คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Friend's V - 눈물 (Tears)
โกรธคือโง่..โมโหคือบ้า..
ในตอนนี้อีทงเฮกำลังเป็นคนคนโง่และบ้า..เพราะอีฮยอกแจคนเดียว
ร่างโปร่งไล่ติดกระดุมเสื้อที่หลุดลุ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบทีละเม็ด ใครอีกคนเองก็เช่นกัน..หากแต่ทั้งคู่ดูห่างเหินต่างจากในทีแรก ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นมานิ้วเรียวกดส่งข้อความหาใครบางคนหลังจากทำเรื่องบ้าๆ ลงไป ระหว่างรอใครอีกคนจัดการเสื้อผ้าตัวเองที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน เหตุผลที่ทำลงไปทุกอย่างมันดูเหมือนคนโง่..แต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกที่จะทำ
ไหนๆ ร่างกายนี้มันก็สกปรกอยู่แล้วนี่..
ร่างสูงตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดเมื่อนึกถึงหน้าใครอีกคนตอนสบตากับเขา..ใช่..เมื่อกี้เขาเห็นโจคยูฮยอนยืนมองเขากอดอีฮยอกแจอยู่ตรงหน้าประตู..
นัยน์ตาของเด็กหนุ่มว่างเปล่า หากแต่ทั้งคู่ยังสบตากันอยู่อย่างนั้นถึงแม้ว่าร่างกายของเขายังคงกอดรัดใครอีกคนเอาไว้..แต่ถึงอย่างนั้น..ก็ไม่ได้หยุดการกระทำ
เพียงชั่วครู่เท่านั้น..เด็กหนุ่มที่เขาคิดว่าเย็นชาไร้อารมณ์คนนั้นก็หายลับไป ถึงแม้คนในอ้อมกอดจะส่งเสียงครางอยู่ใกล้หูหากแต่ภาพของใครอีกคนกลับติดตา..
กลัวเด็กคนนั้นปากโป้งเหรอ..เปล่า..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก..
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน..ว่านัยน์ตาคู่นั้นมันมีอะไร ทำไมเขาถึงได้ลบภาพเหล่านั้นไปไม่ได้
.
.
ฝีเท้าวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างเร่งรีบทั้งที่เป้าหมายอยู่ที่ชั้นห้า ทั้งที่ลิฟท์จอดอยู่ที่ชั้นหนึ่งแท้ๆ แต่ไอ้ตู้สี่เหลี่ยมนั่นมันวิ่งช้าเกินไปสำหรับคนอารมณ์ร้อนอย่างอีทงเฮ
มือหนาผลักประตูห้องดรอว์อิ้งออกอย่างรวดเร็วหากแต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า.. คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้า ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ พยายามสงบสติอารมณ์เมื่อไม่เจอคนที่กำลังทำให้เขาเป็นบ้าอยู่ในตอนนี้
เมื่อกี้ไปที่ห้องเซรามิกส์มาแล้ว..แต่อีฮยอกแจไม่ได้อยู่ที่นั่น
แผ่นหลังกว้างพิงกับผนังเย็นอย่างเหนื่อยล้าหลังจากวิ่งผ่านมาหลายตึก ทั้งที่รู้ว่าถ้าไม่เจอฮยอกแจที่ห้องเซรามิกส์ก็คงไปตามหาที่อื่นไม่ได้แล้ว แต่นี่อะไร..แค่รู้ว่าอีฮยอกแจกำลังถูกคนอื่นกอดที่ไม่ใช่เขา..ขามันก็วิ่งตามหาไม่หยุด
ราวกับคนบ้า..ใช่..อีทงเฮบ้าไปแล้ว..
ทั้งที่ยังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องเป็นบ้าได้ถึงขนาดนี้ เพียงเพราะแค่ “คนทรยศ” คนนั้นไปมีอะไรกับคนอื่น เอาแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้เคยหาคำตอบให้กับตัวเองได้เลยสักครั้ง.. มือหนากำหมัดแน่น สายตาทอดมองไปตามระเบียงทางเดินที่เงียบสงบ..ในเวลานี้คงไม่มีนักศึกษาอยู่ในตึกนี้แล้ว สมองว่างเปล่าไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี..
อีทงเฮแพ้แล้ว
ทำไมถึงต้องตามหาอีฮยอกแจ? ถ้าตามเจอแล้วจะทำยังไง? จับปล้ำเหมือนทุกครั้งน่ะเหรอ?
ทำไมถึงรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ มันทนไม่ได้ที่จะเห็นฮยอกแจตกเป็นของคนอื่น..ไอ้ความรู้สึกแบบนี้เค้าเรียกว่าหึงเหรอ..หึ..ไม่มีทาง..
ก็แค่รู้สึกเหมือนถูกทรยศซ้ำสองก็เท่านั้น
.
.
นัยน์ตาคมจดจ้องไปยังบานประตูไม้สีน้ำตาลที่ยังคงปิดสนิทอยู่ ช่องใต้ประตูยังคงมืดสนิทไม่มีเงาของสิ่งมีชีวิตเดินไปมาในห้อง ไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟตลอดหกชั่วโมงที่ผ่านมา..นั่นยิ่งทำให้ทงเฮมั่นใจได้ว่าฮยอกแจไม่ได้อยู่ข้างในห้องเป็นแน่..ตีสามแล้ว..อีฮยอกแจหายไปไหน?
ลองคิดในแง่ดี..บางทีฮยอกแจอาจจะหลับไปแล้วก็ได้..แต่หลับก่อนสามทุ่มน่ะเหรอ ไม่มีทางซะหรอก..คนอย่างหมอนั่นอย่างเก่งนอนเร็วที่สุดก็ได้แค่ห้าทุ่มเท่านั้นแหละ ฮยอกแจชอบนั่งวาดรูปจนดึกดื่น อ้างว่าตอนกลางคืนมันเงียบสงบทำให้มีสมาธิ ต้องให้เค้าบ่นจนหูชาเสียก่อนถึงจะยอมไปนอนได้..
กุญแจที่ฮยอกแจเคยให้..อืม..ก็โยนแม่งทิ้งไปแล้วนี่นะ..ไม่อย่างนั้นคงไขกลอนประตูเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดไปต่างๆ นาๆ แบบนี้
แล้วถ้าเกิดฮยอกแจไม่ได้อยู่ในห้องล่ะ...
จู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ..ข้อความท้าทายที่อีกฝ่ายจงใจทำให้เขาโมโห อยากจะรู้นัก..ว่าไปให้ไอ้หอกที่ไหนกอด? ไม่ว่าอีฮยอกแจจะทำไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม..แต่ถ้ายอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อที่จะยั่วโมโหเขาแล้วล่ะก็..
อีฮยอกแจก็ไม่ต่างอะไรจากพวกผู้หญิงร่านๆ ที่เขาเคยเจอมาเลยแม้แต่น้อย
ร่างหนาถอนหายใจพลางมองนาฬิกาข้อมืออยู่เรื่อย..น่าขัน..คนอย่างอีทงเฮไม่เคยนั่งรอใครนานขนาดนี้มาก่อน แฟนรึก็ไม่ใช่..คนรักก็ไม่ใช่..
ถ้าโชคดีก็ขอให้เจอไอ้เวรที่กล้ามายุ่งกับของๆ เขาทีเถอะ จะต่อยหน้าแม่งสักหมัดเอาให้เลือดกลบปากหยอดข้าวต้มไปสักสามวัน ตอนถูกมันกอดคงรู้สึกดีมากเลยสินะ ถึงได้ครางไม่เป็นภาษาขนาดนั้น.. ทงเฮอดที่จะเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ ทุกครั้งที่เขากอดฮยอกแจ..ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฮยอกแจจะส่งเสียงครางแห่งความสุขสม..จะมีก็แค่เสียงครางประท้วงในลำคอที่เกิดมาจากความเจ็บปวดก็เท่านั้น...
ไม่สิวะอีทงเฮ! แกจะเอาตัวเองไปเปรียบกับไอ้เวรนั่นได้ยังไง ในเมื่อนายไม่ได้ตั้งใจจะให้อีฮยอกแจมีความสุขตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่..
