คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : PART 4 : SOMETHING YOU NEVER KNOW
PART 4
SOMETHING YOU NEVER KNOW
คนเรา...อยู่ได้ด้วยความหวัง
แล้วถ้าความหวังนั่นมันเลือนราง...คนเราจะอยู่ได้ด้วยอะไร?
แกร่บๆ
เสียงรองเท้าหนังหุ้มข้อสีน้ำตาลเหยียบลงบนเศษกระจกที่แตกละเอียดบนพื้นชานชาลาของสถานีรถไฟใต้ดินใจกลางกรุงโซลหลังจากจอดเทียบไปเมื่อครู่ นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวังเมื่อความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง...
มือแกร่งยกปืนขึ้นระดับใบหน้าพลางก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่เดินล่องลอยอยู่ข้างหลังแล้วก็หัวเสียอยู่เล็กน้อยพลางคว้าข้อมืออีกฝ่ายให้เดินตามมา รู้ว่าโจคยูฮยอนกำลังเสียใจ...เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันนักหรอก...นึกโทษตัวเองซะด้วยซ้ำที่เป็นถึงตำรวจขั้นสูงแต่กลับต้องให้คนอื่นมาเสียสละเพื่อตัวเองทั้งที่หน้าที่นั้นมันควรเป็นเขา...
“โจคยูฮยอน” ซีวอนเอี้ยวตัวหันเข้าหาร่างโปร่งพลางวางมือลงบนไหล่บางทั้งสองข้าง นัยน์ตาคมจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาจริงจัง
“..........ครับ”
“ผมรู้ว่าคุณกำลังใจเสีย คุณกำลังรู้สึกแย่จนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดินต่อไปข้างหน้า...แต่มันดีแล้วเหรอที่คุณเป็นแบบนี้?” ร่างสูงพูดพร้อมกับบีบหัวไหล่อีกฝ่ายเป็นเชิงปลอบใจ ในตอนนี้เขาก็ต้องดำเนินภารกิจต่อไปแต่ก็ทิ้งเด็กคนนี้ไว้ตามลำพังในเมืองร้างนี่ไม่ได้..
ริมฝีปากบางเม้มแน่นพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมืออีกฝ่าย ถึงแม้จะเสียใจมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ควรทำตัวเป็นภาระให้กับตำรวจหนุ่มสินะ...คยูฮยอนพยักหน้าเข้าใจพลางชักปืนออกมาถือไว้ นั่นเรียกรอยยิ้มจากซีวอนได้เป็นอย่างดี
ร่างสูงหยุดชะงักพลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณเตือนให้คยูฮยอนหยุดยืนนิ่งๆ กับที่...มือแกร่งเล็งปืนไปที่ประตูห้องเจ้าหน้าที่ที่กำลังส่งเสียงตึงตังราวกับมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น
ตึง....ตึง!!!
“คุณ”
“.................”
“อาจจะมีคนอยู่ในนั้นก็ได้นะ” คยูฮยอนเดินนำไปข้างหน้าหากแต่ถูกตำรวจหนุ่มคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน ร่างโปร่งจ้องมองใบหน้าคมอย่างไม่เข้าใจ
ทำไมล่ะ?
“ถ้าเกิดว่าคุณอยู่ในนั้น...คุณจะส่งเสียงดังเพื่อเรียกผีดิบออกมาอย่างนั้นเหรอ?...”
“
..”
นั่นสินะ...ถ้าเกิดเป็นเขา...ก็คงไม่ส่งเสียงออกมาเป็นแน่...
นายต้องมีสติให้มากกว่านี้สิโจคยูฮยอน!
.
.
ซีวอนหันกลับไปมองอีกฝ่ายเมื่อโดนมือเรียวสะกิดเข้า คิ้วหนาเลิกขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจเมื่อร่างโปร่งเอาแต่ยืนหดตัวพลางเอามือกุมท้องตัวเองไว้ ร่างสูงถอนหายใจพรืด เริ่มเข้าใจหัวอกคิมยองอุนแล้วว่าก่อนหน้านี้รู้สึกยังไง
“....ผม....อยากเข้าห้องน้ำ”
.
.
ร่างสูงยืนกอดอกพิงกับกำแพงในห้องน้ำพลางหลับตาลงรอใครอีกคนทำธุระส่วนตัว ภายในห้องน้ำของสถานีรถไฟใต้ดินที่เงียบสงบถึงแม้ว่ากระจกตรงอ่างล้างมือจะบุบลงไปเพราะแรงกระแทก แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้เพียงแค่สร้างความคาใจให้กับตำรวจหนุ่มเมื่อภายในนี้มีเพียงแค่ร่องรอยการต่อสู้หากแต่ไม่พบซากศพใดๆ ทั้งสิ้น
“เสร็จรึยัง?”
คยูฮยอนขมวดคิ้วขณะนั่งอยู่บนชักโครก นี่เขาพึ่งเข้ามาไม่ถึงสามนาทีเลยนะจะรีบไปไหนกัน คือเข้าใจไหมครับว่าการเข้าห้องน้ำแต่ละครั้งเนี่ยมันต้องใช้เวลาบิ๊ว...แล้วในนี้ก็ไม่มีหนังสือให้อ่านสักเล่มแบบนี้...
“เดี๋ยวดิ คุณอ่ะออกไปรอข้างนอกเลย” ตะโกนออกไป มีคนมายืนเฝ้าแบบนี้ยิ่งถ่ายไม่ออก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยให้ใครมายืนรอหน้าห้องน้ำแบบนี้ ซีวอนแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ คิดว่าอยากยืนเฝ้านักรึไง...
“ผมให้เวลาคุณอีกห้านาที”
“ทำไม? ถ้าเกินนั้นคุณจะทิ้งผมให้ตายอยู่ในส้วมนี่งั้นเหรอ” เอ่ยถามออกไปพลางม้วนทิชชู่ใส่มือ ซีวอนส่ายหน้าเอือมก่อนจะเปิดประตูออกไปยืนรอข้างนอกทิ้งให้เด็กเจ้าปัญหาทำธุระส่วนตัวอยู่ข้างในตามลำพัง
เด็กที่ซึมเศร้าเอาแต่ยืนหงอยคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว?
