ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu | Friend's "แฟนเพื่อน"

    ลำดับตอนที่ #5 : Friend's IV - Lust..

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 55



     

     

     

     

     

     

    ปัง..

     

     

    เสียงประตูรถปิดลงเพียงเบาๆ เท่านั้น..มือหนากำพวงมาลัยแน่น นัยน์ตาคมจ้องมองมือตัวเองทั้งสองข้าง..ทั้งที่ยังคงบาดเจ็บอยู่..แต่มันก็ยังสามารถทำร้ายคนๆ หนึ่งให้แหลกคามือได้จนไม่เหลือชิ้นดี..

     

    ภาพของร่างโปร่งที่ทรุดลงไปกับพื้นต่อหน้ายังคงติดตาอยู่อย่างนั้น เขาไม่ได้ก้มลงไปพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันมาหรอก..รอยสีกุหลาบตามเนินไหล่ที่เขาตรีตราไว้เป็นเจ้าของ..ถึงใจหนึ่งจะรู้สึกสะใจ..แต่อีกใจกลับรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ

     

     

    ที่กำลังเป็นอยู่..คือรู้สึกผิดงั้นเหรอ...?

     

     

    แม่งเอ๊ย!” มือข้างที่เจ็บอยู่ชกเข้าตรงกลางพวงมาลัยอย่างแรงจนเลือดซึม ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด.. รู้เพียงว่าตอนนี้กำลังหงุดหงิดตัวเองจนทำอะไรไม่ถูก

     

    ทำไมล่ะอีทงเฮ..ที่อยากทำก็ทำไปแล้ว อยากให้คนทรยศได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดก็ทำไปแล้วไง? ตัดไอ้ความรู้สึกครึ่งๆ กลางๆ แล้วเลิกสงสารคนพรรค์นั้นสักทีเถอะ!

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ทั้งที่อยู่ในห้องนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วแต่ก่อนหน้านี้กลับไม่รู้สึกหนาวเย็นได้ขนาดนี้ นิ้วเรียวไล่ติดกระดุมเสื้อทีละเม็ดแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อถึงเม็ดสุดท้าย..

     

    มันกระเด็นหายไป..

     

    ริมฝีปากบางเม้มแน่นพลางกำคอเสื้อตัวเองเอาไว้..มือเรียวคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมาอย่างลำบาก..เรี่ยวแรงที่จะยืนแทบไม่มี..ปวดร้าวไปทั้งตัว

     

     

    ข่มขืน..

     

     

    ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าเรื่องราวแบบนี้จะเกิดขึ้นกับ ผู้ชายอย่างเขา

     

     

    ขยะแขยง..

     

     

    บางอย่างมันยังคงคั่งค้างอยู่ในร่างกาย..

     

     

     

    ใช่..มึงพูดถูก..

    .....................

    ของๆ กู..มันก็เหมือนกับของๆ มึงนั่นแหละ..

    .....................

     

     

    เพราะฉะนั้น..ถ้ามึงจะกลายมาเป็นของๆ กูบ้าง..ก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม?

     

     

     

     

    ถ้าเลือกได้..ผมอยากเจ็บแค่กายก็พอ..

    ส่วนหัวใจ..อย่าให้มันต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้เลย..

     

     

    พอกันที..มันจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้นที่อีทงเฮจะดูถูกผม

    มันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง..

     

     

    หลังจากประตูห้องปิดลง..ร่างโปร่งยืนสะท้านไปทั่วร่างกายเมื่อกระแสลมพัดผ่าน..ท้องฟ้ามืดสนิททำให้คนที่พึ่งเจอเรื่องราวร้ายๆ รู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม..

     

    ไอ้ความรู้สึกแบบนี้แหละ..ที่เขาเกลียดนัก..

     

    เคยไหมครับ..ที่รู้สึกสิ้นหวังกับทุกอย่างจนไม่มีเรี่ยวแรงเดินต่อไปข้างหน้า.. ไม่ได้ขอให้มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตหรอก..แค่มันไม่แย่ลงไปกว่าเดิมก็ขอบคุณมากแล้ว..

     

    แต่นี่มันอะไรกัน..สิ่งที่ผมได้เจอมันไม่เลวร้ายไปหน่อยเหรอ ทำไมต้องเป็นผมที่ต้องเจอเรื่องแย่ๆ  มันผิดมากใช่ไหม? กับสิ่งที่ผมได้ทำลงไป

     

    มันรักยูอีเหรอไง..ถึงได้โกรธผมขนาดนี้?

     

    ร่างโปร่งถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเห็นไปเห็นใครอีกคนที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ทั้งคู่สบตากันเพียงชั่วครู่เท่านั้น และเป็นฮยอกแจเองที่หลบสายตาไปซะก่อน

     

    อาจารย์หนุ่มยืนกอดอกมองลูกศิษย์เดินจากไปจนสุดสายตา..นับวันอีฮยอกแจยิ่งทำตัวแปลก เขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเด็กคนนี้เขามีสีหน้ามุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลา เป็นคนเอาจริงเอาจังกับเรื่องงานปั้นจนเขายังรู้สึกเอ็นดู

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น..

     

    คยูฮยอน..เฮ้ย.. เสียงกระซิบพลางหันซ้ายหันขวา คนถูกเรียกได้แต่ขมวดคิ้วก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนทำท่ามีพิรุธอยู่ตรงนั้น

    อะไรของมึง

    มึงเห็นไอ้ทงเฮป่ะ แม่งหายหัวตั้งแต่เมื่อวาน ปิดมือถืออีกห่าราก เมื่อเห็นว่าเส้นทางปลอดภัยจากเจ้ากรรมนายเวรที่เมื่อกี้พึ่งเดินกระทืบส้นสูงอยู่แถวๆ นี้แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเทียบคู่ไปกับคนข้างๆ คยูฮยอนส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นฮยอกแจนั่งฟุบหลับอยู่ในห้องเรียน

    อ้าว วันนี้มาแต่เช้าเว้ยเฮ้ย.. ร่างสูงวางกระเป๋าก่อนจะนั่งลงข้างๆ ฮยอกแจ คยูฮยอนเอาศอกสะกิดเพื่อนสนิทเบาๆ หากแต่อีกฝ่ายกลับสะดุ้งจนสุดตัว ดวงตาเรียวจ้องมองอีกคนที่ยืนทำหน้าเหมือนกลัวอะไรบางอย่างก่อนจะหันไปสบตากับเฮนรี่

     

    .................... พอเริ่มตั้งสติได้ฮยอกแจก็เปิดกระเป๋าพร้อมกับคว้าถุงยาขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแค่คำถามคาใจให้กับเพื่อนอีกสองคน

     

    ไอ้ฮยอกแจแม่งเป็นกระบืออะไรของมันวะ

    ..เดี๋ยวกูไปดูมันเอง คยูฮยอนพูดก่อนจะเดินตามฮยอกแจออกไป

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ใครบอกว่า..ความลับไม่มีในโลก..

