ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun | "We Got Married" แต่งงานกันไหมผู้ชายของผม!

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : คอนเสิร์ต

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 55


    © Tenpoints !
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    Chapter 3
    ใจเต้น
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “อือ...”
    “อื้อ...!!”
    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะลืมตาพรวดขึ้นมาเมื่อรู้สึกหนักราวกับโดนผีอำ ไม่นะ...ตั้งแต่เกิดมายี่สิบเจ็ดปีอีฮยอกแจยังไม่เคยเจอผีเลยสักครั้งในชีวิต! แล้วก็ไม่อยากเจอด้วย ไม่ว่าผู้ชายอกสามศอกหรือนักมวยปล้ำทีมชาติก็ต้องมีกลัวผีกันบ้างล่ะ...จะลืมตาเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาไม่รู้ว่ามันมีจริงอยู่บนโลกนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ดีไหม ถ้าเกิดมาในสภาพแบบหน้าเน่าเฟะล่ะจะทำยังไง T_T
     
    “ฟี้...”
     
    นอกจากจะอำแล้วยังพ่นลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอกันอีกเหรอ อีฮยอกแจจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน ร่างบางเบิกตาโพลงก็มองเห็นเพดานห้องสีขาวกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง...ไม่มีบางสิ่งที่เขากลัวอย่างที่คิด...แล้วทำไมถึงยังรู้สึกหน่วงๆ อยู่ล่ะ?
     
    ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นก่อนจะหงายหลังลงไปนอนอีกรอบ เดี๋ยวนะ... (เงยหน้าขึ้น)
     
    ไอ้ที่เขาคิดว่าโดนผีอำมาตลอดน่ะไม่ใช่ผีสางที่ไหนหรอก...มันคืออีทงเฮที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ต่างหากล่ะ!
     
    “ฮึ่ย!”
    ผลักหน้าอีกคนอย่างแรงจนเทกระจาดลงไปนอนข้างๆ ดวงหน้าหล่อในยามหลับแม้จะน่าเอ็นดูจนนึกอยากให้อภัยแต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดี เป็นบ้าอะไรมานอนทับกันแบบนี้ ไม่ถีบตกเตียงก็ดีแค่ไหนแล้ว มือหนาตะกุยหาผ้าห่มมากอดพร้อมกับเอาขาก่ายเอวเขาเอาไว้นั่นทำให้ฮยอกแจคิ้วขมวดอีกครั้ง
    “ไอ้หมอนี่”
    พึมพำเบาๆ แล้วจิ๊ปาก ก็รู้ว่าช่วงนี้ทงเฮงานยุ่งมากไหนจะเพิ่งเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ที่ได้รับบทเป็นพาทิซิเย่จนทำให้ต้องแบ่งตารางงานไปหัดเรียนแต่งหน้าเค้ก อีกทั้งยังต้องซ้อมเต้นซ้อมการแสดงในคอนเสิร์ตที่ใกล้จะมาถึงอีก...พอนึกแล้วก็เลยโกรธไม่ลง
     
     
     
     
     
     
    โอเค...งั้นหยวนๆ ให้ก็ได้...
     
     
     
     
     
     
    “โครก...”
     
     
     
     
     
    ขนาดหลับอยู่ท้องไส้ก็ยังซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก ฮยอกแจหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะจับขาอีกคนออกจากเอวตัวเอง ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเดินอ้อมเตียงไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงหัวไหล่ก่อนจะประคองหัวทุยขึ้นมาอย่างเบามือแล้วเอาหมอนรอง
    ยืนจ้องร่างหนาอยู่อย่างนั้น ถ้าเกิดทงเฮตื่นมาตอนนี้คงล้อเขาไม่หยุดแน่...ป้องปากหาวก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากนั้นก็ทำอะไรสักอย่าง เมนูง่ายๆ แล้วกัน ทำเสร็จก็เอาพลาสติกใสแพคไว้ถ้าทงเฮตื่นมาจะได้เอาไปเวฟกิน
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
     
    “ขอโทษที่นัดคุยกระทันหันนะครับ” พีดีรายการวีก๊อตแมรี่พูดขณะที่อยู่ในห้องประชุม ฮยอกแจ อีทึก ซองมิน ชินดงเหล่าดีเจโค้งหัวให้ก่อนจะนั่งลง
    หันไปข้างๆ ก็พบว่ามีตากล้องสามสี่คนคอยจับจ้องเขาอยู่ทุกมุมห้อง คาดว่างานนี้คงเกี่ยวข้องกับรายการ  WGM แน่ๆ พีดีแจกเอกสารบางอย่างให้กับพวกเขาคนละชุด มือเรียวค่อยๆ เปิดมันทีละหน้าแล้วก็พบว่ามันคือตารางงานบางอย่าง
     
