวใจหมดแล้ว..

    ถูกสั่งห้ามไม่ให้เจอยูอีอีก ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ใช่แล้ว..ฮยอกแจถูกมองว่าเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ยูอีต้องไปทำแท้ง..เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาตอนเห็นลูกสาวเจ็บปวดนั้น..

     

     

     

    เข้าใจดี..เพราะเขาเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ถ้าเกิดวันหนึ่ง..คุณได้มารู้ว่า

    คุณเกิดมา..โดยที่คนเป็นพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด..คุณจะรู้สึกยังไง?

     

     

    ผมเป็นเด็กนักเรียน ม.ต้น คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไป แม่ผมไม่ได้รวยอะไรมากมาย..ครับ..ผมอยู่กับแม่แล้วก็ยายอีกคน..ส่วนพ่อท่านอยู่อีกบ้านหลังหนึ่ง จะเรียกที่นั่นว่าบ้านใหญ่ก็ได้ เพราะถ้าตามบทละครน้ำเน่าแล้วบ้านผมคงเรียกว่าบ้านเล็กหรือบ้านเมียน้อยนั่นแหละ

    ผมกับพ่อไม่ค่อยคุยกันสักเท่าไหร่ ตอนเป็นเด็กผมก็เคยสงสัยว่าคนๆ นั้นน่ะเป็นพ่อของผม? ทุกครั้งวันครอบครัว พ่อแม่ผมไม่เคยไปเลยสักครั้ง ที่นั่งสำหรับผู้ปกครอง..ผมหันไปทีไรก็เห็นยายนั่งอยู่ตรงนั้นทุกปี พ่อไม่เคยกอดผม ไม่เคยซื้อของเล่นให้เหมือนที่เด็กอื่นๆ เค้าได้กัน แต่สิ่งที่ผมควรได้รับจากพ่อทุกอย่าง ยายผมเป็นคนหามาให้ทั้งหมด ไม่เคยได้รู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่น อย่างน้อยก็ยังคงมียายที่ยังรักและหวังดีกับผม

     

    ในวันนั้นผมไปงานวันเกิดเพื่อนแล้วกลับบ้านดึกตามประสาเด็กวัยรุ่นที่อยากออกไปเตร็ดเตร่กับเพื่อนฝูง ผมรู้ว่าต้องถูกแม่ดุอีกเป็นแน่ ท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบขึ้นเสียง เวลาตะโกนด่าผมทีคนข้างบ้านยังได้ยินเลย แต่พักหลังผมเริ่มชินชาบวกกับตัวเองเริ่มโตเป็นวัยรุ่น ผมเองก็มีความหัวรั้นหัวดื้ออยู่ในตัวเหมือนกัน แม่ชอบด่าว่าผมเหมือนพ่อ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าผมเหมือนผู้ชายคนนั้นตรงไหน จนวันหนึ่ง..ผมได้ยินแม่คุยกับยายว่ากำลังตั้งท้อง..อ่า..ผมกำลังจะมีน้องแล้วสินะ..

    แต่แล้วก็ต้องรู้สึกเหมือนทุกอย่างบนโลกหยุดนิ่งอยู่กับที่..ในช่วงหัวค่ำวันฝนตก..ผมเข้าไปในห้องแม่เพื่อที่จะขอเงินค่ากิจกรรม..แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นแม่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น.. ในหัวของผมขาวโพลน..ไม่รู้จะทำอะไรก่อนในตอนนั้น ผมพยุงแม่ขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกยาย ตาของผมพร่ามัวเพราะน้ำตาที่มันไหลออกมาไม่หยุด กลัว..กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป..

     

     

     

    ถึงแม่จะใจร้ายกับผมอยู่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังคงเป็นแม่..คนที่ให้ผมเกิดมาบนโลกใบนี้

     

     

     

    กลิ่นสาบของโรงพยาบาลเตะจมูกตั้งแต่วิ่งเข้ามา ตัวของผมเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน ถ้าไม่ได้คนข้างบ้านช่วยขับรถมาส่งล่ะก็ผมกับยายคงไม่มีปัญญาพาแม่มาถึงที่นี่ได้หรอก รถยนต์ที่มีอยู่ผมก็ขับเองไม่เป็นส่วนยายคงไม่ต้องพูดถึง ผมนั่งรอแม่อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน อากาศในนี้หนาวเย็นขึ้นเป็นสองเท่าเพราะเสื้อผ้าที่ยังคงเปียกชุ่มอยู่ ผมขอให้ยายกลับบ้านไปก่อนเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปทีหลัง จนคุณหมอเดินออกมาผมก็รีบเข้าไปถามไถ่อาการของแม่กับเขาในทันที

     

     

     คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ

     

     

    ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงมองแม่ที่กำลังหลับอยู่..สีหน้าของแม่ซีดเหมือนในตัวไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกาย มือผมยังสั่น ถึงหมอจะบอกว่าแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ผมก็ยังคงกลัวอยู่ดี

     

     

    คนไข้ทำแท้งมา..เลยเกิดอาการตกเลือด..

     

     

    จู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกครั้ง คำถามในหัวของผมคือ..

    ทำไมแม่ถึงต้องทำแท้งด้วย ผมคิดว่าแม่อาจจะหกล้ม..หรือเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้แม่ต้องนอนจมกองเลือดอย่างนั้น..

    ผมรีบปาดน้ำตาออกเมื่อแม่ขยับตัว เปลือกตาบางกระพริบถี่พลางปรับสภาพรับกับแสงไฟที่ว่างไปทั่วทั้งห้อง แม่หันมามองผม..เธอจ้องผมอยู่อย่างนั้นก่อนจะปล่อยโฮออกมา

    ผมทำอะไรไม่ถูก..ได้เพียงแค่นั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น แม่ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่มีอาการแบบนี้ หลายครั้งเกิดขึ้นหลังจากพ่อไปที่บ้าน..ทั้งคู่ชอบมีปากเสียงกันอยู่เสมอ ผมไม่ค่อยชอบหน้าพ่อก็เพราะอย่างนี้ เขาชอบทำให้แม่ร้องไห้นี่แหละ

     

     

    ทำแบบนี้ทำไม ฮยอกแจถามทั้งน้ำตาหากแต่น้ำเสียงนิ่งเย็นจนคนได้ฟังหันควับกลับมามอง

    ...............”

    ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย น้อง..

    แกหุบปากไปเลยนะฮยอกแจ ผมหยุดชะงัก ไม่ใช่แค่คำพูดของแม่ที่สั่งให้ผมหยุด..แต่สายตาของท่านเองก็ด้วย

    ..............

    คนอย่างแก..มันจะไปรู้อะไร.. หยาดน้ำใสคลอดวงตาคู่สวย..กล้าดียังไงถึงได้มาพูดแบบนี้ เธอโตพอที่จะคิดอะไรเองได้ ไม่ต้องให้เด็กอมมืออย่างเขามาสอนหรอก

    สายตาของแม่มองเหม่อไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมอีก

    ทำไมชอบทำแบบนี้ พ่อรู้เรื่องรึยัง

    จะสนใจทำไม ขนาดตอนที่ฉันท้องแกเขายังไล่ฉันไปทำแท้งเลย!”

     

     

     

    ...................

     

     

     

    ตอนรู้ว่าท้องแก..ฉันคิดจะทำแท้งด้วยนะ..แต่ว่ายายของแกน่ะขอเอาไว้

    แต่คราวนี้..ไม่พลาดแล้วล่ะ..

    ไม่พลาดแล้ว.. แม่ก้มหน้าลง น้ำเสียงสั่นเครือ ผมรู้สึกเหมือนขยับตัวไปไหนไม่ได้..รู้สึกได้แค่น้ำตาอุ่นๆ มันกำลังไหลอาบแก้มผม

     

    เข้าใจแล้ว..ที่พ่อเป็นแบบนี้..ก็เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจอยากให้ผมเกิดมาสินะ..

