คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตำราบทที่ 4 : ความจริงในอดีต....
ตามผลโพลของหนังสือพิมพ์โคเรียนิวส์...
ผลออกมาแล้วว่า...บุคคลที่ต้องอายนั้นไม่ใช่ใคร...นอกเสียจาก...
“หืม..?” ร่างสูงเลิกคิ้วมองเมื่อใครอีกคนหยิบกล่องสีขาวลายการ์ตูนขึ้นมาวางไว้ตรงหน้า คิบอมหันไปมองดวงหน้าหวานที่กำลังขึ้นสีระเรื่ออย่างงงๆ นี่ทำข้าวกล่องมาให้งั้นเหรอ?
“พี่ทำไข่ต้มมาล่ะ...”
ไข่ต้ม?
“อ่า...ครับ” ยิ้มบางๆ พลางขมวดคิ้วสงสัย ร่างสูงหารู้ไม่ว่าการกระทำแบบนั้นมันเด็ดหัวใจดวงน้อยๆ ของอีฮยอกแจไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าในใจของคิมคิบอมจะนึกขันกับสิ่งที่ได้เห็นก็ตาม...
ไข่ต้มงั้นเหรอ...ล้อเล่นรึเปล่า?
“ไปซื้อข้าวแดกดิ มัวแต่นั่งอมขี้ฟันเดี๋ยวก็หมดเวลาพักหรอก” แอมเบอร์บอกทงเฮเพื่อนรักที่กำลังนั่งหอบกระเส่าหายใจรวยรินอยู่ฝั่งตรงข้าม...
ทรมานเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะถูกคนอย่างอีฮยอกแจทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า...แถมดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย...แล้วเขาจะลุกออกไปไหนได้วะครับ...ในเมื่อบันนี่เฮแม่งเสือกตื่นแต่หัววันแถมกลางสถานที่สาธารณะแบบนี้...
หยาดเหงื่อไหลซึมตามขมับจนต้องเอื้อมมือขึ้นปาดออกลวกๆ คนบางคนก็ไม่ได้สนใจใยดีเขาเลยสักนิด ตอนนี้อย่าว่าแต่อากาศธาตุเลยครับ...วิญญาณหมาอีทงเฮยังเป็นไม่ได้เลย -_-
เหลือบหันไปมองคนข้างๆ แล้วก็นึกหมั่นไส้ ยิ้มปากแทบจะฉีกถึงใบหู มือไม้นี่หาที่วางไม่ได้ ไม่รู้จะเขินอะไรกันนักหนา...
ร่างบางหยิบไข่ฟองหนึ่งขึ้นมาพลางอมยิ้มน้อยๆ คือ...ตอนนี้อีทงเฮได้แค่มองแผ่นหลังของคุณอีฮยอกแจไงครับ ถ้าจะนั่งเอี้ยวตัวหันเข้าหาไอ้เหี้ยคิบอมขนาดนี้จะออกไปนั่งปูเสื่อจกส้มตำชมวิวทิวทัศน์กันสองต่อสองข้างบ่อปลาบึกหลังตึกสามก็ได้นะไม่มีใครว่า
“จะป้อนผมหรือไงครับ?” ถึงแม้จะนึกหัวเราะในใจแต่ก็ยังคงหยอดไม่หยุด ใบหน้าหล่อเหลายังคงมอบยิ้มให้กับคนตรงหน้าไม่มีพิรุธหลุดออกมาให้จับผิดเลยแม้แต่น้อย
ฮยอกแจพยักหน้ารับ....
อืม...ก็ดูน่ารักแบบเสแสร้งดี....
หรือจะให้มองว่าน่ารักใสๆ ล่ะ? ...คนอย่างคิมคิบอมคงมองคนที่เข้าหาเขาด้วยความคิดแบบนั้นไม่ได้หรอก...มีคนมากมายที่ชื่นชอบเขาและพยายามทำตัวน่ารักทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นอย่างนั้น
และผู้ชายที่ดูไร้เดียงสาจริงๆ เนี่ย....จะมีสักกี่คน?
“ไม่เอาดีกว่า...เดี๋ยวผมป้อนพี่ฮยอกแจเองนะครับ” พูดพร้อมกับหยิบไข่อีกฟองออกมาทำท่าจะเคาะกับเหลี่ยมโต๊ะ...ตามฉบับคนเกาหลีแล้วจะกินไข่ต้มทีต้องตอกกับหน้าผากตัวเองเพื่อความฟิน...แต่คนอย่างคิมคิบอมน่ะ...คงไม่ทำอะไรที่มันลดดีกรีตัวเองแบบนั้นแน่
ฮยอกแจเบิกตาโพลงรีบวางไข่ในมือลงพร้อมกับแย่งไข่จากอีกคนมาก่อนจะส่ายหน้าพรืด “เดี๋ยวพี่ปอกเปลือกให้” คิบอมหัวเราะในลำคอเบาๆ เอากะเขาสิ...
ปั๊ก!!!
แผละ!!!!
ไวเท่าความคิด ร่างบางเอาไข่ตอกเข้ากับหน้าผากตัวเองเต็มแรงจนทุกคนในโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียวกัน...คิบอมเบิกตากว้างเมื่อภาพตรงหน้ามันช่างยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด...
เมื่อไข่ดิบ...
ค่อยๆไหล....
ลงมาตาม....สันจมูก....อีกคน....
“=[]=!!” <- ฮยอกแจ
“เอ่อ.....................” <- คิบอม
“โอยยย กูจะบ้า....” <- ทงเฮ
“เยด.....................” <- เฮนรี่ แอมเบอร์
ทั้งไข่ขาวไข่แดงที่ยังดิบอยู่ค่อยๆ ไหลลงมาอย่างช้าๆ หากแต่ฮยอกแจนั้นกลับหยุดนิ่งไม่ขยับตัวไปไหน คาดว่าคงช็อคจนพูดไม่ออก....ได้ยินเสียงสะอื้นในลำคอเบาๆ หลังจากนั้นโต๊ะของผมก็ตกเป็นเป้าสายตาประชาชีอย่างปฏิเสธไม่ได้....
