ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : คอนเสิร์ต
Chapter 3
ใจเต้น
“อือ...”
“อื้อ...!!”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะลืมตาพรวดขึ้นมาเมื่อรู้สึกหนักราวกับโดนผีอำ ไม่นะ...ตั้งแต่เกิดมายี่สิบเจ็ดปีอีฮยอกแจยังไม่เคยเจอผีเลยสักครั้งในชีวิต! แล้วก็ไม่อยากเจอด้วย ไม่ว่าผู้ชายอกสามศอกหรือนักมวยปล้ำทีมชาติก็ต้องมีกลัวผีกันบ้างล่ะ...จะลืมตาเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาไม่รู้ว่ามันมีจริงอยู่บนโลกนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ดีไหม ถ้าเกิดมาในสภาพแบบหน้าเน่าเฟะล่ะจะทำยังไง T_T
“ฟี้...”
นอกจากจะอำแล้วยังพ่นลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอกันอีกเหรอ อีฮยอกแจจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน ร่างบางเบิกตาโพลงก็มองเห็นเพดานห้องสีขาวกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง...ไม่มีบางสิ่งที่เขากลัวอย่างที่คิด...แล้วทำไมถึงยังรู้สึกหน่วงๆ อยู่ล่ะ?
ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นก่อนจะหงายหลังลงไปนอนอีกรอบ เดี๋ยวนะ... (เงยหน้าขึ้น)
ไอ้ที่เขาคิดว่าโดนผีอำมาตลอดน่ะไม่ใช่ผีสางที่ไหนหรอก...มันคืออีทงเฮที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ต่างหากล่ะ!
“ฮึ่ย!”
ผลักหน้าอีกคนอย่างแรงจนเทกระจาดลงไปนอนข้างๆ ดวงหน้าหล่อในยามหลับแม้จะน่าเอ็นดูจนนึกอยากให้อภัยแต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี เป็นบ้าอะไรมานอนทับกันแบบนี้ ไม่ถีบตกเตียงก็ดีแค่ไหนแล้ว มือหนาตะกุยหาผ้าห่มมากอดพร้อมกับเอาขาก่ายเอวเขาเอาไว้นั่นทำให้ฮยอกแจคิ้วขมวดอีกครั้ง
“ไอ้หมอนี่”
พึมพำเบาๆ แล้วจิ๊ปาก ก็รู้ว่าช่วงนี้ทงเฮงานยุ่งมากไหนจะเพิ่งเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ที่ได้รับบทเป็นพาทิซิเย่จนทำให้ต้องแบ่งตารางงานไปหัดเรียนแต่งหน้าเค้ก อีกทั้งยังต้องซ้อมเต้นซ้อมการแสดงในคอนเสิร์ตที่ใกล้จะมาถึงอีก...พอนึกแล้วก็เลยโกรธไม่ลง
โอเค...งั้นหยวนๆ ให้ก็ได้...
“โครก...”
ขนาดหลับอยู่ท้องไส้ก็ยังซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ฮยอกแจหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะจับขาอีกคนออกจากเอวตัวเอง ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเดินอ้อมเตียงไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงหัวไหล่ก่อนจะประคองหัวทุยขึ้นมาอย่างเบามือแล้วเอาหมอนรอง
ยืนจ้องร่างหนาอยู่อย่างนั้น ถ้าเกิดทงเฮตื่นมาตอนนี้คงล้อเขาไม่หยุดแน่...ป้องปากหาวก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็ทำอะไรสักอย่าง เมนูง่ายๆ แล้วกัน ทำเสร็จก็เอาพลาสติกใสแพคไว้ถ้าทงเฮตื่นมาจะได้เอาไปเวฟกิน
.
.
“ขอโทษที่นัดคุยกระทันหันนะครับ” พีดีรายการวีก๊อตแมรี่พูดขณะที่อยู่ในห้องประชุม ฮยอกแจ อีทึก ซองมิน ชินดงเหล่าดีเจโค้งหัวให้ก่อนจะนั่งลง
หันไปข้างๆ ก็พบว่ามีตากล้องสามสี่คนคอยจับจ้องเขาอยู่ทุกมุมห้อง คาดว่างานนี้คงเกี่ยวข้องกับรายการ WGM แน่ๆ พีดีแจกเอกสารบางอย่างให้กับพวกเขาคนละชุด มือเรียวค่อยๆ เปิดมันทีละหน้าแล้วก็พบว่ามันคือตารางงานบางอย่าง
“ในนั้นมีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือคอนเสิร์ตซุปเปอร์โชว์ของทงเฮที่จะแสดงครั้งแรกในโซลวันที่สิบแปดเดือนหน้า ส่วนเรื่องที่สองคือดรีมคอนเสริ์ตน่ะครับ”
“ดรีมคอนเสริ์ตเหรอครับ?” อีทึกถาม
“ปีนี้ผมอยากให้ดีเจมีส่วนร่วมด้วย ส่วนเพลงที่จะขึ้นโชว์นั้นแล้วแต่พวกคุณจะสะดวก จะเป็นเพลงสากลก็ได้”
“ให้พวกเราไปร้องเพลงเนี่ยนะครับ” ชินดงทำหน้าเหวอ ไอ้ร้องเลียนแบบน่ะก็ทำได้หรอกนะแต่จะให้ไปร้องเพลงเต็มๆ เกรงว่าจะไม่ไหว
“ว้าว...ดรีมคอนศิลปินดังๆ เพียบเลยนะพี่” ซองมินสะกิดแขนอีทึกที่นั่งทำหน้าระริกระรี้อยู่ข้างๆ
“นั่นสิ งานนี้ล่ะแจ่มแน่”
“แล้วเรื่องคอนของทงเฮล่ะครับ?” ฮยอกแจถามขึ้นมาก่อนที่จะได้ยินเสียงแซวของเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ยังคุยเรื่องดรีมคอนไม่จบก็ถามเรื่องคอนสามีเลยนะ”
“เงียบไปเลยพี่อีทึก”
“ข้าวใหม่ปลามันก็งี้แหละน่า”
“ผมก็อยากเป็นข้าวใหม่ปลามันบ้าง เมื่อไหร่ฮยองจะติดต่อผมไปเล่นรายการนี้สักทีล่ะ” อีทึกพูดกลั้วหัวเราะ
“ที่พีดีมาถึงที่นี่ผมว่าประเด็นหลักคงไม่ใช่ดรีมคอนใช่ไหมครับ” เป็นซองมินที่พูดเข้าประเด็น พีดียิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“ผมอยากให้ดีเจอึนฮยอกขึ้นไปเซอร์ไพร์สทงเฮบนเวทีน่ะ”
“ว๊าว~”
“ให้เดินขึ้นไปตอนทงเฮกำลังร้องเพลงน่ะเหรอครับ เจ้าเด็กนั่นจะไม่อ้าปากหวอเหรอ” อีทึกพูด
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมอยากให้ดีเจอึนฮยอกเต้นเพลง Beautiful”
“Beautiful?”
