คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 : Heart Beat...
Chapter 3
ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยทุกครั้งที่สบตา
“รีบกลับมานะ ฉันจะทำมื้อเย็นรอ”
“พี่น่ะเหรอครับจะทำอาหาร”
ผมโพล่งถามออกไปอย่างไม่ค่อยจะเชื่อหูนัก ก็เอะใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะเรื่องที่ครูบอกว่าพี่อารากำลังหัดทำอาหารอยู่ แต่เท่าที่จำได้...ภาพความทรงจำตอน ม.ต้น ของผมมันช่างน่าผวาเสียเหลือเกินเมื่อนึกถึงอาหารมื้อใหญ่ที่พี่อาราเป็นคนลงมือทำทั้งหมด...วันนั้นผมท้องเสียวิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำอยู่ร่วมสี่ห้ารอบได้
“หวังว่าคงไม่เละเทะเหมือนคราวนั้นนะ” ครูหัวเราะแล้วตักกับข้าวให้ก่อนจะโดนพี่อาราตีแขนไปทีหนึ่ง ผมโค้งหัวน้อยๆ ก่อนที่จะมองหน้าทั้งคู่ สงสัย...อยากจะถามแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้
“พี่ครับ เราจะต้องรบกวนครูอีกกี่วันเหรอ”
“เอ๋? ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ” พี่อารานั่งเท้าคางมองหน้าผม
“ก็เราอยู่บ้านครู...แล้วคอนโดของพี่ล่ะครับ เหมือนครั้งหนึ่งพี่จะเคยบอกผมว่าพี่อยู่คอนโดไม่ใช่เหรอ?” รอยยิ้มบนใบหน้าพี่อาราหุบไปในทันทีที่ได้ยินผมพูดถึงคอนโด ก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด ครูเองก็เป็นไปกับพี่ด้วยครับ
“ไม่มีแล้วล่ะ เพราะเราสองคนจะอยู่ที่นี่กับซีวอนตลอดไป~”
พี่อารายิ้มกว้างอีกครั้งพร้อมกับหันไปหาครู ผมหัวเราะแห้งๆ กับคำพูดเอาแต่ใจนั่น บางทีพี่อาราก็น่าจะถามความสมัครใจของครูบ้างสักนิดนึง ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะกำลังคบหากันอยู่แต่ยังไงซะผมก็ดูเป็นส่วนเกินอยู่ดี คนสองคนรักกันแล้วมีผมมาเป็นก้างขวางคอแบบนี้มันไม่ใช่
“เพราะเดี๋ยวพี่กับซีวอนก็จะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แล้ว ใช่ไหมจ๊ะที่รัก” พี่อาราว่าพร้อมกับขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ ครูเอามือดันหน้าผากพี่อาราไว้พร้อมกับส่ายหน้าเอือม
“คยูฮยอน อย่ามัวแต่ฟังพี่สาวนายเพ้อเจ้อเลย ทานข้าวต่อเถอะ”
“ผมออกไปอยู่หอดีกว่าไหมครับ”
“พูดอะไรออกมาน่ะ” ครูยกกาแฟขึ้นจิบในขณะที่พี่สาวผมเอาแต่ทำหน้าลัลล้า ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็น กขค. จริงๆ นะครับ ให้ผมไปอยู่หอดีกว่าเขาจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมากขึ้น
“ผมไม่พูดแล้วก็ได้ครับ” ผมก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าต่อเพราะเหมือนกับว่าเรื่องที่พูดไปนั้นมันไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่
“จะบินอีกทีเมื่อไหร่?” ครูถาม
“เย็นนี้”
“อ้าว พี่เพิ่งกลับมาวันเดียวเองนะต้องไปบินอีกแล้วเหรอครับ?”