แต่ถึงอย่างนั้น...อีฮยอกแจก็ไม่มีสิทธิ์หยามหน้าเขาแบบนี้..
.
.
ต่างคนต่างเจ็บ..
เป็นอย่างนี้ต่อไป..คงมีความสุขดีพิลึก..
“ส่งผมแค่นี้แหละครับ” ร่างโปร่งสะพายกระเป๋าพร้อมกับเปิดประตูรถออก มือเรียวหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าคมที่กำลังมองเขาอยู่ ภายในรถที่เงียบสงบ ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น คนสองคนนั่งนิ่งไม่มีใครพูดอะไรออกมา..จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไหร่
“................”
มือแกร่งวางมือไว้บนพวงมาลัย นัยน์ตาคมนิ่งยากที่จะคาดเดา ฮยอกแจรู้ว่ามันผิด พูดได้อย่างหน้าไม่อายว่ารู้สึกดี..แต่ก็ไม่ได้ถึงกับชอบสัมผัสเหล่านั้นเลยสักทีเดียว..หนำซ้ำยังปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองอีก
ที่คอนโดของอาจารย์ซีวอน
“ผมรู้ว่ามันฟังดูปัญญาอ่อน..แต่ผมอยากให้คุณช่วยทำเป็นลืมเรื่องราวระหว่างเราได้ไหมครับ”
แววตาของฮยอกแจไม่ได้ดูลังเลเหมือนเมื่อก่อนราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ซีวอนจำใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของฮยอกแจได้เป็นอย่างดี ใบหน้าเรียวตอนกำลังตั้งหน้าตั้งตาปั้นเซรามิกส์ หันไปหัวเราะกับเพื่อนตอนที่อีกฝ่ายงานพลาด หากแต่ตอนนี้คงไม่มีอีฮยอกแจคนนั้นอีกแล้ว
“คุณเองก็คงไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้..ครั้งเดียวมันคงเกินพอแล้ว” ฮยอกแจตอบสีหน้านิ่ง รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่ใช้ซีวอนเป็นเครื่องมือ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้วางแผนมาตั้งแต่แรก แต่ที่มันเป็นไปแบบนี้ก็เพราะความบ้าจนขาดสติของตัวเองทั้งนั้น
ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ เป็นคำตอบ..พอได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้นแล้วก็เล่นเอาพูดไม่ออกเหมือนกัน
“..ขอบคุณที่มาส่งผมนะครับ” ฮยอกแจโค้งหัวให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินลงมาจากรถ ฝีเท้าก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองใครอีกคนที่ยังคงไม่ออกรถไปไหน
.
.
จนถึงตอนนี้ความรู้สึกอึดอัดในอกก็ยังไม่เลือนหายไป..ทั้งที่คิดว่าถ้าเกิดทำให้อีทงเฮโมโหได้บ้างเขาคงจะรู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้..อยากให้คนหัวรั้นอย่างอีทงเฮรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุขได้สักเศษเสี้ยวที่เขาเป็นอยู่บ้างสักนิดก็คงดี..
ฮยอกแจรู้ว่าทงเฮเป็นคนยังไง ถึงทงเฮจะไม่ได้คิดกับเขามากกว่าเพื่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ทำให้คนอย่างทงเฮหวงก้างได้ไม่ยาก
อะไรที่เคยเป็นของอีทงเฮ มันจะตกเป็นของคนอื่นได้ก็ต่อเมื่อเขาเบื่อแล้วเท่านั้น..
ฮยอกแจหยุดชะงักตรงทางโค้งขึ้นบันไดก่อนจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเย็น ขาเรียวชันเข้าหาตัวกับซุกหน้าลงปล่อยให้น้ำตาแห่งความอัดอั้นมันไหลออกมา..ในตอนนี้คงไม่ต้องพยายามเข้มแข็งแล้ว แค่ตอนนี้เท่านั้นที่อีฮยอกแจขอเป็นคนอ่อนแอ
ตรงหน้าอกข้างซ้ายมันเจ็บ..พอนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้...ทุกอย่างคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ในสายตาทงเฮ..อีฮยอกแจก็แค่คนที่เคยเรียกว่าเพื่อนก็เท่านั้น..
.
.
ร่างโปร่งหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเห็นใครอีกคนนั่งหลับอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องของเขา ฮยอกแจเดินเข้าไปช้าๆ กลัวว่าคนที่กำลังหลับอยู่จะตื่นขึ้นมา ร่างโปร่งก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะหันไปมองร่างหนาอีกครั้ง
ตีห้าแล้ว..
มือเรียวเอื้อมไปตรงหน้าแต่ก็ต้องชักกลับเมื่อนึกถึงจุดยืนของตัวเอง..ใบหน้าคมยังคงหลับไม่ได้สติ เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่อยู่ก็พอจะให้เดาได้ว่าตอนที่ทงเฮได้รับข้อความนั้นเขายังคงอยู่ที่บ้าน..เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สบายๆ ไม่อยากจะคิด..ว่าถ้าเกิดทงเฮตื่นมาเจอเขาตอนนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้น..
ทุกครั้งที่สบตากัน..มันเจ็บ..เพราะสายตาของทงเฮนั้น..มันเต็มไปด้วยความเกลียดชัง..
ริมฝีปากบางเม้มเน้นก่อนจะตัดสินใจเอี้ยวตัวกลับไปเปิดประตูห้องโดยไม่สนใจใครอีกคนที่หลับอยู่..หลังจากประตูปิดลง แผ่นหลังบางพิงประตูอยู่อย่างนั้น ยังคงเป็นกังวลกับคนที่นอนตากลมอยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่ามารอตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเขาแล้ว แต่พอเห็นทงเฮตกอยู่ในสภาพแบบนั้น..ความโกรธที่มันสะสมมานานก็มลายหายไปในทันที..
อีฮยอกแจคนโง่..โง่ที่ยังคิดว่าอีทงเฮยังคงเป็นเพื่อนอยู่เสมอ
.
.
RRRrrrrr!!!
ทงเฮสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเกิดสั่นขึ้นมา มือแกร่งยกขึ้นบังสายตาพลางมองไปรอบๆ เมื่อเห็นแสงแดดสาดส่องไปทั่วท้องฟ้า...นิ้วเรียวกดรับสายพร้อมกับขยี้ตาเบาๆ
เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่..
‘เฮ้ยมึงจะมาเรียนป่ะเนี่ย เชี่ยหนวดแม่งจะแจกเอฟมึงแล้วนะสัด’ เสียงเหน่อๆ ของเฮนรี่ในปลายสายทำให้เขาเส้นเลือดกระตุกน้อยๆ ประโยคที่ไม่ค่อยยินดีที่จะได้ยินสักเท่าไหร่นั่นทำให้เขารู้สึกเหมือนจะเป็นประสาท ใช่..เขาขาดเรียนคาบนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ก็เข้าใจ..ว่าเพื่อนหวังดี..แต่..
‘เฮ้ยฮยอกแจ! ฝากเอาชีทมาเผื่อกูด้วย..เออๆ สามใบเผื่อไอ้เชี่ยทงเฮกับพี่ทึก เออนั่นแหละ!’
“.....ฮยอกแจ? ฮยอกแจมันไปเรียนด้วยเหรอวะ?” นัยน์ตาคมเบิกกว้างก่อนจะหันกลับไปมองประตูห้องที่ยังคงปิดสนิทอยู่
‘เออดิ เหลือมึงคนเดียวที่ยังไม่โผล่หัวมา คิดดูเอาแล้วกันว่าพี่ทึกแม่งยังมาเรียนอ่ะ’ เฮนรี่พูดนั่นทำให้ทงเฮยิ่งมึนเข้าไปอีก..
ฮยอกแจไปเรียนแล้ว?
แล้วที่เขานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเพื่ออะไร?
‘จะมาเปล่าสัด?’
“เดี๋ยวกูไป”
‘เออ รีบมาล่ะ’
.
.
พระเจ้าสร้างผู้ชาย..ให้เกิดมาคู่กับผู้หญิง..
