คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตำราบทที่ 2 : Second Impression!
Part 2
Second Impression
‘อื้ม..โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรล่ะ’
‘ฮยอกแจอยากเป็นคุณพ่อที่ดีเหมือนคุณพ่อฮะ! \(*w* \)’
‘งั้นฮยอกแจก็ต้องเลิกไปปั่นจักรยานเล่นกับเด็กพวกนั้น..เพราะพวกนั้นเป็นเด็กไม่ดีนะจ๊ะ’
‘เอ๋..แค่ปั่นจักรยานกับยองอุนก็จะเป็นเด็กไม่ดีเหรอฮะ!! 0_0’
‘ใช่จ๊ะ..เล่นกับทงเฮที่บ้าน โตขึ้นมาจะได้เป็นคุณพ่อที่ดีไงจ๊ะ’
เพราะเหตุนี้..อีฮยอกแจถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเล่นพ่อแม่ลูกจนทงเฮเองก็ไม่เคยเข้าใจว่าเล่นไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น...เด็กที่ยังไม่ประสีประสาอะไรอย่างทงเฮบวกกับความที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ก็เลยบ้าจี้เล่นไปกับเค้าด้วย
ตุ๊กตาลิงสีน้ำตาลหน้าตาเหมือนเจ้าของถูกตั้งชื่อให้ว่า ‘น้องฮยอกเฮ’ และฮยอกแจบอกกับเขาว่า ‘นี่แหละลูกของเรา’ เด็กตัวน้อยขมวดคิ้วสงสัยว่ามันจะเป็นลูกได้ยังไง มองมุมไหนมันก็แค่ตุ๊กตาที่มีกลิ่นน้ำลายบูดของฮยอกแจก็เท่านั้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่แทนตัวเองว่าคุณพ่อแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ จนลืมเรื่องความเป็นจริงไปเสียหมด จะลูกปลอมลูกจริงยังไงก็แล้วแต่ ขอแค่เป็นลูกของเขากับฮยอกแจก็พอแล้ว
ในอนาคตคิดไว้ว่าถ้าโตขึ้นจะต้องแต่งงานกับฮยอกแจให้ได้...เจ้าบ่าวของทงเฮต้องเป็นฮยอกแจเท่านั้น! แต่ฝันก็ต้องสลายเมื่อวันหนึ่งผู้เป็นแม่วางมือลงบนไหล่เล็กของเขาแล้วบอกว่า..
“ทงเฮ..ต่อไปหนูไม่ต้องไว้ผมยาว ไม่ต้องใส่กระโปรงแล้วนะลูก” ดวงตาคู่สวยจ้องมองดวงหน้าหวานของเด็กน้อยที่กำลังนั่งนิ่งๆ ให้คนเป็นแม่เช็ดผมให้หลังอาบน้ำเสร็จ
“....เอ๋?” นัยน์ตากลมโตฉายแววตาสงสัยกับสิ่งที่คนเป็นแม่พูด ริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มพลางทาแป้งฝุ่นลงบนตัวลูกชายไปด้วย
“เพราะผู้ชายน่ะ..ไม่ต้องใส่กระโปรง ไม่ต้องไว้ผมยาว เหมือนกับพี่ฮยอกแจไง”
( ̄(エ) ̄)..... <- สีหน้าทงเฮในตอนนั้น
“แม่ว่าไงนะฮะ” ถึงจะคิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงมาตลอดแต่ปากก็ยังแทนตัวว่า ‘ฮะ’ ตอนอายุแค่นั้นใครจะไปรู้เรื่องรู้ราวล่ะว่าต้องแทนตัวว่าอะไร แค่ใช้ชีวิตวัยเด็กไปวันๆ ทำตามที่พ่อแม่บอกก็พอ
และถึงพวกไอ้หมูป่ามันจะชอบหาว่าเขาเป็นตุ๊ด แต่ทงเฮก็ไม่เคยสนใจ..เพราะไม่รู้ว่าไอ้คำว่า ‘ตุ๊ด’ เนี่ยมันหมายความว่าอะไร
“ทงเฮ..ลูกเป็นเด็กผู้ชาย”
ลูกเป็นเด็กผู้ชาย..ลูกเป็นเด็กผู้ชาย..
ลูกเป็นเด็กผู้ชาย..
ลูกเป็นเด็กผู้ชาย..
โน๊วววววววววววววววววววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!
จำได้ว่าร้องไห้อยู่สามวันสามคืน งอแงไม่ยอมไปโรงเรียนด้วย ไม่ใช่ว่าผิดหวังที่ตัวเองเป็นผู้ชายหรอกนะ แต่มันช็อค! ใช่เลย! จำได้ว่าตอนนั้นช็อคมาก..
คิดดูสิ เด็กวัยแปดขวบที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงมาตลอด แล้วจู่ๆ แม่ก็มาบอกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย..มันบ้ามาก!..เพราะแต่ละสิ่งที่เขาทำลงไปในวัยเด็กมันโคตรจะตุ๊ดเหมือนที่ไอ้ยองอุนมันพูดจริงๆ นั่นแหละ orz
จนคืนวันหนึ่ง..
