คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 :: Out of danger.
Chapter 4
Out of danger.
“คุณฮยอกแจ...ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
ชายคนนั้นเหน็บปืนเก็บเสียงไว้ข้างหลังพร้อมกับเดินเข้ามาแกะเชือกที่มือออกให้ มือแกร่งที่ผายออกมานั่นให้ความรู้สึกต่างจากตอนที่อีทงเฮทำอย่างสิ้นเชิง ถึงผมจะดูมึน ๆ งง ๆ ไม่ค่อยจะเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไหร่ที่ได้พบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์นอกจากอีทงเฮที่นี่แต่ผมก็ยื่นมือไปจับกับคนแปลกหน้าเพื่อให้เขาช่วยประคองผมให้ลุกขึ้นยืน
“คุณเป็นใคร?” ตอนนี้ผมเริ่มลังเลว่าคน ๆ นี้จะเป็นคนพวกเดียวกับอีทงเฮหรือเปล่า แต่พอเขาล้วงเอากระเป๋ากางเกงแล้วหยิบบัตรออกมาให้ดูผมถึงได้โล่งใจขึ้นมาบ้าง
“ผมชื่อคิมคิบอมเป็นลูกน้องหมวดซีวอน ไว้เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังแต่ตอนนี้เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน”
“คุณหาผมเจอได้ยังไง? คุณซีวอนล่ะ?” ผมรัวคำถามก่อนจะคว้ารอบคอของอีกคนไว้เมื่อเขาอุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขอโทษนะครับ แต่ผมเห็นว่าขาคุณกำลังเจ็บ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงโทนสุภาพ ผมไม่พูดอะไรได้เพียงแค่หันกลับไปมองซากงูเหลือมที่นอนไร้วิญญาณอยู่ตรงนั้น
คุณคิบอมใช้เท้าเขี่ยประตูให้เปิดออกกว้างแล้วค่อย ๆ เดินออกมาอย่างระมัดระวัง หัวใจของผมเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะเพียงแค่คิดว่าอีทงเฮอาจจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้แล้วโผล่เข้ามาแทงคุณคิบอมจากข้างหลังแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะได้ยินเสียงรถของเขาขับออกไปแล้วก็ตาม
“ตอนนี้หมวดซีวอนกำลังตามติดอีทงเฮอยู่ เขาเลยให้ผมมาช่วยคุณออกมาก่อนน่ะครับ” เขาพาผมไปที่รถคันสีดำ เขาวางผมลงบนเบาะหน้าแล้วรีบวิ่งอ้อมไปที่นั่งคนขับระหว่างนั้นก็มองไปรอบ ๆ ข้าง เขาดูระมัดระวังในทุกฝีก้าวสมกับเป็นตำรวจจริง ๆ
“ผมไม่แน่ใจว่ามันมีกันกี่คน ถึงเราจะพยายามสืบหาข้อมูลของเขาแต่ได้ที่มามันก็น้อยนิดเหลือเกิน” เขาพูดแล้วออกรถจากบ้านนรกหลังนี้
“ยังไงเหรอครับ?”
“ประวัติของเขามีน้อยมาก เขาไม่มีญาติพี่น้องเพราะเป็นเด็กกำพร้า อีทงเฮเป็นชื่อที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งให้ เขาย้ายที่อยู่ทุก ๆ หนึ่งปี ไม่มีเพื่อนสนิทหรือใครที่พอจะรู้เรื่องราวของเขาเลย”
“มันเป็นไปได้เหรอที่คน ๆ หนึ่งจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้โดยที่ไม่มีใครเลย?”
“มันเป็นไปแล้วครับ...สำหรับคนอย่างอีทงเฮน่ะ” คุณคิบอมพูดแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แล้วพวกคุณตามมาที่นี่ได้ยังไง” ผมถาม จนถึงตอนนี้ผมก็ยังระแวงอยู่ ผมไม่รู้หรอกว่าตำรวจเขาเดินงานกันยังไง แต่ถ้าเขาเอ่ยปากว่าประวัติของอีทงเฮมีน้อยและมันยากที่จะหาข้อมูลแล้วทำไมเขาถึงตามหาผมเจอ?
