คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : มึงนั่นแหละที่ผิด!
Chapter 1
มึงนั่นแหละที่ผิด
เดินเข้ามาในมหาลัยท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่จับจ้องเขาทุกย่างก้าว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้โจคยูฮยอนคงคิดว่าเพราะตำแหน่งเดือนคณะที่เพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ ถึงทำให้สาวๆ มองตามจนคอแทบเคล็ด แต่ตอนนี้เห็นทีต้องคิดใหม่เขาชักจะหวั่นๆ กับสายตาคนเหล่านั้นขึ้นมาจนยากที่จะเดินเฉิดฉายเข้าไปใน ม. อย่างหยิ่งผยองจองหองเหมือนกับทุกครั้งได้...ยังต้องถามอีกเหรอครับว่าเพราะอะไร!
คว้ากระเป๋าสะพายข้างไปปิดสะโพกเพราะหลอนสายตาคนรอบข้างก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าไปในคณะให้เร็วที่สุด พอถึงใต้ตึกคยูฮยอนก็เดินไปหลบหลังเสาแล้วชะเง้อหน้ามองไปรอบๆ ดูว่ามีคนอยู่แถวนี้หรือเปล่า แม่งเอ๊ย! แล้วกูจะทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ทำมะเขืออะไรวะ หนำซ้ำยังเดินเอากระเป๋าปิดตูดแบบนี้อีก ทั้งที่บอกตัวเองว่ายังไงก็ไม่มีทางเสียตูดให้ไอ้ซีวอนแน่ล้านเปอร์เซนต์ถึงแม้ว่ากูจะปวดตูดมากจนเดินเหมือนคนขี้คาดากก็ตาม ไม่ดิ...จริงๆ แล้วเพราะสายตาคนพวกนั้นต่างหากที่ทำให้กูต้องเขวแบบนี้
คยูฮยอนสเต็ป : โทษทุกอย่างบนโลกใบนี้นอกจากตัวเอง
“ต๊ะเอ๋~”
“เหี้ย!!” สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงกระซิบแผ่วข้างใบหูชวนขนลุกซู่ พอหันไปก็พบกับหน้าตี่ๆ ของคนที่เกือบจะเรียกว่า ‘เพื่อนสนิทแล้ว’ ก็เลิกคิ้วมองอย่างหัวเสียก่อนจะฟาดฝ่ามือลงกลางกระบาลอีกคนไม่ยั้ง เชี่ยเอ๊ยคนยิ่งหลอนๆ อยู่
“โอ๊ยๆ มึงตีกูทำไมอ่ะ”
“มาไม่ให้สุ้มให้เสียง กูไม่ถีบตกบ่อปลาบึกก็ดีแค่ไหนละห่า”
“แหม...แค่นี้ทำขวัญอ่อนเหรอครับพ่อเดือนถาปัด” เฮนรี่กอดคออีกฝ่ายก่อนจะลากอีกคนออกมาข้างนอก คยูฮยอนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยืดอกเดินไปข้างหน้าทำตัวเหมือนปกติ งี้แหละครับโดนใครแซวไม่ได้ แม่งเป็นต้องแมนข่มใส่ทุกที
“กูนึกว่ามึงจะเมาค้างจนมาเรียนไม่ได้แล้วนะเนี่ย เออ...พี่ฮีชอลแกจ่ายล่วงหน้าให้มึงตั้งสองคืน กะว่ามึงสองคนคงเช็คเอาท์ตอนเที่ยงไม่ทัน ยังไงก็เอาเงินไปคืนแกด้วยล่ะ” พูดจบคยูฮยอนก็หันควับมามองหน้าอีกฝ่ายทันที
“ไอ้เหี้ยกูขอด่าทีเถอะ ไม่รู้ว่าอะไรเข้าฝันพวกมึงเหรอครับถึงได้จับกูไปยัดห้องเดียวกับไอ้เปรตนั่น?” แม่งรู้ทั้งรู้ว่ากูไม่ถูกกับมันยังจะทำแบบนี้อีก น่าจับมากระทืบเรียงตัวจริงๆ
“กูเปล่านะเว้ย เรื่องนี้เป็นความคิดของจ่าหมดเลย” เฮนรี่ยู่ปากพลางโบกมือปฏิเสธ โหแม่งน่ารักตายห่าแหละครับท่าทางแบบนั้น
“แทนที่จะจับกูกับมันแยกกันคนละห้อง เงินแค่ไม่กี่พันวอนออกให้ก่อนไม่ได้ไงวะ” ยังคงบ่นอุบอิบขณะเดินไปเรียนที่ตึกมนุษย์ คาบนี้ถ้าไม่ติดว่าสามหน่วยกิจกูจะหนีทหารแล้วนอนเปลือยดากอยู่หอให้สบายใจเฉิบ
“จ่าแกมีเงินอยู่แค่นั้น ทำไมวะ มึงทะเลาะกับมันเหรอ”
“ถ้าแค่ทะเลาะกันกูคงสบายใจกว่านี้ แม่ง”
“หรือว่าพวกมึงเผลอได้เสียเป็นเมียผัวกัน?” ประโยคนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับเสียงเดียวกันกับประโยคที่แล้วแต่ก็ทำให้คยูฮยอนหยุดชะงักยืนอยู่กับที่ เฮนรี่มองคนข้างๆ ที่จู่ๆ ก็ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นแล้วก็สงสัย
“มึงเป็นไรวะคยู”
“ห...โหยไอ้เหี้ย มึงพูดแบบนี้ได้ไงวะใครเดินผ่านไปมาได้เข้าใจผิดกูหมดดิ กูรักษาพิกเจ้อมาเป็นอย่างดีจนได้รับตำแหน่งเดือนคณะแล้วจะมาเสียตูดอะไรตอนนี้วะ ตลกป่ะสัด”
“กูยังไม่ทันนึกถึงเรื่องนั้นเลยนะว่าใครเป็นฝ่ายเสียตูดให้ใคร...” ตาตี่ๆ หรี่มองคนข้างๆ พร้อมกับยิ้มมุมปาก คยูฮยอนเห็นสายตาแบบนั้นแล้วก็รู้สึกใจไม่ดี
“เออ! งั้นมึงก็สำเหนียกได้แล้วว่าคนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้ามึงนี่ไม่มีทางพลาดท่าให้ไอ้เชี่ยนั่นแน่ๆ ล่ะ!” เผลอใส่อารมณ์มากเกินไปจนทำให้คนระแวกนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือบุคคลที่ถูกพาดพิง คยูฮยอนกวาดสายปรายตามองพลันหันไปเห็นไอ้โย่งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้นแล้วยิ่ง...
