คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : DATE
Chapter 4
DATE
“มุมนี้ฉันว่าทงเฮมันหล่อว่ะ” <- อีทึก
“.................” <- ฮยอกแจ
“พี่ทงเฮเขาดูดีทุกมุมจริงๆ แหละฮะ ถ้าไม่ติดว่าเตี้ยนะผมว่าป่านนี้บทพระเอกพี่ซีวอนคงไม่ได้แง่บหรอก” <- รยออุค
“ฉันอยากเห็นหน้าฮยอกแจจัง ตอนนั้นนายทำหน้ายังไงอยู่เหรอไหนทำให้ฉันดูบ้างสิ” <- เยซอง
“นั่นไงๆ กล้องแพลนไปที่หน้าฮยอกแจแล้ว 5555555555555555” <- อีทึก
“โว๊ยยย!!!” ฮยอกแจดีดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับเปล่งเสียงออกมาอย่างเหลืออดเมื่อเขาทนดูเทป Hidden Camera ที่รายการ WGM แอบถ่ายเขากับทงเฮในห้องแต่งตัวต่อไปไม่ไหว นี่ไม่ใช่ครั้งแรก พี่อีทึกก็นั่งดูไปแล้วรอบหนึ่ง พอพวก K.R.Y. มาถึงก็แสดงความมีน้ำใจโดยการเปิดให้ดูอีกรอบ ช่างจิตใจดีเหลือเกิน
บ้าจริง ทำไมคนพวกนั้นถึงได้ทำร้ายเขาได้ทารุณถึงเพียงนี้ - -
“ซองมินอยู่ไหน” มองซ้ายขวาหาที่รองรับอารมณ์ แต่จะโดนซ้ำเติมอีกคนหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่วินาทีนี้อีฮยอกแจต้องการอีซองมินมากที่สุด
“ในที่สุดแกก็เล่นได้เป็นธรรมชาติสักทีนะฮยอกแจ”
“ธรรมชาติกับผีน่ะสิ - -”
“เพราะหลังกล้องมากกว่าฮะ ลองกลับไปหน้ากล้องผมก็ว่าเข้าอีหรอบเดิม รายการมันจะน่าเบื่อก็เพราะพี่ฮยอกแจนั่นแหละ”
“เฮ้ยอย่าไปดูถูกมัน ตอนนี้ฮยอกแจกับทงเฮมันปรับความเข้าใจกันแล้วนะ ต่อไปจะได้เสียเป็นเมียผัวกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“พี่อีทึก พี่ช่วยหุบปากแล้วไสหน้าไปไกลๆ พิกัดสายตาผมที” ฮยอกแจหรี่ตามองคนที่กำลังหัวเราะร่วนแล้วก็นึกหมั่นไส้ขึ้นมา
“Cuz you are so beautiful อยู่ข้างๆ ผมเท่านั้น คุณเป็นของผมเท่านั้น โอ๊ะโอ~” ฮยอกแจเลือดขึ้นหน้าเมื่อได้ยินอีทึกร้องเพลงที่ทงเฮบอกว่าแต่งให้เขาด้วยสีหน้ากวนประสาท
“คยูฮยอนกับซองมินมันไปซื้อของถึงไหน นานเกินไปแล้วนะ” เยซองมองนาฬิกาแล้วขมวดคิ้วเมื่อรุ่นน้องทั้งสองออกไปซื้อเครื่องดื่มมาพักใหญ่ๆ แล้วแต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะกลับมาเลย
“ผมว่าพี่ซองมินคงเดินเช็คเรตแจกลายเซนต์อยู่ เดี๋ยวก็ได้ตกเป็นข่าวกับพี่คยูฮยอนอีกคู่หรอก”
“ใครเมะใครเคะล่ะทีนี้? เพราะคู่ WGM ของฮยอกแจแท้ๆ เลยนะ ดาราหลายคู่ถึงได้ออกตัวแรงล้อฟรีเผยตัวให้ allkpop ได้ลงข่าวฉาวไม่ซ้ำวัน ฉันสะพรึงตั้งแต่คู่ยูชอนกับแจจุงแล้ว”
“ข่าวล่าสุดนี่ทำฉันเข่าอ่อนเลยล่ะเกลอเอ๋ยหลังจากเห็นเฮนรี่ประกาศว่าคบหากับแอมเบอร์อยู่น่ะ อา...ความวายมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ” อีทึกพูดพลางส่ายหน้าปลงกับโลกที่แสนยุ่งยากใบนี้
“พี่อีทึกฮะ แอมเบอร์เธอเป็นผู้หญิงนะฮะ”
“อ้าวเรอะ! 555555555555555”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งจนทำให้ฮยอกแจทนอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตกเป็นประเด็นต่อไปไม่ไหว ร่างบางสวมรองเท้าแล้วออกมาข้างนอกห้องก่อนจะเดินไปสุดตรงทางเดินที่มีกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงโซล ช่วงนี้เขาชักจะติดมือถือเกินไปแล้ว เผลอเป็นไม่ได้ต้องหยิบมันขึ้นมาดูอยู่ตลอด บางครั้งก็หลอนว่ามันสั่นเองและคิดว่าใครอีกคนส่งข้อความมาแต่ก็ไม่ใช่ ก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้นักหรอกถ้าทงเฮไม่ส่งข้อความมาวันละสามเวลาทุกวันตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วพอวันนี้ยังไม่ได้รับข้อความสักฉบับมันคงไม่แปลกอะไรใช่ไหมถ้าเขาจะอยู่ในอาการแบบนี้
ตอนนี้ทงเฮกำลังทำอะไรอยู่?
เอาไงดีนะ...ถ้าส่งข้อความไปหาก่อนจะดูเหมือนอ่อยไปหรือเปล่า?
“นี่”
“เฮ้ย!” ฮยอกแจผงะจนซัมซุงกาแล็คซี่เอสสามที่เพิ่งถอยมาหยกๆ เกือบร่วงลงพื้น พลันหันกลับไปก็เห็นเพื่อนสนิทกำลังยืนมองเขาอยู่
“มาแล้วเหรอ” ฮยอกแจยิ้มแห้งๆ ให้คนที่ทำหน้านิ่งราวกับจับพิรุจเขาอยู่
“อืม คยูฮยอนมันแวะซื้อของอยู่ซุปเปอร์ข้างล่างฉันเลยขึ้นมาก่อน ว่าแต่นายมายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวน่ะ?”