“รถของหมวดซีวอนครับ”
“...”
“GPS Tracking” เขาหันมายิ้มน้อย ๆ ผมก็ลืมนึกไปเลยว่ามันมีระบบติดตามรถ ผมหันออกไปมองข้าง ๆ แล้วถอนหายใจออกมา
“ทางตำรวจดักสังเกตการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ถ้าบุกเข้าไปตอนนั้นก็กลัวว่าคุณจะมีอันตราย”
“ถ้างั้นคุณก็เห็นสิว่าเขาขุดหลุมฝังศพคนในสวนนั่น” ผมหันไปถามทันที
“ฝังศพคนเหรอครับ?” เขาขมวดคิ้วทั้งที่สายตายังมองทางที่อยู่เบื้องหน้า
“คุณไม่เห็นเหรอ เมื่อคืนอีทงเฮฝังศพคนในสวนนั่น เขาเป็นคนขับแท็กซี่ที่ไปส่งผมที่สถานีตำรวจ คุณซีวอนก็เคยเห็นเขา” ผมชี้ไปข้างหลังถึงแม้ว่าเราจะขับออกมากันได้สักพักแล้ว
“ถ้ามีการฝังศพเกิดขึ้นจริง ๆ ผมจะให้คนเข้าไปค้นหาหลังจากที่จับตัวอีทงเฮได้แล้ว”
“ทำไมต้องรอ คุณให้คนเข้ามาตอนนี้เลยสิ จะได้มีหลักฐานออกหมายจับเขาเลยไง ถ้าขืนรอจับอีทงเฮได้ศพจะไม่เน่าเปื่อยไปซะก่อนเหรอ?”
“ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ครับ ข้อมูลที่มีอยู่มันน้อยนิดจริง ๆ ”
“ทำอะไรไม่ได้? เขาฆ่าหมอที่โรงพยาบาลตายทั้งคน เรื่องนี้มันก็น่าจะเอาผิดได้แล้วนี่?”
“...ไม่มีข่าวหมอเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนั้นหรอกครับคุณอีฮยอกแจ”
“...”
“ผมถึงได้บอก...ว่าต้องรอเก็บข้อมูลให้แน่นเสียก่อนถึงจะลงมือทำอะไรได้ เพราะถ้าเราบุ่มบ่ามตอนนี้คนที่จะเสียก็คือคุณนะครับ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับผม หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็นั่งเงียบกันไปตลอดจนถึงบ้านพักหลังหนึ่ง คุณคิบอมลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ก่อนจะช้อนตัวผมขึ้นไป พอเข้าไปทางด้านในก็พบกับรูปครอบครัวและรูปรับรางวัลเกียรติยศของคุณคิบอม ผมคิดว่านี่คงเป็นบ้านของเขา
“ผมไปส่งคุณที่บ้านไม่ได้ คุณรู้ใช่ไหมครับว่าเพราะอะไร” เขาวางผมลงบนโซฟาแล้วเดินไปหยิบกล่องพยาบาล จู่ ๆ ผมก็รู้สึกกลัวภาพตรงหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เพราะภาพของอีทงเฮมันซ้อนทับขึ้นมา
“ผมทำเองดีกว่า” ผมรับกล่องพยาบาลมาแล้วหลบสายตาเขา คุณคิบอมไม่ได้ขัดอะไร เขานั่งลงข้าง ๆ ผมแต่ก็เว้นระยะห่างไว้อยู่
ขอโทษนะ...แต่ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น
“ผู้ชายคนนั้นทำอะไรกับคุณบ้าง”
“...”
“คุณซีวอนเล่าให้ผมฟังว่าคุณถูกแทงที่ขา นอกจากนี้ยังมีรอยฟกช้ำตรงไหนหรือเปล่าครับ?” คุณคิบอมถามพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อมองผม
“หมายถึงทางร่างกายอย่างเดียวเหรอ” ผมถามกลับเสียงแผ่วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคุณคิบอม “ถ้าเป็นทางร่างกาย เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ากระชากลากดึง มัดมือผม ตบหน้า แล้วก็บังคับให้กินข้าว”
“...”