    มีสิ..เพราะผมน่ะ..จะเก็บมันไว้ไปจนวันตายเลยล่ะ..

     

     

     

    ฮยอกแจ

    ............. ร่างโปร่งเอี้ยวตัวหันกลับไปสบตาเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างหลัง มือเรียววางบนไหล่บางพร้อมกับนวดให้เบาๆ ด้วยความป็นห่วง

    มึงโอเคนะ?

    กูขอกินยาก่อน ฮยอกแจพูดพร้อมกับอมยาไว้ในปากสี่เม็ดก่อนจะดื่มน้ำตามทันที เขาเกลียดการกินยาที่สุด แต่ไหนๆ ก็เลี่ยงมันไม่ได้อยู่แล้ว กินๆ มันรวดเดียวเลยแล้วกัน..

     

     

    เพราะถ้าทงเฮมาเห็นเขาอยู่ในสภาพอ่อนแอแบบนี้คงได้ถูกหัวเราะเยาะเป็นแน่..

     

     

    ซึ่งเขาไม่ต้องการแบบนั้น..

     

     

    เดี๋ยวยาก็ติดคอหรอก มือเรียวลูบหลังให้อีกคนเบาๆ คยูฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดจนอดเป็นห่วงไม่ได้

     

    ฮยอกแจหันมายิ้มบางๆ ให้กับเพื่อนสนิท...ใช่...คนๆ นี้ต่างหากที่ควรเรียกว่าเพื่อนสนิท..คยูฮยอนไม่เคยทำร้าย ไม่เคยทำให้เขาเสียใจเลยด้วยซ้ำ

     

    มึงปวดท้องอีกแล้วเหรอ?

    กูกินข้าวกินยาแล้วนะ แต่มันก็ไม่หายปวดสักที ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็คงหายแหละ ฮยอกแจพูดก่อนจะเอี้ยวตัวกลับ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเรียนแล้ว ใจจริงก็อยากจะหยุดนอนพักที่หอหรอกนะ..แต่คาบนี้เห็นว่าอาจารย์จะปล่อยแนวข้อสอบ..และเขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด

     

    ฮยอกแจหยุดชะงักเมื่อถูกใครอีกคนจับไหล่ให้หันกลับมา คยูฮยอนเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยจางๆ บนหัวไหล่ที่ดูยังไงมันก็ไม่เหมือนรอยยุงกัดหรือรอยฟกช้ำทั่วไป ฮยอกแจเงยหน้ามองอีกคนที่มีสีหน้าตกใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันราวกับดูออก

     

    ....................

     

    กูเป็นห่วงมึงนะฮยอกแจ

     

    ....................

    ถ้าเป็นห่วง..

    ....................

    แค่อย่าทิ้งกูไปก็พอ..

     

     

    ใบหน้ามนเบือนหลบไปอีกทางก่อนจะปัดมือเพื่อนสนิทออกพร้อมกับกระชับเสื้อให้เข้าที่ ร่างโปร่งตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในห้องเรียนในขณะที่คยูฮยอนยังยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

     

    ....................

     

    มันคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกใช่ไหม?

    ทงเฮ..มันคงไม่มีทางทำเรื่องพรรค์นั้นกับฮยอกแจหรอก

     

    ไม่..ต้องไม่ใช่อย่างนั้น..

     

     

    อยู่นิ่งๆ สิ...

    มะ...ไม่!!!”

     

     

    ร่างโปร่งยกมือขึ้นป้องปากตัวเองเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาหลังจากนึกถึงเรื่องราวที่เขาอยากลืมมันไปจากชีวิต..แต่ถึงอย่างนั้น..ภาพทุกอย่างมันกลับเด่นชัดอยู่เสมอ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    แปลกไหม?

    ถึงแม้จะพยายามทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดสักเท่าไหร่..

     

    แต่สุดท้ายแล้ว..คนที่เจ็บมากที่สุด..ก็ไม่พ้นตัวเอง

     

     

     

     

    ท่ามกลางผู้คนมากมายที่แออัดกันอยู่ในผับย่านกลางเมือง หญิงสาวหุ่นเพรียวบางเต้นยั่วยวนชายหนุ่มมาได้สักพักแล้ว..หากแต่คนที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์บาร์กลับนิ่งเฉย ไม่ได้เข้าไปสานความสัมพันธ์เหมือนอย่างที่เคยทำทุกครั้ง..

    เสียงดนตรีดังก้องอยู่ในหูแต่กลับได้ยินเพียงแค่เสียงของใครคนหนึ่งอยู่ตลอด..ใครคนนั้นที่เป็นคนทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นจนไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้..

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ยังคงรบกวนเขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่บอกตัวเองว่าไม่ควรไปรู้สึกผิดหรือเห็นใจคนพรรค์นั้นแล้ว แต่อีกใจหนึ่งกลับมีคำถามขึ้นมาว่า..ที่ทำไปน่ะมันถูกแล้วหรือ..

     

     

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงขนาดที่ต้องทำลายความเป็นเพื่อนของเขาทั้งสองคนเลยรึไง...

     

    ไม่สิ..ไม่..

     

     

    ที่ทำไปน่ะมันถูกต้องแล้ว..สิ่งที่คนทรยศได้รับน่ะมันยังไม่สาสมเลยด้วยซ้ำ.. เขาน่ะหรืออุตส่าห์ไว้ใจทุกอย่าง คนอย่างอีฮยอกแจไม่มีทางรับรู้ได้หรอกว่าเขาผิดหวังสักแค่ไหน

     

     

     

    สวัสดีค่ะ

    .................

    มาคนเดียวเหรอคะ? นัยน์ตาคมมองเรือนร่างเพรียวบางในชุดเดรสเข้ารูปพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมองใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นนางฟ้าตกมาจากสวรรค์ก็เถอะ

    ผมไม่ว่าง พูดตัดพ้อจนอีกฝ่ายหุบยิ้มทันที แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ยังคงนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจหรอก..เมื่อกี้ก็เห็นๆ อยู่ว่าเขามองเธออยู่ตลอด

    อ๋า~ ไม่เอาน่า~ ไปเต้นกันดีกว่านะคะ ร่างบางพยายามดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนหากแต่มือหนากลับสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย

    ผมบอกว่า..ไม่..ว่าง..ได้ยินชัดรึยังครับ?พูดพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง..สาวร่างเล็กจิ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในฟลอร์เมื่อถูกขัดใจ

     

     

    ผู้หญิงแม่งก็แบบนี้..ดีแต่ร่าน ไม่ว่าใครก็ได้งั้นสิ..

     

     

    ยิ่งคิดยิ่งโมโห อยู่บ้านก็เบื่อ หันไปมุมไหนก็มีแต่ภาพของอีฮยอกแจที่กำลังหัวเราะ..ทำความสะอาดบ้าน เดินไปมาอยู่อย่างนั้นจนเขาทนอยู่ที่นั่นไม่ได้ แม้กระทั่งร้านเหล้าของพี่ฮีชอลที่ฮยอกแจไม่ค่อยไปเหยียบก็ยังทำให้เขานึกถึงได้..

