ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu KangJo | Resident Evil { Remake}

    ลำดับตอนที่ #3 : PART 2 : SEOUL POLICE DEPARTMENT

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 54


      

     

     

     

     

     

     

    PART 2

    SEOUL POLICE DEPARTMENT

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คนเรามักจะปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ค่าเสมอ

    หนึ่งในนั้น...ก็รวมถึงตัวผมเองด้วย

     

     

     

    ค่อยๆ กินก็ได้ พูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำให้คนตรงหน้า เด็กหนุ่มหยุดชะงักพลางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย นัยน์ตากลมโตหลุบลงพลางกลืนไส้กรอกที่อัดอยู่เต็มปากลงคอ

    แค่กๆ!!” พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงเข้าไปช่วยลูบหลังให้ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่ม เริ่มถอนหายใจน้อยๆ กับพฤติกรรมของคนตรงหน้า

     

    ภายในโซนซุปเปอร์มาเก็ตที่เงียบสงบไร้ซึ่งผีดิบต่างจากชั้นล่างที่เขาพึ่งหนีมา แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้เต็มร้อย ทุกย่างก้าวทุกวินาทีมีอัตราการเสี่ยงเท่ากัน...เพราะความเงียบ...มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าอะไร

     

    คุณชื่ออะไร

    โจ... ทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ พลางหายใจเข้าลึกๆ โจคยูฮยอน

     

    เด็กหนุ่มตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว เมื่อครู่คุณคนนี้เป็นคนช่วยเขาไว้ นับว่าโชคดีจริงๆ เกือบถอดใจนอนตายอยู่ในลิฟท์แล้วไหมล่ะ

     

    คุณมาที่นี่กับใคร? มีเพื่อนหรือครอบครัวมาด้วยรึเปล่า? ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับลุกขึ้นยืน ไม่ลืมที่จะยื่นมือให้คนตรงหน้า คยูฮยอนมองมือแกร่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปจับเอาไว้พลางยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินตามหลังร่างสูงไป...ทั้งคู่หยุดยืนอยู่ตรงหน้าชั้นวางของที่มีขนม นม เนย มากมายวางเรียงกันอยู่

     

     

    คนๆ นี้....เป็นตำรวจรึเปล่าวะ....

    ก็เพราะว่าไอ้เครื่องแบบนั่นมันดูเวิ่นเว้อกว่าพวกตำรวจหน้าเลือดที่คอยเก็บค่าส่วยทั่วไปนี่นะ

     

     

    เลือกของกินใส่กระเป๋าซะ พูดจบร่างสูงก็เดินไปโซนน้ำดื่ม คยูฮยอนยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเปิดกระเป๋าออก....พอเห็นของที่อยู่ข้างในแล้วก็อยากจะเบะปากร้องไห้สักที

     

    เย้ดเขว้...แรร์ไอเทมกูแตกละเอียดเละเป็นขี้ไม่มีชิ้นดีเลย!

     

    แบบนี้จะส่งเคลมได้ไหม...ใช้ยังไปไม่เท่าไหร่เลย นี่รักยิ่งกว่าอะไรเลยนะ ของพวกนี้เพื่อนมาขอยืมใช้ยังต้องคิดค่าเช่า...รู้ละ...มันคงเป็นผลพวงจากตอนโยนกระเป๋าใส่หนังหน้าพวกซอมบี้ตอนนั้นแน่เลย

     

    ทิ้งไปได้แล้ว ร่างสูงพูดพร้อมกับดึงน้องซัมซี่แท๊บกับน้องพีเอสวิสต้าออกมาทิ้งลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใย คยูฮยอนเบิกตากว้าง เครื่องนึงไม่ใช่วอนสองวอนนะครับทำไมพี่หล่อทำกับผมแบบนี้ล่ะ T_T

    ทำไมทำเงี้ย............. เอ่ยถามเสียงแผ่วพลางมองตามไอเทมสุดรักที่พึ่งถูกโยนทิ้งลงพื้นไปเมื่อครู่ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนเอาฉี่อูฐสาดใส่หน้าไม่มีผิด ชายหนุ่มร่างสูงทำหน้านิ่งหากแต่อีกฝ่ายกลับเบะปากเตรียมจะเป่าปี่รอมร่อ

    ของพวกนี้พกไปก็มีแต่จะหนักเปล่าๆ เห็นอยู่ว่ามันใช้งานไม่ได้แล้ว ถึงจะพูดถูกก็เถอะ แต่อย่างน้อยถ้ารอดชีวิตจากที่นี่ไปได้ ก็คิดว่าจะเอาไปส่งเคลมสักหน่อยไง

     

     

    พูดก็พูดได้........ซื้อใหม่ให้เขาป่ะล่ะ - _-

     

     

    เอาวะ...ไม่เป็นไร...แค่มีช็อคโกแลตกับโค้กเขาก็รอดตายแล้ว! -.-

     

    มือเรียวเปิดกระเป๋าออกกว้างก่อนจะกวาดเอาช็อคโกแลตหลากยี่ห้อใส่ลงไปด้วยสีหน้าสุขสันต์จนแทบลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้นี้ใครกันที่ทำท่าจะเป็นจะตายตอนเห็นของในกระเป๋าพัง ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเดินมาปรามมืออีกคนเอาไว้ คยูฮยอนขมวดคิ้วขัดใจ...