“เป็นนางฟ้าก็แบบนี้แหละ บินแถบยุโรปเงินดีนะ พี่กำลังเก็บเงินส่งนายเรียนนอกอยู่ เป็นยังไงล่ะดีใจไหม?” พี่อารายิ้มในขณะที่ผมก็ไม่ได้ดีใจในสิ่งที่เธอพูดมาเลยสักนิด ผมไม่เคยคิดว่าจะไปเรียนไกลถึงขนาดนั้น แค่มาอยู่โซลผมก็ใช้ชีวิตลำบากแล้วครับถ้าให้ผมไปเรียนต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ผมคงได้กลายเป็นกระเหรี่ยงหลงเมืองตั้งแต่วันแรกเป็นแน่
“พี่อย่าหักโหมมากนะ ผมเป็นห่วง”
“ถ้าเป็นห่วงพี่ นายก็ต้องตั้งใจเรียนแล้วก็ช่วยแบ่งเบาภาระว่าที่พี่เขยด้วย โอเค๊?”
“เพี้ยน” ครูผลักหัวพี่อาราเบาๆ ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ผมเองก็หลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้สึกว่าพี่อารากับครูช่างเหมาะสมกันจริงๆ
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมติดรถครูไปโรงเรียนด้วย ครูบอกว่าไหนๆ ก็ต้องไปโรงเรียนเหมือนกันจะให้หัดนั่งรถไปเองก็เปลืองเปล่าๆ เพราะฉะนั้นครูถึงได้ให้ผมหัดกลับบ้านเองอย่างเดียว พอไปถึงโรงเรียนผมก็พบกับเด็กหนุ่มสามคนที่นั่งเต๊ะอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างย้ำว่าบนโต๊ะครับ
“สวัสดีครับทุกคน” ผมเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมห้องพร้อมกับเดินไปนั่งที่ แต่ก้นผมยังไม่ทันสัมผัสกับเก้าอี้ก็ต้องลุกขึ้นมาเพราะใครคนหนึ่งกวักมือเรียก
“ว่าไงครับฮยอกแจ”
“สวัสดีทาสของฉัน” ฮยอกแจกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อ๋อใช่ ทาส” ผมทวนความจำแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมต้องเป็นทาสของฮยอกแจ ว่าแล้วร่างบางก็ยื่นขวดน้ำมาให้ผมครับ ข้างในมีสีแดงสดเหมือนอะไรสักอย่าง
“อะไรเหรอครับฮยอกแจ”
“น้ำมะเขือเทศ ดีต่อสุขภาพนะ ฉันคั้นมาให้นายกับมือเลยลองชิมดูสิ”
ผมมองไปรอบๆ ขวดก่อนจะเปิดฝาออก กลิ่นของมันแย่ยิ่งกว่าน้ำผักที่พี่อาราทำอีกครับ นี่สินะที่เขาว่ากันว่าอะไรที่มันบำรุงสุขภาพรสชาติและกลิ่นมักจะแย่เสมอ
“ขอบคุณมากนะครับฮยอกแจ” ผมกรึ้บไปคำหนึ่งรสชาติมันเค็มเฝื่อนๆ นิดหน่อยแต่ก็โอเคใช้ได้เลย
“เฮ้ย...มันกินหน้าตาเฉยเลยว่ะ”
“แกหยิบผิดขวดหรือเปล่าวะจงฮยอน”
“ไม่นะเว้ย ที่ทำมาก็เหมือนกันหมด”
“...คยูฮยอน” ผมชะงักมือตามเสียงเรียกของฮยอกแจ เขาจ้องหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตานัก หรือว่าเขาจะให้ผมชิมแค่อึกเดียว แย่แล้วสิ...ผมดื่มไปตั้งครึ่งขวดแล้ว!
“นายรู้ไหมว่าฉันใส่อะไรเข้าไปในนั้นบ้าง”
“ไม่รู้หรอกครับ”
“โอเค งั้นช่างมัน -_-... นายพร้อมจะรับหน้าที่นั้นแล้วหรือยัง” ฮยอกแจถาม ผมพยักหน้าหงึกทันที
“ไปหาครูอีทงเฮนะ...ครูห้องพยาบาลน่ะจำได้ใช่ไหม?”
