คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตำราบทที่ 5 : โอกาสแก้ตัว
มันมีด้วยเหรอ...
คนที่จำเรื่องราวในอดีตได้ทุกเรื่อง?
เสียงกระดิ่งของโมบายมากับกระแสลมยามค่ำคืนที่หนาวเหน็บหากแต่เปลือกตาบางยังคงไม่ปิดลงแม้ว่าตอนนี้จะล่วงเลยเวลาเข้านอนไปพักใหญ่ๆ แล้ว...เด็กชายวัยสิบขวบนอนพลิกตัวซ้ายขวาพยายามข่มตาหลับแต่ดูเหมือนว่ายิ่งฝืนเท่าไหร่ก็ยิ่งกระสับกระส่าย หงุดหงิดตัวเองจนต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
มีไข้เหรอ?
(ยกมือขึ้นอังหน้าผากตัวเอง)
ก็ไม่นี่...
พอรู้ว่าร่างกายอยู่ในสภาพปกติแล้วก็นึกหงุดหงิดซ้ำเมื่อภาพใครอีกคนลอยขึ้นมาในหัว เด็กชายตัวผอมบางที่อยู่ในชุดพิธีจบการศึกษายืนถ่ายรูปกับเพื่อนๆ เมื่อตอนกลางวัน...รอยยิ้มสดใสเข้ากับใบหน้าขาวและริมฝีปากแดงฉ่ำที่ไร้การแต่งเติมกับเหมือนผู้หญิงนั่น...
อีฮยอกแจ....
รุ่นน้องมากมายต่างเข้าไปกอดแสดงความยินดีให้กับรุ่นพี่ที่กำลังจะจบพิธีการศึกษาชั้นประถมหากแต่เขานั้นเลือกที่จะยืนมองอยู่บนตึกชั้นสามที่เงียบสงบไม่มีใครเดินเพ่นพ่าน ริมฝีปากหยักคาบหลอดไว้ในปากพลางดูดนมจนได้ยินเสียงครืดๆ เมื่อถึงก้นกล่อง การดื่มนมในที่สาธารณะมันคงประเจิดประเจ้อไปสักนิดและเป็นการประจานตัวเองไปในตัวด้วยว่าเกิดมาเตี้ยจนต้องดื่มนมเพื่อเพิ่มเลเวลความสูง เพราะฉะนั้น....เลือกสถานที่ลับแล้วรีบดื่มให้หมดซะ
อีทงเฮเคยดื่มนมวันละหกกล่องดื่มจนปวดท้องเพราะอยากสูงเหมือนคนอื่นเขา แต่พอรับรู้ถึงความทรมานแล้วก็ต้องลดเหลือวันละสามกล่อง ในทีแรกก็เกลียดนมยิ่งกว่าอะไรดี...แต่พอไอ้เชี่ยควอนบอกว่าถ้าไม่ดื่มแล้วจะกลายเป็นไอ้เตี้ยหมาตืดก็เลยต้องฝืน...
กล่องนมสูตรแคลเซียมสูงที่หมดแล้วถูกเขวี้ยงทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีพร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีขาวที่บดขยี้มันจนแบนคาที่...เรอออกมาแรงๆ ทีหนึ่งอย่างไม่แคร์สายตาใครเพราะตอนนี้ไม่มีสายตาใครให้แคร์...แม้แต่ภารโรงที่ปกติมักจะขึ้นมาล็อกห้องตอนหลังเลิกเรียนก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ป่านนี้คงไปยืนโพสท่าถ่ายรูปกับพวก ป.6 ที่พึ่งเรียนจบแหงๆ...ขานั้นเขาชอบเข้ากล้อง...
นัยน์ตาคมยังคงมองตามพฤติกรรมของร่างบางไม่ละสายตา รู้สึกคันตีนเบาๆ เวลามีเพื่อนผู้ชายเข้าไปกอดไปหยิกแก้มฮยอกแจอย่างหมั่นเขี้ยว ผู้ชายที่ไหนเค้าเล่นกันแบบนี้บ้างวะ ถ้าเขายืนอยู่ตรงนั้นจะเข้าไปชี้หน้าด่าไอ้โย่งนั่นว่าไอ้ตุ๊ดซะเอาให้อายไม่กล้าเข้าใกล้ฮยอกแจอีก
แต่เดี๋ยว...พฤติกรรมที่เขาเป็นอยู่นี่มันชักจะทะแม่งๆ...
ไหนจะยืนมองฮยอกแจ...
ไหนจะไม่พอใจที่มีคนเข้าใกล้...
อาการแบบนี้มัน...
‘หึง’
ไม่ดิ!
ไม่ได้หึง!
จะหึงได้ยังไงกัน! เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับฮยอกแจเลยสักนิดเถอะ อีทงเฮหนุ่มฮ๊อตชั้น ป.5 ที่ใครๆ ต่างก็ดาหน้าเข้ามาหลงรัก ตัวเลือกมีเป็นร้อย ไม่จำเป็นต้องมายืนแอบมองใครแบบนี้!