กูอยากบ้าครับ....ไอ้ข้างล่างนี่ก็ยังไม่ยอมสงบคนข้างๆ ก็ดันสร้างเรื่องให้อีก...
พอเห็นว่าไม่ได้การร่างหนาก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับเอากระเป๋าเป้ปิดเป้ากางเกงตัวเองไว้ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นเดินออกไปด้วยกัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กนักเรียนมากหน้าหลายตาในโรงอาหาร...หากแต่ใครคนหนึ่งกลับนั่งอมยิ้มหลังจากคนสองคนหายลับออกไปด้วยกัน...มือแกร่งหยิบไข่ที่อยู่ในกล่องพลาสติกขึ้นมาไว้ระดับสายตา เพ่งมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้...คนอะไร...ซื่อบื้อตั้งแต่วันแรกที่พบจนถึงตอนนี้
“กูควรขำป่ะ.............”
“ขำใครดีล่ะ ขำไอ้เหี้ยทงเฮหรือขำคุณพ่อของมัน” เฮนรี่ว่าก่อนจะหันไปแท๊กมือกับคนข้างๆ เอาความสะใจ
อีทงเฮหนอ...ถึงมึงจะพยายามเก็บอาการแค่ไหน...แต่ก็ปิดบังเพื่อนอย่างพวกกูไม่มิดหรอก...
“เรื่องนี้แม่งต้องขยาย กูล่ะอยากรู้จริงๆ ว่านี่มันกำลังช่วยเขา...หรือว่าจะให้เขาช่วยมันกันแน่” แอมเบอร์ระเบิดหัวเราะดังลั่น ไม่รู้ว่าป่านนี้ทงเฮจะจัดการกับตัวเองยังไงเล่นลากฮยอกแจออกไปแบบนั้น
“คิบอมแม่งไม่พระเอกเลยสัด ตามบทมึงต้องใช้หลังมือปาดไข่ออกจากหน้าพี่เขานะเว้ย” เฮนรี่พูดพลางกลั้นหัวเราะสุดใจ...ก็สงสารอยู่ล่ะครับ...แต่ตอนนี้ขอฮาก่อนเถอะ
“จะทำไงได้...ในเมื่อตัวอิจฉามันฉุดนางเอกกูไปแล้วนี่?” หัวเราะในลำคอเบาๆ ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ว่าถ้าเกิดเล่นกับความรู้สึกของร่างบางต่อไปแล้วจะเป็นยังไง?
มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถ้าเกิดเขาคิดจะเล่นกับอีฮยอกแจ...แค่ทำตามบทก็เท่านั้น...
เพราะรู้ดีว่าต่อให้พยายามแค่ไหน...อีฮยอกแจก็มัดใจคนอย่างคิมคิบอมไม่ได้หรอก
.
.
ผู้ชายหนึ่งคน...
จะอดทน...ได้นานแค่ไหน... T_T (ฮัมเพลง)
ซ่า....
เสียงน้ำจากฝักบัวไหลลงสู่ผิวเนียนขาว...เป็นอีกครั้ง...ที่อีทงเฮเข้ามาอาบน้ำให้อีฮยอกแจ...พอมองแผ่นหลังบางตรงหน้าแล้วก็จะเป็นบ้าอีกครั้ง อยากเอาหัวโขกฝาผนังสักร้อยทีจริงๆ จนกระทั่งตอนนี้บันนี่เฮก็ยังคงไม่สงบทั้งที่เวลาล่วงเลยมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว....
หรือเป็นเพราะผิวขาวตรงหน้า...กับกลิ่นแชมพูอ่อนๆ นี่กันนะ?
เป็นความโชคดีของเขาจริงๆ ที่ชั่วโมงนี้ไม่มีใครเข้ามาอาบน้ำล้างตัว ถ้าไม่อย่างนั้นคงถูกเข้าใจผิดว่าเขาหลอกฮยอกแจมาฟันนอกสถานที่เป็นแน่
ร่างบางนั่งกอดเข่า อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันจุกในอก ความรู้สึกตอนนี้น่ะเหรอ ปนกันสารพัด...อายจนไม่กล้าไปเจอหน้าคิบอมอีกแล้ว...ฮึก
“ครั้งแรกก็โดนน้ำถูพื้นสาด...”
“..................”
“คราวนี้เป็นไข่ดิบฝีมือตัวเอง....ฮื่อ...” กลีบปากอิ่มขยับบ่นอุบอิบ ร่างหนามองคนตรงหน้าอย่างเวทนาพลางขยี้หัวอีกฝ่ายจนเกิดฟองทั่วหัว
ตั้งแต่จำความได้ ครั้งล่าสุดที่ผมกับฮยอกแจอาบน้ำด้วยกัน....
“ฮื่ออ...”
“เป็นอะไรไป แชมพูเข้าตาเหรอ?” คนตัวโตเอ่ยถามเสียงใสก่อนจะหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ในสภาพเปลือยไม่ต่างกัน ฮยอกแจแกะมือเล็กออกเมื่อเด็กน้อยตรงหน้าเอาแต่ขยี้ตาตัวเองไม่หยุด
“ทงเฮอย่าขยี้ตาซี่ เดี๋ยวตาบอดนะ” คำขู่นั้นได้ผล ทงเฮหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายเชยคางมนขึ้นมา ตากลมโตหรี่ลงกึ่งน้ำตาจะไหล แสบตาจัง ทงเฮแสบตาจะตายอยู่แล้ว
“หลับตาเร็ว คุณพ่อจะเสกให้คุณแม่หายแสบตาเดี๋ยวนี้~” หลับตาอย่างว่าง่าย เปลือกตาบางนั้นปิดสนิท มือเล็กทั้งสองข้างวางลงบนเข่าคนตัวโตกว่า รู้สึกได้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่ค่อยๆ ไหลลงตามใบหน้า..
“ลืมตาได้แล้ว เพี๊ยง!” ร่างเล็กค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะเห็นใบหน้าของคนตัวโตกว่าที่ฉีกยิ้มจนเห็นเหงือก...อีกแล้ว...ทงเฮยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเพราะรอยยิ้มของฮยอกแจอีกแล้ว...