     

    เหนื่อย...เหนื่อยที่ต้องทะเลาะกับตัวเอง...

    ใจหนึ่งอยากให้คนทรยศเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อีกใจก็เอาแต่คิดว่าฮยอกแจจะทำอะไรอยู่..โดนเขาทำรุนแรงไปซะขนาดนั้น

     

     

    ไม่สิ..ช่วยเด็ดขาดสักทีเถอะอีทงเฮ ถ้าจะร้ายแล้วก็อย่าไปนึกสงสารสิวะ

     

     

    “เวรเอ๊ย...” สบถเบาๆ พร้อมกับกระแทกแก้วลงบนบาร์ นึกหงุดหงิดตัวเองจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เปลือกตาหนาปิดลงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือที่ไม่ค่อยได้ใช้งานสักเท่าไหร่ขึ้นมากดโทรหาคนที่คิดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งได้

     

    ยิ่งเป็นห่วง ยิ่งนึกถึงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งโมโหตัวเองมากขึ้นเท่านั้น..

     

    ฮัลโหลพี่ ปิดร้านยัง

    แหกตาดูนาฬิกาก่อนโทรหากูบ้างก็ดีนะ ป่านนี้แล้วจะให้กูนั่งเปิดร้านรอรถขยะแวะมาแดกยาดองเหรอ ปลายสายบ่นเป็นพรืดแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายล้มเลิกความคิดไม่

    เดี๋ยวไปหา อย่าพึ่งกลับนะ

    มึงจะมาทำไมเนี่ยกูจะกลับบ้านไปนอนแล้ว

    แค่นี้แหละ ถ้าพี่หนีกลับบ้านก่อน ผมจะไปเยี่ยวใส่หน้าร้านพี่จริงๆ ด้วยพูดพร้อมกับกดวางสายซะดื้อๆ ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสหาเรื่องบ่ายเบี่ยงได้อีก

     

    มือหนาคว้ากุญแจรถก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไป นอกจากพี่ฮีชอลแล้วเขาจะปรึกษาใครได้บ้าง?

    ไอ้ดูโอ้สองตัวนั้นน่ะบอกผ่านไปได้เลย แม่งไม่เคยปรึกษาห่าเหวอะไรได้สักอย่าง.. ส่วนไอ้คยูที่พอจะปรึกษาได้ยิ่งแล้วใหญ่ ดูยังไงก็รู้ว่ามันต้องเข้าข้างฮยอกแจแน่ๆ

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    รีบแดกรีบเมาแล้วก็รีบไสหัวกลับบ้านไปนอนซะ พูดพร้อมกับโยนกุญแจตู้เครื่องดื่มให้กับผู้มาใหม่ที่ทำหน้าเหมือนชีวิตนี้กูไม่ไหวแล้ว ถ้าอยากแดกนักก็บริการตัวเองแล้วกัน

    ทงเฮเดินไปเปิดตู้พร้อมกับหยิบเบียร์เย็นๆ ออกมาสองขวดก่อนจะนั่งลงหน้าเคาน์เตอร์บาร์พลางมองไปยังรุ่นพี่หน้าสวยที่กำลังยืนเช็ดแก้วอยู่

    ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อย พูดพร้อมกับดันขวดเบียร์ที่พึ่งเปิดเมื่อครู่ไปตรงหน้าอีกคน หนุ่มหน้าสวยได้แต่ถอนหายใจพลางมองไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ทำหน้าอ้อนวอนหาคนดื่มเป็นเพื่อนอย่างระอา

    ร้านกูเปิดตั้งแต่ทุ่มนึง แต่มึงเสือกไปแดกร้านคนอื่น พอร้านกูปิดแล้วมึง...

    อย่าพึ่งบ่นดิ ผมเครียดอยู่นะเนี่ย พูดตัดบทก่อนจะถูกร่างบางผลักหัวอย่างแรง

    จะเครียดไม่เครียดก็เรื่องของมึง ใช่ธุระกูไหม

    ................ ทงเฮได้แต่นั่งฟังอีกฝ่ายบ่นอย่างจำใจ มันก็ถูกอย่างที่พี่ฮีชอลบอกนั่นแหละ ถึงไม่ใช่ธุระของฮีชอลก็ตามแต่สิ่งที่รู้ในตอนนี้คือ พี่ฮีชอลต้องอยู่ดื่มกับเขา

    มีไรก็ว่ามา คนหน้าสวยพูดขึ้นเมื่อทนดูสีหน้ารุ่นน้องไม่ไหว นี่ถือว่าดีนะที่ไอ้เสี่ยวอีทึกไม่มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้กุมขมับปวดหัวยิ่งกว่าเมาเหล้าเป็นแน่

    ไม่มีอะไรหรอก..ผมแค่หาเพื่อนดื่มก็เท่านั้น

    มึงไปฆ่าคนตายมารึไงร่างบางนั่งลงฝั่งตรงข้ามรุ่นน้องที่หยุดชะงักไปในทันที ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย การคาดเดาความรู้สึกของอีทงเฮไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา ฮีชอลรู้จักไอ้เด็กนี่มาตั้งแต่มันอายุเท่าไหร่ สันดานเคยเป็นยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ

    ยิ่งกว่านั้นอีก

    มึงเผาบ้านเค้าด้วยงั้นสิ?

    ยิ่งกว่านั้นอีก

    โอ๊ย! มึงนี่เยอะนะ...เอาเถอะ...อยากพล่ามอะไรก็ว่ามา พอฟังจบแล้วเดี๋ยวกูจะแกล้งทำเป็นความจำเสื่อมให้ก็ได้ มือเรียวคว้าขวดเบียร์ขึ้นมากระดกพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่าย รอให้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนพ่นความในใจออกมา

    ...................

    “…………….”

    รู้สึกแย่ว่ะพี่

    เออ

    อึดอัด

    อืม..

    หงุดหงิด

    ...................

    ...................

    ...................

    ขอบคุณที่อยู่ดื่มเป็นเพื่อนนะ ผมกลับล่ะ ร่างหนายันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงสร้างความประหลาดใจให้คนตรงหน้าได้ไม่น้อย

     

    เฮ้ย! อะไรของแม่งวะ เบียร์แดกไปยังไม่ถึงครึ่งขวดเลย นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ให้มันได้อย่างนี้สิ

     

     

    “อะไรของมึงเนี่ย

    ขืนผมนั่งอยู่ต่อไปผมต้องเป็นบ้าแน่ๆ พูดพร้อมกับควักเงินขึ้นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ ดวงตากลมโตมองหน้ารุ่นน้องด้วยสีหน้าเนือยๆ

    กูว่ามึงอยู่ที่ไหนก็เป็นบ้าทั้งนั้นแหละ ถ้าเกิดมึงยังไม่เข้าใจตัวเองแบบนี้

    ..................... ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปกับประโยคทิ่มแทงใจที่อีกฝ่ายพูด มันเป็นเรื่องปกติของฮีชอลกับคำพูดคำจาแบบนั้น แต่พอได้ยินแล้วก็เล่นเอาพูดไม่ออกเหมือนกัน

     

    แต่ถ้าจะให้นั่งอยู่ต่อไป..เขาคงบ้าตายแน่ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ?

