คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : ว้าวุ่น
Chapter 5
ว้าวุ่น
เงียบ...
เงียบ...
“จ้องหน้าผมทำไม”
“ชดเชยเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เราไม่ได้เจอกันไง ยอโบก็ควรมองหน้าผมนานๆ เหมือนกันนะรู้ไหม” พูดจบก็หัวเราะชอบใจ ฮยอกแจผลักหน้าอีกคนออกขณะที่เขาทั้งคู่กำลังพยายามข่มตาหลับในค่ำคืนที่เงียบสงบแต่คงเป็นเขาคนเดียวมากกว่าที่พยายามจะหลับ -_- สถานที่ๆ ไม่คุ้นเคย บังกะโลริมหาดระแวกนั้นที่เขาทั้งสองเดินหากันร่วมชั่วโมง เพราะกว่าจะเคลียร์มื้อเย็นที่ทงเฮทำมาลงท้องจนหมดฟ้าก็มืดซะแล้ว พอตั้งท่าว่าจะกลับคอนโดก็ได้รับภารกิจเพิ่มอีก เปิดดูข้างในแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเจอประโยคที่ทำให้เขาแทบลมจับ
‘ฟ้ามืดแล้ว คู่รักปลาน้อยหาที่พักค้างคืนให้คุ้มค่ากับเดทอันแสนสุขเถอะนะ’
สุขกับผีอะไรล่ะ ที่นี่หนาวจะตายชัก คงมีแต่อีทงเฮล่ะมั้งที่เพลิดเพลินไปกับเดทนี่ หนำซ้ำยังไม่มีแววว่าจะมีที่พักอาศัยอยู่ระแวกนี้ด้วย โชคดีที่หาที่พักได้ไม่อย่างนั้นเขาทั้งคู่คงไปนอนบนรถเมล์จนกว่าจะเช้าแน่
“ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เราไม่ได้เจอกัน สิ่งแรกที่ยอโบทำตอนตื่นนอนคืออะไร” ทำหน้าจริงจังพร้อมกับขยับเข้าหาคุณภรรยาก่อนจะเบรคกระทันหันเพราะถูกมือเรียวดันหน้าเอาไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ”
“อะไรกันเล่า~”
“ก็หยิบมือถือมาดู เช็คทวีตเตอร์ เล่นไลน์ แล้วก็ลุกไปอาบน้ำ”
“โหยทำไมตอบแบบนี้เนี่ย ตามบทยอโบต้องตอบว่าคิดถึงผมเป็นสิ่งแรกทันทีที่หันไปมองที่นอนข้างๆ แล้วไม่เจอผมนะ”
“แล้วทำไมผมต้องพูดในสิ่งที่ผมไม่ได้คิดด้วย อย่าเพ้อได้ไหมอีทงเฮ” ฮยอกแจมองหน่ายๆ ทงเฮทำแก้มอมลมเหมือนเด็กๆ ซึ่งมันอาจจะน่ารักในสายตาแฟนคลับแต่สำหรับอีฮยอกแจคนนี้ไม่ใช่ เห็นแล้วอยากจะหยิกแก้มแรงๆ เอาให้แดงกันไปข้าง
“แล้วนายล่ะทำอะไร”
“ผมตื่นมาปิดนาฬิกาปลุกแล้วนอนต่อ”
“เห็นไหม นายเองก็ไม่ได้คิดถึงผมเหมือนกันนั่นแหละ” ฮยอกแจแค่นเสียงหัวเราะ ทีงี้แล้วอยากให้เขาคิดถึงงั้นเหรอ -_-
“ยอโบอยากให้ผมคิดถึงก็บอกมาตรงๆ เถอะ -.-”
“ผมพูดแบบนั้นเหรอไง?” ฮยอกแจหรี่ตามองคนหลงตัวเองแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาเป็นภาษารัสเซีย
“ผมพูด แต่ยอโบน่ะคิด~”
“ไปห่างๆ เลยไป”
“พอผมหายไปเดี๋ยวคนบางคนก็จะคิดถึงอีกนั่นแหละ เอาแต่มองมือถืออยู่ตลอดเวลา...เสียงานเสียการหมดแล้ว~” พูดขึ้นมาลอยๆ แต่ก็ทำให้อีกคนสตั้นได้ ฮยอกแจเบิกตาโพลงด้วยความสงสัย อีทงเฮรู้ได้ยังไงว่าเขาเอาแต่ดูมือถือ
“งงล่ะสิว่าผมรู้ได้ยังไง” ทงเฮหรี่ตามองคนข้างๆ แล้วยิ้มกริ่ม ท่าทางมีชัยแบบนี้เห็นแล้วก็อยากจะลืมๆ เรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่ไปซะ มาทำให้เขาอยากรู้แล้วก็เล่นตัว -_-
“ถึงเราจะไม่ได้เจอกัน แต่ผมก็ดูยอโบจัดรายการวิทยุเกือบทุกวันเลยนะ ถึงจะไม่ได้ดูจนจบก็เถอะ”
“ทำเป็นพูดดี” ฮยอกแจพึมพำเบาๆ รู้สึกดีที่ได้ยินคำตอบแบบนั้นถึงเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือโกหก บางทีอีทงเฮอาจจะโมเมเอาเองก็ได้ว่าดูเขาจัดรายการ เพราะเวลาจะหลับนอนของหมอนี่ในแต่ละวันก็ใช่ว่าจะมีมากมายขนาดนั้นแล้วประสาอะไรกับเจียดเวลามาดูเขาจัดรายการวิทยุ
“ก็ผมต้องถ่ายละครนี่”
“ช่างเถอะ...ว่าแต่เราจำเป็นต้องค้างคืนด้วยเหรอ”
พอนึกถึงสถานภาพปัจจุบันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เขาทั้งคู่เป็นเพียงแค่ Special Couple มันก็จริงที่คู่ของเขาเรียกเรตติ้งได้ดีแต่มันจำเป็นเรอะที่ต้องค้างนอกสถานที่ด้วยกัน ตอนนี้กระแส Yaoi มาแรงจนสังคมส่วนใหญ่ก็เปิดใจยอมรับบ้างแล้วแต่ฮยอกแจก็ยังคงเกร็งทุกครั้งที่กล้องจับภาพมา กลัวว่าจะทำอะไรพลาดไปจนทำลายชื่อเสียงของเขาทั้งคู่
“จำเป็นอยู่แล้ว มาเดทกันทั้งทีจะให้มานั่งกินข้าวแล้วกลับเลยก็ยังไงๆ อยู่นะยอโบ”
“มันยังไงๆ ตั้งแต่ให้ผู้ชายสองคนมานั่งกินข้าวด้วยกันแล้วล่ะ ไหนจะต้องมานอนจ้องหน้ากันท่ามกลางแสงไฟนีออนแบบนี้อีก”
“ผมว่าโรแมนติกดีออก หน้ายอโบตอนกระทบกับแสงสีส้มน่ามองจะตายไป” ทงเฮยิ้มกว้างก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกหมอนอัดหน้าเข้าให้ มือหนาดึงหมอนใบเล็กออกก็พบว่าใครอีกคนพลิกตัวนอนหันหลังให้เขาเสียแล้ว เห็นอย่างนั้นคนทะเล้นก็เลยหันกลับไปมองกล้องแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสวมกอดเอวอีกฝ่ายจากข้างหลังแล้วจี้ที่เอวบางเข้าให้
“เฮ้!!”