“ทงเฮ..” เสียงกระซิบแผ่วเบาแว่วมาทางหน้าต่าง เด็กตัวน้อยที่ถูกจับตัดผมสั้นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปสวมชุดนอนลายน้องหมาสีน้ำตาลมีฮู๊ดนั่งกอดตุ๊กตาหมีอยู่บนเตียงก่อนจะหันไปมองต้นเสียง ดวงตากลมโตสะอื้นพลางปาดน้ำตาออกลวกๆ เมื่อเห็นคนตัวโตกว่าปีนเข้ามาในห้อง
“ร้องไห้ทำไม~” ถลกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้จนคนตัวเล็กหลับตาปี๋ วิธีปลอบมันทะแม่งไปนิดแต่ก็ทำให้คนที่กำลังเศร้าโศกาอยู่ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง..
“ฮึก..”
“ไม่ร้องนะคนเก่ง~ คุณพ่อพาน้องฮยอกเฮมาหาคุณแม่แล้ว~ น้องฮยอกเฮโอ๋เอ๋คุณแม่หน่อยซี่~” ฮยอกแจว่าพลางจับตุ๊กตาลิงขึ้นมาไว้ตรงหน้า บังคับแขนขานุ่มนิ่มส่ายไปส่ายมาเรียกเสียงหัวเราะจากร่างเล็กขึ้นมาได้บ้าง
“เย้ คุณแม่ยิ้มแล้ว” ฮยอกแจยิ้มกว้าง ทงเฮหุบยิ้มทันทีเมื่อพึ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังดราม่าลงตับอยู่ น้ำตายังคงคลอหน่วงดวงตากลมโต สะอื้นอยู่น้อยๆ คนตัวโตกว่าเอื้อมมาปาดน้ำตาให้แรงๆ ไร้ความอ่อนโยนหากแต่เด็กน้อยหรือจะนึกถึงเรื่องนั้น
“ฮยอกแจ..”
“อื้อ”
“เค้าเป็นแม่น้องฮยอกเฮไม่ได้อีกต่อไปแล้ว..” ริมฝีปากบางเบะออกทำท่าจะเป่าปี่อีกครั้ง คนตัวโตกว่าอ้าปากหวอเริ่มทำตัวไม่ถูก ก็พอรู้มาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับทงเฮ ถึงได้ปีนหน้าต่างเข้ามาปลอบใจ แต่พอเห็นคนตัวเล็กกว่าร้องไห้ไม่หยุดปากมันก็พาลจะเบะตามไปด้วย
“ทงเฮอ่า อย่าร้องไห้ซี่..”
“เราแต่งงานกันไม่ได้แล้วด้วย” ริมฝีปากเล็กเบะออกอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องราวมรสุมที่ถาโถมเข้ามาภายในวันเดียว ไหนจะถูกตัดผม ไหนจะเจอความจริงที่ยากจะรับไหว
“ทำไมเล่า ทำไมจะแต่งไม่ได้”
“ฮยอกแจเป็นผู้ชาย...”
“อื้อ”
“ทงเฮก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน...” เด็กตัวน้อยพูดเสียงเบาลง เพราะคุณครูที่โรงเรียนอนุบาลเคยบอกว่าผู้ชายต้องแต่งงานกับผู้หญิง ความฝันที่เคยวาดไว้มันพังทลายลงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“อื้อ”
“อื้ออะไรเล่า ผู้ชายสองคนแต่งงานกันไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ทำไมจะแต่งไม่ได้ ฮยอกแจกับทงเฮแต่งงานกันแล้วนะ จะให้เราปีนไปเอาใบทะเบียนสมรสมาให้ดูไหม” ฮยอกแจว่าเสียงใสจนทงเฮอยากลงไปชักดิ้นชักงอตรงนั้น ก็พึ่งบอกไปเมื่อกี้ว่าแต่งงานกันไม่ได้ๆ แล้วไอ้ใบสมรสนั่นเขาทั้งคู่ก็เอาสีเทียนละเลงมันเองกับมือ มันไม่ใช่ของจริงสักหน่อย
“แต่เค้ามีไอ้นั่น..ไอ้นั่น..เหมือนฮยอกแจเลย” ทงเฮว่าพลางชี้ไปยังเป้ากางเกงของคนตัวโตกว่า ฮยอกแจก้มลงมองกางเกงนอนสีขาวก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาอีกคน
“อ๋อ...ใช่ๆ ตอนอาบน้ำเค้าก็เห็น ว่าเรามีเหมือนกัน”
“อื้อ เรามีช้างน้อยเหมือนกัน แล้วทีนี้ใครจะเป็นแม่ล่ะ” ทงเฮนั่งคุกเข่าถาม คนเป็นสามีนั่งกุมขมับทำท่าคิดเหมือนโคนันการ์ตูนเรื่องโปรดที่ชอบตื่นมาดูตอนเช้าวันเสาร์-อาทิตย์
“ทงเฮก็เป็นแม่เหมือนเดิมนั่นแหละดีแล้ว!” ฮยอกแจตัดสินเอาง่ายๆ ในเมื่อมีช้างน้อยเหมือนกัน ทงเฮก็เป็นแม่ต่อไปเลยสิจะไปยากอะไร
“แต่เค้าก็มีสิทธิ์เป็นพ่อไม่ใช่เหรอ” ลึกๆ แล้วก็แอบคิดในใจมานาน ว่าอยากจะลองเล่นบทคุณพ่อดูบ้างสักครั้ง มันเท่มากเลยนะที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกแล้วให้คุณภรรยาผูกเนกไทให้ก่อนออกไปทำงาน แต่ด้วยความที่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงมาตลอด ก็เลยต้องจำใจเล่นบทนี้ต่อไป
“ไม่ได้นะ ถ้าฮยอกแจเป็นคุณพ่อ ทงเฮก็ต้องเป็นคุณแม่ซี่~ เดี๋ยวน้องฮยอกเฮก็สับสนหรอก” พูดไปอย่างนั้น ก็รู้ว่าน้องฮยอกเฮเป็นแค่ตุ๊กตา แต่ฮยอกแจไม่ยอมให้เด็กตัวกะเปี๊ยกนี่มาเป็นพ่อแทนเขาเด็ดขาด ใครจะไปยอมเดินตามสามีตัวเตี้ยๆ กันเล่า -.-
.