    “ในนั้นมีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือคอนเสิร์ตซุปเปอร์โชว์ของทงเฮที่จะแสดงครั้งแรกในโซลวันที่สิบแปดเดือนหน้า ส่วนเรื่องที่สองคือดรีมคอนเสริ์ตน่ะครับ”
    “ดรีมคอนเสริ์ตเหรอครับ?” อีทึกถาม
    “ปีนี้ผมอยากให้ดีเจมีส่วนร่วมด้วย ส่วนเพลงที่จะขึ้นโชว์นั้นแล้วแต่พวกคุณจะสะดวก จะเป็นเพลงสากลก็ได้”
    “ให้พวกเราไปร้องเพลงเนี่ยนะครับ” ชินดงทำหน้าเหวอ ไอ้ร้องเลียนแบบน่ะก็ทำได้หรอกนะแต่จะให้ไปร้องเพลงเต็มๆ เกรงว่าจะไม่ไหว
    “ว้าว...ดรีมคอนศิลปินดังๆ เพียบเลยนะพี่” ซองมินสะกิดแขนอีทึกที่นั่งทำหน้าระริกระรี้อยู่ข้างๆ
    “นั่นสิ งานนี้ล่ะแจ่มแน่”
    “แล้วเรื่องคอนของทงเฮล่ะครับ?” ฮยอกแจถามขึ้นมาก่อนที่จะได้ยินเสียงแซวของเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ด้วยกัน
    “ยังคุยเรื่องดรีมคอนไม่จบก็ถามเรื่องคอนสามีเลยนะ”
    “เงียบไปเลยพี่อีทึก”
    “ข้าวใหม่ปลามันก็งี้แหละน่า”
    “ผมก็อยากเป็นข้าวใหม่ปลามันบ้าง เมื่อไหร่ฮยองจะติดต่อผมไปเล่นรายการนี้สักทีล่ะ” อีทึกพูดกลั้วหัวเราะ
    “ที่พีดีมาถึงที่นี่ผมว่าประเด็นหลักคงไม่ใช่ดรีมคอนใช่ไหมครับ” เป็นซองมินที่พูดเข้าประเด็น พีดียิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
    “ผมอยากให้ดีเจอึนฮยอกขึ้นไปเซอร์ไพร์สทงเฮบนเวทีน่ะ”
    “ว๊าว~”
    “ให้เดินขึ้นไปตอนทงเฮกำลังร้องเพลงน่ะเหรอครับ เจ้าเด็กนั่นจะไม่อ้าปากหวอเหรอ” อีทึกพูด
    “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมอยากให้ดีเจอึนฮยอกเต้นเพลง Beautiful”
    “Beautiful?”
    “มีเพลงนี้ในอัลบั้มด้วยเหรอครับ?” ฮยอกแจถามพลางขมวดคิ้วแล้วเปิดเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า
    “ไม่มีหรอก เพราะทงเฮเพิ่งแต่งเพลงนี้จบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง”
    “หมอนั่นทำอย่างอื่นนอกจากกวนประสาทเป็นด้วยเหรอ...” ฮยอกแจพึมพำเบาๆ พลางยักไหล่
    “ที่บอกว่าให้อึนฮยอกเต้น...คือเต้นเพลงที่เพิ่งแต่งเสร็จเนี่ยเหรอครับ แล้วท่าเต้นล่ะใครจะมาสอนให้ ทงเฮหรือว่าคนอื่น?” ซองมินรัวคำถามไม่หยุดจนอีทึกหันไปมองคนข้างๆ ที่ดูจริงจังเกินเหตุ
    “ถ้าให้ทงเฮมาสอนเต้นมันก็ไม่เรียกว่าเซอร์ไพร์สสิเจ้าเด็กนี่” อีทึกผลักหัวซองมินเบาๆ
    “มีครูสอนเต้นให้ครับทางเราเพิ่งติดต่อไป ทงเฮก็เพิ่งรับท่าจบไปเมื่อวานนี้เอง อีกอย่างเต้นแค่ครึ่งเพลงหลังแถมยังมีท่อนฟรีให้เดินเล่นบนเวทีอีกด้วย จะเซอร์วิสกันแค่ไหนก็ได้ตามสบายเพราะท่าเต้นมีแค่นิดเดียว”
    “ต่อให้ท่าเต้นมีนิดเดียวแต่ถ้าไม่ได้ลองเวทีจริงก็พลาดได้นะครับ” ซองมินพูด อีทึกขมวดคิ้วก่อนจะนั่งเท้าคางมองไอ้กระต่ายอ้วนพลางแคะขี้มูกแล้วป้ายเสื้อรุ่นน้องพร้อมกับทำหน้าตาย ซองมินดีดตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะเบะปากรังเกียจคนข้างๆ ที่กำลังยิ้มพอใจ ฮยอกแจกุมขมับเมื่อเห็นการกระทำของรุ่นพี่ที่ไม่เคยแคร์เลยว่ากล้องจะจับภาพพวกเขาอยู่
    “อี๊...อุบาถว์!”
    “ทีนี้ก็เลิกพูดได้แล้วสินะ ()
    ฮยอกแจได้เพียงแค่พยักหน้าบอกซองมินหยวนๆ ให้อีตาแก่นั่นไปเถอะ อีทึกก็เป็นซะอย่างนี้ชอบทำทุเรศต่อหน้าสื่อและทำหล่อต่อหน้าสาว
    “ซ้อมในห้องซ้อมไปก่อน พอเต้นได้แล้วถึงค่อยลองกับเวทีจริง ไม่ต้องห่วงว่าเวลาซ้อมจะชนกัน ผมถามผู้จัดการฮีชอลมาแล้วว่าตารางงานทงเฮแน่นมากจนถึงดึกทุกวันกว่าจะได้ซ้อมก็หลังเที่ยงคืน เพราะฉะนั้นดีเจอึนฮยอกไปซ้อมตอนกลางวันได้ไม่มีอะไรต้องกังวล”
    “หืม...ผู้จัดการฮีชอลเหรอ...” อีทึกหรี่ตามองพีดีเมื่อได้ยินชื่อๆ หนึ่ง ชื่อที่ทำให้หูเขาผึ่งทุกครั้งที่ได้ยิน
    “แน่ใจเหรอครับว่าเขาจะไม่โผล่มาซ้อมตอนกลางวัน...”
    “แน่ใจสิครับ”
    “แบบนั้นค่อยโล่งใจหน่อย ฮยอกแจเป็นพวกเต้นเก่งแต่ขี้อายน่ะครับ ฮ่าๆ” ซองมินพูดก่อนจะรับกระดาษที่ฮยอกแจขยำเป็นก้อนแล้วโยนมาไว้ในมือ “ก็จริงนี่ ไม่รู้นายมาเป็นดีเจได้ยังไง”
    “ก็ยังดีกว่าคนที่เต้นง่อยแต่ชอบโชว์อย่างนายแล้วกัน”
    “ฮ่าๆ”
    “ไม่ใช่ว่าวางแผนไปเซอร์ไพร์สเขาแต่ดันโดนเซอร์ไพร์สกลับหรอกนะ” ชินดงพูดทำให้ฮยอกแจหุบยิ้มทันที...
     