“ไอ้ชิบหาย...”
“Shift หายก็ไปซื้อคีย์บอร์ดใหม่สิ เอ้ออ~~”
ผั๊วะ!!
เฮนรี่กุมหัวตัวเองเมื่อถูกตบหัวอีกแล้วเป็นรอบที่สองของวัน แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้ถึงกับต้องลงไม้ลงมือ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าคนเป็นเพื่อนกำลังเพ่งมองไปที่ๆ หนึ่ง พอหันไปมองตามก็พบว่าเป้าหมายนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือคนที่คยูฮยอนพร่ำบอกเขาอยู่เสมอว่า ‘ไอ้เหี้ยนั่นอ่ะ อริหมายเลขหนึ่งของกูเลย’
“มึงสื่อสารกันทางสายตาเหรอวะ”
“ไป” พูดกับเฮนรี่แต่สายตายังคงจ้องมองใครอีกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ตึก มือเรียวดันหลังเพื่อนชาวจีนไปข้างหน้าก่อนจะเดินตามไปติดๆ ทำเป็นไม่สนใจแม่งดีกว่าครับเดี๋ยวมันหาว่าเราร้อนตัว คนที่ร้อนตัวคือคนที่เสียหาย เพราะฉะนั้นคนที่ไม่เสียอะไรอย่างผมต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสิ
.
.
มองตามโจทย์ที่เพิ่งเป็นประเด็นสดๆ ร้อนๆ กันเมื่อเช้าจนลับสายตาไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาจนแทบหมดปอด ทำไมต้องรู้สึกอึดอัดเวลามองหน้าโจคยูฮยอนด้วยวะ ทั้งๆ ที่ชเวซีวอนก็มั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางพลาดท่าเสียเอกราชให้ไอ้ขี้เก๊กนั่นแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้โดยที่ไม่ลุกไปไหนมาไหนมาเกือบชั่วโมงแล้ว
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
ก็เพราะท่าเดินของเขามันแปลกๆ เพราะปวดสะโพกนี่ไงล่ะ...
แม่งก็เหี้ยตรงนี้...
“อรุณสวัสดิ์เช้าวันสดใสครับเพื่อน” ใครอีกคนหยัดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามที่มาพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมฉุนๆ ที่มันตั้งใจฉีดมาเยอะกว่าวันปกติ ซีวอนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่ปัจจุบันกำลังยิ้มหน้าปลาดูสุขเกินเหตุจนเกิดคำถาม
“สดใสมาก มึงช่วยดูเหง้าหน้ากูก่อนก็ดีนะ” ร่างสูงชี้หน้าตัวเองขณะจ้องหน้าเพื่อนสนิทอยู่ “ทำไม มีอะไรดีๆ เหรอไงวันนี้?”
“ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว...” ทงเฮป้องปากพูดก่อนจะขยิบตาให้ซีวอน
“พูดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วกูก็มีเรื่องจะเคลียร์กับมึง งั้นกูจะเปิดให้โอกาสมึงเพ้อก่อน”
“คืองี้...เมื่อคืนกูไปส่งฮยอกแจที่บ้านมา ได้จับมือด้วยนะเว้ยคือมือฮยอกแจนุ่มนิ่มมาก...” ท่าทางลัลล้าจนอยากถีบให้ตกเก้าอี้นั่นทำให้ซีวอนแค่นหัวเราะ อยากถามจริงๆ ว่ามือของฮยอกแจจะนิ่มเท่าตีนกูไหม...แม่งหนีไประเริงกับเมียคนอื่นแล้วทิ้งให้กูได้กันกับผัวเขานี่นะ ระยำสัดๆ ครับอีทงเฮ
“มึงได้จับมือเขาอย่างเดียว?”
“เออดิ เริ่มแรกมันต้องแบบนี้ก่อนอยู่แล้วป่ะ กูไม่อยากออกตัวแรงไงครับเพื่อน ฮยอกแจเขาไม่ชอบพวกรุ่มร่ามกูไปสืบมาแล้ว”
“งั้นมึงก็น่าจะรู้ว่าผัวฮยอกแจแม่งโคตรแฮ่ดและกวนส้นตีนมาก เผลอๆ อาจจะตีนหนักด้วยนะ”
“เรื่องของมันดิ กูจีบฮยอกแจไม่ได้จีบมันนี่”
“ก็เหี้ยตรงนี้แหละครับ” ซีวอนปิดหนังสือก่อนจะประสานมือบนโต๊ะแล้วเพ่งมองอีกคนอย่างจริงจัง
“มึงพูดจบแล้วใช่ไหม”
“เออ นอกนั้นก็มีแต่เรื่องเวิ่นล้วนๆ แหละ”
“คราวนี้ตากูแล้วนะ มึงเตรียมใจให้ดี” นิ้วเรียวยาวชี้หน้าเพื่อนสนิทอีกทั้งแววตาคาดโทษกรายๆ หากแต่อีทงเฮหรือจะรู้ตัว
“จัดมาครับ”
“เมื่อคืนมึงรู้ไหมว่ากูต้องพบเจออะไรบ้าง?”