     

     

    จะห้ามอะไรอี๊กกกกกกกกกกก

     

     

    พอแล้ว ร่างสูงพูดก่อนจะเอาขนมบิ๊สกิตใส่เพิ่มเข้าไปในกระเป๋าสองกล่องพร้อมกับน้ำเปล่าอีกสองขวด คยูฮยอนอ้าปากหวอ น้ำเปล่าเป็นสิ่งเดียวในตู้เย็นที่เขาไม่เคยข้ามล้ำไปแตะเลยนะ!!...

     

     

    ไม่มีทาง...เขาไม่ยืมดื่มน้ำเปล่าแน่ รสชาติจืดชืดไร้ความหวานซาบซ่า ดื่มไปทำไมกัน

     

     

    เดี๋ยวผมไปเอาโค้กแปปนึง

    น้ำเปล่าก็พอแล้ว น้ำอัดลมมีแต่จะเพิ่มแก๊สในกระเพาะทำให้คุณท้องอืดซะเปล่าๆบ่นเชี่ยอะไรครับคุณตำรวจ... ถ้าไม่มีโค้กก็เหมือนให้เขาหายใจในน้ำทางกระบอกไม้ไผ่นั่นแหละ...แล้วไอ้พวกบิ๊สกิตนี่อีกล่ะ กินไปแล้วมีแต่จะคอแห้งถ้าจะให้กินไอ้นี่ยังไงมันก็ต้องมีโค้กมาผสมโรงด้วยสิ กินบิ๊สกิตกับน้ำเปล่านั่นน่ะประเทศไหนพากินวะครับ

     

    คุณไม่พอใจเหรอ?

    เปล่าครับ ผมพอใจที่สุดเลย ตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าดุของอีกฝ่าย โหดยิ่งกว่าพ่อกูอีกครับ นี่ถ้าไม่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้นะ พ่อจะเอาคมแฝกวิ่งไล่ฟาดให้หายหล่อเลยสิ - _-

     

     

     

     

    ตึกๆๆ!!!

     

    อา....ให้ตายเถอะ

    เสียงรองเท้าคอมแบทหยุดลงพร้อมกับชายหนุ่มร่างหนาที่ยืนถอนหายใจอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเจ้าปัญหายังคงมีชีวิตอยู่ ร่างสูงรูดซิบกระเป๋าให้กับเด็กหนุ่มพร้อมกับหันไปมองผู้มาใหม่ที่เสยผมขึ้นพลางหอบหายใจ คยูฮยอนมองทหารหนุ่มตาปริบๆ พลางกินไส้กรอกที่อยู่ในมือต่อไป นึกอยากขอบคุณพระเจ้าที่ได้เจอกับเขาอีกครั้ง แต่สายไปแล้วคุณทหาร พี่หล่อคนนี้เค้าช่วยผมไว้แล้ว -.-

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ผมพึ่งได้รับแจ้งเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่ใจกลางกรุงโซล...ไวรัสแพร่ระบาดจนยากที่จะต้านทานไหว ข้างนอกนั่นถัดไปอีกไม่กี่บล็อกก็มีแต่ทะเลเพลิงและศพของพลเรือน ผมและทีมได้ออกยับยั้งทุกอย่าง...แต่เชื้อไวรัส...มันแพร่กระจายเร็วเกินไป ร่างสูงพูดขณะที่ทั้งสามคนนั่งอยู่บนพื้นระหว่างช่องทางเดินในซุปเปอร์มาเก็ตของห้างสรรพสินค้านั้น

    เด็กหนุ่มได้เพียงแค่มองตาปริบๆ พลางกินช็อคโกแลตที่พึ่งกวาดใส่กระเป๋ามาเมื่อครู่ ก็อยากเสือกอยู่เหมือนกันนะแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แค่นั่งเก็บ Detail เงียบๆ ไปก็เท่านั้น...

     

    ผมเองก็ถูกจ้างวานมาเหมือนกัน...แต่ไม่ใช่จากฝ่ายรัฐบาลเหมือนคุณ ชายร่างหนาตอบพลางถอดกั๊กตัวนอกออกมาเช็คกระสุนปืนระหว่างที่คุยกันไปด้วย

    “Umbrella สินะ พอร่างสูงพูดจบ นายทหารคิมก็เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องราวในชีวิตที่ต้องไปเกี่ยวพันกับบริษัทนั่น

     

     

     

    ก่อนที่จะเข้าบรรจุเป็นทหารหน่วย U.B.C.S เขาเองก็เคยเป็นผู้ต่อต้านรัฐบาลเกาหลีมาก่อนที่จะถูกจับไปขังคุกในเกาะทางตะวันออก แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Umbrella โดยมีข้อเสนอว่า..ทำงานให้กับ Umbrella เพื่อแลกกับอิสรภาพ...ซึ่งดูแลแล้วก็ไม่เห็นถึงอิสรภาพสักเท่าไหร่?

