ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HAEEUN | "Illusion Secret" หลอกหลอนรัก

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 :: Out of danger.

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 56


     

     

     

    Chapter 4

    Out of danger.

     

     

     

    คุณฮยอกแจ...ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?

    ชายคนนั้นเหน็บปืนเก็บเสียงไว้ข้างหลังพร้อมกับเดินเข้ามาแกะเชือกที่มือออกให้ มือแกร่งที่ผายออกมานั่นให้ความรู้สึกต่างจากตอนที่อีทงเฮทำอย่างสิ้นเชิง ถึงผมจะดูมึน ๆ งง ๆ ไม่ค่อยจะเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไหร่ที่ได้พบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์นอกจากอีทงเฮที่นี่แต่ผมก็ยื่นมือไปจับกับคนแปลกหน้าเพื่อให้เขาช่วยประคองผมให้ลุกขึ้นยืน

    คุณเป็นใคร? ตอนนี้ผมเริ่มลังเลว่าคน ๆ นี้จะเป็นคนพวกเดียวกับอีทงเฮหรือเปล่า แต่พอเขาล้วงเอากระเป๋ากางเกงแล้วหยิบบัตรออกมาให้ดูผมถึงได้โล่งใจขึ้นมาบ้าง

    ผมชื่อคิมคิบอมเป็นลูกน้องหมวดซีวอน ไว้เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังแต่ตอนนี้เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน

    คุณหาผมเจอได้ยังไง? คุณซีวอนล่ะ?ผมรัวคำถามก่อนจะคว้ารอบคอของอีกคนไว้เมื่อเขาอุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

    ขอโทษนะครับ แต่ผมเห็นว่าขาคุณกำลังเจ็บ เขาพูดด้วยน้ำเสียงโทนสุภาพ ผมไม่พูดอะไรได้เพียงแค่หันกลับไปมองซากงูเหลือมที่นอนไร้วิญญาณอยู่ตรงนั้น

    คุณคิบอมใช้เท้าเขี่ยประตูให้เปิดออกกว้างแล้วค่อย ๆ เดินออกมาอย่างระมัดระวัง หัวใจของผมเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะเพียงแค่คิดว่าอีทงเฮอาจจะซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้านหลังนี้แล้วโผล่เข้ามาแทงคุณคิบอมจากข้างหลังแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะได้ยินเสียงรถของเขาขับออกไปแล้วก็ตาม

    ตอนนี้หมวดซีวอนกำลังตามติดอีทงเฮอยู่ เขาเลยให้ผมมาช่วยคุณออกมาก่อนน่ะครับ เขาพาผมไปที่รถคันสีดำ เขาวางผมลงบนเบาะหน้าแล้วรีบวิ่งอ้อมไปที่นั่งคนขับระหว่างนั้นก็มองไปรอบ ๆ ข้าง เขาดูระมัดระวังในทุกฝีก้าวสมกับเป็นตำรวจจริง ๆ

    ผมไม่แน่ใจว่ามันมีกันกี่คน ถึงเราจะพยายามสืบหาข้อมูลของเขาแต่ได้ที่มามันก็น้อยนิดเหลือเกิน เขาพูดแล้วออกรถจากบ้านนรกหลังนี้

    ยังไงเหรอครับ?

    ประวัติของเขามีน้อยมาก เขาไม่มีญาติพี่น้องเพราะเป็นเด็กกำพร้า อีทงเฮเป็นชื่อที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งให้ เขาย้ายที่อยู่ทุก ๆ หนึ่งปี ไม่มีเพื่อนสนิทหรือใครที่พอจะรู้เรื่องราวของเขาเลย

    มันเป็นไปได้เหรอที่คน ๆ หนึ่งจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้โดยที่ไม่มีใครเลย?

    มันเป็นไปแล้วครับ...สำหรับคนอย่างอีทงเฮน่ะ คุณคิบอมพูดแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

    แล้วพวกคุณตามมาที่นี่ได้ยังไง ผมถาม จนถึงตอนนี้ผมก็ยังระแวงอยู่ ผมไม่รู้หรอกว่าตำรวจเขาเดินงานกันยังไง แต่ถ้าเขาเอ่ยปากว่าประวัติของอีทงเฮมีน้อยและมันยากที่จะหาข้อมูลแล้วทำไมเขาถึงตามหาผมเจอ?