“I’m Mr.Simple!”
ทงเฮพูดต่อขณะที่ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นนั่งมองคาดโทษเขา ร่างหนาลุกขึ้นพร้อมกับยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางบ้าจี้ของคุณภรรยา...ฮยอกแจกุมขมับ คาดว่าคืนนี้เขาคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนง่ายๆ แน่ จริงอยู่ที่เขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะคุ้นชินกับการนอนเตียงเดียวกับเจ้าลิงนี่สักหน่อย วันดีคืนดีก็นอนกอดเขาแน่นประหนึ่งเขาเป็นน้องปันปันหมอนกอดน้ำลายบูดนั่น บางวันก็เอาหน้ามาใกล้แก้มเขาจนตื่นมาแทบสะดุ้งตกเตียง
“เราควรนอนนะทงเฮ”
“ผมนอนไม่หลับ แบบว่ามันไม่คุ้นที่ครับยอโบ”
“อย่ามาอ้าง ตอนย้ายเข้าเรือนหอวันแรกผมเห็นนายหลับเป็นตาย” ฮยอกแจเอานิ้วชี้หน้าอีกฝ่ายแต่ก็ต้องรีบชักกลับเมื่อคนทะเล้นทำท่าจะงับมันเข้า
“วันนั้นผมเหนื่อยผมเลยหลับได้ พออยู่ไปนานๆ แล้วก็เริ่มชิน แต่วันนี้ผมไม่เหนื่อยผมก็เลยไม่ชินไง”
“งั้นก็นอนนับแกะไปจนกว่าจะง่วงแล้วกัน ราตรีสวัสดิ์ ผมจะนอนแล้ว” ฮยอกแจทิ้งตัวลงนอนแต่ก็ถูกทงเฮดึงแขนให้ลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง ร่างบางทึ้งหัวตัวเองพลางมองคนข้างๆ ที่กำลังแสดงสีหน้าเอาแต่ใจใส่เขา
“ไม่ได้นะ ผมนอนไม่หลับยอโบจะทิ้งให้ผมตาค้างแบบนี้ได้ลงคอเชียวเหรอ”
“ลง” ฮยอกแจจิ๊ปากแล้วทำท่าจะเหนี่ยวคนตรงหน้า มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทั้งคู่จะกัดกันให้กล้องได้จับภาพ และดูเหมือนทงเฮจะชอบให้อีกฝ่ายแสดงออกแบบนี้กับเขามากกว่าตอนที่ฮยอกแจนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“หาเกมเล่นกันเถอะ”
“เมื่อกี้ผมเพิ่งบอกนายไปว่าผมง่วงงงงงงงงงงงงงงงงง ไม่เข้าใจเหรอไงห๊า~~~~” ฮยอกแจลากเสียงยาวแต่ก็ถูกอีกคนเอานิ้วป้ายลิ้นเข้าให้
“ผ่าง!”
“ย๊าห์! อีทงเฮ!” แทบเลือดขึ้นหน้าเมื่อลิ้นได้สัมผัสนิ้วเค็มๆ ของไอ้บ้าที่เอาแต่กวนประสาทเขาไม่หยุด ทำตัวน่ารักได้ไม่นานเป็นต้องสร้างเรื่องปวดหัวให้เขาอยู่เรื่อย ทำตัวดีๆ แล้วมันจะตายยย
“โอ๊ะ!” เจ้าตัวแสบเห็นท่าไม่ดี รีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วทำท่าจะวิ่งหนี ยึกยักอยู่ข้างเตียงครู่หนึ่งก่อนจะคว้าหมอนที่อีกคนรัวปาใส่เขาเอาไว้ รับได้บ้าง โดนหน้าเต็มๆ บ้าง แต่อีทงเฮก็ยังหัวเราะชอบใจกับท่าทางของฮยอกแจที่นั่งอยู่บนเตียง
“คืนนี้นอนข้างนอกเลยนะ”
“จริงอ่ะ”
“.....................” พอได้ยินถามกลับแบบนั้นแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ทั้งที่ถูกเขาไล่ให้ไปนอนข้างนอกแต่อีทงเฮก็ยังคงยิ้มร่าอยู่อย่างนั้น
[ ตัดฉากไปตอนสัมภาษณ์ ]
อึนฮยอก: มันเหลืออดจริงๆ ครับ นี่ผมกำลังเล่นรายการ WGM หรือ Hello Baby กันแน่?
ทงเฮ: ผมชอบที่สุดคือตอนที่อึนฮยอกเขาโมโหครับ ผมรู้สึกได้ว่าเขาจะเป็นตัวของตัวเองที่สุดในเวลาแบบนั้น
ทงเฮ: ผมกำลังพยายามลบช่องว่างระหว่างเราอยู่ต่างหากล่ะ (หัวเราะ)
[ ตัดฉาก ]
.
.
“ไค ไบ โบ!”
“ไค ไบ โบ!”