    ไม่รู้สิ..หงุดหงิด..รู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก..

    ในหัวเอาแต่คิดถึงเรื่องของฮยอกแจ ทั้งที่พยายามลืมแท้ๆ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    การทำชั่วเพียงครั้งเดียว..

    มันสามารถลบล้างความดีเป็นร้อยพันได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ?

     

     

     

    กลางดึกที่เงียบสงัด บนฟูกสีขาวใครคนหนึ่งกำลังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มอย่างทรมาน..ปวดแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว.. มือเรียวกุมท้องตัวเองไว้ ขาเล็กงอเข้าหาตัว ดวงตาพร่ามัวทั้งความง่วงและความเจ็บปวดปะปนกันไปหมด.. ยา..ยาอยู่ในลิ้นชัก..

    ฮยอกแจเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักก่อนจะแข็งใจยันตัวลุกขึ้นนั่ง ยาสองเม็ดถูกอมไว้ในปากก่อนจะดื่มน้ำตาม ดวงหน้าหวานเหยเกกลืนน้ำลายซ้ำลงไปเมื่อรู้สึกว่ายามันยังคงติดอยู่ในคอ กำปั้นน้อยทุบอกตัวเองเบาๆ พลางถอนหายใจ..

    ถึงแม้ปกติเขาจะปล่อยให้อาการเจ็บปวดนี้มันทุเลาหายไปเองเหมือนกับทุกครั้งแต่พอคิดว่าพรุ่งนี้มีงานนิทรรศการที่คณะแล้วก็ปล่อยปะละเลยไปไม่ได้

     

    นี่ก็จะตีสามอยู่แล้ว..ง่วงชะมัด..

     

    ร่างโปร่งเอนตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหลับตาลง ถึงแม้ฤทธิ์ของยายังไม่ออกในทันทีแต่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือนอนหลับตารอให้อาการเจ็บปวดค่อยๆ จางหายไป..

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    รถยนต์สีดำดับเครื่องลงที่ลานจอดรถเล็กๆ หน้าหอพัก เบียร์ขวดขนาดเหมาะมือถูกยกขึ้นมากระดกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเท้าออกจากรถ.. กระแสลมเย็นพัดกระทบดวงหน้าหล่อที่แดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ถามว่าตอนนี้เมาไหม..ไม่..ยังไม่เมาหรอก..

     

    เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เขาไม่ได้ละเมอขับรถมาที่นี่

     

    ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยกุญแจที่อีกฝ่ายเคยให้ไว้ ภายในห้องมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนอย่างอีทงเฮคิดจะเอื้อมมือไปเปิดไฟหรอก

    ดวงตาคมมองไปยังเตียงขนาดกลางที่ไม่เล็กแล้วก็ไม่ใหญ่จนเกินไป แสงสว่างจากดวงจันทร์ที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เห็นร่างโปร่งนอนหันหลังให้อยู่ตรงนั้น

    ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปหาตัวต้นเหตุที่สร้างความวุ่นวายในหัวของเขาทั้งวัน..ขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม วงแขนกว้างโอบรัดเอวบางเข้ามาใกล้พร้อมกับกดปลายจมูกลงบนกกหูเบาๆ ฮยอกแจส่งเสียงครางประท้วงอู้อี้ในลำคอเมื่อถูกรบกวนในเวลานอน มือสากเลื่อนเข้าไปในสาบเสื้อตัวบาง ลืมเรื่องทุกอย่างไปหมด สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้คือต้องการกอดใครสักคน..ไม่สิ..ไม่ใช่ใครสักคนสักหน่อย..จริงๆ แล้วตั้งใจมาที่นี่ก็เพื่อกอดคนทรยศอย่างอีฮยอกแจต่างหาก

     

     
     

     .

    .

     

     

    ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาเดินชมนิทรรศกาลเครื่องปั้นดินเผาไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาคณะอื่นหรือคนนอก เครื่องปั้นเซรามิกส์เป็นที่น่าสนใจมากในกลุ่มคนมีอายุแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีเด็กรุ่นใหม่หลายคนที่มาเดินเยี่ยมชมงาน

     

    นักศึกษาจำนวนหนึ่งยืนคอยแนะนำเครื่องปั้นต่างๆ ให้กับแขกเพื่อให้ความรู้ด้านงานปั้น หลายคนพยายามศึกษาหาความรู้มาเพิ่มเพื่องานนี้ เพราะคะแนนในส่วนนี้จะถูกรวมเข้าไปในรายวิชาของอาจารย์ชเวซีวอน

     

    เฮนรี่เดินออกมาโทรหาเพื่อนตัวดีที่หายหัวไม่มาเรียนสองสามวันแล้ว ไม่มีการติดต่อกลับมาทั้งสิ้น ไม่รู้ว่ามันเป็นตายร้ายดียังไง โทรไปก็กดเคลียร์สายทิ้งไม่รู้แม่งจะมีบีบีไว้ทำซากอ้อยอะไร พอถามไอ้ฮยอกแจไอ้นั่นก็เกิดอาการใบ้แดกขึ้นมาอีก พอถามไอ้คยู....เออ...ไม่ได้คำตอบจากมันก็ไม่แปลกใจอะไรหรอก ส่วนดูโอ้ไม่ต้องถามถึง ป่านนี้แม่งตื่นยังเหอะ ช่วงนี้เป็นบ้าอะไรกันไปหมดสุดหล่อเซ็ง

     

     

     

    .

    .

     

     

    มือแกร่งควานหาเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงดังรบกวนอย่างต่อเนื่อง คิ้วหนาขมวดเป็นปมรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นขนาดที่ว่าถ้ากูหามึงเจอ มึงกลายเป็นเศษเหล็กแน่

     

    “อะไรวะคนจะนอน! ประโยคแรกเมื่อกดรับสาย ร่างหนาสางผมอย่างหงุดหงิดพลางมองไปรอบๆ ตัว

     

    ห้องของฮยอกแจที่ว่างเปล่า..

     

    มึงนั่นแหละเป็นไรไอ้สัด หายหัวไปไหนไม่มาเรียน วันนี้งานนิทรรศกาลของคณะด้วยนะมึง อาจารย์ซีวอนเช็คชื่อด้วย

     

    ได้ยินคำพูดของคนในสายทุกคำหากแต่สายตากลับมองไปรอบๆ ห้อง ที่นอนข้างๆ ก่อนหน้านี้เคยมีใครอีกคนนอนขดตัวอยู่ บัดนี้กลับว่างเปล่าจนน่าใจหาย คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอีกครั้งกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้น

     

    มึงฟังกูอยู่รึเปล่าครับไอ้สัด?