“ฮยอกแจทำได้ยังไง”
“มีอะไรบ้างที่เค้าทำไม่ได้” ยืดอกแห้งๆ อย่างมั่นใจก่อนจะเอาฟองน้ำถูตัวให้อีกคน เป็นอย่างนี้อยู่เสมอหลังจากเล่นด้วยกันจนเหนื่อย ตั้งแต่เล่นตักกองทรายในสนามเด็กเล่นยันแปลงร่างเป็นยอดมนุษย์
“มีสิ ฮยอกแจน่ะท้องไม่ได้” มองตาแป๋ว ปล่อยให้พี่ชายข้างบ้านขัดถูร่างกายตามอำเภอใจ ฮยอกแจเลิกคิ้วมองพลางยู่ปาก
“เพราะว่าทงเฮต้องท้อง เค้าเลยท้องไม่ได้ไงเล่า~” ตอบติดตลก ก็รู้ว่าทงเฮท้องไม่ได้ แต่ถ้าจะให้พูดความยาวสาวความยืดไปก็ใช่ว่าเด็กน้อยอย่างอีทงเฮจะเข้าใจนี่นา
“ทงเฮก็ท้องไม่ได้ เพราะหม่ามี๊บอกว่าทงเฮเป็นผู้ชาย”
“พูดงี้ได้ไงเล๊า...ถ้าทงเฮท้องไม่ได้แล้วน้องฮยอกเฮจะออกมาได้ยังไงกัน” เด็กน้อยคิ้วขมวดเมื่อได้ยินเหตุผลข้างๆ คูๆ ของพี่ชายข้างบ้าน...ก็ไม่รู้หรอกว่าวิธีคลอดลูกมันทำยังไง ได้ยินหม่ามี๊บอกมาแบบนั้นทงเฮก็เลยเชื่อ...แต่พอฮยอกแจพูดแบบนี้แล้ว....
“งั้นแสดงว่าทงเฮท้องได้ใช่ไหม” เด็กน้อยถามตาแป๋ว ฉายแววตาจริงจังหากแต่คนตรงหน้านั้นได้แต่พยักหน้าตอบปัดๆ ไป
“งั้นฮยอกแจทำให้ทงเฮท้องอีกได้ไหม ทงเฮอยากมีลูก” ฮยอกแจหยุดชะงักเมื่อโดนฮุคหมัดตรง..เอาล่ะสิ...ที่พูดไปแบบนั้นใช่ว่าจะรู้ซะเมื่อไหร่ว่าวิธีท้องนี่มันทำกันยังไง...พอก้มลงจ้องเข้าไปยังนัยน์ตากลมโตที่ฉายภาพเขาอยู่ในนั้นแล้วก็คิดได้ว่าไม่ควรทำให้น้องชายข้างบ้านต้องผิดหวัง...
ตอนมีน้องฮยอกเฮ...ฮยอกแจก็แค่เดินไปหยิบตุ๊กตาลิงที่ได้มาตอนวันเกิดมาเล่นเท่านั้นเองนะ...
“เอ่อ.......”
“นะๆ เรามาทำลูกกันนะ” เขย่ามืออีกคนอย่างเอาแต่ใจ ฮยอกแจขมวดคิ้วพลางนึกถึงละครหลังข่าวตอนเย็นที่ติดงอมแงมไม่ต่างจากคนเป็นแม่...พอจะจำได้อยู่ลางๆ ว่าพระเอกจูจุ๊บนางเอกแล้วตัดภาพไปที่โคมไฟ หลังจากนั้นไม่นานนางเอกก็ตั้งท้อง....หรือว่านั่นจะเป็นวิธีทำเด็กกันนะ?
ต้องใช่แน่ๆ เลย!
“รู้แล้ว!”
ร่างเล็กฉีกยิ้มกว้าง ตั้งหน้าตั้งตาฟังวิธีทำลูกอย่างสนอกสนใจ ทงเฮเห็นเพื่อนๆ คนอื่นมีลูกตั้งหลายคน ทงเฮอิจฉา ทงเฮอยากให้น้องฮยอกเฮมีน้อง น้องฮยอกเฮจะได้ไม่เหงา
“ทงเฮหลับตาซี่”
“เอ๋...ทำไมต้องหลับตาด้วยล่ะ”
“ถ้าไม่หลับตาเด็กก็จะไม่เข้าท้องทงเฮนะ” ทำสีหน้าจริงจังจนคนตัวเล็กกว้าอ้าปากหวอ ในความคิดเด็กน้อยทั้งสองมันช่างเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสียนี่กระไร...
“อู้หู! ก็ได้~ งั้นทงเฮจะหลับตาแล้วนะ” เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลง มือเล็กวางไว้บนเข่าตัวเองก่อนที่จะได้ยินเสียงใครอีกคนลากเก้าอี้ไม้ตัวเล็กเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับเสียงกระดิ่งกำไลข้อมือ...กลิ่นแชมพูเด็กหอมอบอวลไปทั่วห้องน้ำ...และเสียงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดลงข้างริมฝีปาก
‘จุ๊บ....’
ที่จำได้ก็มีแค่นี้...หลังจากนั้นทำอะไรกันบ้างก็ไม่รู้สมองขาวโพลนไปหมด...รู้แค่ว่ามันนุ่มนิ่มมากจนอยากทำซ้ำอีกหลายๆ รอบ...และดูเหมือนว่าหลังจากคราวนั้นเขาก็ไปอ้อนให้ฮยอกแจจุ๊บปากอยู่บ่อยๆ ซะด้วย orz
ได้แต่ภาวนาขอให้ฮยอกแจลืมมันไป...ก็ตอนเป็นเด็กเขาเสือกอ้อยใส่ฮยอกแจไว้เยอะ...รู้สึกละอายใจอยู่ลึกๆ...เฟลทุกครั้งที่นึกถึง...ถ้ากด Shift+Delete ได้ก็คงไม่ต้องมานั่งง่าวแบบนี้
“แก....”
“หืม?”