    ส่วนมากหน่วยทหารของ U.B.C.S ก็เป็นนักโทษเดนตายมาก่อนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกค้ายาเสพย์ติดยันฆ่าหั่นศพเผาทั้งหมู่บ้าน...นักโทษเหล่านี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกเสียจากรอวันถูกประหาร...หรือจะเข้าเป็นทหารกับ Umbrella ที่ไปเสี่ยงดวงในเอาสนามรบ

     

     

    ถ้าหากรอด...ก็ถือว่าเป็นโชค...

     

     

     

    หน่วย U.B.C.S ที่แบ่งแยกออกไปถึงสี่หน่วย คิมยองอุนถูกจ้างวานโดย Umbrella Corparation ภารกิจคือค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในเมือง...แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยลูกทีมของเขาเริ่มตายไปทีละคนจนตอนนี้กระจัดกระจายกันไปหมด

     

    คุณเองก็ไล่ต้อน Umbrella อยู่ พูดพร้อมกับดูตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนเสื้ออีกฝ่าย ชายหนุ่มร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้ทหารหนุ่ม

     

    ชเวซีวอน

     

    คิมยองอุน ยื่นมือออกไปข้างหน้าพร้อมกับเช็คแฮนด์สานความสัมพันธ์กันเล็กน้อย ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกวนประสาทแว่วขึ้นมา

     

    โจคยูฮยอน.... (())

     

    จะหาว่าเสือกก็คงใช่ ชายหนุ่มในเครื่องแบบทั้งคู่หันมามองเด็กหนุ่มที่ยื่นมือออกมาข้างหน้าเป็นตาเดียวกัน เด็กน้อยหัวเราะแห้งๆ ถึงจะเป็นแค่เด็กมัธยมก็มีหัวใจเหมือนกันนะครับ ในเมื่อตกอยู่ในสถานภาพเดียวกันอย่างนี้ ก็ต้องร่วมมือกัน หาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ (เท่สึด)

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่คุณ ก็คุณ ควรเสียสละปืนพกหนึ่งกระบอกให้ผมไว้ติดตัวบ้างนะ คยูฮยอนพูดพลางมองไปยังทหารหนุ่มที่จัดแจงอาวุธให้เข้าที่

    ไม่จำเป็น หน้าที่นายคือหลบอยู่ข้างหลังแล้วหมอบลงกับพื้นก็พอ

    หู้ย พูดงี้ได้ไงเนี่ย คุณไม่เคยเห็นผมเล่นเกมส์ Shooting อ่ะดิ? รู้จักรึเปล่า Counter Strike อ่ะ ผมเซียนปืนไรเฟิลเลยนะไม่อยากจะคุย เคยไปแข่งทัวร์นาเมนท์ได้เหรียญทองมาแล้วด้วย พูดเป็นต่อยหอยพลางเดินตามประกบทหารหนุ่มที่เดินนำหน้าพร้อมกับยกปืนขึ้นเล็งไปรอบตัว

    เงียบๆ หน่อย ตำรวจหนุ่มหน้าหล่อนามว่าชเวซีวอนเอ่ยปรามเขาพร้อมกับเอามือปิดปาก คยูฮยอนขมวดคิ้วก่อนจะแกะมือแกร่งออกทันที

    ให้ผมเดินตามหลังต้อยๆ แบบเนี้ย เกิดมีพวกหมาขี้เรื้อนกระโดดออกมาจากกระจกผมก็โดนกินคนแรกดิ ไม่มีอะไรป้องกันตัวเลยสักอย่าง

     

     

     

     

    เพล๊งงงงงงงง!!!!

     

    ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!”

    พูดไม่ทันขาดคำก็มีสัตว์ประหลาดกระโจนออกมาจากกระจกข้างตัวเขา คยูฮยอนกุมหัวหมอบลงกับพื้นก่อนที่จะถูกใครอีกคนคว้าเอวเอาไว้แล้วลากออกจากตรงนั้นพร้อมกับเหนี่ยวไกใส่เป้าหมายที่กำลังย่างกรายมาหาเขาทั้งสาม

     

     

     

     

     

     

    ปัง!! ปังๆๆ!!!

     

     

     

     

     

     

    เสียงปืน...เงียบไปแล้ว...

     

     

     

     

     

    ...................

    ...................