“อ๋อ...จำได้สิครับ”
“โอเค...สิ่งที่ฉันจะให้นายทำต่อไปนี้...”
ผมยืนเลิกลั่กอยู่หน้าประตูห้องพยาบาลพลางมองไปยังเพื่อนร่วมห้องอีกสามสี่คนที่ยืนลุ้นอยู่ห่างๆ ผมส่ายหน้าพรืดปฏิเสธกับสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาก่อนจะถูกข่มขู่ทางสายตาอีกครั้ง เรื่องที่ผมกำลังจะทำในต่อไปนี้มันช่างโหดร้ายทารุณต่อนักเรียนดีเด่นอย่างผมยิ่งนัก
‘เข้าไปในห้องพยาบาลกดปุ่มอัดเสียงแล้วตะโกนใส่หน้าอีทงเฮซะว่าฉันเป็นของนาย เลิกยุ่งกับฉันสักที...พูดแรงเท่าไหร่ได้ยิ่งดี ทำได้ใช่ไหมทาสของฉัน’
‘เอ๋...ทำไมผมต้องพูดแบบนั้นกับครูด้วยล่ะครับ’
‘บอกให้ทำก็ทำเถอะน่า! นายเป็นทาสของฉันนะ’
ผมเลยต้องจำใจมายืนอยู่ตรงนี้...หนำซ้ำเขายังบังคับให้ผมอัดเสียงเพื่อยืนยันอีก พวกเขานี่เกเรเอาเรื่อง สรรหาอะไรพิเรนทร์ๆ ไปแกล้งครูอยู่ได้ เด็กพวกนี้สมควรโดนหักคะแนนครับ...แต่ถ้าผมไม่ทำตามที่ฮยอกแจบอก ผมคงโดนแกล้งยันเรียนจบ...ซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่ดีสักเท่าไหร่
“ว่าไง ไม่สบายเหรอ?”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามผมพร้อมกับรอยยิ้มละมุน แต่มันต่างจากรอยยิ้มของครูซีวอนตรงไหนนะ...เอ...แล้วทำไมผมต้องนึกถึงครูด้วยล่ะ
“ปะ...เปล่าครับ” ผมเดินเข้าไปหยัดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงานของครู เขาวางหนังสือที่กำลังอ่านลงบนโต๊ะแล้วหันมาคุยกับผมอย่างจริงจัง
“สีหน้านายไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ครูเช็คภายในให้ดีไหม” เขาเดินอ้อมมายืนอยู่ข้างหลังผมพร้อมกับนวดขมับให้ ผมนั่งเหงื่อแตกพลั่กๆ อีกทั้งหัวใจยังเต้นเร็วแรง มันไม่ใช่เพราะเขินนะครับ แต่มันเต้นแรงเพราะสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อไปนี้ต่างหาก
“ก...กรุณา...เลิกยุ่งกับฮยอกแจ...” ผมเว้นช่วงไว้ครู่หนึ่งพลางกลืนน้ำลายเอื้อก “ด้วยเถอะครับ...เขา...เขาเป็น...เป็นของผม” มือที่กำลังนวดขมับให้ผมอยู่นั้นได้หยุดชะงักลงทันทีที่ผมพูดจบ ครูเดินมานั่งบนโต๊ะพลางจ้องหน้าผมที่กำลังซีดเป็นไก่ต้ม เขาต้องฆ่าผมแน่ๆ เลยครับ
“ว่าไงนะ”
ยังจะให้ผมทวนอีกเหรอครับครู...ผมพูดไปตั้งขนาดนั้นแล้วนะ T_T
“ครู...มัน...เฮงซวยครับ เฮง...ซวยบัดซบที่สุดในโลกเลย...ถ้าครูยังไม่เลิกยุ่งกับฮยอกแจอีก...ผม...ผมฆ่าครูแน่...”