     
     
     
     
    นั่นน่ะสิ...
    ยิ่งคนอย่างอีทงเฮแล้ว...ชอบทำอะไรเหมือนคนธรรมดาเสียเมื่อไหร่
     
     
     
     
    “ไม่หรอกน่า...”
    “พีดีอย่าอำผมนะ แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้ว”
    “มุดไว้ในซอกหลืบอกของพี่ทงเฮก็ได้” อีทึกพูดก่อนจะหลบก้อนกระดาษที่ฮยอกแจเขวี้ยงมาโดยสัญชาติญาณ “แหม...แค่นี้ทำเขิน...”
    “เขินกับป้าพี่น่ะสิ ไปเต้นเองเลยไป”
    “ฉันไม่ใช่เจ้าสาวของเจ้าเด็กนั่นนี่ นายบอกพีดีสิ ถ้าเขาเปลี่ยนใจเมื่อไหร่เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเต้นรูดเสาพี่ทงเฮของนายให้ก็ได้นะ” พูดพร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ยสุดพลัง ฮยอกแจรู้สึกหงุดหงิดไปหมดไม่ว่าจะไปที่ไหนก็โดนแซวเรื่องนี้ไม่ได้หยุดปาก
    “นายก็รู้ว่าพี่อีทึกเขาเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือทุกคนยกเว้นน้องนุ่งอยู่แล้ว” ชินดงพูดเสริมทำเอาอีทึกหุบยิ้มทันที
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
     
     
    ร่างบางนอนกดรีโมทย์ทีวีวนไปวนมาไม่รู้กี่รอบ ตามองทีวีแต่ใจกลับลอยไปที่อื่น กังวลกับภารกิจที่ได้รับกลัวว่าจะทำคอนเสริ์ตของทงเฮหมดสนุกเพราะเขา จริงอยู่ว่าอาจจะมีคนชอบคู่ของเขาอยู่บ้างแต่มันก็ต้องมีบางส่วนที่แอนตี้อยู่ดี
     
     
     
     
     
     
     
    แกร่ก...
    ทันทีที่ประตูเปิดออกร่างบางก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเปลี่ยนไปช่องกีฬาทันที ฮยอกแจหยิบหมอนอิงมาวางไว้บนตัก ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะเสตามองทงเฮที่เดินเข้ามาในสภาพซอมบี้ มือหนาทิ้งกระเป๋าราคาแพงลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแล้วเอาหัวหนุนตักบาง ฮยอกแจยกแขนขึ้นทั้งสองข้างพลางก้มหน้าลงมองใครอีกคนที่กำลังบดเบียดอยู่บนตักเขาราวกับเด็ก
    เปลือกตาปิดลงพร้อมกับผ่อนหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ ไม่มีแม้แต่คำทักทาย มือหนาวางลงบนหน้าขาอีกคนหมดสภาพไอดอลชื่อดัง ฮยอกแจจ้องหน้าทงเฮอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ วางมือลงบนท่อนแขนแกร่งแล้วเขย่าเบาๆ
     
    “นี่”
    “...............”
    “หลับจริงๆ เหรอ...อย่ามาอำกันนะ”
    “..............”
     
     
    ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันนึกชั่งใจ...ช่วงนี้ทงเฮกลับดึกทุกวันเพราะต้องซ้อมหนักจนถึงตีสองตีสามแถมยังต้องตื่นเช้าไปกองถ่ายอีก พอเห็นอย่างนั้นแล้วจู่ๆ ก็นึกสงสารขึ้นมา จริงอยู่ว่าทงเฮชอบทำตัวนิสัยไม่ดีกับเขา ชอบแกล้ง ชอบเอาแต่ใจ แต่พอเห็นสภาพแบบนี้แล้วก็...
    มือเรียวเกลี่ยผมหยักศกออกจากดวงหน้าหล่ออย่างเบามือ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องยิ้มออกมา...อาจเป็นเพราะว่านึกถึงตอนที่หมอนี่ซ่าไม่หยุดล่ะมั้ง แผลงฤทธิ์ไปทั่วแต่พอหลับแล้วก็กลายเป็นเด็กทารกไปในทันที...ร่างบางเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ คนที่หลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับกุมมือเขาเอาไว้ จะสบัดออกแต่ก็ไม่ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายกุมมันไว้แน่นเสียยิ่งกว่าอะไร
     
    “...............”
    “ผมยังไม่ได้อาบน้ำ...”
    “อื้ม แล้วไง”
    “แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงเดินไปเข้าห้องน้ำแล้ว...”
    “ผมไม่อาบช่วยนายหรอกนะ -_-”
    “ผมรู้...งั้นยอโบไปนอนเถอะ...คืนนี้ผมจะนอนโซฟาเอง” ปรือตาพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ทั้งที่อีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว ดีซะอีกเขาจะได้ไม่ต้องทนกับมือปลาหมึกเหมือนกับทุกคืน ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนเลยสิอีฮยอกแจ ทิ้งให้หมอนี่นอนตรงนี้แหละ
    “..............”
    “ตัดผมมาใหม่เหรอ...น่ารักจัง” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มบางๆ ทั้งที่ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ฮยอกแจเบือนหน้าหลบไปอีกทางแล้วหายใจเข้าลึกๆ
     
    ไม่เอาน่าฮยอกแจ...แค่คำพูดหวานๆ ประโยคเดียวที่ได้ยินจากปากนี่มานักต่อนักแล้ว อย่าลังเลเลย เดินเข้าไปในห้องนอนซะตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่นายจะใจอ่อน!
     
    “ชุดนอนก็น่ารัก...ผมชอบ” ใบหน้าคมซุกลงกับหน้าท้องจนเขาต้องงอตัวลงแล้วดันหน้าอีกคนออกไป
    “ง่วงแล้วทำไมไม่นอน พูดมากอยู่ได้” ฮยอกแจขยับตัวออกแล้วลุกขึ้นยืน ทงเฮขดตัวนอนบนโซฟาพลางเอาหมอนอิงมากอด นัยน์ตาคมปรือมองร่างบางที่ยืนพูดจาไม่น่ารักใส่เขา
    “ก็วันนี้เรายังไม่ได้คุยกันเลย ผมคิดถึงยอโบมาก มากกว่าคำว่ามากที่สุดอีก”
    “ไหนบอกว่าเหนื่อยจนเดินไปเข้าห้องน้ำไม่ไหวไง ตอนนี้ก็ยังเห็นพูดเป็นต่อยหอยอยู่เลยนี่”
    “อืม...” หลับตาลงพร้อมกับยิ้มกว้าง ทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขากำลังบ่นอยู่ ฮยอกแจขยับปากบ่นอุบอิบก่อนที่อีกฝ่ายจะลืมตาขึ้น “หยิบกระเป๋าให้ผมหน่อย”
     
     
     
    เอาสิ...สบายเป็นพระเจ้าเกินไปแล้ว นี่เขาเป็นคู่ชีวิตจำแลงนะไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ ไม่สิ...แบบนี้ต้องเรียกว่าทาสต่างหากถึงจะถูก
     
     
     
    “เอาไป” บ่นในใจไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็เดินไปหยิบให้อยู่ดี ทงเฮพลิกตัวขึ้นนอนหงายก่อนจะรูดซิบกระเป๋าออกแล้วล้วงมือเข้าไปควานหาอะไรบางอย่าง
    “เจอแล้ว” พูดจบก็ยื่นสิ่งหนึ่งมาให้เขา ฮยอกแจขมวดคิ้วพร้อมกับมองมืออีกคน
    “อะไร”
    “บัตรคอน”
     
     
     
     
     
     
     
    ตึง!!!
     