     

     

     

     

     

     

    ถ้าไม่ต้องการเด็ก..ก็หัดรู้จักป้องกันบ้างสิ

     

     

     

     

     

    ประโยคสุดท้ายที่ผมพูดกับแม่ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องนั้น ผมรู้ว่าตัวเองเป็นลูกเนรคุณที่พูดจาเลวๆ กับแม่ แต่การกระทำของเขาทั้งคู่มันไม่ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ไม่รู้จักป้องกันเกินไปหน่อยเหรอ?

     

     

     

    ผมเบื่อ..เบื่อที่จะต้องมีชีวิตแบบนี้เต็มทีแล้ว..

     

     

     

    หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติจนผมเรียนจบ ม.ปลาย ผมตัดสินใจสอบเข้ามหาลัยในโซล ผมไม่อยากอยู่บ้านอีกแล้ว อึดอัด ถามว่าย้ายมาอยู่หอพักในโซลแล้วรู้สึกดีขึ้นเหรอ..มันก็ไม่ได้ดีขึ้นไปซะทีเดียวหรอก..แค่ไม่แย่ลงก็ดีแค่ไหนแล้ว ตอนแรกยายไม่อยากให้ผมย้ายมาเรียนที่นี่เพราะท่านเป็นห่วง แต่ผมก็ยังดันทุรังมาจนได้

    ผมมันเป็นแค่เด็กอวดดีที่ไม่รู้จักโต ถึงปากจะบอกว่าไม่ชอบพ่อ แต่ถึงอย่างนั้นเงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็ได้มาจากเขาทั้งหมด ผมโทรหายายอาทิตย์ละสองสามครั้ง ได้ยินเสียงแม่ทะเลาะกับพ่อแทรกเข้ามาอยู่บ่อยๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวล จำได้ว่าวันแรกที่ผมบอกจะย้ายมาเรียนที่โซล แม่ผมก็เอาแต่บ่น กลัวว่าผมจะไปหลงแสงสีในเมือง ท่านไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ หรืออาจจะกลัวเหงาเพราะไม่มีคนคอยรับมือกับท่านรึเปล่าก็ไม่รู้

     

    แต่ถึงผมกับแม่จะไม่ค่อยคุยดีกันนัก..แต่ยังไงคนที่ผมรักและเป็นห่วงที่สุดก็ยังคงเป็นท่านอยู่ดี..ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้..ว่าตอนที่เห็นแม่จมอยู่ในกองเลือด..มันน่ากลัวแค่ไหน..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    อือ..

     

    ฮยอกแจลุกขึ้นยืนพลางมองไปยังร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้..ยูอีตื่นแล้ว..เขาเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพลางมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง

     

    ....โอเคไหม ไม่รู้ว่าจะเลือกคำถามไหนออกมา ดีใจที่ยูอีปลอดภัย แต่ก็เสียใจที่ได้รับรู้เรื่องนั้น

    ............. ร่างบางเม้มปากแน่น น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตา มือเรียวยกขึ้นสัมผัสมุมปากอีกคนเบาๆ รอยสีแดงช้ำนั้นเธอไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นฝีมือใคร

    เจ็บรึเปล่า.. เอ่ยถามเสียงแผ่ว ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆ ไม่เจ็บเท่าเธอหรอก.. แค่ได้ยินร่างโปร่งตอบอย่างนั้นร่างบางก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าทันที รู้สึกผิด..รู้สึกผิดมากจริงๆ

    ..ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ฮยอกแจถามเสียงสั่นพลางลูบหัวร่างบางเบาๆ ไม่กล้ากอดแน่นมากไปกว่านี้เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเจ็บ

    เรา..เราขอโทษนะฮยอกแจ..ขอโทษ ร่างบางสะอื้นจนตัวโยน กอดร่างโปร่งแน่นยิ่งขึ้น

    ทุกปัญหามีทางออก ทำไมเธอไม่ปรึกษาเราก่อน..

     ฮยอกแจ.. น้ำเสียงสงบลงบ้าง ร่างบางผละตัวออกก่อนจะสบตากับคนตรงหน้า

     

     

     

     

    เรารู้ว่าฮยอกแจกำลังรู้สึกผิด..แต่เธอก็รู้..ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเธอ..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยรถอยู่อย่างนั้น ภายในชั้นจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาลกังนัม ก้นบุหรี่ถูกทิ้งลงบนพื้นก่อนที่ริมฝีปากจะพ่นควันสีเทาหม่นออกมา ทงเฮถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นึกกลัวกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่..

     

     

    เด็กในท้องของยูอี..มีสิทธิ์เป็นลูกของเขา..

     

     

    ตอนที่มีอะไรกันยอมรับว่าทงเฮเองก็สะเพร่า ในเมื่อความต้องการมันเหนือกว่าสิ่งใด..เรื่องป้องกันเอาไว้ทีหลัง คิดแค่ว่าปล่อยข้างนอกก็คงปลอดภัย แต่ผู้ชายก็คือผู้ชาย..ต่อให้ช่ำชองมากแค่ไหน..สุดท้าย..ก็พลาดได้เหมือนกัน

    ยูอีท้องมานานแค่ไหนแล้วเขาเองก็ไม่รู้ ตอนนี้มันกังวลจนไม่กล้าขึ้นไปดูอาการของเธอ เวลาแค่สองอาทิตย์ที่คบกันยอมรับว่ามีอะไรกันบ่อย..แต่ถึงอย่างนั้น..

     

    เชี่ยเอ๊ย.. สุดท้ายก็เอาชนะความกลัวจนได้..ประตูรถถูกผลักออกก่อนจะปิดกระแทกมันอย่างแรงพร้อมกับกดรีโมทล็อกรถ

     

    นิ้วเรียวกดลิฟท์พลางถอนหายใจอีกครั้ง..อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด..เขาจะไม่หนีความจริงอีกต่อไป..เจอยูอีคงไม่เท่าไหร่แต่ที่แย่ก็คือต้องเจอหน้าฮยอกแจด้วยนี่สิ ถ้าเกิดแม่งอารมณ์ขึ้นเข้ามาต่อยหน้าเขาแล้วไล่กลับเหมือนหมูเหมือนหมาขึ้นมาจะทำยังไง

    หลังจากไปถามชื่อคนไข้กับพยาบาลมาก็ได้รู้ว่ายูอีพักอยู่ห้องไหน ทงเฮยืนหายใจเข้าลึกๆ อยู่หน้าประตูก่อนจะตัดสินใจเปิดเข้าไป.. ภายในห้องมีเสียงทีวีเปิดอยู่คาดว่าเธอคงยังไม่นอน ก็ดีเหมือนกัน จะได้รีบคุยรีบกลับ

     

    ฮยอกแจกลับมาเร็วจัง เสียงใสเหมือนคนปกติเอ่ยขึ้นทำให้คนได้ยินเส้นเลือดกระตุกแปลกๆ ร่างบางเบิกตากว้างทันทีที่เห็นหน้าเขา ทงเฮแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะเสตามองไปทางอื่น ความรู้สึกผิดก่อนหน้านี้เลือนหายไป ความหงุดหงิดเข้ามาแทนที่ทันทีที่ได้ยินชื่อฮยอกแจหลุดออกมาจากปากร่างบาง

    ................. ใบหน้าหวานชักสีหน้าก่อนจะกดรีโมทปิดทีวี จ้องมองคนมาใหม่ไม่ละสายตา

    มีอะไร น้ำเสียงตัดพ้อที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ไม่เหลือเค้าผู้หญิงน่ารักที่คอยเรียกชื่อทงเฮคะ ทงเฮขา เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

    ...เห็นว่าเธอป่วยเข้าโรงพยาบาล..ก็เลยแวะมาดู

    ฉันยังไม่ตายหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง

    ...............น้ำเสียงเย็นชาของร่างบางทำเอาคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมอย่างเขาต้องคิดใหม่ คนอุตส่าห์มาเยี่ยม คุยดีๆ ไม่ได้? ทำไมต้องงี่เง่าด้วยวะ?