.
ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพชุดพละหลวมโครก นี่มันชุดพละของทงเฮ..แต่ตัวใหญ่ขนาดนี้กะซื้อเผื่ออนาคตรึไงก็ไม่รู้ ทงเฮเองตัวก็ไม่ได้โตไปกว่าเขาสักเท่าไหร่ จะใส่หลวมๆ ไปทำไมกัน
“อย่ามาเดินใกล้นะ”
“ทำไมอ่ะ”
“เหม็น..” พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ “T[]T!!!” คนตัวเล็กกว่าอ้าปากหวอทำท่าจะร้องไห้จนทงเฮกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว ไม่ว่ากี่ครั้งฮยอกแจก็โดนเขาแกล้งอยู่เสมอ
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเรียนของฮยอกแจ ทงเฮยืนพิงประตูห้องพลางมองตามร่างบางที่กำลังเดินไปเก็บของเข้ากระเป๋าท่ามกลางสายตาของรุ่นพี่ปีสามที่มองเขาเป็นตาเดียวกัน...บ้างก็ซุบซิบหัวเราะคิกคัก บ้างก็โบกมือให้...จะทำยังไงได้...ก็คนมันฮ๊อตนี่ครับ
อย่าได้ซีเรียสไป...ชอบนักล่ะไอ้เรื่องเช็คเรทเนี่ย...
“ฮยอกแจ! เร็วๆ ได้ไหมเนี่ย”
“รู้แล้วน่า~ รอก่อนไม่ได้รึไงเล่า” ฮยอกแจว่าพลางยัดหนังสือใส่กระเป๋าเมื่อถูกทงเฮเร่ง คยูฮยอนปรายตามองร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่สภาพผมเปียกชุ่มอยู่จนทำให้อดสงสัยไม่ได้
“ไปทำอะไรมาวะ”
“.......อาบน้ำ”
“อาบน้ำ?” เลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้ที่หายหัวไปเป็นชั่วโมงนี่คือไปอาบน้ำว่างั้น? คยูฮยอนปรายตามองจับผิดแต่เจ้าตัวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น
“อื้อ”
“แล้วอีคุณแม่ของมึงมันมายืนคันหูอะไรอยู่ตรงนั้น” คยูฮยอนชี้ใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าตรงประตูห้องก่อนจะเผลอสบตากับเด็กรุ่นน้องโดยไม่ตั้งใจแถมมันยังมีหน้ามายักคิ้วใส่อีก คยูฮยอนชูนิ้วกลางใส่คนที่กำลังปั้นหน้าปั้นตากวนตีนเป็นรางวัลทีนึงหากแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าตาเฉย
ไอ้เด็กเปรตนี่แม่งอ้อน...เดี๋ยวมึงเดี๋ยว...ตั้งแต่รู้ว่ามันไปไล่จีบพี่สาวเขาก็รู้สึกคันตีนจะแย่แล้ว ดูก็รู้ว่าไอ้เด็กนั่นมันเล่นๆ กับพี่สาวเขา...
แต่ที่แย่กว่านั้น...คือพี่อารากำลังหลงมันชิบหาย ไม่รู้มันมีดีอะไรนักหนา
“จะกลับแล้วนะ” ฮยอกแจว่าพลางกระชับกระเป๋าเป้ คยูฮยอนหรี่ตามองคนข้างๆ ก่อนจะโบกมือปัดๆ
“จะกลับแล้วเหรอวะ? เห็นเมียเด็กมายืนรอหน้าประตู” ร่างสูงหยุดยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนตัวบางพลางกอดคอเอาไว้
“ปากหมา!” เสียงประท้วงจากคนที่ถูกพาดพิงดังมาจากหน้าประตูห้อง ซีวอนกลั้นขำแทบไม่ไหว พอรู้มาบ้างว่าเด็กนั่นไม่ชอบให้ใครมาพูดอะไรอย่างนี้...แต่จะทำไมล่ะครับ...เตี้ยแบบนั้นผลักหัวทีก็หัวทิ่มแล้ว (สูงกว่าได้เปรียบ)
“อื้อ ไปนะ” ฮยอกแจพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ก็ถูกใครอีกคนจูงมือให้เดินออกไปจากห้องด้วยกัน ท่ามกลางเสียงแซวของเพื่อนๆ
.
.