“มีเพลงนี้ในอัลบั้มด้วยเหรอครับ?” ฮยอกแจถามพลางขมวดคิ้วแล้วเปิดเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า
“ไม่มีหรอก เพราะทงเฮเพิ่งแต่งเพลงนี้จบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง”
“หมอนั่นทำอย่างอื่นนอกจากกวนประสาทเป็นด้วยเหรอ...” ฮยอกแจพึมพำเบาๆ พลางยักไหล่
“ที่บอกว่าให้อึนฮยอกเต้น...คือเต้นเพลงที่เพิ่งแต่งเสร็จเนี่ยเหรอครับ แล้วท่าเต้นล่ะใครจะมาสอนให้ ทงเฮหรือว่าคนอื่น?” ซองมินรัวคำถามไม่หยุดจนอีทึกหันไปมองคนข้างๆ ที่ดูจริงจังเกินเหตุ
“ถ้าให้ทงเฮมาสอนเต้นมันก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพร์สสิเจ้าเด็กนี่” อีทึกผลักหัวซองมินเบาๆ
“มีครูสอนเต้นให้ครับทางเราเพิ่งติดต่อไป ทงเฮก็เพิ่งรับท่าจบไปเมื่อวานนี้เอง อีกอย่างเต้นแค่ครึ่งเพลงหลังแถมยังมีท่อนฟรีให้เดินเล่นบนเวทีอีกด้วย จะเซอร์วิสกันแค่ไหนก็ได้ตามสบายเพราะท่าเต้นมีแค่นิดเดียว”
“ต่อให้ท่าเต้นมีนิดเดียวแต่ถ้าไม่ได้ลองเวทีจริงก็พลาดได้นะครับ” ซองมินพูด อีทึกขมวดคิ้วก่อนจะนั่งเท้าคางมองไอ้กระต่ายอ้วนพลางแคะขี้มูกแล้วป้ายเสื้อรุ่นน้องพร้อมกับทำหน้าตาย ซองมินดีดตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเบะปากรังเกียจคนข้างๆ ที่กำลังยิ้มพอใจ ฮยอกแจกุมขมับเมื่อเห็นการกระทำของรุ่นพี่ที่ไม่เคยแคร์เลยว่ากล้องจะจับภาพพวกเขาอยู่
“อี๊...อุบาถว์!”
“ทีนี้ก็เลิกพูดได้แล้วสินะ ( ̄▽ ̄)”
ฮยอกแจได้เพียงแค่พยักหน้าบอกซองมินหยวนๆ ให้อีตาแก่นั่นไปเถอะ อีทึกก็เป็นซะอย่างนี้ชอบทำทุเรศต่อหน้าสื่อและทำหล่อต่อหน้าสาว
“ซ้อมในห้องซ้อมไปก่อน พอเต้นได้แล้วถึงค่อยลองกับเวทีจริง ไม่ต้องห่วงว่าเวลาซ้อมจะชนกัน ผมถามผู้จัดการฮีชอลมาแล้วว่าตารางงานทงเฮแน่นมากจนถึงดึกทุกวันกว่าจะได้ซ้อมก็หลังเที่ยงคืน เพราะฉะนั้นดีเจอึนฮยอกไปซ้อมตอนกลางวันได้ไม่มีอะไรต้องกังวล”
“หืม...ผู้จัดการฮีชอลเหรอ...” อีทึกหรี่ตามองพีดีเมื่อได้ยินชื่อๆ หนึ่ง ชื่อที่ทำให้หูเขาผึ่งทุกครั้งที่ได้ยิน
“แน่ใจเหรอครับว่าเขาจะไม่โผล่มาซ้อมตอนกลางวัน...”
“แน่ใจสิครับ”
“แบบนั้นค่อยโล่งใจหน่อย ฮยอกแจเป็นพวกเต้นเก่งแต่ขี้อายน่ะครับ ฮ่าๆ” ซองมินพูดก่อนจะรับกระดาษที่ฮยอกแจขยำเป็นก้อนแล้วโยนมาไว้ในมือ “ก็จริงนี่ ไม่รู้นายมาเป็นดีเจได้ยังไง”
“ก็ยังดีกว่าคนที่เต้นง่อยแต่ชอบโชว์อย่างนายแล้วกัน”
“ฮ่าๆ”
“ไม่ใช่ว่าวางแผนไปเซอร์ไพร์สเขาแต่ดันโดนเซอร์ไพร์สกลับหรอกนะ” ชินดงพูดทำให้ฮยอกแจหุบยิ้มทันที...
นั่นน่ะสิ...
ยิ่งคนอย่างอีทงเฮแล้ว...ชอบทำอะไรเหมือนคนธรรมดาเสียเมื่อไหร่
“ไม่หรอกน่า...”
“พีดีอย่าอำผมนะ แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้ว”
“มุดไว้ในซอกหลืบอกของพี่ทงเฮก็ได้” อีทึกพูดก่อนจะหลบก้อนกระดาษที่ฮยอกแจเขวี้ยงมาโดยสัญชาติญาณ “แหม...แค่นี้ทำเขิน...”