    ทำแบบนี้..พยายามเรียกร้องความสนใจเหรอ?อยากงี่เง่ามาก่อนทำไม? อีทงเฮไม่ได้เป็นคนใจเย็นขนาดนั้น ต่อให้เป็นผู้หญิงก็เถอะ

    ...เหอะ ร่างบางแค่นหัวเราะ ตั้งแต่เห็นทงเฮเดินเข้ามาก็คิดเอาไว้แล้ว ว่าคนๆ นี้คงไม่ได้มาดีแน่

    ว่าแต่ใครเป็นพ่อเด็กน่ะ? คำถามที่ทำให้คนฟังแทบจุก ร่างบางอึ้งกับคำถามของคนตรงหน้าจนพูดไม่ออก..ไม่อยากจะเชื่อ..ว่าเคยรักคนๆ นี้มาก่อน

    ทำแบบนี้..คิดจะหาพ่อให้เด็กรึไง ในเมื่อนอนกับเพื่อนของเขาทั้งที่ยังคบกันอยู่ได้..มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะไปนอนกับคนอื่นนี่?

     

    ................

     

     

     

    ว่าแต่ฮยอกแจมันออกตัวยอมรับเป็นพ่อเด็กรึยังล่ะ

     

     

     

    เพล๊ง!!!!!!!!!!!!

     

     

    สิ้นประโยคร่างบางก็คว้าแจกันใบสวยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเขวี้ยงใส่อีกคนทันที ร่างหนายืนนิ่งเมื่อแจกันเมื่อครู่เฉียดใบหน้าเขาไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

     

    ออกไป

     

    ร่างบางมองคนตรงหน้าด้วยแววตารังเกียจ..ทงเฮพอจะเข้าใจอารมณ์ของเธอในตอนนี้ พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้..มันแทงใจดำรึไงกัน.. โอเค..คิดว่าเขาอยากอยู่ที่นี่นักรึไง? เห็นว่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

    ทงเฮตัดสินใจเดินออกจากประตูไป เมื่อกี้ยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกัน ถ้าเกิดโดนแจกันนั่นฟาดหน้าเข้าให้มีหวังได้เย็บหลายเข็มแน่ ยัยคนนี้บ้ากว่าที่คิดไว้เยอะ

     

    ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนที่กำลังวิ่งมา สีหน้าของร่างโปร่งดูตะหนกไม่รู้ว่าเพราะเห็นหน้าเขาหรือได้ยินเสียงแจกันแตกเมื่อครู่กันแน่ ในมือเรียวมีกระเป๋าเป้ติดมือมาด้วย คาดว่าคงจะมานอนเฝ้าไข้กันทั้งคืน..หึ..ช่างเป็นคนดีของสังคมเสียจริง..ถ้าเด็กไม่แท้งไปป่านนี้คงเตรียมตัวโง่รับเป็นพ่อเด็กแล้วสินะ

    ฮยอกแจจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลุบตาลงแล้วเดินเข้าไปในห้องคนไข้ ทงเฮสามารถบรรยายออกมาเป็นฉากๆ ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้.. ฮยอกแจเข้าไปคงเห็นเธอกำลังโวยวายหรืออาจจะร้องไห้อยู่ ยิ่งเห็นเขาเดินออกมาแบบนี้ยิ่งไม่ต้องสงสัย ฮยอกแจต้องเกลียดเขามากขึ้นกว่าเดิมเป็นล้านเท่าแน่..

     

     

     

     

    แต่จะแคร์ทำไมล่ะ..เมื่อความรู้สึกที่มีให้กันในทุกวันนี้..มันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนแปลกหน้าอยู่แล้วนี่

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ฮึก...ฮือ....

     

    ฮยอกแจวางกระเป๋าไว้บนโซฟายาวก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง ทันทีที่เธอได้เห็นร่างโปร่งเดินเข้ามาก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าไว้แน่น มือเรียวยกขึ้นลูบหัวอีกคนเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจก่อนจะหันไปเห็นซากแจกันที่แตกละเอียดอยู่บนพื้น คิ้วเรียวขมวดเป็นปมพลางหลับตาลง เข้าใจอะไรทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องเอ่ยถาม คนอย่างทงเฮ..คงไม่ได้มาเยี่ยมเฉยๆ แน่

     

     

    ฮึก...ฮือ...

    ไม่เป็นไรนะ..เราอยู่นี่แล้ว

     

     

    ปลอบอยู่นานกว่ายูอีจะสงบสติแล้วหลับไป ฮยอกแจห่มผ้าให้กับร่างบางก่อนจะเดินไปหยิบถังขยะใบเล็กมาใส่เศษกระเบื้องแจกันที่แตกกระจายอยู่บนพื้น

    ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ..ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องราวร้ายๆ มันจะจบสิ้นสักที เหนื่อยแล้วนะ..แค่ปัญหาของตัวเองที่เกิดขึ้นเขายังแก้ไม่ได้..แล้วไหนจะปัญหาของยูอีอีก..เมื่อไหร่ทงเฮจะหยุด..

     

     

     

    หยุดทำให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายสักที..

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    คนเรา..

    ไม่เห็นโลงศพ..ย่อมไม่หลั่งน้ำตา..

     

     

     

    ตอนนี้.. 22.15 น.

     

     

    ผม..ยังนอนไม่หลับ

     

     

    ร่างหนาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาพลางเอาแขนก่ายหน้าผาก ทำไมถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้..ให้ตายเถอะ สันดานแบบนี้ทำยังไงถึงจะหายสักที.. ไอ้อาการปากหมาแล้วมารู้สึกผิดทีหลังเนี่ย..

     

    เขาพูดกับยูอีแรงเกินไป..ใช่..มันแรงเกินไป

     

    แต่ในตอนนั้นมีแต่ความโทสะที่เด่นชัดอยู่ในความรู้สึก เพียงแค่เห็นแววตาแสนเย็นชาของยูอีที่มองมา มันก็พาลคิดไปไกล..

     

    ว่าเธอคงหมดรักจากเขาแล้ว ตอนนี้เธอมีเพียงแค่ฮยอกแจคนเดียวเท่านั้น

     

    ที่คิดแบบนั้นไม่ได้หึงหวงอะไร คิดดูสิ..ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไง ในเมื่อคนที่เคยรักคุณยอมคุณทุกอย่าง ตอนนี้เธอกลับมองคุณราวกับเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่ง แล้วไหนจะคำพูดที่ตัดพ้อนั่นอีก ตอนนั้นอารมณ์ร้อน..ในหัวคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้เธอเจ็บปวดกับคำพูดของเขามากที่สุดไม่ทันคิดถึงจุดประสงค์ที่ไปเหยียบที่นั่น..หลังจากนั้นก็มารู้สึกผิดเอาทีหลัง..

     

    เบื่อตัวเอง..

     

    ทงเฮถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นไปค้นลิ้นชักซีดีหน้าทีวี หาอะไรดูแก้เซ็งดีกว่า จำได้ว่าช่วงหนึ่งเขาโหลดหนังไว้แล้วไรท์ใส่แผ่นเอาไว้ อย่างน้อยหนังพวกนี้ก็คงช่วยทำให้เขาหลับคาทีวีได้ล่ะนะ

    แผ่นซีดีสีขาวถูกหยิบขึ้นมาก่อนที่คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เมื่อแผ่นนั้นไม่มีคำเขียนบรรยายชื่อเรื่องเอาไว้ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร ขี้เกียจเลือกให้เสียเวลา..งั้นก็ดูแผ่นนี้เลยแล้วกัน

    แผ่นซีดีปริศนาถูกใส่เข้าไปในเครื่องเล่นดีวีดี ทงเฮเดินกลับมานั่งบนโซฟาก่อนจะกดรีโมทเปิดพลางหยิบหมอนมาวางไว้บนตักก่อนที่ภาพบนจอแก้วจะฉายขึ้นมา

     

     

     

     

    “………………….”