“ยืน...อ๋อ ฉันกำลังยืนดูวิวทิวทัศน์เกาหลีตอนบ่ายๆ ไง สวยดีนะมาดูสิ” กอดคอเพื่อนสนิทที่ระดับความสูงเท่ากันเข้ามาใกล้ก่อนจะทอดสายตาออกไปข้างนอก ซองมินมองคนข้างๆ ที่กำลังยิ้มอยู่แล้วก็ยิ้มตามโดยไร้สาเหตุ
ทั้งที่กำลังรู้สึกแย่เพราะ Hidden Camera EP ล่าสุดจนไม่สามารถทนอยู่สังสรรค์กับรุ่นพี่ต่อไปได้ อีซองมินอาสาลงไปซื้อของโดยมีโจคยูฮยอนที่เสนอตัวลงมาเป็นเพื่อน แต่ความทุกข์ในใจก็หายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่พบว่าคนที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้คือคนที่เป็นทุกอย่างของเขา
“ฮยอกแจ”
“อื้อ ว่าไง”
“ฉันได้ดู EP ล่าสุดแล้วนะ” ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดอย่างนั้น ตอนแรกก็เห็นเหมือนซองมินจะไม่สนใจ ไม่คิดว่าเจ้านี่จะดูแฮะ ฮยอกแจมองอีกคนด้วยหางตาก่อนจะหัวเราะแห้งๆ พลางเกาหัวแก้เขิน
“ใครๆ ก็ได้ดูแล้วทั้งนั้นแหละ หนำซ้ำพี่อีทึกยังเปิดยูทูปให้พี่เยซองดูซ้ำอีกต่างหาก มันตลกใช่ไหมล่ะ นายมาเพื่อจะล้อฉันล่ะสิ”
“ฉันไม่เคยคิดที่จะล้อนายหรอกนะ” ซองมินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทั้งที่กำลังจ้องใบหน้าอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นแต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้ตัว
“หวั่นไหวแล้วใช่ไหม”
“ห...ห๊ะ?” ร่างบางเบิกตาโพลงก่อนจะหันมามองใครอีกคน ซองมินพยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ไม่อยากให้ฮยอกแจคิดว่าเขากำลังเค้นเอาคำตอบอยู่แต่คำถามที่ต้องการคำตอบในตอนนี้เขาก็ต้องการที่จะได้ยิน...
จะตอบยังไงดีล่ะ เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้อีฮยอกแจเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่แน่ใจเลยสักนิด...ว่าหวั่นไหวกับอีทงเฮไปแล้วหรือยัง
“เฮ้ย พูดอะไรอย่างนั้น ตลกน่า” ฮยอกแจหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่ความรู้สึกมันเบนไปอีกทาง ซองมินวางมือลงบนไหล่บางก่อนจะบีบเบาๆ หวังเตือนให้อีกฝ่ายรู้ตัวกับสิ่งที่เขาได้ยินมา
“ถ้านายจะคิดเล่นๆ เพื่อเรียกเรตติ้งรายการฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้านายจริงจังขึ้นมาเมื่อไหร่ฉันก็อยากจะเตือนไว้อย่าง”
“ซองมินอา~ นายดูเครียดๆ นะ ฉันไม่อยู่นายเลยเหงาใช่ไหมล่ะ” ฮยอกแจหัวเราะก่อนจะสวมกอดเพื่อนสนิทแล้วตบหลังปุๆ ใบหน้าเรียวได้รูปดูนิ่งเฉยก่อนจะกอดตอบร่างบางแล้วกระซิบข้างหู
“อีทงเฮน่ะ...ไม่ได้เล่นกับนายแค่คนเดียวหรอกนะฮยอกแจ...”
.
.
ในมินิมาร์ทขนาดเล็กใครคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่โซนขนมทั้งที่ปากก็ขยับพำพึมไม่หยุด ส่วนมือก็ทึ้งหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง ใครเดินผ่านไปมาต่างมองเด็กหนุ่มด้วยความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นนักร้องบัลลาดชื่อดังก็ยังคงพยายามสงบสติอารมณ์อยู่เงียบๆ คนเดียว
“จะทำไงดี...ถ้าขึ้นไปตอนนี้มันต้องเป็นจุดเด่นแล้วพี่อีทึกก็ต้องมองเราแน่เลย”
“รู้งี้ให้พี่ซองมินยืนรอก็ดีหรอก...เวรกรรมแท้ๆ เลม่อนทีโซดาดันหมดอีก นี่กะลงมาเพื่อซื้อของโปรดให้พี่อีทึกเลยนะ...”
“ถ้าเราหาเลม่อนทีโซดาให้พี่อีทึกไม่ได้ เราก็คงเอาชนะใจเขาไม่ได้เหมือนกัน เอาล่ะ! เดินหอบของพวกนี้ไปสาขาอื่นก็ได้” พูดพร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้นแล้วถือถุงพะรุงพะรังไว้ในมือแต่ก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเกือบชนใครก็ไม่รู้เข้าให้
“ขอโทษครับ” คยูฮยอนโค้งหัวขอโทษอีกฝ่ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณ”
“คุณ?”
ทั้งคู่อุทานออกมาพร้อมกันก่อนจะขมวดคิ้วพลางชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย คุ้นหน้าแฮะ...ว่าแต่เป็นใครกันนะ
“ชเวซีวอน! ใช่แล้ว คุณคือชเวซีวอนใช่ไหม?” เด็กหนุ่มเบิกตาโพลงพร้อมกับชี้หน้าร่างสูงย้ำๆ เจ้าของชื่อเลิกคิ้วมองก่อนจะหันไปมองซ้ายขวาสังเกตว่ามีคนมองอยู่หรือเปล่าแล้วก็หันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้งแล้วยักไหล่ไม่ใส่ใจ
“ให้ตายเถอะ คุณอยู่คอนโดนี้เหรอเนี่ยบังเอิญจัง คุณรู้จักผมไหม ผมโจคยูฮยอนไง” คยูฮยอนยื่นมือออกมาข้างหน้าหวังจะทำความรู้จักกับดาราหนุ่มที่ไม่ได้โด่งดังแค่ในเกาหลี ตอนนี้ชเวซีวอนโด่งดังไปถึงไต้หวันแล้วด้วย
“โจคยูฮยอนงั้นเหรอ...” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ร่างโปร่งเห็นอย่างนั้นเลยต้องเอนหลังถอยออกแล้วมองอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ
“ผมไม่รู้จักคุณแฮะ คุณเป็นใครสักคนในรายการ Korean GAG หรือเปล่า?”
“= =!!!”
วะ...ว่าไงนะ?