    รถของหมวดซีวอนครับ

    ...

    “GPS Tracking” เขาหันมายิ้มน้อย ๆ ผมก็ลืมนึกไปเลยว่ามันมีระบบติดตามรถ ผมหันออกไปมองข้าง ๆ แล้วถอนหายใจออกมา

    ทางตำรวจดักสังเกตการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ถ้าบุกเข้าไปตอนนั้นก็กลัวว่าคุณจะมีอันตราย

    ถ้างั้นคุณก็เห็นสิว่าเขาขุดหลุมฝังศพคนในสวนนั่น ผมหันไปถามทันที

    ฝังศพคนเหรอครับ? เขาขมวดคิ้วทั้งที่สายตายังมองทางที่อยู่เบื้องหน้า

    คุณไม่เห็นเหรอ เมื่อคืนอีทงเฮฝังศพคนในสวนนั่น เขาเป็นคนขับแท็กซี่ที่ไปส่งผมที่สถานีตำรวจ คุณซีวอนก็เคยเห็นเขา ผมชี้ไปข้างหลังถึงแม้ว่าเราจะขับออกมากันได้สักพักแล้ว

    ถ้ามีการฝังศพเกิดขึ้นจริง ๆ ผมจะให้คนเข้าไปค้นหาหลังจากที่จับตัวอีทงเฮได้แล้ว

    ทำไมต้องรอ คุณให้คนเข้ามาตอนนี้เลยสิ จะได้มีหลักฐานออกหมายจับเขาเลยไง ถ้าขืนรอจับอีทงเฮได้ศพจะไม่เน่าเปื่อยไปซะก่อนเหรอ?

    ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ครับ ข้อมูลที่มีอยู่มันน้อยนิดจริง ๆ

    ทำอะไรไม่ได้? เขาฆ่าหมอที่โรงพยาบาลตายทั้งคน เรื่องนี้มันก็น่าจะเอาผิดได้แล้วนี่?

    “...ไม่มีข่าวหมอเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนั้นหรอกครับคุณอีฮยอกแจ

    ...

    ผมถึงได้บอก...ว่าต้องรอเก็บข้อมูลให้แน่นเสียก่อนถึงจะลงมือทำอะไรได้ เพราะถ้าเราบุ่มบ่ามตอนนี้คนที่จะเสียก็คือคุณนะครับ

    นั่นคือประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับผม หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็นั่งเงียบกันไปตลอดจนถึงบ้านพักหลังหนึ่ง คุณคิบอมลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ก่อนจะช้อนตัวผมขึ้นไป พอเข้าไปทางด้านในก็พบกับรูปครอบครัวและรูปรับรางวัลเกียรติยศของคุณคิบอม ผมคิดว่านี่คงเป็นบ้านของเขา

    ผมไปส่งคุณที่บ้านไม่ได้ คุณรู้ใช่ไหมครับว่าเพราะอะไร เขาวางผมลงบนโซฟาแล้วเดินไปหยิบกล่องพยาบาล จู่ ๆ ผมก็รู้สึกกลัวภาพตรงหน้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เพราะภาพของอีทงเฮมันซ้อนทับขึ้นมา

    ผมทำเองดีกว่า ผมรับกล่องพยาบาลมาแล้วหลบสายตาเขา คุณคิบอมไม่ได้ขัดอะไร เขานั่งลงข้าง ๆ ผมแต่ก็เว้นระยะห่างไว้อยู่

     

    ขอโทษนะ...แต่ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น

     

     

     

    ผู้ชายคนนั้นทำอะไรกับคุณบ้าง

    ...

    คุณซีวอนเล่าให้ผมฟังว่าคุณถูกแทงที่ขา นอกจากนี้ยังมีรอยฟกช้ำตรงไหนหรือเปล่าครับ? คุณคิบอมถามพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อมองผม

    หมายถึงทางร่างกายอย่างเดียวเหรอ ผมถามกลับเสียงแผ่วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคุณคิบอมถ้าเป็นทางร่างกาย เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่ากระชากลากดึง มัดมือผม ตบหน้า แล้วก็บังคับให้กินข้าว

    ...