“ฮ่าๆ ผมชนะอีกแล้วล่ะยอโบจ๋า...” ฮยอกแจถอนหายใจพรืดก่อนจะลืมตามองคนตรงหน้าที่กำลังลูบมือเตรียมพร้อมที่จะระเบิดหน้าผากเขาอีกครั้งหลังจากที่เล่นเกมเป่ายิ้งฉุบดีดหน้าผากกันมาครึ่งชั่วโมงเพื่อกล่อมทงเฮให้ง่วงซึ่งอีฮยอกแจก็ไม่เข้าใจว่าวิธีนี้มันช่วยได้ตรงไหน อีทงเฮไม่เห็นจะมีท่าทีว่าจะง่วงเลยสักนิดหนำซ้ำยังทำตาใสยิ่งกว่าในทีแรกอีก ตอนนี้เขาเริ่มแสบร้อนตรงหน้าผากจนคิดว่ามันคงแดงเถือกเพราะแรงดีดของไอ้บ้านี่ไปแล้ว
“รอบนี้ผมจะไม่ดีดเหม่งยอโบแล้วก็ได้”
“พูดจริง?” ฮยอกแจมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา ทงเฮกอดอกพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ร่างบางหรี่ตามองคนตรงหน้า...คนอย่างอีทงเฮน่ะเหรอจะยอมง่ายๆ
“จะให้เล่นดีดเหม่งแบบนี้มันก็น่าเบื่อเกินไป เอาเป็นว่าถ้าเกิดใครแพ้ก็ต้องยอมทำตามที่คนชนะสั่ง”
“ผมนอนละ ราตรีสวัสดิ์”
“ถ้ายอโบนอนคงรู้นะว่าผมจะทำอะไร” คราวนี้ฮยอกแจยังไม่ทันเอนตัวลงนอนก็ต้องสต็อปค้างท่านั้นเมื่อได้ยินประโยคชวนผวา พอเอี้ยวหน้าหันกลับมาก็พบกับหน้าปลาๆ ของอีทงเฮกำลังยักคิ้วใส่ อะไรกัน! ทำไมหมอนี่ต้องดูเหนือเขาไปซะทุกเรื่องเลยล่ะ!
“จ้ำจี้ มะเขือเปาะแปะ -.-”
“เอาตามเนื้อเรื่องตามบทนะอีทงเฮ อย่างที่ว่านายเป็นสามี ผมเป็นภรรยา นายควรยอมผมบ้างอะไรบ้าง”
“ผมไม่ยอมยอโบตรงไหน...ผมยอมหมดทุกอย่างเลยนะ ถ้ายอโบจะกระทำชำเราร่างกายผมจนถึงเช้าผมก็ไม่ขัดขืนหรอก”
“เงียบปากซะ” ฮยอกแจผลักหัวคนที่กำลังหัวเราะร่าจนหัวทุยเอนลงมานอนตักเขา นัยน์ตาเรียวเหลือบไปเห็นตากล้องที่ยังคงจับภาพเขาทั้งคู่อยู่ เพราะอีทงเฮแท้ๆ ถ้าเกิดหมอนี่ยอมหลับยอมนอน ตากล้องเขาคงไม่ต้องถ่างตาถ่ายจนถึงตอนนี้หรอก
“งั้นเกมเมื่อกี้ไม่นับก็ได้ เล่นกันใหม่นะ”
“นายควรง่วงได้แล้วนะอีทงเฮ พรุ่งนี้มีถ่ายละครตอนบ่ายไม่ใช่เหรอไง กว่าเราจะกลับไปถึงก็สายแล้ว ไหนจะเวลาแต่งหน้าแต่งตัวของนายอีก”
“ยอโบรู้ด้วยเหรอว่าพรุ่งนี้ผมมีถ่ายละคร?”
“....................” พูดไม่ออกเมื่อถูกถามกลับ ฮยอกแจกลอกตาก่อนจะโพล่งหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย
“จะเล่นต่อไม่ใช่เหรอ เอาล่ะคราวนี้ผมจะเอาจริงแล้ว ไค ไบ...”
“บอกมาเลยนะ ว่าไปรู้เรื่องตารางงานผมมาจากไหน” ทงเฮยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หวังเค้นคำตอบจากคนปากแข็ง ริมฝีปากหยักอมยิ้มขณะกุมมือคนที่กำลังตั้งท่าจะเล่นเกมเป่ายิ้งฉุบเอาไว้
“อะ...อะไรเล่า...”
“ถามพี่ฮีชอลมาเหรอ”
“คิดว่าผมมีความกล้ามากพอที่จะเข้าหาผู้จัดการส่วนตัวนายเหรอไง” ฮยอกแจพูดขณะที่ใบหน้าของเขาทั้งคู่ห่างกันไม่เท่าไหร่
“งั้นบอกผมมาสิว่ายอโบรู้ได้ยังไง”
“มันสำคัญเหรอว่าผมจะรู้มาจากไหน ยังไงมันเป็นหน้าที่ๆ ผมควรจะรู้ไว้บ้างว่านายมีงานอะไรในแต่ละวัน” ใบหน้าเรียวเบือนหลบไปอีกทาง เลี่ยงการสบตากับคนตรงหน้า ทงเฮเห็นอย่างนั้นแล้วก็อมยิ้มพอใจ เอนตัวลงไปนอนบนตักภรรยาอีกครั้งแล้วเอามือฮยอกแจมากุมบนอกตัวเอง
“สำคัญสิ ถ้าเรื่องของผมมันอยู่ในหัวของยอโบแบบนี้บ่อยๆ ก็คงดี”
“เรื่องอะไรผมจะต้องคิดถึงนายบ่อยๆ ด้วย” ฮยอกแจก้มลงมองคนที่นอนหลับตายิ้มอยู่บนตักเขาแล้วก็อดที่จะเขินไม่ได้
ที่เป็นแบบนี้เพราะไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับเขา อาการใจเต้นแรง เขิน ประหม่า ทุกอย่างก็เพราะว่าอีทงเฮคนเดียว...
“เพราะผมเป็นสามีของนาย...อึนฮยอก” พูดพร้อมกับลืมตาขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย ถึงแม้จะเป็นเพียงชื่อในวงการแต่ก็ทำให้ฮยอกแจหน้าขึ้นสีได้ไม่ยากกับสีหน้าจริงจังแบบนั้น ทั้งคู่เงียบไปทั้งที่ยังสบตากันอยู่จนกระทั่งเสียงพวงกุญแจของตากล้องตกลงพื้นฮยอกแจถึงได้ผละตัวออกแล้วเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ
[ ตัดไปตอนสัมภาษณ์ ]
ทงเฮ: (นิ่งไปเกือบครึ่งนาทีก่อนจะเอามือป้องปากแล้วหัวเราะออกมา)
ทงเฮ: ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง
ทงเฮ: ผมก็เขินเหมือนกันครับ จริงๆ นะ ~
[ ตัดฉาก ]
ปัง...