     

     

     

     

     

    ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง....เย้!!!!!!!!!!!!!” เสียงหัวเราะประสานเสียงของเด็กหนุ่มสี่คนที่สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นถึงเข่าคนละตัวกำลังวิ่งลงทะเลในยามเย็น กล้องถูกแพลนไปยังเด็กหนุ่มตัวบางที่กำลังยืนนิ่งพลางขยี้ตาตัวเองก่อนที่จะมีใครอีกคนเดินเข้ามาดูอาการ

    ชายหนุ่มอีกคนจับมือเรียวออกจากตาก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้พลางจ้องดวงตาที่แดงก่ำอย่างเป็นห่วง เมื่อกี้ตอนกระโดดลงน้ำทะเลทรายคงเข้าตาเป็นแน่

     

    มึงอย่าขยี้ตาดิ

    ก็มันแสบตาอ่ะ..อะ..โอ๊ย..

    อยู่นิ่งๆ กูเบามือแล้วนะ

     

    ภาพที่เห็นมันทำให้เกิดคำถามในหัวว่า..ทำไมคนถ่ายถึงจงใจแพลนกล้องไปยังเขาทั้งคู่..จำได้ว่าคนถ่ายเป็นคยูฮยอน ไอ้หมอนั่นอาสาเป็นคนถ่ายเองเพราะไม่อยากลงไปเล่นน้ำกับคนอื่น ทั้งที่มีเฮนรี่ มีอีทึกไปด้วย แต่ภาพที่ฉายส่วนใหญ่กลับมีแต่เขากับฮยอกแจ

    เสียงหัวเราะ..รอยยิ้มของเพื่อนรักแต่ละคนทำให้เขาละสายตาจากจอแก้วไปไหนไม่ได้..ฉากตัดมาไปที่กองไฟในเวลาค่ำคืน เสียงเพลงถูกขับร้องประสานเสียงแต่ฟังแล้วห่วยแตกอย่าบอกใคร

    คยู! มึงถ่ายหน้าคนดิว๊า..กองไฟแม่งมีเชี่ยไรน่าดูเนี่ย เสียงแว่วมาก่อนที่กล้องจะถูกบังคับให้หันไปด้านข้าง ใบหน้าขาวตี๋ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งชัดเต็มหน้ากล้องก่อนที่จะมีใครอีกคนแทรกหน้าเข้ามา เอียงหน้าซ้ายขวาพลางลูบจอนผมก่อนที่กล้องจะถูกแย่งกลับมาเหมือนเดิม

     

    เสียงบ่นอุบอิบข้างๆ หากแต่ภาพที่เห็นคือตัวเขา...ตัวเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ อีฮยอกแจ..

     

    มึงอ่ะไม่ต้องแดก ทงเฮว่าพลางแย่งแก้วเหล้าของคนข้างๆ มาดื่มแทน ฮยอกแจเลิกคิ้วมองก่อนจะหันมามองกล้องแล้วชี้หน้าไอ้เพื่อนบ้าที่แย่งแก้วของเขาไป

    เฮ้ย ดูแม่งดิ มาทะเลทั้งทีไม่ให้กินเหล้าได้ไงวะ

    เออ ไอ้เหี้ยทงเฮอะไรของมึงวะสัด กูชงให้มันบางๆ แล้วนะ เสียงเฮนรี่ประท้วงหากแต่คนถูกว่าไม่ได้สนใจ ทงเฮหันไปเรอใส่หน้าฮยอกแจพลางหัวเราะลั่นเมื่อคนข้างๆ เบี่ยงหน้าหลบอย่างรังเกียจ

    ควายเอ๊ย กลิ่นละมุดเต็มหน้ากูเลย

    5555555555555555555

    ขำหาพ่อมึงเหรอ แม่ง กูแดกโค้กก็ได้สัด ฮยอกแจบ่น กินอะไรก็ไม่ได้สักอย่างไอ้คนข้างๆ ก็ห้ามซะหมด เป็นโรคกระเพาะหรือมะเร็งระยะสุดท้ายกันแน่วะ

    โค้กก็ไม่ได้ มือหนารั้งข้อมือเล็กเอาไว้พลางดึงขวดโค้กมา ฮยอกแจอ้าปากค้างมองใบหน้าคมที่เคี้ยวกับแกล้มหน้าตาเฉย

    ทงเฮ ไอ้สาด นี่มึงเป็นเพื่อนหรือพ่อมันกันแน่วะ อีทึกเอารองเท้าแตะเขวี้ยงใส่เพื่อนรุ่นน้องไปทีนึงแต่เจ้าตัวรับไว้ได้ทัน

    พวกมึงไม่รู้เหรอ น้ำอัดลมมันกัดกระเพาะ ไม่ดีต่อสุขภาพนะรู้ไหม ทงเฮยิ้มกริ่ม..ตาเยิ้มแบบนี้คงเริ่มเมาแล้วสินะ

    งั้นมึงแดกน้ำเปล่าเถอะฮยอกแจ คนถือกล้องพูดพลางหัวเราะในลำคอก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง หากแต่คนถูกขัดใจได้แค่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น มาเที่ยวทะเล...แต่ให้กินน้ำเปล่า..เจริญ

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ตกดึก..กองไฟเริ่มมอดลง กล้องแพลนไปทีละคนเริ่มจากเฮนรี่ ไอ้ตี๋นั่นเอนหัวพิงกับดูโอ้ยอดรักตาปรือ หัวเราะค้างกับเรื่องราวที่อีทึกพึ่งเล่าจบไป มือแกร่งผลักหัวไอ้ตี๋ออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่คนถูกผลักกลับทำตัวเป็นตุ๊กตาล้มลุก ถึงคราวที่ฮยอกแจต้องเล่าเรื่องตลกบ้าง ร่างโปร่งนั่งคิดอยู่นานก่อนจะกลั้นหัวเราะ

     

    เรื่องที่กูจะเล่าต่อไปนี้...เป็นเรื่องตอนไอ้เชี่ยทงเฮแม่งเมา คนถูกพาดพิงเริ่มร้อนตัว จากตอนแรกกึ่มเมาอยู่แต่ก็ต้องตาสว่างในทันที

    ดีๆ นะมึง

    อย่างที่รู้ๆ กัน..ว่าพี่ทงเฮขาสุดหล่อที่สาวๆ ต่างหลงไหล..ตอนเมานะ..แม่งชอบทำตัวเหมือนลูกแมว ฮยอกแจทั้งเล่าทั้งหัวเราะไปด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ระหว่างเขากับทงเฮ

     

    ใช่แล้ว..เวลาทงเฮเมาเขาชอบที่จะเข้าไปอ้อน..อ้อนอีฮยอกแจคนเดียว

     

    อ้อนตีนน่ะเหรอ อีทึกว่าก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นอีกครั้ง ทงเฮนั่งยืดตัวตรงทำหน้านิ่งเหมือนไม่ใส่ใจ เสตามองคนข้างๆ ที่เอาแต่หัวเราะอยู่อย่างนั้น มันขำมากนักรึไง

     

    เออ..แล้วพอกูลากมันกลับบ้านนะ แค่เอนตัวลงนอนบนเตียงเท่านั้นแหละ..แม่งชอบบังคับให้กูบอก...อุ๊บ!!!!” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกมือหนาปิดปากเอาเสียก่อน ฮยอกแจจับมืออีกคนเอาไว้ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งทำตาเขียวเป็นเชิงขู่

    อะไรของมึงทงเฮ มึงชอบแก้ผ้าวิ่งรอบบ้านเหรอถึงไม่อยากให้ไอ้ฮยอกแจมันเล่า เฮนรี่แซวขึ้นมา คนถูกปิดปากกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบแกะมืออีกคนออกแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

     

    ไอ้เชี่ยทงเฮมันชอบให้กูบอกรักก่อนนอนเว้ย! ฮ่าๆ ~” ฮยอกแจตะโกนลั่นก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเขามา ร่างโปร่งเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหนีเพื่อนสนิทที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา

     

    อะ..อ้าวเฮ้ยๆๆ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าทงเฮเมาจริงๆ หรือว่าแกล้งเมากันแน่ คนเมาอะไรจะวิ่งเร็วได้ขนาดนี้ ร่างหนาเข้าล็อคคอเพื่อนสนิทพร้อมกับลากลงทะเลท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสามคนที่ยังคงนั่งล้อมกองไฟอยู่ตรงนั้น

     

    วู๊ววววววว!! ไอ้เชี่ยทงเฮแม่งสาวน้อยสัด

    ใครรุกใครรับวะเนี่ย?