“เขินกับป้าพี่น่ะสิ ไปเต้นเองเลยไป”
“ฉันไม่ใช่เจ้าสาวของเจ้าเด็กนั่นนี่ นายบอกพีดีสิ ถ้าเขาเปลี่ยนใจเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเต้นรูดเสาพี่ทงเฮของนายให้ก็ได้นะ” พูดพร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ยสุดพลัง ฮยอกแจรู้สึกหงุดหงิดไปหมดไม่ว่าจะไปที่ไหนก็โดนแซวเรื่องนี้ไม่ได้หยุดปาก
“นายก็รู้ว่าพี่อีทึกเขาเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือทุกคนยกเว้นน้องนุ่งอยู่แล้ว” ชินดงพูดเสริมทำเอาอีทึกหุบยิ้มทันที
.
.
ร่างบางนอนกดรีโมทย์ทีวีวนไปวนมาไม่รู้กี่รอบ ตามองทีวีแต่ใจกลับลอยไปที่อื่น กังวลกับภารกิจที่ได้รับกลัวว่าจะทำคอนเสริ์ตของทงเฮหมดสนุกเพราะเขา จริงอยู่ว่าอาจจะมีคนชอบคู่ของเขาอยู่บ้างแต่มันก็ต้องมีบางส่วนที่แอนตี้อยู่ดี
แกร่ก...
ทันทีที่ประตูเปิดออกร่างบางก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเปลี่ยนไปช่องกีฬาทันที ฮยอกแจหยิบหมอนอิงมาวางไว้บนตัก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเสตามองทงเฮที่เดินเข้ามาในสภาพซอมบี้ มือหนาทิ้งกระเป๋าราคาแพงลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแล้วเอาหัวหนุนตักบาง ฮยอกแจยกแขนขึ้นทั้งสองข้างพลางก้มหน้าลงมองใครอีกคนที่กำลังบดเบียดอยู่บนตักเขาราวกับเด็ก
เปลือกตาปิดลงพร้อมกับผ่อนหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ไม่มีแม้แต่คำทักทาย มือหนาวางลงบนหน้าขาอีกคนหมดสภาพไอดอลชื่อดัง ฮยอกแจจ้องหน้าทงเฮอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ วางมือลงบนท่อนแขนแกร่งแล้วเขย่าเบาๆ
“นี่”
“...............”
“หลับจริงๆ เหรอ...อย่ามาอำกันนะ”
“..............”
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันนึกชั่งใจ...ช่วงนี้ทงเฮกลับดึกทุกวันเพราะต้องซ้อมหนักจนถึงตีสองตีสามแถมยังต้องตื่นเช้าไปกองถ่ายอีก พอเห็นอย่างนั้นแล้วจู่ๆ ก็นึกสงสารขึ้นมา จริงอยู่ว่าทงเฮชอบทำตัวนิสัยไม่ดีกับเขา ชอบแกล้ง ชอบเอาแต่ใจ แต่พอเห็นสภาพแบบนี้แล้วก็...
มือเรียวเกลี่ยผมหยักศกออกจากดวงหน้าหล่ออย่างเบามือ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องยิ้มออกมา...อาจเป็นเพราะว่านึกถึงตอนที่หมอนี่ซ่าไม่หยุดล่ะมั้ง แผลงฤทธิ์ไปทั่วแต่พอหลับแล้วก็กลายเป็นเด็กทารกไปในทันที...ร่างบางเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ คนที่หลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับกุมมือเขาเอาไว้ จะสบัดออกแต่ก็ไม่ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายกุมมันไว้แน่นเสียยิ่งกว่าอะไร
“...............”
“ผมยังไม่ได้อาบน้ำ...”
“อื้ม แล้วไง”
“แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงเดินไปเข้าห้องน้ำแล้ว...”
“ผมไม่อาบช่วยนายหรอกนะ -_-”
“ผมรู้...งั้นยอโบไปนอนเถอะ...คืนนี้ผมจะนอนโซฟาเอง” ปรือตาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ทั้งที่อีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว ดีซะอีกเขาจะได้ไม่ต้องทนกับมือปลาหมึกเหมือนกับทุกคืน ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเลยสิอีฮยอกแจ ทิ้งให้หมอนี่นอนตรงนี้แหละ
“..............”
“ตัดผมมาใหม่เหรอ...น่ารักจัง” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มบางๆ ทั้งที่ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ฮยอกแจเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วหายใจเข้าลึกๆ
ไม่เอาน่าฮยอกแจ...แค่คำพูดหวานๆ ประโยคเดียวที่ได้ยินจากปากนี่มานักต่อนักแล้ว อย่าลังเลเลย เดินเข้าไปในห้องนอนซะตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่นายจะใจอ่อน!
“ชุดนอนก็น่ารัก...ผมชอบ” ใบหน้าคมซุกลงกับหน้าท้องจนเขาต้องงอตัวลงแล้วดันหน้าอีกคนออกไป
“ง่วงแล้วทำไมไม่นอน พูดมากอยู่ได้” ฮยอกแจขยับตัวออกแล้วลุกขึ้นยืน ทงเฮขดตัวนอนบนโซฟาพลางเอาหมอนอิงมากอด นัยน์ตาคมปรือมองร่างบางที่ยืนพูดจาไม่น่ารักใส่เขา
“ก็วันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลย ผมคิดถึงยอโบมาก มากกว่าคำว่ามากที่สุดอีก”
“ไหนบอกว่าเหนื่อยจนเดินไปเข้าห้องน้ำไม่ไหวไง ตอนนี้ก็ยังเห็นพูดเป็นต่อยหอยอยู่เลยนี่”
“อืม...” หลับตาลงพร้อมกับยิ้มกว้าง ทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขากำลังบ่นอยู่ ฮยอกแจขยับปากบ่นอุบอิบก่อนที่อีกฝ่ายจะลืมตาขึ้น “หยิบกระเป๋าให้ผมหน่อย”
เอาสิ...สบายเป็นพระเจ้าเกินไปแล้ว นี่เขาเป็นคู่ชีวิตจำแลงนะไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ ไม่สิ...แบบนี้ต้องเรียกว่าทาสต่างหากถึงจะถูก
“เอาไป” บ่นในใจไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็เดินไปหยิบให้อยู่ดี ทงเฮพลิกตัวขึ้นนอนหงายก่อนจะรูดซิบกระเป๋าออกแล้วล้วงมือเข้าไปควานหาอะไรบางอย่าง
“เจอแล้ว” พูดจบก็ยื่นสิ่งหนึ่งมาให้เขา ฮยอกแจขมวดคิ้วพร้อมกับมองมืออีกคน
“อะไร”
“บัตรคอน”
ตึง!!!