แผ่นหลังบางเอนพิงประตูห้องน้ำพร้อมกับหลับตาลง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเขกหัวตัวเองรัวๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
“อีฮยอกแจ เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย เขาไม่ได้หมายความอย่างที่แกคิดหรอกนะ”
“แล้วเดินหนีออกมาแบบนี้หมอนั่นจะคิดยังไงล่ะ โธ่เอ๊ย...”
เม้มริมฝีปากแน่นแล้วลืมตาขึ้นหลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ มันเป็นแบบนี้มาตลอดหลังจากจบคอนเสิร์ตในวันนั้น เขาพยายามทำตัวเหมือนปกติทั้งที่ความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีทงเฮมันก็ไม่ปกติมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว และถ้าเขาแสดงอาการมากเกินไปก็กลัวจะถูกมองแปลกๆ เพราะบางทีหมอนั่นก็อาจจะแค่เช็คเรตติ้งรายการหรือไม่ก็แค่ขำๆ กับเขาเท่านั้น มันก็จริงที่เขาคิดจะเริ่มต้นใหม่กับทงเฮ แต่นั่นเขาหมายความว่าจะพยายามทำดีด้วยเผื่อว่ามันจะทดแทนในส่วนที่ทงเฮขาดหายไปได้บ้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีทงเฮขาดเหลืออะไรตรงไหน ความอบอุ่นเหรอ...คงไม่มั้ง...ถ้าจะให้ทดแทนในส่วนของพ่อก็คงแทนกันไม่ได้อีก
ถ้าเกิดวันหนึ่งทงเฮรู้ว่าเขาคิดยังไง...
‘อย่าบอกนะ...ว่านายชอบผมเข้าจริงๆ น่ะ?’
‘อึนฮยอกครับ ที่ผมทำไปก็แค่เรียกเรตติ้งรายการ นายคิดว่าผมจะชอบนายจริงๆ เหรอ?’
“โว๊ยยย!!!” ทึ้งหัวตัวเองแล้วเดินไปหยุดหน้าอ่างล้างมือ จ้องมองใบหน้าตัวเองที่กำลังมุ่ยเหมือนอะไรสักอย่างที่น่าเกลียดไม่น่ามอง กวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าแล้วปล่อยให้หยดน้ำไหลลงไปหวังให้ความเย็นเรียกสติของเขากลับมา
นับวัน...เขาก็ยิ่งรู้สึกดีกับอีทงเฮมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ...ยิ่งเขารู้สึกดีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งวิ่งหนีมากขึ้นเท่านั้น...
.
.
“วันนี้ไม่มีงานเหรอลูก?”
“วันนี้มีจัดรายการวิทยุอย่างเดียว พ่อไม่อยู่เหรอครับ?” ฮยอกแจถามขณะที่กวาดสายตาไปรอบๆ คอนโดกว้างที่เพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญให้กับพ่อแม่เมื่อไม่นานมานี้
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาก่อนจะเอื้อมไปหยิบรีโมททีวีมากดเปิดเล่นแก้เซ็ง จริงๆ วันนี้เขามีนัดกับซองมินแต่ก็โทรไปแคนเซิลกระทันหัน ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ไอ้ความรู้สึกกระวนกระวาย หดหู่ เพียงแค่รู้ตัวว่ากำลังชอบอีทงเฮจนถอนตัวไม่ขึ้น...เขาจะทำยังไงกับความรู้สึกตัวเองในตอนนี้ดี จะต้องฝืนพยายามแสดงออกไปให้เป็นปกติเหมือนกับทุกครั้งอีกนานแค่ไหนกันนะ ต้องเป็นดีเจอึนฮยอกคนปากแข็งที่ไม่สนใจใยดีอีทงเฮแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่
“ฮยอกแจ”
“ครับ” ฮยอกแจยิ้มเมื่อคนเป็นแม่หยัดตัวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับเขา ร่างบางลุกขึ้นแล้วพลิกตัวไปนอนตักคนเป็นแม่อย่างออดอ้อน นัยน์ตาเรียวหลับลงพร้อมกับกุมมืออุ่นๆ นี่เอาไว้
“เหนื่อยเหรอลูก”
“นิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก...ได้นอนตักแม่ผมก็หายแล้ว”
“แน่ใจนะ แม่เป็นห่วงมากเลยกับรายการวีก๊อตแมรี่นั่นน่ะ ลูกคงไม่ได้ถูกมองเป็นตัวประหลาดในวงการหรอกใช่ไหม?”
“หืม...แม่ดูด้วยเหรอครับ?”
“แม่ก็ได้ดูบ้าง ก็มีแต่พ่อของลูกนั่นแหละนั่งดูทุกตอนเลย พอดูจบก็กลัวว่าลูกจะถูกแอนตี้ถึงกับยอมนั่งปวดหัวกับอินเตอร์เน็ตเป็นชั่วโมงเพื่อเข้าไปอ่านข่าว ดูว่าลูกของเราโดนโจมตีบ้างไหม?”
“มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับแม่~ ผมกับทงเฮเราเป็นสีสันเพิ่มให้กับรายการ ถึงจะมีแฟนคลับบางกลุ่มไม่ชอบแต่ก็ยังมีแฟนคลับที่ยังสนับสนุนเราอยู่”
“ถ้าลูกโอเคแม่ก็โอเค อย่าฝืนตัวเองนักนะ”
“ครับ~” ฮยอกแจยิ้มพร้อมกับเอามือเรียวมาทาบแก้มตัวเอง อย่างน้อยมืออุ่นๆ ของแม่ก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง เขาไม่ควรฟุ้งซ่านกับเรื่องอีทงเฮจนเสียความเป็นตัวของตัวเองไปแบบนี้
.
.
นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟาแล้วก็ถอนหายใจ นึกหงุดหงิดกับตัวเองที่มีอาการงี่เง่าแบบนี้ไม่สิ้นสุด เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่ความรู้สึกบ้าๆ นี่จะหายไปสักที...ไอ้ความรู้สึกที่เข้าใจแต่ทำไม่ได้แบบนี้น่ะ...สไลด์มือถืออ่านข่าวในทวีตเตอร์หวังว่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วก็สะดุดตากับข่าวหนึ่งจากแอคเคาน์ที่เขาลิสต์เอาไว้แทนที่จะฟอลโล่วเพราะถ้าเกิดฟอลเมื่อไหร่ก็กลัวจะถูกมองว่า ‘ที่ฟอลก็เพราะอยากตามข่าวสามีล่ะสิ?’
