คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Friend's VI - Breathe
‘คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด’
แต่คนที่รู้ว่าผิด..แต่ก็ยังทำ..ควรได้รับบทลงโทษอย่างไรดี..
RRRRrrrrr
“ฮัลโหล ~”
‘...ท...’
“ว่าไง”
‘ท...ทงเฮ..’
“เฮ้ย..ฮยอกแจ? มึงเป็นไรเปล่าวะ?” น้ำเสียงดูร้อนรนเมื่อได้ยินเสียงของคนในปลายสายที่ดูเหมือนจะขาดใจเสียอย่างนั้น
‘กู..ไม่ไหวแล้ว..ช่วยด้วย..ฮึก...’
ได้ยินเพียงแค่นั้นทงเฮก็ยอมทิ้งทุกอย่างที่ทำอยู่แล้วรีบตรงดิ่งไปที่หอพักของเพื่อนสนิททันที..กุญแจห้องที่ห้อยเชือกสีแดงถูกไขกลอนอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ทงเฮรีบวิ่งเข้าไปในห้องก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเพื่อนสนิทนอนขดตัวดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น
“ฮยอกแจ..ฮยอกแจ!!” พยุงอีกคนขึ้นมากอดแนบอก ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยเหงื่อพราว ร่างโปร่งนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนทงเฮนึกสงสาร
เขาอุ้มฮยอกแจออกมาจากห้องก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดอย่างระมัดระวัง โน้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถออกพลางวางร่างโปร่งลงบนเบาะอย่างเบามือ ไม่รอช้า..ทงเฮรีบวิ่งไปเปิดประตูที่นั่งคนขับแล้วออกรถทันที
จำได้..ครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้วที่ได้รู้ว่าฮยอกแจเป็นโรคเครียดลงกระเพาะ..ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าสนิทกับฮยอกแจพอตัวแล้ว แต่เขาคิดผิด..ช่วงเวลาหนึ่งเทอมที่รู้จักกันฮยอกแจไม่เคยเล่าปัญหาของตัวเองให้ฟังเลยสักครั้ง และทงเฮก็ไม่เคยถาม..เพราะมัวแต่เล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังเสียมากกว่า
รู้สึกผิด..เขาสนใจแต่เรื่องตัวเองจนมองข้ามเพื่อนสนิทไป แต่หลังจากนั้นทงเฮก็ใส่ใจฮยอกแจมากขึ้น เมื่อไหร่ที่ร่างโปร่งไม่ยอมกินยาเขาก็จะบังคับ..บังคับจนกว่าฮยอกแจจะยอมกินนั่นแหละ และต่อให้ทงเฮมีนัดกับสาวที่ไหนเขาก็ไม่ลืมที่จะแวะไปหาฮยอกแจก่อน ถ้าติดธุระมากหน่อยก็เปลี่ยนเป็นโทรหาแทน
ฮยอกแจเป็นคนเจียมตัวตอนแรกไม่ยอมให้เขาไปส่งที่หอพักด้วยซ้ำ บอกว่าหออยู่ใกล้แค่นี้นั่งรถเมล์สายเดียวก็ถึง จะขับไปส่งทำไมเปลืองน้ำมัน แต่สุดท้ายแล้วลูกตื้อของทงเฮก็ชนะเสมอ ฮยอกแจไม่ชอบเข้าร้านอาหารแพงๆ เพราะเขาไม่อยากใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหมือนทงเฮ อ้างว่ายังคงขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่หาเงินเองได้เมื่อไหร่แล้วจะพาไปเลี้ยงสุกี้หม้อยักษ์เลยว่างั้น ฮยอกแจพยายามหางานพิเศษทำแต่สุดท้ายก็ต้องเลิกเพราะตารางงานที่ทำมันตรงกับเวลาเรียนทั้งนั้น
ฮยอกแจเป็นคนทำให้ทงเฮรู้จักคำว่า ‘ง่ายๆ’ แค่กินข้าวกล่องเป็นมื้อเย็นก็จบ ทั้งที่ทงเฮเป็นคนใส่ใจเรื่องอาหาร มื้อเย็นมันต้องเลิศหรูสิถึงจะถูก เหนื่อยมาทั้งวันจะให้กินอาหารประเภทขอไปทีได้ยังไง แต่ไอ้ข้าวกล่องนั่นแหละทำให้เขาสองคนสนิทกันมากขึ้น นั่งกินข้าวข้างๆ กัน ดูบอลด้วยกัน เล่นเกมส์ด้วยกัน แค่นั้นอาหารมื้อเย็นมันก็อร่อยอย่าบอกใครแล้ว
เราชอบเพลงสไตล์เดียวกัน ชอบศิลปินวงเดียวกัน ทุกครั้งที่เพลงใหม่ออกทงเฮจะเอาลงไอพอตไปฟังที่มหาลัย ใส่หูฟังคนละข้างก้มหน้าก้มตาฮัมเพลงกันอยู่หลังห้องไม่เคยจะสนใจที่อาจารย์กำลังสอนอยู่เลยแม้แต้น้อย
.
.
“ทำไมมึงไม่มีแฟนสักทีวะฮยอกแจ” หัวเราะเบาๆ ตอนที่ได้ยินเพื่อนสนิทถาม
“มึงแย่งคนที่กูชอบไปหมด แล้วจะให้กูไปชอบใครที่ไหน” ฮยอกแจตอบตามที่คิด ไม่ต้องกลัวว่าทงเฮจะเสียใจ เพราะการทำให้ทงเฮเสียความรู้สึกได้มันคงเป็นเรื่องที่ยากน่าดู จะหาว่าทงเฮตายด้านแล้วก็คงงั้น
“ผู้หญิงที่มึงชอบแต่ละคน ไม่เหมาะสมกับมึงหรอก” ทงเฮตอบพลางเอนหลังพิงพนักโซฟาขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งดูบอลกันอยู่ที่บ้านทงเฮ
“หืม?”
“เพราะอะไรรู้ไหม? ผู้หญิงที่ให้มึงเอาได้ง่ายๆ นั่นก็หมายความว่าแม่งพร้อมจะนอกใจมึงไปหาคนอื่นได้เหมือนกัน” ทงเฮว่าพลางจ้องหน้าเพื่อนสนิท
“อีกอย่าง..ผู้หญิงพรรค์นั้นไม่สมควรได้รับความรักจากคนอย่างมึงหรอก” ทงเฮคิดอย่างนั้นจริงๆ จะว่าฮยอกแจหัวอ่อนก็ไม่เชิง แต่ถ้าคบกันไปไม่นานเดี๋ยวก็เลิก ฮยอกแจไม่ใช่คนที่จะขัดใจใครแถมยอมทุกอย่างเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างที่รู้ๆ ว่าผู้หญิงมีความต้องการมากแค่ไหน เดี๋ยวจะเอาอย่างนั้น เดี๋ยวจะเอาอย่างนี้ ผู้ชายแสนดีอย่างอีฮยอกแจ..ไม่มีทางหยุดผู้หญิงเหล่านั้นได้หรอก
“จะบอกว่าที่ทำไปทุกอย่างเพราะห่วงกูงั้นสิ” ฮยอกแจหรี่ตามองคนข้างๆ ที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว ทงเฮผิวปากพลางหันกลับมามองหน้าฮยอกแจก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“จะหาแฟนทั้งที ก็ช่วยหาคนดีๆ หน่อย กูจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมึงแบบนี้ไง” ทงเฮขยี้หัวฮยอกแจอย่างเอ็นดูในขณะที่อีกฝ่ายปัดออกอย่างรำคาญ
“งั้นกูคงไม่ต้องมีแฟนแล้วล่ะ”
“..............” ใบหน้าคมเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิทที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก ฮยอกแจหัวเราะในลำคอก่อนจะหันมาสบตากับอีกฝ่าย
“เพราะการที่ได้อยู่กับเพื่อนเชี่ยๆ อย่างมึง....แค่นี้กูก็มีความสุขแล้ว”
.
.
บ่ายแก่ๆ แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอน บนฟูกสีเทาเข้มมีใครบางคนกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา ส่วนบนเปลือยเปล่าหากแต่มีผ้านวมผืนใหญ่คลุมส่วนล่างเอาไว้ เปลือกตาหนาลืมขึ้นพลางกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพ..ทงเฮยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจก่อนจะลูบใบหน้าคลายอาการง่วงแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอยากที่แปะอยู่บนแก้มเขา
“คุณอีทงเฮ
ผมชื่ออีซองมินนะครับ..ไม่ใช่ฮยอกแจ ;P”
ทงเฮจ้องโพสต์อิทสีเหลืองในมือพลางส่ายหน้าไล่อาการเมาค้างก่อนจะหันไปมองรอบตัว..เจ้าของโพสต์อิทหายไปแล้ว..ผู้ชายที่ชื่ออีซองมินคนนั้น
‘ฮยอกแจ..อะ..อา..’
‘ฮยอกแจ..ฮยอกแจ..’
พอจำเรื่องเมื่อคืนได้อยู่ลางๆ ตอนนั้นเขากับซองมินดื่มกันต่อนิดหน่อยก่อนที่ทงเฮจะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าไปจูบกลีบปากบางเสียเอง จำไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง..รู้แค่ว่า..ริมฝีปากมันเอาแต่เรียกหาฮยอกแจไม่หยุด..
ใบหน้าคมเงยขึ้นพลางหลับตาลง ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว..ทงเฮถอนหายใจ ลุกขึ้นคว้าผ้าขนหนูสีขาวมาพันรอบเอวก่อนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ..สายตาทอดมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มอีกแล้ว..อีกไม่นานฝนก็คงตกลงมา
“คุณรักเขา..”
“.................”
“อีทงเฮ..คุณตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง”
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด..ผมจะรักอีฮยอกแจได้ยังไง?