    ...........อืม

    จะมาเปล่า เดี๋ยวกูหาเรื่องแถให้

    เออ เดี๋ยวกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน

    นี่มึงไม่ได้อยู่บ้าน? คราวนี้ไปตีกระหรี่นอกสถานที่เหรอสาด

    แค่นี้นะ พูดแล้วก็ตัดสายไปเสียดื้อๆ มือหนาทุบขมับตัวเองเบาๆ เป็นการเรียกสติตัวเอง ดวงตาคมหันไปมองนาฬิกาข้างเตียงก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา..

    นี่เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม? ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าเกิดทำแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองทุกอย่างมันคงจะชัดเจนขึ้น ก็เพราะว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์..แต่ที่มาที่นี่ก็เพราะหงุดหงิดอยากระบายอารมณ์ก็เท่านั้น มันควรจะเป็นอย่างนี้เหรอ อีฮยอกแจไม่มีสิทธิ์เป็นฝ่ายปั่นหัวเขาแบบนี้สิ แต่นี่อะไร..พอตื่นเช้ามาแล้วไม่เจอร่างโปร่งอาการหงุดหงิดมันก็กลับมาอีกครั้ง

     

     

    ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด..

    ภาพตอนที่มีอะไรกันกับอีฮยอกแจมันยังคงเด่นชัดอยู่ในหัว

     

     

    บ้าเอ๊ย..

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ส้นตีน เฮนรี่บ่นอุบอิบกับโทรศัพท์มือถือหลังจากที่ถูกตัดสายไปเมื่อครู่ คนเค้าหวังดีแต่เสือกตอบแทนกันแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันนะ พ่อจะเจาะยางรถแม่งทั้งสี่ล้อเลยไอ้สาด

    ร่างสูงเดินกลับเข้าไปในงานพลางมองหาเพื่อนที่เห็นเดินผ่านไปมาแว๊บๆ เมื่อครู่..ไอ้คยูกับไอ้ฮยอกแจมันหายไปไหนแล้ววะ?

     

    เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆ ในที่สุดทงเฮมันก็เสด็จมาถึงสักที นี่ต้องลำบากไปบอกอาจารย์ซีวอนว่ามันไปต่างจังหวัดพึ่งเดินทางกลับมาถึงหรอกนะ ไม่งั้นละมึงเอ๊ย..

     

    ไงสัด

    ฮยอกแจล่ะ คำถามแรกที่หลุดออกมาจากปากเหมือนไม่คิดอะไร นัยน์ตาคมกวาดมองไปทั่ว มองหาใครอีกคนที่ตื่นมาแล้วไม่เจออยู่ข้างๆ

    อยู่ข้างในแหละ เข้าไปหามันดิ เฮนรี่ว่าพลางเหล่ตามองคนข้างๆ ที่เอาแต่ชะเง้อหน้ามองหาฮยอกแจอยู่อย่างนั้น

     

    ไอ้สองคนนี้มันยังไงกันวะ ไอ้คนนึงก็เงียบ อีกคนนึงก็เสือกทำตัวมีพิรุธ

     

    เดี๋ยวกูไปเช็คชื่อกับซีวอนก่อนตบบ่าร่างสูงก่อนจะเดินเข้าไปในงาน เฮนรี่มองตามแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจ เออ..ดี..เพื่อนแต่ละคน

     

    .

    .

     

     

    เฮ้ยพวกมึง พี่ทึกแม่งมายังวะ?เฮนรี่ถามเมื่อเห็นเพื่อนอีกสองคนกับหญิงสาวผอมบางยืนหลบมุมอยู่แถวๆ นั้น คยูฮยอนหันมามองร่างสูงพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะหันกลับไปดูอาการฮยอกแจที่นั่งยองๆ กุมท้องอยู่

    ฮยอกแจไหวไหมจ๊ะ ยูอีถามพลางเอากระดาษทิชชู่ในกระเป๋าออกมาซับเหงื่อบนใบหน้าอีกคนให้

    มึงไม่กินข้าวกินยาอีกแล้วใช่ไหม? คยูฮยอนนั่งลงข้างอีกฝ่ายพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ฮยอกแจส่ายหน้าน้อยๆ เชิงปฏิเสธ

    มึงโอเคเปล่า? คยูฮยอนถามซ้ำเมื่ออาการอีกฝ่ายดูแย่ไปกว่าทุกครั้ง

     

    ฮยอกแจพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะทรุดลงไปกองกับพื้น สร้างความตกใจให้กับเพื่อนทั้งสองและหญิงสาวเป็นอย่างมาก คยูฮยอนเข้าไปพยุงเพื่อนสนิทขึ้นมาพร้อมกับตบแก้มเบาๆ เป็นการเรียกสติ เฮนรี่เริ่มทำตัวไม่ถูกได้แค่เอาเอกสารแผ่นบางที่ม้วนไว้ในมือออกมาพัดให้เพื่อน

     

    ฮยอกแจ! ฮยอกแจ!” ร่างบางตกใจมากเมื่อเห็นร่างโปร่งทรุดลงไปต่อหน้าต่อตา

     

    ฮยอกแจไม่ได้สลบไป แต่ที่ไม่มีเรี่ยวแรงแบบนี้ก็เป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอน หลังจากทงเฮหลับไปแล้วเขาก็อาบน้ำชำระล้างเอาความสกปรกออกจากร่างกายแล้วออกมาข้างนอกตั้งแต่ฟ้ายังมืดอยู่ ไม่ได้กินข้าวกินยามาหรอก..เจอเรื่องบัดสีในชีวิตเป็นครั้งที่สองแบบนั้นจะให้มานั่งกินข้าวเช้าเหมือนกับเป็นเรื่องปกติก็คงทำไม่ได้

     

    คยูฮยอนเบิกตากว้างเมื่อร่างสูงโปร่งเข้ามาอุ้มฮยอกแจขึ้นท่ามกลางนักศึกษาและคนอื่นๆ ที่เข้ามาเยี่ยมชมงาน ซีวอนสบตากับคนตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองร่างโปร่งที่กุมท้องตัวเองไว้ทั้งดวงหน้าขาวหน้าซีดเผือด

     

    ผมจะพาเขาไปห้องพักครู

    ผมไปด้วย..ส่วนเธอ..รออยู่ที่นี่ คยูฮยอนหันไปพูดกับหญิงสาวร่างบางก่อนจะเดินตามอาจารย์ผู้สอนไปทิ้งไว้เพียงเพื่อนหน้าตี๋กับร่างบางอยู่ตรงนั้น..

     

    รวมทั้งอีทงเฮด้วย..

     

     

    เพียงแค่ชั่ววินาทีเท่านั้น..ที่โจคยูฮยอนสบตากับอีทงเฮ สายตาที่มีแต่ความว่างเปล่านั้นทำให้ใครอีกคนต้องเบือนหน้าหลบไปอีกทาง..ไม่ใช่ว่าไม่คุ้นชินกับสายตาแบบนั้น..แต่เพราะความผิดที่ตัวเองเป็นคนก่อ..