ครับ...มันคือแอคเคาน์ละครของทงเฮที่กำลังออกอากาศอยู่
[ ตัดไปตอนสัมภาษณ์ ]
อึนฮยอก: ผมก็ดูผ่านๆ นะครับ ถ้ามีเวลาว่างก็เปิดไปดูบ้าง
อึนฮยอก: เขาไม่เหมาะกับการเป็นพระเอกเลยสักนิดเดียว
[ ตัดฉาก ]
ถามว่าอีฮยอกแจติดตามละครที่สามีตัวเองเล่นบ้างไหม อีฮยอกแจก็จะตอบทันทีเลยว่า...
ดูมันแทบทุกตอน - -
แอบดูในมือถือย้อนหลังนี่แหละคนอื่นจะได้ไม่รู้ไม่เห็น แล้วเขาก็ไม่คิดที่จะบอกให้ใครรู้เรื่องนี้ด้วย มันจะเป็นความลับไปตลอดชีวิต พอกดลิงค์ย่อยเข้าไปก็พบกับรูปๆ หนึ่งที่ทำให้เขาต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง...รูปที่ทำให้เขาเสียสติยิ่งกว่าที่เคยเป็นอยู่...
อีทงเฮจูบกับนางเอก...
อีทงเฮจูบกับนางเอก...
อีทงเฮจูบกับนางเอก...
อีทงเฮจูบกับนางเอก...
“ฮยอกแจ เป็นอะไรเหรอลูก?” คนเป็นแม่เดินมาหาลูกชายพร้อมกับวางมือลงบนไหล่บาง มือเรียวซุกมือถือลงกับโซฟาก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้อีกคน มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ตลกที่สุดถ้าเกิดอีฮยอกแจได้มีโอกาสเดินไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองในตอนนี้
“อ...อ้อ...เปล่านี่ครับ”
“แม่ก็คิดว่าหลับแล้วซะอีก ไม่ไปนอนในห้องดีๆ ล่ะลูก”
“ไม่ล่ะครับ เพราะเดี๋ยวอีกสักพักผมจะออกไปหาพี่อีทึกแล้วล่ะ”
“อ้าว ไม่อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันเหรอ?”
“พอดีพี่อีทึกเค้าติดเลี้ยงเนื้อย่างผมไว้ตั้งแต่คราวนู้น~ เขาบอกว่าถ้าไม่มากินวันนี้ผมก็อด เพราะงั้นจะเบี้ยวก็ยังไงอยู่ แม่ก็รู้ว่าพี่อีทึกเขาขี้ตืดแค่ไหน”
“อ่า นั่นสินะ” พอนึกถึงรุ่นพี่ที่ทำงานกับลูกชายแล้วก็หลุดขำออกมา
“แต่ผมจะกินแอปเปิ้ลที่แม่ปอกให้จนหมดก่อนแล้วค่อยไปแล้วกันนะครับ~” กอดเอวแม่พลางซบหน้าลงกับหน้าท้องอย่างออดอ้อน คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นแล้วก็ลูบหัวลูกชายเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว
พอแม่ลับสายตาไปแล้วฮยอกแจก็หยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง เขาพยายามไม่มองภาพนั้นแล้วเลื่อนทามไลน์ลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมีข้อความเข้ามาในกล่องเมนชั่น กดดูแล้วก็หัวเราะออกมาเมื่อเหล่าแฟนคลับของเขากับแฟนคลับของทงเฮกำลังสติแตกเพราะรูปนั้น
‘โอป้าคะ ฉันอยู่ข้างโอป้าเสมอนะ’
‘มันเป็นงานนะ โอป้าต้องเข้าใจปลาน้อยของพวกเรา’
‘คืนนี้จัดหนักเลยนะ บังอาจนอกใจฮยอกแจของฉันได้ยังไง’
“โอ้โห...ทำไมทุกคนต้องคิดว่าเราจะเป็นจะตายกับเรื่องแค่นี้ด้วยนะ” พึมพำแล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองทีวีเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู โฆษณาคอนแทกเลนส์ที่มีคนหน้าปลาๆ นั่นเป็นพรีเซนเตอร์...
“ฮึ่ย!” กดรีโมทเปลี่ยนช่องแล้วถอนหายใจออกมา ไม่ได้ถึงขั้นจะเป็นจะตายอะไรหรอก ก็แค่หมั่นไส้จนไม่อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับหมอนั่นอีกแล้ว ตามมาหลอกหลอนกันถึงที่นี่เลยเหรอ จะเฮี้ยนเกินไปแล้วนะอีทงเฮ! ยังไม่ทันจะทิ้งตัวนอนก็สะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงโฆษณาเชิญชวนให้ไปบริจาคเลือด เสียงที่คุ้นเคยนั่นมัน...
“นี่นายเป็นหุ้นส่วนกับทุกช่องเลยหรือไงนะ บ้าเอ๊ย...” พึมพำแล้วกดเปลี่ยนช่องอีกครั้งแล้วก็พบกับโฆษณาละครที่อีทงเฮเล่น หนำซ้ำยังพรีวิวตอนต่อไปที่ทำให้เขาต้องจุกอีก...ฉากจูบแบบเคลื่อนไหว...
ชัดเต็มสองตา 1080p [HD] ซะด้วย... - -
พรึ่บ!