“ดูเหมือนผมไม่ค่อยสาหัสอย่างที่ควรจะเป็นใช่ไหม?” ผมแค่นยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ ถ้าขึ้นชื่อว่าถูกคนโรคจิตลักพาตัว เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงถูกจับไปทรมานอย่างแสนสาหัส สิ่งที่ผมเจอมันอาจจะน้อยเกินไปจนไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับผม...เรื่องที่เกิดขึ้นมันช่างเลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดมาในโลกใบนี้
“คุณไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อนจริง ๆ เหรอครับ”
“ทำไมคุณถามผมแบบนี้?” ผมหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังมองจับผิดผมอยู่
“ไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ค่อยมีเหตุผลเอาเสียเลย”
“...”
“ถ้าเกิดคุณเป็นคนแปลกหน้าต่อกันจริง ๆ อีทงเฮก็น่าจะฆ่าปิดปากคุณตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่นี่เขากลับตามหาคุณเพื่อเอาไปขังเอาไว้” ผมพยายามคิดตามในสิ่งที่คุณคิบอมกำลังสื่อ
เขาพูดถูก...ทำไมอีทงเฮถึงได้ทำแบบนั้น เขาจะฆ่าผมแล้วฝังลงในหลุมเดียวกับคนขับแท๊กซี่ก็ได้แต่เขากลับเลือกที่จะเก็บผมเอาไว้
“เขาอาจจะเห็นผมเป็นของเล่น” ผมตอบไปอย่างที่คิด ผมเดาเอาเองว่าอีทงเฮคงรู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากฆ่าคนที่รักมากที่สุดไปเลยเก็บผมเอาไว้เล่นแก้เบื่อ
“จะยังไงก็เถอะ คุณซีวอนสั่งมาว่าห้ามไม่ให้คุณออกไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา”
“...”
“ถึงมันจะดูเผด็จการ แต่ทุกอย่างก็เพื่อตัวคุณนะครับ”
ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนที่คุณคิบอมจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนี้ ผมนั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียวสักพักแล้วก็คิดได้ว่าผมควรจะทำแผลนี่ซะ ถ้าขาผมหายเร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีเท่านั้น
กริ๊ง กริ๊ง...
เสียงกระดิ่งที่ข้อเท้ามันทำให้ผมชะงักมือในทันที ผมก้มลงมองมันแล้วเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันส่งเสียงอยู่ตลอดทั้งทางที่ผมขยับตัว แต่พออยู่คนเดียวแบบนี้...ผมก็ชักกลัวเสียงกระดิ่งขึ้นมา...
กลัว...ว่าอีทงเฮจะอยู่แถว ๆ นี้...
“น้ำเย็น น้ำส้ม นมสด แล้วก็น้ำอุ่น ผมไม่รู้ว่าคุณอยากดื่มอะไรเลยเอามาให้ทั้งหมดเลย” เขายิ้มบาง ๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้าขึ้นแล้วก็โค้งหัวขอบคุณ
“คุณดูมีอะไรในใจ” คุณคิบอมยังคงยืนอยู่ที่เดิม พอโดนจี้จุดแบบนั้นน้ำตาผมก็พาลจะไหลออกมา
“...”
“อยากระบายไหมครับ?”
“...”
“หรือว่าคุณไว้ใจแค่หมวดซีวอนคนเดียว” เขายิ้มบาง ๆ ผมเลยส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“เปล่าครับ...ผมแค่...” ผมเว้นจังหวะไว้ช่วงอึดใจ “ผม...แค่กลัว”
“ไม่แปลกหรอกครับที่คุณจะกลัว คุณเก่งมากนะ เพราะถ้าเป็นผมคงเป็นโรคประสาทไปแล้ว” เขาพูดติดตลกแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผมอีกครั้ง
“ไม่หรอกครับ...ผมไม่ได้เข้มแข็งเลย”
“หืม?”