“พบอะไร”
“กูแม่งเมาหัวทิ่มน่ะสิครับสัด ไม่มีใครหามกูไปส่งบ้านเลยสักคนเดียว พี่ระห่งพี่รหัสหายหัวกันไปไหนหมดก็ไม่รู้”
“อ้าวสรุปนี่เมื่อคืนมึงเมาเหรอวะ ตอนกูออกไปส่งฮยอกแจยังเห็นมึงกับบักเสี่ยวจับยกแข่งกันอยู่เลย นึกว่าจะคอแป๊ปซะอีก” ชื่อบักเสี่ยวนี้มันมีที่มาครับ อีทงเฮได้มาจากเพื่อนสนิทที่แก่กว่าห้าปี มันเป็นคนพูดเหน่อแต่เสือกบ้านรวย พ่อแม่ซัพพอร์ทให้เรียนปีละคณะจนอายุจะเท่ายามคนใหม่หน้า ม. แล้ว
“แป๊ปเดียวอ่ะดิแม่ง แถมตื่นมายัง...” ริมฝีปากหยักพูดต่อไม่ออกเมื่อภาพทุกอย่างมันประมวลผลเข้ามาในสมอง ไม่ใช่ละ...เขาจะหลุดปากพูดมันออกไปไม่ได้
“ยังอะไรวะ เออพูดถึงตอนตื่น เมื่อเช้ากูโทรหามึงแต่บักเสี่ยวแม่งเป็นคนรับ ได้ไงวะ?”
“เปล่า เข้าเรียนเถอะ” ร่างสูงพูดตัดบทพร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะคว้ากระเป๋าและหนังสือขึ้นมา จะอธิบายให้มันฟังไปก็ไร้ค่า คนขี้เสือกอย่างมันคงยากที่จะเข้าใจไปในทางที่ถูกต้อง ทงเฮมองเพื่อนสนิทแล้วก็ลุกขึ้นเดินตาม แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นซีวอนเดินกุมสะโพกแล้วบิดตัวไปมา...
“เฮ้ยเพื่อน”
“หืม?” ใบหน้าคมหันมามองอีกคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เห็นทงเฮมองๆ ส่วนล่างของเขาแล้วก็รู้สึกผวาขึ้นมาซะอย่างนั้น
“อื้อหือ...ซุ่มนะมึง~” ทงเฮหรี่ตามองจับผิดก่อนจะชกแขนล่ำๆ ของร่างสูงพร้อมกับยกยิ้มกว้าง
“ซุ่มอะไรมึง”
“เมื่อคืนหนักเลยอ่ะดิ?” พอจะจับต้นชนปลายได้บ้างแล้ว บักเสี่ยวรับโทรศัพท์แทน ไหนจะอาการปวดเอวของเพื่อนเขาอีก
“เออ หนักชิบหาย แทบลุกจากเตียงไม่ไหวเลยล่ะ” เมาจนจำอะไรไม่ได้เลยก็คิดดูเอาเองแล้วกันครับหนักไม่หนัก
“เยด...หนักหน่วงกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ทงเฮแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง จ้องมองซีวอนด้วยความยกย่อง มึงนี่มันสุดยอดจริงๆ ว่ะเพื่อน ล่อได้แม้กระทั่งผัวคนอื่นแบบนี้ นี่แหละยอดเมะของแท้
“หรือว่าเมื่อคืนมึงกับบักเสี่ยว?” ได้กันวะ...
“มึงอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหม? แม่ง” เออ กูกับมันเมาปลิ้นเหมือนหมาข้างถนนกันทั้งคู่ไงล่ะ
“เยดเข้...”
.
.
“แล้วเมื่อคืนฮยอกแจกลับตอนไหนวะ” พอเดินออกจากลิฟท์ก็ถามหาคนรักที่เมื่อคืนทิ้งเขาไว้ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยว ไม่เคยจะสนใจกันหรอกครับว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงถ้าเกิดฮยอกแจอยู่เขาคงกลับไปค้างด้วยกันได้ อย่าให้เจอนะ จะงอนไม่พูดด้วยสามวันเลย
“กลับไปตอนที่มึงกำลังจูบโต๊ะ แล้วไอ้คนที่ชื่ออีทงเฮไปส่งที่บ้านน่ะ”
“ห๊ะ!!!”
“เห็นบอกว่าปวดหัวอะไรสักอย่างนี่แหละ”
“ได้ไงวะ! ทำไมมึงไม่บอกกู? ไอ้เหี้ยเอ๊ย แล้วมึงก็ปล่อยให้แฟนกูไปกับไอ้เตี้ยนั่นเนี่ยนะ!”
“กูบอกมึงแล้วนะเว้ย ตอนนั้นฮยอกแจก็มานั่งเขย่าๆ จะให้มึงกลับด้วยแต่มึงเสือกปัดมือเขาออกแถมยังพูดอีกว่า ‘บ้านกลับวันไหนก็ได้เว้ย อยากกลับก็กลับเองเด่’ ” ประโยคหลังเจ้าตัวจงใจเลียนเสียงคยูฮยอนตอนเมาจนเจ้าตัวพูดไม่ออก
“ก...กูพูดแบบนั้นจริงเหรอวะ...” ลดระดับเสียงลงพร้อมกับเพ่งมองหน้าตี่ๆ เฮนรี่พยักหน้าหงึกก่อนที่คยูฮยอนจะตบหน้าผากตัวเอง กูว่าไม่ใช่แล้วล่ะ คนที่จะถูกงอนนั่นมันกูชัดๆ
“เดี๋ยวกูมา”
“รีบกลับมานะเว้ย พี่ปีสองเค้าจะมาคุยเรื่องการแสดงวันประกวดดาวเดือนมหาลัยกับมึงอ่ะ”
“บอกให้รอไปก่อน ถ้าแค่นี้รอไม่ได้ก็บอกให้หาเดือนคนใหม่ที่หล่อกว่ากูมาแทนแล้วกัน (ซึ่งมันไม่มี คุคุ)” พูดจบก็กดลิฟท์ลงไปชั้นหนึ่งอีกครั้ง เมื่อกี้เห็นซีวอนยังนั่งอยู่ข้างล่าง คาดว่าสักพักแฟนเขาก็คงมาถึง จำได้ว่าวันนี้ฮยอกแจเรียนชั้นแปดส่วนเขาเรียนชั้นห้าเพราะเคยไปส่งที่รักเข้าเรียนอยู่ตั้งหนึ่งครั้งถ้วน
วิ่งออกจากลิฟท์แล้วหักเลี้ยวโค้งด้วยความเร็วแต่ก็ต้องเบรคกระทันหันแล้วยืดอกทำตัวให้เป็นปกติพลางวางมือบนกำแพงเมื่อที่รักของเขากำลังเดินมากับไอ้เตี้ยหน้าปลานั่น
“ตัวเองอันนยอง~” ยิ้มหล่อพร้อมโบกมือระดับไหล่ให้คนรักแต่อีกฝ่ายกลับทำหน้านิ่งราวกับไม่เห็นเหง้าหน้าและเสียงอ้อล้อของเขา
“เฮ้ยตัวเอง” คว้าข้อมือเล็กเอาไว้เมื่อฮยอกแจทำท่าจะเดินสวนไป จะเกินไปแล้วนะเว้ย! ทำเป็นเมินกูแล้วเดินไปกับไอ้เชี่ยนั่นหน้าตาเฉยได้ไง มันจะหักหน้ากันไปละทูนหัว...ฮยอกแจก้มลงมองข้อมือตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างหน่ายๆ
“เค้าขอคุยด้วยหน่อยดิ”
“....................”