บัตร-คอน-งั้น-เหรอ
ฮยอกแจถือบัตรคอนที่มีรูปทงเฮเด่นหลาเอาไว้ แน่นอนว่าแฟนคลับสาวๆ คงแห่ซื้อกันไปสะสมกันเป็นคอลเล็กชั่นแน่ๆ แต่ปัญหาคือเขาไปดูคอนทงเฮไม่ได้น่ะสิ...เพราะอะไรน่ะเหรอ...
‘ผมอยากให้ดีเจอึนฮยอกขึ้นไปเซอร์ไพร์สบนเวทีน่ะ’
( ̄(エ) ̄)
“คือ...”
“ที่นั่ง VIP เลยนะ ข้างหน้าสุดตรงกลางด้วย” ทงเฮอมยิ้มจ้องใบหน้าคนที่กำลังดูลำบากใจกับบัตรคอนในมือ
“ขอโทษ” ฮยอกแจยื่นบัตรคืนให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบิกตาโพลง ร่างหนาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองดวงหน้าหวานอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมเหรอ”
“ผมไปดูนายไม่ได้หรอก เอาไปให้คนอื่นเถอะ” พูดแล้วก็เบือนหน้าหนี ทงเฮยังคงจ้องหน้าฮยอกแจอยู่อย่างนั้น ทำไมถึงไปดูไม่ได้ล่ะ?
“ผมเช็คตารางงานนายมาแล้ว วันนั้นนายไม่มีงานไม่ใช่เหรอ?”
“อืม แต่ผมไม่ว่าง เอาคืนไปเถอะ” ยังคงยื่นบัตรคอนเสริ์ตค้างไว้อยู่อย่างนั้นหากแต่อีกฝ่ายไม่รับกลับคืนไปสักที นั่นสร้างความลำบากใจให้กับคนที่วางแผนจะเซอร์ไพร์สอย่างฮยอกแจเหลือเกิน
“ติดธุระอะไรเหรอ หรือว่ามีงานกะทันหัน ผมเคลียร์ให้เอาไหม?”
“ไม่ต้อง ผมมีธุระต้องไปจริงๆ นายไม่ต้องรู้หรอกว่าผมจะไปไหน”
“ทำไมผมถึงรู้ไม่ได้ว่านายจะไปไหน” หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่ยืนหลบตาเขาอยู่
“ก็ผมไม่อยากบอก” เอ่ยน้ำเสียงเย็นชาตัดพ้อออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มันทำร้ายความรู้สึกของทงเฮมากแค่ไหนฮยอกแจไม่เคยรู้ ที่รู้มีเพียงอย่างเดียวคือต้องทำใจแข็งเพื่อไม่ให้ถูกจับได้เท่านั้น
“...ตอนพูดทำไมไม่มองหน้าผม”
“..................”
ไม่เข้าใจทงเฮเลยจริงๆ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงนะ บอกว่าไม่ว่างๆ แทนที่จะให้เรื่องมันจบๆ ไปสักที จะได้ไม่ต้องมาทนอึดอัดท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปโดยที่ไม่ต้องถามเลยไม่ได้เหรอไง
“ผมง่วงแล้ว” ร่างบางเดินสวนออกมาจากตรงนั้นแต่ก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ เรียวขาหยุดชะงักอยู่กับที่ก่อนจะหันกลับไปมองใครอีกคนที่ยืนหันหลังให้กับเขาอยู่ รู้สึกเจ็บข้อมือเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ทงเฮแทบจะไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ
“คอนเสริ์ตเริ่มหกโมงเย็นและจบตอนสามทุ่ม...”
“..................”
“ถ้านายทำธุระเสร็จแล้วไปให้ได้นะ...ผมจะรอ”
พูดจบมือหนาก็คลายออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินไปนอนบนโซฟาโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ทิ้งไว้เพียงแค่ความรู้สึกผิดให้กับเขา พูดออกไปก็ไม่ได้เดี๋ยวทุกอย่างจะพังหมด แต่พอไม่พูดก็หาเรื่องโกหกไม่เก่งอีก...ให้ตายสิอีฮยอกแจ...นายนี่มันไม่มีไหวพริบเอาซะเลย
.
.
เช้าวันต่อมา...
ทงเฮ...ออกไปแล้ว
วันนี้เป็นวันแรกที่ฮยอกแจจะได้มาทดลองซ้อมเต้นบนเวทีจริง พอเห็นความกว้างของสถานที่แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ อีทงเฮเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชอบ ร้องเพลงก็เพราะ มากไปด้วยความสามารถ จนบางทีเขาก็คิดว่ามันคือความจริงเหรอที่ทงเฮแสดงออกกับเขาแบบนั้น หยอกล้อ...หยอดคำหวาน...ใส่ใจเรื่องของเขาน่ะ...
เขามีค่าพอที่จะให้คนอย่างอีทงเฮสนใจหรือไงกัน?
RRRrrr!!