ถ้าผมจะรักมัน..ผมก็รักไปตั้งนานแล้วสิ..จะมารักอะไรเอาตอนนี้
ที่เป็นอยู่มันก็แค่ความสับสนเท่านั้นแหละ..แค่ความรู้สึกมันบอกว่าผิดที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไปก็เท่านั้น
นึกแล้วก็ขำตัวเอง..คนที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างเขา..ไม่เคยยอมรับความจริง..คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นเสมอ ยึดหลักความคิดตัวเองเป็นใหญ่.. หลายครั้งที่เพื่อนคนอื่นต่อว่าเขาเรื่องนี้จนเลิกคบกันไปเลยก็มี ถามว่าเสียใจบ้างไหม? ทงเฮคงตอบทันทีเลยว่า ‘ไม่’ ‘จะแคร์พวกแม่งทำไมไม่ได้หาข้าวให้แดกสักหน่อย’ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีคนๆ หนึ่งที่ไม่เคยหนีไปไหน... คนที่อยู่ข้างๆ คอยบอกคอยเตือนเวลาเขาทำผิดพลาดไป คอยช่วยแก้ปัญหาต่างๆ นานา ที่เขาเป็นคนก่อขึ้น
ความรู้สึกตอนนี้ยอมรับว่าเย็นลงมากแล้ว..ไม่รู้เพราะอะไร..อาจเป็นเพราะเขาได้ระบายเรื่องที่อัดอั้นตันใจให้คนๆ หนึ่งฟังก็ได้.. ฮยอกแจเหนื่อยทงเฮรู้..แต่ทุกอย่างที่ทำลงไปมันหยุดไม่ได้..ยิ่งนานยิ่งถลำลึกจนแก้ไขอะไรไม่ได้อีก..
.
.
ทงเฮลงจากรถยนต์คู่ใจก่อนจะตรงดิ่งเข้าไปในคณะ..ฝีเท้าก้าวเข้าไปในตึกตอนบ่ายสี่โมงทำไมวันนี้หน้าคณะดูวุ่นวายผิดปกติ หันไปเห็นคยูฮยอนยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวนั้นตั้งใจจะเดินเข้าไปทักทายถามหาเพื่อนคนอื่นแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อ..
“ยูอีปลอดภัยแล้วใช่ไหม..อืม..แล้วมึงเป็นยังไงบ้าง..ไม่ต้องห่วง..งานของมึงเดี๋ยวกูช่วยเขียนให้ อีกนิดเดียวเองไม่ใช่เหรอ?”
“เรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันอีกที..ตอนนี้มึงก็อยู่ดูแลยูอีไปก่อน...อืม...โอเคแล้วเจอกัน”
ดูแล..ดูแลอะไร?
ร่างโปร่งเอี้ยวตัวกลับมาเผยให้เห็นใบหน้าของคนที่ไม่คิดว่าจะโผล่มาตอนนี้..คยูฮยอนเสตามองไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจออกมา แค่เห็นหน้าทงเฮ..ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ยูอีเป็นอะไร” เอ่ยถามเสียงเรียบ คยูฮยอนหันควับกลับมามองใบหน้าอีกฝ่ายก่อนจะเลิกคิ้วมอง
“มึงสนใจด้วยเหรอว่าเธอจะเป็นอะไร?” ประโยคเสียดแทงใจทำให้คนได้ฟังถึงกับจุก ทงเฮได้แค่ยืนนิ่ง..สบตากับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน
“.................”
“ถ้ากูบอกไปแล้วมึงจะทำยังไงต่อล่ะ ตามไปดูใจเพราะสงสาร..หรือว่าจะตามไปสมน้ำหน้า?”
“.................”
“กูจะบอกอะไรให้คนโง่อย่างมึงตาสว่างขึ้นมาบ้างแล้วกันนะทงเฮ..” คยูฮยอนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างหนาก่อนจะมองเข้าไปยังนัยน์ตาอีกฝ่าย
“ยูอี..ไปทำแท้งมาเมื่อเช้า”
ทงเฮนิ่ง...นิ่งจนรู้สึกเหมือนตัวขยับไม่ได้..แม้กระทั่งเปลือกตาที่ควรกระพริบทุกวินาทียังหยุดนิ่ง..
“เธอตกเลือด..ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลกังนัม”
“....................”
“แต่มึงอย่าเสนอหน้าไปเลยนะ กูสงสารเค้า” ยังคงพูดจาให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดต่อไป สีหน้าคยูฮยอนยังคงนิ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่ใครอีกคนกลับหลุบสายตาลงด้วยความรู้สึกผิด.. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกผิดด้วย ที่ยูอีไปทำแท้งก็ใช่ว่าจะเป็นลูกของเขาร้อยเปอร์เซนต์เสียเมื่อไหร่
“เพราะกูเข้าใจ..ว่าการรักคนอื่นมันคงยากเกินไปสำหรับคนอย่างมึง”
.
.
ตอนเป็นเด็ก..คุณครูเคยบอกกับผมว่า..
เด็กในท้องคือภูตินางฟ้าที่พระเจ้าประทานมาให้คนเป็นแม่..
แต่ภูตินางฟ้าเหล่านั้น..คงไม่ใช่ผม..
ในห้องคนไข้พิเศษที่เงียบสงบ กลิ่นโรงพยาบาลอบอวลไปทั่วห้อง..ใครคนหนึ่งกำลังนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้มุมห้อง แผ่นหลังบางพิงผนังเย็นยะเยือกแต่ถึงอย่างนั้นมันก็คงไม่หนาวเย็นเท่ากับหัวใจของเขาในตอนนี้..
เสื้อนักศึกษาสีขาวมีคราบเลือดอยู่หลายจุดแต่ร่างโปร่งก็ไม่เคยนึกรังเกียจ..สายตายังคงจดจ้องอยู่กับร่างบางที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ถึงหมอจะบอกว่ายูอีปลอดภัยแล้วแต่เขาก็ยังยืนยันจะอยู่เฝ้าต่อ ก่อนหน้านี้ถูกพ่อของเธอซัดหน้าไปทีนึง..ในทีแรกก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก..เพราะความรู้สึกทุกอย่างมันเทลงมาอยู่ตรงหัวใจหมดแล้ว..
ถูกสั่งห้ามไม่ให้เจอยูอีอีก ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ใช่แล้ว..ฮยอกแจถูกมองว่าเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ยูอีต้องไปทำแท้ง..เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาตอนเห็นลูกสาวเจ็บปวดนั้น..
เข้าใจดี..เพราะเขาเองก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน..
.
.
ถ้าเกิดวันหนึ่ง..คุณได้มารู้ว่า
คุณเกิดมา..โดยที่คนเป็นพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด..คุณจะรู้สึกยังไง?
ผมเป็นเด็กนักเรียน ม.ต้น คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไป แม่ผมไม่ได้รวยอะไรมากมาย..ครับ..ผมอยู่กับแม่แล้วก็ยายอีกคน..ส่วนพ่อท่านอยู่อีกบ้านหลังหนึ่ง จะเรียกที่นั่นว่าบ้านใหญ่ก็ได้ เพราะถ้าตามบทละครน้ำเน่าแล้วบ้านผมคงเรียกว่าบ้านเล็กหรือบ้านเมียน้อยนั่นแหละ
ผมกับพ่อไม่ค่อยคุยกันสักเท่าไหร่ ตอนเป็นเด็กผมก็เคยสงสัยว่าคนๆ นั้นน่ะเป็นพ่อของผม? ทุกครั้งวันครอบครัว พ่อแม่ผมไม่เคยไปเลยสักครั้ง ที่นั่งสำหรับผู้ปกครอง..ผมหันไปทีไรก็เห็นยายนั่งอยู่ตรงนั้นทุกปี พ่อไม่เคยกอดผม ไม่เคยซื้อของเล่นให้เหมือนที่เด็กอื่นๆ เค้าได้กัน แต่สิ่งที่ผมควรได้รับจากพ่อทุกอย่าง ยายผมเป็นคนหามาให้ทั้งหมด ไม่เคยได้รู้สึกว่าตัวเองขาดความอบอุ่น อย่างน้อยก็ยังคงมียายที่ยังรักและหวังดีกับผม
ในวันนั้นผมไปงานวันเกิดเพื่อนแล้วกลับบ้านดึกตามประสาเด็กวัยรุ่นที่อยากออกไปเตร็ดเตร่กับเพื่อนฝูง ผมรู้ว่าต้องถูกแม่ดุอีกเป็นแน่ ท่านเป็นคนอารมณ์ร้อน ชอบขึ้นเสียง เวลาตะโกนด่าผมทีคนข้างบ้านยังได้ยินเลย แต่พักหลังผมเริ่มชินชาบวกกับตัวเองเริ่มโตเป็นวัยรุ่น ผมเองก็มีความหัวรั้นหัวดื้ออยู่ในตัวเหมือนกัน แม่ชอบด่าว่าผมเหมือนพ่อ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจสักนิดว่าผมเหมือนผู้ชายคนนั้นตรงไหน จนวันหนึ่ง..ผมได้ยินแม่คุยกับยายว่ากำลังตั้งท้อง..อ่า..ผมกำลังจะมีน้องแล้วสินะ..
แต่แล้วก็ต้องรู้สึกเหมือนทุกอย่างบนโลกหยุดนิ่งอยู่กับที่..ในช่วงหัวค่ำวันฝนตก..ผมเข้าไปในห้องแม่เพื่อที่จะขอเงินค่ากิจกรรม..แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นแม่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น.. ในหัวของผมขาวโพลน..ไม่รู้จะทำอะไรก่อนในตอนนั้น ผมพยุงแม่ขึ้นมาแล้วตะโกนเรียกยาย ตาของผมพร่ามัวเพราะน้ำตาที่มันไหลออกมาไม่หยุด กลัว..กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป..