ไม่นานนักโจคยูฮยอนก็ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ลุกขึ้นกดชักโครกพลางใส่เข็มขัดให้เข้าที่ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ที่ห้อยอยู่ราวตรงประตูมาสะพาย ประตูห้องน้ำเปิดออกพลางเดินไปหยุดหน้าอ่างล้างมือ กดสบู่เหลวใส่ฝ่ามือเล็กน้อยพร้อมประกบกับมืออีกข้างถูไปมาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกที่สภาพไม่ต่างไปจากลูกหมาเปื้อนโคลนดิน ก้มลงกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าสักทีสองทีพลางถูคราบสกปรกออก คยูฮยอนหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ เสียงริงโทนของโทรศัพท์มือถือรุ่นโนเกียก็ดังขึ้นจากห้องน้ำห้องข้างๆ ที่เขาพึ่งออกมาเมื่อครู่ ประตูแง้มออกเพียงเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้ามนค่อยๆ เอี้ยวหันกลับไปมองประตูห้องน้ำที่ยังคงส่งเสียงเพลงไม่หยุด
แกร่ก........
คยูฮยอนผงะเมื่อมือถือเครื่องเล็กไถลออกมาจากห้องน้ำทั้งที่ยังสั่นสะเทือนอยู่...หัวใจเต้นเร็วแรงราวกับจะหลุดออกมาเสียอย่างนั้นเมื่อความหวาดกลัวประดีประดังเข้ามาในห้วงของความคิด...ร้อยเปอร์เซนต์ว่าข้างในต้องมีใครอยู่ในนั้นแน่...แต่ชักไม่แน่ใจแล้วว่า...ใครในนั้น...ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า...
ขาเรียวยาวค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะก้มลงคว้าเครื่องมือสื่อสารที่ยังคงส่งเสียงไม่หยุด...
คลิ๊ก...
เชื่อมต่อ...
ชากียา...
กดรับสายก่อนจะแนบหูเข้ากับโทรศัพท์...ยังไม่ทันได้ยินเสียงคนในปลายสายก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อประตูห้องน้ำค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับใครอีกคนที่เดินออกมา...
ในสภาพ...คอแหว่งไปครึ่งหนึ่ง...
“......เย็ดเข้”
“......................”
ปั๊ก!!
มือถือในมือตกลงบนพื้นในทันที...ภาพตรงหน้ามันช่างน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าอะไร...ร่างของชายหนุ่มในชุดไปรเวทเริ่มฉีกขาดราวกับว่ากำลังจะกลายพันธุ์ นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากเมื่อชายหนุ่มคนนั้นอ้าปากจนฉีกออกกว้างและที่ทำให้โจคยูฮยอนแทบเป็นบ้าก็คือลูกตาขนาดเท่าหัวโผล่ออกมาจากปากนั่น!
“........................”
ตาขนาดใหญ่กลอกไปมาก่อนหยุดนิ่งที่เด็กหนุ่ม...คยูฮยอนพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา...ปืนอยู่ในกระเป๋า...ใช่...เขาเก็บมันไว้ก่อนทำธุระส่วนตัวเมื่อกี้...ถ้าขืนเกิดชักมันออกมาตอนนี้ให้หอกนี่คงกระซ๊วกไส้เขาออกมาสาวเล่นแก้เซ็งเป็นแน่...
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”
“เหวออออออออ!!!!!!!!!!!”
คยูฮยอนสะดุ้งสุดตัวพลางเขวี้ยงกระเป๋าใส่หน้าสัตว์ประหลาดตนนั้นตามสัญชาติญาณก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับลงกลอนแน่นหนา
ปังๆๆๆๆ!!!!
“กร๊าซซซซซซซซ!!!!”
“แฮ่ก...แฮ่ก....” ถอยหลังกรูจนทรุดลงไปนั่งบนชักโครก...บ้าจริง...ปืนอยู่ในกระเป๋านั่นซะ...จะทำยังไงดีวะเนี่ย คยูฮยอน ไอ้โง่วววววววววววววววววววววววว คว๊ายยยยยยยยยยยย!!! $%^&%^*I^&#$%@
“ซีวอน!!”
“ช่วยผมด้วย!!”
ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือจากคนที่พึ่งเฉดหัวไล่ออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้...ชักไม่แน่ใจแล้วว่าไอ้ห้องน้ำที่เขาอยู่เนี่ยมันเก็บเสียงด้วยรึเปล่า เพราะไอ้หอกที่กำลังทุบประตูอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นส่งเสียงหวีดร้องดังซะขนาดนี้แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าตำรวจหนุ่มหน้าหล่อจะโผล่เสี้ยวหน้าเข้ามาช่วยเหลือ...
“เฮ้ย!!”
คยูฮยอนผงะเมื่อมีรากบางอย่างที่โคตรพ่อโคตรแม่น่าเกลียดกำลังชอนไชเข้ามาด้านในจนต้องรีบยกขาขึ้นสูง...ร่างโปร่งขึ้นเหยียบแท่นชักโครกพลางก้มลงมองรากยาวเฟื้อยนั่นที่บุกเข้ามาทั้งข้างล่างและข้างบน นัยน์ตาเรียวหันซ้ายขวาก่อนจะตัดสินใจปีนข้ามไปห้องน้ำอีกห้องอย่างทุลักทุเล...
พอมองไปยังกระจกหน้าอ่างล้างมือแล้วก็อยากจะข่วนหน้าตัวเองเมื่อร่างของชายหนุ่มเมื่อครู่นั้นค่อยๆ เปลี่ยนสภาพจนกลายเป็นตัวประหลาดไปแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่ก่อนหน้านี้ขาดวิ่นลงไปกองอยู่กับพื้น...พร้อมกับร่างกายที่เริ่มขยายขึ้น
“ตายห่า...ตาย...ตาย...ตาย...” สบถกับตัวเองพลางยกขาขึ้นเพื่อที่จะปีนข้ามไปอีกฝั่ง อีกไม่นานมันคงพังประตูเข้ามาแดกเขาแน่ไม่ต้องสืบ...
อุตส่าห์หนีรอดมาได้ถึงขนาดนี้...เรื่องอะไรกูจะยอมตายง่ายๆ วะครับ - -+
“(O_O)!!”
คยูฮยอนเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่รวบข้อเท้าเขาไว้ ใบหน้ามนหันกลับไปมองขาตัวเองก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อไอ้รากน่าเกลียดนั่นมันตรึงขาเขาเอาไว้พร้อมกับออกแรงกระชากอย่างแรง
“อ๊ากกกกกกกกกกก!!!” ร่างโปร่งหวีดร้องเสียงดังพลางหาที่ยึดเหนี่ยวในขณะที่สัตว์ประหลาดตนนั้นก็ออกแรงกระชากตัวเขาไม่หยุด...
“ปล่อย...ปล่อยกู!!” สะบัดเหวี่ยงขาหวังจะพ้นพันธนาการจากรากน่าเกลียดนั่นแต่ก็ไม่เป็นผล คยูฮยอนเสียหลักตกลงไปข้างล่างห้องน้ำอีกฝั่งจนหัวกระแทกเข้ากับฝาชักโครกอย่างแรงก่อนที่สติจะค่อยๆ เลือนราง...