เออ! ที่มายืนมองแบบนี้ก็เพราะว่าไม่อยากเข้าไปแสดงความยินดีตรงๆ ไง ก็แค่พี่ชายข้างบ้านเรียนจบชั้นประถมจะเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงเหมือนคนอื่นมันก็ไม่ใช่ ตื่นเช้ามาเปิดผ้าม่านทีก็เห็นฮยอกแจยืนยิ้มโง่ๆ ใส่ทุกวันอ่ะ
ดูเหมือนว่าฮยอกแจกำลังยืนมองหาใครสักคนอยู่ ตอบได้แบบไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลขเลยว่ากำลังมองหาเขาอยู่แน่ล้านเปอร์เซนต์...
หึ...แต่อย่าหวังเลยว่าอีทงเฮผู้นี้จะเดินลงไปหา
.
.
ก๊อกๆ!!
เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยพลันหลุดจากห้วงแห่งความคิด นัยน์ตาคมหันไปมองตรงหน้าต่างที่ปิดสนิทก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านออกเผยให้เห็นคนคุ้นหน้าที่ยืนเกาะแหมะอยู่ตรงนั้น ทงเฮจ้องมองคนที่อยู่อีกฟากนิ่งโดยที่ไม่คิดจะเปิดหน้าต่างให้
จำไม่ได้แล้วว่าเขายอมเปิดหน้าต่างให้ฮยอกแจเข้ามาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ตั้งแต่ตอนนั้นก็เริ่มห่างกันไป และเป็นทงเฮเองที่ตีตัวออกห่าง ถึงแม้ว่าตอนกลางคืนจะมีเสียงเคาะประตูอยู่บ่อยครั้งแต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วใส่หูฟังเข้าไป เปิดเพลงฮาร์ดคอกระแทกหูหวังจะให้ดนตรีและท่วงทำนองหนักๆ กลบเสียงข้างนอกนั่น
และมันก็ได้ผลทุกครั้งซะด้วย....
“เปิดหน่อยซี่~” กระจกเป็นฝ้ามัวเพราะลมหายใจของร่างบาง ทั้งที่โดนตีตัวออกห่างขนาดนี้แล้วแต่อีฮยอกแจยังยิ้มให้เขาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนได้...
ผมเปิดหน้าต่างให้ฮยอกแจเข้ามาจนได้...
“มาทำไม” ประโยคแสนตัดพ้อเอ่ยขึ้นทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองน้อยๆ ฮยอกแจยู่ปากก่อนจะถอดผ้าพันคอผืนใหญ่ออกวางพลางเดินไปนั่งบนเตียงอย่างถือวิสาสะ
“ทำไมถามเงี้ย ทีเมื่อก่อนไม่เห็นถามเลย”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้กับเมื่อก่อนมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ” ยืนมองคนที่นั่งอยู่ขอบเตียงด้วยท่าทีสุดแสนรำคาญ ไม่ว่าความรู้สึกข้างในจะเป็นยังไงก็ตามแต่ ในตอนนั้นทงเฮรู้แค่ว่าต้องทำให้ฮยอกแจรู้สึกแย่ให้ได้
อยากเอาชนะ
“เหมือนสิ” พูดพร้อมกับฉีกยิ้มก่อนจะดึงแขนน้องชายข้างบ้านที่ปัจจุบันส่วนสูงเริ่มเท่าๆ กันลงมานั่งข้างๆ ทงเฮรับชักมือออกก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่พอใจ
“วันนี้วันอะไร~”
“กำลังจะวันเสาร์” ตอบปัดๆ ไปน้ำเสียงไม่เต็มใจที่จะตอบ ความรู้สึกกับการกระทำนั้นตรงกันข้าม
มันเป็นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว?
“ไม่ใช่~ วันอะไรให้ตอบอีกที” ชูนิ้วชี้ขึ้นมาระดับริมฝีปากนั่นยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้กับอีทงเฮมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“จะวันอะไรก็รีบบอกมาเหอะ ลีลาจริง” หันหน้าหนีไปอีกทาง ร่างบางหุบยิ้มไปครู่หนึ่งก่อนจะผุดยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง “แบมือมา”
ถอนหายใจพรืดพลางหันไปมองร่างบางด้วยสายตาหน่ายๆ ฮยอกแจอมยิ้มพร้อมกับแบมือออกมารอข้างหน้า “หลับตาด้วยนะ” ทงเฮจำใจวางมือลงบนมืออีกฝ่ายพร้อมกับหลับตาลงก่อนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่วางลงบนมือเขา เปลือกตาบางลืมขึ้นในทันทีก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง...
เมื่อเห็นพุดดิ้งสตอเบอรี่สามชิ้นวางอยู่ในกล่อง...
“แท่นแท๊นนนน~”
ตุ๊กตาหน้าลิงที่ถูกเรียกว่าน้องฮยอกเฮถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเป้พร้อมกับจัดวางให้นั่งลงข้างๆ ตัวถึงแม้มันจะอ่อนระทวยจนเอนลงนอนราบไปกับเตียงแต่ฮยอกแจก็ยังจับมันขึ้นมานั่งใหม่ ทงเฮมองการกระทำของร่างบางแล้วก็อยากถอนหายใจอีกครั้ง...
นี่เขาอายุสิบขวบแล้วนะ สิบขวบแล้ว
“......................”
“พุดดิ้งสตอเบอร์รี่ของโปรดของทงเฮไง”
“......................”
