คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PLAN 1 : จุดเริ่มต้น
Chapter 1
มันก็แค่ภาพลวงตา...ที่ผมสร้างขึ้นมาให้พี่ได้เห็นเท่านั้น
“งาม -_-”
“มีอะไร”
“วันนี้เจ้านายจะเข้ามาทำเค้กอ่ะดิ กะจะขอลากลับก่อนสักหน่อยเห็นทีคงแป๊กแน่ๆ อ่อ...เจ้านายบอกให้เตรียมของทำเค้กไว้รอเลย ฉันคาดว่าเขาคงมาถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมง -_-”
“ก็ลาไปสิ เดี๋ยวฉันอยู่ทำเค้กกับเขาสองคนก็ได้” ฮยอกแจพูดพลางก้มลงเปิดช่องเก็บของก่อนจะนำอุปกรณ์ออกมาเตรียมรอ
“ไม่ได้”
มือเรียวหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคเอาแต่ใจนั่น ฮยอกแจยืนขึ้นพลางหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า มือหนาปัดไรผมออกจากแก้มเนียนก่อนจะยิ้มบางๆ
“ฉันจะปล่อยให้นายอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน หืม?” คำพูดนี้ทำเอาฮยอกแจแค่นเสียงหัวเราะออกมา ถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดดีอะไรอีก ถ้าพูดแบบนั้นแล้วจะอยู่ช่วยเขาก็ว่าไปอย่าง...พูดทำไม...เพราะยังไงทงเฮก็เลือกที่จะไปหาซองมินอยู่ดี
“ไปเถอะน่า เห็นว่าหมอนั่นป่วยหนัก ป่านนี้คงยังไม่ได้กินข้าวกินยา เป็นไปได้ก็ออดอ้อนสักหน่อยเผื่อซองมินจะยอมใจอ่อนยอมไปหาหมอบ้าง” ฮยอกแจเบือนหน้ากลับไปสนใจอยู่กับชามสแตนเลทตรงหน้า เขาดูนิ่งเกินกว่าที่ทงเฮจะคาดเดาใจออกได้
“สักบ่ายสองก็ไม่ค่อยมีคนแล้ว เดี๋ยวฉันช่วยคุยกับเจ้านายให้”
“นายนี่น่ารักจริงๆ เลย โอ๊ะ...สวัสดีครับ รับอะไรดีครับผม”
พลันหันไปมองใครอีกคนที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าอย่างออกรสขณะกำลังทำกาแฟไปด้วย อีทงเฮก็เป็นซะอย่างนี้แหละอัธยาศัยดี ลูกค้าหลายคนก็ติดงอมแงมโดยเฉพาะเหล่าสาวๆ เด็กมัธยม ฮยอกแจขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเช็ดมือแล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนสีดำ ข้อความจากใครบางคนทำให้ฮยอกแจต้องซ่อนมันเอาไว้
คุณได้รับข้อความจาก...
‘ซองมิน’
[ อยากดื่มโกโก้ร้อนฝีมือนายจัง...เย็นนี้นายจะมาหาฉันใช่ไหมฮยอกแจ? ]
“...................”
ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่แกล้งทำเป็นไม่เห็นมันเหมือนอย่างที่แล้วมานั่นแหละ ฮยอกแจกับซองมินทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่แรก ยื่นใบสมัครพร้อมกัน ก็เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมเลยอยากหางานพิเศษทำฆ่าเวลา ฮยอกแจไม่ได้โง่พอที่จะดูไม่ออกว่าซองมินคิดยังไงกับเขา จะมีก็แต่อีทงเฮเท่านั้นแหละที่ทำตัวดักดานไม่เลิก บีบบังคับให้เขาต้องออกห่างซองมินโดยไม่รู้ตัว...ทั้งทงเฮและซองมิน...
สองคนนั้นคบกันอยู่แท้ๆ แต่ดูสิ่งที่ทั้งคู่ทำกับเขาสิ...
“ได้แล้วครับ คาราเมลลาเต้ที่อร่อยที่สุดในย่านนี้โดยบาริสต้าอีทงเฮ”
“เพี้ยน...” ฮยอกแจสบถเบาๆ พลางส่ายหน้าระอาก่อนจะหันไปทักทายผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านหลังจากได้ยินเสียงกระดิ่งโมบายตรงประตู
“สวัสดีครับเจ้านาย”
“สวัสดีครับเจ้านาย โอ๊ะ! นั่นใครน่ะครับ”
“นี่น้องชายผมเอง วันนี้ลูกค้าเยอะไหม?”