ครูทงเฮหัวเราะลั่นห้องเลยล่ะครับราวกับไม่กลัวว่าใครจะผ่านมาได้ยินเข้า ระหว่างนั้นผมก็หลับตาปี๋คิดว่าเขาคงเพ่นกระบาลผมแน่ แต่ก็ไม่ครับ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นครูกำลังนั่งยิ้มอยู่เขาล้วงมือเข้ามาในกระเป๋าเสื้อผมพร้อมกับหยิบมือถือเครื่องสีสดของฮยอกแจที่ใช้อัดเสียงไปแล้วกดปิดทันที
“นายนี่น่ารักเหมือนที่ซีวอนพูดจริงๆ” ครูเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะค่อยๆ ดึงแว่นผมออก เมื่อกี้ครูว่าไงนะ...
“ครูซีวอนเหรอครับ?”
“อีฮยอกแจคงสั่งให้นายมาทำอะไรแบบนี้ล่ะสิ โถ...เด็กน้อยผู้น่าสงสาร กลัวใช่ไหมหืม?” พูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ผมขมวดคิ้วมองพฤติกรรมของเขาแล้วก็เบี่ยงหัวออก มันไม่ใช่แล้วครับ มือไม้ครูนี่มันเริ่มไม่ใช่ความเป็นห่วงเป็นใยแล้วล่ะ
“ครูรู้?”
“แหงอยู่แล้ว งั้นเราสองคนก็เล่นกับเขาหน่อยเป็นไง?”
“เล่นอะไรเหรอครับ...” จริงๆ ผมว่ามันควรจบตั้งแต่ตอนนี้แล้วให้ผมเดินออกไปจากห้องพยาบาลโดยครบสามสิบสองแล้วยื่นมือถือนั่นคืนให้ฮยอกแจซะเรื่องราวจะได้จบๆ ครูกระซิบแผนให้ผมฟังแล้วก็อยากถอนหายใจแรงๆ นี่มันเรื่องอะไรกันนะ
“ครูกับฮยอกแจเล่นอะไรกันอยู่เหรอครับ...” ถามอย่างอ่อนใจ เมื่อวานก็ทีนึงแล้วไงครับเล่นเอาซะแว่นแตกเลย
“นิดหน่อยเองน่า...ถือว่าช่วยครูแล้วกันนะ”
.
.
‘ครูมันโคตรเฮงซวยเลยว่ะ แบบนี้ใครจะไปรักลงวะ ปล่อยฮยอกแจไปซะถ้ายังอยากหายใจบนโลกใบนี้อยู่’
‘ทำไมนายพูดกับครูแบบนี้ล่ะคยูฮยอน’
‘หึ...ฮยอกแจเลือกผมแล้ว ครูน่ะถอยไปซะ’
‘...ฮยอกแจเลือกนายเหรอ’ ... ‘ถ้าเขาไม่ต้องการครูแล้ว...ครูก็จะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีก’
คลิ๊ก...
คลิปเสียงจบลงพร้อมกับสีหน้าไม่สู้ดีของฮยอกแจ ผมได้แค่ปั้นหน้านิ่งกับสิ่งที่ทำลงไป แผนการอันชั่วร้ายของครูทงเฮดูท่าจะได้ผล ฮยอกแจดูกระวนกระวายทันทีที่ดูคลิปจบ
“คยูฮยอน ตอนที่เขาพูด...สีหน้าเขาเป็นยังไง?”
“ครับ? อ๋อ...สีหน้าของเขาดูเหมือนคนใกล้ตายเลยล่ะครับ ฮะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ขณะที่มินโฮ จงฮยอนกำลังจ้องจับผิดผมอยู่
“ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ติ๋มนี่มันจะกล้าพูดกับอีทงเฮขนาดนั้น” <- มินโฮ
“..............”