แล้วถ้าเกิดผู้ชายอย่างผม..ไม่สามารถปกป้องผู้หญิงได้อีกแล้วล่ะ
“ไปแดกข้าวกัน” เฮนรี่พูดในขณะที่นักศึกษากำลังทยอยกันออกจากห้องหลังจากหมดคาบที่แสนทรมาน ถึงเขาจะไม่ชอบวิชานี้เพราะไอ้หนวดแม่งชอบโชว์พาวก็เถอะ แต่ถ้าเขาไม่อยากเสี่ยง F ก็ควรจะนั่งนิ่งๆ แล้วรอขานชื่อตอนไอ้หนวดเช็คชื่อท้ายคาบซะ
“กูไม่ไปนะ” ฮยอกแจปฏิเสธก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋า คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทหลังจากนั่งเงียบมาตลอดตั้งแต่เช้า
ทั้งคยูฮยอน..ทั้งฮยอกแจ..ต่างคนต่างรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอีกคน
“อ้าว..ทำไมวะ?”
“กูไม่หิว”
“เดี๋ยวโรคเรื้อนก็แดกไส้มึงอีกหรอกครับฮยอกแจ” เป็นอีทึกที่พูดขึ้นมาหลังจากนั่งฟุบหลับไปทั้งคาบ
“เดี๋ยวจะไปหาอะไรกินข้างนอกน่ะ”
“จะไปไหนว๊า~ นัดยูอีไว้ไง๊?” เฮนรี่ขึ้นเสียงสูง ไม่ได้แขวะอะไรแค่แซวเล่นก็เท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ใครอีกคนจุกจนพูดไม่ออก อีทึกกอดคอดูโอ้ออกมาจากตรงนั้นก่อนจะหันมาโบกมือลาเพื่อนรุ่นน้อง
“เออ ยังไงก็อย่าลืมแดกข้าวล่ะ กูไปละ เชี่ยหลัวแม่งคงหิวจัด พูดมากจนน้ำลายเยิ้มแล้ว”
ท่ามกลางความเงียบหลังจากเพื่อนสนิทอีกสองคนเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงคนสองคนที่ยังคงอยู่ในห้องเรียนขนาดใหญ่ที่บรรจุนักศึกษาได้มากกว่าหกสิบคน ฮยอกแจหันไปมองคนข้างๆ ที่กุมมือเขาไว้ตั้งแต่เมื่อครู่ สายตาของคยูฮยอนนั้นกลับมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย.. ฮยอกแจพอจะเข้าใจว่าคยูฮยอนเป็นอะไรและต้องการจะสื่ออะไรกับเขา
“มึงจะไปหายูอีจริงๆ เหรอ”
“อืม” ตอบสั้นๆ ในขณะที่อีกคนยังคงกุมมือเขาไว้อยู่อย่างนั้น คยูฮยอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันหน้าเข้าหาคนตัวบางกว่าแล้วรวบตัวเข้ามากอด
กอด..แทนความรู้สึกทุกอย่าง..
คยูฮยอนเข้าใจดี..ว่าในตอนนี้ฮยอกแจกำลังรู้สึกแย่แค่ไหน ความรู้สึกเหมือนเหลือตัวคนเดียวบนโลกน่ะเขาก็เคยเป็น..เหตุการณ์เมื่อวานนี้ยอมรับว่าช็อค..ช็อคที่เห็นฮยอกแจกำลังมีอะไรกันกับอาจารย์คนที่เขานับถือ ขามันก้าวไม่ออก ทั้งที่เมื่อวานตั้งใจจะชวนฮยอกแจกลับบ้านด้วยกันเพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียว..เพราะอย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าการทนเห็นฮยอกแจซึมเศร้าอยู่อย่างนี้..
รู้..ว่าผู้ชายกับผู้ชายมันไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วในสังคมปัจจุบัน..แต่ถึงอย่างนั้น...มันก็ทำให้คนอย่างโจคยูฮยอนรับไม่ได้อยู่ดี..ยิ่งเป็นคนสองคนที่เขารู้สึกดีๆ ด้วยแล้ว...เขาเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน..
‘ฮยอกแจ..อย่า’
ทำได้เพียงแค่คิด ดูก็พอรู้ว่าฮยอกแจสมยอมและคล้อยตามไปกับสัมผัสของร่างสูง คยูฮยอนกำหมัดแน่น มือสั่น..ชั่วครู่หนึ่งที่เขาได้สบตากับคนที่เขาปลื้มนักปลื้มหนา.. นัยน์ตาคมจ้องมาที่เขาหากแต่ร่างกายยังคงเชื่อมต่ออยู่กับร่างอีกคน..
‘น่าขยะแขยง’
คยูฮยอนตัดสินใจหลุบตาลงแล้วเดินหนีออกจากตรงนั้น คนที่เขานับถือแต่ละคน..ก็เลวไม่ต่างกันเลยสักนิด
หลายครั้งที่รู้สึกแย่จนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป สุดท้ายแล้วก็ได้แค่ประชดชีวิตด้วยการทำเรื่องบ้าๆ ตอกย้ำตัวเอง..หรือแม้กระทั่งจมปลักอยู่กับความทุกข์
แต่มันคงต่างกันตรงที่..คยูฮยอนยังมีพ่อแม่คอยปลอบใจเวลารู้สึกแย่
แต่ฮยอกแจไม่..ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่ก็ตาม..
.
.
“ฮยอกแจ”
“................”
“มึง..ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้..” น้ำเสียงของคยูฮยอนดูอ่อนลงจนคนได้ฟังเบิกตากว้าง ร่างโปร่งกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นเพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าเขายังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
“...มึงกอดกูแน่นเกินไปแล้วคยูฮยอน” ฮยอกแจพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติถึงแม้ว่าน้ำตาอุ่นๆ จะหยดลงบนเสื้อเชิร์ตสีขาวของคนตัวโตกว่า
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเล่าอะไรให้คยูฮยอนฟัง..แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะอ่านใจเขาออกอยู่เสมอ..
“มึงหยุดทำร้ายตัวเองได้ไหม..กูขอแค่นี้”
มือเรียวลูบไปตามเส้นผมอีกคนพร้อมกับกระซิบข้างหู ‘กูอยู่ข้างๆ มึงเสมอ..’ ประโยคนี้ทำให้คนได้ฟังรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง.. เปลือกตาบางค่อยๆ หลับลงรับอ้อมกอดอุ่นๆ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะตัวโตกว่าเขาไม่มากนักแต่คนตัวเล็กกว่าก็ตัดสินใจกอดตอบแล้วซุกลงกับไหล่ของเพื่อนสนิท..
คนๆ เดียว..ที่เป็นที่พักพิงให้กับอีฮยอกแจ..
.
.
ร้านเนื้อย่างในห้างสรรพสินค้าที่ยูอีนัดไว้ ห้องพิเศษที่กว้างขนาดพอที่จะบรรจุคนได้ทั้งครอบครัวหากแต่เข้าไปด้านในแล้วพบเพียงแค่หญิงสาวร่างบางเพียงลำพัง ฮยอกแจนั่งลงฝั่งตรงข้ามพร้อมกับวางกระเป๋าลงข้างตัว ยูอีหันไปกวักมือเรียกพนักงานก่อนจะเลือกดูเมนู
“ฮยอกแจอยากทานอะไรเหรอ”
“อะไรก็ได้ สั่งมาเถอะ” ฮยอกแจตอบสั้นๆ พลางจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ซีดเผือดจนน่าตกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
“ได้ไงกัน ฮยอกแจทานเนื้อวัวได้ไหม?” ร่างบางเปิดเมนูไปทีละหน้าพร้อมกับหันไปสั่งนู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด ตัวก็เล็กแค่นี้สั่งไปจะกินหมดหรือไงกัน
“หัวเราะอะไรกันเล่า” ร่างบางมองค้อนพลางหยิกแขนอีกคนเบาๆ ฮยอกแจสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วมอง
“ก็เธอเล่นสั่งมาซะขนาดนั้น จะโทรเรียกเพื่อนที่คณะมากินด้วยเลยก็ได้นะ” ฮยอกแจหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงคำพูดจะน่าหมั่นไส้อยู่บ้าง..แต่พอเห็นฮยอกแจยิ้มแล้วยูอีก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ดีใจ..ถ้ารอยยิ้มของฮยอกแจ..มันเกิดขึ้นได้เพราะเธอ..