กดปิดทีวีแล้วค้างอยู่ท่านั้น ริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มราวกับผู้ชนะ ดูซิ...จะโผล่ออกมาจากทางไหนอีก วันนี้มันวันอะไรนะ เพราะว่างงานใช่ไหมเขาถึงมีเวลาคิดถึง...ไม่สิ...มีเวลานึกถึงหน้าอีทงเฮได้ทั้งวันแบบนี้ พอสักทีเถอะน่า...ทีวีก็ปิดแล้วไงฮยอกแจ นายไม่ต้องเห็นหน้า ไม่ต้องรับรู้ข่าวของหมอนั่นอีกแล้ว
ติ๊ง~
เสียงเมนชั่นทวีตเตอร์เด้งขึ้นมาทำให้เขาหลุดออกจากความคิด ทั้งที่ปิดเสียงเอาไว้ตลอดแต่ไหงจู่ๆ มันถึงดังขึ้นมาล่ะเนี่ย วันหนึ่งคนเมนชั่นหาเขาสองสามคนเสียเมื่อไหร่ถ้าเกิดไม่ปิดไว้มือถือเขาคงส่งเสียงดังตลอดเวลาแน่ๆ แต่พอกดเข้าไปก็พบกับภาพ Gif แบบในทีวีเป๊ะๆ ที่แอนตี้แฟนส่งมาให้ มือเรียวกดล็อคเอาท์ออกจากทวีตเตอร์แล้วเก็บมันใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยืนเกาหัวตัวเองเพื่อสงบสติอารมณ์
ไม่หรอก...ตอนนี้เขาไม่ได้โมโห...
แต่เขากำลังฟุ้งซ่าน สติแตก เพราะรูปนั้นต่างหาก...
“จะไปแล้วเหรอลูก?”
“ครับ เมื่อกี้พี่อีทึกส่งข้อความมาเร่งแล้ว”
“แบบนี้แอปเปิ้ลของแม่ก็เป็นหมันแล้วล่ะสิ”
“พี่โซราเธอกินหมดอยู่แล้ว แม่เชื่อผมสิ” ฮยอกแจพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะเข้าไปสวมกอดแม่แน่นๆ แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
“แล้วผมจะแวะมาหาบ่อยๆ นะครับ”
“จ๊ะ ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”
.
.
“อดอยากมาจากไหนวะ?”
อีทึกถามพร้อมกับปรายตามองคนที่นั่งกินเนื้อย่างไม่หยุดปากอยู่ฝั่งตรงข้าม ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มแล้วถอนหายใจ จู่ๆ ฮยอกแจชวนออกมาหาอะไรกินหลังจากจัดรายการวิทยุเสร็จ มันน่าประหลาดใจตั้งแต่ก่อนเริ่มจัดรายการแล้ว เจ้าเด็กนี่เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ตลอดแท้ๆ
“ค่อยๆ กินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก”
“พี่ก็กินบ้างสิ ผมไม่ได้เลี้ยงพี่บ่อยๆ หรอกนะ”
“ก็เพราะว่าแกเป็นคนจ่ายไงฉันถึงบอกให้แกค่อยๆ กิน”
พอได้ยินอย่างนั้นร่างบางก็หยุดคีบเนื้อเข้าปาก อีทึกมองคนตรงหน้าอย่างสมเพช นานแค่ไหนแล้วที่ฮยอกแจมันไม่เป็นแบบนี้ ดูสิ...แก้มบวมป่องเพราะเอาแต่ยัดอะไรต่อมิอะไรเข้าไปนั้นสารพัดอย่าง มันก็น่าอิจฉาตรงนี้แหละมันกินเยอะกว่าคนอื่นหลายเท่าแต่ไม่ยักจะอ้วน
“ทะเลาะกับซองมินมาเหรอไง เห็นมันบอกว่าวันนี้แกเบี้ยวนัดมัน” ฮยอกแจส่ายหน้าแล้วกินต่อ อีทึกทำหน้าเซ็งแล้วก็หยิบตะเกียบขึ้นมาบ้าง นาทีนี้จะนอยไปก็เท่านั้น ต้องปล่อยให้มันกินสงบสติอารมณ์ก่อนอีกสักพักเดี๋ยวมันก็พ่นความในใจออกมาจนหมดเองนั่นแหละ
“อย่าดื่มเยอะ ฉันขี้เกียจลากแกไปส่งที่เรือนหอ”
“ใครบอกว่าผมจะกลับที่นั่น”
“เอ้า...ไม่กลับเรือนหอแล้วจะกลับที่ไหนล่ะครับ จะไปนอนกับไอ้ซองมินเหรอ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่ามันงอนแกมาก ชนิดที่ว่าเอาของกินง้อก็ไม่หายหรอก”
“ใช่ ผมจะไปนอนกับมันนั่นแหละ”
“หรือว่าแกจะทะเลาะกับสามีมา?”
“.......................” กำลังซดเบียร์อยู่ก็ต้องหยุดชะงักมือ ราวกับถูกแทงใจดำ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่อีทึกพูดแต่สถานะความรู้สึกของอีฮยอกแจคนนี้มันเป็นอย่างนั้นแหละ -_-
“งอนไรกันมาล่ะ...”
“พี่เลิกถามงี่เง่าสักทีเถอะน่า กินๆ เข้าไปสิ ผมคีบให้ตั้งเยอะแล้ว”
“เฮ้ย ที่ถามเพราะเป็นห่วงนะเนี่ย...” พอรู้ว่าสองคนนี้ทะเลาะกันแล้วหูตาก็สว่างทันที จากง่วงๆ ตอนแรกมันก็มลายหายไปในพริบตา อีทึกยิ้มกริ่มพร้อมกับรินเบียร์ให้คนตรงหน้า
ฮยอกแจวางตะเกียบลงเสียงดังจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง อีทึกสะดุ้งก่อนจะหัวเราะแห้งๆ แล้วโค้งหัวขอโทษขอโพยคนรอบข้าง พอหันกลับมาก็เห็นรุ่นน้องทำหน้าบึ้งตึงเหมือนคนแบกภาระทั้งโลกนี้เอาไว้คนเดียว...ทั้งที่ควรจะสงสารแต่อีทึกกลับนึกสนุก
“เบียร์มันไม่เมาหรอกน้องรัก...ป้าครับ! โซจูสองขวด~”
.
.
“ชอบ...เอาแต่ใจ”
“เผด็จการสารพัดอ่ะ...”
“ไหนจะส่งข้อความหา...วันละสามเวลา...อึ่ก...”
“แล้วก็ชอบมาเกาะแกะแบบเนี้ยๆ” พูดพร้อมกับดึงแขนรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจนเจ้าตัวต้องลุกขึ้นคุกเข่า อีทึกเบิกตาโพลงเมื่อสภาพเขาตอนนี้แทบจะหน้าคะมำลงไปกับกระทะอยู่แล้วเพราะไอ้ขี้เมานี่
มันจะรีบเมาไปไหนวะ...
ก็รู้หรอกว่าฮยอกแจมันคออ่อน เพราะงั้นถึงได้จงใจมอม แต่ก็แค่ขวดเดียวเองนะ
อ้อ...สงสัยเป็นเพราะดื่มเบียร์ไปก่อนหน้านี้ด้วย
“อือ...”