.
.
ตำรวจหนุ่มถอนหายใจเมื่อโจคยูฮยอนไม่ยอมออกมาสักที...นี่หลับในห้องน้ำไปแล้วหรือไงกัน?
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกก่อนที่นัยน์ตาคมจะเบิกตากว้างเมื่อภาพที่เห็นนั้นทำให้ตำรวจหนุ่มต้องยกปืนขึ้นเล็งเป้าหมายที่กำลังทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง...เพราะมัวแต่สนใจเหยื่อที่อยู่ภายในห้องน้ำสัตว์ประหลาดที่ไร้สมองนั้นไม่รู้ตัวเลยว่ามีผู้มาใหม่กำลังจะปลิดชีวิตตน...
ปัง ปัง ปัง !!!!
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!”
เหนี่ยวไกยิงออกไปทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ขายาวก้าวไปข้างหน้าเมื่อเป้าหมายทรุดลงไปดิ้นพล่านบนพื้น มือแกร่งจ่อปืนไว้ตรงดวงตาขนาดใหญ่ที่อยู่ในปากแล้วยิงซ้ำเข้าไปอีกสองสามนัดพร้อมกับเสียงหวีดร้องของสัตว์ประหลาดที่กำลังจะขาดใจตาย
เมื่อมั่นใจว่าตัวประหลาดนี่ตายแน่แล้วร่างสูงก็เก็บปืนเข้าที่ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปทุบประตูห้องน้ำที่ยังคงล็อคอยู่
“คยูฮยอน! คยูฮยอน!”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเด็กหนุ่ม...ซีวอนก็คงต้องหาวิธีเปิดประตูออก...ร่างสูงก้มลงกับพื้นก่อนจะมองลอดเข้าไปยังช่องว่างด้านล่างของประตูห้องน้ำหากแต่ไม่พบขาของโจคยูฮยอน...ไม่สิ...เขาจำได้ว่าเด็กคนนั้นเข้าไปในห้องนี้นี่...
ตึก!!! ตึก!!!
ร่างสูงเดินออกไปตั้งหลักก่อนจะใช้หัวไหล่กระแทกประตูเข้าไป ทำอย่างนั้นอยู่ประมาณสี่ห้าครั้งประตูก็เปิดออกพร้อมกับกลอนประตูที่ร่วงลงสู่พื้น...
หากแต่...ไม่พบเด็กหนุ่มที่เขากำลังตามหาอยู่....
.
.
ความเหมือน...ที่แตกต่าง...
“.....ให้ผม....เดินเองก็ได้นะ” ร่างบางเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบมานาน ทงเฮเอี้ยวหน้าหันไปมองใครอีกคนที่อยู่บนหลังก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ เป็นคำตอบ
จะให้ลงมาเดินเองก็คงไม่ได้เพราะดูแล้วอีกฝ่ายคงยังไม่ชินกับสภาพรอบตัวนัก ถึงแม้ว่ามันจะลำบากในการป้องกันตัวหน่อย...แต่ถ้าเดินไปอย่างระมัดระวังก็คงไม่เป็นไร...
“อีทงเฮ...”
“เรียกทงเฮเฉยๆ ก็ได้” ร่างบางนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามเรียนรู้กับสิ่งรอบตัวแม้กระทั่งการเรียกชื่อของผู้ช่วยชีวิต
“......ทงเฮ” กลีบปากอิ่มขยับเรียกแผ่วเบาเรียกร้อยยิ้มจากทงเฮได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้แต่มันก็ใช่เรื่องที่เขาจะขมวดคิ้วคิดทำหน้าเคร่งเครียดใส่ร่างบางซะเมื่อไหร่
อย่างน้อย...ก็อยากให้อีกคนรู้สึกว่าปลอดภัยเวลาอยู่กับเขา
“ครับ”
“....เรา....จะไปไหนกัน” กวาดสายตามองไปรอบๆ ผนังอิฐสีคล้ำต่างจากที่ๆ เดินผ่านมาเมื่อครู่ กลิ่นเหม็นสาบเริ่มคละคลุ้งไปทั่วนั่นทำให้ทงเฮต้องยกมือขึ้นปิดจมูกทันที
“ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่...แต่...” ทงเฮหยุดชะงักพลางมองลงไปข้างล่างที่มีน้ำสูงขึ้นมาจนเกือบถึงที่ๆ เขายืนอยู่...
ใช่...ที่นี่คือท่อระบายน้ำ...
“ออก....ออกไปไหน...?”
“ผมจะพาคุณออกไปจากขุมนรกนี่....คุณไม่ต้องกลัวนะ” พูดพร้อมกับมองซ้ายขวาสำรวจหนทาง ชักหวั่นๆ ว่าใต้น้ำนี่อาจจะมีตัวประหลาดอะไรซ่อนอยู่รึเปล่า? มันอันตรายเกินกว่าที่เขาจะตัดสินใจเดินลงไปในทันทีได้
ทงเฮวางร่างบางลงก่อนจะหย่อนตัวลงไปข้างล่างทดสอบระดับของน้ำ...เผยให้เห็นว่าอยู่ช่วงระดับเอว มองทางหนีทีไล่แล้วก็พอเห็นทางรอด...ทงเฮหันหลังให้อีกฝ่ายขึ้นขี่หลังอีกครั้ง ทางซ้ายคือบันไดเหล็กที่เชื่อมต่อตรงช่องทางพัดลมระบายอากาศขนาดใหญ่ที่ยังคงทำงานอยู่...ถ้าปีนขึ้นไปทางนั้นคงถูกใบพัดตัดจนขาดวิ่นทั้งตัวแน่...แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าแผงควบคุมระบบอยู่ตรงไหน...พอหันไปทางขวาก็เห็นทางเดินยาว คงต้องเดินไปทางนั้นเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายสินะ
“ทำไมคุณถึง...มาอยู่...ที่นี่...” ร่างบางเอ่ยถามพลางกระชับกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น...นั่นสิ...ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะ...จำได้เพียงอย่างเดียวว่าถูกใครตีหัวเข้าและหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
“ผมไม่รู้....”
พอนึกถึงเรื่องต่างๆ แล้วสมองก็ทำงานหนักอีกครั้ง ร่างหนาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางเดินต่อไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าจองซูกับฮีชอลจะเป็นยังไงบ้างในตอนนี้...จริงอยู่ที่จองซูเป็นคนมีความสามารถ มีไหวพริบดี...แต่ต่อให้เก่งแค่ไหนคนเราก็พลาดกันได้เสมอ...คงได้แต่ภาวนา...ให้ทั้งคู่จะมีชีวิตรอดต่อไปก็เท่านั้น
แต่ก...แต่ก...แฮ่...