    บัตร-คอน-งั้น-เหรอ
     
     
     
     
     
    ฮยอกแจถือบัตรคอนที่มีรูปทงเฮเด่นหลาเอาไว้ แน่นอนว่าแฟนคลับสาวๆ คงแห่ซื้อกันไปสะสมกันเป็นคอลเล็กชั่นแน่ๆ แต่ปัญหาคือเขาไปดูคอนทงเฮไม่ได้น่ะสิ...เพราะอะไรน่ะเหรอ...
     
     
     
     
     
     
    ‘ผมอยากให้ดีเจอึนฮยอกขึ้นไปเซอร์ไพร์สบนเวทีน่ะ’
     
     
     
     
     
    (())
     
     
     
     
     
     
    “คือ...”
    “ที่นั่ง VIP เลยนะ ข้างหน้าสุดตรงกลางด้วย” ทงเฮอมยิ้มจ้องใบหน้าคนที่กำลังดูลำบากใจกับบัตรคอนในมือ
    “ขอโทษ” ฮยอกแจยื่นบัตรคืนให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบิกตาโพลง ร่างหนาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองดวงหน้าหวานอย่างไม่เข้าใจ
    “ทำไมเหรอ”
    “ผมไปดูนายไม่ได้หรอก เอาไปให้คนอื่นเถอะ” พูดแล้วก็เบือนหน้าหนี ทงเฮยังคงจ้องหน้าฮยอกแจอยู่อย่างนั้น ทำไมถึงไปดูไม่ได้ล่ะ?
    “ผมเช็คตารางงานนายมาแล้ว วันนั้นนายไม่มีงานไม่ใช่เหรอ?”
    “อืม แต่ผมไม่ว่าง เอาคืนไปเถอะ” ยังคงยื่นบัตรคอนเสริ์ตค้างไว้อยู่อย่างนั้นหากแต่อีกฝ่ายไม่รับกลับคืนไปสักที นั่นสร้างความลำบากใจให้กับคนที่วางแผนจะเซอร์ไพร์สอย่างฮยอกแจเหลือเกิน
    “ติดธุระอะไรเหรอ หรือว่ามีงานกะทันหัน ผมเคลียร์ให้เอาไหม?”
    “ไม่ต้อง ผมมีธุระต้องไปจริงๆ นายไม่ต้องรู้หรอกว่าผมจะไปไหน”
    “ทำไมผมถึงรู้ไม่ได้ว่านายจะไปไหน” หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่ยืนหลบตาเขาอยู่
    “ก็ผมไม่อยากบอก” เอ่ยน้ำเสียงเย็นชาตัดพ้อออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มันทำร้ายความรู้สึกของทงเฮมากแค่ไหนฮยอกแจไม่เคยรู้ ที่รู้มีเพียงอย่างเดียวคือต้องทำใจแข็งเพื่อไม่ให้ถูกจับได้เท่านั้น
    “...ตอนพูดทำไมไม่มองหน้าผม”
    “..................”
     
    ไม่เข้าใจทงเฮเลยจริงๆ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงนะ บอกว่าไม่ว่างๆ แทนที่จะให้เรื่องมันจบๆ ไปสักที จะได้ไม่ต้องมาทนอึดอัดท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ ปล่อยให้เวลาเลยผ่านไปโดยที่ไม่ต้องถามเลยไม่ได้เหรอไง
     
     
    “ผมง่วงแล้ว” ร่างบางเดินสวนออกมาจากตรงนั้นแต่ก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ เรียวขาหยุดชะงักอยู่กับที่ก่อนจะหันกลับไปมองใครอีกคนที่ยืนหันหลังให้กับเขาอยู่ รู้สึกเจ็บข้อมือเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ทงเฮแทบจะไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ
    “คอนเสริ์ตเริ่มหกโมงเย็นและจบตอนสามทุ่ม...”
    “..................”
    “ถ้านายทำธุระเสร็จแล้วไปให้ได้นะ...ผมจะรอ”
    พูดจบมือหนาก็คลายออกอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินไปนอนบนโซฟาโดยที่ไม่พูดอะไรอีก ทิ้งไว้เพียงแค่ความรู้สึกผิดให้กับเขา พูดออกไปก็ไม่ได้เดี๋ยวทุกอย่างจะพังหมด แต่พอไม่พูดก็หาเรื่องโกหกไม่เก่งอีก...ให้ตายสิอีฮยอกแจ...นายนี่มันไม่มีไหวพริบเอาซะเลย
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
     
     
    เช้าวันต่อมา...
    ทงเฮ...ออกไปแล้ว
     
     
     
     
     
    วันนี้เป็นวันแรกที่ฮยอกแจจะได้มาทดลองซ้อมเต้นบนเวทีจริง พอเห็นความกว้างของสถานที่แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ อีทงเฮเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชอบ ร้องเพลงก็เพราะ มากไปด้วยความสามารถ จนบางทีเขาก็คิดว่ามันคือความจริงเหรอที่ทงเฮแสดงออกกับเขาแบบนั้น หยอกล้อ...หยอดคำหวาน...ใส่ใจเรื่องของเขาน่ะ...
     
     
    เขามีค่าพอที่จะให้คนอย่างอีทงเฮสนใจหรือไงกัน?
     