     

    พวกหมาติดเชื้อจะเคลื่อนตัวเร็วกว่าผีดิบเป็นเท่าตัว...มันออกล่าเหยื่อตอนกลางคืนและยิ่งกว่านั้นคือ...มันนิ่ง...เงียบ...และซุ่มดูเหยื่ออยู่ห่างๆ ....รอให้เหยื่อตายใจ...แล้วเข้าตะครุบโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว... ชายหนุ่มร่างหนาเล่าประสบการณ์ให้ฟังในขณะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ เขาเห็นมากับตาว่าไอ้หมาเนรคุณพวกนั้นมันไวแค่ไหน

     

     

    ชั่วพริบตาเดียว...มันกระโดดตะปบกัดกินทีมเขาไปต่อหน้าต่อตา

     

     

    เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้ว เมื่อกี้ถ้าผมเดินช้าไปอีกสองก้าวนะ คงโดนพวกมันคาบไปกินแน่ เพราะอะไรรู้ไหม? นั่นก็เพราะว่าผมมันไม่มีอาวุธไง...ถ้ามีนะป่านนี้...อ๊ะ!!” ร่างโปร่งเซถอยหลังเล็กน้อยเมื่อปะทะเข้ากับแผ่นหลังกว้างอย่างจัง

     

     

    อะไรวะ จะหยุดก็ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน  -_ -

     

     

    ซีวอนมองทั้งคู่พลางส่ายหน้าเอือม คนหนึ่งก็อารมณ์ร้อน

    อีกคนก็เจ้าปัญหา แบบนี้จะไปกันรอดรึเปล่า?

     

    เอาไป ร่างหนาพูดพร้อมกับยัดปืนพกใส่มือเรียว คยูฮยอนอ้าปากหวอ นัยน์ตาเบิกกว้างก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มด้วยความปลื้มปิติ

     

    ทีนี้จะหุบปากได้รึยัง? ร่างหนาถามพลางโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ร่างโปร่งที่กำลังยิ้มพอใจเหมือนเด็กได้ของเล่น คยูฮยอนพยักหน้าหงึกๆ พลางยืนตรงพร้อมกับตะเบ๊ะ

     

     

     

     

    สามชั่วโมงเลย!!”

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ความมืด...

    มันน่าหวาดกลัวแค่ไหน...คุณเองน่าจะรู้ดีที่สุด

     

     

     

     

     

    ตึ่ก!!

     

    เสียงฝีเท้าสัมผัสลงบนพื้นหลังจากกระโดดลงมาจากกำแพงรั้วบ้านที่เขาทั้งสามพึ่งปีนป่ายข้ามมาจนถึงปั้มน้ำมันตามที่คาดหมาย จองซูเล็งปืนไปรอบตัวสำรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะหันไปส่งสัญญาณให้ทงเฮและฮีชอลกระโดดตามลงมา

     

    ถึงแถวนี้จะไม่มีพวกมันเพ่นพ่าน...แต่เราก็วางใจไม่ได้...ยังไงก็ค่อยๆ เลียบทางเดินไปแล้วกัน พูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ บนถนนที่เงียบสงบ มีเพียงซากรถยนต์ที่กำลังไฟลุกโชนและเศษซากขยะเท่านั้น

     

     

    ทำไมเรื่องราวมันเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้?

     

     

    ทงเฮส่งมือขึ้นไปรับร่างบางที่กำลังจะกระโดดตามลงมาในขณะที่จองซูกำลังมองหาทางหนีทีไล่ เป้าหมายคือหารถสักคันที่จอดอยู่ในปั้มน้ำมันและแวะหาอาหารในมินิมาร์ทก่อนจะออกตัวไปสถานีตำรวจ

     

    ขอบคุณครับ ร่างบางยิ้มขอบคุณร่างหนาก่อนที่ทั้งสามจะค่อยๆ เดินเลียบกำแพงไปจนถึงปั้มน้ำมันที่เงียบสงบ...

     

     

    เงียบ...จนน่ากลัว...

     

     

    ทงเฮ...นั่น นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่รถซีวิคซีดำที่จอดอยู่ทางด้านใน ทงเฮพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเข้าไปสำรวจรอบรถ อีทึกและฮีชอลหยุดยืนดูทงเฮอยู่ห่างๆ เมื่อร่างหนาหันซ้ายขวาก่อนจะเอาสันปืนทุบกระจกรถจนแตกละเอียด

     

    ไม่มีกุญแจ เงยหน้าขึ้นมาบอกพี่ชายก่อนจะชะโงกหัวเข้าไปข้างในรถ ให้ตายเถอะ...สงสัยคงต้องใช้มุกเดิมแล้วสิ...พึมพำกับตัวเองเบาๆ ไปหาอาหาร เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง

     

    ว่าแล้วก็ปลดล็อคประตูออกก่อนจะเข้าไปนั่งทางด้านในพร้อมกับเอนตัวลงนอนราบไปกับพื้นเบาะ จำได้ว่ายงจุนฮยองเพื่อนที่เรียนช่างเคยสอนวิธีสตาร์ทรถแบบไม่ต้องใช้กุญแจให้ตอนที่แวะไปอู่ซ่อมรถบ้านมัน มือหนาดึงสายไฟที่พันระโรงยะยางใต้พวงมาลัยออกมาพลางคาบไฟฉายหลอดเล็กที่พกติดกระเป๋ามาไว้ในปาก ทำความเข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง ทบทวนความรู้ที่เพื่อนเคยสอนให้แล้วก็สุ่มมั่วจับหยิบสายไฟมาสปาร์คกันเสียดื้อๆ

     

     

     

     

     

    ติดสิ...ติดสิ...