“.....................” ร่างบางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้หากแต่ใครอีกคนกลับเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
เสียงอะไร...
ซวบ...ซวบ...
การเดินในน้ำมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักถ้าเกิดไม่แบกใครอีกคนไว้ข้างหลัง หยาดเหงื่อไหลลงตามขมับ ริมฝีปากหยักทำหน้าที่ช่วยจมูกในการหายใจ แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่เกาะอยู่บนเพดาน...
แมงมุมยักษ์...
“.......!!!!”
ยังไม่ทันจะรู้ตัวทงเฮก็เซล้มลงไปใต้น้ำเพราะแรงผลัก ร่างหนาดีดตัวขึ้นมาพลางสำลักน้ำ มือหนาทุบหน้าอกตัวเองพร้อมกับเสยผมที่ปิดบังสายตาขึ้นก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อภาพที่เห็นนั้นทำให้เขาแทบพูดไม่ออก...แขนของเด็กหนุ่มร่างบางที่อยู่บนหลังเขาเมื่อครู่...
เสียบเข้าท้องแมงมุมยักษ์จนทะลุ...ทั้งสองตัว...
ซวบ........
“...................”
“...................”
ร่างบางดึงแขนออกพร้อมกับศพของแมงมุมยักษ์ที่ลอยไปตามน้ำ...เสื้อกราวน์สีขาวมีคราบเลือดสีม่วงไปถึงต้นแขน...และที่สำคัญ...มือของเขา...มีกรงเล็บราวกับสัตว์บางชนิด
ชายหนุ่มคนนี้....ไม่ใช่มนุษย์....
“........................”
จะทำยังไงต่อไปดีล่ะอีทงเฮ...
“........................”
ช่วยเขาสิ...นายจะทิ้งเขาไว้อย่างนี้น่ะเหรอ?
“........................”
นายเป็นคนช่วยเขาออกมาเอง...อีทงเฮ...
“........................”
นายช่วย...คนที่ไม่ใช่มนุษย์ออกมา...
กรงเล็บเรียวยาวค่อยๆ ยุบเข้ากลับที่เดิม ร่างบางพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่หลังจากเรียนรู้สิ่งรอบข้างทุกอย่าง...เรียวขาเล็กก้าวเดินสวนไปในขณะที่ใครอีกคนได้เพียงแค่ยืนมองตามแผ่นหลังบางเท่านั้น...ทงเฮเอี้ยวหันกลับมาพลางเข้าไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้
“คุณจะไปไหน”
“....ไป...” ตอบไม่ได้...เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องไปที่ไหน...ในหัวรู้เพียงอย่างเดียวว่าไม่ควรอยู่ใกล้คนๆ นี้...
ไม่ควร...
ปัง!!
“อึ่ก...!!!” กระสุนปริศนายิงทะลุหน้าอกบางต่อหน้าต่อตาทงเฮ...ดวงหน้าหวานก้มลงมองมือที่ทาบลงบนแผงอกบางพร้อมกับเลือดที่กำลังไหลซึมออกมา...
“...ค...คุณ!” ทงเฮรีบเข้าไปประคองร่างผอมบางเอาไว้แนบอกพลางมองหาต้นเหตุที่ยิงมาเมื่อครู่...สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อีทงเฮจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชายหนุ่มตรงหน้า...หรือแม้แต่มือปืนปริศหนาที่หวังจะปลิดชีวิตพวกเขา
นัยน์ตาเรียวจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายพลางหอบหายใจหนัก...มือเล็กยกขึ้นทาบใบหน้าคมที่กำลังจ้องมองมาที่เขาเช่นกัน...
เพราะคนๆ นี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ใช่ไหม...ถึงได้รู้สึกผูกพันมากขนาดนี้...
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!!!!!!”
เสียงสัตว์ประหลาดรูปร่างหน้าตาคล้ายกบตวาดลั่น นัยน์ตาดุร้ายมองมายังเขาทั้งคู่ ทงเฮเห็นท่าไม่ดีคงต้องหาทางหนีมากกว่าที่จะยืนหยัดสู้กับพวกมัน ร่างหนาประคองอีกฝ่ายให้ขึ้นหลังอีกครั้งก่อนจะเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าในขณะที่สัตว์ประหลาดสามสี่ตัวกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาทั้งคู่...
จะเรียกว่าทางตันก็คงไม่ได้...เมื่อเขาวิ่งมาจนสุดทางและข้างหน้าเป็นเหมือนกับน้ำตก...ทงเฮชะเง้อมองลงไปข้างล่างที่มีน้ำเชี่ยวกราดถ้าตกลงไปมีเปอร์เซนต์น้อยมากที่จะรอดชีวิต...พอหันกลับไปมองข้างหลังแล้วก็หมดทางเลือก...ทงเฮวางร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรงลงพร้อมกับรวบเอวบางเข้ามาแนบกับอกแกร่ง...
เตรียมพร้อม...ที่จะกระโดดลงไปเสี่ยงตายข้างล่างด้วยกัน
“แข็งใจไว้ก่อนนะ”
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”
ตูม!!!
.
.
ความรู้ท่วมหัว...แต่เอาตัวไม่รอด...
เรียนเก่งแต่ขาดประสบการณ์...มันจะมีค่าอะไร...
ประตูห้องถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับเสียงชักปืนขึ้นขู่ ตำรวจวัยกลางคนยิ้มกว้างเมื่อคนตรงหน้าคือมนุษย์...มือหนาลดปืนลงก่อนจะเดินมาล็อคกลอนประตูในทันที สีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ดูน่ากลัวราวกับคนเสียสติ
“ข...เขา...พวกเขาส่ง...ส่งคุณมาช่วยผมใช่ไหม”
“เขา?”