     
     
     
     
    RRRrrr!!
    “ว่าไงซีวอน”
    ( ได้ยินข่าวว่านายเล่นวีก๊อตแมรี่คู่กับทงเฮ แต่ไม่เคยโทรมาแสดงความยินดีเลย ชุกคาแฮ เลิกกันไวๆ นะ )
    “เงียบไปเลยไอ้เพื่อนบ้า”
    ( จุ๊ๆๆ... โทรมาทั้งทีไม่คิดจะพูดจาหวานๆ กับฉันเลยหรือไง )
    “จำเป็นเหรอ ไม่ไล่ไปตายก็ดีแค่ไหนแล้ว”
    ( ยังตายไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าฉันจะกลืนน้ำทะเลจากการเล่นเซิฟจนพุงยื่นแล้วก็ตาม ที่นี่ทำให้ฉันผิวคล้ำลงเยอะเลย อยากกลับเกาหลีจะแย่แล้ว )
    “กลับมาทำไม”
    ( กลับไปดูแลนายไง...ฮยอกแจ )
    “ถ้าเกิดเป็นห้าปีก่อนฉันก็คงจะเขินหรอกนะ แต่ตอนนี้ไม่ไง? แค่นี้นะจะซ้อมแล้ว”
    ( แล้วจะรีบกลับไปหา อย่าเพิ่งเผลอใจให้ทงเฮล่ะ หมอนั่นน่ะกะล่อนอย่างนี้เลย อ่อ...ฉันกำลังชูนิ้วโป้งอยู่นะ )
    “กะล่อนเท่านายป่ะ”
    ( กว่าเยอะ )
    “เพี้ยน”
    ( อย่าเผลอล่ะ )
    “รู้แล้ว แค่นี้นะ”
    ( ก็ได้ บาย )
     
     
     
    กดวางสายแล้วก็หันหลังกลับแต่ก็ต้องผงะถอยหลังสามเก้าเมื่อเห็นใครคนหนึ่งมายืนกอดอกอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเรียวสวยกับทรงผมหยักศกกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะมองหน้าเขาหน่ายๆ
    “ทำไมยังไม่ไปซ้อมอีก ครูสอนเต้นมาถึงตั้งนานแล้วนะ มัวแต่สวีทกับกิ๊กชาวใต้หวันอยู่หรือไง?”
    “ซีวอนเป็นคนเกาหลีนะครับ...” ช้อนตามองคนตรงหน้าที่เห็นเมื่อไหร่เป็นต้องดุกันตลอด
    “เหรอ เห็นแสดงละครใต้หวันบ่อยจนแทบลืมไปแล้วว่าเป็นคนเกาหลี ประเทศนี้เขาไม่จ้างหมอนั่นแล้วหรือไงกัน”
    “จ้างครับ แต่มีคิวถ่ายหนังใต้หวันก่อน”
    “รู้ดีนักนะ โน่น ครูสอนเต้น”
    “ขอบคุณครับ...” โค้งหัวขอบคุณแล้วรีบวิ่งไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักแล้ววิ่งกลับมาหาผู้จัดการหน้าสวยอีกครั้ง “เอ่อ...ผมถามอะไรหน่อยสิครับ”
    “อะไรอีก”
    “พี่มาอยู่ที่นี่...แล้วทงเฮล่ะครับ?”
    “เรียนแต่งหน้าเค้กอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ แต่ไม่ต้องกลัว หมอนั่นยังไม่มาตอนนี้หรอก” เหมือนรู้คำถามในใจร่างบางทะลุปรุโปร่ง ฮีชอลเพ่งมองเด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้าสลดแล้วก็นึกสงสัย
    “ทะเลาะกันหรือไง?”
    “...ข...เขาบอกพี่เหรอครับ?”
    “ไม่ แต่เห็นสีหน้านายกับหมอนั่นแล้วราวกับแฝด คิ้วแทบจะติดกันขนาดนี้ แถมทำหน้าบึ้งตึงเหมือนกับคนไม่ได้ถ่ายของเก่าออกมาอีก ไปทำอีท่าไหนมาล่ะ”
    “...คือผม”
    “จะเล่าก็รีบเล่ามา ครูสอนเต้นทำท่าจะขบหัวนายอยู่แล้ว” พูดพร้อมกับมองไปยังครูสอนเต้นที่กระดกน้ำเปล่าอยู่
    “เรื่องคอนน่ะครับ...ทงเฮให้บัตรคอนผมมา”
    “อ๊อ...แล้วนายก็เลยปฏิเสธไปสินะ?” ร่างบางพยักหน้าหงึกก่อนจะโดนผู้จัดการหน้าสวยเขกหัวไปทีหนึ่ง
    “โอ๊ย~”
    “เฮ้! นี่คุณทำอะไรน้องชายผมน่ะ?” เดินมาแทรกกลางพร้อมกับหันหน้าเข้าหาคู่กรณี อีทึกยักคิ้วให้คนหน้าสวยที่กำลังเบิกตาโพลงมองเขา
     
    ไอ้ม่อมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ!
     
    “อะไร?”
    “พี่อีทึกมาที่นี่ได้ยังไง?”
    “เหมือนมีลางว่านายจะโดนแม่มดใจร้ายกลั่นแกล้งน่ะสิ...กะแล้วไม่มีผิด ไม่ต้องดูแลนักร้องในสังกัดเหรอครับคุณ ถึงได้เที่ยวมาเขกหัวชาวบ้านเล่นแบบนี้?” อีทึกเลิกคิ้วมองก่อนจะกอดอกตามอีกคน
    “แล้วไม่ทราบว่าคุณมายุ่งอะไรด้วย?”
    “ไม่ได้อยากยุ่งเล้ย...แล้วอีกอย่างนั่นมันคือประโยคคำถามนะ คืองี้...เนี่ยน้องชายผม...ถึงจะไม่ได้คลานตามกันออกมาแต่เราก็ทำงานที่เดียวกันมาตั้งสี่ปีแล้ว”
    “แล้วไง?”
    “พูดเป็นอยู่แค่นี่เหรอ แล้วไง? ยุ่งอะไรด้วย? อะไร?”
    “ถ้าใช่แล้วจะทำไม?”
    “ฮั่นแน่ ท้าแบบนี้เดี๋ยวก็โดนจูบหรอกคุณเมเนเจอร์~” อีทึกเล่นหูเล่นตาพลางชี้หน้าใส่ผู้จัดการหน้าสวยจนเลือดขึ้นหน้า ปัดมืออีกคนออกก่อนจะเหลือบไปมองฮยอกแจที่ยืนอยู่ข้างๆ
     
     
    “หมอนั่นคงน้อยใจที่นายไม่ว่าง คงไม่มีใครมาดูมันนอกจากนายคนเดียว เพราะพ่อแม่ทงเฮตายไปตั้งนานแล้ว”
     
     
     
     
     
     
     
    ตาย...ไปตั้งนานแล้ว...
     