“ตาม – ลำ – พัง” ประโยคนี้ดูเหมือนจะพูดกับส่วนเกินอย่างอีทงเฮซะมากกว่า แม่งไม่รู้จักคำว่ากาละเทศะหรือไงวะ แฟนเขาจะเคลียร์กันมายืนหัวโด่อะไรตรงนี้
“เราไม่มีอะไรจะคุยกับนาย” พูดจบก็แกะมืออีกคนออกอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในตัวลิฟท์ คยูฮยอนยืนตาเหลือกกับประโยคที่ได้ฟังเมื่อครู่ในขณะที่อีทงเฮได้เพียงแค่กลั้นขำจงใจให้บักเสี่ยวโจคยูฮยอนได้เห็น
นะ...นั่นมันอะไรกัน...สรรพนามที่ฮยอกแจเรียกกูน่ะ
“เฮ้ยๆ รอก่อน” ซีวอนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำรีบวิ่งมาหยุดหน้าประตูลิฟท์แต่ก็ช้าเกินไป ดูเหมือนว่าฮยอกแจจะทนมองเหง้าหน้าโจคยูฮยอนต่อไปไม่ไหวถึงได้รีบกดปิดลิฟท์หนีเขาไปแบบนี้
“เฮ้ย!” แล้วกว่าลิฟท์แม่งจะลงมานะครับ คือจอดรับอีพวกเพิ่งเรียนเสร็จแทบจะทุกชั้น แล้วนี่ก็เกือบถึงเวลาเข้าเรียนแล้วด้วย
“ตัวเองใจร้าย..............” ได้ยินประโยคแสลงหูแล้วก็เอี้ยวหน้าหันกลับไปมองใครอีกคนที่ยืนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่ข้างหลัง แม่งยืนพึมพำอยู่คนเดียวกูนึกว่าคนขายของเถื่อนในเกม DotA
ซีวอนได้แต่ถอนหายใจแล้วเงยหน้าขึ้นมองหมายเลขที่ค้างเติ่งอยู่ที่ชั้นสิบสอง โชคดีเหอะครับกว่าจะลงมาถึงข้างล่างกูคงได้เข้าสายพอดี แล้วไอ้ลิฟท์อีกตัวก็เสือกเสียอีก เจริญ เติบโต งอกงามตรงนั้นเลยทีเดียว เอาวะ...ขึ้นบันไดก็ได้คิดซะว่าว่าออกกำลังกาย
“มึง” ยังไม่ทันจะก้าวขาออกร่างสูงก็ถูกคว้าแขนเอาไว้ ซีวอนหันไปมองเจ้าของมือนั่นที่กำลังทำหน้าเหมือนคนกำลังจะเป็นจะตายอยู่
“อะไร”
“ฮยอกแจงอนกู...”
“เอ้า...แล้วมาบอกกูทำไมล่ะครับ?” ซีวอนแค่นหัวเราะ เออว่ะ...มึงไม่วิ่งประกาศทั่วมหาลัยเลยล่ะว่าถูกแฟนงอน แม่งบ้า
“บอกดิ มึงต้องช่วยอธิบายให้ฮยอกแจเข้าใจนะว่าเมื่อคืนกูเมา”
“หืม? คือไม่ใช่ธุระของกูไงครับ I’m so sorry it’s not my business.”