“ว่าไงซีวอน”
( ได้ยินข่าวว่านายเล่นวีก๊อตแมรี่คู่กับทงเฮ แต่ไม่เคยโทรมาแสดงความยินดีเลย ชุกคาแฮ เลิกกันไวๆ นะ )
“เงียบไปเลยไอ้เพื่อนบ้า”
( จุ๊ๆๆ... โทรมาทั้งทีไม่คิดจะพูดจาหวานๆ กับฉันเลยหรือไง )
“จำเป็นเหรอ ไม่ไล่ไปตายก็ดีแค่ไหนแล้ว”
( ยังตายไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าฉันจะกลืนน้ำทะเลจากการเล่นเซิฟจนพุงยื่นแล้วก็ตาม ที่นี่ทำให้ฉันผิวคล้ำลงเยอะเลย อยากกลับเกาหลีจะแย่แล้ว )
“กลับมาทำไม”
( กลับไปดูแลนายไง...ฮยอกแจ )
“ถ้าเกิดเป็นห้าปีก่อนฉันก็คงจะเขินหรอกนะ แต่ตอนนี้ไม่ไง? แค่นี้นะจะซ้อมแล้ว”
( แล้วจะรีบกลับไปหา อย่าเพิ่งเผลอใจให้ทงเฮล่ะ หมอนั่นน่ะกะล่อนอย่างนี้เลย อ่อ...ฉันกำลังชูนิ้วโป้งอยู่นะ )
“กะล่อนเท่านายป่ะ”
( กว่าเยอะ )
“เพี้ยน”
( อย่าเผลอล่ะ )
“รู้แล้ว แค่นี้นะ”
( ก็ได้ บาย )
กดวางสายแล้วก็หันหลังกลับแต่ก็ต้องผงะถอยหลังสามเก้าเมื่อเห็นใครคนหนึ่งมายืนกอดอกอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเรียวสวยกับทรงผมหยักศกกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าเขาหน่ายๆ
“ทำไมยังไม่ไปซ้อมอีก ครูสอนเต้นมาถึงตั้งนานแล้วนะ มัวแต่สวีทกับกิ๊กชาวใต้หวันอยู่หรือไง?”
“ซีวอนเป็นคนเกาหลีนะครับ...” ช้อนตามองคนตรงหน้าที่เห็นเมื่อไหร่เป็นต้องดุกันตลอด
“เหรอ เห็นแสดงละครใต้หวันบ่อยจนแทบลืมไปแล้วว่าเป็นคนเกาหลี ประเทศนี้เขาไม่จ้างหมอนั่นแล้วหรือไงกัน”
“จ้างครับ แต่มีคิวถ่ายหนังใต้หวันก่อน”
“รู้ดีนักนะ โน่น ครูสอนเต้น”
“ขอบคุณครับ...” โค้งหัวขอบคุณแล้วรีบวิ่งไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักแล้ววิ่งกลับมาหาผู้จัดการหน้าสวยอีกครั้ง “เอ่อ...ผมถามอะไรหน่อยสิครับ”
“อะไรอีก”
“พี่มาอยู่ที่นี่...แล้วทงเฮล่ะครับ?”
“เรียนแต่งหน้าเค้กอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ แต่ไม่ต้องกลัว หมอนั่นยังไม่มาตอนนี้หรอก” เหมือนรู้คำถามในใจร่างบางทะลุปรุโปร่ง ฮีชอลเพ่งมองเด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้าสลดแล้วก็นึกสงสัย
“ทะเลาะกันหรือไง?”
“...ข...เขาบอกพี่เหรอครับ?”
“ไม่ แต่เห็นสีหน้านายกับหมอนั่นแล้วราวกับแฝด คิ้วแทบจะติดกันขนาดนี้ แถมทำหน้าบึ้งตึงเหมือนกับคนไม่ได้ถ่ายของเก่าออกมาอีก ไปทำอีท่าไหนมาล่ะ”
“...คือผม”
“จะเล่าก็รีบเล่ามา ครูสอนเต้นทำท่าจะขบหัวนายอยู่แล้ว” พูดพร้อมกับมองไปยังครูสอนเต้นที่กระดกน้ำเปล่าอยู่
“เรื่องคอนน่ะครับ...ทงเฮให้บัตรคอนผมมา”
“อ๊อ...แล้วนายก็เลยปฏิเสธไปสินะ?” ร่างบางพยักหน้าหงึกก่อนจะโดนผู้จัดการหน้าสวยเขกหัวไปทีหนึ่ง
“โอ๊ย~”
“เฮ้! นี่คุณทำอะไรน้องชายผมน่ะ?” เดินมาแทรกกลางพร้อมกับหันหน้าเข้าหาคู่กรณี อีทึกยักคิ้วให้คนหน้าสวยที่กำลังเบิกตาโพลงมองเขา
ไอ้ม่อมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ!
“อะไร?”
“พี่อีทึกมาที่นี่ได้ยังไง?”
“เหมือนมีลางว่านายจะโดนแม่มดใจร้ายกลั่นแกล้งน่ะสิ...กะแล้วไม่มีผิด ไม่ต้องดูแลนักร้องในสังกัดเหรอครับคุณ ถึงได้เที่ยวมาเขกหัวชาวบ้านเล่นแบบนี้?” อีทึกเลิกคิ้วมองก่อนจะกอดอกตามอีกคน
“แล้วไม่ทราบว่าคุณมายุ่งอะไรด้วย?”
“ไม่ได้อยากยุ่งเล้ย...แล้วอีกอย่างนั่นมันคือประโยคคำถามนะ คืองี้...เนี่ยน้องชายผม...ถึงจะไม่ได้คลานตามกันออกมาแต่เราก็ทำงานที่เดียวกันมาตั้งสี่ปีแล้ว”
“แล้วไง?”
“พูดเป็นอยู่แค่นี่เหรอ แล้วไง? ยุ่งอะไรด้วย? อะไร?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”
“ฮั่นแน่ ท้าแบบนี้เดี๋ยวก็โดนจูบหรอกคุณเมเนเจอร์~” อีทึกเล่นหูเล่นตาพลางชี้หน้าใส่ผู้จัดการหน้าสวยจนเลือดขึ้นหน้า ปัดมืออีกคนออกก่อนจะเหลือบไปมองฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างๆ
“หมอนั่นคงน้อยใจที่นายไม่ว่าง คงไม่มีใครมาดูมันนอกจากนายคนเดียว เพราะพ่อแม่ทงเฮตายไปตั้งนานแล้ว”
ตาย...ไปตั้งนานแล้ว...
