คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : PART 4 : Dare
PART 4
ถ้าเกิดคยูฮยอนเป็นสีดำ...
ผมก็ยอมเป็นสีขาวให้เขาสาดเทสีใส่จนแปดเปื้อน...
เปลือกตาหนาค่อยๆ ลืมขึ้นหากแต่สิ่งที่ผมพบเป็นสิ่งแรกคือความมืดมิดไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากหลอดไฟหรือแสงแดด หันไปมองรอบข้างพร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
ที่นี่ที่ไหนกัน?
ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันหนาวทั้งกายและใจ รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ผมกำลังกลัว...สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดของผม...ที่นี่คือนรก...
นรกงั้นหรือ?
ลูบแขนตัวเองคลายอาการหนาวเย็น ยิ่งเดินไปผมก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ตัดสินใจวิ่งไปข้างหน้าหวังว่าจะพบทางออกจากที่นี่ด้วยเท้าเปล่า แต่วิ่งไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทางออกสักที...เท้าของผมระบมไปหมดมันอาจเป็นผลพวงจากความเย็นของพื้นที่ผมกำลังเหยียบอยู่ก็เป็นได้
เชื่อเถอะว่าต่อให้คุณจะใจกล้าบ้าบิ่นสักแค่ไหนแต่ถ้าได้ลองมายืนอยู่ในจุดเดียวกับผมในตอนนี้แล้วเป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้น ผมพยายามมีสติถึงแม้ว่ามันยากเหลือเกินที่ผมจะทำแบบนั้น ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ผมจะหาทางออกไปได้มั้ย มีคำถามอยู่เต็มไปหมด...
ครืด...ครืด...
เสียงโซ่ตรวนลากมาตามพื้น...ผมได้ยินมันชัดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีใครกำลังลากมันเข้ามาใกล้ๆ ผม เสียงหวีดหวิวแผ่วผ่านไปปะปนกับเสียงหัวเราะของใครสักคนที่ผมไม่สามารถสัมผัสและมองเห็นได้...ผมกำหมัดแน่นพลางหลับตาลง...ได้แต่ภาวนาขอพระเจ้าช่วยคุ้มครองให้หลุดพ้นจากสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่...เสียงหัวเราะนั่นเข้ามาใกล้หูผมยิ่งขึ้นจนกลายเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบา
‘ชเวซีวอน...เจ้าไม่ควรจบชีวิตตนเองแบบนี้...’
“นั่นใคร?!” ผมผละออกพร้อมกับกวาดสายตามองไปทั่วความมืด...ผมไม่เห็นเขา...เจ้าของน้ำเสียงเย็นยะเยือกนั่น...
‘ภูตผีปีศาจที่มีแต่ความเคียดแค้นจะทำให้เจ้าพบกับภัยพิบัติ...อยู่ให้ห่างพวกมันเสีย...’
“คุณกำลังพูดถึงอะไร?! นี่มันไม่ตลกเลยนะ!” ผมสติแตกไปแล้ว ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังพูดถึง ภูตผีอะไรกัน!
‘อยู่ให้ห่าง...หึหึหึ...’
เสียงนั้นค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังก้องไปทั่ว...
.
.
ผมสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับนั่งหอบหายใจราวกับว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก...ผมฝันร้าย...ทำไมพักนี้ถึงชอบฝันอะไรแปลกๆ ฝันถึงที่มืดกับความตาย...
เงยหน้าขึ้นเมื่อแสงไฟสว่างจ้าไปทั่วทั้งห้องเผยให้เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับแก้วกาแฟนั่นทำให้ผมต้องทบทวนเรื่องราวเมื่อก่อนหน้านี้...หันไปมองรอบข้างก็พบกับวอลเปเปอร์สีน้ำตาลเข้มกับเตียงสีดำ...ที่นี่ไม่ใช่ห้องของผม...
“ฝันร้ายเหรอครับ?” คยูฮยอนนั่งลงบนขอบเตียงพร้อมกับยื่นแก้วกาแฟดำให้ ผมมองมันพร้อมกับขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ไม่มีน้ำตาลให้ผมสักสองสามก้อนเหรอ?” เอนหลังพิงกับหัวเตียงจิบกาแฟดำอย่างฝืนใจ คยูฮยอนหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอาผ้าขนหนูผืนเล็กซับขมับที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อให้ผม
ตอนนี้เรื่องฝันร้ายนั่นกลายเป็นแค่เรื่องธรรมดาเพียงแค่พบว่าคนตรงหน้านั้นยังคงอยู่กับผมตรงนี้ ที่นี่ เวลานี้...