“ซอรี่พ่อง ไม่ใช่ธุระของมึงตรงไหนกูถามหน่อย ได้ข่าวว่าเมื่อเช้ามึงก็ตื่นมาพร้อมกูอ่ะ ไม่รู้แหละไม่ว่าฟ้าจะผ่า หมาจะออกลูกเป็นลิงมึงก็ต้องช่วยกู” คยูฮยอนเดินตามใครอีกคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปอย่างหัวเสีย แม่งไม่เคยจะมีน้ำใจหรอกครับคนเรา ดึงแขนร่างสูงให้หันกลับมาคุยกันดีๆ พอเห็นอย่างนั้นซีวอนก็นึกหงุดหงิดแล้วถอนหายใจออกมา
“เหตุผลอะไรที่กูต้องช่วย กูว่าเรื่องของเรามันควรจะจบไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ”
“...................” <- ฮยอกแจ
“...โอ๊ะโอ” <- ทงเฮ
“ตัวเอง...” คยูฮยอนอุทานพร้อมกับเบะปากมองหน้าคนรักที่ยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของบันไดชั้นห้าชั้นที่เขาต้องเรียนคาบนี้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกเข้าใจผิดไปไหนต่อไหนกับประโยคเมื่อครู่ (หรือเข้าใจถูกแล้วก็ไม่รู้) พอเห็นสายตาฮยอกแจแล้วก็ต้องก้มลงมองมือตัวเองที่พันธนาการแขนอีกคนอยู่ก็รีบชักออกอย่างเร็วราวกับโดนของร้อน
“เรื่องเมื่อเช้ามีอะไรกันเหรอ”
“เรื่องเมื่อเช้า...” ถามน้ำเสียงนิ่งจนคนได้ยินกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อจู่ๆ ก็นึกไปถึงสภาพไอ้หอกซีวอนนั่งเปลือยอยู่บนเตียง จะให้ตอบว่ายังไงดีล่ะ ปกติกูเป็นคนแถเก่งนะแต่ทำไมตอนนี้กูถึงแถไม่ออกก็ไม่รู้ orz
“เมื่อเช้าเราทะเลาะกันนิดหน่อยน่ะ พอดีว่าเมื่อคืนคยูฮยอนเมาแล้วอ้วกแตกก่อเรื่องไม่หยุดเลย” เป็นซีวอนที่ออกตัวให้ก่อน ใบหน้าหล่อตอบด้วยสีหน้าปกติไร้ซึ่งพิรุธนั่นทำให้ฮยอกแจโอนอ่อนลงมาบ้าง คยูฮยอนมองหน้าคนข้างๆ แล้วก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง นี่ซีวอนมันกำลังแก้ตัวให้เขาเหรอ
“อ...เออใช่...เมาหัวทิ่มเลย ที่รักก็รู้ใช่ป่ะว่าเวลาเมาเค้าเรื้อนแค่ไหนอ่ะ”
“ดูเหมือนว่าคยูฮยอนมีเรื่องจะคุยกับนายนะฮยอกแจ” ซีวอนเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับตบบ่าร่างบางเบาๆ
“......................”
“ฮยอกแจอ่า...” คยูฮยอนยู่ปากมองหน้าคนรักที่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีทงเฮที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆ ซีวอนแม่งทำตัวเป็นพ่อพระทำไมวะ ให้มันโดนฮยอกแจนอยแดกใส่แบบนี้ก็ดีแล้ว
“งั้นนายสองคนไปเข้าเรียนก่อนนะ” ร่างบางพูดพร้อมกับเดินลงมาหาคนรัก คยูฮยอนฉีกยิ้มกว้างในขณะที่คนข้างๆ เอาแต่ส่ายหน้าหน่ายๆ
อย่างกับเด็ก...
“ไปเถอะ” ซีวอนกอดคอทงเฮที่ยืนทำหน้าหงิกอยู่ตรงนั้นให้เดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน ปล่อยให้ตัวปัญหาได้สะสางเรื่องตัวเองจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเขาอีก
.
.
“ตัวเอง”
“อื้ม” ฮยอกแจหันไปมองหน้าคนรักที่นั่งทำหน้าคิดไม่ตกอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขายอมโดดเรียนมานั่งกับคยูฮยอนข้างบ่อน้ำพุหน้าคณะมนุษย์ศาสตร์หลังจากโดนง้อไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วก็ใจอ่อน
“เค้าถามอะไรหน่อยดิ”
“หลายอย่างก็ได้นะ” ฮยอกแจหัวเราะเบาๆ ในสายตาเขาคยูฮยอนก็เหมือนกับเด็กน้อยขี้สงสัยคนหนึ่ง
“ครั้งแรกอ่ะ” คยูฮยอนหันมามองคนรักด้วยสายตาจริงจัง เท่านั้นไม่พอยังเอี้ยวตัวหันเข้าหาคนรักด้วยเพื่อความสมจริงอีก
“เจ็บมากไหม?”
ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ความสงสัยในหัวโจคยูฮยอนมันสร้างคำถามโง่ๆ นี่จนเขาแทบจะประสาทแดก ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเป็นฝ่ายรับ เป็นฝ่ายกระทำมาตลอดเลยอยากรู้ว่าความเจ็บปวดในครั้งแรกมันเป็นยังไง จริงอยู่ที่เขาเคยเปิดซิงมาหลายคนแต่ตอนแรกก็แค่ร้องๆ สักพักก็ครางเสียงหลงแล้ว แต่เขาไม่รู้นี่หว่าว่าไอ้อาการเจ็บสะโพกแบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ถ้าเกิดจะพลาดท่าจริงๆ แล้วที่ไอ้ซีวอนมันเจ็บตูดล่ะ? หรือว่าคืนนั้นแม่งผลัดกันวะ orz
“ครั้งแรกก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว ตัวเองถามทำไมอ่ะ”
“โถ...เค้าทำที่รักเจ็บเหรอ มามะ...เค้าจะเป่าขมับเรียกขวัญให้นะ” พูดพร้อมกับโอบใบหน้าคนรักเข้ามาใกล้ ทำท่าจะจูบเหม่งแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคที่ยิ่งกว่าโดนพี่ฮีชอลกำตดใส่หน้า
“คือครั้งแรกของเค้าไม่ใช่กับตัวเองอ่ะ”
( ̄(エ) ̄)
สเต็ปที่ 1 : ผละตัวออก
สเต็ปที่ 2 : จ้องหน้า
สเต็ปที่ 3 : เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม แสดงสีหน้าไม่พอใจ
“ตัวเองโกรธเหรอ น่า~ ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักกันเลยนี่นา” มึงจะบอกว่ามึงแรดมาตั้งนานแล้วสินะ! แหม...ทีครั้งแรกตอนมีอะไรกันล่ะร้องเหมือนโดนเสกหนังควายเข้าท้องทีงี้มาบอกไม่ใช่ครั้งแรก ถุ้ย!
“ก็ดูตัวเองดิ ตอนที่เรามีอะไรกัน ตัวเองก็บอกว่าเจ็บอ่ะ!”