หน้าตาหล่อๆ อย่างเขาน่ะเหรอจะไปแสดงตลกแบบนั้น บ้าไปแล้วครับคุณซุปเปอร์สตาร์!
“ผมโจคยูฮยอนนักร้องบัลลาดวง K.R.Y. คุณไปอยู่โลกไหนมาถึงได้ไม่รู้จักผมเนี่ย”
“หืม? ถ้าจะแนะนำตัวถึงขนาดนั้นคุณก็ต้องแนะนำให้เต็มสิ อืม...เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่ายังไงนะ...โจคยูฮยอนผู้หวังจะเอาชนะใจพี่อีทึกงั้นเหรอ...”
“(=[]=!!) เฮ้ย!!!”
“เดี๋ยวนะ...พี่อีทึกที่ว่านี่คงไม่ใช่...”
“มะ...ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก คืองี้...ผมน่ะจะ...”
“ปาร์คจองซู...สินะ?”
“=[]=!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เฮื้อออออออออออว์ บอกเขาทีว่าคนตรงหน้าตอนนี้เป็นเพียงแค่ไอดอลศิลปิน ไหงอยู่ดีๆ ถึงได้มาอ่านใจคนอื่นได้ทะลุปรุโปร่งแบบนี้ ไหนจะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มีลักยิ้มติดอยู่ตรงมุมปากนั่นอีก จริงอยู่ที่เขาน่ะชอบลักยิ้มของพี่อีทึกมากเรียกได้ว่าขั้น Addict เลยล่ะ แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มแบบนี้ ไม่ ไม่ และไม่!
“เหมือนจะเคยได้ยินมาว่านักร้องวง K.R.Y. มีพี่เยซองกับรยออุคแต่อีกคนนี่แทบจะจำไม่ได้เพราะไม่มีจุดเด่น...นั่นคือคุณเองเหรอ?”
“พูดอะไรอ่ะผมน่ะเด่นที่สุดแล้ว ถ้าคุณไม่มีเวลาดูทีวีก็ไม่ควรพูดหยาบคายแบบนี้กับผมสิ -_-”
“มันก็จริงอย่างที่คุณพูด ผมไม่ค่อยมีเวลาเพราะงานรัดตัวมาก จะให้มาเดินเลือกเลม่อนทีโซดาเพื่อเอาชนะใจคนที่แอบชอบก็คงไม่ได้” ร่างสูงยักไหล่ก่อนจะเดินแทรกไป คยูฮยอนได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อ้าปากค้างก่อนจะกำถุงพลาสติกในมือไว้แน่นแล้วเดินจ้ำอ้าวไปหยุดอยู่ข้างหลังคนที่กำลังเลือกน้ำดื่มอยู่ด้วยสายตาอำมหิต
“มีอะไรครับ?”
“คุณนี่นะ...หน้ากล้องกับหลังกล้องนี่อย่างกะฟ้ากับเหว -_-+” แววตาอาฆาตถูกส่งไปยังคนตรงหน้า พอๆ กันกับพี่ทงเฮไม่มีผิด ครั้งหนึ่งผู้ชายคนนั้นเคยทำท่าว่าจะจีบเขา แต่สุดท้ายก็แค่แกล้งอำเล่น -_-
ซีวอนได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มขำก่อนจะหยิบขวดนมสดยัดใส่คอเสื้ออีกคน (ย้ำว่าคอเสื้อ)
“ดื่มนมบ้างนะครับจะได้โตไวๆ” ตบบ่าร่างโปร่งสองทีก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ คยูฮยอนก้มลงมองกล่องนมสดที่เหน็บอยู่กับคอเสื้อเขาอย่างลำบากแล้วก็เลือดขึ้นหน้า อื้อหือ...ชเวซีวอนจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ
ปุ...
คยูฮยอนวางขวดสีเข้มลงตรงหน้าเคาน์เตอร์ขณะที่แคชเชียร์กำลังคิดเงินให้ร่างสูงอยู่ ซีวอนหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังปั้นหน้าหยิ่งก่อนจะหันไปสบตากับแคชเชียร์
“คุณคนนี้เขาลืมหยิบไอ้นี่มาด้วยน่ะ คิดเงินเลยครับคิดเลย” ผายมือส่งๆ ให้กับพนักงานก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่ร่างสูง ซีวอนหยิบขวดนั่นขึ้นมาแล้วอ่านยี่ห้อและสรรพคุณ
“เปปทีนน่ะครับคุณซีวอน ดื่มทุกวันสิจะได้ฉลาดๆ”
“................”
“ชอบล่ะสิครับ -.-”
“งั้นรบกวนหยิบมาให้ผมอีกสักโหลได้ไหมครับคุณคยูฮยอน?” รอยยิ้มพระเอกระบายให้กับคนตรงหน้าจนแคชเชียร์แทบจะระทวยตรงนั้น คยูฮยอนพยักหน้ารับอย่างรู้งานก่อนจะเดินไปรวบขวดเปปทีนมาวางกองตรงหน้าเคาน์เตอร์
“แยกถุงให้ด้วยนะครับ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดกับแคชเชียร์ก่อนที่เธอจะพยักหน้ารับ คยูฮยอนที่ยืนถือตะกร้าอยู่ข้างๆ กำลังหัวเราะอยู่ในใจภายใต้ใบหน้าระรื่นนั่น สุดท้ายชเวซีวอนก็เถียงไม่สู้เขา
“โหลนี้ผมซื้อให้คุณ จะดื่มวันละสองขวดก็ได้นะครับเพราะผมคิดว่าอย่างคุณขวดเดียวมันคงไม่พอหรอก” หนุ่มซุปเปอร์สตาร์ยิ้มแล้วคว้าถุงที่คิดเงินแล้วเดินออกจากมินิมาร์ทไปปล่อยให้ใครอีกคนยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น
“จะคิดเงินเลยไหมคะคุณคยูฮยอน...........”
“.........................คิดครับ คิดแน่”
.
.