“ป้าครับๆ คิดเงินด้วย” อีทึกใช้มือข้างที่ว่างอยู่กวักมือเรียกป้าเจ้าของร้านขณะที่มืออีกข้างยังถูกใครอีกคนกุมเอาไว้ทั้งที่หัวของเจ้าเด็กนั่นจะโขกกับเหลี่ยมโต๊ะอยู่รอมร่อแล้ว
อีทึกก้มลงมองมือถือตัวเองแล้วก็ชะเง้อหน้าออกไปข้างนอกร้านเป็นระยะเมื่อเขาแอบส่งข้อความหาทงเฮไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว คงไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่ารุ่นน้องของเขากำลังประสบปัญหาอันใหญ่หลวงเรื่องหัวใจ เพราะฉะนั้นในฐานะรุ่นพี่ที่ดีเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง
โถฮยอกแจ...แกแอ๊บไม่ไหวแล้วสินะน้องรัก...
“อึนฮยอก!” คนที่ถูกคนเมาพันธนาการแขนเอาไว้ยิ้มออกมาเหมือนพระเจ้าทรงโปรด อีทึกโบกมือเรียกคุณสามีของฮยอกแจที่วิ่งหอบมาหยุดอยู่ข้างๆ โต๊ะเขาทั้งที่อยู่ในสภาพชุดถ่ายละคร
“ช่วยแกะมือเจ้านี่ออกทีสิ ตะคริวจะกินแขนพี่อยู่แล้ว” ทงเฮพยักหน้าพร้อมกับเข้าไปแกะมือฮยอกแจออก คนเมาแทบจะทิ้งตัวลงไปบนพื้นไม้ถ้าทงเฮไม่คว้าเอาไว้เสียก่อน ท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้องมา อีทึกแก้สถานการณ์โดยการโบกมือไปรอบๆ ข้างพร้อมกับพูดว่า ‘เราถ่ายรายการกันอยู่ครับ’
“อือ...เอาเหล้ามาอีก...”
“เหล้าบ้าอะไรของแกล่ะ กลับบ้านไปนอนซะ” อีทึกผลักหัวคนที่ยืนเซหน้าเซหลังด้วยความหมั่นไส้จนฮยอกแจเซล้มไปอยู่ในอ้อมกอดทงเฮ
“ขอบคุณมากนะครับพี่อีทึก” ทงเฮโค้งหัวขอบคุณก่อนจะจับแขนฮยอกแจขึ้นมาพาดกับคอตัวเองข้างหนึ่ง อีทึกพยักหน้าส่งๆ พลางกระชับเสื้อสูทแฟชั่น
“ไหวหรือเปล่า ให้พี่ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ รถผมจอดอยู่ตรงนั้นเอง”
“แล้วนี่ถ่ายละครเสร็จแล้วเหรอ พี่กวนนายหรือเปล่าเนี่ย?”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ ยังไงก็ขอบคุณพี่อีกครั้งนะครับ” ทงเฮยิ้มพลางก้มหน้าลงมองคนข้างๆ ที่ยืนอ่อนเปลี้ยไม่ได้สติ
.
.
ประคองร่างคุณภรรยาไปถึงเตียงอย่างทุลักทุเล ทงเฮโกยอากาศเข้าปอดก่อนจะก้มลงมองดวงหน้าหวานที่กำลังขึ้นสีระเรื่อแล้วก็สงสัยว่าทำไมอึนฮยอกถึงได้เมาขนาดนี้ หยัดตัวนั่งลงบนขอบเตียงแล้วยิ้มบางๆ ยังไงก็ยังขอยืนยันว่าอีทงเฮชอบมองเวลาอึนฮยอกหลับมากที่สุด เพราะมันคงเป็นช่วงเวลาเดียวที่เขาจะได้อยู่ใกล้ชิดกันโดยที่ไม่ต้องหาข้ออ้างใดๆ
“ดื่มไปเยอะเลยสิถึงได้ตัวหนักขนาดนี้” ทงเฮพูดพร้อมกับอมยิ้ม เปลือกตาบางค่อยๆ ปรือขึ้นนั่นทำให้คนที่นั่งมองอยู่เลิกคิ้วมอง “ตื่นแล้วเหรอ?”
“เห็นผมหลับอยู่หรือเปล่าล่ะ...อึ่ก...”
เอาแล้วสิ...เขากำลังคุยกับคนเมาอยู่ล่ะ
“นายกำลังหลับอยู่ต่างหาก”
“หลับบ้าไรเล่า...” งึมงำแล้วควานหาผ้าห่มแต่ก็คว้าถูกมือหนาเข้าให้ ทงเฮอมยิ้มเมื่อเห็นอึนฮยอกกอดแขนเขาไว้แน่นจนอดไม่ได้ที่จะขยับขึ้นไปนั่งพิงกับหัวเตียง
“ง่วงก็หลับสิ”
“ผมอยากหลับ...หลับนานๆ เลย...” คนเมายังคงงึมงำต่อไปจนคนฟังต้องก้มหน้าลงไปมองด้วยความสงสัย ทงเฮประคองหัวทุยขึ้นมาให้นอนลงบนตักเขา ซึ่งฮยอกแจก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือผลักไสเหมือนที่เคย
“ดื่มน้ำไหม”
“ไม่...อยากดื่มก็ดื่มเองสิ...”
“ยอโบอ่า...อย่าดื้อ” ทงเฮอมยิ้มกับท่าทางเอาแต่ใจของอีกฝ่าย เพิ่งเคยเห็นอึนฮยอกในมุมแบบนี้ เพราะปกติแล้วจะเป็นเขาเสียมากกว่าที่เป็นฝ่ายเอาแต่ใจ
“ทำไม...ผมก็อยากจะดื้อกับนายบ้าง” ร่างบางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งมาถกเถียงกับคนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ทงเฮเลิกคิ้วมองแล้วก็ขำออกมา ทั้งที่ทรงตัวยังแทบจะไม่ไหวแต่อึนฮยอกก็ยังพยายามที่จะลุกขึ้นมาเถียงกับเขา
“งั้นก็ดื้อให้พอเลยนะ เพราะถ้ายอโบสร่างเมาเมื่อไหร่ผมจะไม่ให้ดื้อแล้ว...หืม?” พูดจบก็ก้มลงมองใครอีกคนที่เพิ่งล้มตัวลงซบกับแผงอกเขา มือเรียวกำเสื้อเชฟสีขาวเอาไว้แน่นพร้อมกับซบหน้าลงไป
“ยอโบ...” เอ่ยเรียกเพียงเบาๆ หากแต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ มือหนาที่วางอยู่ข้างตัวค่อยๆ เอื้อมขึ้นมาโอบกอดภรรยาไว้เพียงหลวมๆ ก่อนที่ใบหน้าเรียวจะเงยขึ้นสบตากับเขาทั้งที่ตาจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว
“อีทงเฮ...”