“อะไรของแกเล่า” ฮยอกแจว่าพลางแกะมืออีกคนออก ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงบันไดทางลงที่เงียบสงบ นัยน์ตาเรียวจ้องมองคนตรงหน้าก่อนจะเบะปากน้อยๆ อย่างหมั่นไส้ นั่นทำให้ทงเฮต้องขมวดคิ้วเล็กๆ ไม่ชอบนะเว้ย อย่ามาทำหน้าอ้อยแบบนี้
“ทำหน้าแบบนั้นทำไม”
“ก็แกทำเหมือนคุณภรรยาที่ไล่ตามสามีกลับบ้านนี่นา ดูสิ แขนฉันเป็นรอยแดงเลย” ฮยอกแจว่าพลางชูข้อมือให้อีกคนดู จริงๆ ก็ไม่ได้ออกแรงสักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ อย่ามาทำเป็นสำออยเลย -_ -
“เบาๆ เองเถอะ แล้วใครสามีใครภรรยาพูดให้ดีนะ”
“ก็ฉันเป็นสามี แกเป็น...”
“หยุด!” พูดพร้อมเอามือปิดปากอีกคนพลางหันซ้ายขวากลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้า ไอ้พวกปลวกนักข่าวโรงเรียนยิ่งเรด้าระดับเทพอยู่ด้วย แค่เสียงตดแผ่วๆ แม่งยังได้ยิน...ถ้าเกิดฮยอกแจพูดพล่อยๆ ออกไปมีหวังพรุ่งนี้พาดหัวข่าวแต่เช้าแน่...
‘อีทงเฮ...คุณแม่คนสวยหึงโหด บุกเข้ากระชากสามีกลับบ้านด้วยอารมณ์โทสะโดยไม่แคร์สายตาสื่อมวลชน’ อะไรเทือกๆ นั้น...
ร่างบางกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะแกะมือหนาออกจากปากตัวเอง ริมฝีปากอิ่มยิ้มกว้างจนตาปิดนั่นทำให้อีกคนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง...
ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว.....
“กลับบ้านกัน...เอ๊ะ...ยังไม่เลิกเรียนเลยนี่นา...อีกตั้งชั่วโมงกว่าประตูจะเปิด” เอ่ยเสียงใสจนอีทงเฮต้องลอบถอนหายใจครั้งที่แสนแปด เกลียดจริงๆ เวลาฮยอกแจทำซื่อใส่แบบนี้ ถ้าจงใจตอแหลจะไม่ว่าอะไรสักคำ...แต่นี่...
“งั้นก็เลิกพูดได้แล้ว” ทงเฮขมวดคิ้วมองร่างบาง ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ยิ่งอยู่กับฮยอกแจยิ่งรู้สึกเสียเปรียบ แพ้ราบคาบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม...เออ...จริงๆ ก็ไม่ได้แข่งอะไรกันหรอก แต่โคตรรู้สึกหงุดหงิดเวลาตัวเองเป็นแบบนี้
“ทำไมไม่ให้พูดล่ะ” ถามพร้อมกับเดินตามหลังอีกฝ่ายไปต้อยๆ
“ไม่มีเหตุผล” เดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปข้างหน้า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน แต่ถ้าจะให้กลับเข้าห้องตอนนี้คงถูกอาจารย์เชิญออกจากห้องเป็นแน่...เพราะฉะนั้นคงต้องหาที่สิงสถิตจนกว่าจะเลิกเรียนสินะ...
หนึ่ง...ข้างสระว่ายน้ำ...ตรงนั้นมีร้านไอติมอยู่
สอง...โรงยิม...แถวนั้นไม่มีอะไรน่าดูนอกจากผู้ชายหุ่นล่ำๆ แลดูไม่น่าพิสมัย
สาม...หน้าโรงเรียน...มีม้านั่งกับยามหน้าเหี่ยวๆ สรุปแล้วไปนั่งแถวสระว่ายน้ำดีที่สุด
“แล้วให้พูดได้ตอนไหน”
โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!
“ไม่ให้พูดจนกว่าจะอนุญาต แล้วก็ไม่ต้องถามนะว่าเมื่อไหร่จะอนุญาต เงียบไปเลย” ทงเฮชี้หน้าคนตัวบางที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ ร่างบางพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินตามร่างหนาไป
ทงเฮนี่ชอบขึ้นเสียง ไม่เห็นทำตัวน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด ทงเฮตัวเล็กๆ ที่เคยเรียกฮยอกแจว่า ‘คุณพ่อ’ นั่นน่ารักกว่าตั้งเยอะ...หรือว่าทงเฮจะโดนใครเล่นของใส่กันนะ...อา...อยากถามทงเฮจังเลย แต่ว่าตอนนี้ทงเฮไม่ให้พูด...เพราะงั้นฮยอกแจก็จะไม่ถามแล้วกัน
.
.