“กาแฟดำช่วยให้สร่างเมาได้”
“ขอบคุณครับ”
ผมทนฝืนดื่มมันลงไป ถึงแม้ว่ารสชาติมันจะขมเฝื่อนจนผมแทบอยากพ่นมันทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่พอเห็นหน้าคยูฮยอนเท่านั้นแหละ...
“เมื่อคืน...” พยายามนึกถึงเรื่องราวเมื่อก่อนหน้านี้แต่ก็นึกไม่ออก จำได้ว่าเรามีอะไรกันในห้องน้ำแล้วหลังจากนั้นก็ไปต่อบนรถของผม
แล้วผมก็จำอะไรไม่ได้อีก...
“มีเหตุผลอยู่สองข้อที่ทำให้คุณขับรถกลับเองไม่ได้” คยูฮยอนพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้อง ผมเห็นอย่างนั้นก็คว้ากางเกงที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างลวกๆ ก่อนจะเดินตามเขาไป
“ข้อแรก...คุณอาจจะดื่มมากเกินไปจนเมา” มองแผ่นหลังบางที่กำลังง่วนอยู่กับอ่างล้างมือในห้องน้ำ ผมยืนกอดอกอยู่ตรงทางเดินแล้วจ้องมองใครอีกคน ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยิ้มออกมาเวลามองเขา?
“ข้อสอง”
มือเรียวบิดผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับวางผ้าขนหนูลงบนแผงอกแกร่ง นัยน์ตาเรียวจ้องมองมาอย่างมีความหมาย ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเช็ดตัวให้กับผม
“คุณคงเหนื่อยกับอะไรบางอย่างจนผลอยหลับไป”
ผมถอนหายใจพรืดด้วยความเขินอายในขณะคยูฮยอนวางผ้าขนหนูลงบนมือผมแล้วเดินสวนไป ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คาดว่าเขาคงเห็นผมเป็นไอ้ห่วยคนหนึ่งที่หลับได้ง่ายๆ หลังจากทำเรื่องนั้นลงไป
ให้ตายเถอะ...คงไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้อีกแล้ว
ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่เดินตามหลังเขาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคยูฮยอนหันกลับมาพร้อมกับยื่นสูทนอกให้ผม
“ของคุณครับ”
ผมรับสูทมาพร้อมกับมองตามร่างโปร่งที่เดินเข้าไปในห้องนอน ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อเชิร์ตของผม ดูเหมือนว่าคยูฮยอนกำลังไล่ผมทางอ้อมแต่ถ้าผมหน้าด้านอยู่ต่อคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
“ตอนนี้ก็บ่ายโมงแล้ว ผมคิดว่าคุณคงมีงานการที่ต้องทำมากกว่ามานอนเอกเขนกอยู่บนตียงของผมแบบนี้” ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินประโยคนั้นก่อนจะแบมือออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าคยูฮยอน
“ครับ?” นัยน์ตาเรียวฉายแววสงสัยขณะที่ช่วยผมติดกระดุมเสื้ออยู่
“คุณบอกว่าถ้าเกิดเราเจอกันอีก คุณจะให้เบอร์ผม”
“อ่า...” คยูฮยอนยิ้มน้อยๆ เขาคงคิดว่าผมลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่ขอโทษนะ...
ที่เรื่องของคุณ...มันอยู่ในหัวผมตลอดเวลา
“จะผิดสัญญาเหรอครับ?” ถามออกไปเมื่ออีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย มือเรียวติดกระดุมเม็ดสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับผม
“คุณยังต้องการมันอยู่อีกหรือ ผมคิดว่าคุณได้สิ่งที่ต้องการไปแล้วซะอีก” โน้มลงไปหยิบเสื้อสูทมาถือไว้พร้อมจะใส่ให้ ผมคว้าข้อมือเรียวไว้พร้อมกับสบตาอีกฝ่าย
“คุณรู้เหรอ...ว่าผมต้องการอะไรจากคุณ?”
คยูฮยอนชะงักไปครู่หนึ่ง ผมเองก็ไม่ค่อยพอใจนักที่ได้ยินประโยคนั้นจากปากของเขา
“...กำลังชวนผมเล่นเกมส์พูดความจริงหรือไงซีวอน” คยูฮยอนหัวเราะเบาๆ
ทำไมผมถึงได้แพ้คุณไปซะทุกเรื่องแบบนี้นะ...