“หืม?”
“ก่อนหน้านี้นายเคยขอให้ผมเรียกนายว่าอะไรนะ...” ร่างบางขมวดคิ้วเพ่งมองคนตรงหน้า คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีจำเป็น ตอนนี้เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จิตใต้สำนึกสั่งให้ทำอะไรเขาก็แสดงออกมาจนหมด
“เรียก...?”
“ช่าย...ผมเป็นยอโบ...นายเป็น...เป็นอะไรน้า...” ฮยอกแจหัวเราะตามประสาคนเมาจนทงเฮหลุดหัวเราะตาม
“ผมก็เป็นที่รักของยอโบไง” อาจจะดูเหมือนคนบ้าที่เขากำลังพูดคุยกับคนเมาอยู่ แทนที่จะไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่แบบนี้ ร่างบางพยักหน้าเข้าใจแล้วหลับตายิ้ม
“อ๋อ...ผมต้องเรียกนายว่าที่รัก”
“ใช่ ต่อไปก็เรียกให้ติดปากด้วยนะรู้ไหม?” ฮยอกแจขมวดคิ้วอีกครั้งแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“นายน่ะมั่ว...”
“หืม?”
“จริงๆ แล้วผมต้องเรียกนายว่านัมพยอน...ส่วนนายก็ต้องเรียกผมว่าบูอินสิถึงจะถูก...สามีภรรยาใครๆ เขาก็เรียกกันแบบนั้นทั้งนั้นแหละ...อึ่ก...”
“อ่า...อย่างนั้นเหรอ...” ทงเฮพยักหน้าเข้าใจคล้อยตามกับประโยคที่คนเมากำลังสาธยาย
“แล้วยอโบอยากให้ผมเรียกแบบไหนล่ะ”
“.....................” ร่างบางสะอึกพลางช้อนตามองอีกฝ่าย เลื่อนมือขึ้นมากำคอเสื้อเชฟอีกคนเอาไว้แล้วทำหน้าจริงจัง
“อะไรก็ได้...ที่ไม่ซ้ำกับที่นายเรียกคนอื่น...”
ทงเฮชะงักไปครู่หนึ่งกับประโยคที่อึนฮยอกพูดกับเขา ทั้งที่รู้ว่าเป็นประโยคของคนเมาที่ไม่รู้ว่าตื่นมาแล้วจะจำได้หรือเปล่า...แต่เขาก็ไม่คิดว่าอึนฮยอกจะเป็นฝ่ายพูดแบบนี้ คนที่ทำท่าเหมือนรำคาญเขาอยู่ตลอดเวลา จู่ๆ กลับทำเหมือนว่าต้องการเป็นคนพิเศษของเขาเพียงคนเดียว
“แบบนี้...มันเหมือนคนอื่นแล้ว” พูดจบก็ยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากอีกคนแล้วผละออก แต่นั่นก็สร้างความตกใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก ทงเฮเบิกตากว้างพร้อมกับจ้องดวงหน้าหวานที่กำลังหัวเราะอยู่
“ใครๆ ก็ทำแบบนี้กับนายได้ใช่ไหมล่ะ ฮ่า~” ฮยอกแจหัวเราะแล้วทำท่าจะลงไปนอนซบแผงอกแกร่งอีกครั้งแต่ทงเฮประคองใบหน้าเรียวเอาไว้ซะก่อน
“อึนฮยอก” ร่างบางปรือตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังโอบใบหน้าเขาเอาไว้
“อือ...”
“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” น้ำเสียงจริงจังต่างไปจากทีแรกนั่นคนเมาอย่างอีฮยอกแจไม่สามารถรู้สึกได้ ร่างบางพยักหน้าหงึกพร้อมกับยิ้มกว้าง
“จุ๊บไง...จุ๊บจุ๊บ...”
“......................”
“ทำไม...ไม่ได้เหรอ?” บอกกับตัวเองว่าเป็นเพราะร่างบางกำลังเมาอยู่ถึงได้เป็นแบบนี้
“เปล่า...” ยิ้มบางๆ พลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ประคองร่างอีกฝ่ายให้อยู่ในอ้อมกอดแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือลูบริมฝีปากอิ่มเบาๆ
“งั้นขอแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหม?” ถามทั้งที่ใบหน้าห่างกันเพียงน้อยนิด ฮยอกแจหัวเราะแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขา...จะเป็นฝ่ายเข้าไปจูบทงเฮอีกครั้ง
มือหนาประคองให้ร่างบางนอนราบลงไปกับผืนเตียงขณะที่ริมฝีปากของทั้งคู่ยังไม่ละห่างจากกัน ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในโพรงปากที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ขบเม้มริมฝีปากสีเชอรี่อย่างหลงใหล วงแขนเรียวโอบกอดอีกฝ่ายมันเริ่มแน่นไปตามรสจูบที่ทั้งคู่มอบให้กัน
...อาจจะเป็นความต้องการเบื้องลึกที่เขาจงใจซ่อนมันเอาไว้
...อาจจะเป็นความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่าย ที่มันมากขึ้นทุกวันๆ เพราะฉะนั้น
...อีฮยอกแจจะขอให้หัวใจสั่งการแทนสมองดูสักครั้งคงไม่เป็นไรใช่ไหม?
TALK
อีฮยอกแจสติแตกแล้ว . _.
เราก็จะสติแตกเหมือนกัน เพราะปรับอารมณ์ตามทงเฮไม่ถูก 555555555
เดี๋ยวงอแง เดี๋ยวหล่อ เง้อ~
เราเขียนไม่ถึงตอนไปเยี่ยมบ้านอ่ะ คงเป็นตอนหน้าแล้วล่ะ คุคุ~
ความคิดเห็น