     
     
     
     
     
     
    “................”
     
     
     
     
     
     
    ตอนนี้...อีฮยอกแจ...
    รู้สึก...
    รู้สึกผิด...จนขยับตัวไปไหนไม่ได้แล้ว...
     
     
     
     
     
     
     
    [ ตัดฉากไปตอนสัมภาษณ์ ]
    อึนฮยอก : ผมรู้สึกผิดมากเลยครับตอนที่รู้ว่าครอบครัวของทงเฮเสียไปแล้ว (ยิ้มบางๆ)
    อึนฮยอก : ถ้าเกิดว่าไม่มีการเซอร์ไพร์สเกิดขึ้น...ผมจะไปหาเขาเดี๋ยวนั้นแล้วพูดว่าขอโทษซ้ำๆ ...ครับ...ผมจะพูดแบบนั้น
    อึนฮยอก : ครับ...ผมยังเก็บบัตรคอนที่เขาให้มาไว้ในกระเป๋าเงิน
    [ ตัดฉาก ]
     
     
     
     
     
     
    .
    .
     
     
     
     
     
    และแล้วคอนเสิร์ตวันแรกก็มาถึง...
    หลายวันที่ผ่านมาเขาทั้งคู่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย ข้อแรกเป็นเพราะว่าทงเฮซ้อมหนักจนต้องกลับไปพักที่คอนโดของฮีชอล อาหารที่ทำเผื่อไว้ในตู้เย็นต้องเททิ้งทุกวันเมื่ออีกคนไม่กลับมากินมัน ทุกความรู้สึกมันถูกถ่ายเก็บไว้ด้วยตากล้องของรายการ WGM ตอนนี้ฮยอกแจไม่สนใจแล้วว่าเขาจะแสดงอาการอะไรออกไปบ้าง ทิ้งทิฐิ ทิ้งทุกอย่างไปหมดเมื่อความรู้สึกมันเอาชนะทุกอย่าง
    ตอนนี้เขาเดินเข้ามาหลังเวทีขณะที่ทงเฮกำลังแสดงอยู่ ได้เพียงแค่ยืนมองแผ่นหลังของใครอีกคนที่มักจะกวนประสาทเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชายที่ชื่ออีทงเฮทำให้เขายิ้มได้บ่อยกว่าใครๆ ทำให้เขารู้สึกอะไรบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้รู้สึกอะไรแบบนั้นอีก...
     
     
     
     
     
     
    ความรู้สึกแปลกๆ
     
     
     
     
     
    “ตื่นเต้นไหมครับ?” ร่างบางหันกลับไปมองกล้องก่อนจะยิ้มออกมา
    “ผมตื่นเต้นมากเลยครับ”
    “อีกแค่เพลงเดียวเท่านั้น ดีเจอึนฮยอกอยากบอกอะไรกับคุณทงเฮไหมครับ?”
     
    ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันพลางหลุบสายตาลง ถอนหายใจออกมาเพียงเบาบางก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกล้องพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง
     
     
    “ผมอยากขอโทษสำหรับทุกๆ อย่างที่เคยทำไม่ดีกับนาย ผมเสียใจที่พูดแบบนั้นออกไป...แต่...ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่กันได้ไหมทงเฮ?”
     
     
    ฮยอกแจยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปตามที่สตาฟกวักมือเรียก กล้องแพลนตามแผ่นหลังบางที่กำลังมุดเข้าไปใต้เวทีเพื่อรอเซอร์ไพร์สกลางเพลง...ใช่...นั่นแหละคือสิ่งที่เขาอยากจะบอกอีทงเฮในตอนนี้...
     
    เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะทงเฮ ระหว่างที่อยู่ด้วยกันในรายการนี้...อีฮยอกแจขอสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามมอบความรักความใส่ใจให้กับเพื่อชดเชยกับสิ่งที่ทงเฮได้สูญเสียไป
     
     
     
     
     
    จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮมานอนตัก
    จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮนอนกอดเขาแน่นๆ
    จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮชอบชิมอาหารตอนที่เขายังทำไม่เสร็จ
    จะไม่โวยวายตอนที่ทงเฮแกล้ง...
     
     
     
     
    ทงเฮจะรู้สึกเหงาแค่ไหนที่ไม่มีพ่อแม่ให้กอด ทงเฮจะรู้สึกแย่เท่าไหร่ตอนที่เขาพูดแย่ๆ ถึงนิสัยของเขาแล้วอ้างว่าเป็นเพราะพ่อ...ฮยอกแจแทบจะรอให้เพลงนี้จบต่อไปไม่ไหว อยากให้เวลานี้มันผ่านไปเร็วๆ อยากให้เราเข้าใจกันสักที...ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคู่รัก ‘จริงๆ’ ก็ตาม
     
     
    เพลงที่คุ้นหูเปิดขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของแฟนคลับ แท่งไฟสีน้ำเงินโบกไปทั่วฮอล์มองจากมุมนี้แล้วก็ขนลุก ถ้าทงเฮไม่ได้รับความรักจากแฟนคลับเขาคงเป็นแค่ผู้ชายตัวคนเดียวที่ไม่เหลือใคร แค่คิดแบบนั้นก็เจ็บแทนแล้ว ร่างบางหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับประสานมือไว้ตรงหน้า สวดภาวนาขอผู้เป็นเจ้าให้มอบความกล้าให้กับผู้ชายขี้ขลาดคนนี้ ผู้ชายที่เคยผิดหวังในความรักจนไม่กล้าที่จะเปิดใจให้ใคร
    ท่วงทำนองเล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสตาฟส่งสัญญาณให้ฮยอกแจเตรียมพร้อม ร่างบางพยักหน้าก่อนจะเข้าไปยืนตรงแท่นที่กำลังค่อยๆ เลื่อนขึ้นไป รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก...เสียงกรี๊ดดังขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อสปอร์ตไลท์ฉายมาที่เขา ตอนนี้สิ่งที่อีฮยอกแจมองเห็นคือปลายเท้าตัวเองเท่านั้น เพราะถ้าหันไปมองข้างๆ คงได้ลืมท่าเต้นที่ซ้อมมาหลายอาทิตย์จนทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ฉากหมุนตัวทำให้เห็นว่าอีทงเฮเต้นอยู่ข้างหลัง สบตากันเพียงชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นก็ต้องกลับมาเต้นต่อ เป็นแค่เขาคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้...มีเพียงแค่เสียงกรีดร้องของแฟนคลับเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในหัว เสียงเพลงที่ทงเฮร้องมันช่างเบาหวิวเหลือเกิน...
     