พอกลับไปบนห้องของรุ่นพี่ คยูฮยอนก็ยังคงมุ่ยหน้าไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ ถือข้าวของพะรุงพรังเข้ามาด้านในก่อนจะหยุดชะงักเมื่อทุกสายตาจดจ้องมาที่เขาเพียงคนเดียว
“นี่ไง โจคยูฮยอนที่ยู่วงเดียวกับพี่” <- เยซอง
“คยูฮยอนนา~ มานั่งตรงนี้เร็วเข้า พี่ซีวอนซื้อพิซซ่ากับขนมมาเยอะเยอะเลย”
ขณะที่กำลังยืนแข็งทื่อเพราะเห็นหน้าคนตัวสูงที่กำลังนั่งเล่นไอแพดอยู่บนโซฟา ก็ได้รำพันกับตัวเองว่าชีวิตนี้หนอมันช่างดราม่ายิ่งนัก ทำไม...ทำไมไอ้ขี้เก๊กนั่นต้องรู้จักพี่ๆ ของเขาด้วย
“พี่ช่วย” คยูฮยอนหน้าขึ้นสีเมื่อใครอีกคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับรับของไปถือให้ ความหงุดหงิดเมื่อครู่ได้หายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ประโยคสั้นๆ แค่นั้นน่ะหรือ...คยูฮยอนมองตามรุ่นพี่ที่แอบชอบจนเกือบลับสายตาไปในห้องครัวแล้วก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกใครสะกิดเข้า
“ไหนอ่ะชาเขียวของฉัน” รยออุคที่กำลังเคี้ยวพิซซ่าแก้มตุ่ยกระพริบตาปริบๆ พลางแบมือออกมา คยูฮยอนเหมือนคนสติหลุดแต่ก็ยังคงล้วงถุงแบบสั่วๆ แล้วหยิบอะไรไม่รู้ขึ้นมาให้เขา
“คยูฮยอน ฉันไม่ได้สั่งเปปทีนนะ” ทันใดนั้นร่างโปร่งก็กลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริง ก้มลงมองถุงที่ถืออยู่แล้วก็พบว่ามีเปปทีนยั้วเยี้ยะอยู่เต็มไปหมด (ใช้คำว่ายั้วเยี้ยะ) พอเห็นอย่างนั้นแล้วความฟินที่กำลังมีอยู่ก็มลายหายไปเพราะหมอนั่น
“อ้าวซีวอน?” เจ้าของชื่อยิ้มกว้างเมื่อเห็นฮยอกแจเดินเข้ามาพร้อมกับซองมิน ซีวอนหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอดร่างบางด้วยความคิดถึง
“อะไรจะคิดถึงกันขนาดนั้น” อีทึกที่เดินออกมาพร้อมกับขวดโค้กในมือแอบแซะคู่เพื่อนสนิทนี่ไปหนึ่งดอก ฮยอกแจหัวเราะก่อนจะผละตัวซีวอนออกเล็กน้อย
“ว่าไงคนดัง”
“ฉันคิดถึงนาย” พอได้ยินคำนี้ฮยอกแจแค่นหัวเราะทันที ผลักไหล่ไอ้คนปากหวานก้นเปรี้ยวออกแล้วเดินแทรกตัวไปโดยที่มีซองมินเดินตามหลังมา
“อะไรกัน ฉันอุตส่าห์มาหานายถึงที่นี่เลยนะ สนใจกันบ้างสิ ไงซองมิน?”
“อืม หวัดดี”
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ตอนแรกฉันกะจะไปเซอร์ไพร์สนายที่เรือนหอแต่ไม่มีใครเปิดประตูให้เลยโทรหาพี่อีทึกน่ะ”
“นี่นายไปหาฉันมาเหรอไง ไม่ต้องหวังดีช่วยเพิ่มเรตติ้งให้ฉันก็ได้นะแค่นี้ฉันก็โดนโจมตีอย่างหนักหน่วงแล้ว ถ้าเจอแฟนคลับนายอีกกลุ่มนี่ส่งฉันไปบวชหลังเขาเถอะ” ฮยอกแจคว้าพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นก่อนจะบีบซอสมะเขือเทศลงไปทั้งที่ยังมองหน้าเพื่อนสนิทอยู่ ซีวอนหัวเราะร่าพลางมองตามคยูฮยอนที่กำลังเดินดุ่มๆ เข้าไปในครัว
“ดีซะอีกฮะ จะได้มีประเด็นมือที่สาม เรียกเรตติ้งได้ทุกคนเลย”
“ขอบใจ แต่ไม่ต้อง”
ก๊อกๆ
ทุกสายตาหันไปมองที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะจากทางด้านนอก ฮยอกแจวางพิซซ่าลงก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้แต่ก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเห็นใครคนหนึ่งอยู่ตรงหน้า
“บริการส่งดอกไม้ครับ~”
ฮยอกแจขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อตอนนี้ดอกไม้ช่อใหญ่ได้อยู่ไม่ห่างจากใบหน้าเขานัก ช่อดอกไม้ค่อยๆ ลดลงเผยให้เห็นใบหน้าทะเล้นของใครคนหนึ่ง คนที่เขาไม่ได้เจอหน้ามาหลายวันแล้ว...ฮยอกแจที่ยังอยู่ในสถานภาพช็อคอยู่ได้เพียงแค่รับดอกไม้มาถือไว้ก่อนจะหันไปเห็นตากล้องที่อยู่ข้างหลัง
“ดีใจจนที่ได้เจอผมจนทำอะไรไม่ถูกเลยเหรอ”
“มั่นหน้ามากจ้า” เสียงอีทึกพูดแทรกขึ้นมานั้นเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ทงเฮชะเง้อหน้าเข้าไปข้างในพร้อมกับโบกมือทักทายรุ่นพี่และเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงด้วยสีหน้าระรื่นเกินเหตุในขณะที่ฮยอกแจได้เพียงแค่ยืนค้างอยู่ตรงนั้น
“ยอรอบุน อันนยอง~”
“จ้าอันนยองจ้า”
“ผมเข้าไปข้างในได้ใช่ไหม~” ทงเฮตะโกนเข้าไป อีทึกกับซีวอนพยักหน้าส่งๆ โดยมีเยซองและรยออุคกวักมือเรียกให้เข้าไปร่วมวงด้วยกัน
“ยอโบ ผมเข้าไปนะ” จ้องหน้าร่างบางแล้วทำตาปริบๆ ฮยอกแจขยับปากบ่นอุบอิบเมื่อเห็นหน้าปลาๆ ของคนเจ้าเล่ห์...ที่ไม่ส่งข้อความมาก็เพราะจะมาหาเขานี่เองสินะ
“น่าจะบอกกันก่อน ดูสภาพห้องตอนนี้สิ เฮ้ทุกคน! ห้ามเล่นอบายมุขนะมีตากล้องมาด้วย” ฮยอกแจตะโกนบอกคนที่อยู่ด้านในเมื่อตากล้องส่งสัญญาณให้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงถ่ายทำ ถึงมันจะเป็นรายการที่ไม่ต้องพึ่งสคริปท์ แต่เขาก็ไม่ควรให้สื่อและแฟนคลับเห็นสภาพเขาและเพื่อนๆ แบบนี้