ถึงแม่จะใจร้ายกับผมอยู่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังคงเป็นแม่..คนที่ให้ผมเกิดมาบนโลกใบนี้
กลิ่นสาบของโรงพยาบาลเตะจมูกตั้งแต่วิ่งเข้ามา ตัวของผมเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน ถ้าไม่ได้คนข้างบ้านช่วยขับรถมาส่งล่ะก็ผมกับยายคงไม่มีปัญญาพาแม่มาถึงที่นี่ได้หรอก รถยนต์ที่มีอยู่ผมก็ขับเองไม่เป็นส่วนยายคงไม่ต้องพูดถึง ผมนั่งรอแม่อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน อากาศในนี้หนาวเย็นขึ้นเป็นสองเท่าเพราะเสื้อผ้าที่ยังคงเปียกชุ่มอยู่ ผมขอให้ยายกลับบ้านไปก่อนเดี๋ยวผมจะติดต่อกลับไปทีหลัง จนคุณหมอเดินออกมาผมก็รีบเข้าไปถามไถ่อาการของแม่กับเขาในทันที
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ”
ผมนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงมองแม่ที่กำลังหลับอยู่..สีหน้าของแม่ซีดเหมือนในตัวไม่มีเลือดไหลเวียนอยู่ในร่างกาย มือผมยังสั่น ถึงหมอจะบอกว่าแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ผมก็ยังคงกลัวอยู่ดี
“คนไข้ทำแท้งมา..เลยเกิดอาการตกเลือด..”
จู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกครั้ง คำถามในหัวของผมคือ..
‘ทำไมแม่ถึงต้องทำแท้งด้วย’ ผมคิดว่าแม่อาจจะหกล้ม..หรือเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้แม่ต้องนอนจมกองเลือดอย่างนั้น..
ผมรีบปาดน้ำตาออกเมื่อแม่ขยับตัว เปลือกตาบางกระพริบถี่พลางปรับสภาพรับกับแสงไฟที่ว่างไปทั่วทั้งห้อง แม่หันมามองผม..เธอจ้องผมอยู่อย่างนั้นก่อนจะปล่อยโฮออกมา
ผมทำอะไรไม่ถูก..ได้เพียงแค่นั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น แม่ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่มีอาการแบบนี้ หลายครั้งเกิดขึ้นหลังจากพ่อไปที่บ้าน..ทั้งคู่ชอบมีปากเสียงกันอยู่เสมอ ผมไม่ค่อยชอบหน้าพ่อก็เพราะอย่างนี้ เขาชอบทำให้แม่ร้องไห้นี่แหละ
“ทำแบบนี้ทำไม” ฮยอกแจถามทั้งน้ำตาหากแต่น้ำเสียงนิ่งเย็นจนคนได้ฟังหันควับกลับมามอง
“...............”
“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย น้อง..”
“แกหุบปากไปเลยนะฮยอกแจ” ผมหยุดชะงัก ไม่ใช่แค่คำพูดของแม่ที่สั่งให้ผมหยุด..แต่สายตาของท่านเองก็ด้วย
“..............”
“คนอย่างแก..มันจะไปรู้อะไร..” หยาดน้ำใสคลอดวงตาคู่สวย..กล้าดียังไงถึงได้มาพูดแบบนี้ เธอโตพอที่จะคิดอะไรเองได้ ไม่ต้องให้เด็กอมมืออย่างเขามาสอนหรอก
สายตาของแม่มองเหม่อไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมอีก
“ทำไมชอบทำแบบนี้ พ่อรู้เรื่องรึยัง”
“จะสนใจทำไม ขนาดตอนที่ฉันท้องแกเขายังไล่ฉันไปทำแท้งเลย!”
“...................”
“ตอนรู้ว่าท้องแก..ฉันคิดจะทำแท้งด้วยนะ..แต่ว่ายายของแกน่ะขอเอาไว้”
“แต่คราวนี้..ไม่พลาดแล้วล่ะ..”
“ไม่พลาดแล้ว..” แม่ก้มหน้าลง น้ำเสียงสั่นเครือ ผมรู้สึกเหมือนขยับตัวไปไหนไม่ได้..รู้สึกได้แค่น้ำตาอุ่นๆ มันกำลังไหลอาบแก้มผม
เข้าใจแล้ว..ที่พ่อเป็นแบบนี้..ก็เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจอยากให้ผมเกิดมาสินะ..
“ถ้าไม่ต้องการเด็ก..ก็หัดรู้จักป้องกันบ้างสิ”
ประโยคสุดท้ายที่ผมพูดกับแม่ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องนั้น ผมรู้ว่าตัวเองเป็นลูกเนรคุณที่พูดจาเลวๆ กับแม่ แต่การกระทำของเขาทั้งคู่มันไม่ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ไม่รู้จักป้องกันเกินไปหน่อยเหรอ?
ผมเบื่อ..เบื่อที่จะต้องมีชีวิตแบบนี้เต็มทีแล้ว..
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติจนผมเรียนจบ ม.ปลาย ผมตัดสินใจสอบเข้ามหาลัยในโซล ผมไม่อยากอยู่บ้านอีกแล้ว อึดอัด ถามว่าย้ายมาอยู่หอพักในโซลแล้วรู้สึกดีขึ้นเหรอ..มันก็ไม่ได้ดีขึ้นไปซะทีเดียวหรอก..แค่ไม่แย่ลงก็ดีแค่ไหนแล้ว ตอนแรกยายไม่อยากให้ผมย้ายมาเรียนที่นี่เพราะท่านเป็นห่วง แต่ผมก็ยังดันทุรังมาจนได้
ผมมันเป็นแค่เด็กอวดดีที่ไม่รู้จักโต ถึงปากจะบอกว่าไม่ชอบพ่อ แต่ถึงอย่างนั้นเงินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็ได้มาจากเขาทั้งหมด ผมโทรหายายอาทิตย์ละสองสามครั้ง ได้ยินเสียงแม่ทะเลาะกับพ่อแทรกเข้ามาอยู่บ่อยๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวล จำได้ว่าวันแรกที่ผมบอกจะย้ายมาเรียนที่โซล แม่ผมก็เอาแต่บ่น กลัวว่าผมจะไปหลงแสงสีในเมือง ท่านไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ หรืออาจจะกลัวเหงาเพราะไม่มีคนคอยรับมือกับท่านรึเปล่าก็ไม่รู้
แต่ถึงผมกับแม่จะไม่ค่อยคุยดีกันนัก..แต่ยังไงคนที่ผมรักและเป็นห่วงที่สุดก็ยังคงเป็นท่านอยู่ดี..ผมยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้..ว่าตอนที่เห็นแม่จมอยู่ในกองเลือด..มันน่ากลัวแค่ไหน..
.
.
“อือ..”
ฮยอกแจลุกขึ้นยืนพลางมองไปยังร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้..ยูอีตื่นแล้ว..เขาเดินไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงพลางมองไปยังคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“....โอเคไหม” ไม่รู้ว่าจะเลือกคำถามไหนออกมา ดีใจที่ยูอีปลอดภัย แต่ก็เสียใจที่ได้รับรู้เรื่องนั้น
“.............” ร่างบางเม้มปากแน่น น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตา มือเรียวยกขึ้นสัมผัสมุมปากอีกคนเบาๆ รอยสีแดงช้ำนั้นเธอไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นฝีมือใคร
“เจ็บรึเปล่า..” เอ่ยถามเสียงแผ่ว ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่เจ็บเท่าเธอหรอก..” แค่ได้ยินร่างโปร่งตอบอย่างนั้นร่างบางก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าทันที รู้สึกผิด..รู้สึกผิดมากจริงๆ
“..ทำไมทำแบบนี้ล่ะ” ฮยอกแจถามเสียงสั่นพลางลูบหัวร่างบางเบาๆ ไม่กล้ากอดแน่นมากไปกว่านี้เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเจ็บ
“เรา..เราขอโทษนะฮยอกแจ..ขอโทษ” ร่างบางสะอื้นจนตัวโยน กอดร่างโปร่งแน่นยิ่งขึ้น
“ทุกปัญหามีทางออก ทำไมเธอไม่ปรึกษาเราก่อน..”
“ฮยอกแจ..” น้ำเสียงสงบลงบ้าง ร่างบางผละตัวออกก่อนจะสบตากับคนตรงหน้า
“เรารู้ว่าฮยอกแจกำลังรู้สึกผิด..แต่เธอก็รู้..ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเธอ..”
.
.
นิ้วเรียวเคาะพวงมาลัยรถอยู่อย่างนั้น ภายในชั้นจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาลกังนัม ก้นบุหรี่ถูกทิ้งลงบนพื้นก่อนที่ริมฝีปากจะพ่นควันสีเทาหม่นออกมา ทงเฮถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า นึกกลัวกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่..
เด็กในท้องของยูอี..มีสิทธิ์เป็นลูกของเขา..
ตอนที่มีอะไรกันยอมรับว่าทงเฮเองก็สะเพร่า ในเมื่อความต้องการมันเหนือกว่าสิ่งใด..เรื่องป้องกันเอาไว้ทีหลัง คิดแค่ว่าปล่อยข้างนอกก็คงปลอดภัย แต่ผู้ชายก็คือผู้ชาย..ต่อให้ช่ำชองมากแค่ไหน..สุดท้าย..ก็พลาดได้เหมือนกัน
ยูอีท้องมานานแค่ไหนแล้วเขาเองก็ไม่รู้ ตอนนี้มันกังวลจนไม่กล้าขึ้นไปดูอาการของเธอ เวลาแค่สองอาทิตย์ที่คบกันยอมรับว่ามีอะไรกันบ่อย..แต่ถึงอย่างนั้น..