ไอติมรสโคล่าลอยเด่นหราอยู่ตรงหน้า ฮยอกแจรับมันมาถือไว้พลางทำหน้างงเมื่อไอติมโคล่านั้นเหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว - -
“มองอะไร”
“ทำไมมันเหลืออยู่แค่นี้อ่ะ” พูดพร้อมกับชูไอติมครึ่งแท่งขึ้นมา ทงเฮปรายตามองขณะที่ตัวเองก็กำลังแทะไอติมแท่งรสวนิลาไปด้วย
สนุกนักที่ได้แกล้งอีฮยอกแจเนี่ย
“อ๋อ.......มันละเหยไปตอนถือมาน่ะ พี่ไม่เคยเรียนในคาบวิทยาศาสตร์เหรอไง” แถจนสีข้างถลอก ฮยอกแจขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะเพ่งมองไอติมแท่งที่เริ่มละลายหยดลงบนพื้น ไม่เคยได้ยินทฤษฏีนี้ที่ไหนมาก่อนเลยเลยในชีวิต
“เอ้า! รีบกินสิ เดี๋ยวก็ละลายหมดแท่งหรอก” เอาศอกสะกิดแขนเร่งอีกคน ฮยอกแจสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตากินไอติม พอเห็นอย่างนั้นคนขี้แกล้งก็ได้แค่เบือนหน้าหลบไปแอบหัวเราะเหมือนคนบ้า
.
.
เชื่อรึยัง?
ว่าปาฏิหาริย์มีอยู่จริง
ร่างบางหอบเอกสารกองมหึมาเลียบมาตามทางเดินอย่างลำบากหลังจากโดนสุภาพบุรุษสุดยอดเจนเทิลแมนอย่างซีวอนใช้ให้มาทำอะไรแบบนี้ทั้งที่ไม่ใช่งานของเขา แล้วประธานนักเรียนน่ะมันใช่เขาซะที่ไหนกัน เป็นส่วนหนึ่งของกรรมการนักเรียนก็ไม่ใช่แต่ดันโดนเฉดหัวใช้เยี่ยงทาสแบบนี้ ฮื่อ...
ตุ๊บ!!!
เพราะมัวแต่ใจลอยคิดไปเรื่อยเปื่อยเลยทำให้เดินชนคนอื่นเข้าโดยไม่ตั้งใจ...เอกสารนับร้อยฉบับลอยขึ้นอยู่บนอากาศก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดใครคนหนึ่ง...
“ค....คิ.....”
เกิดเป็นใบ้ขึ้นมาโดยฉับพลันเมื่อเห็นดวงหน้าหล่อที่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบ ร่างสูงระบายยิ้มอ่อนโยนพลางกระชับเอวบางเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหงายหลังล้มลงไป มือเรียวเกาะไหล่อีกคนเป็นหลัก ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆ ของร่างสูงลอยแตะจมูกเข้าให้
ไม่ได้ลามก...แต่ตัวคิมคิบอมหอมจริงๆ นะ T///////T
“อ่า...พี่...?”
คิบอมขมวดคิ้วน้อยๆ ในขณะที่กำลังเพ่งมองร่างบาง ไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบเลยว่าเวลาคิ้วขมวดแบบนี้แล้วมันน่ารักกว่าตอนทงเฮทำเป็นไหนๆ ฮยอกแจไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลยว่าคิบอมจำเขาได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ อีฮยอกแจจะบินให้ดู! T////T
“พี่น้ำถูพื้นกลิ่นเหม็นเน่าคนนั้น
” น้ำเสียงละมุนขัดกับประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกมา...ถ้าเป็นในการ์ตูนตอนนี้ฮยอกแจคงแตกเป็นเศษกระจกแล้วร่วงลงไปกับพื้นแล้ว...
ร่างสูงหัวเราะน้อยๆ นั่นยิ่งทำให้ร่างบางหมดความมั่นใจ รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ทั้งเขินที่อยู่ในอ้อมกอดคิบอม แล้วก็อายที่คิบอมดันจำเขาได้เพราะเรื่องเมื่อวานนี้
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
ร่างบางผละตัวออกอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบวิ่งหนีออกจากตรงนั้นด้วยความเร็วห้าร้อยไมล์ต่อชั่วโมง ร่างสูงมองตามแผ่นหลังบางที่หายลับไปตรงหัวมุมทางเดินก่อนจะก้มลงไปเห็นอะไรบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้น...
คิมคิบอมนั่งยองๆ ลงพลางปัดชีทกระดาษออกพร้อมกับหยิบมันขึ้นมา...สมุดพกสีดำนี้...ข้างในเป็นบัตรนักเรียน...อ่า...ของรุ่นพี่คนเมื่อกี้สินะ...ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะโยนสมุดพกทิ้งลงบนพื้นเหมือนเดิมอย่างไร้เยื่อใย นอกจากจะไม่คิดที่จะเก็บเอาไปคืนเจ้าของแล้ว...เขาเองก็ไม่คิดที่จะเก็บเอกสารที่กระจายอยู่บนพื้นเช่นกัน
มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่...และอีกอย่าง...
คิมคิบอมก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นพระเอกในขณะที่ไม่มีใครเห็น
ร่างสูงล้วงกระเป๋ากางเกงพลางเดินกลับเข้าห้องไปในขณะที่ใครอีกคนจะเดินออกมาจากห้องน้ำ ทงเฮยัดเสื้อเข้าในกางเกงก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังเพื่อนสนิทเดินเข้าห้องไปไหวๆ นัยน์ตาคมก้มลงมองบนพื้นที่มีกระดาษเอกสารกระจัดกระจายเต็มไปหมด
เวรกรรม...นั่นคงไม่ใช่พวกป้ายประกาศของพวกหนังสือพิมพ์โรงเรียนหรอกนะ
ว่าแล้วก็ก้มลงไปหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านแผ่นนึง...อ้าว...นี่มันเอกสารเกี่ยวกับงานกีฬาสีนี่หว่า...แต่เดี๋ยว...นั่นมันอะไร?