ไหนจะของมึนเมาเอย ข้าวของที่ยังไม่ได้เก็บเอย สารพัด - -
“ถ้าผมบอก ยอโบก็ต้องตั้งหลักรอผมน่ะสิ แบบนี้น่ะดีแล้ว” ทงเฮยักคิ้วพลางโอบไหล่คุณภรรยาเข้าไปข้างในโดยที่มีตากล้องเดินตามเข้ามาติดๆ ฮยอกแจฟาดลงที่มืออีกคนแล้วชักสีหน้าใส่หากแต่คุณสามีหรือจะสนใจ หนำซ้ำยังปั้นหน้าทะเล้นใส่อีกด้วย เสียงโห่แซวของคนที่นั่งกินพิซซ่ากันอยู่ทำให้ฮยอกแจอยากเอาหัวมุดไหกิมจิเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“สวีทเกินไปป่ะ เกรงใจกันบ้างสิ”
“ผมยังไม่มีแฟนนะพี่ฮยอกแจ”
“พีดีครับ ไม่สนใจทาบทามผมไปออกรายการนี้บ้างเหรอ ผมเป็นเจ้าบ่าวที่ดีได้นะ”
“เอาเวลาไปช่วยพ่อขายแว่นต่อเถอะเยซอง”
“5555555555555555555555”
แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับคนสองคนที่นั่งลงบนพื้นห้อง ฮยอกแจแกะมือทงเฮ ออกจากไหล่เขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ทงเฮก็ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจ
“มารับคุณภรรยากลับบ้านเหรอครับคุณสามี?” อีทึกถามพร้อมกับกระดกโค้ก
“เปล่าครับ ผมจะมารับฮยอกแจไปเดทน่ะ”
“โอ้โห...เดทซะด้วย”
“ฉันไปด้วยสิ ฉันก็อยากเดทกับฮยอกแจเหมือนกันนะ” ซีวอนยิ้มขำก่อนจะยกมือขึ้นตั้งการ์ดเมื่อทงเฮทำท่าง้างหมัดขึ้นมา
“ไม่ได้ นายก็ชวนคนที่ไม่ใช่ภรรยาคนอื่นไปสิ”
“โห ตั้งแต่ได้รับบทพระเอกเต็มตัวนี่เอาใหญ่เลยนะครับ” ซีวอนแค่นหัวเราะขณะมองหน้าเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งแสดงละครจบไปด้วยกัน
“เดทอะไร” ฮยอกแจขมวดคิ้วถามก่อนจะได้คำตอบเป็นซองจดหมายคุ้นหน้าคุ้นตา...อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นภารกิจนี่เองสินะ
‘คู่รักปลาน้อยควรหาเวลาไปออกเดทกันได้แล้วนะ’
“อู๊ววว์~” เป็นเสียงอีทึกที่แซวขึ้นมาหลังจากได้ยินชื่อคู่ที่ได้ยินแล้วต้องลูบต้นแขน ในขณะที่คนอื่นๆ ได้เพียงแค่นั่งมองคู่รักทั้งสองกับภารกิจที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อครู่
“ชื่อคู่นี่ใครช่างคิดนะ เห่ยชะมัด” <- ซีวอน
“ฉันเองแหละ มีปัญหาอะไรเหรอไง” ทงเฮหรี่ตามองคาดโทษอีกฝ่าย
“งั้นก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ...” ซีวอนยักไหล่ก่อนจะหันไปสะดุดตากับใครอีกคนที่นั่งเยื้องไปไม่ไกลนัก โจคยูฮยอนเด็กหนุ่มที่ทำตัวเรื่องมากในมินิมาร์ทนั่นกำลังทำท่าเฉือนคอเขา
“อ๋า...แต่ยอโบกินพิซซ่าไปแล้วนี่...” ทงเฮท้วงขึ้นมาเมื่อเห็นร่างบางทำท่าจะหยิบพิซซ่าขึ้นมากิน
“แล้วยังไง” ฮยอกแจขมวดคิ้วมองคนข้างๆ ที่ทำหน้าหงอยเห็นแล้วหมั่นไส้จนอยากเข้าไปผลักหัวแรงๆ ทำท่าแบบนี้อีทงเฮคงยังไม่ได้กินอะไรล่ะสิ
“แล้วผมจะกินกับใครกันล่ะ...”
“ก็กินด้วยกันเลยสิ พิซซ่าเหลืออีกตั้งเยอะแยะ”
“แต่เรามีเดทกันนะยอโบอ่า~”
“โอเค งั้นผมไม่กินแล้วก็ได้ - -” ฮยอกแจวางพิซซ่าลงแล้วดึงทิชชู่มาเช็ดมือสองสามแผ่น ริมฝีปากหยักยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยท่ามกลางเสียงโห่ของคนรอบข้าง
“ไปเถอะ พิซซ่าฮาวายเอี่ยนกำลังจะกลายเป็นพิซซ่าฮาวายเลี่ยนเพราะนายสองคนแล้ว”
“พี่เยซองกำลังไล่ผมเหรอครับ -.-”
“ถ้าบอกว่าใช่ ฉันจะถูกตัดออกจากรายการ Immortal Song2 หรือเปล่าวะทงเฮ?”
“โดนแน่ๆ ยอโบอ่า...เราไปเดทกันเถอะนะ”
“เดท...จะไปที่ไหนกันล่ะ?” ฮยอกแจมองคนข้างๆ ที่ไม่ยอมตอบคำถามเอาแต่ยิ้มแล้วพยักหน้ารัวๆ ไม่หยุด
“เดทของเราสองคนจะไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน เชื่อผมสิ”
.
.
ตัดภาพมาอีกที...
ตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังอยู่บนรถเมล์ที่นั่งเบาะหลังสุดแถมข้างหน้าก็ไม่มีใครเลยสักคนนอกจากตากล้องที่จับภาพเขาอยู่และคนขับรถเมล์เท่านั้น ฮยอกแจหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังพ่นไอน้ำลงบนกระจกแล้วเขียนว่า ‘เฟิร์สเดทของคู่รักปลาน้อย แทบั๊ค!’ แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
“ทงเฮ”
“จ๋ายอโบ?”
“เราจะไปไหนกัน” ฮยอกแจถามคนที่เอาแต่ยิ้มมาตลอดทั้งทาง เหมือนกับว่าทงเฮจะเตรียมตัวสำหรับเดทนี้มาพร้อมเสร็จสรรพ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องขึ้นรถเมล์ให้เหล่าแฟนคลับวิ่งตามเหมือนวัวกระทิงเห็นผ้าแดงด้วย
“เราจะนั่งรถเมล์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสุดสาย...เป็นไงล่ะ โรแมนติกสุดๆ เลยใช่ไหม?”
ฮยอกแจตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ทีหนึ่งแล้วหันไปถอนหายใจใส่คุณสามีที่พยายามทำตัวโรแมนติกแต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด ไม่ทราบว่าการนั่งรถเมล์ไปสุดปลายสายนี่มันโรแมนติกตรงไหนครับ?
“ถ้าเกิดเรานั่งรถส่วนตัวกันไปมันก็ยังไงๆ อยู่ ถ้าผมเป็นคนขับผมก็ไม่ได้นั่งจับมือยอโบแบบนี้” พูดจบก็กุมมืออีกคนมาวางบนตักตัวเองแล้วประสานกันไว้แน่น ฮยอกแจก้มลงมองมือตัวเองพลางช้อนตามองอีกคน
[ ตัดภาพไปตอนสัมภาษณ์ ]
อึนฮยอก : ผมไม่เคยเข้าใจทงเฮเลยครับ ในสายตาผม...เขาเป็นคนที่ไร้ความโรแมนติกมาก เอ่อ...ผมหมายถึงเวลาที่เขาพยายามจะทำอะไรแบบนั้นน่ะ แต่น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกเขินเวลาที่เขาไม่ได้ตั้งใจทำ (หัวเราะ)
ทงเฮ : มืออึนฮยอกนิ่มมากเลยครับ ผมกุมมือเขาตลอดทั้งทางเลยล่ะ
[ ตัดฉาก ]
“นายเหมารถเมล์คันนี้มาเหรอทำไมถึงไม่มีคนขึ้นมาเลยล่ะ”
“จะเรียกว่าเหมาก็คงไม่ถูก ผมแค่ต้องการความเป็นส่วนตัว PD เลยติดป้ายตรงประตูไว้ว่า SPECIAL WGM คันนี้งดให้บริการ”
“-_- แล้วแบบนั้นมันไม่เรียกว่าเหมาเหรอไง”
“โอ๊ะ! นั่นไง สุดปลายสายแล้วล่ะยอโบ ไปกันเถอะ คาจ้า~!” เป็นการแถที่ทำให้ฮยอกแจหรี่ตามองร่างหนาด้วยหางตา ทงเฮจูงมือร่างบางลงจากรถเมล์โดยที่ไหล่อีกข้างของเขาได้สะพายกระเป๋าเป้สีดำไว้อยู่
กระแสลมพัดผ่านทำให้ฮยอกแจต้องกอดตัวเองไว้เพื่อคลายความหนาว เบื้องหน้าคือทะเลยามเย็นที่กำลังส่องแสงสีส้มไปทั่วท้องฟ้าและกำลังทำท่าว่าจะจมหายลับหายไป
“ยอโบอ่า...”
“หืม...อ่ะ?” ฮยอกแจเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ใครอีกคนก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับถอดผ้าพันสีเข้มคอออกแล้วพันให้กับเขา
“ที่นี่มันอาจจะหนาวไปสักหน่อย แต่ผมชอบทะเลมาก เลยอยากให้ยอโบมาที่นี่ด้วยกัน”
“แล้วนายไม่หนาวหรือไง?”
“หนาวสิ ที่ถามเพราะยอโบจะแบ่งผ้าพันคอให้ผมครึ่งนึงใช่ไหมล่ะ -.-”
“เพี้ยน ถ้าจะทำแบบนั้นผมคืนให้นายซะยังจะดีกว่า”
“ใจร้ายจัง ผมหนาวจะตายอยู่แล้วนะ” ทงเฮเบะปากเหมือนเด็กๆ ฮยอกแจได้เพียงแค่หันซ้ายขวา แล้วก็พบว่าตากล้องยังคงจับภาพเขาอยู่ เอามือดันหน้าคนทะเล้นเบาๆ ทีหนึ่งด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้น้ำเสียงเง้างอนกับสีหน้าแบบนั้นมีสักครั้งไหมที่ฮยอกแจจะไม่ใจอ่อน
“อุ่นขึ้นหรือยัง” กุมมือหนาเอาไว้แล้วเอามาสอดในกระเป๋าเสื้อโค้ทตัวเองข้างหนึ่ง ทงเฮเลิกคิ้วมองแล้วค่อยๆ ยิ้มออกมา
“ยัง”
“งั้นก็เอาผ้าพันคอคืน...” ยังพูดไม่ทันจบคนตรงหน้าก็เข้ามาสวมกอดเขาเสียแล้ว นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงเมื่ออีกฝ่ายกระชับกอดเขาแน่นยิ่งขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็นพอได้รับอ้อมกอดแบบนี้แล้วอีฮยอกแจปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันอบอุ่นมากแค่ไหน สองมือยังคงวางไว้ที่ข้างตัวอย่างในทีแรก ไม่ได้กอดตอบไปเพราะกลัวใจตัวเอง...
กลัวว่าจะเป็นเขา...ที่ไม่อยากผละตัวออกมา...
“อุ่นไหม?”
“อื้ม อุ่น”
“ผมก็อุ่นเหมือนกัน” น้ำเสียงทะเล้นทำให้ฮยอกแจต้องแอบเบือนหน้าหลบกล้องไปเพราะกลัวว่าจะถูกจับภาพได้ในตอนนี้...
กลัวถูกจับได้...ว่าเขากำลังยิ้มอยู่...
โคร่กกก...
“โอ๊ะ! นั่นเสียงท้องยอโบเหรอ!?”