     

    เลยทำให้เขา..ไม่กล้าสู้หน้า

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    บางทีคำถามบางคำ..

    ก็ไม่จำเป็นต้องตอบเสมอไปหรอก..

     

     

     

     

    อาจารย์หนุ่มวางลูกศิษย์ลงบนโซฟายาวก่อนจะนั่งลงยองๆ สบตากับร่างโปร่ง ฮยอกแจปรือตามองใบหน้าคมพลางยันตัวลุกขึ้นนั่งแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งให้เอนตัวลงไปนอนเหมือนเดิม

     

    นอนพักก่อนเถอะ

    ...ผม

    คุณปวดท้องใชไหม? มองไปยังมือเรียวที่ยังคงกุมท้องตัวเองเอาไว้ ฮยอกแจพยักหน้าเล็กน้อยร่างสูงยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานเพื่อหายาแก้ปวดที่เขาเคยหยิบออกมาทานตอนรู้สึกเครียดจากการทำงาน

     

    ต้องใช้ยาตัวนี้ ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง มองใบหน้าเรียวที่แสดงสีหน้านิ่งเหมือนกับทุกครั้ง มือเรียวยื่นถุงยาที่พึ่งค้นจากกระเป๋าเป้ฮยอกแจมาเมื่อครู่ให้กับคนตรงหน้า

     

    ร่างสูงรับมาก่อนจะเดินไปรินน้ำเปล่าใส่แก้วพลางเดินไปหยุดตรงหน้าอีกคนที่นอนขดตัวอยู่ ซีวอนวางยาไว้บนโต๊ะพลางหันกลับมาพยุงฮยอกแจให้ลุกขึ้นนั่ง คยูฮยอนได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่างๆ ฮยอกแจแค่ปวดท้อง ไม่ได้หัวร้างข้างแตกสักหน่อย เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปประคบประหงมอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก

     

    ยาตัวนี้ก่อนหรือหลังอาหาร? หันไปถามร่างโปร่งที่ยืนกอดอกอยู่

    ถ้าเป็นยาหลังอาหาร..คุณจะเอาข้าวยัดปากฮยอกแจมันเหรอครับ ตอบสีหน้านิ่ง ซีวอนอึ้งกับประโยคที่ฟังแล้วคิดว่าไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากโจคยูฮยอน ร่างสูงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะป้อนยาให้กับคนที่ทำหน้าอิดโรย

     

     

    เด็กคนนี้นี่นะ... (ถอนหายใจอีกครั้ง)

     

     

     

    คยูฮยอนมองไปยังเพื่อนสนิทที่นอนขดตัวอยู่ ไม่ใช่แค่อาการปวดท้องธรรมดาแล้วล่ะ ฮยอกแจกำลังเครียดลงกระเพาะชัดๆ

     

     

    ชายหนุ่มทั้งสองยืนมองร่างผอมบางหลับอยู่บนโซฟาเมื่อถูกบังคับให้พักผ่อน ร่างสูงหันไปมองคนข้างๆ ที่จ้องมองเพื่อนสนิทไม่ห่าง

     

    โชคดีที่มีคุณอยู่ด้วย ไม่งั้นผมคงเอายาแก้ปวดให้เขาทานเป็นแน่ซีวอนพูดยิ้มๆ ก่อนที่ใบหน้าเรียวจะหันกลับมามองร่างสูง

    ครับ

    เขาเป็นโรคกระเพาะเหรอ?

    ครับ

    ซีวอนเริ่มถอดใจ ไม่เคยคุยกับใครแล้วเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน คุยกับโจคยูฮยอนทีไรก็เป็นอย่างนี้ซะทุกที พูดน้อย..ไร้อารมณ์..ดูเหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา

     

    คุณจะกลับเข้าไปในงานเลยรึเปล่าครับ คยูฮยอนถาม

    คงยังหรอก

    แต่คุณเป็นเจ้าของงานนี้ ปล่อยแขกไว้ในงานมันจะดีเหรอครับ

    อาการของเขาน่าเป็นห่วงกว่า ผมคงทิ้งให้ลูกศิษย์ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้ ซีวอนพูด คยูฮยอนยิ้มน้อยๆ ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ของฮยอกแจลงบนโต๊ะ

     

    งั้นผมฝากมันไว้แป๊บนึงแล้วกัน

    หืม..

     

     

     

    เดี๋ยวผมมา..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    มนุษย์เห็นแก่ตัวกันทุกคนนั่นแหละ

    แต่อยู่ที่ว่าจะแสดงออกหรือเก็บมันเอาไว้ในใจก็เท่านั้น

     

     

     

     

    ร่างโปร่งหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนยืนพิงผนังอยู่ สีหน้าของเขาดูกระวนกระวายไม่น้อย..ใช่อย่างที่คิด..ทงเฮตามมาจริงๆ

     

    “……………..”

    “……………..”

     

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมา นอกจากสีหน้าเฉยชาและบรรยากาศอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น คยูฮยอนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่เรียกว่าเพื่อนนัยน์ตาเรียวสบตากับคนตรงหน้า รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง

     

    มึงมาทำอะไรที่นี่

     

    แค่ประโยคแรกก็ทำเอาทงเฮตอบไม่ถูกแล้ว..นั่นสิ..เขามาทำอะไรที่นี่?

     

    ฮยอกแจอยู่ข้างใน ไม่เดินเข้าไปหามันล่ะ? พูดไปอย่างนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าทงเฮไม่มีทางเข้าไปหาฮยอกแจเป็นแน่..คนอย่างอีทงเฮไม่ใช่คนกลัวอะไร ไม่เคยสำนึกผิด ต่อให้ไปต่อยหน้าลูก ส.ส. จนมีเรื่องเข้า สน. มันก็ไม่เคยคิดจะขอโทษหรอก

     

    มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ..

    .....................

    ว่ามึงทำอะไรมัน..

    ......................

     

    ทงเฮอึ้งไปชั่วครู่..ก่อนจะกลับมาตีหน้าตายราวกับไม่รู้สึกรู้สึกอะไร

    อะไร..กูทำอะไร..มันบอกอะไรมึงเหรอไง?

     

    มึงคิดว่าคนอย่างมันจะบอกอะไรใครรึเปล่าล่ะ

    ....................

    อย่าคิดว่าคนอื่นจะมีสันดานเหมือนกับตัวเองสิ..

     

    ยิ่งกว่าโดนน้ำเย็นสาดหน้า..คำพูดของคยูฮยอนมันทิ่มแทงใจเขาเหลือเกิน

     

    มันยังไม่ตายหรอกไม่ต้องเป็นห่วง

    .....................

    หรือว่ามึงมาที่นี่เพื่อจะสมน้ำหน้ามันกันล่ะ..แต่เสียใจด้วยนะที่ตอนนี้มันไม่ได้อยู่คนเดียว

     

    ไม่ได้อยู่คนเดียว?