“ผมก็แค่ทำเป็นอวดดีเพื่อกลบเกลื่อนความกลัว”
บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อเราทั้งคู่หันไปมองหน้าบ้านเพราะมีรถยนต์คันสีขาวขับเข้ามา ผมยิ้มทันทีที่เห็นคุณซีวอนเดินออกมาจากรถคันนั้น
“คุณซีวอน...”
“สบายใจแล้วใช่ไหม?” คุณคิบอมวางมือลงบนบ่าผมแล้วบีบเบา ๆ ผมหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ก่อนจะหันไปมองตรงประตูที่กำลังเปิดเข้ามา
“คุณฮยอกแจ เป็นยังไงบ้างครับ?” คุณซีวอนถอดเสื้อนอกออกแล้วพาดไว้บนโซฟาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาก้ม ๆ เงย ๆ มองสำรวจความเรียบร้อยผมทุกระเบียดนิ้วจนผมทำตัวไม่ถูก
“อ...เอ่อ...”
“เขาทำอะไรคุณบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า แล้วนี่คุณได้ทานอะไรบ้างไหม?” คุณซีวอนรัวคำถามจนผมได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ คุณคิบอมป้องปากหัวเราะแล้วเงยหน้ามองอีกคน
“ค่อย ๆ ถามก็ได้มั้ง คุณฮยอกแจเขาไม่รู้จะตอบคำถามไหนของพี่แล้ว”
“...” คุณซีวอนหน้าเสียหน่อย ๆ แต่เขายังคงวางฟอร์มไว้ได้อยู่ ผมหัวเราะเบา ๆ เพราะเห็นคุณคิบอมเอาแต่ขำอยู่อย่างนั้น
“เฮ้ มีอะไรน่าขำหรือไง?”
“อ่า...ผมขอโทษ” ผมหุบยิ้มทันทีเมื่อคุณซีวอนดุ
“เปล่าครับ ผมหมายถึงเจ้าเด็กนั่นต่างหาก” คุณซีวอนมองค้อนอีกคนที่นั่งยิ้มอยู่ คุณคิบอมยักไหล่น้อย ๆ แล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“ว่าแต่เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว”
ในที่สุดก็บรรยากาศน่าอึดอัดก็กลับมาอีกครั้งหลังจากเสียงหัวเราะกลบมันไปได้ไม่ถึงห้านาที ผมยืนมองทั้งคู่ที่ทำหน้าหนักใจแล้วก็พอจะเดาคำตอบออกมาได้
“หมอนั่นฉลาดเอาเรื่อง ไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เลย พวกเราขับตามอีทงเฮไปถึงสี่คัน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่ามีคนตามอยู่ถึงได้ขับเข้าไปในเมือง”
“ขับเข้าไปในเมือง?”
“ใช่ เขาเลือกขับไปถนนเส้นที่รถติดที่สุด ฉันติดอยู่ถนนเส้นนั้นราว ๆ สิบห้านาทีจนรถเริ่มเคลื่อนออกได้ แต่รถหมอนั่นกลับจอดนิ่งเฉยจนรถคันข้างหลังบีบแตรไล่แต่รถของเขาก็ยังไม่ขยับ จนกระทั่งฉันกับทีมตัดสินใจเข้าไปดู สุดท้าย...ไม่มีใครอยู่ในรถคันนั้น”
“...”
“อีทงเฮอาศัยจังหวะที่รถกำลังติดหนีไป”
ผมกำมือแน่น ตั้งใจฟังเรื่องที่คุณซีวอนกำลังเล่า ผมก็อยากจะแทรกบทสนทนานี้ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะถ้าอีทงเฮฉลาดจนจับตัวได้ยากแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าหมอนั่นต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ
“คุณซีวอนครับ”
“...?” ทั้งคู่หันมามองผม
“ผมคิดว่าอีทงเฮจงใจขโมยรถคุณไป”
“...”