“เรากินหมดแน่..ฮยอกแจกินไม่ทันแล้วอย่ามาบ่นทีหลังล่ะ” ร่างบางยู่ปากก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อพนักงานตั้งกระทะและวางเนื้อหมู ผัก ต่างๆ ลงบนโต๊ะ
มือเรียวยกขึ้นป้องปากก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ท่ามกลางความตกใจของฮยอกแจและพนักงาน
ร่างโปร่งลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำหญิงด้วยความเป็นห่วง..ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปขออนุญาตพนักงานในร้านเพื่อที่จะเข้าไปในห้องน้ำหญิง
“..ไหวไหม?” ฮยอกแจว่าพลางลูบหลังคนที่กำลังโก่งคออ้วกอยู่บนชักโครก ร่างโปร่งหันหลังมองซ้ายขวาก่อนจะตัดสินใจปิดประตูเข้ามา เพราะถ้ามีใครเข้ามาเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ร้อยทั้งร้อยเป็นต้องกรีดร้องแน่
“อะ..อึ่ก..”
ร่างบางหอบหายใจก่อนจะรับทิชชู่มาจากคนตรงหน้า ไม่รู้เป็นอะไร..ช่วงนี้เวียนหัวง่ายเหลือเกิน..เมื่อกี้แค่ได้กลิ่นเนื้อแตะจมูกก็คลื่นไส้ขึ้นมาแล้ว
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองร่างโปร่งที่จ้องอยู่ไม่ห่าง สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย..ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน..จนถึงตอนนี้แววตาคู่นี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไป
“ลุกไหวไหม”
“อื้อ” ร่างโปร่งพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเปิดประตูออกมา ฮยอกแจเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองและของร่างบางมาถือไว้ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่าง
“อ่ะ..อ้าว..เรายังไม่ได้ทานกันเลยนะฮยอกแจ”
“ไปหาอะไรอ่อนๆ กินดีกว่า..เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายนะ” ฮยอกแจพูดนั่นทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ประโยคหวานๆ แค่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยทั้งที่เธอไม่ได้เอ่ยมันออกมา..แค่นี้ก็ทำให้ยูอีดีใจมากแล้ว..
.
.
บ่ายวันแดดจ้าผิดจากเมื่อเช้าที่ฝนเทกระหน่ำลงมาจนท่อระบายน้ำแทบทำงานไม่ทัน ร่างโปร่งทุบไหล่ตัวเองเบาๆ เมื่อเดินออกมาจากห้องพักครู ถึงจะไม่ใช่คนใจดี แต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนใจร้ายไปเสียทีเดียว คยูฮยอนรับผิดชอบเอารายงานของเฮนรี่ อีทึก และทงเฮมาส่งให้ย้อนหลังเหตุผลเพราะไอ้สามตัวนั่นไม่เคยรู้เลยว่าห้องพักครูที่ปรึกษาตัวเองนั้นอยู่ตึกไหน ลำพังแค่เดินเข้าห้องเรียนถูกก็ถือว่าบุญหัวพวกมันมากแล้ว
ด้วยความที่เขาไม่อยากเห็นเพื่อนต้องติด F แล้วต้องไปนั่งเรียนกับรุ่นน้องเลยช่วยหาข้อมูลรายงานนิดหน่อย คงเป็นงานปั้นอย่างเดียวที่เขาช่วยอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่ อย่างมากที่สุดก็แค่สอนทริกส์เล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้น
เรียวขาหยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม..ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาสักเท่าไหร่..แต่นั่นก็ทำให้คนอย่างโจคยูฮยอนก้าวขาออกไปไหนไม่ได้..
คิมยองอุน..
ร่างโปร่งเอี้ยวตัวหันหลังกลับก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปข้างหน้า ร่างสูงใหญ่มองตามอีกคนก่อนจะตะโกนเรียกเอาไว้
“คยูฮยอน!”
เพียงแค่ถูกเรียกชื่อเท่านั้น..ขามันก็หยุดตามความต้องการของใครอีกคน..ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาเรื่อยๆ มันใกล้เข้ามาจนเขาแทบอยากจะวิ่งหนีไปจากตรงนั้น
แต่ก็ทำไม่ได้..
มือใหญ่วางลงบนลาดไหล่บางเบาๆ หากแต่คนถูกสัมผัสกลับยืนเกร็งอยู่อย่างนั้น คยูฮยอนกำลังรู้สึกอึดอัด..มันอึดอัดมากจริงๆ เวลาอยู่ใกล้คนๆ นี้ ทั้งเนื้อตัวรู้สึกร้อนรุมๆ มวนท้องจนอยากจะอาเจียนออกมาเสียเดี๋ยวนั้น
“คยูฮยอน.....”
“.................”
“ช่วงนี้พี่ไม่เห็นนายอยู่ที่บ้านเลย..เรียนหนักเหรอ?” ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มทุกคำหากแต่กลับทำเป็นหูทวนลม คยูฮยอนปัดมืออีกคนออกทันทีก่อนจะรีบวิ่งหนีไป ปล่อยให้ใครอีกคนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า.. แค่ได้ยินเสียงก็คลื่นไส้จะแย่อยู่แล้ว
.
.
ร่างสูงมองตามใครอีกคนที่กำลังเดินกลับเข้าไปในห้องประชุมหลังจากเด็กคนนั้นวิ่งหนีไป.. ไม่ยักรู้ว่าโจคยูฮยอนจะรู้จักมักจี่กับวิทยากรคนนั้น ซีวอนเดินเข้าไปในห้องน้ำที่เด็กหนุ่มพึ่งวิ่งเข้ามาเมื่อครู่ก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนกำลังอาเจียนอยู่ในห้องน้ำด้านในสุด.. ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องพลางดันประตูที่ปิดไม่สนิทเข้าไปเบาๆ เผยให้เห็นเด็กหนุ่มที่กำลังอาเจียนอยู่
มือแกร่งเอื้อมไปลูบหลังอีกฝ่ายด้วยความหวังดีหากแต่ร่างโปร่งกลับสะบัดออกอย่างรวดเร็ว..ดวงตากลมมีหยาดน้ำตาคลอหน่วง ปลายจมูกแดงรั้นนั่นทำให้เขาตกใจอยู่ไม่น้อย..
“..................”
“..................”
ตอนแรกคิดว่าคงเป็นคิมยองอุน..แต่ที่ไหนได้...
แต่มันคงไม่ต่างกันนักหรอก..ได้เจอคนที่เขาหมดความนับถือทั้งสองคนในวันเดียวกันยิ่งทำให้รู้สึกแย่ พอได้เห็นหน้าชเวซีวอน..โจคยูฮยอนยิ่งขยะแขยง...
“คุณดูไม่ค่อยสบายนะ”
“ผมสบายดี” ตอบเสียงเรียบก่อนจะเอื้อมไปกดชักโครก ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นตามใครอีกคน.. คยูฮยอนเบือนหน้าหลบ ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
“ผมก็แค่เป็นห่วงคุณเลยเข้ามาดูอาการก็เท่านั้น” ร่างสูงพูด คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย
“ห่วงผมเหรอ”
“..................”
“ห่วง..หรือแค่กลัวว่าผมผมปากโป้งเอาเรื่องนั้นไปบอกใครกันแน่ครับ” ร่างโปร่งหัวเราะในลำคอเบาๆ ความรู้สึกดีๆ ที่เคยยกย่องอาจารย์ผู้นี้มันเลือนหายไปแล้วล่ะ
“..................” ร่างสูงนิ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น กะไว้แล้วว่าคยูฮยอนต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“คุณคิดอย่างนั้นเหรอ?”
“คุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมรักเพื่อนผม”
“....................”
“ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณจะมีข่าวฉาวกับนักศึกษาสักคน..คนๆ นั้นต้องไม่ใช่เพื่อนผมแน่”
.
.
“ฮยอกแจ”
“อืม..”
“มึงรักกูไหม”
“(หัวเราะ) นี่มึงยังไม่ได้แดกเหล้าเลยนะ เมาแล้วเหรอ?”
“ตอบมาดิ กูอยากรู้”
“.....รัก”
“เออ ก็แค่นั้นแหละ”
“มึงอยากรู้ไปทำไม มึงแอบชอบกูเหรอวะทงเฮ..”