“................”
ตอนนี้...อีฮยอกแจ...
รู้สึก...
รู้สึกผิด...จนขยับตัวไปไหนไม่ได้แล้ว...
[ ตัดฉากไปตอนสัมภาษณ์ ]
อึนฮยอก : ผมรู้สึกผิดมากเลยครับตอนที่รู้ว่าครอบครัวของทงเฮเสียไปแล้ว (ยิ้มบางๆ)
อึนฮยอก : ถ้าเกิดว่าไม่มีการเซอร์ไพร์สเกิดขึ้น...ผมจะไปหาเขาเดี๋ยวนั้นแล้วพูดว่าขอโทษซ้ำๆ ...ครับ...ผมจะพูดแบบนั้น
อึนฮยอก : ครับ...ผมยังเก็บบัตรคอนที่เขาให้มาไว้ในกระเป๋าเงิน
[ ตัดฉาก ]
.
.
และแล้วคอนเสิร์ตวันแรกก็มาถึง...
หลายวันที่ผ่านมาเขาทั้งคู่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย ข้อแรกเป็นเพราะว่าทงเฮซ้อมหนักจนต้องกลับไปพักที่คอนโดของฮีชอล อาหารที่ทำเผื่อไว้ในตู้เย็นต้องเททิ้งทุกวันเมื่ออีกคนไม่กลับมากินมัน ทุกความรู้สึกมันถูกถ่ายเก็บไว้ด้วยตากล้องของรายการ WGM ตอนนี้ฮยอกแจไม่สนใจแล้วว่าเขาจะแสดงอาการอะไรออกไปบ้าง ทิ้งทิฐิ ทิ้งทุกอย่างไปหมดเมื่อความรู้สึกมันเอาชนะทุกอย่าง
ตอนนี้เขาเดินเข้ามาหลังเวทีขณะที่ทงเฮกำลังแสดงอยู่ ได้เพียงแค่ยืนมองแผ่นหลังของใครอีกคนที่มักจะกวนประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชายที่ชื่ออีทงเฮทำให้เขายิ้มได้บ่อยกว่าใครๆ ทำให้เขารู้สึกอะไรบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้รู้สึกอะไรแบบนั้นอีก...
ความรู้สึกแปลกๆ
“ตื่นเต้นไหมครับ?” ร่างบางหันกลับไปมองกล้องก่อนจะยิ้มออกมา
“ผมตื่นเต้นมากเลยครับ”
“อีกแค่เพลงเดียวเท่านั้น ดีเจอึนฮยอกอยากบอกอะไรกับคุณทงเฮไหมครับ?”
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันพลางหลุบสายตาลง ถอนหายใจออกมาเพียงเบาบางก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกล้องพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง
“ผมอยากขอโทษสำหรับทุกๆ อย่างที่เคยทำไม่ดีกับนาย ผมเสียใจที่พูดแบบนั้นออกไป...แต่...ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่กันได้ไหมทงเฮ?”
ฮยอกแจยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปตามที่สตาฟกวักมือเรียก กล้องแพลนตามแผ่นหลังบางที่กำลังมุดเข้าไปใต้เวทีเพื่อรอเซอร์ไพร์สกลางเพลง...ใช่...นั่นแหละคือสิ่งที่เขาอยากจะบอกอีทงเฮในตอนนี้...
เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะทงเฮ ระหว่างที่อยู่ด้วยกันในรายการนี้...อีฮยอกแจขอสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามมอบความรักความใส่ใจให้กับเพื่อชดเชยกับสิ่งที่ทงเฮได้สูญเสียไป
จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮมานอนตัก
จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮนอนกอดเขาแน่นๆ
จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮชอบชิมอาหารตอนที่เขายังทำไม่เสร็จ
จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮแกล้ง...
ทงเฮจะรู้สึกเหงาแค่ไหนที่ไม่มีพ่อแม่ให้กอด ทงเฮจะรู้สึกแย่เท่าไหร่ตอนที่เขาพูดแย่ๆ ถึงนิสัยของเขาแล้วอ้างว่าเป็นเพราะพ่อ...ฮยอกแจแทบจะรอให้เพลงนี้จบต่อไปไม่ไหว อยากให้เวลานี้มันผ่านไปเร็วๆ อยากให้เราเข้าใจกันสักที...ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคู่รัก ‘จริงๆ’ ก็ตาม
เพลงที่คุ้นหูเปิดขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของแฟนคลับ แท่งไฟสีน้ำเงินโบกไปทั่วฮอล์มองจากมุมนี้แล้วก็ขนลุก ถ้าทงเฮไม่ได้รับความรักจากแฟนคลับเขาคงเป็นแค่ผู้ชายตัวคนเดียวที่ไม่เหลือใคร แค่คิดแบบนั้นก็เจ็บแทนแล้ว ร่างบางหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับประสานมือไว้ตรงหน้า สวดภาวนาขอผู้เป็นเจ้าให้มอบความกล้าให้กับผู้ชายขี้ขลาดคนนี้ ผู้ชายที่เคยผิดหวังในความรักจนไม่กล้าที่จะเปิดใจให้ใคร
ท่วงทำนองเล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสตาฟส่งสัญญาณให้ฮยอกแจเตรียมพร้อม ร่างบางพยักหน้าก่อนจะเข้าไปยืนตรงแท่นที่กำลังค่อยๆ เลื่อนขึ้นไป รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก...เสียงกรี๊ดดังขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อสปอร์ตไลท์ฉายมาที่เขา ตอนนี้สิ่งที่อีฮยอกแจมองเห็นคือปลายเท้าตัวเองเท่านั้น เพราะถ้าหันไปมองข้างๆ คงได้ลืมท่าเต้นที่ซ้อมมาหลายอาทิตย์จนทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ฉากหมุนตัวทำให้เห็นว่าอีทงเฮเต้นอยู่ข้างหลัง สบตากันเพียงชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นก็ต้องกลับมาเต้นต่อ เป็นแค่เขาคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้...มีเพียงแค่เสียงกรีดร้องของแฟนคลับเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในหัว เสียงเพลงที่ทงเฮร้องมันช่างเบาหวิวเหลือเกิน...