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    หน้าที่จัดการเรื่องรถคงมอบให้เป็นของทงเฮไป ร่างโปร่งหันไปมองข้างๆ พลางขมวดคิ้วเมื่อร่างบางที่เคยยืนอยู่ตรงนี้ด้วยกันเมื่อครู่หายตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ พอหันไปก็เห็นประตูร้านมินิมาร์ทกำลังปิดลง ขอเดาว่าคิมฮีชอลคงเดินเข้าไปในนั้นเป็นแน่...

     

    ให้ตายเถอะ...สถานการณ์แบบนี้คิดว่ากำลังเดินช็อปปิ้งอยู่หรือไงกัน?

     

    จองซูรีบวิ่งเข้าไปในมินิมาร์ทก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นฮีชอลยืนผวาชิดตู้แช่เย็น...ร่างโปร่งรีบเข้าไปดูอาการอีกฝ่ายพร้อมกับสำรวจร่างกายพลางหันไปมองบนพื้นที่มีร่างไร้วิญญาณนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่

     

     

    เป็นอะไรรึเปล่า?

    ไม่...ผมไม่เป็นอะไรครับ ร่างบางเอ่ยเสียงสั่น ฉายแววตาหวาดกลัวในสิ่งที่เห็นเมื่อภาพตรงหน้าคือร่างชายหนุ่มสองคนในชุดเครื่องแบบพนักงานนอนคอหักอยู่...ร่างสูงนั่งลงยองๆ มือหนึ่งถือปืนเล็งเอาไว้ส่วนมืออีกข้างนั้นใช้สำรวจร่างกายผู้ตาย

     

    ..................

    คาดว่าพนักงานทั้งสองคนนี้คงกลายสภาพเป็นผีดิบไปแล้วทั้งคู่และถูกฆ่าซ้ำหลังจากนั้น...หากแต่ไม่มีร่องรอยของบาดแผลเลยแม้แต่น้อย...นอกเสียจากรอยกัดที่เหวอะไปทั่วคอและท่อนแขน...แต่ทว่าคอนั้นกลับพลิกหักไปอยู่ข้างหลัง...นั่นทำให้เขาไม่ต้องเดาเลยว่า...มีการต่อสู้เกิดขึ้น

     

     

    ด้วยมือเปล่า...

     

     

    ผีดิบสองตัวนี้พึ่งตายไปไม่นาน ยันตัวลุกขึ้นพลางหันไปมองดวงหน้าหวานที่ยืนอยู่ข้างๆ

    หมายความว่ามีคนมาที่นี่ก่อนเราเหรอครับ?

    ......ผมไม่รู้ ร่างโปร่งส่ายหน้า อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้? ถึงจะเป็นตำรวจ...แต่ถ้าพูดถึงเรื่องด้านชันสูจน์ล่ะก็เขาเองก็ไม่ถนัดสักเท่าไหร่

    ถ้าผีดิบเหล่านี้พึ่งตายไปได้ไม่นาน...นั่นก็แสดงว่าคนที่กำจัดพวกมันอาจจะพึ่งออกเดินทางไปก็ได้...จริงไหมครับ?

     

     

     

    ...................

     

     

     

    จองซู....เรารีบเก็บของแล้วออกไปจากที่นี่กันเถอะ บางทีเราอาจจะพบพวกเขากลางทางก็ได้นะ ฮีชอลพูดก่อนจะจับต้นแขนอีกคนเพื่อเรียกสติ บรรยากาศรอบตัวมันทำให้เขารู้สึกหวาดผวาจนไม่อยากยืนตรงนี้นานๆ แล้ว...

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    มีเพียงแค่เสียงกระแสไฟช๊อตกันหากแต่ระบบการทำงานของเครื่องยนต์กลับไม่ติดสักที หยาดเหงื่อไหลซึมตามจอนผมไล่มาถึงคางเรียวทั้งที่อากาศหนาวเหน็บ กดดัน...จนไม่มีสมาธิ

     

    ติดสิลูกพ่อ...ติดสิ.... ความเงียบที่เคยต้องการเพื่อใช้ทำสมาธิกลับเป็นตัวทำลายสมาธิเขาเสียเองในเมื่อบรรยากาศรอบข้างมันช่างน่าหวาดผวา

     

    ครืน.....

     

    บิงโก

    ริมฝีปากหยักยิ้มกว้างเมื่อความพยายามเป็นผล ร่างหนายันตัวขึ้นตรงที่นั่งคนขับก่อนจะหันหลังกลับไปดูมินิมาร์ทที่ป่านนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ออกมา แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่ออกมาทางด้านเบาะหลัง

     

    กร๊าซซซซซซซซซซ!!!”

    เฮ้ย!!”

     

    ร่างหนาถอยกรูจนหลังพิงพวงมาลัยพลางใช้เท้าถีบผีดิบสาวที่กำลังพยายามปีนป่ายข้ามเข้ามาหาเขา เสียงแตรรถดังลั่นเรียกความสนใจให้กับคนที่อยู่ในมินิมาร์ทได้เป็นอย่างดี อีทึกคว้ามือเรียวไว้ก่อนจะรีบวิ่งออกมาทันทีหลังจากเก็บของเสร็จเมื่อครู่

     

     

     

    ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด................