“ก็มันเจ็บจริงๆ นี่ คนเราพอขาดเรื่องนี้ไปนานๆ ก็ต้องมีบ้างอ่ะ มันรู้สึกเหมือนครั้งแรกที่มีอะไรกันไง เจ็บพอๆ กันนั่นแหละ”
“โหย! จริงๆ มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นหรอก ก็ยังเดินเหินได้ตามปกติเถอะ!” คยูฮยอนเลิกคิ้วเถียงคนรักอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่รู้ว่าโมโหเรื่องเขาไม่ใช่คนแรกของฮยอกแจหรือเถียงเรื่องความเจ็บปวดหลังโดนเปิดซิงกันแน่
“ตัวเองโมโหอะไรเค้าเนี่ย T_T”
“ไม่ได้โมโหเว้ย!”
“ถามเค้าเองแท้ๆ แล้วตัวเองก็มางอนแบบนี้น่ะเหรอ -______-” ฮยอกแจเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่ออ่อนให้ก็แล้วไอ้หอกนี่ยังริอาจมาใส่อารมณ์ใส่เขาอีก เดี๋ยวเหอะ...เดี๋ยวจะขุดเรื่องที่คยูฮยอนงี่เง่าเมื่อคืนมางอนอีกรอบ
“งอนบ้าไร มีแต่ตุ๊ดเท่านั้นแหละที่ชอบงอน”
“อ๋อ นี่ตัวเองกำลังจะด่าว่าเค้าเป็นตุ๊ดใช่ป่ะ ทีตัวเองงอนเป็นเคะเค้ายังไม่เคยพูดเลยนะ!”
“ว่าไงนะ? เคะประเทศไหนมันทำให้ตัวเองครางได้ขนาดนั้นวะ งั้นก็เชิญนั่งอ่อยเมะอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องไปไหนนะ” คยูฮยอนยึ๊กใส่จนฮยอกแจสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรก็หาความอ่อนโยนจากคยูฮยอนไม่ได้อยู่แล้ว วันนี้มันไปกินอะไรมาถึงได้โหดร้ายกับเขาเช่นนี้ กะอีแค่เรื่องไม่ใช่คนแรกเองนะ
.
.
บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
แกร่กๆ
นั่งเกาตีนรอใครบางคนเรียนเสร็จ เกาจนไม่รู้จะเกาตรงไหนแล้วไอ้เวรนั่นก็ยังไม่เลิกเรียนสักที เดินไปซื้อโค้กมานั่งดูดจนหมดเกินครึ่งขวดคนที่รออยู่ถึงเดินออกมาจากประตูลิฟท์โดยมีไอ้ง่าวหน้าปลาเดินขนาบข้างมาด้วย แม่งก็หมั่นหน้ามันทั้งคู่นะครับ แต่ดีที่ว่าผมทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว จะลดตัวเป็นฝ่ายเข้าไปหามันก่อนก็ได้
ว่าแล้วก็เดินไปขวางทางร่างสูงพร้อมกับก้มหน้าลงยกมือปรามข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงกระเป๋ากางเกง เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแฮ่ดๆ ประหนึ่งพวกพระเอกขี้เก๊กในซีรี่ย์เกาหลีก่อนจะเหล่มองไอ้เตี้ยข้างๆ
“มึงเรียนเสร็จแล้วสินะ กูมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ฮยอกแจล่ะ?” เป็นไอ้เตี้ยที่ถามขึ้นมาก่อน คยูฮยอนหันควับไปมองทันทีด้วยสายตาเคืองๆ
“แฟนกูจะไปไหนแล้วมึงยุ่งอะไรด้วย ไปที่ชอบที่ชอบไป๊”
“กูถามดีๆ เหอะตอบดีๆ สักครั้งหมามันคงไม่หลุดออกมาจากปากมึงหรอกมั้ง”
“กูก็ตอบเหี้ยๆ เหมือนกัน กูมีธุระกับไอ้ซีวอนไม่ได้มาเพื่อตอบคำถามมึง โอเคนะ ตามนั้น”
“แต่กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงว่ะ” ซีวอนตอบหน้าตาเฉยซึ่งมันโคตรจะหักหน้าเขาเสียนี่กระไร คยูฮยอนคิ้วกระตุกก่อนจะเผยยิ้มออกมาเป็นเชิงสงบสติอารมณ์ กวนตีนทั้งคู่เลยนะครับ กูไม่สงสัยเลยที่พวกมึง make friend กันได้
“ต้องคุย”
“ทำไมกูต้องทำตามที่มึงสั่งด้วย?” ร่างสูงแค่นหัวเราะกับความเอาแต่ใจของคนที่เขาเหม็นขี้หน้ามานาน
“ถ้ามึงไม่คุย กูจะเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ไอ้ง่าวนี่ฟัง” พูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าไอ้เตี้ยนั่นเพราะอย่างไอ้ซีวอนมันคงไม่กล้าเล่าเรื่องน่าอับอายแบบนี้ให้คนปากโทรโข่งอย่างไอ้เตี้ยนี่ฟังแน่ ทงเฮขมวดคิ้วมองทั้งคู่ด้วยความไม่เข้าใจ หรือว่าบักเสี่ยวมันจะมาขอให้ไอ้ซีวอนรับผิดชอบ!
“เฮ้ยมึง...ไปคุยกับมันเหอะ” จริงครับ ยุให้มันไปคุย เผื่อมันตกลงปลงใจเป็นผัวเมียกันอีทงเฮผู้นี้จะได้คาบฮยอกแจไปแดกได้ง่ายๆ
“มึงนี่เรื่องมากว่ะ ข้าวก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าและตอนนี้กูหิวมาก” ซีวอนตอบด้วยความหัวเสีย เรียนมาเหนื่อยๆ อยากจะหาอะไรอร่อยๆ ลงท้องบ้างแต่ก็ต้องมาเจอไอ้นี่อีก
“ก็ไปด้วยกันดิ กูจะยอมทนแดกข้าวร่วมโต๊ะกับมึงสักวันก็ได้”
“ไปดิ” ทงเฮตบหลังเพื่อนสนิทปุๆ ยุยงสุดฤทธิ์ ซีวอนได้แต่หันมามองหน้าไอ้เพื่อนทรยศที่แม่งไม่ได้รู้สถานการณ์ห่าเหวอะไรเลยสักอย่าง
.