    ดูเหมือนผมไม่ค่อยสาหัสอย่างที่ควรจะเป็นใช่ไหม? ผมแค่นยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ ถ้าขึ้นชื่อว่าถูกคนโรคจิตลักพาตัว เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยคงถูกจับไปทรมานอย่างแสนสาหัส สิ่งที่ผมเจอมันอาจจะน้อยเกินไปจนไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับผม...เรื่องที่เกิดขึ้นมันช่างเลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดมาในโลกใบนี้

    คุณไม่เคยรู้จักกับเขามาก่อนจริง ๆ เหรอครับ

    ทำไมคุณถามผมแบบนี้? ผมหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังมองจับผิดผมอยู่

    ไม่รู้สิครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ค่อยมีเหตุผลเอาเสียเลย

    ...

    ถ้าเกิดคุณเป็นคนแปลกหน้าต่อกันจริง ๆ อีทงเฮก็น่าจะฆ่าปิดปากคุณตั้งแต่ทีแรกแล้ว แต่นี่เขากลับตามหาคุณเพื่อเอาไปขังเอาไว้ผมพยายามคิดตามในสิ่งที่คุณคิบอมกำลังสื่อ

    เขาพูดถูก...ทำไมอีทงเฮถึงได้ทำแบบนั้น เขาจะฆ่าผมแล้วฝังลงในหลุมเดียวกับคนขับแท๊กซี่ก็ได้แต่เขากลับเลือกที่จะเก็บผมเอาไว้

    เขาอาจจะเห็นผมเป็นของเล่น ผมตอบไปอย่างที่คิด ผมเดาเอาเองว่าอีทงเฮคงรู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากฆ่าคนที่รักมากที่สุดไปเลยเก็บผมเอาไว้เล่นแก้เบื่อ

    จะยังไงก็เถอะ คุณซีวอนสั่งมาว่าห้ามไม่ให้คุณออกไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา

    ...

    ถึงมันจะดูเผด็จการ แต่ทุกอย่างก็เพื่อตัวคุณนะครับ

    ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนที่คุณคิบอมจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนี้ ผมนั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียวสักพักแล้วก็คิดได้ว่าผมควรจะทำแผลนี่ซะ ถ้าขาผมหายเร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งดีเท่านั้น

     

     

    กริ๊ง กริ๊ง...

     

     

    เสียงกระดิ่งที่ข้อเท้ามันทำให้ผมชะงักมือในทันที ผมก้มลงมองมันแล้วเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันส่งเสียงอยู่ตลอดทั้งทางที่ผมขยับตัว แต่พออยู่คนเดียวแบบนี้...ผมก็ชักกลัวเสียงกระดิ่งขึ้นมา...

     

     

     

    กลัว...ว่าอีทงเฮจะอยู่แถว ๆ นี้...

     

     

     

    น้ำเย็น น้ำส้ม นมสด แล้วก็น้ำอุ่น ผมไม่รู้ว่าคุณอยากดื่มอะไรเลยเอามาให้ทั้งหมดเลย เขายิ้มบาง ๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้าขึ้นแล้วก็โค้งหัวขอบคุณ

    คุณดูมีอะไรในใจ คุณคิบอมยังคงยืนอยู่ที่เดิม พอโดนจี้จุดแบบนั้นน้ำตาผมก็พาลจะไหลออกมา

    ...

    อยากระบายไหมครับ?

    ...

    หรือว่าคุณไว้ใจแค่หมวดซีวอนคนเดียว เขายิ้มบาง ๆ ผมเลยส่ายหน้าเป็นคำตอบ

    เปล่าครับ...ผมแค่... ผมเว้นจังหวะไว้ช่วงอึดใจผม...แค่กลัว

    ไม่แปลกหรอกครับที่คุณจะกลัว คุณเก่งมากนะ เพราะถ้าเป็นผมคงเป็นโรคประสาทไปแล้ว เขาพูดติดตลกแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผมอีกครั้ง

    ไม่หรอกครับ...ผมไม่ได้เข้มแข็งเลย

    หืม?