    ดูจากสภาพ..ไอ้ฮยอกแจมันคงรุกแล้วล่ะ..

    เออว่ะ เชี่ยทงเฮแม่งทำเป็นแอ๊บแมน จริงๆ แล้วแผนสูงอยากได้ไอ้ฮยอกแจไว้เป็นผัวคนเดียวสินะ อีทึกว่าก่อนจะหัวเราะลั่น

    นี่มันละครน้ำเน่าหลังข่าวเรื่องใหม่ใช่ไหม?

    เอ้าๆ นั่นไง แม่งเข้าด้ายเข้าเข็มกันแล้ว เฮนรี่พูดพลางชี้ไปยังคนสองคนที่กำลังกอดคอเล่นน้ำกันยามดึก ร่างหนาสวมกอดเพื่อนสนิททางด้านหลังในขณะที่อีกคนดิ้นพล่านหนีอ้อมกอดก่อนที่ทงเฮจะกระซิบข้างหูร่างโปร่งเบาๆ

     

     

    ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..มึงบอกรักหวานๆ ให้กูฟังหน่อยซิ?

    ใบหน้าเรียวหันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ปัจจุบันห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตากลมจ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่าย ถึงมันจะเห็นได้ไม่ชัดเจนเพราะความมืดยามค่ำคืน แต่มันก็พอทำให้เขารู้ได้ว่าอีกฝ่ายจริงจังมากน้อยแค่ไหน

     

     

    คิดมากทำไม..ก็แค่เพื่อนบอกรักเพื่อนเท่านั้น

     

     

    ใครรักมึง? คำถามกวนประสาททำให้คนได้ยินเลิกคิ้วมองเมื่อถูกขัดใจ

    มึงไง ตอบได้ไม่อาย ถึงไม่เมาก็จะตอบแบบนี้แหละ อย่างที่รู้ๆ ว่าถ้าฮยอกแจไม่ยอมบอกรักเขาก่อนนอน ฮยอกแจก็จะโดนกวนอยู่อย่างนั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นแน่ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก..ช่วงแรกที่อ้อนให้บอกรักก็แค่อยากแกล้งคนปากแข็งให้พูดเรื่องน่าอายก็เท่านั้น แต่พอนานไปแล้วมันกลับเป็นเรื่องเคยชิน วันไหนเมาแล้วไม่ได้ยิน..มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

    ฮยอกแจมองหน้าเพื่อนสนิทที่เลิกคิ้วมองรอคำตอบอยู่อย่างนั้น ไอ้บ้านี่ชอบทำอะไรน่าถีบอยู่เรื่อย ไม่รู้พิศวาสอะไรกับคำนั้นนักหนา

    รู้แล้วถามทำไมฮยอกแจพูดเบาๆ ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทพูดท่ามกลางเสียงแซวและเสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสามคน ร่างโปร่งเอาศอกกระทุ้งอีกคนจนตัวงอก่อนจะหันมาถีบให้ตกน้ำ..คนถูกถีบถึงกับสร่างเมาพลางมองไปยังเพื่อนตัวดีที่รีบวิ่งขึ้นไปบนชายหาด

     

    ทงเฮเสยผมขึ้นพลางแค่นเสียงหัวเราะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่มีเพื่อนสนิทอีกสามคนแท้ๆ แต่คนที่ทำให้อีทงเฮยอมได้ทุกอย่าง..กลับเป็นอีฮยอกแจแค่คนเดียว..

     

     

     

     

     

     

    พรึ่บ

     

    จอทีวีดับลงพร้อมกับรีโมทที่ยังคงถือค้างอยู่ในมือ..นัยน์ตาคมยังคงจ้องจอแก้วสีดำอยู่อย่างนั้นก่อนที่หยาดน้ำใสจะค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว..ร่างกายรู้สึกได้เพียงแค่การเต้นของหัวใจที่มันเต้นช้าลง..และความเจ็บปวดที่รื้นขึ้นมาจนต้องเอามือทาบหัวใจตัวเองเอาไว้..

     

    คลิปที่ไปเที่ยวกันเมื่อปีที่แล้ว..จำได้ว่าถ้าเปิดดูต่อไปอีกคงเป็นปาร์ตี้เซอร์ไพร์ซวันเกิดให้ฮยอกแจ..แต่..คงเขาคงทนดูต่อไปไม่ไหว..

     

    สนใจแต่ความรู้สึกตัวเองจนลืมนึกถึงคนรอบข้าง..แกมันบ้าไปแล้วอีทงเฮ...

     

    ไม่มีเสียงสะอื้น..มีเพียงแค่น้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด..ไม่มีใครทำร้ายเขานอกจากตัวเอง..ทงเฮเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวพร้อมกับกดโทรหาคนที่หวังจะเป็นที่พึ่งได้..ถึงแม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะเย็นชาใส่และพูดจาให้เจ็บปวดสักแค่ไหน..แต่ก็ยังเลือกที่จะโทรหา

     

    ...................

    ....มึง

    มีอะไร

    มาหากูที่บ้านได้ไหม..

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    จนกว่าจะไม่เหลือใคร..

    ถึงจะมองเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ สินะ

     

     

     

    ร่างโปร่งยืนนิ่งอยู่หน้าประตูก่อนที่ใครอีกคนจะเปิดให้ คยูฮยอนเดินตามคนที่เรียกว่าเพื่อนเข้าไปก่อนจะหยุดชะงัก นัยน์ตาเรียวมองรอบๆ ตัวบ้านที่รกราวกับพึ่งโดนปล้นมาพลางหันมาสบตากับร่างหนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

    โทรเรียกกูมาเก็บบ้านให้รึไง?

    ....เปล่า

    กูไม่ใช่ไอ้ฮยอกแจ เพราะฉะนั้นอย่าหวังว่ากูจะทำเรื่องพวกนี้ให้มึง อยากคุยก็ออกมาข้างนอกแล้วกัน คยูฮยอนพูดก่อนจะปิดจมูกตัวเองเมื่อกลิ่นบุหรี่เตะเข้าจมูกพร้อมกับเดินออกไปข้างนอกตัวบ้าน

     

    คยูฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ในสวนหน้าบ้าน พ่อของทงเฮชอบแต่งสวนแต่ตอนนี้หญ้าเริ่มสูงขึ้นแถมดอกไม้ก็เริ่มเฉา น่าสงสารดอกไม้พวกนั้นที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามแต่กลับไม่มีคนดูแลมัน.. ร่างหนานั่งลงข้างอีกคนพลางทอดสายตาออกไปข้างหน้า จำไม่ได้แล้วว่าล่าสุดเขาเดินมาเหยียบในสวนนี่เมื่อไหร่

     

    มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่ตกลงมาหาตามคำขอก็เพราะว่ายังนึกถึงความเป็นเพื่อนอยู่หรอกนะ

    เรา..เป็นเพื่อนกันมาสามปีแล้ว..แต่คนที่กูสนิทด้วยมากที่สุดก็คือฮยอกแจ

    .............. คยูฮยอนเหลือบไปมองคนข้างๆ อย่างไม่เชื่อสายตา นี่ใช่อีทงเฮที่เขารู้จักจริงๆ เหรอ? จำได้ว่าไอ้หมอนั่นไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้มาก่อน

    ในตอนนี้ กูกลายเป็นคนอื่นในสายตามันไปแล้ว

    นึกไงถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มึงสำนึกผิดงั้นเหรอ? คยูฮยอนถามออกไปตรงๆ มันก็ดีหรอกนะที่คนอย่างอีทงเฮสำนึกผิดได้..แต่บางอย่าง..มันก็สายเกินแก้

    ...............