มือหนาหยิบสมุดพกที่วางอยู่ในกองกระดาษขึ้นมาเปิดดูก่อนจะตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่าไอ้กองเอกสารนี่ใครเป็นคนทำ...ทงเฮค่อยๆ รวบกองกระดาษเข้ามารวมกันก่อนจะเก็บสมุดพกสีดำขนาดเหมาะมือใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดูเหมือนว่าต้องเอาเอกสารพวกนี้ไปไว้ห้องประธานนักเรียนอย่างปฏิเสธไม่ได้
.
.
บางที
ปาฏิหาริย์อาจจะใช้ไม่ได้กับคนอย่างอีฮยอกแจ
“เอ้า! วิ่งเร็วเข้า! เป็นง่อยกันรึไงห๊า!” เสียงตะโกนประหนึ่งผู้พันสั่งทำโทษพลทหารเมื่อเห็นลูกศิษย์เอาแต่วิ่งเหลาะแหละเหมือนพวกลูกคุณหนูไม่ได้เรื่อง ให้ตายสิ...นี่หรืออนาคตของชาติ
ร่างบางนั่งไขว่ห้างพลางปรายตามองเด็กหนุ่มสาวที่กำลังวิ่งรอบสนามเทนนิสผ่านแว่นกันแดดสีดำพร้อมกับร่มในมือ...อาจารย์ประจำวิชาพละศึกษาแต่มองยังไงก็เหมือนกับพ่อค้าขายเสื้อแถวตลาดนัดซะมากกว่า ครูพละที่ไหนเค้านั่งกางร่มกันแบบนั้นบ้าง ไม่เคยจะลงสนาม เอาแต่สั่ง แถมแต่งตัวไม่เคยถูกคอนเซปการสอนอีก...ก็เสื้อเชิร์ตกางเกงเดฟกับรองเท้ากังฟูนั่นน่ะ...
“ชเวซีวอน”
“ครับนายท่าน” เอ่ยศัพท์นามที่ถูกบังคับให้เรียกพลางหยุดวิ่ง คยูฮยอนชะลอฝีเท้าลงพลางหรี่ตามองคนรักที่เสนอหน้าละเมียดยิ้มใส่ครูสอนพละ
ไม่ได้หึง แค่ไม่ชอบให้มันทำแบบนี้กับใคร - -+
พอหันไปข้างๆ เห็นอีฮยอกแจวิ่งเหยาะแหยะเหมือนคนลืมเอาวิญญาณมาแล้วก็นึกหงุดหงิดยิ่งขึ้นกว่าเดิม “เป็นไรของมึงวะฮยอกแจ” ผลักหัวคนตัวบางจนบ๊อบกระจาย ร่างโปร่งหยุดยืนกับที่พลางเท้าสะเอวหอบหายใจ นี่วิ่งรอบสนามห้ารอบแล้วมันยังไม่ยอมสั่งให้หยุดอีก จะให้กูวิ่งชิงแชมป์โลกหรือไง
“ฮึก...” นั่น...พอทักเข้าหน่อยก็เบะปากทันที ฮยอกแจหันไปข้างสนามเทนนิสที่มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับแปลงดอกไม้ แค่นั้นก็ทำให้คยูฮยอนถึงบางอ้อพอเห็นหน้าคิมคิบอมกับอีทงเฮกำลังพรวนดินกันอยู่
“มันคบกันแล้วเหรอ”
“จะบ้าเหรอ! คิบอมไม่มีทางคบกับทงเฮหรอกนะคยูฮยอน” เป็นครั้งแรกที่ไอ้แห้งอีฮยอกแจกล้าขึ้นเสียงกับโจคยูฮยอนผู้นี้...นี่มึงไปรวบรวมความกล้ามาจากไหนกูแซวเล่นแค่นี้เดือดเหรอ
“มึงหันไปดูมัน....ดูนะ....นั่นแหละอันตรายเลย...ตามนิยายรักที่มึงชอบอ่านไง คุณแม่ของมึงแม่งทำซึนไปงั้นแหละ จริงๆ แล้วมันอาจจะเล็งน้องคิบอมของมึงอยู่ก็ได้...” ป้องปากกระซิบพลางมองไปยังเด็กหนุ่มสองคนที่โดนพาดพิง ฮยอกแจส่ายหัวพรืดก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนสนิท
“ไม่หรอก ทงเฮบอกว่าจะช่วยเรานะ อีกอย่าง..ทงเฮยืนยันกับเราแล้วด้วยว่าเป็นเมะล้านเปอร์เซนต์”
“ถุด! กูขอถุยเป็นเวิร์บช่องที่สามทีเถอะ ถ้าไอ้เตี้ยของมึงเมะล้านเปอร์เซนต์งั้นกูก็เมะล้านของล้านเปอร์เซนต์แล้วว่ะ” ปากก็พูดกับฮยอกแจแต่สายตานั้นจับเรด้าไปยังร่างสูงที่ยังคงยืนหัวเราะกับครูสอนพละอยู่อย่างนั้น
ถ้ามึงจะห้าวหาญนอกลู่นอกทางต่อหน้าต่อตากูขนาดนี้น่ะนะซีวอน...