“ไหนล่ะ...ฮอลิคอปเตอร์น่ะ...ฮอล์...” ชายร่างหนาเดินเข้ามาประชิดตัวพร้อมกับเขย่าตัวร่างโปร่ง ฮีชอลได้เพียงแค่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเมื่อตำรวจคนนั้นเริ่มเสียสติ จองซูผละตัวอีกฝ่ายออกก่อนจะจับหัวไหล่หนาเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ฟังผมนะ”
“ไม่มีใครส่งผมมาช่วยคุณทั้งนั้น...ผมเห็นคุณจากจอมอนิเตอร์ชั้นล่างก็เลยขึ้นมาช่วย”
“จอ...ไม่สิ...พวกเขาต้องส่งคนมาช่วยผมเซ่!!!!” ผละตัวออกพร้อมกับเดินวนไปรอบๆ พลางเอาปืนขึ้นเกาหัวตัวเองอย่างหัวเสีย จองซูกุมมือฮีชอลเอาไว้พลางมองไปยังชายคนนั้นที่ดูเหมือนคนเสียสติไปแล้ว
“คุณจะออกไปกับพวกเรารึเปล่า”
“ออกไปงั้นเหรอ? ผมซ่อนตัวอยู่ในนี้เพื่อรอให้พวกเขามารับตั้งกี่ชั่วโมง...แล้วข้างนอกนั่นมีพวกเปรตที่กำลังรอกินผมอยู่...จะให้ผมออกไปเสี่ยงตายอย่างนั้นเหรอ?” ตำรวจร่างหนาพูดพร้อมกับเดินไปยังหน้าจอมอนิเตอร์สื่อสารขนาดใหญ่...จองซูและฮีชอลหยุดตรงหน้าจอมอนิเตอร์ก่อนที่ร่างบางจะยกมือขึ้นป้องปาก...เมื่อภาพตรงหน้ามันช่างสยดสยองยิ่งนัก
“เห็นไหม เห็นพวกเปรตนั่นรึเปล่า?!”
“.........................”
“ทีแรกก็คิดว่าพวกคุณจะมาช่วยผม...ผมก็เลยสับสวิทซ์เพื่อปลดล็อคประตูให้ซะดิบดี...แต่ที่ไหนได้...”
ที่ไฟดับไปเมื่อครู่ก็เพราะตำรวจคนนี้นี่เอง...และที่เหล่าผีดิบออกมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่เต็มไปหมดนี่ก็เพราะว่าประตูถูกปลดล็อคสินะ...
“ถ้าคุณไม่ออกไปกับพวกเรา...เห็นทีผมคงต้องบอกลาคุณตรงนี้” จองซูหันไปพยักหน้ากับฮีชอลในขณะที่ตำรวจร่างหนายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น...
ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...ถ้าขืนรอฮอลิคอปเตอร์ของพวกสวะนั่นชาตินี้ก็คงไม่มีโอกาสรอด...ไม่โดนนิวเคลียร์ตายก็ต้องอดตาย...
ไอ้พวกเนรคุณ...เขาน่ะหรืออุตส่าห์สละตัวเองทำงานเพื่อให้ถึงจุดหมาย...แต่ Umbrella กลับทิ้งให้เขารอความตายอยู่ในนี้อย่างไร้ความหวัง...
ในเมื่อพวกมันคิดจะทรยศกันแบบนี้...เห็นทีเขาคงต้องพึ่งตัวเอง...
ใช่...ข้างล่างยังมีทางลับออกไปท่อระบายน้ำ...และมีเรือยนต์จอดเทียบท่าอยู่ที่นั่น...
และถ้าใช้สองคนนี้เป็นกำบัง...เขาก็อาจจะไปถึงจุดหมายง่ายกว่าลุยไปคนเดียวเป็นแน่...
“เดี๋ยว....”
ทั้งคู่หันกลับมามองต้นเสียงที่ยังยืนหันหลังให้อยู่...ร่างหนาเอี้ยวตัวกลับมาพร้อมกับปืนลูกซองที่อยู่ในมือ
“ผมจะไปกับพวกคุณ”
.
.
รู้จักเอาตัวรอด...เป็นยอดดี...
“คุณจะพาเราไปไหนครับ?” ฮีชอลเอ่ยถามเมื่อตำรวจวัยกลางคนกำลังพาเขาเดินไปจนถึงทางตัน ไม่มีเสียงตอบรับกลับมานอกจากเสียงระบบแผงควบคุมที่ซ่อนอยู่ใต้กรอบรูปตรงมุมทางเดินที่ค่อยๆ เลื่อนออกเท่านั้น
จองซูรู้สึกหวาดระแวงกับคนตรงหน้า...คาดว่าตำรวจนายนี้คงไม่ใช่ตำรวจธรรมดาๆ ดูจากการปลดล็อคแผงควบคุมที่ดูชำนาญบวกกับเรื่องที่เขาโวยวายราวกับคนบ้าไปเมื่อก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจ...แต่ยังไงก็ตาม...เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือการตามหาตัวทงเฮให้พบ
ครืด...
เสียงประตูเลื่อนออกอัตโนมัตินั่นทำให้จองซูขมวดคิ้วอีกครั้ง...ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากเท่านั้น...ภายในสถานีตำรวจนี่มันชักจะลึกลับเกินไปแล้ว...
.
.
ปัง!!
แกร่ก!!
ผีดิบตัวสุดท้ายทรุดเข่าลงไปกับพื้น หัวของมันแหว่งไปเสี้ยวหนึ่งเมื่อโดนกระสุนลูกซองทรงอานุภาพเข้าไป...กระสุนเบอร์ 16 ถูกใส่เข้าไปใหม่พร้อมกับก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้า
“คุณ”
“หืม?” ตำรวจร่างหนาหันกลับมามองต้นเสียงพลางชักปืน จองซูเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายฉายแววตาจริงจัง
“ที่นี่มันที่ไหน”
.
.
เป็นคนโง่...
ถูกคนฉลาดหลอกใช้...มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่...
ทั้งสามคนหยุดนั่งพักตรงทางเดินที่เงียบสงบ มองไปรอบข้างก็พบเพียงแต่ผนังสูงที่เดาแล้วน่าจะเป็นชั้นใต้ดิน พื้นและผนังที่ถูกทำด้วยซีเมนต์ขัดกับโครงสร้างด้านในของสถานีตำรวจอย่างสิ้นเชิง
“คุณจะพาเราไปไหน” จองซูถามอีกครั้งเมื่อนายตำรวจเอาแต่เช็คกระสุนปืนที่เอาออกมาวางเรียงกันบนพื้น...นัยน์ตาคมเงยขึ้นมองอีกฝ่ายพลางแค่นเสียงหัวเราะ...
“ผมจะพาพวกคุณออกไปจากที่นี่ยังไงล่ะ” พูดพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก ที่พูดไปนั่นน่ะโกหกทั้งเพ...จริงๆ ก็แค่หลอกให้มาเป็นเหยื่อล่อเท่านั้นแหละ มาหลายคนอุ่นใจกว่าเดินคนเดียวเป็นไหนๆ ถ้าเกิดใครสักคนจะต้องพลาดโดนกินไปซะก่อนล่ะก็...คนๆ นั้นต้องไม่ใช่เขา!
“แล้วที่นี่...”