“เปล่านะ เสียงท้องนายต่างหาก”
พอได้ยินอย่างนั้นไอดอลหนุ่มก็ก้มลงมองท้องตัวเองก่อนจะลูบมันเบาๆ เหมือนผู้หญิงกำลังตั้งท้อง ฮยอกแจอมยิ้มกับท่าทางที่เหมือนเด็กไม่รู้จักโตของซุปเปอร์สตาร์ที่สาวๆ ต่างหลงใหล เวลาอยู่กับเขาอีทงเฮก็เป็นแค่เด็กน้อยประถมเท่านั้นแหละ ทงเฮเงยหน้ามองร่างบางที่กำลังมองเขาอยู่แล้วก็ยิ้มออกมา
“สงสัยว่าผมจะหิวแล้วล่ะ”
“ทำไงดีล่ะ แถวนี้ดูเหมือนจะไม่มีร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อซะด้วยสิ” ฮยอกแจพูดพร้อมกับหันไปดูสภาพแวดล้อมรอบข้าง ตอนนี้มีเพียงแค่ถนน หาดทราย ทะเล เท่านั้น
“เราไม่ต้องพึ่งร้านอาหารพวกนั้นหรอกยอโบ”
“หือ...” ฮยอกแจขมวดคิ้วพลางหันมามองคนตรงหน้าที่กำลังจูงมือเขาไปที่หาดทราย ขาเรียวหยุดยืนกับที่แล้วมองไอดอลหนุ่มที่กำลังรูดซิปกระเป๋าเป้ออกพร้อมกับเอาเสื่อปูมากาง แต่ยังไม่ทันไรฮยอกแจก็ต้องถลาเอาเท้าไปเหยียบเสื่อเอาไว้เพราะกระแสลมกำลังจะพัดมันปลิวไป ทงเฮหันมาหัวเราะพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้เขาราวกับว่าอีฮยอกแจได้ทำภารกิจอันใหญ่หลวงลุล่วงก่อนระเบิดจะทำงาน - -
“นายต้องหาอะไรไปทับมุมนั้นไว้ด้วย” ฮยอกแจพูดขณะที่เขากำลังเอากระเป๋าเป้ของตัวเองวางทับหัวมุมเสื่อเอาไว้ ทงเฮเบะปากเมื่อเห็นคนตรงหน้าแย่งซีนเขาซะดื้อๆ ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องทำให้ยอโบประทับใจแท้ๆ เชียว
ทงเฮนั่งลงบนเสื่อพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลงบนตัก ฮยอกแจต้องหรี่ตาลงพร้อมกับเบี่ยงหน้าหลบกระแสลมแรงที่พัดมาราวกับพายุไต้ฝุ่นเข้าเกาหลีใต้ ตอนนี้เสียงไมค์ที่ปกเสื้อเขามีแต่เสียงลมสาดเข้าไปไม่หยุด
“วันนี้ผมพาเชฟจากภัตราคารชื่อดังมาด้วย”
“นายว่าไงนะ?!” ฮยอกแจเงี่ยหูเข้าไปใกล้ๆ ทงเฮ สถานการณ์ตอนนี้มันชักจะยังไงๆ แล้วล่ะครับ ลมก็แรงแถมหนาวจนมือแข็งแบบนี้อีก อีทงเฮคิดอะไรอยู่นะ -_-
“ผมบอกว่า...จุ๊บ!” ร่างบางดีดตัวออกพร้อมกับผลักหน้าคนเจ้าเล่ห์จนเซล้มลงไปนอนบนเสื่อเมื่อถูกจุ๊บแก้มเข้าให้ ทงเฮกุมท้องขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ฮยอกแจได้เพียงแค่สบถพึมพำแล้วเอาเท้าถีบคนที่ยังนอนกลิ้งอยู่บนเสื้อซ้ำอีกครั้ง
[ ตัดไปตอนสัมภาษณ์ ]
ทงเฮ: แก้มอึนฮยอกนิ่มกว่าผู้หญิงบางคนอีก
อึนฮยอก: เมื่อไหร่รายการนี้จะจบ...
[ ตัดฉาก ]
“เอาดีๆ แล้ว ยอโบอ่า กินข้าวกัน” ทงเฮพูดพร้อมกับหยิบกล่องข้าวออกมาจากกระเป๋า ร่างบางเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา อย่าบอกนะว่า
“นายทำมาเอง?”
“...ทึ่งเลยล่ะสิ~ เห็นไหมล่ะว่าที่รักของยอโบไม่ธรรมดานะ” ทงเฮพูดพร้อมกับเต๊ะท่าอวด ฮยอกแจหัวเราะกับความหลงตัวเองของทงเฮพร้อมกับเปิดฝากล่องออกจนลืมเรื่องถูกขโมยหอมแก้มไปโดยไม่รู้ตัว พอเปิดออกมาก็ต้องยิ้มค้างเมื่อเจอไข่เจียวไหม้ๆ กองไปอยู่ฝั่งเดียวกันหมด
“......................”
“...เอ่อ...สงสัยมันสภาพแบบนี้เพราะผมเหวี่ยงกระเป๋าไปมาบ่อยๆ แต่ไม่เป็นไรนะ ยังมีอีกตั้งหลายเมนู” พูดจบก็เปิดฝากล่องใหม่ออก ฮยอกแจหายใจเข้าลึกๆ หวังว่าเมนูต่อไปคงมีสภาพที่ดีกว่านี้ ภาพของไข่เจียวไหม้ๆ ที่เปิดเจอเมื่อครู่มันยังหลอกหลอนอยู่ในหัวเขาไม่ไปไหน
“แท่นแท๊น~”
“นี่มันอะไร?”
“ไข่” ตอบหน้าตายจนทำให้ฮยอกแจคิ้วกระตุก นี่จะกวนประสาทกันใช่ไหมอีทงเฮ ไอ้ที่เขาเปิดไปเมื่อกี้มันก็ไข่เจียวไม่ใช่เหรอไง
“แล้วไอ้นี่มันอะไร -_-” คว้ากล่องที่เพิ่งเปิดไปเมื่อครู่มาวางข้างกัน ทงเฮเงยหน้าขึ้นมองร่างบางแล้วก็ยิ้มกว้าง
“ก็ไข่ไงยอโบ”
“มันต่างกันตรงไหนไม่ทราบ ยังไงมันก็คือไข่เจียวเละๆ กับไข่เจียวไหม้ๆ เท่านั้น...เดี๋ยวก่อน...แล้วอีกสองกล่องที่เหลือนั่นคงไม่ใช่...”