“จำได้ไหม? วันนี้เป็นวันครบรอบงานแต่งงานของเรา~” พูดพร้อมกับแกะกล่องออกก่อนจะวางถ้วยพุดดิ้งไว้ตรงหน้าน้องฮยอกเฮและน้องชายข้างบ้าน
“......................”
“นี่กี่ปีแล้วนะ อ๋า~ห้าปีแล้ว” เสียงใสยังคงเจื้อยแจ้วอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีท่าทีแสดงความยินดีกับสิ่งที่เอ่ยมาเลยแม้แต่น้อย หยิบยกเรื่องนี้มาใช่ว่าเขายังอยากเล่นพ่อแม่ลูกกับทงเฮอยู่ แต่เพราะความสัมพันธ์ที่ห่างเหินออกไปทุกวันๆ ต่างหากที่ทำให้ฮยอกแจทำแบบนี้
“พูดอะไร”
“เอ๋..?”
“ครบรอบอะไรกัน คิดว่าเราเล่นพ่อแม่ลูกกันอยู่รึไง” เลิกคิ้วถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฮยอกแจหยุดชะงักไปพลางมองตามอีกฝ่ายที่ยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับกำคอตุ๊กตาลิงขึ้นมา มืออีกข้างมีถ้วยพุดดิ้งในมือ นัยน์ตาเรียวจ้องมองตาแป๋ว แสงสว่างจากโคมไฟบนหัวเตียงทำให้มองเห็นดวงหน้าหวานได้ชัดขึ้น
ดวงตาสุกใสที่มองมาราวกับมีคำถาม...
“อ๊ะ!” ร่างบางเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายเทพุดดิ้งลงบนหัวตุ๊กตาลิงก่อนจะทิ้งมันลงบนพื้น ใจจริงอยากจะเหยียบมันด้วยซ้ำแต่ก็ต้องชั่งใจเอาไว้
พฤติกรรมที่สุดแสนจะเย็นชาแบบนี้ใช่ว่าฮยอกแจจะเจอมันครั้งแรก ที่ผ่านมาพยายามจะลืมมันไปว่าทงเฮอาจจะไม่ได้ตั้งใจ
ร่างบางลงไปคว้าตุ๊กตาขึ้นมาพลางปัดเศษพุดดิ้งที่เหนียวเหนอะหนะออกจากตุ๊กตาที่คิดมาตลอดว่าเป็นตัวแทนแห่งความรักของเขาทั้งคู่ ทั้งที่ตั้งใจมาฉลองด้วยกันแท้ๆ วันนี้พอจบพิธีแล้วก็รีบวิ่งไปสถานีรถไฟเพื่อต่อคิวซื้อพุดดิ้งของโปรดของทงเฮ...ก้มลงมองหน้าตุ๊กตาที่ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้นแล้วก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ
“ฉันไม่ได้ชอบพุดดิ้ง”
รู้สึกได้ถึงศัพท์พนามนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด...
“.....................”
“นี่อายุตั้งเท่าไหร่แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นเด็กห้าขวบรึไง”
“.................แก”
“ถ้าอยากฉลองนักก็เชิญไปฉลองกับไอ้ตุ๊กตาบ้านั่นสองคนเถอะ”
“...............แก”
“...................”
“ตายซะเถอะ!”
พูดจบก็โผเข้าไปบีบคอคนตรงหน้าทันทีโดยไม่ให้ได้ตั้งหลัก ทงเฮเบิกตากว้างพลางจับข้อมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง นี่เขาบ้าไปแล้วเรอะ!
“เอาทงเฮของฉันคืนมานะ! นี่แกเป็นใคร!”
“ฮ...เฮ้!!! ฉันนี่แหละทงเฮ! ....อึก....”
“ไม่จริง! ทงเฮของฉันไม่ใจร้ายแบบนี้! แกเป็นผีใช่ไหม! ออกไปจากตัวทงเฮเดี๋ยวนี้นะ นี่แน่ะๆๆ!!!”พูดพร้อมกับฟาดลงไปบนร่างน้องชายข้างบ้านไม่ยั้ง
“อ...โอ๊ยยยยยยย!!! ผ...ผีเผออะไรเล่า! อีทงเฮที่ใสซื่อคนนั้นน่ะตายไปแล้ว...อ๊ากกกกก!!!” เสียงโอดครวญระงมไปทั่ว ทงเฮพยายามต่อสู้กับพี่ชายร่างบางก่อนจะล็อคตัวอีกฝ่ายกดลงบนเตียงแล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อประตูห้องเปิดออก
“ตายแล้ว! ทงเฮ!! จะทำอะไรพี่เค้าน่ะลูก!!”
คำว่าขอโทษใครๆ ก็พูดได้
ที่สำคัญ...ขอโทษแล้วมันหายไหม?
ตื่นมาด้วยความหัวเสีย วันนี้มีนัดว่าจะไปเกมส์เซนเตอร์กับพวกโจควอนตอนสายๆ ตื่นมาเห็นรอยข่วนตรงคอแล้วก็อยากจะบ้าตาย แสบแผลจนต้องใช้พลาสเตอร์ติดเอาไว้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดพอเดินลงมาก็โดนแม่สวดยกสองอีก เมื่อคืนแทนที่แม่จะเข้ามาช่วยเขาดันเข้าไปโอ๋ฮยอกแจซะงั้นกูละเศร้า...