“เชี่ยเอ๊ย..” สุดท้ายก็เอาชนะความกลัวจนได้..ประตูรถถูกผลักออกก่อนจะปิดกระแทกมันอย่างแรงพร้อมกับกดรีโมทล็อกรถ
นิ้วเรียวกดลิฟท์พลางถอนหายใจอีกครั้ง..อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด..เขาจะไม่หนีความจริงอีกต่อไป..เจอยูอีคงไม่เท่าไหร่แต่ที่แย่ก็คือต้องเจอหน้าฮยอกแจด้วยนี่สิ ถ้าเกิดแม่งอารมณ์ขึ้นเข้ามาต่อยหน้าเขาแล้วไล่กลับเหมือนหมูเหมือนหมาขึ้นมาจะทำยังไง
หลังจากไปถามชื่อคนไข้กับพยาบาลมาก็ได้รู้ว่ายูอีพักอยู่ห้องไหน ทงเฮยืนหายใจเข้าลึกๆ อยู่หน้าประตูก่อนจะตัดสินใจเปิดเข้าไป.. ภายในห้องมีเสียงทีวีเปิดอยู่คาดว่าเธอคงยังไม่นอน ก็ดีเหมือนกัน จะได้รีบคุยรีบกลับ
“ฮยอกแจกลับมาเร็วจัง” เสียงใสเหมือนคนปกติเอ่ยขึ้นทำให้คนได้ยินเส้นเลือดกระตุกแปลกๆ ร่างบางเบิกตากว้างทันทีที่เห็นหน้าเขา ทงเฮแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะเสตามองไปทางอื่น ความรู้สึกผิดก่อนหน้านี้เลือนหายไป ความหงุดหงิดเข้ามาแทนที่ทันทีที่ได้ยินชื่อฮยอกแจหลุดออกมาจากปากร่างบาง
“.................” ใบหน้าหวานชักสีหน้าก่อนจะกดรีโมทปิดทีวี จ้องมองคนมาใหม่ไม่ละสายตา
“มีอะไร” น้ำเสียงตัดพ้อที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ไม่เหลือเค้าผู้หญิงน่ารักที่คอยเรียกชื่อทงเฮคะ ทงเฮขา เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“...เห็นว่าเธอป่วยเข้าโรงพยาบาล..ก็เลยแวะมาดู”
“ฉันยังไม่ตายหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”
“...............” น้ำเสียงเย็นชาของร่างบางทำเอาคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมอย่างเขาต้องคิดใหม่ คนอุตส่าห์มาเยี่ยม คุยดีๆ ไม่ได้? ทำไมต้องงี่เง่าด้วยวะ?
“ทำแบบนี้..พยายามเรียกร้องความสนใจเหรอ?” อยากงี่เง่ามาก่อนทำไม? อีทงเฮไม่ได้เป็นคนใจเย็นขนาดนั้น ต่อให้เป็นผู้หญิงก็เถอะ
“...เหอะ” ร่างบางแค่นหัวเราะ ตั้งแต่เห็นทงเฮเดินเข้ามาก็คิดเอาไว้แล้ว ว่าคนๆ นี้คงไม่ได้มาดีแน่
“ว่าแต่ใครเป็นพ่อเด็กน่ะ?” คำถามที่ทำให้คนฟังแทบจุก ร่างบางอึ้งกับคำถามของคนตรงหน้าจนพูดไม่ออก..ไม่อยากจะเชื่อ..ว่าเคยรักคนๆ นี้มาก่อน
“ทำแบบนี้..คิดจะหาพ่อให้เด็กรึไง” ในเมื่อนอนกับเพื่อนของเขาทั้งที่ยังคบกันอยู่ได้..มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะไปนอนกับคนอื่นนี่?
“................”
“ว่าแต่ฮยอกแจมันออกตัวยอมรับเป็นพ่อเด็กรึยังล่ะ”
เพล๊ง!!!!!!!!!!!!
สิ้นประโยคร่างบางก็คว้าแจกันใบสวยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเขวี้ยงใส่อีกคนทันที ร่างหนายืนนิ่งเมื่อแจกันเมื่อครู่เฉียดใบหน้าเขาไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
“ออกไป”
ร่างบางมองคนตรงหน้าด้วยแววตารังเกียจ..ทงเฮพอจะเข้าใจอารมณ์ของเธอในตอนนี้ พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้..มันแทงใจดำรึไงกัน.. โอเค..คิดว่าเขาอยากอยู่ที่นี่นักรึไง? เห็นว่าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
ทงเฮตัดสินใจเดินออกจากประตูไป เมื่อกี้ยอมรับว่าตกใจอยู่เหมือนกัน ถ้าเกิดโดนแจกันนั่นฟาดหน้าเข้าให้มีหวังได้เย็บหลายเข็มแน่ ยัยคนนี้บ้ากว่าที่คิดไว้เยอะ
ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนที่กำลังวิ่งมา สีหน้าของร่างโปร่งดูตะหนกไม่รู้ว่าเพราะเห็นหน้าเขาหรือได้ยินเสียงแจกันแตกเมื่อครู่กันแน่ ในมือเรียวมีกระเป๋าเป้ติดมือมาด้วย คาดว่าคงจะมานอนเฝ้าไข้กันทั้งคืน..หึ..ช่างเป็นคนดีของสังคมเสียจริง..ถ้าเด็กไม่แท้งไปป่านนี้คงเตรียมตัวโง่รับเป็นพ่อเด็กแล้วสินะ
ฮยอกแจจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลุบตาลงแล้วเดินเข้าไปในห้องคนไข้ ทงเฮสามารถบรรยายออกมาเป็นฉากๆ ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้.. ฮยอกแจเข้าไปคงเห็นเธอกำลังโวยวายหรืออาจจะร้องไห้อยู่ ยิ่งเห็นเขาเดินออกมาแบบนี้ยิ่งไม่ต้องสงสัย ฮยอกแจต้องเกลียดเขามากขึ้นกว่าเดิมเป็นล้านเท่าแน่..
แต่จะแคร์ทำไมล่ะ..เมื่อความรู้สึกที่มีให้กันในทุกวันนี้..มันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนแปลกหน้าอยู่แล้วนี่
.
.
“ฮึก...ฮือ....”
ฮยอกแจวางกระเป๋าไว้บนโซฟายาวก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาร่างบางที่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง ทันทีที่เธอได้เห็นร่างโปร่งเดินเข้ามาก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าไว้แน่น มือเรียวยกขึ้นลูบหัวอีกคนเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจก่อนจะหันไปเห็นซากแจกันที่แตกละเอียดอยู่บนพื้น คิ้วเรียวขมวดเป็นปมพลางหลับตาลง เข้าใจอะไรทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องเอ่ยถาม คนอย่างทงเฮ..คงไม่ได้มาเยี่ยมเฉยๆ แน่
“ฮึก...ฮือ...”
“ไม่เป็นไรนะ..เราอยู่นี่แล้ว”
ปลอบอยู่นานกว่ายูอีจะสงบสติแล้วหลับไป ฮยอกแจห่มผ้าให้กับร่างบางก่อนจะเดินไปหยิบถังขยะใบเล็กมาใส่เศษกระเบื้องแจกันที่แตกกระจายอยู่บนพื้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ..ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องราวร้ายๆ มันจะจบสิ้นสักที เหนื่อยแล้วนะ..แค่ปัญหาของตัวเองที่เกิดขึ้นเขายังแก้ไม่ได้..แล้วไหนจะปัญหาของยูอีอีก..เมื่อไหร่ทงเฮจะหยุด..
หยุดทำให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายสักที..
.
.
คนเรา..
ไม่เห็นโลงศพ..ย่อมไม่หลั่งน้ำตา..
ตอนนี้.. 22.15 น.
ผม..ยังนอนไม่หลับ
ร่างหนาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาพลางเอาแขนก่ายหน้าผาก ทำไมถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้..ให้ตายเถอะ สันดานแบบนี้ทำยังไงถึงจะหายสักที.. ไอ้อาการปากหมาแล้วมารู้สึกผิดทีหลังเนี่ย..
เขาพูดกับยูอีแรงเกินไป..ใช่..มันแรงเกินไป
แต่ในตอนนั้นมีแต่ความโทสะที่เด่นชัดอยู่ในความรู้สึก เพียงแค่เห็นแววตาแสนเย็นชาของยูอีที่มองมา มันก็พาลคิดไปไกล..
‘ว่าเธอคงหมดรักจากเขาแล้ว ตอนนี้เธอมีเพียงแค่ฮยอกแจคนเดียวเท่านั้น’
ที่คิดแบบนั้นไม่ได้หึงหวงอะไร คิดดูสิ..ถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไง ในเมื่อคนที่เคยรักคุณยอมคุณทุกอย่าง ตอนนี้เธอกลับมองคุณราวกับเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่ง แล้วไหนจะคำพูดที่ตัดพ้อนั่นอีก ตอนนั้นอารมณ์ร้อน..ในหัวคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้เธอเจ็บปวดกับคำพูดของเขามากที่สุดไม่ทันคิดถึงจุดประสงค์ที่ไปเหยียบที่นั่น..หลังจากนั้นก็มารู้สึกผิดเอาทีหลัง..
เบื่อตัวเอง..
ทงเฮถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นไปค้นลิ้นชักซีดีหน้าทีวี หาอะไรดูแก้เซ็งดีกว่า จำได้ว่าช่วงหนึ่งเขาโหลดหนังไว้แล้วไรท์ใส่แผ่นเอาไว้ อย่างน้อยหนังพวกนี้ก็คงช่วยทำให้เขาหลับคาทีวีได้ล่ะนะ
แผ่นซีดีสีขาวถูกหยิบขึ้นมาก่อนที่คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เมื่อแผ่นนั้นไม่มีคำเขียนบรรยายชื่อเรื่องเอาไว้ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร ขี้เกียจเลือกให้เสียเวลา..งั้นก็ดูแผ่นนี้เลยแล้วกัน
แผ่นซีดีปริศนาถูกใส่เข้าไปในเครื่องเล่นดีวีดี ทงเฮเดินกลับมานั่งบนโซฟาก่อนจะกดรีโมทเปิดพลางหยิบหมอนมาวางไว้บนตักก่อนที่ภาพบนจอแก้วจะฉายขึ้นมา
“
.”