“ผมถามคุณอยู่นะ”
ใบหน้าของผมกับเขาห่างกันเพียงเล็กน้อยจนปลายจมูกแทบจะชนกันอยู่แล้ว ผมไม่เคยคาดหวังคำตอบจากใครหน้าไหนแม้แต่อึนซอเองก็ยังไม่เคย
“แค่ให้เบอร์ก็จบใช่ไหม เอาล่ะยื่นมือมาสิ” คยูฮยอนหลุบตาลงก่อนจะก้มลงไปหยิบปากกาที่วางทับกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาแต่ผมกลับรั้งข้อมือเขาเอาไว้อีกครั้ง
“คยูฮยอน”
“ครับ?”
“คุณคิดว่าผมเล่นๆ กับคุณหรือไง?” ผมสบตากับเขาด้วยสายตาที่จริงจังไปกว่าทุกครั้ง ผมอ่านใจเขาไม่ออก ไม่รู้เลยว่าคยูฮยอนกำลังคิดอะไรอยู่
“แล้วจะบอกว่าคุณจริงจังกับผมงั้นหรือ?”
คำตอบของเขามันทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก...นั่นสินะ...
ผมจริงจังกับคยูฮยอนเหรอไง?
ความเงียบเข้าครอบคลุม คยูฮยอนจดเบอร์โทรศัพท์ลงบนฝ่ามือผมโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก...ราวกับว่าสิ่งที่ผมทำไปทุกอย่างมันไร้ค่าไม่มีความหมายอะไรมันเป็นเพียงแค่เซ็กส์ชั่วข้ามคืนสำหรับเขาเท่านั้น
“.................”
“................”
ทั้งเขาและผมยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ไม่รู้จะหน้าด้านสรรหาคำไหนออกมาพูดให้ได้ขายหน้าเหมือนที่ทำเมื่อก่อนหน้านี้ดี? จริงๆ แล้วผมก็พอเข้าใจในสิ่งที่คยูฮยอนกำลังสื่อ เขาคงอยากจบเรื่องของเราไปทั้งที่มันยังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ คงมีแค่ผมเพียงคนเดียวที่ต้องการยืดเยื้อมันออกไป
“แล้วผมจะโทรมา รอรับสายได้เลย” ผมพูดเป็นประโยคสุดท้ายขณะที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู คยูฮยอนหมุนลูกบิดพร้อมกับเปิดประตูออก ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
“คุณลืม...” คยูฮยอนยังพูดไม่ทันจบก็ถูกผมคว้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับกดจูบอย่างดูดดื่ม ไม่มีเสียงครางประท้วงใดๆ มีเพียงแค่เสียงหอบหายใจของแต่ละฝ่ายเท่านั้น คยูฮยอนไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอย่างที่ผมคิดกลับกันแล้วเขายังจูบตอบและกอดผมเอาไว้ด้วยซ้ำ นั่นทำให้ผมสับสนว่าทำไมคำพูดกับการกระทำของเขามันช่างต่างกันเสียเหลือเกิน
ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งจ้องมองใบหน้าเรียวที่กำลังเคลิ้มไปกับรสจูบแล้วก็อดไม่ไหวที่จะโน้มใบหน้าลงไปกดจูบซ้ำลงไปอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว ผมยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้าก่อนจะถอยออกมานอกประตูแล้วโบกมือลา
“ผมจะไม่ถือวิสาสะมาที่นี่”
“.................”
“แต่ผมจะทำให้คุณต้องการจนเป็นฝ่ายเรียกร้องผมเอง...คยูฮยอน”
.
.
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น...
คุณ...ต้องรับผิดชอบ...
คยูฮยอนยืนนิ่งอยู่หน้าประตูหลังจากที่ร่างสูงออกไปได้สักพัก...เงาสีดำปรากฏขึ้นข้างหลังก่อนจะกลายร่างเป็นกายหยาบ...ปีกสีดำกระพืออกพร้อมกับบิดขี้เกียจก่อนจะหันไปมองใครอีกคนที่ยืนนิ่งราวกับหุ่นปั้นทั้งที่รู้ได้ถึงการมาของเขาแล้ว
“สวัสดีวันสุข”
“...............”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ มัจจุราชหนุ่มเลิกคิ้วมองก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพร้อมกับชะเง้อหน้ามอง
“ถ่านหมดเหรอ”
เอ่ยถามเมื่อเห็นคยูฮยอนยืนนิ่งราวกับหุ่นยนต์ ใบหน้าเรียวก้มลงพลางเม้มริมฝีปากเบาๆ มัจจุราชหนุ่มยิ้มทะเล้นพลางดึงขนสีดำออกมาจากปีกแล้วเขี่ยแก้มอีกคนเล่น
“ทำหน้าอมทุกข์ไปได้ คนที่ควรยิ้มจนปากฉีกถึงใบหูนั่นควรเป็นนายไม่ใช่หรือไง?” อีทงเฮถามก่อนจะเอามือไขว้หลังแล้วเดินตามใครอีกคนที่เดินไปหยุดอยู่หน้ากระจกบานใสที่มองเห็นความวุ่นวายในกรุงโซล
“...คุณไปไหนมา”
“อะไรกัน ฉันก็มีงานการที่ต้องทำนะ ไม่ได้ทำงานขัดดอกเหมือนนาย”
“คุณหายไปตั้งแต่เมื่อคืน”
“ไม่ดีหรือไง นายคงไม่อยากเห็นหน้าฉันตอนกำลังกอดหมอนั่นอยู่หรอกนะ” มัจจุราชหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ
“.................”