พอเดินมาถึงหน้าบ้านอีกคนแล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าอดีตตุ๊กตาที่เคยรักนักรักหนาถูกห้อยไว้บนราวตากผ้า...หยาดน้ำหยดลงแผละๆ ดูแล้วน้องฮยอกเฮคงพึ่งเข้าไปอาบน้ำในเครื่องซักผ้ามาเป็นแน่
จะอะไรก็ช่างเถอะ ไอ้ตุ๊กตานั่นมันไม่มีชีวิตสักหน่อย!
.
.
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
“เอาล่ะๆ เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนรถแล้วไปต่อแถวตามหมวดซะนะ” เสียงนกหวีดของครูสอนพละที่อยู่ในชุดเสื้อไหมพรมสีแดงกางเกงยีนส์ห้าส่วนและรองเท้าแฟชั่นหุ้มส้นประหนึ่งจะไปเดินเมียงดงก็มิปานท่ามกลางนักเรียนร้อยกว่าคนที่ยืนตัวสั่นในวันหนาวเหน็บที่ต้องมาตกระกำลำบากในช่วงวันหยุด
‘ค่ายอบรมการมีเพศสัมพันธุ์อย่างถูกสุขลักษณะและอนามัย’
ค่ายหอกหักอะไรก็ไม่รู้แต่โดนฮีนิมตราหน้าไว้แล้วว่าถ้าไม่เข้าร่วมนี่อย่าหวังเลยว่าจะได้จบ ม.ปลาย อ้างว่าค่ายนี้ให้ประโยชน์และความรู้กับวัยรุ่นที่กำลังคึกคะนองอย่างพวกเขาได้แน่ล้านเปอร์เซ็นต์...นั่นก็พอทำใจได้หรอก...แต่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นติดลบกี่องศาก็ไม่รู้และต้องมาเดินทางไกลนี่.......
“ไม่ต้องห่วง กระเป๋าพวกเธอปลอดภัยแน่ ถ้ามีอะไรเสียหายเดี๋ยวอาจารย์เย่เค็ด...เอ๊ย...อาจารย์เยซองจะเป็นคนรับผิดชอบมันทั้งหมดเอง” พูดพร้อมกับหันไปยักคิ้วใส่ คนถูกพาดพิงได้เพียงแค่ชี้หน้าตัวเองงงๆ
เกี่ยวไรกับกู...
ไม่ได้อยากมาออกค่ายกับไอ้ครูสับปะรังเคอย่างคิมฮีชอลเลยสักนิด เขาน่ะหรือเป็นถึงครูสอนดนตรีที่มีดีกรีระดับแนวหน้า พวกศาสดาแห่งเสียงเพลงหลายคนต่างแนะนำให้เขาเข้าสู่วงการนี้เพื่อไต่เต้าไปยังจุดสูงสุดของหนทางด้านเสียงดนตรี...แต่เขา...กลับเลือกที่จะหยุดอยู่ตรงนี้เพื่อเผยแพร่ความรู้และเสียงเพลงให้กับเด็กรุ่นใหม่...
ไม่เหมือนไอ้ครูประสาทกลับที่ดีแต่แต่งตัวเหมือนพวกพ่อค้าขายผลไม้ดองหลังเลิกเรียนแบบนี้ (ชี้ไปที่คิมฮีชอล)
“ทางโรงเรียนจ้างรถคันเท่าตึกพาราก้อนมาตั้งสี่ห้าคัน...แต่คุณ...จะให้เด็กๆ เดินทางไกล?” คิมจงอุนยืนกอดอกพลางเสตามองคนที่ถือโทรโข่งอยู่ข้างๆ ร่างบางหยุดชะงักพลางเกาหัวแกร่กๆ
“ใช่ มีไรป่ะ”
กวนตีนไงครับจะมีไรอีกล่ะ -_-
“อากาศหนาวแบบนี้จะไม่ใจร้ายกับเด็กๆ ไปหน่อยรึไงคุณ”
“ไม่อ่ะ นี่ใจดีมากแล้วนะ ไม่ให้หอบกระเป๋าเองก็ดีแค่ไหนแล้ว...เอ้าๆ ออกเดินทางกันได้ละเดินตามหัวหน้ากลุ่มไป...เออนั่นแหละ”
ครูสอนดนตรีได้เพียงแค่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ออกค่ายนี่สองวันหนึ่งคืนก็จริง...แต่ไอ้เพราะคืนเดียวนี่แหละที่จะทำให้เขาเป็นบ้า เขาล่ะเกลียดคนนิสัยแบบนี้มากที่สุด เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็นขวางโลกตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยด้วยกัน บรรจุเป็นครูที่นี่ก็คิดว่าคงรอดพ้นจากคนๆ นี้ได้แล้ว...ก็จริงอยู่ที่เขาทั้งคู่น่ะเรียนคนละคณะ...แต่ตอนเรียนด้วยกันคณะดนตรีกับบัญชีมันดันอยู่ฝัง่ตรงข้ามกันนี่สิถึงได้เจอหน้ากันบ่อยๆ...
ใช่.....คิมฮีชอลเป็นครูสอนพละที่จบบัญชีมา.......