ร่างโปร่งพูดทีเล่นทีจริงก่อนจะหัวเราะออกมา ทงเฮจ้องมองเพื่อนสนิทที่หัวเราะจนเห็นเหงือกในสายตาคนอื่นมันอาจดูตลก ฮยอกแจไม่ค่อยยิ้มกว้างแบบนี้ให้ดูบ่อยนักหรอก เพราะเจ้าตัวบอกว่ายิ้มแบบนี้มันไม่หล่อ มันตลก สาวๆ คงไม่ชอบ (หัวเราะ)
“โห..ถ้าเกิดวันไหนกูชอบมึงขึ้นมานะฮยอกแจ..วันนั้นชีวิตกูคงจบสิ้นแล้วว่ะ”
“เออ กูเองก็ด้วย ก็มึงเสือกถามอะไรแบบนั้น จะไม่ให้กูคิดได้ไง”
“ฮ่าๆ ไม่รู้สิ แต่เวลาได้ยินมึงบอกรักแล้วมันรู้สึกดีแปลกๆ” ทงเฮหัวเราะ
“ลองให้ไอ้เชี่ยหลัวกับพี่ทึกบอกรักบ้างดิ”
“พ่องสิ! ขนลุกตายห่า!” ทงเฮโวยวายก่อนจะหันไปขยี้หัวคนข้างๆ
ฮยอกแจเอาแต่หัวเราะเมื่อเจ้าตัวมโนภาพไปเองแล้วว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งทงเฮกับเฮนรี่สปาร์คกันขึ้นมามันคงขำดีพิลึก..
เปลือกตาหนากระพริบก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ช่วงนี้เขานอนไม่เป็นเวล่ำเวลา เอาแต่ดื่ม เที่ยวกลางคืน คืนไหนนึกครึ้มหน่อยก็ไปค้างโรงแรมกับผู้หญิงที่หิ้วมาจากผับ..มีเซ็กส์กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก พยายามดึงตัวเองกลับเข้าสู่วงจรชีวิตเดิมๆ เที่ยวกลางคืน แทงบอล คั่วผู้หญิง ไปเรียนบ้างไม่ไปบ้าง..
แต่สุดท้ายแล้ว..พอตื่นนอนทีไรก็ต้องมารู้สึกแบบนี้ทุกที
หลายครั้งที่เกือบจะโทรไปอ้อนให้ฮยอกแจซื้อข้าวมาให้
หลายครั้งที่เผลอกดโทรออกเพื่อหวังจะโทรไปบ่นให้ฮยอกแจกินยาก่อน - หลังอาหาร
หลายครั้งที่หันไปเห็นยาแก้ปวดที่เขาซื้อมาเผื่อไว้ที่บ้าน เวลาฮยอกแจมาที่นี่จะได้ไม่ต้องลำบาก
หลายครั้งที่หันไปเห็นของใช้รอบตัวที่เขาจงใจซื้อมาเพราะฮยอกแจชอบ
ก็เพราะเขาพูดเอง..ว่าของๆ ทงเฮ..มันก็เหมือนกับของๆ ฮยอกแจ
ทงเฮยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อยพลางมองไปยังนาฬิกาโบราณที่ตั้งอยู่มุมห้องโถง อ่า..นี่เขาหลับยาวจนป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย.. หกโมงเย็นแล้วแต่ฟ้าข้างนอกดันมืดครึ้มราวกับฝนจะตก นั่นทำให้คนขี้เกียจอย่างเขาไม่อยากไปไหน เดี๋ยวนี้ทงเฮไม่ต้องเข้าไปหลับในห้องนอนแล้ว โซฟานี่แหละที่นอนประจำของเขา พอหันไปมองรอบๆ ก็พบเพียงแค่เศษซากกระป๋องเบียร์ กับแกล้มที่กินเหลือ ขวดเหล้าที่ล้มอยู่แถวนั้น และนั่นมันเริ่มส่งกลิ่นแปลกๆ จนเขาเองเริ่มทนไม่ไหว
ท้องก็ร้องอยู่นั่นแหละ รู้แล้วว่าหิว กะจะเดินเข้าครัวไปทำรามยอนสำเร็จรูปกินง่ายๆ แต่อันดับแรก..เขาควรจะทำความสะอาดโต๊ะนี่เสียก่อน
ทงเฮไม่ชินกับการทำความสะอาดสักเท่าไหร่ เพราะปกติแล้วมันเป็นหน้าที่ของ....เออ....ก็แค่ทำความสะอาดเองมันจะไปยากอะไรกัน ว่าแล้วก็หยิบขยะที่กระจายอยู่เต็มบ้านใส่ถุงดำทีละชิ้น..
มือหนาหยุดชะงักแล้วหันไปมองรอบๆ ตัว..ห่าจิก รกโคตรพ่อ..
“ไม่ทำแม่งละ” พูดพร้อมกับทิ้งถุงดำลงตรงนั้น คนอย่างอีทงเฮไม่ชอบก็จะไม่ทำ ปล่อยให้รกจนแมลงสาปยึดบ้านไปเลย
ร่างหนาเดินเกาหัวเข้าไปในครัวคงเป็นจุดนี้ที่ดูสะอาดที่สุดเพราะทงเฮไม่เคยย่างกรายเข้ามาวุ่นวาย จะมีก็แต่เปิดตู้เย็นมาเอาเบียร์กับน้ำแข็งก็เท่านั้น.. พอมองไปรอบๆ ก็ต้องคิ้วขมวด อ่า..หม้ออยู่ตรงนั้น..แล้วไอ้แก๊ซนี่แม่งเปิดยังไงวะ..
มือเรียวกดบิดสวิตซ์ซ้ำๆ แต่ไฟก็ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก..คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน นึกแล้วดูเหมือนตัวเองเป็นคนโง่อยู่กรายๆ จำได้ว่าเคยเห็นแว๊บๆ ว่าฮยอกแจมันก้มลงไปทำอะไรข้างใต้ และแล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อตรงนั้นมีวาล์วเปิดแก๊ซอยู่..หมุนวาล์วออกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเปิดสวิตซ์..ทันทีที่ไฟลุกขึ้นมานั่นเรียกรอยยิ้มให้กับคนที่ไม่เคยแตะต้องครัวได้เป็นอย่างดี
มันจะไปยากอะไรกันวะ..อ้าวเวร! เปิดแก๊ซแล้วลืมเอาหม้อไปค้างอีกกู!
ไม่นานนัก..รามยอนสำเร็จรูปก็เสร็จเรียบร้อย..ถึงหน้าตามันจะดูบ้านๆ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันก็แค่เส้นรามยอนสำเร็จรูปใส่น้ำร้อนก็เท่านั้น..ที่ตั้งเตาไปเมื่อกี้ก็แค่ต้มน้ำร้อน ผักเผิกอะไรบ้านหลังนี้ไม่เคยมีหรอก นอกจากวันที่พ่อกับแม่อยู่บ้านตู้เย็นถึงจะเต็มไปด้วยแหล่งรวมสารอาหาร แต่ถึงอย่างนั้นถามว่าทงเฮเคยอยู่กินข้าวที่บ้านไหม..
ไม่เคยหรอก..
ไม่สิ..นอกจากวันไหนที่ฮยอกแจมานอนดูบอลที่บ้านเขาต่างหาก วันนั้นแหละถึงจะมีโอกาสได้ชิมฝีมือแม่ พ่อแม่เขาชอบฮยอกแจมาก หมอนั่นเรียนดี มีสัมมาคาราวะ แถมยังช่วยทำงานบ้านตอนพวกเขาไม่อยู่อีก จนแม่บอกว่าถ้าเกิดฮยอกแจเป็นผู้หญิงจะจับมาเป็นลูกสะใภ้ซะเลย
ตะเกียบถูกโยนทิ้งลงบนโต๊ะ ทั้งที่กินไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ทงเฮถอนหายใจก่อนจะเอนหลังพิงพนักโซฟา เปลือกตาปิดลงช้าๆ อยากให้ความรู้สึกนี้มันหายไปสักที ไม่ว่าเขาจะคิดอะไร ทำอะไร อีฮยอกแจก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตลอด
คนพรรค์นั้นมันควรเก็บเอามาคิดให้เปลืองเนื้อที่ในสมองด้วยเหรอวะ
ถอนหายใจอีกครั้งแล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ..วันนี้ออกไปเมาข้างนอกบ้างก็ดี..