“มันไม่เหมือนกันเลยนะ ยอโบใจเย็นๆ สิ หิวเหรอ” ทงเฮถามคนที่กำลังรัวมือเปิดฝาพลาสติกออกไม่หยุด ฮยอกแจแทบกุมขมับเมื่อเปิดออกมาแล้วก็พบว่ามันคือไข่เจียวเหมือนกันทุกกล่อง
“ก็ผมได้ยินว่ายอโบชอบเมนูไข่นี่นา”
“อะไร นี่นายคิดจะอำผมเล่นใช่ไหมถึงได้ทำไข่เจียวมาสี่กล่องแบบนี้ แล้วดูนี่สิ...น้ำมันเยิ้มจนเอาไปหมักผมได้เลยมั้งเนี่ย” ฮยอกแจพูดพร้อมกับชูกล่องไข่เจียวที่มีน้ำมันไหลเยิ้มอยู่เกือบครึ่ง
“ยอโบใช้น้ำมันพืชหมักผมเหรอ”
“ใครจะบ้าทำอย่างนั้นกันเล่า! - -+”
“มันไม่ใช่ไข่เจียวนะ นี่มันคือไข่ในบ่อทอง แล้วน้ำมันพืชนี่ก็สกัดมาจากสเปนไม่ใช่น้ำมันพืชที่ทำจากเกาหลี ผมรับรองว่ายอโบไม่เคยกินแน่ๆ”
“(-_-)”
“แล้วนี่ก็คือไข่เผา มันอาจจะเกรียมไปนิด แต่ถ้าได้กินตอนขึ้นจากกระทะใหม่ๆ รับรองกรอบกรุบกรับเลยล่ะ” พูดพร้อมกับชี้ไปยังไข่เจียวกล่องแรกที่วางอยู่ตรงหน้า ฮยอกแจเท้าสะเอวมองไอ้คนช่างแถแล้วก็ถอนหายใจ
“แล้วไอ้ไข่เละๆ นี่ล่ะ”
“ไข่ลาวา นุ่มนิ่มเหมือนกับไข่ตุ๋นเลยนะ ผมใส่กลิ่นวนิลาลงไปด้วย”
“ที่พูดมามันกินได้สักอย่างไหม? แล้วนี่มันอะไร?”
“ไข่ขยี้รัก...” พูดพร้อมกับจ้องตาอีกฝ่ายเหมือนในละครเวลาพระเอกสบตานางเอกแต่ฮยอกแจหรือจะหลงกล นิ้วเรียวจิ้มหน้าผากคุณสามีสองสามทีจนเจ้าตัวโงนเงนไปตามแรงก่อนจะลูบหน้าผากป้อยๆ
“ถ้ารสชาติดีผมจะให้อภัย”
“ให้ผมป้อนไหม”
“ไม่ต้อง - -” ทำท่าจะคีบไข่เข้าปากท่ามกลางอากาศหนาวเย็นแล้วก็ชั่งใจ ถ้าเขากินแล้วท้องเสียจะเป็นยังไง แถวนี้มีห้องน้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้...หมอนี่คงไม่ได้วางยาเขาหรอกนะ
“อร่อยไหม -.-”
“ยังไม่ได้กิน!”
“ผมแซวเล่น -.-” ทงเฮทำปากจู๋แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาบ้าง ถือค้างไว้แล้วนั่งจ้องคนตรงหน้าที่กำลังกินไข่เจียวฝีมือเขา
“...................”
“พอไหวไหม?”
“.....................” ร่างบางไม่ตอบ คีบไข่ชิ้นที่สองขึ้นมากินแล้วมองหน้าคนที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่ รสชาติก็ไม่ถึงกับแย่ สงสัยอีทงเฮจะกะระดับไฟไม่ถูก
“อ้อ! ผมทำซุปมาด้วยนะ ไม่ได้มีแต่เมนูไข่หรอก” หยิบถ้วยสแตนเลทที่แพคมาอย่างดีออกมาพร้อมกับเปิดฝาออก ควันลอยขึ้นมาประทะมวลอากาศทำให้คนที่กำลังหนาวอยู่รู้สึกอยากลองชิมดูสักคำ
“พ่อเคยสอนให้ผมทำเมื่อนานมาแล้ว รับรองอร่อยถูกปากยอโบแน่ๆ” ทงเฮพูดพร้อมกับยื่นให้ร่างบาง ฮยอกแจลดสีหน้าลงเมื่อเห็นสีหน้าของทงเฮในตอนนี้ เขากำลังยิ้มเพียงแค่พูดถึงพ่อของเขา...
จิบไปเพียงนิด ถึงแม้เขาทั้งคู่จะใช้เวลานั่งรถมาเป็นชั่วโมงแต่ซุปนี่ยังคงอุ่นอยู่ รสชาติมันต่างจากเมนูไข่ที่ทงเฮทำอย่างสิ้นเชิง ถ้าไม่บอกว่าทำเองเขาคงคิดว่าทงเฮไปซื้อมาแน่ๆ
“ที่ผมทำได้ดีที่สุดก็คือซุปหัวหอมนี่แหละ” ประโยคนี้ทำเอาฮยอกแจหยุดชะงัก เงยหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังเอาตะเกียบเขี่ยไข่ในกล่องแล้วเขาก็วางถ้วยซุปลง
“ถ้าอยากทำอาหารเป็นก็หาเวลาว่างสิ แล้วผมจะสอนให้”
“อะไรนะ”
“ผมไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ หัดตั้งใจฟังเวลาคนอื่นพูดบ้างสิ” พูดพร้อมกับทำท่าจะผลักหัวอีกฝ่ายแต่ทงเฮคว้ามือไว้ได้ทัน รอยยิ้มหน้าปลากลับคืนสู่ใบหน้าอีกครั้ง ฮยอกแจหลุบสายตาลง พยายามจะชักมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“ยอโบสัญญาแล้วนะ”
“หาเวลาว่างให้ได้ก่อนเถอะ”
“โอเค~ แล้วผมจะรีบถ่ายละครให้เสร็จ พอถึงตอนนั้นยอโบต้องทำตามสัญญาด้วย”
“อย่าเวอร์ สัญญาอะไรกัน”
“แต่จริงๆ แล้วผมไม่ต้องฝึกก็ได้นี่...มียอโบอยู่แล้วทั้งคน แล้วไอ้หน้าที่ทำอาหารนี่มันก็เป็นของ...”
“หยุด!” ร่างบางใช้มืออีกข้างชี้หน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงห้าม ทงเฮกระพริบตาพริบๆ ก่อนจะหลุบสายตาลงมองปลายนิ้วเรียวที่อยู่ใกล้ปลายจมูกเขา
“ไม่พูดแล้วครับคุณภรรยา~” อมยิ้มแล้วเอาปลายจมูกถูๆ กับปลายนิ้วของอีกฝ่าย ฮยอกแจชักมือกลับแล้วเบือนหน้าหลบไปอีกข้าง
แย่แล้วล่ะ...เขากำลังจะเป็นบ้าตายเพราะอีทงเฮอยู่แล้วนะ
เดี๋ยวทะเล้น เดี๋ยวทะลึ่ง เดี๋ยวทำให้ใจเต้น
...อีฮยอกแจยังหวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้ไม่พอใช่ไหม?
TALK
ตอนนี้มาสั้นป่ะ
มันสั้นเพราะเนื้อมันไปอยู่ตอนหน้าหมดไง
สปอยล์นะ
ตอนหน้าต้องไปเยี่ยมบ้านฝ่ายภรรยา
จะได้เจอหน้าพ่อ หน้าแม่ฮยอกแจเลี้ยว~
ความคิดเห็น