     

    ทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ..คงไม่ต้องให้กูย้ำหรอกนะ.. พูดจบก็เดินสวนไป ปล่อยให้อีกคนยืนหน้าชาอยู่ตรงนั้น

     

     

    ถ้าไม่ใช่อย่างที่คยูฮยอนพูด..ผมจะไม่รู้สึกเจ็บใช่ไหม?

    แต่นี่ผมรู้สึกเจ็บ..ทำอะไรไม่ถูก..ได้เพียงแค่แสดงสีหน้าเย่อหยิ่งตอบกลับไป เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าในใจผมคิดอะไรอยู่ ถึงแม้จะรู้สึกโกรธฮยอกแจมากแค่ไหน..แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยังเป็นห่วงมันอยู่ดี..

     

    เหมือนกับเป็นคนบ้าที่เอาแต่ทะเลาะกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา..อยากจะเกลียดฮยอกแจให้มากกว่านี้ อยากลบความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อมัน..แต่อีกใจผมกลับรู้สึกผิด อยากเข้าไปขอโทษ อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม..

     

    ผมเคยพยายามทำทุกอย่างทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ฮยอกแจหายจากโรคกระเพาะ ไม่ว่าจะเป็นการโทรไปเตือนให้กินข้าวกินยา ดูแลเอาใจใส่ทุกอย่าง..แต่...

    เมื่อคืนผมทำอะไรลงไปผมรู้ตัวดี..ถึงแม้ผมจะดื่มมาแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เมาไปเสียทีเดียว..ผมยังคงมีสติ..ผมรู้ว่าตัวเองกำลังขืนใจฮยอกแจ..

     

     

    ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังปวดท้องจนแทบไม่ไหว..

     

     

    แต่คุณเคยเป็นรึเปล่าครับ?

    กลัวความจริง..ทิฐิสูง..ปากหนัก กลัวคนสมเพช กลัวเสียฟอร์ม.. กลัวไปซะทุกอย่าง ไม่อยากให้ตัวเองดูตกต่ำในสายตาใครๆ เรื่องราวมันถึงได้บานปลายมาถึงขนาดนี้

     

    แต่มันหยุดไม่ได้..ก็รู้ว่ามันผิด..แต่ก็ยังทำ..

     

     

     

     

    ทำความผิด...กลบเกลื่อนความรู้สึกผิดทุกอย่าง...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นก่อนจะมองไปยังใครอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม.. ฮยอกแจยันตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือ บ้าจริง! นี่เขาหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ?

     

    อะ...เอ่อ...

    หายปวดท้องแล้วรึยัง? ร่างสูงยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นลูกศิษย์ทำตัวเก้ๆ กังๆ

    ครับผมหายปวดแล้ว เดี๋ยวนะ นี่คุณนั่งเฝ้าผมอยู่ตลอดเลยเหรอ?

    อืม

    ให้ตายเถอะ อ่า..นี่งานคง..จบไปแล้ว ฮยอกแจถอดสีหน้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกผิดที่ทำให้ซีวอนเดือดร้อนไปด้วย

    ผมขอโทษนะครับ..ขอโทษจริงๆ ฮยอกแจลุกขึ้นโค้งหัวให้กับคนตรงหน้า ซีวอนหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับหยิบกระเป๋าเป้ของร่างโปร่งมาสะพายไว้ให้

     

    ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้าน

    ไม่เป็นไรครับ..ผมกลับเองดีกว่า..แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว.. ฮยอกแจเดินไปหยุดตรงหน้าร่างสูงก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้า

    ขอกระเป๋าผมคืนด้วยครับ

     

    ซีวอนจ้องหน้าอีกฝ่ายเพียงชั่วครู่ก่อนจะคืนกระเป๋าเป้ให้กับร่างโปร่ง ไม่จำเป็นต้องคะยั้นคะยอให้มากเรื่อง ในเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธแล้วนี่..

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    แม่กูโทรตามกลับบ้าน..ถ้ามึงตื่นมาแล้วก็รีบกลับห้องไปนอนพักผ่อนนะ


    หลังจากได้รับข้อความจากคยูฮยอนแล้วก็เดินออกมาข้างนอกตึก ท้องฟ้ามืดครึ้มฝนตกลงมาไม่ขาดสาย..ดี..ตกมาตอกย้ำความรู้สึกเขาให้แย่ลงไปอีก นี่ถือว่าโชคดีนะที่อาการปวดท้องทุเลาลงไปบ้างแล้ว ไม่งั้นเขาคงประชดชีวิตด้วยการเดินตากฝนกลับหอพักเป็นแน่..

     

     

     

    ฮยอกแจเดินเลียบไปตามทางเดิน คงเป็นเพราะฝนตกรึเปล่าถึงไม่มีคนเดินอยู่แถวนี้เลย รถราสักคันก็ไม่มี นี่ก็พึ่งจะทุ่มครึ่งเองแท้ๆ

     

    ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อถูกใครบางคนจับข้อมือเอาไว้ ฮยอกแจหันหลังกลับไปก่อนจะเห็นดวงหน้าหวานยืนยิ้มให้อยู่ ผมลอนสีน้ำตาลเปียกน้ำฝนเล็กน้อยเพราะรีบวิ่งตามร่างโปร่งมา ฮยอกแจรีบถอดเสื้อยีนส์สีซีดออกมาคลุมไหล่ให้ร่างบาง กลัวว่ายูอีจะเป็นหวัด ดวงหน้าหวานอมยิ้มเล็กน้อยพลางมองพฤติกรรมที่แสนอบอุ่นของคนตรงหน้า

     

    ตากฝนมาทำไมเนี่ย แล้วพ่อเธอล่ะ ถามพร้อมกับมองซ้ายขวา จำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันยูอีพาพ่อมาดูงานในคณะนี่

    กลับไปแล้วล่ะ

    แล้วเธอทำไมยังไม่กลับอีก วันนี้มีเรียนครึ่งวันไม่ใช่เหรอ? ยิ่งพูดยิ่งทำให้หญิงสาวอมยิ้มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ฮยอกแจใส่ใจทุกเรื่องแม้กระทั่งตารางเรียนของเธอ

    ก็เราเป็นห่วงฮยอกแจ..หายปวดท้องแล้วใช่ไหม?

    อืม..หายแล้ว..เดี๋ยวเราไปส่งเธอที่บ้าน ฮยอกแจเอี้ยวตัวกลับก่อนจะเดินนำหน้าร่างบางไป ไม่ได้กุมมือเดินไปด้วยกันเหมือนคราวที่แล้ว

     

    ฮยอกแจพยายามรักษาระยะห่างระหว่างเขากับยูอีไว้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ ถึงจะอยากเจอหน้าเธอมากแค่ไหน แต่ก็ต้องทำเฉย.. ในตอนแรกที่คิดจะปกป้องยูอี..ตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว.. ร่างกายของเขามันสกปรกเกินกว่าจะปกป้องใครได้

     

    ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังบางของร่างโปร่งที่กำลังเดินนำหน้าไปอย่างช้าๆ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นพลางกระชับเสื้อยีนส์ที่ยังคงหลงเหลือไออุ่นจากฮยอกแจอยู่ก่อนจะเดินตามไป




     

    เข้าใจฮยอกแจ..แต่ได้แค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะ

     

     



     

    .