“ฮยอกแจกับครูทงเฮคบกัน...” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกมินโฮคว้าปิดปากเอาไว้เสียก่อน ผมกระพริบตาปริบๆ พลางมองไปยังจงฮยอนที่กำลังทำท่าเป็นสัญญาณเตือนไม่ให้ผมพูดอะไรออกมาอีก
“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ งั้นผมไปนะ?” ผมมองหน้าฮยอกแจที่ยังคงแย่ไม่ต่างจากทีแรก ก็เขาต้องการให้เป็นแบบนี้เองไม่ใช่เหรอ ตอนแรกผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกครับใช้เวลาคิดอยู่นาน เพราะผู้ชายกับผู้ชายจะมาคบกันมันก็เป็นเรื่องแปลกๆ อยู่ แต่พฤติกรรมของทั้งคู่มันเข้าข่ายคนรักมากจริงๆ ผมนี่ฉลาดเอาเรื่องเลยนะ
“นายว่าเขาจะไปจริงๆ ไหมมินโฮ” ฮยอกแจหันไปถามเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่สนใจคำถามของผมเลยแม้แต่น้อย
“ฮยอกแจครับ ผมไปนะ...”
“ฉันคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่กล้าไปหรอก หวงนายยิ่งกว่าอะไรดี”
“ทุกคนครับ...ผมกำลังจะไปแล้วนะ”
“เขามันบ้า! จะไปไหนก็ไปเลย คิดว่าสนใจเหรอไง!” ฮยอกแจกระฟัดกระเฟียดทำท่าไม่พอใจเอายกใหญ่ ทันใดนั้นผมก็ต้องหันหลังกลับเมื่อมีใครคนหนึ่งกำลังกระตุกชายเสื้อผมอยู่
“คยูฮยอน~”
“ครับ?” ผมมองเด็กผู้หญิงตรงหน้า เธอกำลังยิ้มให้ผมก่อนที่เสียงโห่แซวจะดังขึ้น
“ฉันชื่อฮันซึงยอน เรียนอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง ได้ยินมาว่านายเก่งคณิตศาสตร์มาก...ช่วงหลังเลิกเรียนพอจะมีเวลาว่างไหม ฉันอยากให้นายช่วยติวให้หน่อยน่ะ”
“เอ๋...ช่วงหลังเลิกเรียนเหรอครับ”
“อื้อ มันใกล้ช่วงสอบเก็บคะแนนแล้ว และฉันเองก็โง่มากสอบทีไรคะแนนไม่เคยถึงสิบเลยสักครั้ง ฉันไม่ให้นายช่วยฟรีๆ หรอก นะๆ คยูฮยอนช่วยฉันหน่อยนะ” มือเล็กเขย่าแขนผมอย่างออดอ้อน เสียงโห่ดังมาจากข้างหลังทำให้ผมหันกลับไปมองฮยอกแจกับเพื่อนๆ ที่กำลังเบะปากอยู่
“อะไรของนายยะอีฮยอกแจ”
“อะไรๆ หาเรื่องเหรอยัยเตี้ยหมาตืด”
“สูงตายแหละนายอ่ะ เดินไปกับชเวมินโฮแล้วดูหยั่งกะหลักกิโลไม่มีผิด -3-”
“เฮ้! นี่เธออยากตายใช่ไหมฮันซึงยอน!” ฮยอกแจชี้หน้าคาดโทษร่างบางพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้นมาบวกเธอครับ ซึงยอนเดินไปหลบหลังผมแล้วแลบลิ้นใส่อีกฝ่ายอย่างกวนประสาท
“หลังเลิกเรียนที่ไหนครับ แต่ผมคงอยู่สอนได้ไม่เกินสองชั่วโมงนะ”
“อื้อ! สองชั่วโมงก็ถมเถแล้ว คยูฮยอนอา~ นายนี่น่ารักจัง”
.