“ต้มไข่ตั้งแต่ตีห้าจนถึงหกโมง...แล้วทำไมไข่มันถึงไม่สุกล่ะ...” คำถามติสม์แตกนามธรรม....ต้องให้แอดพินบีบีไปขอคำตอบเชฟหมีไหม? ลำพังเขาใช่ว่าจะรู้เรื่องทำอาหารซะเมื่อไหร่ แค่เจียวไข่ให้ไม่ไหม้ก็เป็นบุญหัวแค่ไหนแล้ว
“เปิดไฟเบาไปรึเปล่า.....” ยังจะดันทุรังให้คำตอบอีกอ่ะครับกู
“เปิดพอดีแล้วนะ เปิดเท่าๆ กับวันที่ทำไปให้แกกินเลย T_T”
“เออนั่นแหละ”
“คิบอมต้องเห็นฉันเป็นตัวตลกแน่ๆ..ฮึก....” ไม่ใช่แค่คิบอมหรอก...ไอ้สองตัวที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เห็น...
“นั่งนิ่งๆ จะล้างผมให้” คว้าฝักบัวมาแล้วสะกิดไหล่อีกคนให้นั่งตัวตรง ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่
ทำไมน้า...ทำไมโชคถึงไม่เข้าข้างสักที
ล้างผมให้จนสะอาดแล้วก็คว้าฟองน้ำมาบีบสบู่เหลวใส่ก่อนจะละเลงถูไปตามแผ่นหลังขาวเนียน...ยิ่งมองต่ำก็ยิ่ง..... อื้อหือ....
อีทงเฮมึงเป็นเชี่ยอะไรนักหนาเหรอครับกูขอถามสักนิด....
กลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ นัยน์ตาคมเบือนหลบไปทางอื่นส่วนมือก็ถูๆ ไถๆ สะเปะสะปะไปอย่างนั้น สะอาดไม่สะอาดก็อีกเรื่องหนึ่ง ในตอนนี้แค่คิดว่ารีบทำจะได้รีบๆ เสร็จไป อารมณ์เดียวเหมือนกับตอนฝืนทนนอนมุ้งเข้าค่ายพระพุทธตอน ม.ต้นไม่มีผิด
พูดถึงแล้วมันก็ใช่ธุระของเขารึเปล่าที่ต้องมาอาบน้ำให้พี่ชายข้างบ้านแบบนี้...รู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น อายุเจ็ดแปดขวบหรือจะไม่ว่า....เออมันก็จริงอยู่ที่เขาเป็นคนลากฮยอกแจออกมาจากตรงนั้นเอง ข้อแรกคือทนดูไม่ได้ ข้อสองคือ... (ก้มลงมองเป้าตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ)
“อ๊ะ...ทงเฮ...ตรงนั้นน่ะ”
....ค...ใครสั่งใครสอนให้ส่งเสียงแบบนั้นในเวลาแบบนี้วะครับ.......
ร่างหนาผละตัวออกเล็กน้อยมือร่างบางเอื้อมมาจับมือเขาที่กำลังถูหลังเอาไว้จนฟองน้ำหลุดออกจากมือโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาคมเบิกกว้างพลางมองไปตามมือเรียวที่กุมมือเขาให้ลูบลงบนแผ่นหลังอย่างช้าๆ...และยิ่งกว่านั้นคือ...
“อื้อ..ใช่...ตรงนั้นแหละ”
ตรงนั้นอะไร.........
ตรงนั้นทำไมเหรอฮยอกแจ...........
“เกาให้หน่อย~”
( ̄(エ) ̄)..............
เหนื่อย...เหนื่อยจริงๆ
วิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบก็ยิ่งไม่เคยเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้...
อีฮยอกแจ...ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ขี้ๆ พี่นี่ช่างร้ายกาจเสียจริง...
“เกาให้หน่อยซี่~”
“เออๆ” ขมวดคิ้วพลางตอบปัดๆ ไปก่อนจะใช้นิ้วชี้สะกิดแผ่นหลังบางจนเกิดรอยแดงจางๆ เจ้าตัวเอาแต่หัวเราะคิกคักผิดกับใครอีกคนที่เริ่มรู้สึกแปลกๆ ตรงช่วงล่างอีกครั้ง...จะมาบ้าจี้อะไรตอนนี้เหรอครับแม่คุณรุนช่อง...
โอย...รู้สึกอยากเตะปากตัวเองก็วันนี้ ขัดใจตัวเองจริงๆ เคยเป็นป่ะครับแบบ...รู้สึกหงุดหงิดถกเถียงกับตัวเองตลอดเวลาน่ะ...ก็เข้าใจหรอกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน...แต่พอเห็นไอ้นั่นมันตื่นตัวบ่อยๆ เพราะคนๆ นี้แล้วก็รู้สึก...
“เฮ้อออออออออออออออออ”
“เป็นไรอ่ะ”
“เปล่า” ตอบเสียงเนือยๆ ยังมีหน้ามาถามอีก ไม่ลองมาเป็นเขาบ้างไม่รู้หรอก
ใช้เวลาไม่นานนักแต่สำหรับอีทงเฮผู้นี้มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน...ในที่สุดผมก็จัดการอาบน้ำให้เด็กชายอีฮยอกแจเสร็จเป็นที่เรียบร้อย (ประชด) คือถ้าไปสมัครเข้าทำงานเนิร์สเซอรี่เขาคงรับเข้าทำงานทันทีอ่ะ
ว่าแล้วก็สะบัดน้ำออกจากมือและเท้า ถลกขากางเกงสแลคสีดำที่พับขึ้นถึงเข่าลงก่อนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ พ่นลมหายใจออกอย่างโล่งอกพลางก้มลงมองเป้ากางเกงที่ยุบกลับเข้าสู่สภาพปกติแล้ว...ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มเล็กน้อย...
หึหึ....บอกแล้ว...ว่าไม่มีอะไรที่อีทงเฮทำไม่ได้...
ตอนถูหลังก็นั่งท่องยุบหนอ..ยุบหนอ.. (ตัดพองหนอทิ้งไป) มันยากมากนะครับที่ต้องสงบสติอารมณ์ทั้งที่เหยื่อลอยอยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะเคยย้ำนักย้ำหนาว่าคนตรงหน้าเนี่ยไม่น่าพิศวาสสักนิดก็เถอะ....