“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง....เย้!!!!!!!!!!!!!” เสียงหัวเราะประสานเสียงของเด็กหนุ่มสี่คนที่สวมเพียงแค่กางเกงขาสั้นถึงเข่าคนละตัวกำลังวิ่งลงทะเลในยามเย็น กล้องถูกแพลนไปยังเด็กหนุ่มตัวบางที่กำลังยืนนิ่งพลางขยี้ตาตัวเองก่อนที่จะมีใครอีกคนเดินเข้ามาดูอาการ
ชายหนุ่มอีกคนจับมือเรียวออกจากตาก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้พลางจ้องดวงตาที่แดงก่ำอย่างเป็นห่วง เมื่อกี้ตอนกระโดดลงน้ำทะเลทรายคงเข้าตาเป็นแน่
“มึงอย่าขยี้ตาดิ”
“ก็มันแสบตาอ่ะ..อะ..โอ๊ย..”
“อยู่นิ่งๆ กูเบามือแล้วนะ”
ภาพที่เห็นมันทำให้เกิดคำถามในหัวว่า..ทำไมคนถ่ายถึงจงใจแพลนกล้องไปยังเขาทั้งคู่..จำได้ว่าคนถ่ายเป็นคยูฮยอน ไอ้หมอนั่นอาสาเป็นคนถ่ายเองเพราะไม่อยากลงไปเล่นน้ำกับคนอื่น ทั้งที่มีเฮนรี่ มีอีทึกไปด้วย แต่ภาพที่ฉายส่วนใหญ่กลับมีแต่เขากับฮยอกแจ
เสียงหัวเราะ..รอยยิ้มของเพื่อนรักแต่ละคนทำให้เขาละสายตาจากจอแก้วไปไหนไม่ได้..ฉากตัดมาไปที่กองไฟในเวลาค่ำคืน เสียงเพลงถูกขับร้องประสานเสียงแต่ฟังแล้วห่วยแตกอย่าบอกใคร
“คยู! มึงถ่ายหน้าคนดิว๊า..กองไฟแม่งมีเชี่ยไรน่าดูเนี่ย” เสียงแว่วมาก่อนที่กล้องจะถูกบังคับให้หันไปด้านข้าง ใบหน้าขาวตี๋ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งชัดเต็มหน้ากล้องก่อนที่จะมีใครอีกคนแทรกหน้าเข้ามา เอียงหน้าซ้ายขวาพลางลูบจอนผมก่อนที่กล้องจะถูกแย่งกลับมาเหมือนเดิม
เสียงบ่นอุบอิบข้างๆ หากแต่ภาพที่เห็นคือตัวเขา...ตัวเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ อีฮยอกแจ..
“มึงอ่ะไม่ต้องแดก” ทงเฮว่าพลางแย่งแก้วเหล้าของคนข้างๆ มาดื่มแทน ฮยอกแจเลิกคิ้วมองก่อนจะหันมามองกล้องแล้วชี้หน้าไอ้เพื่อนบ้าที่แย่งแก้วของเขาไป
“เฮ้ย ดูแม่งดิ มาทะเลทั้งทีไม่ให้กินเหล้าได้ไงวะ”
“เออ ไอ้เหี้ยทงเฮอะไรของมึงวะสัด กูชงให้มันบางๆ แล้วนะ” เสียงเฮนรี่ประท้วงหากแต่คนถูกว่าไม่ได้สนใจ ทงเฮหันไปเรอใส่หน้าฮยอกแจพลางหัวเราะลั่นเมื่อคนข้างๆ เบี่ยงหน้าหลบอย่างรังเกียจ
“ควายเอ๊ย กลิ่นละมุดเต็มหน้ากูเลย”
“5555555555555555555”
“ขำหาพ่อมึงเหรอ แม่ง กูแดกโค้กก็ได้สัด” ฮยอกแจบ่น กินอะไรก็ไม่ได้สักอย่างไอ้คนข้างๆ ก็ห้ามซะหมด เป็นโรคกระเพาะหรือมะเร็งระยะสุดท้ายกันแน่วะ
“โค้กก็ไม่ได้” มือหนารั้งข้อมือเล็กเอาไว้พลางดึงขวดโค้กมา ฮยอกแจอ้าปากค้างมองใบหน้าคมที่เคี้ยวกับแกล้มหน้าตาเฉย
“ทงเฮ ไอ้สาด นี่มึงเป็นเพื่อนหรือพ่อมันกันแน่วะ” อีทึกเอารองเท้าแตะเขวี้ยงใส่เพื่อนรุ่นน้องไปทีนึงแต่เจ้าตัวรับไว้ได้ทัน
“พวกมึงไม่รู้เหรอ น้ำอัดลมมันกัดกระเพาะ ไม่ดีต่อสุขภาพนะรู้ไหม” ทงเฮยิ้มกริ่ม..ตาเยิ้มแบบนี้คงเริ่มเมาแล้วสินะ
“งั้นมึงแดกน้ำเปล่าเถอะฮยอกแจ” คนถือกล้องพูดพลางหัวเราะในลำคอก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้าง หากแต่คนถูกขัดใจได้แค่อ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น มาเที่ยวทะเล...แต่ให้กินน้ำเปล่า..เจริญ
.
.
ตกดึก..กองไฟเริ่มมอดลง กล้องแพลนไปทีละคนเริ่มจากเฮนรี่ ไอ้ตี๋นั่นเอนหัวพิงกับดูโอ้ยอดรักตาปรือ หัวเราะค้างกับเรื่องราวที่อีทึกพึ่งเล่าจบไป มือแกร่งผลักหัวไอ้ตี๋ออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่คนถูกผลักกลับทำตัวเป็นตุ๊กตาล้มลุก ถึงคราวที่ฮยอกแจต้องเล่าเรื่องตลกบ้าง ร่างโปร่งนั่งคิดอยู่นานก่อนจะกลั้นหัวเราะ
“เรื่องที่กูจะเล่าต่อไปนี้...เป็นเรื่องตอนไอ้เชี่ยทงเฮแม่งเมา” คนถูกพาดพิงเริ่มร้อนตัว จากตอนแรกกึ่มเมาอยู่แต่ก็ต้องตาสว่างในทันที
“ดีๆ นะมึง”
“อย่างที่รู้ๆ กัน..ว่าพี่ทงเฮขาสุดหล่อที่สาวๆ ต่างหลงไหล..ตอนเมานะ..แม่งชอบทำตัวเหมือนลูกแมว” ฮยอกแจทั้งเล่าทั้งหัวเราะไปด้วย เมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ ระหว่างเขากับทงเฮ
ใช่แล้ว..เวลาทงเฮเมาเขาชอบที่จะเข้าไปอ้อน..อ้อนอีฮยอกแจคนเดียว
“อ้อนตีนน่ะเหรอ” อีทึกว่าก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นอีกครั้ง ทงเฮนั่งยืดตัวตรงทำหน้านิ่งเหมือนไม่ใส่ใจ เสตามองคนข้างๆ ที่เอาแต่หัวเราะอยู่อย่างนั้น มันขำมากนักรึไง
“เออ..แล้วพอกูลากมันกลับบ้านนะ แค่เอนตัวลงนอนบนเตียงเท่านั้นแหละ..แม่งชอบบังคับให้กูบอก...อุ๊บ!!!!” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกมือหนาปิดปากเอาเสียก่อน ฮยอกแจจับมืออีกคนเอาไว้ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งทำตาเขียวเป็นเชิงขู่
“อะไรของมึงทงเฮ มึงชอบแก้ผ้าวิ่งรอบบ้านเหรอถึงไม่อยากให้ไอ้ฮยอกแจมันเล่า” เฮนรี่แซวขึ้นมา คนถูกปิดปากกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะรีบแกะมืออีกคนออกแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เชี่ยทงเฮมันชอบให้กูบอกรักก่อนนอนเว้ย! ฮ่าๆ ~” ฮยอกแจตะโกนลั่นก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเขามา ร่างโปร่งเห็นท่าไม่ดี รีบวิ่งหนีเพื่อนสนิทที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา
“อะ..อ้าวเฮ้ยๆๆ” ชักไม่แน่ใจแล้วว่าทงเฮเมาจริงๆ หรือว่าแกล้งเมากันแน่ คนเมาอะไรจะวิ่งเร็วได้ขนาดนี้ ร่างหนาเข้าล็อคคอเพื่อนสนิทพร้อมกับลากลงทะเลท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสามคนที่ยังคงนั่งล้อมกองไฟอยู่ตรงนั้น
“วู๊ววววววว!! ไอ้เชี่ยทงเฮแม่งสาวน้อยสัด”
“ใครรุกใครรับวะเนี่ย?”
“ดูจากสภาพ..ไอ้ฮยอกแจมันคงรุกแล้วล่ะ..”
“เออว่ะ เชี่ยทงเฮแม่งทำเป็นแอ๊บแมน จริงๆ แล้วแผนสูงอยากได้ไอ้ฮยอกแจไว้เป็นผัวคนเดียวสินะ” อีทึกว่าก่อนจะหัวเราะลั่น
“นี่มันละครน้ำเน่าหลังข่าวเรื่องใหม่ใช่ไหม?”