    รู้ไหมว่าไอ้หลัวกับพี่ทึกมันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของมึงแล้ว...เค้าเอือมมึงกันหมด ยิ่งได้ฟังยิ่งรู้สึกแย่ แต่ทุกอย่างมันก็คือความจริง เฮนรี่หวังดีโทรตามไปเรียนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยสำนึกขอบคุณแถมยังพูดจาไม่ดีใส่อีก ลำพังพี่ทึกโตกว่าแถมสนิทกับเฮนรี่อีกมันคงไม่อยากเข้ามาวุ่นวาย ในเมื่อมันมีเพื่อนสนิทอยู่แล้วทั้งคน

     

    อืม..

    มึงไปหายูอีมาแล้วสินะ

    อืม..

    เป็นยังไงล่ะ โดนไอ้ฮยอกแจไล่กลับมารึไง?

    เปล่า

    ..................

    กูเสือกชวนยูอีทะเลาะซะก่อน ตอนนั้นฮยอกแจมันไม่อยู่..แล้วกู..ก็โดนเธอไล่ออกมา ทงเฮสารภาพผิดพลางเสตามองไปทางอื่น คยูฮยอนถอนหายใจพลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

     

     

    มึงไปที่นั่น เพราะอะไร

    .................

    มึงโทรหากู เพราะไม่มีใครยอมรับฟังเรื่องของมึงแล้วใช่ไหม ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิด แต่มันก็เป็นอย่างที่คยูฮยอนพูดจริงๆ นั่นแหละ

    กู... พูดไม่ออก..

    คนอย่างมึงก็เป็นซะอย่างนี้ เห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่น พอถึงเวลาแบบนี้ค่อยมาสำนึกผิดเอาทีหลังมันก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว คยูฮยอนพูด หวังว่ามันจะซึมเข้าสมองกลวงๆ ของทงเฮบ้าง ไม่ใช่ว่าลำเอียงรักเพื่อนไม่เท่ากัน..แต่ในสิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่ทุกอย่างมันทำให้เขาเลือกที่จะอยู่ข้างๆ ฮยอกแจ

     

    อ่อ..กูมีอะไรจะบอกให้มึงได้รู้ไว้

    ................ ทงเฮหันควับกลับมามองหน้าอีกคน ทำไมได้ยินประโยคนี้แล้วถึงต้องใจสั่นนะ ราวกับว่าประโยคถัดไปมันจะร้ายแรงจนเขารับไม่ได้

     

     

     

     

    ฮยอกแจ...มันชอบยูอีมาก่อนมึงเป็นอาทิตย์..แต่มึง..กลับชิงตัดหน้ามันไปซะก่อน..

     

     

    ..........................

     

    นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิด.. คยูฮยอนถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของทงเฮ..อย่างน้อย..ครั้งนี้ทงเฮก็ไม่ได้ตั้งใจแย่งของๆ ฮยอกแจ..แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็ยากที่จะให้อภัยได้ในทันที

     

    ภาพตอนที่ทงเฮกำลังพลอดรักกับยูอีในขณะที่มีฮยอกแจอยู่ข้างๆ ฉายขึ้นมา..หลายครั้งที่ทงเฮลากฮยอกแจให้ไปช่วยซื้อของให้เธอ แล้วของทุกอย่างก็ถูกใจทั้งนั้น ไม่ทันสังเกต..ว่าทำไมฮยอกแจถึงชอบฝืนยิ้มอยู่บ่อยๆ ทำไมฮยอกแจถึงได้หาเรื่องไปนั่นไปนี่อยู่เรื่อย ไม่ยอมอยู่กับเขา

     

     

    ที่แท้...ก็เป็นอย่างนี้นี่เองสินะ...

     

     

    รู้ใช่ไหม? ว่าฮยอกแจมันไม่ใช่คนไวไฟเหมือนมึง ทั้งที่มีโอกาสจีบยูอีแต่มันเลือกที่จะทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ

    .................

    กูเตือนมันแล้ว บอกว่าระวังให้ดีเถอะถ้ามึงได้เห็นยูอีเมื่อไหร่.. คยูฮยอนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาอีกคนที่ยังคงช็อคอยู่

    .................

     

     

     

     

     

     

    คิดดูให้ดีแล้วกัน...ว่าใครกันแน่..ที่แย่งของๆ เพื่อน..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น..

     

     

    มือแกร่งกระชับกระเช้าผลไม้ในมือพลางเดินตรงไปหยุดหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หัวใจเต้นแรงจนต้องผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อผ่อนคลาย ถ้าเกิดเข้าไปในห้องคนไข้มีหวังต้องเจอยูอีไล่ตะเพิดออกมาเป็นแน่ สำนึกผิด เป็นห่วง แต่สุดท้ายที่คนขี้ขลาดอย่างอีทงเฮทำได้..ก็แค่นี้แหละ

     

    ผมฝากให้คุณยูอีห้อง 1011 ทีนะครับ

    อ๋อได้ค่ะ พยาบาลสาวเดินออกมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะรับกระเช้าผลไม้มาไว้ในมือ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งสองกำลังเดินมา

     

    ...............

    ...............

    ...............

     

    อ้าว..คนไข้มาพอดีเลยค่ะ..

    มาทำไม? ร่างบางเอ่ยถามเสียงเย็น นัยน์ตาคู่สวยฉายแววรังเกียจเมื่อเห็นคนตรงหน้า ทงเฮหันไปมองใบหน้าร่างโปร่งที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าพูดอะไรออกไป..

    เขาฝากนี่ไว้ให้คุณน่ะค่ะ ญาติผู้ป่วยจะรับไว้เลยไหมคะ? พยาบาลสาวยื่นกระเช้าผลไม้ให้ฮยอกแจหากแต่ถูกร่างบางปัดมันตกพื้นอย่างไม่ใยดี

    อะ...เอ่อ...

    ฉันไม่ต้องการ ร่างบางตอบขณะที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าอดีตคนรัก ไม่ใช่แค่พยาบาล..ฮยอกแจเองก็ตกใจไม่แพ้กันกับการกระทำของยูอี

    ...................

     

     

     

     

    กลับไปซะ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ร่างโปร่งเอากระเช้าวางไว้บนโต๊ะหลังจากยูอีหลับไปแล้ว โชคดีที่กระเช้าห่อพลาสติกใสเอาไว้ แปลกใจ..ทำไมทงเฮถึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง คนอย่างทงเฮไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเป็นครั้งที่สองหรอก ครั้งเดียวมันก็มากเกินพอแล้ว สีหน้าทงเฮในตอนนั้นดูซึมผิดปกติ..ใช่..หมอนั่นเคยทำหน้าดีๆ เหมือนคนอื่นเค้าที่ไหน นอกจากจะแสดงอาการเย่อหยิ่งจองหองให้ใครได้เห็น

     

     

     

    สงสารทงเฮ..นี่แหละคือข้อเสียของฮยอกแจ

     

     

     

    ร่างโปร่งเอาผลไม้ออกมาวางใส่ตะกร้าเตรียมเอาไปล้างแล้วปอกให้คนป่วยได้ทาน เสียงประตูเปิดออกเบาๆ พร้อมกับใครอีกคนที่เดินเข้ามา ฮยอกแจโค้งหัวให้อย่างมีมารยาทก่อนจะเดินออกไปข้างนอกตามคำเชิญของอีกฝ่าย

     

     

    ร้านกาแฟเล็กๆ ในโรงพยาบาล..ใครคนหนึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟดำพลางทอดสายตาออกไปข้างนอก ร่างโปร่งนั่งนิ่งรอให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน

     

    ฉันจะส่งยูอีไปเรียนฝรั่งเศส

    ....ครับ ถึงจะตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน..แต่ที่ทำได้..ก็แค่พยักหน้าเข้าใจและรับฟังเท่านั้น

    เธอเองก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันคงไม่ปล่อยให้ลูกสาวของฉันไปอับอายขายขี้หน้าที่มหาลัยนั่นอีก

    ครับ....”