“เสร็จยัง” ส่งเสียงกลับไปเมื่อเสียงฝักบัวหยุดลง ร่างหนาเดินไปหยุดหน้าล็อคเกอร์พร้อมกับหยิบชุดพละและผ้าขนหนูในขณะที่ร่างบางกำลังเดินออกมา......
ในสภาพเปลือยเปล่า...
นี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนผมคงคิดว่าฮยอกแจกำลังยั่ว(โมโห)ผมอยู่อ่ะครับ... -_-
“ขอผ้าขนหนูหน่อย” เป็นทงเฮที่เบือนหน้าหลบไปก่อน เออ....ให้มันได้อย่างนี้...มือหนายื่นผ้าขนหนูให้ทั้งที่สายตาทอดมองออกไปทางอื่น...ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็จริง...แต่....
กึ่ก!!
ร่างหนาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินคุยกันและดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาทางนี้ซะด้วย ยังไม่ทันจะส่งผ้าขนหนูถึงมือก็ต้องรวบตัวร่างบางเอาไว้แล้วดันกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับใช้เท้ายันปิดประตู คนในอ้อมกอดเอาแต่ดิ้นพล่านจนตัวเขานั้นเริ่มเปียกไปด้วย ทงเฮได้เพียงแค่เอามือปิดปากฮยอกแจเอาไว้ก่อนจะกระซิบข้างหูแผ่วเบา
“ชู่วววววว์.......”
“เชี่ยแม่ง ฮีนิมสั่งกูไปเต้นเกาไข่ให้พวกเด็กปีหนึ่งดู กูล่ะอายชิบหายห่าปลวก”
“5555555555555555555555555555”
“พอเหอะ กูอุจาดตามากพอแล้ว”
“นี่แค่กูใส่นาฬิกาเหมือนเขาเองนะเว้ย”
“อืมก็สมควรแล้วที่มึงโดนฮีนิมลงทัณฑ์...”
“วันหลังบอกพี่แกสั่งทำของใช้ส่วนตัวไปเลยเหอะถ้าจะลงโทษกูเพราะเหตุผลนี้ เป็นครูประสาอะไรวะสาด”
“มึงอย่าเอ็ดไป...หูฮีนิมดียิ่งกว่าอะไร...”
ได้ยินเสียงพูดคุยของเหล่านักเรียนชายข้างนอกพร้อมกับเสียงเปิดฝักบัวที่ติดอยู่ผนังตรงทางด้านซ้ายของห้องอาบน้ำรวม คงเป็นพวกเด็กที่มาอาบน้ำเพราะทนกลิ่นเหงื่อตัวเองไม่ไหว นัยน์ตาเรียวกระพริบปริบๆ พอจะเข้าใจสถานการณ์เลยหยุดอยู่นิ่งๆ ในอ้อมกอดของร่างหนา ทั้งคู่ค่อยๆ หยัดตัวลงนั่งกับพื้นกระเบื้องที่ยังคงชื้นไปด้วยน้ำอีกทั้งกลิ่นสบู่ยังคงอบอวลไปทั่ว...นั่นทำให้ทั้งคู่...เริ่มรู้สึกแปลกๆ
“เงียบๆ”
“อื้อ~”
พอรู้ตัวอีกที...ฮยอกแจก็นั่งอยู่บนตักเขาแล้ว....
และยิ่งรู้ตัวอีกที....ก็พบว่าตัวเองเอาคางเกยไหล่เนียนนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...
และยิ่งกว่านั้น....มือของเขา...กำลังสวมกอดเอวคอดของฮยอกแจไว้แนบชิดกับแผงอกตัวเองซะด้วย....
และยิ่งกว่านั้นของกว่านั้นคือ...........
บันนี่เฮ.....ตุงอีกแล้วล่ะครับ.....
“แก...”
“อะไร
..”
“อะไรไม่รู้ทิ่มก้นฉันอ่ะ...” พูดเสียงอู้อี้พร้อมกับขยับตัวเมื่อรู้สึกอึดอัดตรงช่วงหลัง ทงเฮก็พอรู้หรอกว่ามันเกิดจากอะไรแต่ก็ได้แค่ล็อกตัวร่างบางให้นั่งอยู่นิ่งๆ
“อยู่นิ่งๆ....เถอะน่า.....อา.....” โอย...ยิ่งคนตัวเล็กบดเบียดขยับตัวแค่ไหน...ยิ่งรู้สึกมากขึ้นเท่านั้น....ให้ตายเถอะเจสัน....เพียงแค่สะโพกเปลือยเปล่าที่กำลังเสียดสีกับบันนี่เฮผ่านกางเกงสแล็คเท่านั้นทำไมถึงรู้สึกดีได้ขนาดนี้ล่ะ....
เด็กหนุ่มที่กำลังเอาสบู่ละเลงตัวหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงอู้อี้ภายในห้องน้ำข้างๆ มือแกร่งสะกิดเพื่อนให้เงียบก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะเงี่ยหูฟังเสียงงุ้งงิ้งที่ดังอยู่ในห้องน้ำแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อประโยคที่ได้ยินมัน...
“ก็อัดอึดอ่ะ...เปลี่ยนท่าได้ไหม”
“อยากให้คนได้ยินรึไง...อยู่ท่านี้แหละดีแล้ว”
“อ๊ะ! ทงเฮ”
“อา...ให้ตายสิ...”
“..........................”
“..........................”
“..........................”
“..........................”
ไร้วาจาจะกล่าว...
ก็ไม่ได้ใสซื่อพอที่จะทนฟังไม่ได้ เด็กวัยรุ่นอย่างพวกเขาน่ะโหลดหนังโป๊มาดูแล้วนักต่อนัก ถึงแม้ว่าใครบางคนในที่นี้จะยังเวอร์จิ้นอยู่ก็ตาม เด็กหนุ่มหันหน้าเข้าหาฝักบัวก่อนจะล้างตัวแล้วรีบใส่เสื้อผ้าท่ามกลางเสียงอู้อี้ที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว
“กูว่าเรารีบไปเหอะว่ะ”
“ไอ้เหี้ย...จะรีบไปไหนวะ กูอยากรู้ว่าใครอยู่ในนั้น...”