“เอ้าๆ นั่นไง แม่งเข้าด้ายเข้าเข็มกันแล้ว” เฮนรี่พูดพลางชี้ไปยังคนสองคนที่กำลังกอดคอเล่นน้ำกันยามดึก ร่างหนาสวมกอดเพื่อนสนิททางด้านหลังในขณะที่อีกคนดิ้นพล่านหนีอ้อมกอดก่อนที่ทงเฮจะกระซิบข้างหูร่างโปร่งเบาๆ
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..มึงบอกรักหวานๆ ให้กูฟังหน่อยซิ?”
ใบหน้าเรียวหันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิทที่ปัจจุบันห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตากลมจ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาของอีกฝ่าย ถึงมันจะเห็นได้ไม่ชัดเจนเพราะความมืดยามค่ำคืน แต่มันก็พอทำให้เขารู้ได้ว่าอีกฝ่ายจริงจังมากน้อยแค่ไหน
คิดมากทำไม..ก็แค่เพื่อนบอกรักเพื่อนเท่านั้น
“ใครรักมึง?” คำถามกวนประสาททำให้คนได้ยินเลิกคิ้วมองเมื่อถูกขัดใจ
“มึงไง” ตอบได้ไม่อาย ถึงไม่เมาก็จะตอบแบบนี้แหละ อย่างที่รู้ๆ ว่าถ้าฮยอกแจไม่ยอมบอกรักเขาก่อนนอน ฮยอกแจก็จะโดนกวนอยู่อย่างนั้นไม่ได้หลับไม่ได้นอนเป็นแน่ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก..ช่วงแรกที่อ้อนให้บอกรักก็แค่อยากแกล้งคนปากแข็งให้พูดเรื่องน่าอายก็เท่านั้น แต่พอนานไปแล้วมันกลับเป็นเรื่องเคยชิน วันไหนเมาแล้วไม่ได้ยิน..มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
ฮยอกแจมองหน้าเพื่อนสนิทที่เลิกคิ้วมองรอคำตอบอยู่อย่างนั้น ไอ้บ้านี่ชอบทำอะไรน่าถีบอยู่เรื่อย ไม่รู้พิศวาสอะไรกับคำนั้นนักหนา
“รู้แล้วถามทำไม” ฮยอกแจพูดเบาๆ ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทพูดท่ามกลางเสียงแซวและเสียงหัวเราะของเพื่อนอีกสามคน ร่างโปร่งเอาศอกกระทุ้งอีกคนจนตัวงอก่อนจะหันมาถีบให้ตกน้ำ..คนถูกถีบถึงกับสร่างเมาพลางมองไปยังเพื่อนตัวดีที่รีบวิ่งขึ้นไปบนชายหาด
ทงเฮเสยผมขึ้นพลางแค่นเสียงหัวเราะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่มีเพื่อนสนิทอีกสามคนแท้ๆ แต่คนที่ทำให้อีทงเฮยอมได้ทุกอย่าง..กลับเป็นอีฮยอกแจแค่คนเดียว..
พรึ่บ
จอทีวีดับลงพร้อมกับรีโมทที่ยังคงถือค้างอยู่ในมือ..นัยน์ตาคมยังคงจ้องจอแก้วสีดำอยู่อย่างนั้นก่อนที่หยาดน้ำใสจะค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว..ร่างกายรู้สึกได้เพียงแค่การเต้นของหัวใจที่มันเต้นช้าลง..และความเจ็บปวดที่รื้นขึ้นมาจนต้องเอามือทาบหัวใจตัวเองเอาไว้..
คลิปที่ไปเที่ยวกันเมื่อปีที่แล้ว..จำได้ว่าถ้าเปิดดูต่อไปอีกคงเป็นปาร์ตี้เซอร์ไพร์ซวันเกิดให้ฮยอกแจ..แต่..คงเขาคงทนดูต่อไปไม่ไหว..
สนใจแต่ความรู้สึกตัวเองจนลืมนึกถึงคนรอบข้าง..แกมันบ้าไปแล้วอีทงเฮ...
ไม่มีเสียงสะอื้น..มีเพียงแค่น้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด..ไม่มีใครทำร้ายเขานอกจากตัวเอง..ทงเฮเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัวพร้อมกับกดโทรหาคนที่หวังจะเป็นที่พึ่งได้..ถึงแม้รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะเย็นชาใส่และพูดจาให้เจ็บปวดสักแค่ไหน..แต่ก็ยังเลือกที่จะโทรหา
‘...................’
“....มึง”
‘มีอะไร’
“มาหากูที่บ้านได้ไหม..”
.
.
จนกว่าจะไม่เหลือใคร..
ถึงจะมองเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ สินะ
ร่างโปร่งยืนนิ่งอยู่หน้าประตูก่อนที่ใครอีกคนจะเปิดให้ คยูฮยอนเดินตามคนที่เรียกว่า ‘เพื่อน’ เข้าไปก่อนจะหยุดชะงัก นัยน์ตาเรียวมองรอบๆ ตัวบ้านที่รกราวกับพึ่งโดนปล้นมาพลางหันมาสบตากับร่างหนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“โทรเรียกกูมาเก็บบ้านให้รึไง?”
“....เปล่า”
“กูไม่ใช่ไอ้ฮยอกแจ เพราะฉะนั้นอย่าหวังว่ากูจะทำเรื่องพวกนี้ให้มึง อยากคุยก็ออกมาข้างนอกแล้วกัน” คยูฮยอนพูดก่อนจะปิดจมูกตัวเองเมื่อกลิ่นบุหรี่เตะเข้าจมูกพร้อมกับเดินออกไปข้างนอกตัวบ้าน
คยูฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่ในสวนหน้าบ้าน พ่อของทงเฮชอบแต่งสวนแต่ตอนนี้หญ้าเริ่มสูงขึ้นแถมดอกไม้ก็เริ่มเฉา น่าสงสารดอกไม้พวกนั้นที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามแต่กลับไม่มีคนดูแลมัน.. ร่างหนานั่งลงข้างอีกคนพลางทอดสายตาออกไปข้างหน้า จำไม่ได้แล้วว่าล่าสุดเขาเดินมาเหยียบในสวนนี่เมื่อไหร่
“มีอะไรก็พูดมา” ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ที่ตกลงมาหาตามคำขอก็เพราะว่ายังนึกถึงความเป็นเพื่อนอยู่หรอกนะ
“เรา..เป็นเพื่อนกันมาสามปีแล้ว..แต่คนที่กูสนิทด้วยมากที่สุดก็คือฮยอกแจ”
“..............” คยูฮยอนเหลือบไปมองคนข้างๆ อย่างไม่เชื่อสายตา นี่ใช่อีทงเฮที่เขารู้จักจริงๆ เหรอ? จำได้ว่าไอ้หมอนั่นไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้มาก่อน
“ในตอนนี้ กูกลายเป็นคนอื่นในสายตามันไปแล้ว”
“นึกไงถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มึงสำนึกผิดงั้นเหรอ?” คยูฮยอนถามออกไปตรงๆ มันก็ดีหรอกนะที่คนอย่างอีทงเฮสำนึกผิดได้..แต่บางอย่าง..มันก็สายเกินแก้
“...............”
“รู้ไหมว่าไอ้หลัวกับพี่ทึกมันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของมึงแล้ว...เค้าเอือมมึงกันหมด” ยิ่งได้ฟังยิ่งรู้สึกแย่ แต่ทุกอย่างมันก็คือความจริง เฮนรี่หวังดีโทรตามไปเรียนกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยสำนึกขอบคุณแถมยังพูดจาไม่ดีใส่อีก ลำพังพี่ทึกโตกว่าแถมสนิทกับเฮนรี่อีกมันคงไม่อยากเข้ามาวุ่นวาย ในเมื่อมันมีเพื่อนสนิทอยู่แล้วทั้งคน
“อืม..”
“มึงไปหายูอีมาแล้วสินะ”
“อืม..”
“เป็นยังไงล่ะ โดนไอ้ฮยอกแจไล่กลับมารึไง?”
“เปล่า”
“..................”
“กูเสือกชวนยูอีทะเลาะซะก่อน ตอนนั้นฮยอกแจมันไม่อยู่..แล้วกู..ก็โดนเธอไล่ออกมา” ทงเฮสารภาพผิดพลางเสตามองไปทางอื่น คยูฮยอนถอนหายใจพลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“มึงไปที่นั่น เพราะอะไร”
“.................”
“มึงโทรหากู เพราะไม่มีใครยอมรับฟังเรื่องของมึงแล้วใช่ไหม” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิด แต่มันก็เป็นอย่างที่คยูฮยอนพูดจริงๆ นั่นแหละ
“กู...” พูดไม่ออก..
“คนอย่างมึงก็เป็นซะอย่างนี้ เห็นแก่ตัว ไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่น พอถึงเวลาแบบนี้ค่อยมาสำนึกผิดเอาทีหลังมันก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว” คยูฮยอนพูด หวังว่ามันจะซึมเข้าสมองกลวงๆ ของทงเฮบ้าง ไม่ใช่ว่าลำเอียงรักเพื่อนไม่เท่ากัน..แต่ในสิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่ทุกอย่างมันทำให้เขาเลือกที่จะอยู่ข้างๆ ฮยอกแจ
“อ่อ..กูมีอะไรจะบอกให้มึงได้รู้ไว้”
“................” ทงเฮหันควับกลับมามองหน้าอีกคน ทำไมได้ยินประโยคนี้แล้วถึงต้องใจสั่นนะ ราวกับว่าประโยคถัดไปมันจะร้ายแรงจนเขารับไม่ได้
“ฮยอกแจ...มันชอบยูอีมาก่อนมึงเป็นอาทิตย์..แต่มึง..กลับชิงตัดหน้ามันไปซะก่อน..”
“..........................”
นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่คาดคิด.. คยูฮยอนถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของทงเฮ..อย่างน้อย..ครั้งนี้ทงเฮก็ไม่ได้ตั้งใจแย่งของๆ ฮยอกแจ..แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็ยากที่จะให้อภัยได้ในทันที
ภาพตอนที่ทงเฮกำลังพลอดรักกับยูอีในขณะที่มีฮยอกแจอยู่ข้างๆ ฉายขึ้นมา..หลายครั้งที่ทงเฮลากฮยอกแจให้ไปช่วยซื้อของให้เธอ แล้วของทุกอย่างก็ถูกใจทั้งนั้น ไม่ทันสังเกต..ว่าทำไมฮยอกแจถึงชอบฝืนยิ้มอยู่บ่อยๆ ทำไมฮยอกแจถึงได้หาเรื่องไปนั่นไปนี่อยู่เรื่อย ไม่ยอมอยู่กับเขา
ที่แท้...ก็เป็นอย่างนี้นี่เองสินะ...
“รู้ใช่ไหม? ว่าฮยอกแจมันไม่ใช่คนไวไฟเหมือนมึง ทั้งที่มีโอกาสจีบยูอีแต่มันเลือกที่จะทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ”
“.................”
“กูเตือนมันแล้ว บอกว่าระวังให้ดีเถอะถ้ามึงได้เห็นยูอีเมื่อไหร่..” คยูฮยอนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาอีกคนที่ยังคงช็อคอยู่
“.................”
“คิดดูให้ดีแล้วกัน...ว่าใครกันแน่..ที่แย่งของๆ เพื่อน..”
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น..
มือแกร่งกระชับกระเช้าผลไม้ในมือพลางเดินตรงไปหยุดหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หัวใจเต้นแรงจนต้องผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อผ่อนคลาย ถ้าเกิดเข้าไปในห้องคนไข้มีหวังต้องเจอยูอีไล่ตะเพิดออกมาเป็นแน่ สำนึกผิด เป็นห่วง แต่สุดท้ายที่คนขี้ขลาดอย่างอีทงเฮทำได้..ก็แค่นี้แหละ
“ผมฝากให้คุณยูอีห้อง 1011 ทีนะครับ”
“อ๋อได้ค่ะ” พยาบาลสาวเดินออกมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะรับกระเช้าผลไม้มาไว้ในมือ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหันไปเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งสองกำลังเดินมา
“...............”
“...............”
“...............”
“อ้าว..คนไข้มาพอดีเลยค่ะ..”
“มาทำไม?” ร่างบางเอ่ยถามเสียงเย็น นัยน์ตาคู่สวยฉายแววรังเกียจเมื่อเห็นคนตรงหน้า ทงเฮหันไปมองใบหน้าร่างโปร่งที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าพูดอะไรออกไป..
“เขาฝากนี่ไว้ให้คุณน่ะค่ะ ญาติผู้ป่วยจะรับไว้เลยไหมคะ?” พยาบาลสาวยื่นกระเช้าผลไม้ให้ฮยอกแจหากแต่ถูกร่างบางปัดมันตกพื้นอย่างไม่ใยดี
“อะ...เอ่อ...”
“ฉันไม่ต้องการ” ร่างบางตอบขณะที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าอดีตคนรัก ไม่ใช่แค่พยาบาล..ฮยอกแจเองก็ตกใจไม่แพ้กันกับการกระทำของยูอี
“...................”
“กลับไปซะ”
.
.
ร่างโปร่งเอากระเช้าวางไว้บนโต๊ะหลังจากยูอีหลับไปแล้ว โชคดีที่กระเช้าห่อพลาสติกใสเอาไว้ แปลกใจ..ทำไมทงเฮถึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง คนอย่างทงเฮไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเป็นครั้งที่สองหรอก ครั้งเดียวมันก็มากเกินพอแล้ว สีหน้าทงเฮในตอนนั้นดูซึมผิดปกติ..ใช่..หมอนั่นเคยทำหน้าดีๆ เหมือนคนอื่นเค้าที่ไหน นอกจากจะแสดงอาการเย่อหยิ่งจองหองให้ใครได้เห็น
สงสารทงเฮ..นี่แหละคือข้อเสียของฮยอกแจ
ร่างโปร่งเอาผลไม้ออกมาวางใส่ตะกร้าเตรียมเอาไปล้างแล้วปอกให้คนป่วยได้ทาน เสียงประตูเปิดออกเบาๆ พร้อมกับใครอีกคนที่เดินเข้ามา ฮยอกแจโค้งหัวให้อย่างมีมารยาทก่อนจะเดินออกไปข้างนอกตามคำเชิญของอีกฝ่าย
ร้านกาแฟเล็กๆ ในโรงพยาบาล..ใครคนหนึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟดำพลางทอดสายตาออกไปข้างนอก ร่างโปร่งนั่งนิ่งรอให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“ฉันจะส่งยูอีไปเรียนฝรั่งเศส”
“....ครับ” ถึงจะตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน..แต่ที่ทำได้..ก็แค่พยักหน้าเข้าใจและรับฟังเท่านั้น
“เธอเองก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันคงไม่ปล่อยให้ลูกสาวของฉันไปอับอายขายขี้หน้าที่มหาลัยนั่นอีก”
“ครับ....”
“ฉันจะทำเรื่องโอนเกรดไปทีหลัง..ฉันมีพี่สาวอยู่ที่นั่น..มันคงทำให้สภาพจิตใจยูอีดีขึ้นบ้าง..ฉันไม่อยากให้ยูอีต้องเจ็บปวดอีก”
“คุณจะส่งเธอไปเมื่อไหร่เหรอครับ”
“อาทิตย์หน้า” แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมกับเสียงถอนหายใจ มันคงเป็นทางออกสุดท้ายแล้วที่เขาจะมอบให้กับลูกสาว..อยู่ที่นี่ต่อไปก็คงเป็นขี้ปากคนเปล่าๆ
“ครับ”
“...............” เงยหน้ามองร่างโปร่ง รู้สึกผิดที่ลงไม้ลงมือกับฮยอกแจไปเมื่อวาน
“ยูอีรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหมครับ”
“อืม..ฉันพึ่งคุยกับเธอเมื่อเช้า”
“ครับ”
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลยูอี..ทั้งที่เด็กในท้องที่เสียไป..ไม่ใช่ลูกของเธอเลยแท้ๆ” น้ำเสียงอ่อนลง ไม่รู้จะพูดอะไรดีกับเด็กคนนี้..คาดคั้นถามยูอีก็แล้วว่าใครเป็นพ่อเด็ก..แต่เธอก็ไม่ยอมบอก..เอาแต่ร้องไห้ คนเป็นพ่อเวลาเห็นลูกสาวเจ็บปวด..มีหรือจะซ้ำเติม..
“ไม่เป็นไรครับ..เธอเป็นเพื่อนผมนี่..” ฮยอกแจยิ้มบางๆ จะทิ้งเธอไปเฉยๆ คงไม่ได้หรอก..ทำไม่ได้จริงๆ
“วันพุธหน้า..เก้าโมงเช้าสนามบินอินชอน..ไปส่งเธอให้ได้ล่ะ”
.
.
“อีกคำนึงนะ” แอปเปิ้ลเขียวที่ถูกปอกอย่างดียื่นเข้าไปใกล้ริมฝีปากอิ่ม ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อถูกบังคับให้กินของๆ คนที่เกลียดเข้ากระดูกดำ
“อย่าดื้อกับเราสิ”
“อยากทานก็ทานเองสิ” ร่างบางพูดพลางหันมองไปทางอื่น ฮยอกแจเลิกคิ้วมองก่อนจะกินแอปเปิ้ลชิ้นนั้นเสียเอง ร่างบางหันควับมามองค้อนคนตรงหน้าที่เคี้ยวตุ้ยๆ หน้าตาเฉย
“อะไรของเธอ”
“เอาไปทิ้งได้แล้ว ของๆ คนพรรค์นั้นน่ะ..” ยูอีว่าพลางคว้าจานผลไม้ขึ้นมาหวังจะโยนทิ้ง แต่ร่างโปร่งแย่งไว้ได้ทัน
“อย่าทำลายข้าวของสิ เธอเป็นตัวร้ายละครน้ำเน่าหลังข่าวรึไงกัน” ฮยอกแจแซวเล่นหากแต่อีกคนกลับคิ้วขมวดทำหน้าไม่พอใจ ฮยอกแจหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอาจานไปเก็บ
ร่างโปร่งเดินออกมานั่งข้างเตียงคนป่วยเช่นเดิมพลางกระชับผ้าห่มให้อีกคน ถึงทำให้ยูอียิ้มไม่ได้..แต่อย่างน้อยก็ทำให้เธอไม่ซึมเศร้า ไม่ร้องไห้ได้ล่ะนะ..
“ไปอยู่ที่นั่นต้องดูแลเรื่องสุขภาพ อาหารการกินให้ดีนะ” ฮยอกแจพูด ร่างบางหันมามองหน้าคนที่กำลังยืนจัดหนังสือนิตยาสารอยู่ข้างๆ ก่อนจะหลุบตาลง
“รู้แล้วเหรอ..”
“อืม”
“อยากให้เราไปไหม..” ถามเหมือนคนโง่ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบอะไรกลับมา คนอย่างฮยอกแจ..คงไม่รั้งเธอไว้หรอก..
“อย่าถามเลย..คำตอบมันไม่น่าฟังนักหรอก นอนเถอะ” ฮยอกแจเปิดโคมไฟเล็กๆ บนหัวเตียงคนไข้ก่อนจะเดินไปปิดสวิตซ์ไฟดวงใหญ่ ร่างโปร่งเอนตัวลงนอนบนโซฟาพลางเอาแขนเกยหน้าผากท่ามกลางความเงียบ..ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก
.
.
“วันนี้เห็นไอ้เชี่ยทงเฮมันบอกว่าจะมาเรียนด้วยว่ะ”
“เยดดด...อะไรเข้าฝันแม่ง” อีทึกหัวเราะพลางหันกลับไปมองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งกินมื้อเที่ยงกันอยู่
คงสำนึกผิดได้หลายๆ เรื่อง..หวังว่าเรื่องราวคงดีขึ้นในเร็ววันนะ..