“เขา...” ผมเงียบไปครู่หนึ่งแล้วนึกถึงใครอีกคน...ผมว่าอีทงเฮคงกำลังคิดอะไรอยู่แน่ ๆ ถ้าเขาคิดจะลักพาตัวผมไปจริง ๆ เขาต้องรอบคอบมากกว่านี้ “ผมกลัวว่าเขาจะฆ่าพวกคุณ”
ทันทีที่ผมพูดจบภายในห้องนั่งเล่นก็เข้าสู่ความเงียบ เราทั้งสามมองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไรก่อนที่คุณซีวอนจะนั่งลงบนโซฟาพลางประสานมือกันไว้
“ผมติดต่อกับทางโรงพยาบาลแล้ว แต่ที่นั่นไม่มีการฆาตรกรรมเกิดขึ้น อีกอย่างเราไม่รู้ว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร คงเป็นไปได้ยากที่จะตามหาเขา”
“หมอคนนั้นชื่อโจคยูฮยอน อีทงเฮบอกผมเองกับปาก” ผมตอบออกไปทันที เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลได้ คุณซีวอนเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้วใช้ความคิด
“ถ้าเราสืบประวัติของหมอคนนั้นเราคงได้อะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้นะพี่” คุณคิบอมพูดเสริม
“ใช่ ถ้าเกิดทางโรงพยาบาลพูดแบบนั้นแสดงว่าอีทงเฮต้องเอาศพหมอคยูฮยอนไปไว้ที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่มีใครรู้” ผมพูดต่อ ดูเหมือนว่าตอนนี้เราจะได้เบาะแสเพิ่มขึ้นมาแล้ว
“ดีเลย งั้นผมจะออกไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” คุณซีวอนพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“ให้ผมไปดีกว่า พี่น่ะอยู่ดูแลคุณฮยอกแจที่นี่เถอะ” คุณคิบอมลุกขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ ผมได้แต่มองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณกับความใจดีของทั้งคู่ เพราะถ้าไม่ได้พวกเขา ผมก็คงติดอยู่ในบ้านนรกนั่นและถูกทรมานจนตาย
.
.
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับคุณซีวอนเท่านั้นที่อยู่ในบ้านหลังจากที่คุณคิบอมขับรถออกไปที่โรงพยาบาลเพื่อสืบข้อมูลของหมอโจคยูฮยอน เราทั้งคู่นั่งเงียบแต่สายตาของเขากลับจ้องผมอยู่ไม่ห่าง
“หน้าผมมีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถามพลางจับ ๆ หน้าตัวเอง คุณซีวอนยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจ”
“แปลกใจ?”
“ว่าอะไรที่ทำให้คุณเข้มแข็งได้ขนาดนี้”
“...”
“ตอนที่อยู่บ้านหลังนั้น คุณกลัวบ้างไหม?” ผมพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วหลุบสายตาลง
“ผมไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด แล้วผมก็กลัวเขามาก ๆ เลยด้วย” ผมตอบพลางนึกถึงหน้าอีทงเฮ นึกถึงใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มชั่วร้ายนั่นแล้วก็ขนลุกทุกที
“อ่า...ผมว่าตอนนี้คุณโทรหาแม่ของคุณก่อนดีกว่านะครับ ก่อนหน้านี้ผมโทรไปหาท่านหนหนึ่งแล้ว” คุณซีวอนส่งมือถือมาให้ ผมเบิกตากว้างแล้วรีบลุกขึ้นจะเดินไปหาเขา
“นี่คุณโทรหาแม่ผมแล้วเหรอ...อ๊ะ!” ด้วยความซื่อบื้อผมเลยสะดุดล้มลงไปกับพื้นเพราะขาข้างขวายังบาดเจ็บอยู่ คุณซีวอนรีบเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้น ผมนิ่วหน้าเจ็บแล้วเขาก็ประคองผมให้กลับไปนั่งที่เดิม
“เจ็บมากหรือเปล่า? ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่” เขาดุผม น้ำตาไหลออกจากหางตาเพราะผมเจ็บมากจริง ๆ คุณซีวอนย้ายไปนั่งคุกเข่าลงบนพื้นพลางสำรวจแผลที่ขาผม
“ผมขอโทษครับ แต่ผมแค่ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้ คุณ...บอกแม่ผมไปแล้วจริง ๆ เหรอ?” ผมจ้องคนที่กำลังแกะผ้าก็อชออกจากแผลผมอย่างปราณีต
“เปล่าครับ ผมกำลังจะบอกว่าผมโทรหาท่านไปแล้วแต่ท่านไม่รับสายน่ะ” พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดีแล้ว...”