“พ่อง มึงไม่ได้ยินเมื่อกี้เหรอสัด”
“ได้ยินดิ เพราะงั้นถึงอยากอยู่ฟังต่อ”
“รีบไปเหอะ กูกลัว”
“กลัวเหี้ยไรกันวะ เฮ้ย!”
“อ๊ะ! ไอ้คนลามก! ปล่อยเลยนะ!”
“เพราะพี่นั่นแหละ! ก็บอกแล้วว่าให้อยู่นิ่งๆ! อะ..อา..”
“ไอ้สัด พวกมึงจะอยู่ก็อยู่ไปนะ กูไปละ” พูดพร้อมกับสวมกางเกงอย่างลวกๆ เข็มขัดเอาไว้ออกไปข้างนอกให้ได้ก่อนแล้วค่อยใส่แล้วกัน
ได้ยินแค่ชื่อ ‘ทงเฮ’ ขามันก็สั่นอย่างบอกไม่ถูก คนๆ นั้นนอกจากจะปากหมาแล้ว ยังชอบพาลไปทั่วอย่างไร้เหตุผลอีก...ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโรงเรียนเกรียนไม่เลือกสถานที่ ออกข่าวหน้าหนังสือพิมพ์โรงเรียนเกือบทุกวันประหนึ่งเป็นอริกับประธานชมรม
“เฮ้ยๆ กูว่าไม่ใช่แล้วล่ะ แม่งขืนใจกันชัดๆ เข้าไปช่วยดีไหมวะ”
“ช่วยพ่องไง๊? มึงรู้จักอีทงเฮป่ะสัด!” พูดพร้อมกับโบกกระบาลเพื่อนไปทีนึงในระหว่างที่เด็กหนุ่มอีกสองสามคนกำลังล้างตัวด้วยความเร่งรีบ ใครจะอยู่ก็อยู่เถอะครับ
ไม่อยากจะคิดภาพตอนอีทงเฮเดินออกมามองหนังหน้าพวกเด็กเกรียนที่ริอาจมาขัดขวางตอนเขากำลังผสมพันธุ์...
.
.
เกิดมาเป็นผู้ชาย...
มันก็ลำบากแบบนี้ล่ะครับ...
ร่างบางนั่งอยู่บนชั้นล็อกเกอร์พลางเช็ดผมรอใครอีกคนที่ยังคงอยู่ในห้องน้ำ นัยน์ตาเรียวทอดมองไปยังประตูที่ปิดสนิทก่อนจะยู่ปากน้อยๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่...
หลังจากสิ้นสุดเสียงเด็กหนุ่มที่ส่งเสียงอยู่ภายนอกแล้วฮยอกแจก็แทบคลานออกมาเมื่อเห็นว่าใครอีกคนดันทำเรื่องอนาจารต่อหน้าเขาซะได้ ก็ดูสิ..ไอ้บ้าทงเฮน่ะ...
“ไอ้ลามกเอ๊ย...” บ่นอุบอิบพลางคว้านาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้ก่อนไปอาบน้ำขึ้นมาดู...ตอนนี้ก็บ่ายสองแล้ว...ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้วสิ...ถ้ากลับไปห้องเรียนตอนนี้คงโดนคยูฮยอนบ่นหูชาแน่....ไม่หรอก....กลับไปตอนไหนก็โดนบ่นหูชาเหมือนกัน งั้นเอาเป็นว่าค่อยโผล่ไปให้เห็นพรุ่งนี้ดีกว่า
ซ่า....
เงยหน้ารับกระแสน้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแล้วก็ต้องเอาหัวโขกผนังห้องน้ำเบาๆ สักสองสามทีเมื่อนึกถึงเรื่องน่าอายเมื่อครู่...
เขา ปล่อย ไอ้นั่น ใส่ กาง เกง ตัว เอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อสัมผัสวาบหวามนั่นทำให้อีทงเฮสำเร็จความใคร่ได้อย่างหน้าด้านๆ แบบไร้การเล้าโลม...และไม่มีการพูดจาปลุกเร้าอะไรทั้งสิ้น....
แต่กูก็กล้าเสร็จ....
แถมเสร็จ.....ใส่กางเกงตัวเองซะด้วย....
“ไอ้คนลามก!”
“เงียบไปเลย!” ส่งเสียงตะโกนกลับไปเมื่อร่างบางเอาแต่ก่นด่าเขาไม่หยุดทั้งที่เป็นความผิดตัวเองแท้ๆ ใครใช้ให้เอาสะโพกมาถูไถเป้าเขาก่อนล่ะ ทำผิดยังไม่รู้ตัวอีก!
.
.
จนได้...เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเลิกเรียน ทั้งคู่ออกมาในสภาพชุดพละของตัวเอง หลังจากนั้นทงเฮก็เอาแต่เงียบไม่พูดอะไร ได้เพียงแค่เหลือบหันไปมองคนข้างๆ ที่เอาแต่ทำหน้าหงอย และดูเหมือนว่าฮยอกแจจะไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่เขาปล่อยลูกหลานใส่กางเกงต่อหน้าต่อตาเลยสักนิด กลับกันแล้วดูเหมือนว่าร่างบางจะนอยแดกเรื่องไอ้เชี่ยคิบอมซะมากกว่า
แต่ช่างเถอะ นั่นมันดีกว่ากันเป็นไหนๆ !
“คิบอมจะกลับรึยังนะ” คงอยู่ให้พ่อหรอกจ้า ป่านนี้ไปนัดเดทกับสาวที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
“ไม่รู้ดิ ให้โทรหาป่ะล่ะ” ถามลองเชิงไปงั้น ก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี เห็นงี้อีทงเฮก็อายเป็นเหมือนกันนะ ไอ้เรื่องแบบนั้นถ้าใครรู้เข้าคงตกเป็นขี้ปากนานจนลูกเข้ามหาลัยเป็นแน่
“ไม่เอา...กลัวเขารำคาญ” ถูกต้อง...รู้จักจุดยืนตัวเองแบบนี้คงอยู่กับไอ้คิบอมได้นาน...แต่ไม่ใช่แค่คิบอมหรอก ถ้าใครมาเซ้าซี้หรือทำตัวมากมายกับเขาเมื่อไหร่ก็คงรำคาญเหมือนกัน
ร่างบางจูงจักรยานสีเหลืองไปตามฟุตปาธดูเหมือนคนสิ้นหวังในชีวิต ทงเฮเคี้ยวหมากฝรั่งพลางล้วงกระเป๋ากางเกงเดินตามไปโดยที่ไม่พูดอะไร ดูท่าจะผิดหวังมาก แต่ก็นะ....ความรักมันก็อย่างนี้แหละ....ปลงซะเถอะฮยอกแจ
“เฮ้ย! นั่นทงเฮใช่เปล่า?”