    ผมก็แค่ทำเป็นอวดดีเพื่อกลบเกลื่อนความกลัว

    บทสนทนาจบลงแค่นั้นเมื่อเราทั้งคู่หันไปมองหน้าบ้านเพราะมีรถยนต์คันสีขาวขับเข้ามา ผมยิ้มทันทีที่เห็นคุณซีวอนเดินออกมาจากรถคันนั้น

    คุณซีวอน...

    สบายใจแล้วใช่ไหม? คุณคิบอมวางมือลงบนบ่าผมแล้วบีบเบา ๆ ผมหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ก่อนจะหันไปมองตรงประตูที่กำลังเปิดเข้ามา

    คุณฮยอกแจ เป็นยังไงบ้างครับ? คุณซีวอนถอดเสื้อนอกออกแล้วพาดไว้บนโซฟาก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาก้ม ๆ เงย ๆ มองสำรวจความเรียบร้อยผมทุกระเบียดนิ้วจนผมทำตัวไม่ถูก

    อ...เอ่อ...

    เขาทำอะไรคุณบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า แล้วนี่คุณได้ทานอะไรบ้างไหม? คุณซีวอนรัวคำถามจนผมได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ คุณคิบอมป้องปากหัวเราะแล้วเงยหน้ามองอีกคน

    ค่อย ๆ ถามก็ได้มั้ง คุณฮยอกแจเขาไม่รู้จะตอบคำถามไหนของพี่แล้ว

    ... คุณซีวอนหน้าเสียหน่อย ๆ แต่เขายังคงวางฟอร์มไว้ได้อยู่ ผมหัวเราะเบา ๆ เพราะเห็นคุณคิบอมเอาแต่ขำอยู่อย่างนั้น

    เฮ้ มีอะไรน่าขำหรือไง?

    อ่า...ผมขอโทษ ผมหุบยิ้มทันทีเมื่อคุณซีวอนดุ

    เปล่าครับ ผมหมายถึงเจ้าเด็กนั่นต่างหาก คุณซีวอนมองค้อนอีกคนที่นั่งยิ้มอยู่ คุณคิบอมยักไหล่น้อย ๆ แล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

    ว่าแต่เรื่องนั้นไปถึงไหนแล้ว

    ในที่สุดก็บรรยากาศน่าอึดอัดก็กลับมาอีกครั้งหลังจากเสียงหัวเราะกลบมันไปได้ไม่ถึงห้านาที ผมยืนมองทั้งคู่ที่ทำหน้าหนักใจแล้วก็พอจะเดาคำตอบออกมาได้

    หมอนั่นฉลาดเอาเรื่อง ไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เลย พวกเราขับตามอีทงเฮไปถึงสี่คัน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่ามีคนตามอยู่ถึงได้ขับเข้าไปในเมือง

    ขับเข้าไปในเมือง?

    ใช่ เขาเลือกขับไปถนนเส้นที่รถติดที่สุด ฉันติดอยู่ถนนเส้นนั้นราว ๆ สิบห้านาทีจนรถเริ่มเคลื่อนออกได้ แต่รถหมอนั่นกลับจอดนิ่งเฉยจนรถคันข้างหลังบีบแตรไล่แต่รถของเขาก็ยังไม่ขยับ จนกระทั่งฉันกับทีมตัดสินใจเข้าไปดู สุดท้าย...ไม่มีใครอยู่ในรถคันนั้น

    ...

    อีทงเฮอาศัยจังหวะที่รถกำลังติดหนีไป

    ผมกำมือแน่น ตั้งใจฟังเรื่องที่คุณซีวอนกำลังเล่า ผมก็อยากจะแทรกบทสนทนานี้ขึ้นมาเหมือนกัน เพราะถ้าอีทงเฮฉลาดจนจับตัวได้ยากแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าหมอนั่นต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ 

    คุณซีวอนครับ

    ...? ทั้งคู่หันมามองผม

    ผมคิดว่าอีทงเฮจงใจขโมยรถคุณไป

    ...