.
.
ข้างนอกฝนตก...
ผมชักไม่ชอบฝนซะแล้วสิ...
ร่างโปร่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกมันมืดจนมองอะไรไม่เห็นนอกจากละอองฝนที่เกาะพราวอยู่ตามหน้าต่างกระจก..ข้างล่างมีแขก..แขกที่เขาไม่อยากจะรับเชิญสักเท่าไหร่
‘คืนนี้ยองอุนจะมาค้างกับเรา พรุ่งนี้เค้าต้องไปเป็นวิทยากรที่มหาลัยลูกอีกวันนึง จะให้เขานั่งรถไปกลับบ้านก็ไกลเกินไป แม่เคยบอกแล้วเชียวว่าให้หาบ้านช่องอยู่ในตัวเมืองมันสะดวกกว่า แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ..อินฮยองเค้าเป็นคนรักธรรมชาติ’
‘................’
‘อ้าว..คยูฮยอน ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนล่ะลูก?’
จะให้กินข้าวร่วมโต๊ะกับคนพรรค์นั้นน่ะเหรอ?
เขาไม่อ้วกออกมาตรงนั้นก็ดีแค่ไหนแล้ว
คยูฮยอนเม้มริมฝีปากก่อนจะตัดสินใจหันหน้าเข้าหาที่พึ่ง..กระดานวาดรูปถูกวางไว้บนหน้าขาพลางเอนหลังพิงผนังห้อง ดินสอ EE ร่างลงไปบนกระดาษสีขาวสายตาจดจ้องไปที่หน้าต่าง ลากเส้นไปมาจนออกมาเป็นรูปร่าง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในจินตนาการ..คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นพลางมองไปยังประตูก่อนจะวางกระดานวาดรูปไว้ข้างตัว
“คยูฮยอน..พี่เองนะ”
“.................” ขาเรียวหยุดชะงัก หัวใจเต้นเร็วแรงเพียงแค่ได้ยินเสียงของคนๆ นั้น..
“คยูฮยอน หลับแล้วเหรอ?”
ตุบ..ตุบ..ตุบ.. เสียงหัวใจของเขามันเต้นเร็วเสียเหลือเกิน.. ไม่อยากได้ยินเสียงนี้..
คยูฮยอนเอื้อมไปหยิบหูฟังที่วางอยู่บนหัวเตียงมาสวมก่อนจะเปิดเพลงเสียงดัง ร่างโปร่งเอากระดานวาดรูปวางไว้บนหน้าขาอีกครั้ง ดินสอสีเข้มกดลงไปตามเส้นที่ร่างไว้เมื่อครู่ หากแต่มันคงหนักเกินไป..
จนไส้ดินสอหักเป็นสองท่อน...
“.....!!!” คยูฮยอนเบิกตากว้างพลางหันไปมองคนข้างๆ ที่พึ่งถอดหูฟังออกจากหูเขาไปเมื่อครู่ ถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?
เพราะคยูฮยอนไม่ชอบล็อคห้อง..ยองอุนถึงได้เข้ามาได้ง่ายๆ
เหมือนกับคราวนั้น..
“นายยังไม่ได้กินข้าว พี่กลัวนายจะหิว” ร่างสูงใหญ่วางนมอุ่นไว้บนโต๊ะทำงานก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ ร่างโปร่ง คยูฮยอนขยับหนีทันทีที่อีกฝ่ายนั่งลง ยองอุนมองใบหน้ามนที่เอาแต่เบือนหลบก่อนจะหันไปเห็นกระดานวาดรูปกับดินสอที่มีหัวทื่อๆเพราะปลายแหลมที่หักออกไป
“เพราะไม่ค่อยกินข้าวเหมือนเมื่อก่อนล่ะสิ ถึงได้ผอมแบบนี้”
“.................” ร่างโปร่งนิ่ง ไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้นในขณะที่อีกฝ่ายยังคงพยายามชวนคุยต่อไป
กี่ปีแล้วที่ไม่ได้คุยกันเหมือนเดิม ตั้งแต่ยองอุนแต่งงานไป..
“อินฮยองถามถึงนายด้วยนะ วันที่เธอคลอดลูก พี่คิดว่านายจะไปเยี่ยมหลานซะอีก” ยองอุนยิ้มบางๆ
คยูฮยอนหันกลับมาสบตากับคนข้างๆ ฉายแววตานิ่งเฉย “พี่ว่าผมควรไปที่นั่นเหรอครับ?” ยองอุนชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง “ทำไมนายพูดแบบนั้นล่ะ ลูกของพี่..ก็เป็นหลานนายเหมือนกัน”
“......................”
ยองอุนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ มือเรียวของใครอีกคนขยำกางเกงตัวเองไว้ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
“คยูฮยอน..พี่รู้ว่าแค่ขอโทษมันไม่พอสำหรับเรื่องวันนั้น..”
“ผมลืมมันไปแล้ว!” ร่างโปร่งพูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง ยองอุนนิ่ง..เมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มน้ำตาคลอหน่วง อยากจะเข้าไปกอดปลอบ..แต่ก็ทำไม่ได้
“....................”
“ผม..ผมลืมมันไปแล้ว”
“....................”
“..ออกไปจากห้องผมเถอะ..ได้โปรด..” ร่างโปร่งสะอื้นจนตัวโยนพลางยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง ยองอุนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกขึ้น ไม่อยากให้คยูฮยอนแย่ไปกว่านี้
คยูฮยอนคงเกลียดเขาจนไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากมองหน้าแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากจะไถ่โทษ..อะไรก็ได้..ขอแค่คยูฮยอนรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง..
สักนิด..ก็ยังดี..
.
.
เข้าใจตัวเอง..ผมยังทำไม่ได้..
แล้วยังหวังจะให้คนอื่นมาเข้าใจตัวเองอีกงั้นเหรอ?
แสงสีเสียงยามค่ำคืน แหล่งบันเทิงเริงรมย์ที่วัยรุ่นต่างมาสุมหัวกันอยู่ที่นี่ ที่แคบๆ แต่กลับมีผู้คนมากมายเข้ามายืนเบียดกัน หนึ่งในนั้นก็เป็นอีทงเฮ..
อีกแล้วกับผับย่านใจกลางเมืองตามลำพัง..ที่นั่งประจำคือเคาน์เตอร์บาร์ แค่อยากมาดื่มเงียบๆ ปล่อยให้เวลามันผ่านไปจนเช้าก็เท่านั้น แก้วใบใส่ถูกเติมใหม่ไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขากลับไม่รู้สึกเมาสักที
“เหมือนเดิมครับ..บลูมาการิต้า” เสียงใสเอ่ยสั่งบาร์เทนเดอร์ ทำให้คนที่กำลังตึงๆ อยู่หันไปมอง ชายหนุ่มใบหน้าหวานเหมือนผู้หญิงที่พึ่งนั่งลงข้างๆ เขาพร้อมกับหันมายิ้มให้
“สวัสดีครับ”
“ครับ” ทงเฮตอบสั้นๆ ดูจากแววตาแล้วคงไม่ต้องคาดเดา..หมอนี่เป็นเกย์แบบไม่ต้องสืบ
“วันนี้มาช้านะซองมิน”
“งานเยอะ กว่าจะเคลียร์เสร็จก็เล่นเอาซะดึก” ริมฝีปากอิ่มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม ดูภายนอกแล้วคงเป็นคนมองโลกในแง่ดีพอตัว อดไม่ได้ที่จะเอามาเทียบกับตัวเอง
บอกตรงๆ เมื่อกี้ตามสเต็ปแล้วผู้ชายคนนั้นต้องถามเขาว่า “มาคนเดียวเหรอครับ ให้ผมดื่มเป็นเพื่อนไหม?” อะไรทำนองนี้สิ ไม่ใช่ว่าเขาจะเจอแต่ผู้หญิงเข้ามายั่วเสียเมื่อไหร่ ผู้ชายด้วยกันก็มี จำได้ว่าเคยต่อยไอ้หน้าแห้งหน้ายาวไปคนนึงเพราะมันชวนเขาไปนอนด้วยนี่แหละ
“ขยันแบบนี้เอาเงินเก็บไว้ไหนเนี่ย ฮ่าๆ”
“ความลับครับ ~” ชายหนุ่มที่มีชื่อว่าซองมินยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ดูท่าเป็นคนเอางานเอาการน่าดู.. ทงเฮไม่ใช่คนที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านนักหรอก ถ้าเรื่องมันไม่ลอยเข้าหูมาเอง คนข้างๆ หันมามองเขาอีกครั้งก่อนจะดันแก้วค็อกเทลสีฟ้ามาไว้ตรงหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้ม
“อะไรครับ?”