“ชั้นใต้ดินของสถานีตำรวจ...ว่าแต่พวกคุณสองคนเข้ามาในสถานีตำรวจกันทำไม?” เอ่ยถามด้วยความสงสัย คนที่อยู่ข้างนอกนั่นน่าจะโดนกัดตายกันไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง...แล้วดูจากสภาพทั้งคู่แล้วก็ไม่น่ามีชีวิตรอดมาได้ถึงขนาดนี้
“ในทีแรก...” ร่างโปร่งเว้นช่วงไปครู่หนึ่งพลางถอนหายใจเล็กน้อย “เราตั้งใจว่าจะมาตั้งหลักกันที่นี่...เพราะคิดว่าน่าจะมีตำรวจที่รอดชีวิตอยู่
” ไม่คิดที่จะเล่าว่าตัวเองก็เป็นตำรวจเช่นกัน เพราะเขาก็ไม่มั่นใจว่าถ้าขืนบอกไปแล้วตำรวจนายนี้จะเล่นตลกอะไรกับเขารึเปล่า...
อยู่กับคนฉลาด...ต้องทำตัวโง่เข้าไว้...
“ฮ่าๆ ตลกสิ้นดี...ที่นี่น่ะหรือจะมีผู้รอดชีวิตอยู่...ถ้าเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้ล่ะก็ใช่...” ร่างหนาหัวเราะก่อนจะเก็บกระสุนเข้าไปพลางหยัดตัวลุกขึ้นยืน
“รอที่นี่...เดี๋ยวผมมา”
“คุณจะไปไหน?” ฮีชอลเอ่ยถามขณะนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้ามจองซู
“หาทางออก”
.
.
นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังดวงหน้าหวานที่กำลังหยิบสมุดไดอารี่ออกมาจากกระเป๋าเป้พร้อมกับปากกา กางไดอารี่ออกวางไว้บนหน้าขาที่ชันขึ้นมา ริมฝีปากอิ่มขยับตามปลายปากกาที่จรดลงบนไดอารี่ ตำรวจหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นพฤติกรรมน่ารักของคนตรงหน้า
“เขียนอะไรอยู่เหรอครับ?”
“อ่า...ครับ...อ๋อ...ผมเขียนเรื่องราวต่างๆ ในวันนี้น่ะ...มันก็เหมือนกับไดอารี่ทั่วไป” ร่างบางยิ้มเขินพลางเสยผมหยักโศกขึ้นก่อนจะบรรจงเขียนลงไปอีกครั้ง
“เพราะถ้าผมไม่เขียน...ผมก็จะกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร...” เสียงแผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
“คุณบอกว่าคุณเป็นนักเขียน คุณเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไรเหรอครับ?” ร่างโปร่งเอ่ยถาม ดวงหน้าหวานเงยขึ้นพร้อมพับไดอารี่เก็บเข้าไปในกระเป๋าเป้ รอยยิ้มบางๆ แต่งเติมบนใบหน้าสวยก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นมานั่งเบียดขอไออุ่นจากตำรวจหนุ่ม
“ผมเขียน
” นัยน์ตาเรียวช้อนมองอีกฝ่ายในขณะที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ จองซูคลี่ยิ้มบางๆ พลางมองใบหน้าเรียวก่อนที่กลีบปากอิ่มจะแตะลงบนแก้มตำรวจหนุ่มแผ่วเบาแล้วผละออกอย่างช้าๆ
“นิยายรัก...”
ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยกับพฤติกรรมของฮีชอล จองซูเม้มริมฝีปากแน่นพลางเสตามองไปทางอื่นก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาทางปากเพื่อผ่อนคลาย ให้ตายเถอะ...นี่เขากำลังหวั่นไหวกับนักเขียนในสถานการณ์แบบนี้อย่างนั้นหรือ?
“...นิยายรัก...นามปากกาคุณว่าอะไรเหรอครับ...” เอ่ยถามต่อ พยายามเก็บอาการให้มากที่สุด ใบหน้าเรียวเอนซบไหล่กว้างพลางกอดแขนตำรวจหนุ่มเอาไว้
“บอกไปคุณจะรู้จักผมเหรอ...ผมไม่ดังเหมือนคนอื่นเขาหรอกครับ...” อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ดูภายนอกแล้วคิมฮีชอลนั้นบอบบางเหมือนกับผู้หญิง...อ่อนโยน...ไม่มั่นใจในตัวเอง...ถ่อมตัว...
“ผมคิดว่าคุณจะเขียนพวกนิยายไวรัสล้างโลกซะอีก” แซวเล่นจนร่างบางดีดตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าจองซูที่กำลังกลั้นหัวเราะอยู่ ฮีชอลอมยิ้มเมื่อถูกแซวก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผมกะจะเขียนแนวนั้นอยู่เหมือนกัน...ถ้ารอดไปจากที่นี่ได้นะครับ...”
.
.
“เอาล่ะ....ทางสะดวกแล้ว”
จองซูหันไปพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืน ฮีชอลสะพายกระเป๋าเป้พร้อมกับจับมือแกร่งที่ยื่นมาให้แล้วยันตัวลุกขึ้นยืนตามอีกคน...ทั้งคู่เดินไปตามทางก่อนจะเห็นตำรวจร่างหนาคนนั้นกำลังสแกนม่านตาอยู่ตรงข้างประตูที่ถูกสร้างขึ้นหลายชั้นอย่างแน่นหนา
จองซูจ้องมองพฤติกรรมของใครอีกคน...มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในสถานีตำรวจกลับรู้ทางหนีทีไล่ได้ดีขนาดนี้ แถมเรื่องปลดล็อคพาสเวิร์ดก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...หรือว่า...
เขาจะเกี่ยวพันอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้?
“เอาล่ะ...เข้าไปกันได้แล้ว”
ภายในเป็นห้องโล่งกว้างและมีแท่นควบคุมอยู่ตรงกลาง ร่างโปร่งกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย...ตำรวจวัยกลางคนเดินไปที่แผงควบคุมพร้อมกับรัวนิ้วลงบนหน้าจออย่างชำนาญ...ในตอนนี้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง...ใช่...เขาต้องตามหาทงเฮ....เพราะยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งถลำลึก...และที่แย่ไปกว่านั้นคือเขาไม่รู้ว่าในตอนนี้ทงเฮอยู่ที่ไหน?
“ผมต้องไปตามหาน้องชาย”
“......หืม?”
“น้องชายผมอาจยังอยู่ข้างในนั้น” จองซูพูดหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจ มือหนายังคงกรอกรหัสผ่านใหม่ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนสุดท้าย....
‘รหัสผ่าน...ประตูกำลังเปิด...’