    เขา... ผมเงียบไปครู่หนึ่งแล้วนึกถึงใครอีกคน...ผมว่าอีทงเฮคงกำลังคิดอะไรอยู่แน่ ๆ ถ้าเขาคิดจะลักพาตัวผมไปจริง ๆ เขาต้องรอบคอบมากกว่านี้ ผมกลัวว่าเขาจะฆ่าพวกคุณ

    ทันทีที่ผมพูดจบภายในห้องนั่งเล่นก็เข้าสู่ความเงียบ เราทั้งสามมองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไรก่อนที่คุณซีวอนจะนั่งลงบนโซฟาพลางประสานมือกันไว้

    ผมติดต่อกับทางโรงพยาบาลแล้ว แต่ที่นั่นไม่มีการฆาตรกรรมเกิดขึ้น อีกอย่างเราไม่รู้ว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร คงเป็นไปได้ยากที่จะตามหาเขา

    หมอคนนั้นชื่อโจคยูฮยอน อีทงเฮบอกผมเองกับปาก ผมตอบออกไปทันที เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลได้ คุณซีวอนเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้วใช้ความคิด

    ถ้าเราสืบประวัติของหมอคนนั้นเราคงได้อะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้นะพี่ คุณคิบอมพูดเสริม

    ใช่ ถ้าเกิดทางโรงพยาบาลพูดแบบนั้นแสดงว่าอีทงเฮต้องเอาศพหมอคยูฮยอนไปไว้ที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่มีใครรู้ ผมพูดต่อ ดูเหมือนว่าตอนนี้เราจะได้เบาะแสเพิ่มขึ้นมาแล้ว

    ดีเลย งั้นผมจะออกไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ คุณซีวอนพูดแล้วลุกขึ้นยืน

    ให้ผมไปดีกว่า พี่น่ะอยู่ดูแลคุณฮยอกแจที่นี่เถอะ คุณคิบอมลุกขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ ผมได้แต่มองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณกับความใจดีของทั้งคู่ เพราะถ้าไม่ได้พวกเขา ผมก็คงติดอยู่ในบ้านนรกนั่นและถูกทรมานจนตาย

     

     

    .

    .

     

     

     

    ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับคุณซีวอนเท่านั้นที่อยู่ในบ้านหลังจากที่คุณคิบอมขับรถออกไปที่โรงพยาบาลเพื่อสืบข้อมูลของหมอโจคยูฮยอน เราทั้งคู่นั่งเงียบแต่สายตาของเขากลับจ้องผมอยู่ไม่ห่าง

    หน้าผมมีอะไรหรือเปล่าครับ? ผมถามพลางจับ ๆ หน้าตัวเอง คุณซีวอนยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ

    เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจ

    แปลกใจ?

    ว่าอะไรที่ทำให้คุณเข้มแข็งได้ขนาดนี้

    ...

    ตอนที่อยู่บ้านหลังนั้น คุณกลัวบ้างไหม? ผมพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วหลุบสายตาลง

    ผมไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด แล้วผมก็กลัวเขามาก ๆ เลยด้วย ผมตอบพลางนึกถึงหน้าอีทงเฮ นึกถึงใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มชั่วร้ายนั่นแล้วก็ขนลุกทุกที

    อ่า...ผมว่าตอนนี้คุณโทรหาแม่ของคุณก่อนดีกว่านะครับ ก่อนหน้านี้ผมโทรไปหาท่านหนหนึ่งแล้วคุณซีวอนส่งมือถือมาให้ ผมเบิกตากว้างแล้วรีบลุกขึ้นจะเดินไปหาเขา

    นี่คุณโทรหาแม่ผมแล้วเหรอ...อ๊ะ!” ด้วยความซื่อบื้อผมเลยสะดุดล้มลงไปกับพื้นเพราะขาข้างขวายังบาดเจ็บอยู่ คุณซีวอนรีบเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้น ผมนิ่วหน้าเจ็บแล้วเขาก็ประคองผมให้กลับไปนั่งที่เดิม

    เจ็บมากหรือเปล่า? ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่ เขาดุผม น้ำตาไหลออกจากหางตาเพราะผมเจ็บมากจริง ๆ คุณซีวอนย้ายไปนั่งคุกเข่าลงบนพื้นพลางสำรวจแผลที่ขาผม

    ผมขอโทษครับ แต่ผมแค่ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้ คุณ...บอกแม่ผมไปแล้วจริง ๆ เหรอ? ผมจ้องคนที่กำลังแกะผ้าก็อชออกจากแผลผมอย่างปราณีต

    เปล่าครับ ผมกำลังจะบอกว่าผมโทรหาท่านไปแล้วแต่ท่านไม่รับสายน่ะ พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

    ดีแล้ว...