“ผมสั่งแก้วนี้ให้คุณ”
“เหอะ? บลูมาการิต้าเนี่ยนะ?” ทงเฮมองแก้วใบสูงที่มีค็อกเทลสีฟ้ากับมะนาวตกแต่งอยู่ขอบแก้ว ทงเฮแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะดันแก้วกลับไป “มันดูสาวน้อยไปสำหรับผู้ชายอย่างผมครับ”
หนุ่มหน้าหวานหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย พอจะเดาได้ว่าเด็กคนนี้ยังคงเรียนอยู่ และที่สำคัญ...กำลังมีปัญหาหัวใจ
“บลูมาร์การิต้าเป็นคอกเทลที่มีรสเปรี้ยวหวาน คุณอาจจะมองว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่มีไว้สำหรับสาวๆ แต่เชื่อเถอะ..ถ้าได้ลองแล้วคุณอาจจะหลงใหลในรสชาติของมันก็ได้” นัยน์ตากลมโตนั้นยากที่จะคาดเดา ทงเฮนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะคว้าแก้วของตัวเองขึ้นมากระดกจนหมดแล้วหันไปเรียกบาร์เทนเดอร์
“คุณกำลังมีปัญหาที่คิดไม่ตก”
“.......................”
“เหล้ามันก็ช่วยได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ..พอตื่นมาคุณก็ต้องพบเจอกับเรื่องเดิมๆ อยู่ดี” ปากกระจับได้รูปเอ่ยพลางยกแก้วคอกเทลสีฟ้าขึ้นมาจิบ
“คุณอยากนอนกับผมรึไง?” ประโยคหยาบคายหลุดออกจากปากคนอย่างอีทงเฮไปง่ายๆ ไม่ได้รู้สึกผิดกับคำพูดนั้นเลยแม้แต่น้อย อย่าพยายามขุดเรื่องแย่ๆ ของเขาขึ้นมาซะจะดีกว่า
“หืม..คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ?”
“ที่เข้ามาคุยกับผม ไม่ใช่เพราะต้องการแบบนั้นรึไง”
ซองมินหัวเราะพร้อมกับเอามือเท้าคางจ้องใบหน้าคมของคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องเขาอยู่อย่างนั้น
“ผมมองคุณมาสักพักแล้ว”
“........................”
“ผมเห็นคุณมาที่นี่ เอาแต่ดื่ม แล้วก็ออกไปด้วยสีหน้าซึมเศร้าทุกครั้ง”
“คุณชอบผม?”
“เปล่า ผมไม่ได้ชอบคุณ” ใบหน้าหวานตอบก่อนจะยกแก้วค็อกเทลขึ้นมาดื่ม แล้วถ้าไม่ชอบ จะมีเหตุผลอะไรอีก?
“ก็แค่สนใจ..”
“ผมอีซองมิน” ยื่นมือไปข้างหน้าหวังสานสัมพันธ์หากแต่อีกฝ่ายกลับลังแล เพียงเพราะแค่คิดว่าคนตรงหน้าเป็นเกย์
“...อีทงเฮ” สุดท้ายก็ยอมเอื้อมมือไปจับกับคนตรงหน้าจนได้ บางทีคนๆ นี้อาจจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนคนที่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเขา ไม่รู้สิ..รู้สึกแปลกๆ
ทำไมถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก็ไม่รู้..
“ถ้าอึดอัด..จะระบายมันกับผมก็ได้นะ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเอาเรื่องของคุณไปบอกใครหรอก..เพราะผมกับคุณ..ต่างคนก็ต่างรู้จักกันแค่ชื่อของอีกฝ่ายเท่านั้น”
“...................” ทงเฮถอนหายใจก่อนจะกระดกแก้วย้อมใจอีกครั้ง เปลือกตาหนาหลับลงก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ
ใครกันบอกว่าเพื่อนน่ะพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง..แต่สำหรับทงเฮมันไม่ใช่..เฮนรี่ อีทึก คยูฮยอน สามคนนี้ไม่มีใครเลยสักคนที่เขาจะไว้ใจระบายเรื่องราวที่อัดอั้นให้ฟังได้ ความรู้สึกอึดอัดระหว่างเขากับฮยอกแจมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่..
“ผมไม่ใช่เกย์..” ทงเฮพูดเบาๆ นั่นเรียกความสนใจให้กับคนข้างๆ ได้เป็นอย่างดี “แต่ผม..นอนกับผู้ชายคนนึงมาแล้วมากว่าหนึ่งครั้ง” ใบหน้าคมก้มลง..หวังระบายเรื่องราวที่อัดอั้นอยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้ฟัง
“อ่า...” ซองมินได้เพียงแค่ลูบหลังคนตรงหน้าและรับฟังต่อไป เป็นอย่างที่คิด..อีทงเฮกำลังมีเรื่องที่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
“ที่สำคัญ..” ทงเฮชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองดวงหน้าหวาน “คนๆ นั้น..เป็นเพื่อนคนที่ผมรักมากที่สุด..”
.
.
“..บ้านคุณนี่..” ซองมินกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อห้องโถงมีแต่ซากขยะกองอยู่เต็มไปหมด ขัดกับรูปแบบบ้านที่ดูมีฐานะ อืม..ในที่สุดทงเฮก็ลากอีซองมินกลับมาที่บ้านจนได้
“อย่าสนใจเลย เป้าหมายของเราคือเตียงนอนผม” ทงเฮพูดหน้าตาเฉย นั่นทำให้อีกฝ่ายหลุดหัวเราะออกมา
“นี่คุณ..ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง”
“ก็ใช่ แต่คุณก็มากับผมแล้วไม่ใช่เหรอ?” พูดดีไปอย่างนั้น ทงเฮถอดรองเท้าออกก่อนจะเตะกระป๋องเบียร์ใส่ผนังเมื่อเห็นมันวางเกะกะทางเดิน ซองมินส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองรอบตัวอีกครั้ง
“คุณอยู่คนเดียวเหรอครับ?”
“อืม” ไม่จำเป็นต้องบอกความจริงกับคนแปลกหน้าที่รู้จักกันเพียงแค่ชื่อ
“ทำไมปล่อยให้บ้านรกขนาดนี้ล่ะ ถึงคุณจะเป็นผู้ชายก็ไม่น่าจะปล่อยให้บ้านเละเทะขนาดนี้นะ”
“แม่บ้านผมพึ่งตายไปไม่กี่วัน บ้านเลยรกไปนิดนึง” พอนึกถึงคนที่คอยทำความสะอาดบ้านให้แล้วก็หงุดหงิด..ถึงแม้ว่าจะได้ระบายความรู้สึกให้ซองมินฟังแล้วแต่ก็ยังโกรธอยู่ดี
“งั้นเหรอ” ซองมินยิ้มพลางก้มลงไปเก็บขยะในห้องให้คนขี้เกียจ ทงเฮเดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวก่อนจะหยุดชะงัก
“ไม่ต้องเก็บ วางมันไว้ที่เดิมนั่นแหละ”
“...ทำไมล่ะ คุณจะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ระหว่างรอผมก็จะเก็บห้องให้คุณนี่ไง” ซองมินถามคนที่ยืนทำหน้าตายอยู่ตรงหน้าประตูห้อง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวแม่บ้านผมก็ฟื้นขึ้นจากหลุมมาเก็บกวาดเองน่า..ส่วนคุณน่ะ..มานี่เลย”
“หืม?” ซองมินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนเอาแต่ใจก่อนจะถูกเชยคางขึ้นรับรสจูบหวาน
“ใครบอกว่าผมจะอาบน้ำ..”