“โอ๊ะ! อาจารย์จองซู!” ยัดโทรโข่งใส่มือเล็กก่อนจะรีบถลาแท่ดๆ เข้าไปหาผู้มาใหม่ อาจารย์หนุ่มร่างผอมโปร่งเดินอุ้มลังกล่องมาอย่างทะลักทุเลจนร่างบางต้องเข้าไปช่วย
รอยยิ้มพิมพ์ใจส่งให้พร้อมกับลักยิ้มที่ติดอยู่มุมปากพลางโค้งหัวน้อยๆ เป็นเชิงขอบคุณ...ยิ่งเห็นสายตาคิมฮีชอลที่มองแทะโลมครูสอนชีวะแล้วก็ยิ่งเดือด....
นอกจากจะเป็นมารสังคมแล้ว...ยังเป็นมารหัวใจของคิมจงอุนผู้นี้ด้วย!
ที่เขายอมมาที่นี่ก็เพราะว่าอาจารย์จองซูมาด้วยหรอกนะ...
คุณครูสอนชีวะที่เขาแอบหลงรักมาตลอดสามปี...
.
.
ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่นั่น....
“แฮ่ก...แฮ่ก” เสียงหอบกระชั้นของนักเรียนที่เดินลากขาไปตามถนนที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะแค่เดินทางไกลธรรมดาก็เหนื่อยจะตายแล้ว ยิ่งมีหิมะด้วยก็ยิ่งเหนื่อยขึ้นเป็นเท่าตัวอีก ร่างหนาหยุดเดินพลางหันหลังกลับไปดูเพื่อนแต่ละคนที่สภาพไม่ต่างไปจากหมาหอบแดด ผิดแค่ความเป็นจริงในตอนนี้แค่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ก็ไม่มีลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย
“มีน้ำป่ะวะ?”
“โน.......กูเองก็คอแห้งจนไม่มีแรงจะพูดแล้ว” เฮนรี่ว่าพลางยืนหอบหายใจ เชื่อมันเลย! ไอ้พวกที่ยังเดินต่อไปนี่พวกมึงใส่ถ่านกันกี่ก้อนวะ!
“มึงอ่ะอีหมวย?”
“หึ...น้ำอยู่ในกระเป๋า ไอ้สัดนี่แม่งจังไรเก็บไว้ในนั่นหมด” พูดพร้อมกับตบหัวเฮนรี่ไปทีนึง พูดแล้วก็โมโห
คนถูกโบ้ยความผิดเลิกคิ้วมองพลางกุมหัวตัวเองไว้ ก็ใครจะไปรู้วะว่าจะได้มาเดินทางไกลแบบนี้ ตอนนั้นขอแดกคำเดียวก็กะว่าจะเอาใส่กระเป๋าให้เพราะหวังดี ไม่อยากให้ถือไว้เพราะกลัวเกะกะแต่ไหงเสือกมาด่ากูอีก
“เดินต่อเถอะ” คิบอมตบบ่าทงเฮเบาๆ สองทีทั้งที่ตอนนี้เหนื่อยจะเป็นจะตายแต่กลับมีเหงื่อผุดออกตรงขมับแค่นิดๆ หน่อยๆ ควันสีขาวยังคงพ่นออกมาทุกครั้งที่หายใจ ลำพังแค่จมูกคงปั่นอากาศให้กูไม่ทันแล้ว อีกนานแค่ไหน อีกนานเท่าไหร่ถึงจะพบจุดหมาย
“กูอยากรู้มากอ่ะว่าเค้าเอาอะไรคัดอาจารย์ที่ส่งมาดูแลค่ายนี้” พอนึกถึงอาจารย์ทั้งสามแล้วแอมเบอร์ก็เปิดประเด็นขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ครูดนตรี?” <- เฮนรี่
“ครูดนตรีก็มาเพื่อสอนการควงเอวให้ได้จังหวะจะโคนไง...เอวพลิ้วไหว่ดั่งเสียงเพลง ป๊าบๆ!!” พูดพร้อมกับทำท่าควงเอวสุดแสนลามกจนนักเรียนหญิงที่เดินตามมาต้องยกมือปิดหน้ากรีดร้องเพราะรับไม่ได้
“แล้วครูพละอ่ะ” <- แอมเบอร์
“ไม่วอร์มก่อนมึงจะขึ้นสังเวียนได้เหรอสัดของแบบนี้ต้องยืดหยุ่นเพื่อความอึดทนนาน...” ไม่พูดอย่างเดียว ร่างหนาทำท่าจ๊อกกิ้งอยู่กับที่พลางยักคิ้วกวนให้กับเพื่อนที่เดินอยู่ข้างๆ
“คนสุดท้ายที่กูสงสัยมาก...ครูชีวะ...ตอบให้ได้นะสัด”
“ครูสอนชีวะ...”
“เร็วเข้าเด็กๆ สวรรค์รอเราอยู่~” ใบหน้าเรียวชะโงกหน้าออกมาจากรถยนต์พร้อมกับโบกมือให้ให้นักเรียนที่กำลังเดินอืดอาดไปตามถนน ถ้าอาจารย์จะทำตัวส้นตีนขนาดนี้ กูยอมขี้กรากขึ้นหัววันนึงแล้วกัน
“เชี่ย”
ก้มลงกำหิมะขึ้นมาปั้นๆ แล้วปาไล่หลังรถที่กำลังขับเคลื่อนไปอย่างเหลืออด และก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อคนที่อยู่ในรถเอื้อมมือออกมาข้างนอก...พร้อมกับชูนิ้วกลางให้
“อื้อหือ....”