.
“มึง”
“....................”
“เงยหน้าขึ้นมาคุยกับกูก่อนดิ แดกอยู่ได้” พูดพร้อมกับตบหัวอีกคนดังป๊าบ! ซีวอนเงยหน้าขึ้นมามองคยูฮยอนด้วยอารมณ์พุ่งปรี๊ดก่อนจะตบหัวกลับทันที
ชเวซีวอนไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวนะครับ...
“ต้องให้ใช้กำลังอ่ะ แล้วกูตบหัวมึงเบาๆ เองนะแม่งเล่นซะสมองกูสะเทือนแล้วมั้งเนี่ย” คยูฮยอนลูบหัวป้อยๆ พลางมองคนตรงหน้าที่มองคาดโทษเขาอยู่
ถ้ามันหันมาคุยกับผมดีๆ แต่แรกก็จบแล้วไงครับ สงสัยแม่งชอบให้ใช้กำลัง - _-
“มีอะไรก็พูดมา”
“เมื่อกี้กูทะเลาะกับฮยอกแจอีกแล้วว่ะ”
“.....................” ซีวอนถอนหายใจเมื่อได้ยินประโยคที่สุดแสนจะน่ารำคาญ ทะเลาะกับแฟนแล้วเกี่ยวกับเขาตรงไหน คงไม่ได้มาขอให้ไปช่วยพูดกับฮยอกแจหรอกนะ
“นี่ซีวอน...มึงยังเจ็บตูดอยู่หรือเปล่าวะ?” คยูฮยอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกัยลดน้ำเสียงลงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน ซีวอนหันซ้ายหันขวาแล้วหันมาสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ทำไม มึงยังปวดอยู่เหรอไง?”
“ปวดดิเหี้ย...แม่งระบมไปหมดแล้วมั้งเนี่ย กูนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยมึงดูดิ” พูดพร้อมกับสะกิดอีกคนแล้วยกสะโพกขึ้นจากเก้าอี้หวังจะให้ร่างสูงดู ซีวอนดันไหล่คยูฮยอนให้นั่งลงกับที่แล้วหันไปมองรอบข้างอีกครั้ง
“มึงช่วยเก็บอาการบ้างก็ดีนะ แค่มึงกับกูสองคนมานั่งด้วยกันแบบนี้ก็ตกเป็นเป้าสายตาแล้ว”
คยูฮยอนหันไปมองรอบข้างอีกครั้งก็พบว่านักศึกษาชายหญิงมากมายต่างมองเขาเป็นตาเดียวกัน ก็ไม่แปลกป่ะครับ? เดือนคณะวิศวะกับเดือนสถาปัตย์หล่อๆ สองคนมานั่งเฉิดฉายในแคนทีนเป็นอาหารตาให้พวกหน้าเหียกเสพย์แบบนี้ก็ต้องมีคนมองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“มึงก็ปวดเหมือนกันล่ะสิ...”
“.......................”
“แม่ง...กูจะไปถามใครที่ไหนได้วะว่าไอ้อาการเจ็บตอนครั้งแรกนี่มันเป็นยังไง ถามฮยอกแจแล้วก็ไม่ได้ห่าอะไรกลับมาเลยกูล่ะเซ็งหนังหน้าแฟนตัวเอง” คยูฮยอนบ่นอุบอิบเมื่อนึกถึงคนรัก ป่านนี้ไม่รู้นั่งอ่อยชาวบ้านชาวช่องไปถึงไหน แต่ก็ช่างแม่งครับ ชั่วโมงนี้ไม่ของ้อ
“ทำไม อย่าบอกนะว่าที่มึงทะเลาะกับฮยอกแจเพราะเรื่องนี้”
“ก็เออน่ะสิ! พูดมาได้ไงว่ากูไม่ใช่คนแรก...คือไม่ใช่...มึงกำลังคิดว่ากูกำลังจะงี่เง่าล่ะสิ? ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นเว้ย เรื่องของเรื่องคือพอกูถามว่าครั้งแรกเจ็บไหมแม่งเสือกเบี่ยงประเด็นว่าครั้งแรกมันผ่านมานานแสนนานแล้ว กะอีแค่ตอบกูว่าเจ็บนานแค่ไหนมันยากมากไงวะ กูไม่ได้ถามสักหน่อยว่ามันไปได้กับใครมา แม่งพูดแล้วขึ้น” เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มแล้วเอนหลังกอดอกพลางสงบสติอารมณ์ พอได้ยินอย่างนั้นแล้วซีวอนก็กลั้นขำอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าขำอะไร แต่ได้ยินคยูฮยอนมันเล่าแล้วโคตรอยากจะหัวเราะใส่หน้าเลยครับ...
“แล้วแบบนี้กูจะรู้ไหมว่ากูกับมึงใครเป็นฝ่ายเสียเอกราชให้ใคร”
“คืองี้นะโจคยูฮยอน...”
“เห็นหน้ากูระรื่นแบบนี้ใช่ว่ากูจะสบายใจนะ แบบว่ากูเครียดมาก กูจะรู้ได้ยังไงว่าความเจ็บปวดครั้งนี้มันจะติดตัวกูไปถึงเมื่อไหร่ ทุกครั้งที่กูรู้สึกเจ็บหนังหน้ามึงก็ลอยเข้ามาในหัวกู...อย่าๆ อย่ามองแบบนั้น กูไม่ได้หมายความว่าที่กูคิดแบบนั้นเพราะโดนมึงเยิ้บตูดมา มึงก็คิดเหมือนกูใช่ไหมล่ะ ทุกครั้งที่มึงเจ็บหน้ากูก็จะลอยขึ้นมาเป็นฉากๆ แบบนี้อ่ะ” คยูฮยอนอธิบายพร้อมกับทำท่าทางประกอบ ร่างสูงถอนหายใจแล้วส่ายหน้าหน่ายๆ
“เรื่องนี้รู้กันอยู่แค่สองคน...ถ้ากูไม่พูด...มึงไม่พูด...แล้วใครจะรู้?”