    ทำไมถึงดีล่ะครับ?เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับหยิบกล่องพยาบาลมาวางไว้ใกล้ ๆ

    ถ้าแม่รู้แม่คงรีบกลับมาแน่ ๆ ผมกลัวว่าอีทงเฮจะทำร้ายแม่ผมอีกคน

    แล้วคุณจะทำยังไง จะสู้เรื่องนี้ไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอ?

    ...

    ผมก็พยายามหาทางช่วยคุณอยู่...แล้วผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไปช่วยคุณด้วยตัวเองไม่ได้ เขาลดสีหน้าลงราวกับว่ารู้สึกผิดกับผมมาก

    ไม่เป็นไรครับ คุณไม่เห็นต้องขอโทษผมเลย

    ผมเองก็มีอีกงานที่ยังค้าง ๆ คา ๆ อยู่ คดีขนยาเสพย์ติดนั่นก็นับว่าเรื่องใหญ่เหมือนกัน

    ... คราวนี้เป็นผมแล้วล่ะครับที่ควรจะรู้สึกผิด ผมทำหน้าหงอยแล้วมองคนตรงหน้า

    ผมขอโทษครับคุณซีวอน ทั้งที่คุณมีงานที่ต้องทำ แต่คุณก็ยังมาช่วยผม

    มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษหรอกครับ ช่วยเหลือประชาชนคือหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว เขายิ้มแล้วติดแผลให้ผมจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเอากล่องพยาบาลไปเก็บ

    คุณดีกับทุกคนแบบนี้เลยเหรอ ผมถามไล่หลังคนที่กำลังง่วนอยู่ตรงตู้ยาสามัญประจำบ้าน เขาหันมามองผมแล้วหัวเราะเบา ๆ คุณเป็นคนดีจัง

    จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ครับ แต่จะว่าผมเป็นคนดีก็ไม่ถูก ผมคิดว่าที่ทำไปมันคือหน้าที่และจิตใต้สำนึกที่คนเป็นตำรวจควรจะมีเขาเดินกลับมานั่งข้าง ๆ ผมแล้วคว้าแก้วน้ำเปล่าให้ผมดื่ม

    ริมฝีปากของคนแห้งมาก ดื่มน้ำหน่อยนะครับจะได้สดชื่นขึ้น

    ผมโค้งหัวน้อย ๆ แล้วรับน้ำเปล่ามาดื่ม แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมเขาก็ยังสังเกตเห็น ไม่รู้สิครับ...ผมรู้สึกได้ว่าคุณซีวอนกับคุณคิบอมเป็นคนดีเหลือเกิน ผมรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่กับเขาทั้งคู่ ผมได้แต่ภาวนาว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงเร็ว ๆ นี้แม้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ยากก็ตาม...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เรานั่งคุยกันอยู่นานมาก ผมคิดว่านี่คงผ่านไปแล้วสักสี่ชั่วโมงเห็นจะได้ ตอนนี้คุณซีวอนอยู่ในครัว ผมได้กลิ่นหอมลอยออกมาข้างนอกแม้ว่านั่นจะเป็นเพียงแค่กลิ่นบะหมี่สำเร็จรูปที่ถูกต้มด้วยน้ำร้อนเท่านั้น คุณซีวอนเดินกลับมาพร้อมกับถ้วยบะหมี่สองถ้วย เขาวางลงตรงหน้าผมและเอาของตัวเองไปถือไว้