“อ่า...” ดวงหน้าหวานยิ้มพอใจเมื่อเห็นสายตาฉ่ำเยิ้มของคนตรงหน้า..อีทงเฮกำลังเมาได้ที่แล้ว
“ผมหมายถึงเราต่างหาก..ที่จะอาบน้ำด้วยกันน่ะ” มือหนาโอบรอบเอวบางของอีกคนก่อนจะกดจมูกลงกับพวงแก้มขาว
“ฮะๆ คุณนี่นะ..”
ปากบอกไม่ใช่เกย์..แต่การกระทำที่มีต่อเขาน่ะมันช่ำชองเกินไปรึเปล่า
“คุณบอกเองไม่ใช่เหรอ..ว่าจะช่วยพิสูจน์ให้ผมรู้ใจตัวเองน่ะ”
“ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร..ผมไม่ใช่เกย์..แต่ผมกลับชอบที่จะสัมผัสเขา”
“อ่า..”
“มันหยุดไม่ได้..ผมบอกไม่ถูก..มันรู้สึกดีมากเวลาที่ผมได้กอดเขา..”
“ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาเป็นของคนอื่น มันฟังดูบ้ามากใช่ไหม? แต่เชื่อเถอะว่าผมแทบจะเป็นบ้าจริงๆ ตอนที่รู้ว่าเขากำลังนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม”
“คุณรักเขา”
“...............”
“อีทงเฮ...คุณตกหลุมรักเพื่อนตัวเอง”
“ไม่...”
“คุณจะโกหกผมก็ได้ แต่ใจคุณน่ะรู้ดีที่สุด”
“บางทีผมอาจจะตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ก็ได้..ก็แค่ผู้ชายนอนด้วยกันก็เท่านั้น” พยายามปลอบใจตัวเอง ไม่มีทางที่เขาจะตกหลุมรักอีฮยอกแจเป็นแน่
“ถ้าคุณหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ งั้นคุณก็ต้องนอนกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขาสิ?”
“.....................”
“คุณทำได้ใช่ไหม?”
“
..”
“ก็แค่นอนกับผู้ชายคนอื่น มันก็คงไม่ต่างอะไรจากตอนที่คุณนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้านักหรอก ในเมื่อคุณนอนกับผู้ชายคนนั้นได้..คุณก็ต้องนอนกับผมได้ จริงไหม?”
“...................”
“ผมช่วยคุณได้นะ”
“...................”
“มันก็แค่เซ็กส์เท่านั้น..รู้สึกดีทั้งคู่..แถมยังได้รู้ใจตัวเองด้วย”
“...................”
“ถ้าคุณเอาแต่คิดถึงเขาตอนที่กำลังกอดผมอยู่..นั่นก็หมายความว่าเขาคงเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตของคุณแล้วล่ะทงเฮ”
.
.
ความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย..
ต่อให้เป็นคนดีมาจากไหน..สุดท้าย..ก็มีความรู้สึกโกรธเคืองได้เหมือนกัน
“โอ๊ยยยยยย กูจะบ้าตาย อังกฤษแม่งสั่งงานเชี่ยไรมาวะเนี่ย” เฮนรี่บ่นอุบอิบขณะที่เขาทั้งสี่คนกำลังนั่งปั่นงานกันยิ๊กๆ ไม่มีใครเก่งภาษาอังกฤษเลยสักคน ต้องรอให้เพื่อนกลุ่มอื่นทำเสร็จก่อนถึงจะรอลอกแฟ้มได้ ฮยอกแจก้มหน้าก้มตาเขียนจนมือแทบหงิก ตัวอักษรบิดเบี้ยวไปตามความเร็วของมือ คยูฮยอนเองก็เช่นกัน
“หิวโว๊ยหิว TAT” อีทึกโอดครวญ นี่ก็นั่งปั่นงานกันมาเป็นชั่วโมงแล้ว ทั้งที่เป็นคาบพักแทนที่จะได้ไปกินข้าวแท้ๆ
“มึงก็รีบลอกดิวะจะได้เสร็จไวๆ ไง อีกไม่ถึงสิบหน้าเองเนี่ย” เฮนรี่หันไปพูดกับคนข้างๆ ที่เอาแต่บ่นเป็นคนแก่
“เองพ่อมึงดิ แต่ละหน้าแม่งห่าเหวอะไรไม่รู้ยาวเป็นพืดเลย”
“ฮยอกแจ...” ร่างโปร่งหันไปมองตามเสียงเรียก เผยให้เห็นร่างผอมบางยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น สีหน้าของเธอดูซีดไปกว่าทุกครั้ง หรือว่าจะป่วย?
ฮยอกแจวางปากกาแล้วลุกขึ้นหากแต่ถูกใครอีกคนจับข้อมือเอาไว้เสียก่อน.. คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่กำลังจะทิ้งงานตัวเองเพื่อเดินไปหาผู้หญิงตัวต้นเหตุ
“มึงปล่อยมันไปเหอะน่า” อีทึกพูดพร้อมกับพยักหน้าให้กับคยูฮยอน
“กูไปคุยกับเธอแป๊ปเดียว” ฮยอกแจพูดก่อนที่มือเรียวจะคลายออก คยูฮยอนถอนหายใจก่อนจะก้มหน้าลงไปปั่นงานต่อ เตือนแล้วไม่ฟังก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วนะ
ร่างโปร่งเดินไปหายูอีที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้มซีด..แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อคนตรงหน้าทรุดลงไปต่อหน้าต่อตาหากแต่ร่างโปร่งนั้นพยุงไว้ได้ทัน
“...ย..ยูอี...??” ฮยอกแจเขย่าตัวร่างบางที่หอบหายใจหนัก นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าของคนที่โอบกอดตัวเองเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปลูบใบหน้าร่างโปร่ง เลือดสีแดงสดไหลออกมาเลอะเต็มหน้าขาจนฮยอกแจพูดไม่ออก
คยูฮยอน อีทึก เฮนรี่รีบวิ่งเข้ามาดูอาการของร่างบางพร้อมกับขอความช่วยเหลือในขณะที่คนรอบข้างนั้นเอาแต่ยืนมุงกันโดยที่ไม่เข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย
“ฮยอกแจ มึงยืนรอตรงนี้ เดี๋ยวกูเอารถมา” เฮนรี่พูดก่อนจะรีบวิ่งไปที่ลานจอดรถ ฮยอกแจตบแก้มร่างบางเบาๆ เพื่อเรียกสติในขณะที่คยูฮยอนและอีทึกเองก็คอยดูแลอยู่ข้างๆ
“นั่นดาวคณะมนุษย์ศาสตร์เมื่อสองปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เยดแม่ ตกเลือด...แท้งลูกป่ะวะ?”
“แม่งน่ากลัวสัด รีบเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดเลย”
หัวใจของผม..มันกำลังจะแหลกสลาย..เพียงเพราะเห็นเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งที่สอง..
หยาดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม กลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป ใบหน้าหวานที่ยิ้มสวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาบัดนี้กลับซีดเผือดจนน่าตกใจ.. มือเรียวไล้ไปตามดวงหน้าขาวพลางกระชับกอดไว้แน่น
“อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ..เดี๋ยวเราจะพาไปโรงพยาบาล..” เอ่ยทั้งน้ำตาพร้อมกับกุมมือเล็กเอาไว้..
หยาดน้ำใสไหลออกมาจากหางตา..ได้ยินทุกประโยคที่ฮยอกแจพูด..แต่กลับไม่มีแรงแม้จะลืมตาขึ้นมามอง..
ฮยอกแจ...เราขอโทษนะ...
Talk with writer
มาตามคำทวง 5555555555555555
อย่าเอาอะไรกับไรเตอร์ผู้นี้ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อยู่เสมอ
บอกว่า 4 วันจะมาลงให้คูณสองเข้าไป #อีนี่ไม่เคยรักษาคำพูด Orz
ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ? กลัวไม่พีคกันจังเลย
เนื้อเรื่องมันแรงขึ้นเรื่อยๆ จะรับกันได้ไหมเนี่ย *โดนชก*
ความคิดเห็น