“มันก็ถูกของมึงว่ะ แต่มันเป็นเรื่องของศักศรีนะเว้ยซีวอน สมมติจริงๆ แล้วกูเป็นฝ่ายฟาดฟันพรหมจรรย์ตูดมึงล่ะ มันก็เป็นตราบาปในชีวิตมึงไปจนวันตายถูกป่ะ?”
“ถ้ามองอีกแง่...บางทีเมื่อคืนมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้”
“ไม่มีอะไรคืออะไรวะ?”
“กูกับมึงอาจจะล้มตกเตียงหรือไม่ก็เดินชนอะไรสักอย่างตอนโดนหามเข้าโรงแรมก็ได้ไง?”
“มึงนี่คิดอะไรโง่ๆ นะ เจ็บตูดทั้งสองคนแบบนี้กูกับมึงคงโดนพี่ฮีชอลเอาไม้ทิ่มตูดเล่นมั้ง ไม่ได้เว้ย เรื่องแบบนี้มันต้องพิสูจน์ เพราะกูไม่ยอมให้มึงคิดอยู่ฝ่ายเดียวแน่ว่ามึงเป็นฝ่ายได้กู”
“ปัญญาอ่อน...งั้นก็เชิญมึงพิสูจน์ไปคนเดียวเถอะ กูขอบาย”
“ห้าม!” คยูฮยอนรั้งมือแกร่งที่กำลังจะกินต่อเอาไว้จนข้าวกระเด็นโดนเสื้อเขา ซีวอนผ่อนลมหายใจออกพยายามสงบสติอารมณ์แล้วเงยหน้าขึ้นมองไอ้เหียกนี่อีกครั้ง
“มึงอยากโดนกูอัดใช่ไหมโจคยูฮยอน...”
“เอาดิๆ อัดกูเลย ตรงนี้ด้วยนะ” คยูฮยอนพูดพร้อมกับยื่นแก้มเข้าไปใกล้ๆ เป็นเชิงท้าทายแถมยังทำแก้มพองลมใส่เขาอีก นัยน์ตาคมหรี่มองคนตรงหน้าด้วยแววตาสมเพชแล้วก็เหลือบไปเห็นโต๊ะข้างๆ ที่กำลังซุบซิบนินทาเขาอยู่ ได้ยินมาลางๆ ว่า...
‘น้องคยูทำอะไรอ่ะแก...ยื่นหน้าเข้าไปขอให้ซีวอนหอมแบบนั้น...’
‘คบกันอยู่เหรอวะ ถ้าจะขอให้หอมแก้มฮาร์ดคอขนาดนั้น’
‘ดูเหมือนน้องซีวอนจะรำคาญน้องคยูของพวกเธอนะ’
“.....................” พอได้ยินเสียงซุบซิบคยูฮยอนก็ค่อยๆ ไสตัวกลับไปนั่งท่าเดิมพร้อมกับสบตาคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“เห็นไหม แค่มึงอยู่ห่างๆ กูทุกอย่างก็จบแล้ว”
“จบได้ไงวะ นี่มึงหาว่ากูเป็นฝ่ายตามตื้อมึงเหรอ สำคัญตัวโพดๆ” ซีวอนกุมขมับเมื่ออีกฝ่ายกำลังหาเรื่องเขาอีกแล้ว
“กูไม่ได้หมายความ...”
“คยูฮยอน...มึงมานั่งอยู่นี่เองหรือ...สัด!” น้ำเสียงเยือกเย็นมาพร้อมกับฝ่ามือพิฆาตของคนที่คุ้นเคย มันทุ้มลงกลางหัวเขาจนสะดุ้งเฮือก
“จ่า...? โหยตบหัวผมทำไมเนี่ย เจ็บนะเว้ย”
“ส้นตีนเถอะ มานั่งทำห่าอะไรตรงนี้พวกปีสองเขานั่งรอมึงอยู่รู้บ้างไหม? อ้าวซีวอน หวัดดี” หันไปทักทายคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามรุ่นน้องตัวเองก่อนจะหันมามองคาดโทษคยูฮยอนอีกครั้ง
“ก็รอไปก่อนดิ ผมทำธุระอยู่อ่ะ”
“ธุระร้อยล้านอะไรของมึง มานั่งจ้องซีวอนแดกข้าวเนี่ยนะ มึงอิ่มทิพย์ได้ด้วยวิธีนี้เหรอ”
“เดี๋ยวผมตามไป”
“ไม่ได้ คราวที่แล้วก็ทีนึงละ...เดี๋ยวของมึงนี่เกือบสองชั่วโมง ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ก่อนที่กูจะเดือด” ฮีชอลว่าพร้อมกับหิ้วคอเสื้อน้องรหัสขึ้นมา คยูฮยอนกระฟึดกระฟาดแล้วมองหน้าซีวอนที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่
“มึงไม่ต้องดีใจไป เดี๋ยวกูกลับมาอีกครั้งแน่ กูไม่ยอมจบแค่นี้หรอกกกกกกกกก!!!”
พูดทิ้งท้ายเอาไว้พร้อมกับชี้หน้าร่างสูงที่กำลังโบกมือบ๊ายบายขณะที่เขากำลังโดนลากคอออกไปจากแคนทีนท่ามกลางสายตานักศึกษามากหน้าหลายตา
TALK
ทนๆ อ่านไปเถอะนะ
ฟิคเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากความเสื่อมของคยูฮยอน...
ทำใจนิดนึงกับนิสัยของผู้ชายสองคนนี้ ขอให้เปิดใจยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของเมะมาเจอเมะจริงๆ
ความคิดเห็น