“มึงอย่าพยายามเลยทงเฮ...มึงกับฮีนิมหวีรองคนละเบอร์กัน” เฮนรี่ว่าพลางถอนหายใจน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนเดือดยิ่งกว่าหม้อไฟ
อย่าคิดมาก...อีทงเฮสนิทกับคิมฮีชอลยิ่งกว่าอะไรดี
“คุณพ่อของมึงนี่เจ๋งสัด ดูท่าจะไม่หยุดพักเลย หรือว่าเป็นลมไปแล้ววะ” แอมเบอร์ถามพลางมองไปยังเด็กปีสามที่หยุดนั่งพักเหนื่อยกันเป็นบางจุด จริงอยู่ที่ปีสามเดินออกตัวมาก่อนแต่ก็มีหลายคนที่เป็นโรคสำออยต้องให้พวกหน่วยพยาบาลเอายาดมยัดจมูกให้
“กูจะรู้เหรอ” ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระพร้อมกับเดินต่อไป ลึกๆ ก็เป็นห่วงฮยอกแจอยู่หรอก ตัวก็แค่นั้นจะเป็นลมล้มพับไปรึเปล่า?
แต่พอมาคิดอีกที...จะไปคิดมากทำไมวะ ในเมื่อฮยอกแจมีไอ้โย่งนั่นอยู่ด้วยทั้งคน
“คิดว่ารู้ดีซะอีก” ทงเฮหันขวับเมื่อได้ยินประโยคแฝงความนัยของคิบอมเพื่อนยากที่ไม่คิดไม่ฝันว่าคนอย่างมันจะพูดขึ้นมา
“รู้ไรวะ”
“แหม...พี่ทงเฮขาอย่ามาแอ๊บได้ป่ะ...เมื่อหลายวันก่อนตอนคุณพ่อมึงไข่แตกก็เห็นหายหัวไปด้วยกันทั้งคาบบ่ายเลยไม่ใช่เหรอ~” แอมเบอร์ว่าพลางปั้นหน้าปั้นตาเอานิ้วชี้จิ้มกันจึกๆ เห็นแล้วอยากจะเอาตีนทาบหน้าถ้าไม่ติดว่าเป็นชะนี
“เฮ้ยไม่ใช่!”
“ไม่อะไรวะ?” คิบอมอมยิ้มน้อยๆ ยิ่งเห็นมันยิ้มก็ยิ่งหวั่นใจ มึงต้องคิดอะไรพิเรนทร์แน่ๆ
สาบานให้ตายว่าผมไม่ได้ทำอะไรฮยอกแจ!
ผมฟินิชทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งนั้น!
“สรุปคุณพ่อมึงชอบไอ้คิบอมจริงป่ะวะ กูเห็นติดมึงยิ่งกว่าอะไร” <- เฮนรี่
“ถ้าคบกันก็บอกมาเหอะ มึงอย่าซึนนักเลย” <- แอมเบอร์
“พ่องดิ กูไม่ได้อะไรกับฮยอกแจทั้งนั้นนั่นแหละ”
.
.
และแล้วความทรมานก็สิ้นสุดลง...แต่พอคิดว่าขากลับจะต้องเดินลงเขาอีกอีทงเฮก็อยากจะทิ้งตัวนอนตายบนเตียง กะอีแค่อบรมณ์เนี่ยจ้างวิทยากรไปแพร่มที่โรงเรียนก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องให้นักเรียนลำบากเดินข้ามโลกมาถึงขนาดนี้....
กระเป๋าเดินทางถูกโยนลงบนพื้นก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม หายใจเข้าปอดลึกๆ พลางหลับตาลงรับความอบอุ่นภายในตัวห้องพักของโรงแรม คิบอมมองเพื่อนสนิทที่นอนแผ่หลาอยู่ก็นึกหัวเราะ แทนที่มันจะเหนื่อยน้อยกว่าปกติก็ต้องเหนื่อยหนักกว่าเดิมเพราะระหว่างทางเอาแต่พูดไม่หยุด ถือว่าค่ายนี้ยังไม่ใจร้ายกับพวกเขาสักเท่าไหร่นัก มาถึงแล้วยังให้เวลารีแล็กซ์จนถึงพรุ่งนี้เช้า
มือแกร่งเลื่อนผ้าม่านออกเผยให้เห็นดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ท้องฟ้าเป็นสีส้มส่องประกายทั่วทั้งแต่กลับให้ความรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก
RRrrrr!!!