    สุดท้ายแล้วฮยอกแจ...ไม่มีท่อนที่ต้องเต้นอีกต่อไป เป็นท่อนฟรีที่ให้เขาเดินไปรอบๆ เวทีเพื่อเรียกเสียงกรี๊ดกับแฟนคลับ มันคงเรียกเรตติ้งให้เขาทั้งคู่และรายการ WGM ได้เป็นอย่างดี แต่ในใจของเขากลับไม่ได้คิดอย่างนั้น ตอนนี้ขออย่างเดียว ขอให้เพลงนี้จบไปเร็วๆ ก็พอ...เขาทนอยู่ข้างๆ ทงเฮตอนนี้โดยที่ไม่เข้าไปปรับความเข้าใจไม่ได้ หันหลังไปก็เห็นว่าทงเฮกำลังเล่นกับกล้องอยู่ นึกชื่นชมถึงสปิริต เขาขึ้นมาเซอร์ไพร์สขนาดนี้แล้วแต่ทงเฮกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่รู้ว่าเก็บอาการเก่งหรือว่าก็แค่รู้สึกเฉยๆ เท่านั้น
     
     
     
     
     
    เพลงจบแล้ว...
     
     
     
     
    ตอนนี้ร่างบางนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มเงียบๆ คนเดียว รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าเหลือเกิน ฮยอกแจก็อยากออกไปดูทงเฮแสดงเหมือนกันนะ อยากนั่งอยู่ข้างหน้าสุดแล้วโบกแท่งไฟให้กำลังใจ ถึงเพลงของทงเฮเขาจะร้องได้แค่เพลงเดียวแต่ถ้าให้เวลาเขาสักหน่อย...ต่อไปเขาต้องร้องได้ทั้งหมดอัลบั้มแน่ๆ
     
     
     
     
     
     
    แกร่ก...
    เสียงประตูเปิดออกทำให้ร่างบางลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามา มือเรียวที่ประสานกันเริ่มออกแรงจิกเพื่อคลายความตื่นเต้น เตรียมคำพูดดีๆ ไว้มากมายจะมาตกม้าตายตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะอีฮยอกแจ...
     
     
     
     
     
     
    “ทงเฮคือผม...อ๊ะ”
     
     
     
     
     
     
    ยังพูดไม่ทันจบร่างทั้งร่างก็ถูกคว้าเข้าไปกอด...ใบหน้าคมซุกลงกับไหล่บางอีกทั้งยังกระชับกอดแน่นยิ่งขึ้นอีก คำพูดที่เตรียมมาถูกกลืนลงคอไปหมด นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง รู้สึกได้ถึงอัตตราการเต้นของหัวใจที่มันเต้นแรงไม่ต่างกันเลย มือที่ว่างอยู่ค่อยๆ วางลงข้างลำตัว ปล่อยให้อีกคนกอดตามอำเภอใจ
    “...ผมรู้”
    “ผมรู้ว่านายต้องมา”
    “..................”
    “ถึงมันจะเป็นแค่การเซอร์ไพร์สเพื่อเรียกเรตติ้งรายการ...” กระแอมเสียงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเสียงแหบหลังจากจบคอนเสริ์ต “แต่เพลงนั้นผมแต่งให้นายคนเดียวนะ...แค่นายคนเดียวเท่านั้น”
    “..................”
     
     
     
    ค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นมากอดตอบอีกฝ่ายอย่างเก้ๆ กังๆ มันอาจจะเป็นกอดหลวมๆ แต่ก็ต้องใช้ความกล้ามากมายสำหรับอีฮยอกแจ ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ตอนนี้ไม่แคร์อีกแล้ว ขอแค่เราสองคนเข้าใจกันก็พอ
     
     
     
    “ผมมาแล้ว...ทีนี้หายโกรธได้หรือยัง...” ร่างบางผละตัวออกพร้อมกับจ้องหน้าคนที่ทำตาปริบๆ อยู่
    “อืม...หายดีไหมนะ”
    “อย่าลีลา”
    “อะไรเล่า นายเป็นคนผิดนะ ยังจะทำเสียงแข็งใส่ผมอีกเหรอ”
    “ยังจะเรียกนายอยู่อีก กี่วันแล้วที่ไม่เรียกผมว่ายอโบน่ะ...” พูดไปหน้าก็แดงไป ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะพูดประโยคนี้ออกมา หน้าไม่อายจริงๆ อีฮยอกแจ - -
    “โอ๊ะ...นั่นสินะ...” ริมฝีปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เริ่มรู้สึกว่าคิดผิดที่พูดประโยคนั้นออกไป
    “ลืมๆ ที่ผมพูดเมื่อกี้ไปเถอะ”
    “ได้ไง มาพูดให้ผมคิดแล้วก็บอกให้ลืมงั้นเหรอ ไม่แฟร์เลยนะยอโบ” มือหนาโอบเอวบางเอาไว้หน้าตาเฉย หากแต่คนที่ถูกรุกรานกลับไม่ตอบโต้เหมือนกับทุกครั้ง
    “ก็เรื่องของนายสิ - -”
    “เรื่องของผมไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องของเรานะ ไหนเรียกผมว่าที่รักซิ”
    “ไม่เรียก ทำไมผมต้องทำตามที่นายสั่งด้วย”
    “นั่นมันไม่ใช่ประโยคคำสั่งนะยอโบ มันคือประโยคขอร้อง”
    “ไม่เรียก”
    “ถ้าไม่เรียกผมจะหอมแก้ม”
    “ที่รัก” ดวงหน้าหล่อยื่นเข้ามาใกล้จนฮยอกแจต้องเอามือดันหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ทงเฮยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหน้าขึ้นสี
    “น่ารักที่สุด”
    “ชอบขู่อยู่เรื่อย นิสัยไม่ดี”
    “ถ้าผมนิสัยไม่ดียอโบก็ต้องสั่งสอนผมบ้าง รู้ไหม”
    “เดี๋ยวได้สอนแน่ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย”
    “จะยอมให้สั่ง ให้สอน ทุกๆ เรื่องเลยครับคนดี” ทำหน้าอ้อล้อจนนึกหมั่นไส้ขึ้นมา เสียดายไอ้ความสงสารเมื่อก่อนหน้านี้จริงๆ
     
     
    แต่ก็ช่างเถอะ...แค่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ก็พอแล้วล่ะ...
     