    ผมก็หิวเหมือนกัน ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เขาหัวเราะแล้วคีบบะหมี่ขึ้นมาเป่าสองสามทีแล้วกิน ผมมองคนข้าง ๆ ที่กำลังตั้งใจกินบ่งบอกว่าเขาหิวมากแค่ไหน ผมยิ้มบาง ๆ แล้วก็หันมาสนใจบะหมี่ของตัวเองบ้าง

    ขอบคุณนะครับคุณซีวอน

    อื้อ เขาตอบในลำคอทั้งที่ยังสูดเส้นบะหมี่เข้าปากอย่างต่อเนื่องหมดคราบมาดตำรวจหล่อไปโดยสิ้นเชิง

    เสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้าน ไม่นานนักคุณคิบอมก็เข้ามาพร้อมกับแฟ้มในมือ คุณซีวอนวางถ้วยบะหมี่ลงทันทีแล้วคว้าทิชชู่มาเช็ดปากก่อนจะรับแฟ้มที่คุณคิบอมยื่นให้

    ถ้าผมไม่เคยจีบพยาบาลที่นั่นนะ เรื่องคงยากกว่านี้ ที่โรงพยาบาลนี้เขี้ยวจริง ๆ คุณคิบอมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเอนหลังพิงพนัก

    โจคยูฮยอน...หมอกระดูกงั้นเหรอ?

    ได้ที่อยู่มาด้วยนะ แต่ดูเหมือนเขาจะมีบ้านหลายหลัง บางทีก็กลับบ้านแต่ส่วนใหญ่เขาจะอยู่ที่คอนโด พี่ลองอ่านดูแล้วกันคุณคิบอมพูด

    งั้นนายโทรให้ชางมินไปสืบดูว่าตอนนี้หมอคยูฮยอนอยู่ที่ไหน ส่งคนไปสังเกตการณ์ทั้งที่บ้านและคอนโดเลย คุณซีวอนเก็บแฟ้มแล้วสั่งงานกับอีกคน

    ได้ครับ ยังไม่ทันหายเหนื่อยคุณคิบอมก็ต้องออกไปข้างนอกอีกครั้ง ผมได้แต่มองตามจนกระทั่งเขาออกจากประตูบ้านไป

    ส่วนคุณพักอยู่ที่นี่ไปก่อน ผมว่าคงได้เบาะแสเร็ว ๆ นี้ คุณซีวอนพูดพร้อมกับเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบบางอย่างมา คุณต้องมีมันติดตัวเอาไว้ คุณซีวอนวางปืนพกขนาดเล็กกว่ามือผมลงบนโต๊ะ ผมเบิกตากว้างแล้วมองเขา

    ป...ปืน?

    ใช่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณจะได้ป้องกันตัว

    ต...แต่ผมไม่เคย ผมพูดตะกุกตะกัก ผมไม่เคยจับปืนเลยสักครั้งในชีวิต

    ตอนแรกผมว่าจะพาคุณไปอยู่ที่บ้านผมแต่ที่นั่นคงไม่ปลอดภัยเพราะถ้าอีทงเฮเขาคิดจะเล่นเกมกับเราจริง ๆ เขาคงไปที่นั่นแน่ แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะปลอดภัยเลยซะทีเดียวหรอกนะ แล้วผมกับคิบอมก็คงอยู่ดูแลคุณตลอดเวลาไม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณพกมันไว้ดีกว่าครับเขาเอาปืนกระบอกนั้นวางลงบนมือผม

    ...

    แล้วผมจะรีบกลับมา...อย่าเปิดประตูให้ใครทั้งนั้นเพราะว่าบ้านหลังนี้มีแค่ผมกับคิบอมที่มีกุญแจ เข้าใจไหม? คุณซีวอนจ้องผมด้วยแววตาจริงจัง ผมเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะกุมมือผมเอาไว้แล้วยิ้มบาง ๆ

     

     

     

     

     

     

    …To be continued…

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

    Talk

    ตอนนี้ไม่มีพระเอกของเราเลย คิดถึงกันไหม

    พี่ทงหายไปไหนน๊า ปล่อยให้พระเอกขี่ม้าขาวทั้งสองคนพาตัวฮยอกแจออกมาแบบนี้ได้ไง

    พี่ทง...หาย...ไป...ไหน...






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×