“อือ....” กดรับสายเสียงงัวเงียไม่ทันมองหรอกว่าใครโทรมา ร่างสูงหันกลับไปมองเพื่อนสนิทที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงที่กำลังคุยกับคนปลายสายด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“โอเค...ได้สิครับ...จ้า...คิดถึงจนทนไม่ไหวแล้ว...อย่าลืมใส่ กกน.ตัวที่ซื้อให้นะ...โอเคเลยจุ๊บๆ” สีหน้าระรื่นขึ้นมาในทันที ร่างหนาวางสายก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางทิ้งตัวสปริงลงบนเตียงสองสามครั้งเพื่อลองสนาม
“เยดเข้...เสียงเอี๊ยดอ๊าดได้อารมณ์มาก” พูดพร้อมกับทำท่าประกอบบนเตียงไปด้วย คิบอมส่ายหน้าระอากับเพื่อนสนิท ไม่วายมันคงนัดผู้หญิงขึ้นมาล่ออีกแล้ว
“คราวนี้ใครล่ะ”
“นานะจัง -///////-”
“อืม”
“เค้าอยู่ชั้นสิบแปด เดี๋ยวเค้าอาบน้ำเสร็จแล้วจะลงมาหากูเว้ยย~”
“เออ” ตอบรับก่อนจะคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปห้องน้ำ ต่างคนต่างรู้หน้าที่ตัวเอง เมื่อเพื่อนจะฟันหญิงเขาก็ควรออกไปหาอะไรทำข้างนอกเพื่อฆ่าเวลา ก็เหมือนกับเวลาที่เขาจะทำอะไรแบบนี้ ทงเฮก็รู้หน้าที่ตัวเองเหมือนกัน
พอเห็นว่าคิบอมเข้าไปในห้องน้ำแล้วทงเฮก็รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้งพลางกดไปยังเบอร์ของฮยอกแจ รอสายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนที่ไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่
‘แป๊ปนึง ฮยอกแจแต่งตัวอยู่’
“ใครวะ”
‘...........เจมส์ พ๊อตเตอร์’
“พ่อง กูถามดีๆ”
‘เฮ้ยฮยอกแจ! เมียมึงโทรมาอ่ะ..ให้ไวดิ๊’ เสียงเบาลง คาดว่าไอ้เหียกนั่นมันคงเป็นไอ้โย่งชเวซีวอนเป็นแน่...เอ...ทำไมมันถึงได้อยู่ห้องกับฮยอกแจล่ะ ได้ข่าวว่าซีวอนมันหวงเมียยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก แล้วตอนนี้เมียมันอยู่กับใคร
‘ฮัลโหลทงเฮ~’
“เออ เมื่อกี้ใคร”
‘ซีวอนน่ะ มีอะไรเหรอ?’
“จะบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงให้พี่รีบลงไปรอข้างล่างได้เลย เดี๋ยวคิบอมมันจะลงไปเดินเล่น”
‘อะไรนะ! แล้วคิบอมจะลงมากับใครอ่ะ’
“คนเดียวดิ โอกาสทองนะฮยอกแจห้ามพลาดอีกนะเข้าใจป่ะ?”
‘อะ...อื้อ!!’
“เออ อย่าลืมล่ะ คิบอมมันชอบแดกอเมริกาโน่ร้อนดับเบิ้ลไซรับรีบลงไปซื้อในสตาร์บั้คข้างล่างซะ”
‘อ...เม...ริกาโน่..ร้อน....ดับ...เบิ้ล...ไซ...รับ.......โอเค! รับทราบ!’
[ ฮยอกแจอย่าลืมซักกางเกงในให้กูด้วยนะ ] เสียงแทรกเข้ามาในสายทำให้เขางิดขึ้นมาน้อยๆ เวลากูเป็นงานเป็นการทำไมไอ้ฟายนี่ชอบเสือกจังเลย......
“บอกไอ้เชี่ยนั่นเงียบไปก่อนดิ๊”
‘โอเค....นี่ซีวอนอย่าพึ่งสิ แป๊ปนึงนะ’
[ กูจะออกไปหาที่รักกูแล้วเนี่ย ]
‘เดี๋ยวสิรอเราด้วย ทงเฮ...ขอบคุณมากนะ!’
“เออ แค่นี้นะมีอะไรก็โทรมาละกัน”
‘โอเค~ จุ๊บ!’
.
.
ก๊อกๆ!
“ทำไมกูต้องได้อยู่ห้องกับมึงด้วยเนี่ย....” มองคนที่ยืนทำตาแป๋วอยู่ข้างๆ แล้วก็อยากถอนหายใจสักล้านรอบ ร่างบางในชุดนอนลายการ์ตูนที่ดูแล้วก็คงน่ารักมากหรอกถ้าไม่รู้จักกัน ซวยซ้ำซวยซ้อนที่อาจารย์เสือกลำเอียงให้เด็กปีสามจับสลากเลือกคู่...ได้คู่กับฮยอกแจก็ไม่เสียใจเท่าที่รักของเขาได้คู่กับ...
ชิม...ชาง...มิน...
อดีตรักดอกว่านขี้ของคยูฮยอนที่เลิกกันไปเมี่อหลายปีที่แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจที่รักหรอกนะ...แต่ของแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ่านไฟเก่าก็คือถ่านไฟเก่า...ถ้าไฟมันติดขึ้นมาเมื่อไหร่คนที่แย่ก็คือเขา แล้วปัจจุบันชิมชางมินแม่งก็ไม่ใช่ขี้ๆ ถือว่าหล่อมากในระดับหนึ่ง สาวกรี๊ด หุ่นดี ไม่ได้อิจฉาอะไรถ้าเทียบกันแล้วเขามั่นใจว่าเขามีดีกว่าชิมชางมินเยอะ!