“อื้อ ทงเฮไม่โกหกเราหรอก”
“มึงมันหัวอ่อน”
พึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเถียงกับคยูฮยอน เถียงไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยชนะแถมถูกตอกกลับมาให้เจ็บใจอีก..อา..คิบอมดูน่ารักจังเวลาสวมผ้ากันเปื้อนพรวนดินเนี่ย.. -////-
เมื่อคืนทงเฮบอกว่าในคาบนี้ให้ยิ้มเยอะๆ เข้าไว้...แผนสองคือการใช้รอยยิ้มมัดใจหนุ่ม...เหมือนในละครเวลาพระเอกหันไปเจอนางเอกโดยบังเอิญ ฉากๆ นั้นใบไม้ปลิวไปเพราะกระแสลมและที่สำคัญ...นางเอกต้องกำลังยิ้มอยู่ด้วย...
แต่ปัญหาคือ...ฮยอกแจไม่ใช่คนยิ้มสวยนี่สิ...โดนล้อว่าเป็นไอ้แห้งเหงือกบานมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าควรปั้นหน้ายิ้มยังไงให้คิบอมสนใจ แล้วปัญหาใหญ่...คิบอมจะหันมาเห็นตอนไหน ฮยอกแจไม่ต้องเกร็งยิ้มตลอดเวลาเลยเหรอ T.T
“มาแล้ว”
“เรื่องของมึง” คยูฮยอนว่าก่อนจะเริ่มเดินไปข้างหน้าอีกครั้งในขณะที่เพื่อนคนอื่นยังคงวิ่งรอบสนามไม่หยุด ซีวอนเดินตามคนรักไปก่อนจะหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว...ชอบตอนคยูฮยอนหึงนี่แหละ...ซึนได้น่ารักที่สุด
“หึงเหรอ”
“มึงคิดว่ากูจะตอบยังไง” คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่เสร่อยิ้มอยู่ได้ นี่กูกำลังกริ้วอยู่นะครับ ช่วยสำนึกผิดบ้างก็ดี
“หึง~”
“ส้นตีน”
“น่ารัก”
“สาระแน”
ท่ามกลางสงครามประสาทของคู่รักฮาร์ดคอ ฮยอกแจตัวหดเหลือสองนิ้ว ก็รู้นะว่าสองคนนี้ไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ มีปากเสียงกันบ้างตามประสาคู่รัก
“ฮยอกแจ!”
ร่างบางหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อคนสองคนยืนอยู่ตรงรั้วข้างสนามเทนนิส
ทงเฮกับคิบอม!! T[]T!!!!
ร่างหนาถอยหลังหนึ่งก้าวพลางทำไม้ทำมือบอกให้ฮยอกแจยิ้มสักที ร่างบางมองคนที่ทำท่าประหลาดๆ สลับกับดวงหน้าหล่อของคนที่แอบชอบไปมาก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มฝืน
ขาเรียวเดินมาหยุดอยู่ข้างรั้วสนามอย่างคะเขินเมื่อถูกทงเฮกวักมือเรียก ไม่อยากจะเดินเข้ามาหรอกถ้าไม่เห็นสายตาของทงเฮเข้า จะดุกันไปไหน ทั้งเพื่อน ทั้งน้องข้างบ้าน T_T
“นี่ไง พี่ข้างบ้านที่กูเล่าให้มึงฟัง”
ฮยอกแจถึงกับหัวเราะแห้งๆ ไม่รู้ว่าทงเฮไปเล่าให้ฟังอีท่าไหนแต่พอเห็นสีหน้าของคิบอมแล้วก็พอโล่งใจขึ้นมาบ้าง...ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มราวกับเทพบุตรให้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อวานเขานั้นจะทำเรื่องน่าอายลงไปซ้ำสองก็ตาม
“สวัสดีครับ...พี่ฮยอกแจ”
T[]T!!!!...นั่น....ค...คิบอม....เรียกชื่อเขาใช่ไหม
“ส...สวัสดี...”
“บังเอิญจังเลยนะครับ”
อื้อ..บังเอิญมากๆ เลยด้วย..นึกอยากขอบคุณอาจารย์ที่จัดตารางสอนเทอมนี้จริงๆ T////T
“เราเจอกันครั้งที่สามแล้ว แต่ผมไม่มีโอกาสแนะนำตัวเองให้พี่รู้จักเลย...ผม...คิมคิบอมนะครับ”
ควรพูดอะไรดี ควรยืนท่าไหนดี ควรทำหน้าแบบไหนดี...ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ยืนคุยกันจะๆ แบบนี้...เล่นเอาพูดไม่ออกเลย
“อื้อ...-///-”
“ถ้าเจอกันคราวหน้า...พี่อย่าวิ่งหนีผมอีกนะครับ
” ร่างสูงพูดติดตลกหากแต่คนได้ฟังกลับรู้สึกราวกับตัวเองเป็นดอกทานตะวันที่ได้รับแสงแดดยามเช้า...จนแทบลืมไปเลยว่ามีบุคคลที่สามยืนเลี่ยนอยู่ข้างหลังร่างสูง
ไม่อยากแสดงอาการมากนัก เพราะกว่าจะหลอกหล่อไอ้คิบอมให้มายืนเสี่ยวข้าวเหนียวแดกตรงนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในเมื่อรับปากฮยอกแจไว้แล้วว่าจะช่วย อีทงเฮก็จะช่วย ไม่ใช่คนชอบผิดสัญญาอยู่แล้ว
ป่านนี้ฮยอกแจคงคิดไปไหนต่อไหนว่าเค้ามีใจให้ ที่คิบอมมันทำไปทุกอย่างนั่นก็แค่สัญชาติญาณผู้ชายกะล่อนชอบเช็คเรทก็เท่านั้น...ที่เรียกชื่อฮยอกแจออกไปได้ก็ต้องหันมาถามเค้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ชื่อก็ไม่ได้จำยากอะไรแต่แม่งเสือกลืม...แต่ยังดีที่มันยังจำเหตุการณ์ตอนเจอกันได้...ฮยอกแจถึงฟินนาเล่ไปโลกที่สี่ได้ขนาดนี้....
หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ฮยอกแจเดินตัวลอยกลับไป คาดว่าคิบอมคงพอใจกับท่าทีของร่างบางไม่น้อย มันก็ไม่แปลกหรอกครับ เช็คเรทแล้วได้ผลมันก็เป็นที่น่าพอใจเช็คเรทแล้วไม่มีใครสนใจจะทำไปเพื่ออะไรจริงไหมล่ะ ทงเฮหรี่ตามองเพื่อนสนิทที่กำลังเดินกลับเข้าแปลงสวนพลางกอดคออีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ ยังไงก็ต้องถาม Feedback ดูบ้างล่ะ
“ฮยอกแจเป็นไงบ้างวะ” สิ้นสุดคำถาม คิบอมถึงกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ดูเหมือนว่าทงเฮจะเชียร์เขากับพี่ชายข้างบ้านเสียจริง ไม่อยากพูดตัดน้ำใจเลย ไม่เคยเห็นทงเฮเชียร์ใครขนาดนี้มาก่อน...แต่ก็นะ...
“เป็นไง” ถามย้ำอีกรอบเมื่อยังไม่ได้คำตอบ นี่งานใหญ่ของกูเลยนะครับเพื่อน มึงช่วยสนใจกูบ้างนิดนึง เสื้อตัวนั้นใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ รับปากว่าจะช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด
ร่างหนามองใบหน้าคมที่เอาแต่อมยิ้มตามสไตล์พระเอกอย่างลุ้นๆ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายที่คิบอมจะชายตามองใคร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่มันจะเล่นด้วยเหมือนกัน...เคยคิดชั่วๆ ว่าให้คิบอมแม่งแกล้งทำเป็นเล่นด้วยแล้วปล่อยเซอร์ฮยอกแจก็ได้....แต่ไปๆ มาๆ แล้วไม่เอาดีกว่า...จู่ๆ ก็เกิดนึกสงสารขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ทำไมมึงดูสนใจกับเรื่องนี้จังเลยล่ะ?”
อ้าวไอ้เหี้ย มึงจะถามให้มันมากความทำไมวะ ตอบสั้นๆ ง่ายๆ ว่าโอเคหรือไม่โอเคนี่มันยากมากไงฟายเอ๊ย - - แม่งดีแต่เดินซุยอ่อยชาวบ้านไปวันๆ กูหล่อกว่ามึงยังไม่เช็คเรทบ่อยเท่านี้
มือแกร่งแกะมือเพื่อนสนิทออกจากไหล่ก่อนจะหันมายิ้มให้อีกครั้ง มึงไม่ต้องมายิ้มใส่กูครับ กูไม่หลงกลมึงเหมือนคนอื่นๆ หรอกพูดจริง -_-
“ก็เห่ยดี...” พูดจบก็เดินเข้าไปหาเฮนรี่ที่กำลังกวักมือเรียกให้ไปเช็คชื่ออย่างไม่ยี่หระ...อื้อหือ...ตอบทั้งที่ปั้นหน้าปั้นตาแบบนั้น ถ้าเกิดเขาเป็นฮยอกแจแล้วได้ยินประโยคนี้เข้าก็คงสะท้านเหมือนกัน
ต่อหน้าทำเหมือนจะดี...ลับหลังแม่งคนละเรื่อง
แต่ใช่ว่ามันจะเป็นครั้งแรกซะเมื่อไหร่ที่คิบอมทำแบบนี้ ถนัดนักล่ะไอ้เรื่องให้ความหวัง หยอดไปเรื่อยแต่ไม่จริงจังกับใคร มันบอกว่าความสุขของมัน ชอบให้คนอื่นหลงแต่ไม่คิดที่จะจริงจังกับใคร (แม่งทำพระเอกซีรี่ย์เกาหลี)
ทงเฮถอนหายใจน้อยๆ พลางหันกลับไปมองร่างบางที่ยืนหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆ ในสนามเทนนิส...โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นกลายเป็นไอ้เห่ยในสายตาเทพบุตรสุดหล่อไปแล้ว...
- มอย -
มาแล้วสำหรับคนที่รอคอยตอนสอง..
มันออกมาแบบเมาๆ เพราะแต่งตอนเมาๆ
ช่วงแรกยังคงไม่มีอะไร ค่อยๆ ลุ้นกันไปประหนึ่งซิทคอม (ก๊าก)
ฟิคเรื่องนี้เอาไว้อ่านฆ่าเวลาเถอะหรือไม่ก็ตอนไม่มีฟิคเรื่องไหนจะอ่านแล้ว
นี่พูดจริง
ความคิดเห็น