     

     

     

    เคราะห์ซ้ำกรรมซัด...อาจเป็นเพราะพื้นที่แคบหรือเพราะความซวยก็ไม่อาจล่วงรู้ได้...ร่างหนาพยายามควักปืนที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังออกมาหากแต่เพราะแรงปะทะต่อสู้ทำให้ปืนนั้นตกลงไปบนพื้น

     

    แม่งเอ๊ย!” เท้ายังคงยันผีดิบสาวให้ออกห่างไม่หยุดในขณะที่เขาก็กำลังพยายามควานหาปืนที่ทำตกลงไปเมื่อครู่

     

     

     

    ตึก..ตึก!!!

     

    แฮ่........ เสียงผีดิบสองตัวยืนทุบกระจกอยู่ฝั่งข้างคนขับ นั่นทำให้เขาใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองประตูเหนือหัวที่ไร้กระจก...ถ้าเกิดพวกมันมาทางนี้ เขาคงกันไว้ไม่ได้แน่!

     

     

     

    ปัง!!! ปัง!!!

    เลือดสีแดงสดสาดกระจายติดกระจกรถพร้อมกับร่างที่ทรุดลงไปกับพื้น ทงเฮเบิกตากว้างพลางหอบหายใจหนักก่อนจะสัมผัสได้ถึงความเย็นของปืนที่ทำตกลงไปเมื่อครู่...

     

     

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซ!!!”

     

     

     

     

     

    ปัง!!!

     

    กริ๊ก... เสียงกระสุนปืนเด้งออกมาพร้อมกับร่างไร้วิญญาณที่แน่นิ่ง ผีดิบสาวปากโหว่แน่นิ่งไปในทันทีหลังจากถูกยิงเข้าไปเต็มๆ มือหนาสั่นเทาเพราะความกลัว ถึงแม้จะผ่านเรื่องราวแบบนี้มานักต่อนัก...แต่เขาก็ไม่เคยชินกับการที่ได้เห็นคนตายต่อหน้าต่อตาเลยสักครั้ง

     

    ทงเฮ!!”

    .....แฮ่ก....แฮ่ก.....

    นายโอเครึเปล่า? เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยก่อนจะเปิดประตูรถออกพลางพยุงน้องชายให้ออกมาจากรถ ฮีชอลนั่งลงยองๆ พลางสำรวจบาดแผลที่อยู่บนหัวคิ้วให้ร่างหนา ทงเฮหอบหายใจหนักพลางส่ายหน้าปฏิเสธ

    ผมโอเค....

     

     

     

    จองซู...คุณไปขับรถ เดี๋ยวผมทำแผลให้ทงเฮเอง

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    นัยน์ตาคมจ้องมองน้องชายผ่านกระจกมองหลังในขณะที่ร่างบางกำลังช่วยทำแผลบนหัวคิ้วให้

    โชคดีนะที่คุณไม่โดนกัด กลีบปากบางระบายยิ้มก่อนจะติดพลาสเตอร์เป็นขั้นตอนสุดท้ายให้ โชคดีที่หยิบผ้าก๊อตและอุปกรณ์ทำแผลเบื้องต้นติดมือมาด้วย ทงเฮผละตัวออกก่อนจะเอนหลังพิงเบาะพลางหลับตาลง...

     

    กลิ่นคาวเลือดยังคลุ้งติดจมูก เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เขารู้ว่าชีวิตของคนเรานั้นมันสั้นแค่ไหน เพียงชั่วพริบตาเดียว...มันพร้อมจะพรากลมหายใจไปจากคุณได้ทุกเมื่อ....

     

    ไม่นานนัก...ทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงสถานีตำรวจ ประตูรถถูกปิดลงพร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นไปยังตึกสูง...ที่เรียกว่า... Seoul Police Department

     

     

    คุณทำงานที่นี่

    ครับ แต่ผมพึ่งบรรจุ...พึ่งเคยเข้าไปข้างในแค่ครั้งเดียวเอง ร่างโปร่งพูด สถานที่ๆ ทำงานที่เขาเคยไฝ่ฝัน โต๊ะทำงานใหม่ที่อยู่ด้านในยังคงมีแฟ้มเอกสารที่ยังไม่ได้จัดแจงให้เข้าที่

    หวังว่าจะมีคนอยู่ข้างในนั้น... ร่างบางพูดพร้อมกับกระชับมืออีกคนเป็นเชิงให้กำลังใจ จองซูยิ้มบางๆ ลึกๆ เขาเองก็หวังว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น

     

     

     

    ใครสักคน....ที่พอจะอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้เขาได้รู้

     

     

     

    ทันทีที่ประตูเปิดออกทงเฮแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่านี่คือสถานีตำรวจจริงๆ ชั้นแรกดูโล่งกว้างคล้ายกับโรงแรมหรู ตรงกลางมีรูปปั้นนกเหยี่ยวขนาดใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม...