“ทำไมถึงดีล่ะครับ?” เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับหยิบกล่องพยาบาลมาวางไว้ใกล้ ๆ
“ถ้าแม่รู้แม่คงรีบกลับมาแน่ ๆ ผมกลัวว่าอีทงเฮจะทำร้ายแม่ผมอีกคน”
“แล้วคุณจะทำยังไง จะสู้เรื่องนี้ไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”
“...”
“ผมก็พยายามหาทางช่วยคุณอยู่...แล้วผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไปช่วยคุณด้วยตัวเองไม่ได้” เขาลดสีหน้าลงราวกับว่ารู้สึกผิดกับผมมาก
“ไม่เป็นไรครับ คุณไม่เห็นต้องขอโทษผมเลย”
“ผมเองก็มีอีกงานที่ยังค้าง ๆ คา ๆ อยู่ คดีขนยาเสพย์ติดนั่นก็นับว่าเรื่องใหญ่เหมือนกัน”
“...” คราวนี้เป็นผมแล้วล่ะครับที่ควรจะรู้สึกผิด ผมทำหน้าหงอยแล้วมองคนตรงหน้า
“ผมขอโทษครับคุณซีวอน ทั้งที่คุณมีงานที่ต้องทำ แต่คุณก็ยังมาช่วยผม”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษหรอกครับ ช่วยเหลือประชาชนคือหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว” เขายิ้มแล้วติดแผลให้ผมจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเอากล่องพยาบาลไปเก็บ
“คุณดีกับทุกคนแบบนี้เลยเหรอ” ผมถามไล่หลังคนที่กำลังง่วนอยู่ตรงตู้ยาสามัญประจำบ้าน เขาหันมามองผมแล้วหัวเราะเบา ๆ “คุณเป็นคนดีจัง”
“จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ครับ แต่จะว่าผมเป็นคนดีก็ไม่ถูก ผมคิดว่าที่ทำไปมันคือหน้าที่และจิตใต้สำนึกที่คนเป็นตำรวจควรจะมี” เขาเดินกลับมานั่งข้าง ๆ ผมแล้วคว้าแก้วน้ำเปล่าให้ผมดื่ม
“ริมฝีปากของคนแห้งมาก ดื่มน้ำหน่อยนะครับจะได้สดชื่นขึ้น”
ผมโค้งหัวน้อย ๆ แล้วรับน้ำเปล่ามาดื่ม แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมเขาก็ยังสังเกตเห็น ไม่รู้สิครับ...ผมรู้สึกได้ว่าคุณซีวอนกับคุณคิบอมเป็นคนดีเหลือเกิน ผมรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่กับเขาทั้งคู่ ผมได้แต่ภาวนาว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงเร็ว ๆ นี้แม้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ยากก็ตาม...
.
.