“ดูหมอนั่นก็ติดนายซะขนาดนี้ คงไม่ต้องรอให้ถึงสามเดือนหรอกมั้ง”
“...การที่เขานอนกับผม นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องรักผมนี่” น้ำเสียงเย็นชาทำให้มัจจุราชหนุ่มงอหน้าเล็กน้อย
“โธ่...น้อยใจหมอนั่นเหรอ? เอาน่า...อย่างน้อยนายก็ทำให้หมอนั่นกลืนน้ำลายตัวเองได้แล้วนี่...กะอีแค่เรื่องบอกรักคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
“.................”
“น่าสนุกดีนะ”
“อะไร?”
“ยังต้องถามอีกเหรอ? เรื่องของนายมันสนุกตั้งแต่เริ่มเล่นเกมส์แล้ว” ร่างหนาเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีต่างไปจากใครอีกคนที่อารมณ์ขุ่นมัว
“รีบๆ ทำให้เกมส์จบดีกว่า...เพราะถ้าหมอนั่นตายเมื่อไหร่...นายก็ได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไปเมื่อนั้น...ไม่ดีหรือไง?” อีทงเฮถามร่างโปร่งที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นหากแต่ไร้เสียงตอบรับ
“................”
“เอ...หรือว่ายังมีเยื่อใยอยู่ ไม่กล้าทำร้ายเขาล่ะสิ?”
“ผมหมดรักเขาตั้งแต่วันนั้นวันที่เขาทำให้ผมต้องพบกับความเจ็บปวด! รักเหรอ? ผมแทบลืมมันไปแล้วว่าความรู้สึกนั้นเป็นยังไง...ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่เพราะฉะนั้นคุณ...แค่รอดูตอนจบของเกมส์นี้ก็พอ...”
ร่างหนากระพริบตาปริบๆ เมื่อถูกคยูฮยอนเอฟเฟ็กส์เข้าให้...อะไรกัน...ก็แค่ถามเล่นๆ ทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย
“ไม่ได้รักก็ดีแล้ว...เพราะถ้านายมีความรักเมื่อไหร่...มันก็ยากที่จะทำร้ายเขา...ฉันคิดว่านายคงเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุด”
“................”
“เลือกเอาแล้วกันนะโจคยูฮยอนระหว่างรักตัวเองกับรักคนอื่น รักตัวเองก็ได้ชีวิตกลับคืนมาแต่ถ้ารักคนอื่น...นายก็จะต้องอยู่กับฉันไปชั่วชีวิตไม่มีสิทธิ์ไปผุดไปเกิดอีกต่อไป” ยิ้มทะเล้นพร้อมกับยักคิ้วให้ราวกับว่าไม่ได้ยี่หระกับสิ่งที่พูดออกไป
เปลือกตาบางหลับลง...สัมผัสของซีวอนยังคงไม่จางหายไป...ในใจอยากจะฆ่าเขาให้ตายซะให้รู้แล้วรู้รอด...แต่แบบนั้นมันคงง่ายเกินไป
คนอย่างชเวซีวอนต้องตายอย่างเจ็บปวด...
ให้ทุรนทุรายกว่าที่เขาเคยเป็นร้อยเท่าพันเท่า...
TALK
(เอายาดมยัดรูจมูก)
อ่านตอนต้นของตอนแล้วรู้สึกว่า
เอ...ทำไมฟิคกูแม่งน่ากลัวจังวะ
- ตอนนี้มันพึ่งเริ่มต้น พี่ซีวอนแม่งหลงคิยูหัวปักหัวปำ
ออกแนวว่าอยากได้อะไรแล้วก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา
คิยูแลดูขี้อ้อยมาก ไม่เคยเขียนคิยูแรงขนาดนี้ ขอกราบอภัยถ้าเกิดไม่ถูกใจมิตรรักแฟนขับ
ความคิดเห็น