    ฉันจะทำเรื่องโอนเกรดไปทีหลัง..ฉันมีพี่สาวอยู่ที่นั่น..มันคงทำให้สภาพจิตใจยูอีดีขึ้นบ้าง..ฉันไม่อยากให้ยูอีต้องเจ็บปวดอีก

    คุณจะส่งเธอไปเมื่อไหร่เหรอครับ

    อาทิตย์หน้า แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับเสียงถอนหายใจ มันคงเป็นทางออกสุดท้ายแล้วที่เขาจะมอบให้กับลูกสาว..อยู่ที่นี่ต่อไปก็คงเป็นขี้ปากคนเปล่าๆ

    ครับ

    ...............เงยหน้ามองร่างโปร่ง รู้สึกผิดที่ลงไม้ลงมือกับฮยอกแจไปเมื่อวาน

    ยูอีรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหมครับ

    อืม..ฉันพึ่งคุยกับเธอเมื่อเช้า

    ครับ

    ขอบคุณที่ช่วยดูแลยูอี..ทั้งที่เด็กในท้องที่เสียไป..ไม่ใช่ลูกของเธอเลยแท้ๆ น้ำเสียงอ่อนลง ไม่รู้จะพูดอะไรดีกับเด็กคนนี้..คาดคั้นถามยูอีก็แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก..แต่เธอก็ไม่ยอมบอก..เอาแต่ร้องไห้ คนเป็นพ่อเวลาเห็นลูกสาวเจ็บปวด..มีหรือจะซ้ำเติม..

    ไม่เป็นไรครับ..เธอเป็นเพื่อนผมนี่.. ฮยอกแจยิ้มบางๆ จะทิ้งเธอไปเฉยๆ คงไม่ได้หรอก..ทำไม่ได้จริงๆ

     

     

     

     

    วันพุธหน้า..เก้าโมงเช้าสนามบินอินชอน..ไปส่งเธอให้ได้ล่ะ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    อีกคำนึงนะ แอปเปิ้ลเขียวที่ถูกปอกอย่างดียื่นเข้าไปใกล้ริมฝีปากอิ่ม ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อถูกบังคับให้กินของๆ คนที่เกลียดเข้ากระดูกดำ

    อย่าดื้อกับเราสิ

    อยากทานก็ทานเองสิ ร่างบางพูดพลางหันมองไปทางอื่น ฮยอกแจเลิกคิ้วมองก่อนจะกินแอปเปิ้ลชิ้นนั้นเสียเอง ร่างบางหันควับมามองค้อนคนตรงหน้าที่เคี้ยวตุ้ยๆ หน้าตาเฉย

    อะไรของเธอ

    เอาไปทิ้งได้แล้ว ของๆ คนพรรค์นั้นน่ะ.. ยูอีว่าพลางคว้าจานผลไม้ขึ้นมาหวังจะโยนทิ้ง แต่ร่างโปร่งแย่งไว้ได้ทัน

    อย่าทำลายข้าวของสิ เธอเป็นตัวร้ายละครน้ำเน่าหลังข่าวรึไงกัน ฮยอกแจแซวเล่นหากแต่อีกคนกลับคิ้วขมวดทำหน้าไม่พอใจ ฮยอกแจหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอาจานไปเก็บ

    ร่างโปร่งเดินออกมานั่งข้างเตียงคนป่วยเช่นเดิมพลางกระชับผ้าห่มให้อีกคน ถึงทำให้ยูอียิ้มไม่ได้..แต่อย่างน้อยก็ทำให้เธอไม่ซึมเศร้า ไม่ร้องไห้ได้ล่ะนะ..

     

    ไปอยู่ที่นั่นต้องดูแลเรื่องสุขภาพ อาหารการกินให้ดีนะ ฮยอกแจพูด ร่างบางหันมามองหน้าคนที่กำลังยืนจัดหนังสือนิตยาสารอยู่ข้างๆ ก่อนจะหลุบตาลง

    รู้แล้วเหรอ..

    อืม

    อยากให้เราไปไหม.. ถามเหมือนคนโง่ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไรกลับมา คนอย่างฮยอกแจ..คงไม่รั้งเธอไว้หรอก..

    อย่าถามเลย..คำตอบมันไม่น่าฟังนักหรอก นอนเถอะ ฮยอกแจเปิดโคมไฟเล็กๆ บนหัวเตียงคนไข้ก่อนจะเดินไปปิดสวิตซ์ไฟดวงใหญ่ ร่างโปร่งเอนตัวลงนอนบนโซฟาพลางเอาแขนเกยหน้าผากท่ามกลางความเงียบ..ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    วันนี้เห็นไอ้เชี่ยทงเฮมันบอกว่าจะมาเรียนด้วยว่ะ

    เยดดด...อะไรเข้าฝันแม่ง อีทึกหัวเราะพลางหันกลับไปมองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งกินมื้อเที่ยงกันอยู่

     

    คงสำนึกผิดได้หลายๆ เรื่อง..หวังว่าเรื่องราวคงดีขึ้นในเร็ววันนะ..

     

    คยูฮยอน แดกข้าวน้อยจังวะ

    ก็ดูแม่งดิ แดกนมปั่นไปเกือบหมดแก้วจะไม่ให้อิ่มได้ไง สองดูโอ้ต่อปากต่อคำกันเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่คยูฮยอนหยิบมือถือขึ้นมาดูเมื่อมีคนโทรเข้า

    ร่างโปร่งชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง..ไม่อยากกดรับสายสักเท่าไหร่..ไม่วายคงโทรมาพูดเรื่องพ่ออีกเป็นแน่.. ถ้าพ่อไม่พูดเรื่องคิมยองอุน..มีหรือเขาจะทะเลาะกัน

     

    ว่าไงครับแม่

    คยูฮยอน

    อืมครับ

     

     

     

     

    พ่อเข้าโรงพยาบาล......

     

     

     

     

    แค่ได้ยินดังนั้นคยูฮยอนก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที ร่างโปร่งสะพายกระเป๋าก่อนจะวิ่งออกมาจากแคนทีนอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้กับเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น

     

    ฝีเท้าวิ่งไปตามฟุตบาท ไม่คิดจะหยุดพักเหนื่อยแต่อย่างใด ถึงจะมีปากเสียงกับพ่อจนเข้าหน้ากันไม่ติด..แต่เขาก็ละเลยพ่อไปไม่ได้

     

    คยูฮยอน

     

    ร่างโปร่งหยุดชะงักพลางมองไปยังใครอีกคนที่นั่งอยู่บนรถฝั่งตรงข้าม คนที่เขาไม่อยากเจอหน้าพอๆ กับคิมยองอุน..

     

    คุณจะไปไหนน่ะ?