     
    “พรุ่งนี้มาดูอีกไหม”
    “เอ๋? มีคอนสองวันเลยเหรอ?”
    “ใช่ เดือนหน้าก็ไปแสดงที่ญี่ปุ่น เดือนถัดไปก็ฝรั่งเศส...”
    “โอ้โห...ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย”
    “เห็นไหมล่ะ ที่รักของยอโบน่ะสุดยอดอยู่แล้ว...ว่าแต่...จะตามผมไปดูคอนทุกที่เลยหรือเปล่า ผมชอบนะตอนยอโบขึ้นมาเต้นในเพลง Beautiful น่ะ สนใจออกอัลบั้มคู่กับผมไหม
    “ไม่ต้องเลย ใครจะดูคอนเดิมซ้ำๆ กันล่ะ น่าเบื่อตาย...” ร่างบางเมินไปอีกทาง ทั้งๆ ที่ก็รู้สึกดีที่ทงเฮชวนไปด้วย
    “น่าเบื่อจริงเหรอ งั้นเดี๋ยวผมแต่งเพลงใหม่อีก ต่อไปเป็นเพลงคู่เหมือนจูบเย้ยจันทร์เลยเอ้า!” ปั้นหน้าจริงจังจนฮยอกแจหลุดหัวเราะออกมา ตาบ้าอีทงเฮ บอกมานะว่ากำลังเล่นมุขอยู่
    “เชิญร้องคนเดียวเถอะนะเพลงนั้นน่ะ”
    “งั้นผมร้องแล้วยอโบเต้น”
    “ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ”
    “งั้นก็นอนอยู่เฉยๆ ให้ผมกอด แบบนั้นโอเคใช่ไหม~”
    “.................”
    “วันนี้เมื่อยตัวจะแย่...พรุ่งนี้ต้องขึ้นแสดงอีกรอบผมคงต้องตายแน่ๆ เลยถ้าไม่ได้คนมานวดให้...” พูดพร้อมกับชำเลืองตามองร่างบางแล้วทำตาปริบๆ ฮยอกแจหรี่ตามองคนเจ้าเล่ห์แล้วก็ผลักหัวเบาๆ
    “ก็ได้ วันนี้จะนวดให้...แต่แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ” ชูนิ้วชี้ขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าดุ ทงเฮยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจุ๊บนิ้วชี้เบาๆ
     
    ร่างบางเบิกตาโพลงก่อนจะชี้หน้าคาดโทษอีกฝ่าย ทงเฮทำท่าทางเลียนแบบก่อนจะถอยหลังทีละก้าวเมื่อเห็นว่าฮยอกแจกำลังทำท่าจะเข้ามาฟาดเขา
     
    “นายตายแน่อีทงเฮ!”
    “โอ๊ะ! เดี๋ยวสิยอโบ! ใจเย็นๆ ก่อน! อ๊ากกก! ผมยังตายไม่ได้นะพรุ่งนี้ยังต้องขึ้นแสดงอีก...อะ...อ๊ากก! ยอมแล้วครับยอมแล้ว!”
     
     
     
     
     
     
    ท่ามกลางความวุ่นวายในห้องแต่งตัวที่มีคนสองคนอยู่ตามลำพัง...หืม...
    ลำพังแน่เหรอ...
    อ่า...แล้วกล้องที่ซ่อนอยู่ตามมุมห้องนั้นมันอะไรกันนะ...
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “คึคึคึ...” <- เสียงหัวเราะอีทึก
    “แบบนี้สิเขาถึงเรียกว่ารายการซ่อนกล้องของจริง... (ถอนหายใจ)” <- ฮีชอล
    “อยากเห็นหน้าฮยอกแจตอน EP นี้ออกอากาศจังเลย~” <- อีทึก
    “ต่อไปนี้ทั้งคู่คงระวังตัวมากขึ้นแน่ๆ อ่า...งานหนักของผมแล้วสิ” <- PD
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    TALK
    เอาแล้วไง ตอนนี้ฮยอกแจเริ่มหวั่นไหวแล้ว
    จะอยู่ในสถานะแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน
    ความรู้สึกที่มากขึ้นมันจะทำร้ายทั้งคู่หรือเปล่า
     
     
     
    #สปอยตอนหน้า
    เดี๋ยวซีวอนก็จะกลับมาโซลแล้ว...คนขี้รำคาญอย่างเขาดันบังเอิญไปรู้ความลับอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจของนักร้องหนึ่งในวง K.R.Y. เข้าให้
     
    “อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกเขานะ ได้โปรด...”
    “คิดว่าเรื่องของนายสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง แค่หน้านายฉันยังจำแทบไม่ได้ เป็นนักร้องชื่อดังแน่เหรอ?”
    “เฮ้! ผมคือคยูฮยอนแห่ง K.R.Y. เลยนะ!”
    “อ้อ...นายลืมต่อท้ายว่า ‘ผมคือคยูฮยอนแห่งเคอาร์วายที่แอบหลงรักดีเจอีทึกแต่ไม่กล้าบอกเลยนะ~’
    “TOT”
    “ตลกสิ้นดี เสียเวลาชะมัด...”
    “ห้าม...ห้ามบอกพี่อีทึกนะ (คว้าแขนหมับ)”
    “ปล่อย -_-”
    “ไม่ปล่อย รับปากผมก่อน  T_T”
    “ไม่-รับ-ปาก ฉันจะโพนทะนาให้นายได้ขายหน้าวันละล้านครั้งเลยล่ะโจคยูฮยอนเอ๋ย~”
    “ม่ายยย”
     
     
     
    #สปอยยาวสึด
    #แน่ใจเหรอว่าทึกคยู
    #ไม่แน่ใจแล้ว #สามพีได้มั้ย #โอเคอาจจะสามพี 
    สุดท้ายนี้ ฟอนท์เป็นห่าไรวะ เดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่
     
     
     
                     โอพีวีฟิค http://youtu.be/50_nhyPfjtM
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×