ริมฝีปากหนายกยิ้มพลางมองไปยังประตูที่กำลังเปิดออกก่อนจะหันกลับมามองหน้าร่างโปร่ง “ไม่มีใครอยู่ข้างในทั้งนั้นนั่นแหละ...แต่ถ้ามีอยู่จริง...น้องชายนายก็คงกลายเป็นพวกนั้นไปแล้ว” ประโยคตัดพ้อทำให้คนฟังสิ้นหวัง...ฮีชอลกุมมือร่างโปร่งไว้เป็นเชิงให้กำลังใจ
ไม่...ทงเฮต้องไม่เป็นอะไร...
“เลือกเอาแล้วกัน...ว่าจะกลับไปรนหาที่ตายหรือว่าจะไปจากที่นี่กับผม”
“จองซู...”
“..................”
“ผมว่าทงเฮต้องไม่เป็นอะไร...คุณต้องได้เจอเขาแน่เชื่อผมสิ” ร่างบางจ้องหน้าอีกฝ่าย นึกโกรธเล็กน้อยที่ได้ยินประโยคนี้ออกจากปากฮีชอล ก็รู้ว่าหวังดีกับเขา...แต่ถึงอย่างนั้นจะให้วางใจได้ยังไง?
“รีบไปเถอะ” ตำรวจร่างหนาพูดย้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในประตูบานใหญ่ที่ทำด้วยเหล็กหนา
.
.
พอเข้ามาด้านในแล้วก็ต้องยกมือขึ้นลูบต้นแขนผ่านเสื้อไหมพรม ได้ยินเสียงน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูง...ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นมองกระแสน้ำที่ไหลลงมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าต้นสายมาจากชั้นไหน มันสูงมากเสียจนตำรวจหนุ่มมั่นใจว่าที่นี่ไม่ใช่ในส่วนของสถานีตำรวจแล้ว...
แล้วที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ? โรงงานเหรอ?
พอก้มลงไปข้างล่างก็พบเพียงแค่กระแสน้ำเชี่ยวกราด ฝีเท้าก้าวไปตามพื้นตะแกรงเหล็ก ตำรวจร่างหนาเหน็บปืนลูกซองไว้กับสนับขาพลางหมุนวาล์วทางด้านขวาก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เปิดออกมา...
ภายในดูสะอาดและสว่างจ้าต่างจากข้างนอก...ห้องแลปขนาดเล็กทั้งซ้ายขวานั่นสร้างความประหลาดใจให้กับนายตำรวจและนักเขียนหนุ่มเป็นอย่างมาก
“คุณจะไปไหนครับ” ฮีชอลเอ่ยถามเมื่อนายตำรวจวัยกลางคนมุ่งหน้าเดินไปยังบานประตูสีขาวที่อยู่ด้านหน้า ทั้งสามหยุดยืนตรงกลางสี่แยกที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่กำแพงสีขาวและห้องแลป
“จนถึงตอนนี้แล้วยังถามผมอีกหรือ?”
“ผมว่าเราสำรวจห้องแลปพวกนี้ก่อนดีกว่าไหมครับ” ฮีชอลถามต่อพลางมองไปยังห้องแลปที่มีซากศพของสัตว์ต่างชนิดอยู่ด้านใน
“คุณจะบ้ารึเปล่า? ข้างในนั่นน่ะ......” พูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญยืนอยู่สุดทางขวามือ ทั้งสามเบิกตากว้าง...ไม่รู้ว่าไอ้ตัวประหลาดนั่นมันคือตัวอะไร...และที่สำคัญ...ดูท่ามันจะไม่เป็นมิตรกับพวกเขาซะด้วย...
“S.T.A.R.S
..”
“พระเจ้า................”
“.......................”
“นั่นมันตัวเปรตอะไรวะเนี่ย....”
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!”
“วิ่ง!!!!!”
มือแกร่งคว้าข้อมือเล็กไว้พร้อมกับวิ่งย้อนกลับไปทางเดิมแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อตำรวจวัยกลางคนที่มาด้วยกันนั้นถูกสัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่กระชากคอเอาไว้...ก่อนที่ร่างในเครื่องแบบจะลอยขึ้นกลางอากาศ...
“S.T.A.R.S...........”
เสียงคำรามแผ่วเบาหากแต่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู...จองซูดันฮีชอลให้ยืนหลบอยู่ข้างหลัง ค่อยๆ ถอยหลังไปทีละก้าว...เขาได้ยินไม่ผิดแน่...ไอ้สัตว์ประหลาดตัวนั้นมันเรียกชื่อหน่วยเขา...
หน่วย S.T.A.R.S.
“ไม่ ไม่ ไม่... อย่า!!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” มือใหญ่เสียบทะลุใบหน้าอวบในทันทีอย่างไม่ปราณี...จองซูเบิกกว้างกับภาพที่เห็น ตำรวจร่างหนาชักกระตุกกลางอากาศก่อนจะถูกสะบัดปลิวไปทางประตูสีขาวที่ตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปในทีแรก.....แต่....
ร่างนั้นขาดเป็นชิ้นๆ เมื่อถูกแสงเลเซอร์ตัดขาดจนไม่เหลือชิ้นดี....
“S.T.A.R.S
.”
เป้าหมายที่สองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล...นัยน์ตาเกรี้ยวกราดหันไปมองเป้าหมายใหม่ที่ยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะคำรามอีกครั้งเมื่อเป้าหมายตรงหน้าชัดเจนแล้ว...
“S.T.A.R.S
.”
“วิ่ง!!!” ร่างโปร่งหมุนวาล์วเปิดประตูให้เปิดออกเพียงเล็กน้อยอย่างเร่งรีบพลางมองสัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ทุกทีๆ ฮีชอลวิ่งออกไปข้างนอกก่อนที่จองซูจะวิ่งตามออกมา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอ้ตัวประหลาดนั่นมันไวเสียยิ่งกว่าอะไร เขาวิ่งออกมายังไม่ถึงไหนก็ต้องเอี้ยวตัวหันกลับมายิงสะกัดเอาไว้พลางเดินถอยหลังไปด้วย
ปัง ปัง ปัง!!!
ไม่ได้ผล...ร่างสูงใหญ่นั่นไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย หยาดเหงื่อไหลซึมออกมาทั่วใบหน้าเมื่ออีกฝ่ายดึงราวเหล็กออกมาเป็นอาวุธ มือแกร่งเล็งปืนเข้าไปที่หัวพยายามรวบรวมสมาธิให้นิ่งมากที่สุดก่อนจะเหนี่ยวไกไปไม่ยั้ง
และนั่น...ยิ่งสร้างอารมณ์โทสะให้กับร่างสูงใหญ่มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม...
สัตว์ประหลาดยกมือขึ้นบังดวงตาหากแต่ฝีเท้ายังคงก้าวเข้าหาเป้าหมาย...