“........?” นัยน์ตาคมหรี่มองคนที่ชี้หน้าเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งคู่หยุดอยู่กับที่พลางมองไปยังชายหนุ่มร่างผอมบางที่กุมมือหญิงสาวร่างเล็กเอาไว้
“ใครวะ...” พึมพำเบาๆ พลางเกาหัวก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะจูงมือหญิงสาวร่างเล็กข้ามถนนมาหา ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งคุ้นหน้า
“อ้าวเฮ้ย! โจควอนป่ะ?”
“เออดิ! แทบจำไม่ได้เลย นี่มึงเลิกเตี้ยแล้วเหรอวะ” พูดพร้อมกับตบบ่าร่างหนาปั๊กๆ เชี่ยนี่ไม่เจอกันสามสี่ปียังพูดจากวนส้นตีนเหมือนเดิม...
“เออ แล้วตอนนี้มึงเรียนไหน”
“เจวายพีอินเตอร์เนชั่นแนลสคูล...” ยืดอกภาคภูมิใจ แหม๊...คือจะโชว์โง่ว่าพ่อแม่มึงมีเงินส่งค่าเทอมเดือนละแสนสินะ
“นั่น...ฮยอกแจใช่ไหม?” หญิงสาวร่างเล็กถามเสียงใส นัยน์ตาเรียวที่กรีดด้วยอายไลน์เนอร์เพ่งมองฮยอกแจก่อนจะฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับกรูเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้า
“ใช่ฮยอกแจจริงๆ ด้วย!”
“อะ...เอ๋?” ร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้นๆ แฮะ...
“เราซนกาอินไง เรียนห้องเดียวกันตอนประถมน่ะจำได้ไหม?”
“ซน...ซนกาอิน...”
“เมื่อก่อนเราไว้ผมยาวตกหลังแล้วชอบให้ฮยอกแจเปียผมให้อยู่บ่อยๆ...จำได้ไหมเนี่ย...”
“อะ...อ๊อออออออออออออ......”
“ถ้าจำไม่ได้นี่เราโกรธจริงๆ ด้วย”
ปล่อยให้สองหนุ่มยืนมองเป็นตาเดียวกัน ทงเฮสะกิดเพื่อนตัวบางที่ยืนอยู่ข้างๆ นึกสงสัย
“นั่นแฟนมึงเหรอ”
“เออ แฟนกูเองอ่ะ นั่นใช่คุณพ่อที่มึงเคยเพ้อถึงตอนประถมป่ะวะ...” ถามทั้งที่สายตายังคงจับเรด้าที่แฟนสาวตัวเองอยู่
“เออดิ แล้วแฟนมึงเค้ารู้จักฮยอกแจได้ไงวะ”
“จะไม่รู้จักได้ไง 5555555555555555” ระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ สักทีเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ โจควอนสะกิดไหล่อีกคนพลางป้องปากกระซิบ
“มึงจำตอนที่พี่ฮยอกแจนอกใจมึงได้ไหม......”
ภาพสีซีเปียค่อยๆ ฉายขึ้นมาทีละฉาก....ภาพที่พี่ชายข้างบ้านกำลังหัวเราะคิกคักกับเด็กสาวผมยาว....ภาพที่ทั้งคู่จูงมือวิ่งไปด้วยกัน....
“ผู้หญิงที่อยู่กับพี่ฮยอกแจในตอนนั้น...ก็แฟนกูนี่แหละ....”
ร่างหนาผละตัวออกพลางขมวดคิ้ว....ทำไมรู้สึกลางไม่ดีแปลกๆ ....
“ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว.....กูมีอะไรจะสารภาพบาปกับมึงล่ะทงเฮ”
“พูดเหี้ยอะไรของมึง”
“ถึงแม้ว่าช่วงนั้นกูจะเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์เพื่อไปสารภาพบาปแล้วก็เถอะ...”
“ที่กูบอกว่าพี่ฮยอกแจนอกใจมึงตอนนั้นน่ะ........กูโกหกว่ะ”
( ̄(エ) ̄)
“คือตอนนั้นกูแอบปิ๊งพี่กาอินอยู่....แล้วเห็นพี่ฮยอกแจแม่งไปง้องแง้งใส่อยู่ได้...ด้วยแรงหึงโหดกูเลยใช้มึงเป็นเครื่องมือ....โทษทีนะเพื่อน”
( ̄(エ) ̄)
“กูมารู้เอาทีหลังว่าที่พี่กาอินเค้าสนิทกับพี่ฮยอกแจตอนนั้นเพราะเขาทั้งคู่ต้องซ้อมละครเวทีด้วยกันในงานวันเด็ก...กูหน้ามืดไปนิด...ก็เลย”
( ̄(エ) ̄)
“เฮ้ย! อย่าทำหน้างั้นดิวะ! ไหนๆ ตอนนี้มึงกับพี่ฮยอกแจก็ยังรักกันดีอยู่นี่ กูกับพี่กาอินก็พึ่งคบกันไม่นานนี้เอง นี่ลงทุนตามไปเรียนที่เดียวกันเลยนะเนี่ย แต่อย่างว่าล่ะนะริอาจจะมีความรักแม่งต้องพยายามไขว่คว้า เหมือนที่มึงฝ่าฟันชะนีทั้งหลายแล้วมาหยุดที่พี่ฮยอกแจ...แม่งแจ่มใสสัดๆ อ่ะชีวิตมึง....ไง? ทุกอย่างลงตัว...เพอร์เฟค!!!”