.
ผมช่วยติวให้ซึงยอนในช่วงหลังเลิกเรียน เธอไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่ผมกำลังพร่ำสอนสักเท่าไหร่ เอาแต่ถามว่าผมมาจากไหน มีพี่น้องกี่คน ชอบสีอะไร ผมว่าเรื่องพวกนั้นมันไม่น่าเข้าไปเกี่ยวในข้อสอบเก็บคะแนน สุดท้ายแล้วก็หกโมงเศษๆ ผมเก็บของเข้ากระเป๋าแล้วเราก็เดินไปหน้าโรงเรียนด้วยกัน
“ผมกลับแล้วนะครับ”
“อะไรนะ? นายจะทิ้งฉันอยู่ป้ายรถเมล์คนเดียวแบบนี้น่ะเหรอโจคยูฮยอน” ซึงยอนชักสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อผมทำท่าตั้งลำจะกลับบ้าน
“ไม่คนเดียวสักหน่อยครับ ดูสิ มีนักเรียนอีกเป็นสิบที่ยืนรอรถเมล์กับเธอนะ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีใครมาทำร้ายเธอ” ซึงยอนตบหน้าผากตัวเองเบาๆ หลังจากที่ผมพูดจบ เธอเดินกระทืบเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกับจ้องตาไม่กระพริบ
“นายเป็นผู้ชาย”
“ใช่ครับ ผมเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาปล่อยให้ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวกันห๊ะ” เธอเริ่มขึ้นเสียงกับผมครับ นี่แหละมุมหนึ่งของผู้หญิงที่ผมคิดว่ามันไม่น่ารักเอาเสียเลย
“แล้วจะให้ผมทำยังไงครับ นั่งรถเมล์ไปส่งเธอเหรอ”
“ใช่”
“อ๋า...ผมยังนั่งรถเมล์ไม่เป็นเลยครับ ไม่รู้ว่าสายไหนเป็นสายไหน เพราะผมเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วก็เพิ่งหัดกลับบ้านเองวันแรกด้วย ถ้าเกิดไปส่งซึงยอนผมคงได้งมกบกลับถึงบ้านก็คงเที่ยงคืน”
ผมพยายามอธิบายหาเหตุผลมาให้เธอเข้าใจแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ฟังครับ เธอลากผมขึ้นรถเมล์ไปโดยไม่ถามความสมัครใจของผมเลยสักนิด ฮันซึงยอนช่างเป็นผู้หญิงเจ้าเผด็จการจริงๆ
สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งแหงกอยู่ป้ายรถเมล์หลังจากไปส่งเธอที่บ้าน หนำซ้ำยังบังคับให้ผมยิงเบอร์เข้าเครื่องเธออีก โหดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เธอกลัวผมชิ่งสอนพิเศษเหรอ เห็นผมเป็นคนยังไงกัน ผมไม่หนีหรอก...ฟ้ามืดครึ้มลงไปทุกทีจนเสาไฟเริ่มติดทีละเสาไล่ไปเรื่อยๆ เอาล่ะ...มันถึงคราวที่ผมจะต้องหาทางกลับบ้านให้ได้หลังจากขึ้นรถเมล์ผิดมาแล้วถึงสองคัน...ในเมื่อการอ่านป้ายมันใช้ไม่ได้ผล คงต้องใช้ไม้ตายเดินไปถามทางแล้วล่ะครับ
ยังเดินไปทันไปถึงไหนเสียงโทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น ผมคว้ามันขึ้นมาก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคนที่โทรมานั่นไม่ใช่ใคร
“สวัสดีครับครู...”