    .

     

     

     

    นัยน์ตาคมมองคนสองคนที่กำลังเดินขึ้นรถเมล์ไปด้วยกันผ่านกระจกรถขณะที่หยาดน้ำฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง..ที่ปัดน้ำฝนยังคงทำหน้าที่อยู่อย่างนั้นและนั่นยิ่งทำให้ภาพทุกอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

     

    ความรู้สึกผิดเมื่อตอนกลางวันหายไปหมดสิ้น มีเพียงความรู้สึกโมโห หงุดหงิดเข้ามาแทนที่..

     

    นี่เหรอคนป่วย? ปวดท้องเหรอ?

     

    ร่างหนาเหยียบคันเร่งค่อยๆ ขับตามรถเมล์ไปอย่างไม่รีบร้อน..หงุดหงิดที่ฮยอกแจยังคงนัดเจอยูอีอยู่อีก ทั้งที่โดนเขาทำไปซะขนาดนั้น ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยรึไงกัน?

     

    รถเมล์จอดเทียบข้างถนนพร้อมกับคนสองคนที่รีบวิ่งลงมาหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ ร่างโปร่งเอาเสื้อยีนส์ตัวโปรดคลุมหัวให้กับร่างบางก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มก่อนจะเหยียบคันเร่งตามไปอย่างช้าๆ โดยที่ไม่ให้ทั้งคู่รู้ตัว

     

     

     

    คนนั้นก็เมียเก่า…

    อีกคน...อืม...



     

     

    นั่นก็เมียนี่นะ...

     



     

    ไปตามเมียกลับบ้านมันคงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกมั้ง?

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    จะไม่เข้าไปข้างในก่อนเหรอ? ดวงหน้าหวานเอ่ยถามเมื่อทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าบ้าน ฮยอกแจส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะกระชับเสื้อให้อีกฝ่าย

    รีบอาบน้ำสระผม เป่าผมให้แห้งก่อนแล้วค่อยเข้านอนนะ

    ...อื้อ

    .................

    .................

    เรากลับละ

    ...อื้อ ร่างบางงุดหน้าลง ไม่รู้จะพูดอะไรดี อยากจะรั้งไว้ อยากจะเอาแต่ใจ แต่นั่นก็จะเป็นการบังคับจิตใจฮยอกแจจนเกินไป..

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    คนเราเมื่อถึงจุดขีดสุดแล้ว..

    ก็ทำเรื่องบ้าๆ ได้เหมือนกัน..

     

     

     

    มือเรียวไล้ไปตามดินเหนียวที่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ดวงตาเรียวเหม่อลอยเหมือนคนสิ้นหวังกับทุกอย่าง ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้ว..ตั้งแต่เมื่อวานที่ทะเลาะกับทงเฮ..พอปิดประตูน้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนมันก็ไหลออกมา..

     

    คำพูดแต่ละคำไม่ได้ออกมาจากใจ..แต่มันออกมาจากความรู้สึกทั้งนั้น

     

    คำพูดที่อีกฝ่ายย้ำ..ว่าเขาเป็นของทงเฮคนเดียวนั้นมันยิ่งทำให้เกลียดทุกอย่างที่เป็นตัวเขามากขึ้นยิ่งกว่าที่เคยเป็น

     

     

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องบ้าๆ นี่จะจบไปสักที..

     

     

    ยังไม่กลับอีกเหรอ? เสียงของผู้มาใหม่ทำให้คนที่กำลังเหม่อลอยอยู่สะดุ้งเล็กน้อย ฮยอกแจหันหลังกลับไปมองอาจารย์หนุ่มร่างสูงโปร่งที่เดินไปใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เขา

    อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม?

    ครับ

    อืม.. ดวงตาคมหันไปมองผลงานของลูกศิษย์ที่กำลังเป็นรูปเป็นร่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าขาวที่มีสีหน้าเศร้าหมอง

    คุณเองก็เหมือนกัน ทำไมยังไม่กลับล่ะครับ พูดทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่กับดินเหนียว มือเรียวเลื่อนไปแตะน้ำก่อนจะไล้ให้ดินเป็นรูปทรงสวยงามมากยิ่งขึ้น

    ก็ผมเป็นครูนี่ ตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังร่างโปร่งพร้อมกับผูกเชือกผ้ากันเปื้อนที่พึ่งหลุดไปให้

     

    ..................”

     

    ชเวซีวอนซ้อนวงแขนเข้าทางด้านหลังก่อนจะประคองมืออีกฝ่ายหล่อดินเหนียวบนเครื่องปั้นให้เป็นรูปทรงที่ถูกต้อง พักใหญ่... ที่ความเงียบโรยตัวลงปกคลุมบรรยากาศทั้งห้องจนเต็มไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ

     

    ผมเป็นผู้ชาย กลีบปากบางพูดขึ้นมาเบาๆ โดยไม่มีเหตุผล และนั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าอีฮยอกแจเองก็รู้สึก...เช่นกัน

    ผมก็เหมือนกัน..

     

    ทั้งที่ต่างคนต่างพูดไปอย่างนั้น แต่ความคิดบ้าๆ ในหัวกลับส่งผลให้อีฮยอกแจยอมหันหน้ากลับไปเผชิญกับอีกคนทั้งที่รู้ว่าอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นต่อจากนี้ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา หากแต่สองสายตาที่ทอดมองกันนิ่งงันนั้นไม่ต่างอะไรจากการกระตุ้นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นดื้อๆ

     

    ฮยอกแจรู้ดีว่ามันง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้น... เขาก็ยังยอมจูบกับอาจารย์ของตัวเอง

    รู้และมีสติดีทุกอย่าง... แต่ก็ยังเลือกที่จะทำ...

    ยิ่งหน้าของอีทงเฮลอยขึ้นมาในหัวเท่าไหร่ อีฮยอกแจยิ่งบ้าไปเท่านั้น

     

     

     

     

     

     

     

    .
    .

     

     









     

     

     

    Talk with writer


    หายไปเป็นอาทิตย์ คิดถึงกันบ้างไหม

    ลืมไปรึยังว่ามีฟิคเรื่องนี้ 55555555555

     

    โอ๊ย โดนทวงทุกวี่ทุกวัน เพลียแทนคนทวง

    เอามาลงให้แล้วนะจ๊ะ นะจ๊ะ . _.

    ตอนนี้รู้สึกแย่อ่ะ ยิ่งแต่งภาษายิ่งห่วย ไอ้เราก็เขียนห่วยอยู่แล้ว

    นับวันยิ่งแย่ 55555555555

    เลิกแต่งฟิคกลับไปขายเต้าทึงดีกว่า orz

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×