คำพูดปลอบใจทั้งหลายไม่ได้เข้าโสตประสาทของอีทงเฮเลยแม้แต่น้อย ภาพเก่าๆ มันฉายเข้ามาในหัวไม่หยุด ภาพเด็กอ่อนแอกำลังพยายามฝืนตัวเองเพื่อแก้แค้นพี่ชายข้างบ้านที่ทำลายความรักความไว้ใจจนกลายเป็นคนละคน แทบลืมไปแล้วว่าตัวเองนั้นเคยรักอีฮยอกแจมากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นทงเฮก็ได้เพียงแค่บอกกับตัวเองว่า
‘ก็แค่ความรักแบบเด็กๆ’
ก็เท่านั้น
นัยน์ตาคมจ้องมองไปยังร่างบางที่กำลังหัวเราะพูดคุยอย่างออกรสกับหญิงสาวตรงหน้า เดี๋ยวสิ...ไอ้ความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นมานี่คืออะไร? เพียงแค่รู้ความจริงว่าฮยอกแจเองไม่เคยหักหลังอย่างที่เขาเคยคิดงั้นเหรอ?
“แล้วฉันจะโทรหานะ รับสายด้วยล่ะ~” หญิงสาวร่างเล็กพูดพร้อมกับหยิกแก้มคนตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว
“โอเค~ แล้วเจอกันนะ~”
“เฮ้ย! กูจะไปแล้วนะ ไหนเอาเบอร์มึงมาดิ๊” โจควอนว่าพร้อมกับสไลด์ไอโฟนเตรียมเมมเบอร์เพื่อนเก่าหากแต่คนข้างๆ กับยืนนิ่งเป็นเทพีเสรีภาพก็ไม่ปาน
“43”
“เบอร์เหี้ยอะไรขึ้นต้นด้วย 43 วะ?” ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“เบอร์ตีนกูไงขึ้นต้นด้วย 43”
.
.
เคยบอกตัวเองว่า...
อดีตยังไงมันก็คืออดีต...ปัจจุบันและอนาคตสิสำคัญที่สุด
สุดมุมของท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มในขณะที่อีกฟากยังคงเป็นสีส้มอ่อนๆ แสงแดดยามเย็นทอแสงลงกระทบบนดวงหน้าหวานแล้วยิ่งน่ามอง...ไม่สิ....ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก
ที่มอง...ก็เพราะว่ารู้สึกผิด
แล้วผมจะมารู้สึกผิดทำซากอะไรวะเนี่ย ในเมื่อตอนนี้เราสองคนต่างก็เปลี่ยนไปแล้ว และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดฮยอกแจดราม่าเสียใจว่าผมเปลี่ยนไปก็ว่าไปอย่าง เพราะฉะนั้น...รีบตัดความรู้สึกนี้ทิ้งไปซะ -_-
“อ๊ะ”
ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจักรยานที่จูงอยู่ถูกใครอีกคนแย่งไป นัยน์ตาเรียวมองการกระทำของคนตรงหน้าที่แปลกไปจากทุกครั้งเมื่อร่างหนาขึ้นขี่จักรยานพลางส่งสายตามองคนที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก
“ขึ้นมาดิ”
“ห๊ะ?”
“ยังจะห๊ะอีก ขึ้นมาได้แล้ว” พูดพร้อมกับดึงข้อมืออีกคนให้ขึ้นมาซ้อนท้าย ฮยอกแจมองแผ่นหลังกว้างก่อนจะคว้าเอวหนาไว้แทบไม่ทันเมื่ออีกคนออกตัวปั่นจักรยานโดยที่ไม่ให้เขาได้ตั้งหลัก
“แก อย่าปั่นเร็วนักสิ” พูดพร้อมกับฟาดหลังอีกฝ่ายไปทีนึง ไม่รู้จะรีบไปไหน ปั่นบนฟุตปาธมันอันตราย ตอนทางโค้งก็ไม่ยอมชะลอด้วย
“เอ๊ะ...นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านเรานี่...ทงเฮ แกปั่นมาผิดทางแล้วนะ เราต้องกลับกันทางนั้นต่างหาก” สะกิดแขนอีกคนพลางชะเง้อหน้ามอง เห็นเสี้ยวหน้าของร่างหนาเล็กน้อย แต่พออีกฝ่ายไม่ยอมฟัง เขาก็คงทำอะไรไม่ได้อีกนอกเสียจากนั่งเงียบๆ จนกว่าทงเฮจะเหนื่อยแล้วใช้ให้เขาไปปั่นแทน
ฮยอกแจขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ คนเอาแต่ใจก็จับมือเขาทั้งสองข้างไปกอดเอวเอาไว้ หันหน้ามาสบตากันเพียงครู่เดียว ได้ยินเสียงแว่วๆ ที่พัดผ่านมากับสายลมว่า
“เกาะไว้แน่นๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปเหมือนคราวนั้นหรอก”
จำได้ว่าเมื่อสองสามปีที่แล้วเขาเคยซ้อนท้ายทงเฮแล้วเจ้าเด็กบ้านี่ก็เอาแต่ปั่นแข่งกับมอเตอร์ไซส่งรามยอน มันเร็วมากจนเขากระเด็นตกจากจักรยานไป ครั้งนั้นได้แผลตรงหัวเข่าและข้อศอกมา อาบน้ำก็ลำบากแสบจนแทบน้ำตาซึม..ทงเฮก็บ่น บอกว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ยอมกอดเอวทงเฮไว้ถึงได้ตกลงไปแบบนั้น
“ก็ถ้าไม่อยากเจ็บตัวแบบนี้อีก พี่ก็ต้องปั่นจักรยานให้ผมซ้อนท้ายไปตลอดชีวิต”
นัยน์ตาคมทอดมองออกไปข้างหน้า ได้ยินเสียงของร่างบางทุกคำ ในหัวมันโล่งแปลกๆ ตอนนี้รู้แค่ว่ายังไม่อยากกลับบ้าน อยากไปที่ไหนสักแห่ง...
ที่ๆ มีเขากับอีฮยอกแจแค่สองคน....
มอย
อย่าพึ่งด่าคิบอมไป......หล่อเลือกได้ก็เงี้ย
ไม่รู้จะพูดไรแล้วอ่ะ
ความคิดเห็น