“S.T.A.R.S!!!!!!!!!!!!!!!!”
“อ๊ากกก!!!!”
ตำรวจหนุ่มโดนท่อนเหล็กฟาดเข้ากลางศรีษะอย่างแรงจนปลิวติดผนัง ร่างสูงใหญ่ยืนดูเหยื่อที่นอนบิดตัวเร่าอยู่บนพื้นพลางส่งเสียงคำรามในลำคอ...จองซูปรือตามอง...ภาพทุกอย่างมันช่างเลือนราง...ไม่นะ...ฮีชอล...
“ฮีชอล...หนี...”
“จองซู!!!”
“หนี...หนีไป...” เอ่ยเสียงแผ่วพลางจับขาร่างสูงใหญ่เอาไว้....ปีศาจร้ายก้มลงคว้าคอร่างโปร่งขึ้นมากลางอากาศ หยาดเลือดไหลลงมาจนตาพร่ามัว...
ระบบประมวลผลแล้วว่านี่คือตำรวจหน่วย S.T.A.R.S.
ที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก....
ภาพต่างๆ ตั้งแต่วัยเด็กฉายเข้ามาในหัว...ภาพของน้องชายที่โตไปตามกาลเวลา...จากตอนแรกใบหน้าของทงเฮนั้นมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม...แต่พอเวลาผ่านไป...กลับมีแต่สีหน้าแห่งความเศร้าหมอง...
นี่สินะ...วาระสุดท้ายของคนใกล้ตาย...
“ทงเฮ...พี่ขอโทษ....”
“ไม่!!!”
“กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!”
ร่างโปร่งทรุดลงไปกับพื้น...รู้สึกถึงแรงกระแทกอะไรบางอย่าง...นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างบางเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่นั่น.....
พร้อมกับกระโดดลงไปข้างล่างด้วยกัน......
“ฮีชอล!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ร่างโปร่งคลานขึ้นไปเกาะราวเหล็กอย่างยากลำบากก่อนจะมองลงไปข้างล่าง...ข้างล่าง...ที่มีเพียงแค่น้ำเชี่ยวกราด...
ไม่จริงใช่ไหม...คิมฮีชอล...คิมฮีชอลยอมเสียสละตัวเองเพื่อเขา...
“อึ่ก...” ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้น...หยาดน้ำใสไหลออกจากหางตา...รู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ...เมื่อภาพของร่างบางนั้นฉายเข้ามาในมโนความคิด....
แกร่ก.......
ประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับผู้มาใหม่...ขาเรียวเดินเข้ามาหาร่างโปร่งที่กำลังจะหมดสติ...ชายหนุ่มร่างผอมในชุดกราวน์หยัดตัวนั่งลงตรงหน้าตำรวจหนุ่มพลางยกมือขึ้นปัดไปมาระดับสายตาหากแต่ไม่ได้การตอบรับ
“นี่คุณ...ได้ยินผมรึเปล่า?”
“...........ได้...ได้ยิน”
“โอเค...เห็นทีผมต้องขอแรงคุณหน่อยถ้าไม่อยากโดนเพื่อนรักกลับมาทวงหนี้” ชายหนุ่มในชุดกราวน์เอ่ยพลางหิ้วปีกร่างโปร่งขึ้นมา...
คนๆ นี้เป็นใคร...
“คุณ....คุณเป็น...ใคร”
“ดร.จงอุน...คิมจงอุน...ผมช่วยชีวิตคุณไว้จำชื่อผมให้ได้ล่ะ”
“เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อน....ฮีชอล...ช่วยฮีชอล...”
“ช่วยอะไรกัน...คุณก็เห็นๆ อยู่ว่าเขาเลือกที่จะโดดลงไปข้างล่างนั่นกับอาวุธของอัมเบรลล่าเพื่อช่วยชีวิตคุณ”
“............................”
“รีบๆ เดินหน่อย...ผมเสียวสันหลังจะแย่อยู่แล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยพลางหันหลังกลับไปมองข้างหลังอีกครั้งก่อนที่ประตูจะปิดลง...
ฮีชอล...ผมขอโทษ...
.
.
ซ่า!!!!!!!!!!!!!
เสียงน้ำตกไหลลงมาสู่พื้นชั้นล่างสุด ใครอีกคนกำลังชะโงกหน้าจากชั้นสี่ลงมองสัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ที่กำลังหยัดตัวลุกขึ้นยืนในน้ำหลังจากระบบหยุดทำงานไปชั่วครู่หนึ่ง...เสียงคำรามก้องด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นเรียกรอยยิ้มได้จากใบหน้าสวยได้เป็นอย่างดี...
มือเรียวถอดแว่นที่สวมอยู่ทิ้งลงบนพื้นก่อนจะถอดเสื้อไหมพรมออกเผยให้เห็นชุดดำเข้ารูปที่สวมอยู่ด้านใน...รวบผมหยักศกขึ้นลวกๆ ก่อนจะก้มลงรูดซิปกระเป๋าเป้ที่สะพายมาด้วยตลอดทั้งทางควานหาของที่ไม่จำเป็นออกมา...นั่นก็รวมถึงกับอุปกรณ์ทำแผลและอาหารและเครื่องดื่ม...ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเก็บมันไว้อีก...
มันก็เป็นเพียงแค่การแสดงละคร....ทุกอย่าง....
ไม่มีคิมฮีชอลนักเขียนผู้แสนดีตั้งแต่ทีแรกแล้ว....
ตอนที่กระโดดลงมาพร้อมกับ NEMESIS ของเล่นของ Umbrella เพื่อช่วยปาร์คจองซู...ตำรวจหนุ่มที่เขาหลอกใช้มาตั้งแต่ทีแรก...ในระหว่างที่ดิ่งลงมากลางอากาศมือเรียวก็กดยิงปืนสลิงเข้ากับผนังอิฐพร้อมกับกระโดดลงบนทางเดินชั้นสี่แล้วปล่อยให้เนเมซิสตกลงไปในน้ำ ถุงมือสีดำที่อยู่ในกระเป๋าถูกสวมทั้งสองข้างก่อนจะคว้าไดอารี่สีดำออกมาเปิดออกเผยให้เห็นจอหน้าภาพประมวลผลต่างๆ ภายในสถานีตำรวจและห้องแลปทั้งหมด....พร้อมกับภาพท่านประธานที่ฉายขึ้นมาบนจอ...
“เข้ามาแล้ว”
มอย...
บอกแล้วว่าดัก....
(เชื่อว่าหลายคนโดนคิมฮีชอลดักตั้งแต่ตอนแรก)
กร๊ากกกกกก
สะใจอร้ะ!
ความคิดเห็น