     

     

    แต่ทำไม...

    ถึงเงียบสงบ..ได้ขนาดนี้

     

     

    อาจจะมีคนรอดชีวิตอยู่ด้านใน จองซูพูดก่อนจะเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์กลางห้องโถงที่มีคอมพิวเตอร์อยู่ทางด้านใน ทงเฮและฮีชอลหยุดยืนอยู่ข้างหลังพลางจ้องมองมอนิเตอร์ที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิด

     

    นั่น...มีผู้รอดชีวิต!” ร่างโปร่งเอ่ยเมื่อเห็นภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือกับวิทยุสื่อสาร นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบตัว...สถานีตำรวจมีอยู่สามชั้นกว้างๆ ที่เขาเองก็ยังเดินไม่ทั่วถึง พยายามนึกให้ออกว่าตำรวจคนนั้นอยู่ชั้นไหน?

     

    ติดต่อเขาได้รึเปล่า?

    พี่จะพยายาม พูดพร้อมกับกดแป้นคีย์บอร์ดเพื่อหาทางเข้าระบบ ไม่นานนัก เสียงสัญญาณวิทยุก็ดังขึ้น

     

    อ...ฮัลโหล...ครืดดดดด....มีใครได้ยินผมไหม...ได้โปรด...ครืดดด....ช่วย....ครืดดดดดด

    ฮัลโหล ผมได้ยินคุณแล้ว....คุณได้ยินผมรึเปล่า

    นะ...นั่นใคร....พวกเขาส่งคนมาช่วยผม...ครืด....ใช่ไหม....ครืดดดดด...

    คุณอยู่ชั้นไหน??

    ผม...ครืดดดดดดดดดด...ชั้นสาม...ห้อง..........ครืดดดดดดดด....

     

     

     

     

    พรึ่บ!!!

     

     

     

     

     

    สัญญาณดับไปพร้อมกับไฟที่ดับไปเมื่อครู่...ไม่เกินอึดใจระบบก็บูธขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จองซูหันไปมองจอมอนิเตอร์ที่กำลังบูธเครื่องอยู่ก่อนจะหันกลับมาหาทงเฮ

     

    ไหนๆ ก็รู้แล้วว่าเขาอยู่ชั้นสาม ผมว่าเราขึ้นไปตามหาเขาเลยดีกว่า ทงเฮว่า ทั้งคู่พยักหน้าเข้าใจพร้อมกับเดินเข้าไปในประตูไม้สีน้ำตาล

     

    ทันทีที่ประตูเปิดออกก็แทบจะเรียกหาพระเจ้าเมื่อตรงหน้ามีผีดิบนับสิบอยู่ทางด้านใน นั่นทำให้เขาทั้งสามรีบปิดประตูกลับเข้าไปอย่างปฏิเสธไม่ได้

     

    บ้าจริง

    .....ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหรอกนะ จองซูพูดพร้อมกับเดินถอยหลังออกมา...ยังไงก็ตามแต่...ไม่ว่าจะมีกี่คนที่รอด...ทุกชีวิตสำคัญเสมอ

    มีอีกทาง

    ..................

     

     

     

    หอสมุด

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    หอสมุดประจำสถานีตำรวจที่ทำด้วยไม้เก่าแก่เสียจนดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อย ในตอนแรกจองซูคิดว่าทางนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด...แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องวิ่งหนีไม่ต่างจากในทีแรก

    ชั้นหนังสือถูกวางเรียงเป็นระเบียบ...เสียงพื้นไม้เอี้ยดอ๊าดทุกครั้งที่ฝีเท้าย่ำเหยียบลงไป แม้จะเพียงเบาบางแต่ก็ได้ยินชัดเจน ทงเฮอาสาเดินนำหน้าและให้จองซูคอยระวังหลังแทนเมื่อถูกผีดิบไล่ต้อนเข้ามาเรื่อยๆ ประตูที่ล็อคแน่นหนาก็เป็นเพียงแค่กำบังที่จะถ่วงเวลาพวกมันไปได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น

    พยายามเดินระวังให้มากที่สุดเพราะกลัวว่าพื้นไม้นั่นจะทรุดตัวลงไป สถานีตำรวจก็ออกจะดูหรูหรา แต่ทำไมหอสมุดถึงได้เก่าคร่ำครึแบบนี้?

    ไวเท่าความคิด อาจเป็นเพราะพื้นไม้เก่าเกินกว่าจะรับน้ำหนักคนไหวจึงทำให้ร่างหนาร่วงลงไปข้างล่างท่ามกลางความตกใจของจองซูและฮีชอล

     

     

     

    “………!!!!!”

    ทงเฮ!!!”

    ทงเฮ!!!”

     

     

     

    ทงเฮนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด...รู้สึกเหมือนหัวเขาจะกระแทกกับพื้นด้วย ถือว่าโชคดีที่ตกลงมาแค่ชั้นลอยหากแต่ไม่มีบันไดให้ปีนขึ้นไปหาพี่ชายและร่างบาง

     

    นายเป็นอะไรรึเปล่า?