สุดท้ายแล้วฮยอกแจ...ไม่มีท่อนที่ต้องเต้นอีกต่อไป เป็นท่อนฟรีที่ให้เขาเดินไปรอบๆ เวทีเพื่อเรียกเสียงกรี๊ดกับแฟนคลับ มันคงเรียกเรตติ้งให้เขาทั้งคู่และรายการ WGM ได้เป็นอย่างดี แต่ในใจของเขากลับไม่ได้คิดอย่างนั้น ตอนนี้ขออย่างเดียว ขอให้เพลงนี้จบไปเร็วๆ ก็พอ...เขาทนอยู่ข้างๆ ทงเฮตอนนี้โดยที่ไม่เข้าไปปรับความเข้าใจไม่ได้ หันหลังไปก็เห็นว่าทงเฮกำลังเล่นกับกล้องอยู่ นึกชื่นชมถึงสปิริต เขาขึ้นมาเซอร์ไพร์สขนาดนี้แล้วแต่ทงเฮกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้ว่าเก็บอาการเก่งหรือว่าก็แค่รู้สึกเฉยๆ เท่านั้น
เพลงจบแล้ว...
ตอนนี้ร่างบางนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มเงียบๆ คนเดียว รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน ฮยอกแจก็อยากออกไปดูทงเฮแสดงเหมือนกันนะ อยากนั่งอยู่ข้างหน้าสุดแล้วโบกแท่งไฟให้กำลังใจ ถึงเพลงของทงเฮเขาจะร้องได้แค่เพลงเดียวแต่ถ้าให้เวลาเขาสักหน่อย...ต่อไปเขาต้องร้องได้ทั้งหมดอัลบั้มแน่ๆ
แกร่ก...
เสียงประตูเปิดออกทำให้ร่างบางลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา มือเรียวที่ประสานกันเริ่มออกแรงจิกเพื่อคลายความตื่นเต้น เตรียมคำพูดดีๆ ไว้มากมายจะมาตกม้าตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะอีฮยอกแจ...
“ทงเฮคือผม...อ๊ะ”
ยังพูดไม่ทันจบร่างทั้งร่างก็ถูกคว้าเข้าไปกอด...ใบหน้าคมซุกลงกับไหล่บางอีกทั้งยังกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นอีก คำพูดที่เตรียมมาถูกกลืนลงคอไปหมด นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง รู้สึกได้ถึงอัตตราการเต้นของหัวใจที่มันเต้นแรงไม่ต่างกันเลย มือที่ว่างอยู่ค่อยๆ วางลงข้างลำตัว ปล่อยให้อีกคนกอดตามอำเภอใจ
“...ผมรู้”
“ผมรู้ว่านายต้องมา”
“..................”
“ถึงมันจะเป็นแค่การเซอร์ไพร์สเพื่อเรียกเรตติ้งรายการ...” กระแอมเสียงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเสียงแหบหลังจากจบคอนเสริ์ต “แต่เพลงนั้นผมแต่งให้นายคนเดียวนะ...แค่นายคนเดียวเท่านั้น”
“..................”
ค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นมากอดตอบอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กังๆ มันอาจจะเป็นกอดหลวมๆ แต่ก็ต้องใช้ความกล้ามากมายสำหรับอีฮยอกแจ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ตอนนี้ไม่แคร์อีกแล้ว ขอแค่เราสองคนเข้าใจกันก็พอ
“ผมมาแล้ว...ทีนี้หายโกรธได้หรือยัง...” ร่างบางผละตัวออกพร้อมกับจ้องหน้าคนที่ทำตาปริบๆ อยู่
“อืม...หายดีไหมนะ”
“อย่าลีลา”
“อะไรเล่า นายเป็นคนผิดนะ ยังจะทำเสียงแข็งใส่ผมอีกเหรอ”
“ยังจะเรียกนายอยู่อีก กี่วันแล้วที่ไม่เรียกผมว่ายอโบน่ะ...” พูดไปหน้าก็แดงไป ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะพูดประโยคนี้ออกมา หน้าไม่อายจริงๆ อีฮยอกแจ - -
“โอ๊ะ...นั่นสินะ...” ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่พูดประโยคนั้นออกไป
“ลืมๆ ที่ผมพูดเมื่อกี้ไปเถอะ”
“ได้ไง มาพูดให้ผมคิดแล้วก็บอกให้ลืมงั้นเหรอ ไม่แฟร์เลยนะยอโบ” มือหนาโอบเอวบางเอาไว้หน้าตาเฉย หากแต่คนที่ถูกรุกรานกลับไม่ตอบโต้เหมือนกับทุกครั้ง
“ก็เรื่องของนายสิ - -”
“เรื่องของผมไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องของเรานะ ไหนเรียกผมว่าที่รักซิ”
“ไม่เรียก ทำไมผมต้องทำตามที่นายสั่งด้วย”
“นั่นมันไม่ใช่ประโยคคำสั่งนะยอโบ มันคือประโยคขอร้อง”
“ไม่เรียก”
“ถ้าไม่เรียกผมจะหอมแก้ม”
“ที่รัก” ดวงหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้จนฮยอกแจต้องเอามือดันหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ทงเฮยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหน้าขึ้นสี
“น่ารักที่สุด”
“ชอบขู่อยู่เรื่อย นิสัยไม่ดี”
“ถ้าผมนิสัยไม่ดียอโบก็ต้องสั่งสอนผมบ้าง รู้ไหม”
“เดี๋ยวได้สอนแน่ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย”
“จะยอมให้สั่ง ให้สอน ทุกๆ เรื่องเลยครับคนดี” ทำหน้าอ้อล้อจนนึกหมั่นไส้ขึ้นมา เสียดายไอ้ความสงสารเมื่อก่อนหน้านี้จริงๆ
แต่ก็ช่างเถอะ...แค่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็พอแล้วล่ะ...