“ซีวอนไม่ต้องห่วงนะเราจะนอนนิ่งๆ เหมือนแพลงกิ้งเลย (*w* )”
แพลงกิ้งพ่องสิครับฮยอกแจ...
ก๊อกๆ!
“เอ....ทำไมคยูฮยอนไม่เปิดประตูสักทีนะ”
มึงจะพูดให้กูใจเสียทำไมเหรอครับฮยอกแจ.........
“...อา...อืม....คยูฮยอน”
( ̄(エ) ̄)
“ชอบไหม?”
( ̄(エ) ̄)....
“ชอบสิ...เน้นตรงนั้นอีกได้ไหม...รู้สึกดีชะมัด...”
“ได้สิ...อยู่นิ่งๆ นะ”
“นายจะให้ฉันอยู่นิ่งๆ ได้ยังไง....อา...เบาๆ หน่อย...อืม....”
ภาพมโนต่างๆ ลอยเข้ามาในหัว ภาพคยูฮยอนในชุดลายเสือดาวกำลังปีนขึ้นเตียงไปหาชิมชางมินในสภาพเปลือยเปล่าที่โดนขึงมือทั้งสองข้างไว้กับหัวเตียง...
ตอนนี้ยิ่งกว่าช็อค ชเวซีวอนก้าวขาไม่ออกแล้วครับ รู้สึกได้ถึงหยาดเหงื่อที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมาตามขมับและจอนผม ฮยอกแจเอาหูแนบกับประตูพลางกระพริบตาปริบๆ
“กลิ่นหอมดีนะ...ฉันชอบ”
กลิ่น...กลิ่นอะไร! มึงห้ามดมกลิ่นเมียกูนะเว้ย
“ซีวอน~ คยูฮยอนกับชางมินเค้าเล่นอะไรกันอยู่เหรอ ส่งเสียงดังลั่นห้องเลยอ่ะ” ร่างบางหยัดตัวลุกขึ้นยืนข้างๆ เพื่อนสนิทพลางหันไปถามด้วยความสงสัย ซีวอนเป็นอะไรไปทำไมยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นอย่างนั้นล่ะ
“ซีวอน~”
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!
“ไอ้สัดเปิดประตู!!!!”
มือแกร่งทุบประตูดังลั่นจนห้องข้างๆ เปิดออกมาดู ฮยอกแจผละตัวออกเมื่อจู่ๆ เพื่อนสนิทเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา แย่แล้ว! ซีวอนเป็นลมบ้าหมูแล้ว!! T[]T
จะอะไรก็ตามแต่ ตอนนี้กูไม่มโนต่อไปแล้วโว้ย! เมียข้าใครอย่าเตะ! คนอย่างชเวซีวอนด่าพ่อล้อแม่ได้...แต่ห้ามแตะต้องเมีย
กูหวงMAX!
แกร่ก......
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับไอ้ตัวดีที่อยู่ในสภาพผ้าเตี่ยวผืนเดียว นั่นยิ่งทำให้ซีวอนเลือดขึ้นหน้ายิ่งกว่าเดิม พอมองไปข้างหลังเห็นคยูฮยอนกำลังใช้ทิชชู่เช็ดมืออยู่นั่นยิ่งเดือดเข้าไปใหญ่
“มึง!”
“เหวออออ!!!” ชายหนุ่มในสภาพผ้าเตี่ยวถูกกระชากออกมาด้านนอกจนปลิวติดผนังห้องอีกฝั่งก่อนจะได้ยินเสียงประตูปิดลง ชางมินอ้าปากหวอพลางถลาเข้าไปทุบประตูรัวๆ ไม่ได้นะโว้ยซีวอนกูยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!
“เฮ้ย!! ซีวอน!! เปิดประตูให้กูก่อน!!” ร่างสูงยังคงทุบประตูอยู่อย่างนั้นหากแต่คนข้างในหรือจะสนใจ พอหันไปมองรอบข้างก็เห็นเพื่อนฝูงที่โผล่หัวออกมานอกประตู
แล้วก็รีบยกมือปิดเป้าตัวเองทั้งที่รู้ว่ามันไม่ช่วยอะไร...และพอหันไปมองข้างๆ...
“อ๋า...ดูเหมือนว่าคืนนี้ชางมินจะไม่ได้นอนห้องเดียวกับคยูฮยอนแล้วล่ะ~” เอ่ยเสียงใสพร้อมกับยู่ปากน้อยๆ พลางก้มลงมองคีย์การ์ดในมือตัวเอง
“แต่ไม่เป็นไรนะชางมิน เรามีชุดนอนลายลูฟี่ให้ยืมตั้งสองชุดแน่ะ มีสีเหลืองกับสีส้มชางมินเลือกได้ตามใจชอบเลย (*w* )”
โอย............กูจะบ้า!!!
- มอย -
ตอนนี้ไม่มีอะไรเลยค่ะ 555555555555
จริงๆ ก็ไม่มีอะไรสักตอนอ่ะ OTZ ค่ายอบรมนี้เราได้รับความช่วยเหลือจาก @GireanMiss
บ.ก ของเราเอง กร๊ากกกกกกกกกกกกก
ความคิดเห็น