( อยู่บ้านหรือเปล่า? )
“อะ...เอ่อ...เปล่าครับครู...ผมยังกลับไม่ถึงบ้านเลย” ผมตอบตะกุกตะกักเพราะกลัวโดนครูว่าเอา เพราะตอนที่อยู่กับย่าท่านไม่ให้ผมกลับบ้านหลังหกโมงครับ
( หืม? อยู่ข้างนอกเหรอ ทำอะไรอยู่น่ะ? )
“ผมกำลังหาทางกลับบ้านอยู่ครับ”
( ทำไมล่ะ เมื่อเช้าครูก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าขึ้นรถเมล์สายไหน )
“ครับ ผมจำได้...แต่ว่าตอนนี้...”
( นายอยู่ไหน เดี๋ยวครูไปรับ )
.
.
บนรถที่มีเสียงเพลงแจ๊สคลออยู่เบาๆ เพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบที่กำลังปกคลุมไปทั่ว ผมชำเลืองมองครูที่กำลังขับรถอยู่แล้วก็ต้องหลบหน้าไปอีกทางเมื่อครูหันหน้ามา
“ไปทำอะไรแถวๆ นั้น เดทหรือไง”
“ป...เปล่านะครับครู ผมจะเดทได้ยังไงกัน...” ผมรีบยกมือปฏิเสธทันควัน ครูกำลังเข้าใจผิดนะครับ
“ก็เห็นนายออกไปกับเด็กผู้หญิง” ครูยิ้มบางๆ
“ครูเห็นด้วยเหรอครับ”
“ตอนนั้นกำลังเอาของไปเก็บในรถก่อนกลับเข้าไปประชุมน่ะ วันนี้เราคงไม่ได้ทานมื้อเย็นกับพี่สาวนายแล้วเพราะตอนนี้อาราคงกำลังไปขึ้นเครื่อง”
“วันนี้แวะกินอะไรง่ายๆ ข้างทางกันเถอะ ครูเหนื่อย”
“ไม่เป็นไรครับครู เดี๋ยวผมจัดการเรื่องมื้อเย็นเอง เรากลับบ้านกันเถอะครับ”
“อ่า...วันนี้จะได้ชิมฝีมือนายแล้วสินะ” ครูหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยื่นมือมาขยี้หัวผม
ผมได้แต่คิดว่าบางทีครูอาจจะเบื่อถ้าเกิดต้องอยู่กับผมตามลำพังสองคน เพราะถ้าเปลี่ยนผมเป็นพี่อาราครูอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้
.
.
“ครูครับ มื้อเย็นเสร็จแล้วนะครับ” ผมเดินเข้าไปในห้องทำงานของครูที่มีเอกสารและชีทข้อสอบวางอยู่เต็มโต๊ะ ร่างสูงกำลังฟุบหลับอยู่ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ยินในสิ่งที่ผมกำลังพูด
“ครูครับ...” ผมเดินเข้าไปใกล้เขาพร้อมกับวางมือลงบนไหล่กว้าง เผยให้เห็นแพรขนตายาวกับเปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่ วันนี้ครูคงเหนื่อยมากจริงๆ
“ครูครับ...” เขย่าไหล่อีกคนเบาๆ ก่อนที่ครูจะงัวเงียตื่นขึ้นมา
“หืม...เสร็จแล้วเหรอ” ครูยิ้มบางๆ ทั้งที่ตายังปรือง่วงอยู่อย่างนั้น
“วันนี้ผมทำข้าวยำแบบง่ายๆ ครับ มีซุปด้วยนะผมว่าผมเอามาให้ครูทานตรงนี้ดีกว่า” เอี้ยวตัวหันกลับจะเข้าไปในครัวแต่ก็ถูกครูคว้าข้อมือเอาไว้
“เรื่องกินไว้ก่อนเถอะ...ได้ยินอาราบอกว่านายนวดเก่งงั้นช่วยนวดให้ครูสักห้านาทีได้ไหม?”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปนวดไหล่ให้กับเขา ครูนั่งพิงพนักเก้าอี้หลังตรง ผมได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจออกมาคิดว่าครูน่าจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ผมนวดให้