“คยูฮยอน แดกข้าวน้อยจังวะ”
“ก็ดูแม่งดิ แดกนมปั่นไปเกือบหมดแก้วจะไม่ให้อิ่มได้ไง” สองดูโอ้ต่อปากต่อคำกันเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่คยูฮยอนหยิบมือถือขึ้นมาดูเมื่อมีคนโทรเข้า
ร่างโปร่งชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง..ไม่อยากกดรับสายสักเท่าไหร่..ไม่วายคงโทรมาพูดเรื่องพ่ออีกเป็นแน่.. ถ้าพ่อไม่พูดเรื่องคิมยองอุน..มีหรือเขาจะทะเลาะกัน
“ว่าไงครับแม่”
‘คยูฮยอน’
“อืมครับ”
‘พ่อเข้าโรงพยาบาล......’
แค่ได้ยินดังนั้นคยูฮยอนก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที ร่างโปร่งสะพายกระเป๋าก่อนจะวิ่งออกมาจากแคนทีนอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้กับเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
ฝีเท้าวิ่งไปตามฟุตบาท ไม่คิดจะหยุดพักเหนื่อยแต่อย่างใด ถึงจะมีปากเสียงกับพ่อจนเข้าหน้ากันไม่ติด..แต่เขาก็ละเลยพ่อไปไม่ได้
“คยูฮยอน”
ร่างโปร่งหยุดชะงักพลางมองไปยังใครอีกคนที่นั่งอยู่บนรถฝั่งตรงข้าม คนที่เขาไม่อยากเจอหน้าพอๆ กับคิมยองอุน..
“คุณจะไปไหนน่ะ?”
“.....ไม่ใช่เรื่องของคุณครับ” คยูฮยอนรีบปิดการสนทนา คุยไปก็เสียเวลาเปล่า ที่สำคัญคือต้องไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
“คุณกำลังรีบ ให้ผมไปส่งดีกว่านะ”
คยูฮยอนถอนหายใจพลางนึกไปถึงเรื่องพ่อ ถ้าเกิดติดรถชเวซีวอนไปคงถึงโรงพยาบาลเร็วกว่ารถเมล์แน่...สุดท้ายก็ยอมลดทิฐิ ร่างโปร่งวิ่งข้ามฝั่งมาขึ้นรถพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัย
“โรงพยาบาลกังนัมครับ”
.
.
ร่างสูงวิ่งตามร่างโปร่งไปที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ สอบถามรายชื่อเรียบร้อยแล้วก็ตรงดิ่งไปที่หน้าประตูห้องคนไข้พิเศษทันที
“...ไข้หวัดใหญ่” คยูฮยอนคิ้วขมวดพลางยืนพิงผนังฝั่งตรงข้ามประตูห้อง พอมาถึงแล้วกลับไม่กล้าเข้าไป..
“ไม่เข้าไปล่ะครับ” ร่างสูงถามอย่างไม่เข้าใจ เห็นรีบร้อนมาที่นี่แท้ๆ
“......ผม”
“อ้าว..คยูฮยอนมาแล้วเหรอ?” ทั้งคู่หันไปตามเสียงก่อนจะเบิกตากว้าง.. เมื่อคนตรงหน้าที่กำลังเดินมาคือ..
คิมยองอุน..
ยองอุนเดินมาหยุดตรงหน้าคยูฮยอนพร้อมกับยิ้มให้ ในมือมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กเตรียมมานอนเฝ้าคุณลุงที่สนิทกัน นั่นทำให้คยูฮยอนรู้สึกใจไม่ดี..
ซีวอนมองทั้งคู่ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น..จำได้ว่าคยูฮยอนเคยวิ่งหนีคนๆ นี้จนเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ..เดาไม่ออกเลยว่าทั้งคู่มีเรื่องเคืองใจอะไรกันรึเปล่า? เพราะสีหน้าของเขายิ้มแย้มต่างจากอีกคนที่ถอยห่างออกมาถึงสามก้าว..
“คุณลุงรอนายอยู่ข้างในน่ะ เข้าไปด้วยกันเลยไหม?” ยองอุนถามคนตรงหน้าก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้น
พอเห็นสายตาอีกฝ่ายซีวอนก็เริ่มเข้าใจว่าตัวเองไม่ควรอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ยองอุนเดินเข้าห้องคนไข้เหลือเพียงแค่อาจารย์กับลูกศิษย์ที่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
ร่างสูงหันไปบอกลาลูกศิษย์พร้อมกับบีบไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น คยูฮยอนมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินหนีเขาไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากเจอหน้าแท้ๆ แต่ตอนนี้..กลับต้องการให้ซีวอนอยู่กับเขา..
แทนที่จะอยู่กับคนนั้น..คิมยองอุน..
.
.
ร่างโปร่งยืนจ้องบานประตูอยู่อย่างนั้น..ไม่กล้าเดินเข้าไป..ถึงแม้ว่าพ่อจะอยู่ข้างในนั้นแต่ก็ยังกลัวอยู่ดี..ทุกครั้งที่เจอคิมยองอุน..คยูฮยอนจะกลายเป็นอีกคนทันที..
มือเรียวดันประตูเข้าไปเบาๆ ในห้องที่ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเพียงเท่านั้น...ความมืดในห้องเพราะผ้าม่านที่ปิดไว้ทำให้คยูฮยอนกลัวยิ่งกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า..
ทันทีที่ประตูปิดลงร่างโปร่งก็ถูกใครอีกคนกระชากเข้าไปในห้องน้ำ มือหนาปิดปากร่างโปร่งเอาไว้พร้อมกับดันคยูฮยอนให้ติดกับผนังจนต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ..ตกใจขนาดนั้นเลยรึไงหืม?” รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าหากแต่การกระทำนั้นกลับทำให้อีกฝ่ายกลัวจนแทบน้ำตาไหล..คยูฮยอนดันแผงอกอีกคนออกพร้อมกับเบี่ยงตัวหลบคนตัวโตกว่าที่กำลังซุกหน้าลงกับซอกคอเขา..
“อื้ออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!” ร่างโปร่งดิ้นพล่าน แต่ยิ่งหนีเท่าไหร่..อีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มแรงมากเท่านั้น
“พี่ไม่ชอบหน้าไอ้หมอนั่นเลย..ไหนตอบให้พี่ชื่นใจหน่อยซิ..ว่าเขาไม่ใช่แฟนของนาย” จ้องเข้าไปยังนัยน์ตาคู่สวยที่สั่นระริก..หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มพลางส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความหวาดกลัว
“อ่า..ไม่ใช่แฟนก็ดีแล้ว...” มือหนาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดอย่างไม่รีบร้อนหากแต่คนถูกกระทำกลับส่งเสียงร้อง..หวังให้ใครสักคนเข้ามาช่วย..
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ก็ตาม..
“พี่ไม่ชอบให้นายอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น..นายก็รู้..” ยองอุนพูดพร้อมกับกดจูบลงบนเปลือกตาบางอย่างอ่อนโยนหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น
ไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับคยูฮยอนมาก่อน..ถึงเขาจะมีลูกมีเมียแล้ว..แต่เขาก็ไม่ชอบ..ให้ใครมาแตะต้องคนของเขา...
“อื้ออออออออ!!!!!!!!!!!!!!” ร่างโปร่งกรีดร้องทั้งที่มือหนายังคงปิดปากอยู่ มือสากสอดเข้าไปในเสื้อตัวบางพลางลูบไล้ไปตามผิวเนียน
“นั่นใครน่ะ........คยูฮยอนเหรอ.......”
ยองอุนหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนไข้ที่ก่อนหน้านี้นอนซมอยู่แท้ๆ ร่างโปร่งอาศัยจังหวะนี้ผลักคนตรงหน้าออกด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำ...ต้องไปจากที่นี่...
ประตูห้องคนไข้ถูกผลักออกก่อนที่ร่างโปร่งจะทรุดลงไปกับพื้นเพราะเรี่ยวแรงทั้งหมดนั้นเลือนหายไปกับความกลัว มือเรียวกุมคอเสื้อตัวเองไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาด ร่างกายสั่นสะท้าน...ถึงไม่มีแรงจะลุกขึ้นยืน...แต่ก็ต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้...
ใบหน้าเรียวเงยขึ้นก่อนจะเห็นใครอีกคนยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า..ร่างสูงมองไปยังใครอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้นสภาพเหมือนคนถูกทำร้ายร่างกายมา นัยน์ตาคู่สวยยังคงเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา พอคยูฮยอนได้เห็นหน้าซีวอนแล้ว..กลับร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม..
“..ด....ได้โปรด....ช่วย....ช่วยผมด้วย....”
Talk with Writer
นอยตัวเอง เขียนอะไรออกมาไม่รู้ โว๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่รู้จะพูดอะไรดี ทงเฮรู้ความจริงแล้วจะทำยังไง? จะซึนต่อไปหรือเข้าไปขอโทษ แต่เราจะไม่บอกนะว่าเด็กในท้องยูอีเป็นลูกของใคร ไปมโนกันเอา #ชั่ว #อะไร เราให้ตัวเลือกกับพวกคุณนะคะ #ชั่วต่อเนื่อง
แหม่ะ.. วอนคยูปิดท้ายสักนิด เดี๋ยวหาว่าคู่รองไม่เด่น
(ปกติคู่รองเด่นกว่าคู่หลักทุกเรื่อง กูล่ะเศร้า)
โอเค ไม่มีไรจะพูดแล้ว ลาก่อนทุกคน ขอให้อึดอัดตายกับฟิคเรื่องนี้ (อีนี่บ้า)
ความคิดเห็น