    ผมไม่เป็นไร

    เดี๋ยวพี่จะลงไปรับนาย รอก่อนนะ!”

    ไม่ต้อง....ไม่ต้องลงมา....รีบไปช่วยผู้ชายคนนั้นก่อน ตามหาเขาให้เจอ เดี๋ยวผมจะหาทางตามไปเอง ร่างหนาพูดพลางยันตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว แต่ถ้าไม่ถึงกับกระดูกหักก็ยังคงพอไหว

     

     

    เพราะเขาเชื่อว่า...ยังไงผู้ชายคนนั้นก็คงให้คำตอบกับเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แน่...

     

     

    ...............

    เร็วเข้า! ผมไม่เป็นไร!” ร่างหนายกมือขึ้นบังแสงสว่างที่สาดส่องลงมาด้านล่าง เห็นเงาดำของคนเป็นพี่และร่างบางอยู่ลางๆ

     

     

     

     

     

     

     

    สัญญาสิ...ว่านายจะกลับมาหาพี่

     

     

     

     

     

     

    .................... ทงเฮหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำให้เขาจุกจนแทบไม่ออก...

     

     

     

     

     

     

    จุนซู...สัญญาสิว่ามึงจะต้องกลับมา

    ฮ่าๆ กูต้องกลับมาอยู่แล้ว

    มึงสัญญากับกูก่อน...

    เอ้อ! กูสัญญาว่าจะไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นแน่!’

     

     

     

     

    .........................

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...ผม...สัญญา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    มันเฝ้ามองคุณอยู่ทุกหนแห่ง...

    คุณ...หนีมันไม่พ้นหรอก...

     

     

     

     

     

    พออีทึกและฮีชอลกระโดดข้ามผ่านจุดที่เขาพึ่งตกลงมาได้แล้วก็หันไปมองรอบข้างก่อนจะหยิบไฟฉายหลอดเล็กขึ้นมาส่องหาทางออก...และดูเหมือนจะเห็นแต่ทางตัน ทงเฮถอนหายใจพร้อมกับเดินเลียบกำแพงไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพบกับช่องแอร์

     

    มือหนากะเทาะเหล็กออกก่อนจะกระโดดขึ้นไป การปีนเข้าไปในช่องแคบๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมอากาศภายในดูอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก...ร่างหนาคลานไปตามทางเรื่อยๆ อยู่นานจนพบแสงสว่าง...เขาตัดสินใจกระโดดลงมาข้างล่างพร้อมกับปัดฝุ่นออกจากตัว จามเบาๆ อยู่สองสามครั้งก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ

     

     

     

    นี่มัน....ท่อระบายน้ำ....

     

     

     

     

    แอ๊ดดด.....

    เสียงประตูเหล็กเปิดออกเรียกความสนใจจากร่างหนาหากแต่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าผู้มาใหม่...ร่างทั้งร่างก็ทรุดฮวบลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นเพราะถูกตีเข้าที่หัวอย่างจัง

     

     

     

     

    นั่น...ใคร

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    จะมีจุดจบได้ยังไง...

    ในเมื่อผม...ยังไม่เคยเริ่มต้นมันเลยด้วยซ้ำ...

     

     

     

     

    นิ้วเรียวกระตุกเล็กน้อยก่อนที่เปลือกตาหนาจะค่อยๆ ลืมขึ้น...รู้สึกหน่วงที่หัว มันหนักอึ้งจนแทบจะระเบิดออกมา...บรรยากาศรอบตัวหนาวเย็นจนใบหน้ามือไม้ซีดเผือด...เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นอย่างลำบากพลางกุมหัวตัวเอง

     

    อะ...อา....

    หรี่ตามองภาพตรงหน้าที่พร่ามัวกระพริบตาอยู่สองสามครั้งแล้วทุกอย่างก็เริ่มชัดขึ้น...

     

    ...................

     

    ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น...ภาพตรงหน้าคือชายหนุ่มตัวผอมบางถูกแช่อยู่ในหลอดแก้ว...ดูแล้วเขายังคงมีชีวิตอยู่...แต่ว่า...อะไรทำให้เขาต้องเข้าไปอยู่ในนั้นล่ะ...

    ทงเฮเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างบางที่งอตัวอยู่ข้างใน มีสายระโยงรยางค์อยู่เต็มไปหมด ราวกับว่าชายหนุ่มคนนี้มีชีวิตอยู่ได้เพราะมัน...มือหนาทาบลงบนหลอดแก้วก่อนจะชะงักถอยหลังเมื่อเปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นมาเสียดื้อๆ

    ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างบางจะเริ่มตะเกียกตะกายตัวเมื่อระดับน้ำในหลอดแก้วค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ มือเรียวเล็กแปะป่ายไปทั่วราวกับจะขาดอากาศหายใจ นั่นยิ่งสร้างความตกใจให้กับชายหนุ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คุณ....คุณ!!!”

     

     

     

     

    มอย

     

    ฮิ~

    พูดอะไรดีล่ะ ชอบป่ะ - -

    ดูจิตๆ นะกู

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×