“กล้ามเนื้อของครูตึงไปหมดเลยช่วงแถวๆ ไหล่ ครูลองเอานิ้วหัวแม่มือกดลงไปตรงนี้ดูสิครับ” ผมจับมือครูมาวางลงบนไหล่ของเขาแล้วให้ลองบีบๆ ดู ซึ่งครูก็ทำตาม
“นั่นสินะ สงสัยเป็นเพราะครูเหนื่อยเกินไป...อืม...ดีจัง” น้ำเสียงของครูดูผ่อนคลาย ผมดีใจจังที่อย่างน้อยก็ช่วยอะไรครูได้บ้าง
“ถ้าครูเหนื่อย ผมจะนวดให้ทุกวันเลยครับ”
“นายพูดเองนะ...เดี๋ยวคงได้นวดจนปวดมือเลยล่ะ” ครูหัวเราะ
“ปวดแค่มือมันไม่เป็นไรหรอกครับ ครูยืนทั้งวันคงเมื่อยกว่าผมเยอะ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วเอาเท้าแช่น้ำอุ่นหน่อยนะครับจะได้รู้สึกผ่อนคลายกว่านี้” ผมยังคงนวดต่อไปก่อนที่จะหยุดชะงักเมื่อมือของครูวางทาบทับบนมือผมทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้หันหน้ามา
“ขอบใจนะ”
“...ครับ” ผมยิ้มบางๆ แล้วก็เริ่มออกแรงนวดอีกครั้ง
ผมไม่รู้ว่าผมนวดให้เขาไปนานเท่าไหร่ อาจจะเป็นชั่วโมงเลยก็ได้...เท่าที่รู้คือตอนนั้นผมต้องเอาอาหารเข้าไปเวฟเพราะมันเย็นแล้ว ครูชมว่าผมทำอาหารอร่อย เป็นคนทำอาหารมันก็สุขตรงที่มีคนชมนี่แหละครับ
“ครูครับ”
“หืม?”
“พี่สาวผมอาจจะติงต๊อง เอาแต่ใจไปบ้างแต่เธอเป็นคนดีนะครับ ถึงเธอจะทำอาหารไม่เก่งเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ผมเชื่อว่าเธอจะต้องเป็นภรรยาที่ดีได้แน่ๆ” ผมเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งก่อนจะสบตากับครู
“อ่า...”
“ครูเป็นคนดี ครูดูแลพี่สาวผมได้แน่ๆ ผมรู้”
“นายเอาอะไรมาตัดสินว่าครูเป็นคนดี ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น”
คำพูดของครูทำให้ผมจุกจนพูดไม่ออก นั่นสินะครับ ครูพูดถูกต้องแล้ว
“ผมรู้สึกได้ครับ”
“อย่าเอาความรู้สึกตัวเองมาตัดสินอะไรง่ายๆ สิ เพราะแบบนี้คนเราถึงได้ผิดหวังเพราะโดนหลอก” ครูยิ้มบางๆ พร้อมกับเดินไปเปิดตู้เย็น
“ผมอยากให้ครูดูแลพี่สาวผมไปตลอดชีวิต” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ผมก็แค่อยากให้พี่อารามีความสุข
ครูเอี้ยวหน้าหันกลับมาสบตากับผมที่ยังคงนั่งอยู่โต๊ะอาหาร รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าเขาเหมือนเช่นทุกครั้ง อีกแล้วสินะที่หัวใจของผมมันเริ่มเต้นแรงเพราะเขา
“แล้วนายล่ะ...อยากให้ครูดูแลไปตลอดชีวิตหรือเปล่า?”
TALK
ตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรหรอก
เง้อ...ครูพี่ซีวอนพูดแบบนี้เดี๋ยวน้องก็หวั่นไหวหรอก . _.
ความคิดเห็น