    .....ไม่ใช่เรื่องของคุณครับ คยูฮยอนรีบปิดการสนทนา คุยไปก็เสียเวลาเปล่า ที่สำคัญคือต้องไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

    คุณกำลังรีบ ให้ผมไปส่งดีกว่านะ

     

     

    คยูฮยอนถอนหายใจพลางนึกไปถึงเรื่องพ่อ ถ้าเกิดติดรถชเวซีวอนไปคงถึงโรงพยาบาลเร็วกว่ารถเมล์แน่...สุดท้ายก็ยอมลดทิฐิ ร่างโปร่งวิ่งข้ามฝั่งมาขึ้นรถพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัย

     

     

    โรงพยาบาลกังนัมครับ

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ร่างสูงวิ่งตามร่างโปร่งไปที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ สอบถามรายชื่อเรียบร้อยแล้วก็ตรงดิ่งไปที่หน้าประตูห้องคนไข้พิเศษทันที

     

    ...ไข้หวัดใหญ่ คยูฮยอนคิ้วขมวดพลางยืนพิงผนังฝั่งตรงข้ามประตูห้อง พอมาถึงแล้วกลับไม่กล้าเข้าไป..

    ไม่เข้าไปล่ะครับ ร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ เห็นรีบร้อนมาที่นี่แท้ๆ

    ......ผม

     

     

    อ้าว..คยูฮยอนมาแล้วเหรอ?ทั้งคู่หันไปตามเสียงก่อนจะเบิกตากว้าง.. เมื่อคนตรงหน้าที่กำลังเดินมาคือ..

     

     

    คิมยองอุน..

     

     

    ยองอุนเดินมาหยุดตรงหน้าคยูฮยอนพร้อมกับยิ้มให้ ในมือมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กเตรียมมานอนเฝ้าคุณลุงที่สนิทกัน นั่นทำให้คยูฮยอนรู้สึกใจไม่ดี..

    ซีวอนมองทั้งคู่ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น..จำได้ว่าคยูฮยอนเคยวิ่งหนีคนๆ นี้จนเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ..เดาไม่ออกเลยว่าทั้งคู่มีเรื่องเคืองใจอะไรกันรึเปล่า? เพราะสีหน้าของเขายิ้มแย้มต่างจากอีกคนที่ถอยห่างออกมาถึงสามก้าว..

    คุณลุงรอนายอยู่ข้างในน่ะ เข้าไปด้วยกันเลยไหม? ยองอุนถามคนตรงหน้าก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้น

    พอเห็นสายตาอีกฝ่ายซีวอนก็เริ่มเข้าใจว่าตัวเองไม่ควรอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ยองอุนเดินเข้าห้องคนไข้เหลือเพียงแค่อาจารย์กับลูกศิษย์ที่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น

    ร่างสูงหันไปบอกลาลูกศิษย์พร้อมกับบีบไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น คยูฮยอนมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินหนีเขาไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากเจอหน้าแท้ๆ แต่ตอนนี้..กลับต้องการให้ซีวอนอยู่กับเขา..

     

     

    แทนที่จะอยู่กับคนนั้น..คิมยองอุน..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ร่างโปร่งยืนจ้องบานประตูอยู่อย่างนั้น..ไม่กล้าเดินเข้าไป..ถึงแม้ว่าพ่อจะอยู่ข้างในนั้นแต่ก็ยังกลัวอยู่ดี..ทุกครั้งที่เจอคิมยองอุน..คยูฮยอนจะกลายเป็นอีกคนทันที..

     

    มือเรียวดันประตูเข้าไปเบาๆ ในห้องที่ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเพียงเท่านั้น...ความมืดในห้องเพราะผ้าม่านที่ปิดไว้ทำให้คยูฮยอนกลัวยิ่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า..

    ทันทีที่ประตูปิดลงร่างโปร่งก็ถูกใครอีกคนกระชากเข้าไปในห้องน้ำ มือหนาปิดปากร่างโปร่งเอาไว้พร้อมกับดันคยูฮยอนให้ติดกับผนังจนต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น

     

    ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ..ตกใจขนาดนั้นเลยรึไงหืม? รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าหากแต่การกระทำนั้นกลับทำให้อีกฝ่ายกลัวจนแทบน้ำตาไหล..คยูฮยอนดันแผงอกอีกคนออกพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบคนตัวโตกว่าที่กำลังซุกหน้าลงกับซอกคอเขา..

     

    อื้ออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!” ร่างโปร่งดิ้นพล่าน แต่ยิ่งหนีเท่าไหร่..อีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มแรงมากเท่านั้น

     

    พี่ไม่ชอบหน้าไอ้หมอนั่นเลย..ไหนตอบให้พี่ชื่นใจหน่อยซิ..ว่าเขาไม่ใช่แฟนของนาย จ้องเข้าไปยังนัยน์ตาคู่สวยที่สั่นระริก..หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มพลางส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว

    อ่า..ไม่ใช่แฟนก็ดีแล้ว... มือหนาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดอย่างไม่รีบร้อนหากแต่คนถูกกระทำกลับส่งเสียงร้อง..หวังให้ใครสักคนเข้ามาช่วย..

     

     

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตาม..

     

     

    พี่ไม่ชอบให้นายอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น..นายก็รู้.. ยองอุนพูดพร้อมกับกดจูบลงบนเปลือกตาบางอย่างอ่อนโยนหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น

    ไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับคยูฮยอนมาก่อน..ถึงเขาจะมีลูกมีเมียแล้ว..แต่เขาก็ไม่ชอบ..ให้ใครมาแตะต้องคนของเขา...

     

     

    อื้ออออออออ!!!!!!!!!!!!!!” ร่างโปร่งกรีดร้องทั้งที่มือหนายังคงปิดปากอยู่ มือสากสอดเข้าไปในเสื้อตัวบางพลางลูบไล้ไปตามผิวเนียน

     

     

     

    นั่นใครน่ะ........คยูฮยอนเหรอ.......

     

     

    ยองอุนหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนไข้ที่ก่อนหน้านี้นอนซมอยู่แท้ๆ ร่างโปร่งอาศัยจังหวะนี้ผลักคนตรงหน้าออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำ...ต้องไปจากที่นี่...

     

    ประตูห้องคนไข้ถูกผลักออกก่อนที่ร่างโปร่งจะทรุดลงไปกับพื้นเพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดนั้นเลือนหายไปกับความกลัว มือเรียวกุมคอเสื้อตัวเองไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาด ร่างกายสั่นสะท้าน...ถึงไม่มีแรงจะลุกขึ้นยืน...แต่ก็ต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้...

     

    ใบหน้าเรียวเงยขึ้นก่อนจะเห็นใครอีกคนยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า..ร่างสูงมองไปยังใครอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้นสภาพเหมือนคนถูกทำร้ายร่างกายมา นัยน์ตาคู่สวยยังคงเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา พอคยูฮยอนได้เห็นหน้าซีวอนแล้ว..กลับร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม..

     

     

     

     

     

     

    ..ด....ได้โปรด....ช่วย....ช่วยผมด้วย....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk with Writer

    นอยตัวเอง เขียนอะไรออกมาไม่รู้ โว๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ไม่รู้จะพูดอะไรดี ทงเฮรู้ความจริงแล้วจะทำยังไง? จะซึนต่อไปหรือเข้าไปขอโทษ แต่เราจะไม่บอกนะว่าเด็กในท้องยูอีเป็นลูกของใคร ไปมโนกันเอา #ชั่ว #อะไร เราให้ตัวเลือกกับพวกคุณนะคะ #ชั่วต่อเนื่อง

    แหม่ะ.. วอนคยูปิดท้ายสักนิด เดี๋ยวหาว่าคู่รองไม่เด่น

    (ปกติคู่รองเด่นกว่าคู่หลักทุกเรื่อง กูล่ะเศร้า)

     

    โอเค ไม่มีไรจะพูดแล้ว ลาก่อนทุกคน ขอให้อึดอัดตายกับฟิคเรื่องนี้ (อีนี่บ้า)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×