เรานั่งคุยกันอยู่นานมาก ผมคิดว่านี่คงผ่านไปแล้วสักสี่ชั่วโมงเห็นจะได้ ตอนนี้คุณซีวอนอยู่ในครัว ผมได้กลิ่นหอมลอยออกมาข้างนอกแม้ว่านั่นจะเป็นเพียงแค่กลิ่นบะหมี่สำเร็จรูปที่ถูกต้มด้วยน้ำร้อนเท่านั้น คุณซีวอนเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยบะหมี่สองถ้วย เขาวางลงตรงหน้าผมและเอาของตัวเองไปถือไว้
“ผมก็หิวเหมือนกัน ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืนนี้” เขาหัวเราะแล้วคีบบะหมี่ขึ้นมาเป่าสองสามทีแล้วกิน ผมมองคนข้าง ๆ ที่กำลังตั้งใจกินบ่งบอกว่าเขาหิวมากแค่ไหน ผมยิ้มบาง ๆ แล้วก็หันมาสนใจบะหมี่ของตัวเองบ้าง
“ขอบคุณนะครับคุณซีวอน”
“อื้อ” เขาตอบในลำคอทั้งที่ยังสูดเส้นบะหมี่เข้าปากอย่างต่อเนื่องหมดคราบมาดตำรวจหล่อไปโดยสิ้นเชิง
เสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้าน ไม่นานนักคุณคิบอมก็เข้ามาพร้อมกับแฟ้มในมือ คุณซีวอนวางถ้วยบะหมี่ลงทันทีแล้วคว้าทิชชู่มาเช็ดปากก่อนจะรับแฟ้มที่คุณคิบอมยื่นให้
“ถ้าผมไม่เคยจีบพยาบาลที่นั่นนะ เรื่องคงยากกว่านี้ ที่โรงพยาบาลนี้เขี้ยวจริง ๆ ” คุณคิบอมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเอนหลังพิงพนัก
“โจคยูฮยอน...หมอกระดูกงั้นเหรอ?”
“ได้ที่อยู่มาด้วยนะ แต่ดูเหมือนเขาจะมีบ้านหลายหลัง บางทีก็กลับบ้านแต่ส่วนใหญ่เขาจะอยู่ที่คอนโด พี่ลองอ่านดูแล้วกัน” คุณคิบอมพูด
“งั้นนายโทรให้ชางมินไปสืบดูว่าตอนนี้หมอคยูฮยอนอยู่ที่ไหน ส่งคนไปสังเกตการณ์ทั้งที่บ้านและคอนโดเลย” คุณซีวอนเก็บแฟ้มแล้วสั่งงานกับอีกคน
“ได้ครับ” ยังไม่ทันหายเหนื่อยคุณคิบอมก็ต้องออกไปข้างนอกอีกครั้ง ผมได้แต่มองตามจนกระทั่งเขาออกจากประตูบ้านไป
“ส่วนคุณพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ผมว่าคงได้เบาะแสเร็ว ๆ นี้” คุณซีวอนพูดพร้อมกับเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบบางอย่างมา “คุณต้องมีมันติดตัวเอาไว้” คุณซีวอนวางปืนพกขนาดเล็กกว่ามือผมลงบนโต๊ะ ผมเบิกตากว้างแล้วมองเขา
“ป...ปืน?”
“ใช่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณจะได้ป้องกันตัว”
“ต...แต่ผมไม่เคย” ผมพูดตะกุกตะกัก ผมไม่เคยจับปืนเลยสักครั้งในชีวิต
“ตอนแรกผมว่าจะพาคุณไปอยู่ที่บ้านผมแต่ที่นั่นคงไม่ปลอดภัยเพราะถ้าอีทงเฮเขาคิดจะเล่นเกมกับเราจริง ๆ เขาคงไปที่นั่นแน่ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะปลอดภัยเลยซะทีเดียวหรอกนะ แล้วผมกับคิบอมก็คงอยู่ดูแลคุณตลอดเวลาไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณพกมันไว้ดีกว่าครับ” เขาเอาปืนกระบอกนั้นวางลงบนมือผม
“...”
“แล้วผมจะรีบกลับมา...อย่าเปิดประตูให้ใครทั้งนั้นเพราะว่าบ้านหลังนี้มีแค่ผมกับคิบอมที่มีกุญแจ เข้าใจไหม?” คุณซีวอนจ้องผมด้วยแววตาจริงจัง ผมเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะกุมมือผมเอาไว้แล้วยิ้มบาง ๆ
…To be continued…
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk
ตอนนี้ไม่มีพระเอกของเราเลย คิดถึงกันไหม
พี่ทงหายไปไหนน๊า ปล่อยให้พระเอกขี่ม้าขาวทั้งสองคนพาตัวฮยอกแจออกมาแบบนี้ได้ไง
พี่ทง...หาย...ไป...ไหน...
ความคิดเห็น