“พรุ่งนี้มาดูอีกไหม”
“เอ๋? มีคอนสองวันเลยเหรอ?”
“ใช่ เดือนหน้าก็ไปแสดงที่ญี่ปุ่น เดือนถัดไปก็ฝรั่งเศส...”
“โอ้โห...ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย”
“เห็นไหมล่ะ ที่รักของยอโบน่ะสุดยอดอยู่แล้ว...ว่าแต่...จะตามผมไปดูคอนทุกที่เลยหรือเปล่า ผมชอบนะตอนยอโบขึ้นมาเต้นในเพลง Beautiful น่ะ สนใจออกอัลบั้มคู่กับผมไหม”
“ไม่ต้องเลย ใครจะดูคอนเดิมซ้ำๆ กันล่ะ น่าเบื่อตาย...” ร่างบางเมินไปอีกทาง ทั้งๆ ที่ก็รู้สึกดีที่ทงเฮชวนไปด้วย
“น่าเบื่อจริงเหรอ งั้นเดี๋ยวผมแต่งเพลงใหม่อีก ต่อไปเป็นเพลงคู่เหมือนจูบเย้ยจันทร์เลยเอ้า!” ปั้นหน้าจริงจังจนฮยอกแจหลุดหัวเราะออกมา ตาบ้าอีทงเฮ บอกมานะว่ากำลังเล่นมุขอยู่
“เชิญร้องคนเดียวเถอะนะเพลงนั้นน่ะ”
“งั้นผมร้องแล้วยอโบเต้น”
“ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ”
“งั้นก็นอนอยู่เฉยๆ ให้ผมกอด แบบนั้นโอเคใช่ไหม~”
“.................”
“วันนี้เมื่อยตัวจะแย่...พรุ่งนี้ต้องขึ้นแสดงอีกรอบผมคงต้องตายแน่ๆ เลยถ้าไม่ได้คนมานวดให้...” พูดพร้อมกับชำเลืองตามองร่างบางแล้วทำตาปริบๆ ฮยอกแจหรี่ตามองคนเจ้าเล่ห์แล้วก็ผลักหัวเบาๆ
“ก็ได้ วันนี้จะนวดให้...แต่แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ” ชูนิ้วชี้ขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าดุ ทงเฮยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจุ๊บนิ้วชี้เบาๆ
ร่างบางเบิกตาโพลงก่อนจะชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่าย ทงเฮทำท่าทางเลียนแบบก่อนจะถอยหลังทีละก้าวเมื่อเห็นว่าฮยอกแจกำลังทำท่าจะเข้ามาฟาดเขา
“นายตายแน่อีทงเฮ!”
“โอ๊ะ! เดี๋ยวสิยอโบ! ใจเย็นๆ ก่อน! อ๊ากกก! ผมยังตายไม่ได้นะพรุ่งนี้ยังต้องขึ้นแสดงอีก...อะ...อ๊ากก! ยอมแล้วครับยอมแล้ว!”
ท่ามกลางความวุ่นวายในห้องแต่งตัวที่มีคนสองคนอยู่ตามลำพัง...หืม...
ลำพังแน่เหรอ...
อ่า...แล้วกล้องที่ซ่อนอยู่ตามมุมห้องนั้นมันอะไรกันนะ...
“คึคึคึ...” <- เสียงหัวเราะอีทึก
“แบบนี้สิเขาถึงเรียกว่ารายการซ่อนกล้องของจริง... (ถอนหายใจ)” <- ฮีชอล
“อยากเห็นหน้าฮยอกแจตอน EP นี้ออกอากาศจังเลย~” <- อีทึก
“ต่อไปนี้ทั้งคู่คงระวังตัวมากขึ้นแน่ๆ อ่า...งานหนักของผมแล้วสิ” <- PD
TALK
เอาแล้วไง ตอนนี้ฮยอกแจเริ่มหวั่นไหวแล้ว
จะอยู่ในสถานะแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน
ความรู้สึกที่มากขึ้นมันจะทำร้ายทั้งคู่หรือเปล่า
#สปอยตอนหน้า
เดี๋ยวซีวอนก็จะกลับมาโซลแล้ว...คนขี้รำคาญอย่างเขาดันบังเอิญไปรู้ความลับอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจของนักร้องหนึ่งในวง K.R.Y. เข้าให้
“อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกเขานะ ได้โปรด...”
“คิดว่าเรื่องของนายสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง แค่หน้านายฉันยังจำแทบไม่ได้ เป็นนักร้องชื่อดังแน่เหรอ?”
“เฮ้! ผมคือคยูฮยอนแห่ง K.R.Y. เลยนะ!”
“อ้อ...นายลืมต่อท้ายว่า ‘ผมคือคยูฮยอนแห่งเคอาร์วายที่แอบหลงรักดีเจอีทึกแต่ไม่กล้าบอกเลยนะ~’ ”
“TOT”
“ตลกสิ้นดี เสียเวลาชะมัด...”
“ห้าม...ห้ามบอกพี่อีทึกนะ (คว้าแขนหมับ)”
“ปล่อย -_-”
“ไม่ปล่อย รับปากผมก่อน T_T”
“ไม่-รับ-ปาก ฉันจะโพนทะนาให้นายได้ขายหน้าวันละล้านครั้งเลยล่ะโจคยูฮยอนเอ๋ย~”
“ม่ายยย”
#สปอยยาวสึด
#แน่ใจเหรอว่าทึกคยู
#ไม่แน่ใจแล้ว #สามพีได้มั้ย #โอเคอาจจะสามพี
สุดท้ายนี้ ฟอนท์เป็นห่าไรวะ เดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่
โอพีวีฟิค http://youtu.be/50_nhyPfjtM
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น