ละมือจากการตอกไข่แล้วจดจ้องอยู่กับร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้านายของเขา ก็ว่าแล้วคนนี้หน้าตาคุ้นๆ จำได้ว่าเจ้านายเคยเอารูปให้ดูตอนที่เข้ามาทำงานแรกๆ ร่างโปร่งยิ้มให้กับเขาทั้งคู่พร้อมกับโบกมือให้อย่างเป็นมิตรราวกับเด็ก
“สวัสดีครับ~”
“ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ ยังพอไหว”
“ฮั่นแน่...แฟนก็บอกมาเถอะครับเจ้านาย~”
“นั่นน้องชายเขาต่างหาก” พูดพร้อมกับเอาถาดพลาสติกสีน้ำตาลฟาดหัวเข้าให้ ทงเฮลูบหัวป้อยพลางมองหน้าฮยอกแจอย่างเคืองๆ จะไปรู้เหรอก็เห็นเดินยิ้มแป้นแล้นมาด้วยกันซะขนาดนั้น
“ก็นั่นน่ะสิ...ลืมไปเลยว่าคุณดอกไม้คนสวยคนนั้นต่างหากที่เป็นเจ้าของหัวใจของเจ้านายเรา~” ทงเฮทำหน้าทะเล้นแซวร่างสูงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกใครอีกคนหยิกสีข้างเข้าให้
ริมฝีปากอิ่มหุบยิ้มลง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยกับประโยคเมื่อครู่ก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หวังรอคำตอบหากแต่ร่างสูงกลับเบือนหน้าหลบแล้วเดินเข้าไปทางด้านใน
คุณดอกไม้คนสวยที่พูดถึงนั่นคือใคร?
“วันนี้นายชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ ผีเจาะปากมาหรือไงกัน?”
“ก็ฉันเหงานี่ ซองมินไม่อยู่ นายก็ไม่ค่อยพูดกับฉันด้วย” ทงเฮว่าก่อนจะวางแคร็กเกอร์ลงบนโต๊ะแล้วไปนั่งข้างๆ ฮยอกแจที่ยืนแยกไข่ขาวออกจากไข่แดงอยู่ ร่างบางได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปก่อนที่ใครอีกคนจะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“อ๋อ...ไม่เป็นไรครับ” ฮยอกแจยิ้มบางๆ แล้วหันไปสบตากับทงเฮ ร่างหนาทำตาล่อกแล่กมองน้องชายของเจ้านายแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้ น่ารักเอาเรื่องนะเนี่ย
“ผมชื่อทงเฮอายุสิบเก้า ส่วนนี่ฮยอกแจอายุยี่สิบเอ็ด พนักงานอีกคนชื่อซองมินอายุยี่สิบสองแต่วันนี้เขาลาป่วยไม่งั้นคงได้เจอกันพร้อมหน้าสามตระกูลอี” ทงเฮพูดเป็นต่อยหอยแต่ถึงอย่างนั้นมือข้างหนึ่งของเขาก็ยังบดแคร็กเกอร์อยู่
“ผมคยูฮยอนอายุยี่สิบเอ็ดครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทงเฮ ฮยอกแจ”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเป็นมักเน่ของที่นี่...” ทงเฮยักคิ้วทะเล้นใส่คนตรงหน้า ฮยอกแจยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะยกชามไข่ที่แยกเสร็จแล้วไปให้ร่างสูงที่อยู่ทางด้านใน
“แต่นายก็หน้าแก่กว่าพนักงานที่อายุมากที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ...”
ประโยคทิ้งท้ายของฮยอกแจทำเอาทงเฮเลิกคิ้วมองด้วยความไม่พอใจ เอาอะไรมาพูดกัน ซองมินก็แค่หน้าหวาน ส่วนเขาน่ะหน้าแมนสมชายชาตรีจะว่าหน้าแก่ได้ยังไงกัน
“คอยดูนะ อีกสิบปีฉันก็ยังหน้าตาแบบนี้ จะมีแต่นายนั่นแหละที่แก่งั่กเป็นคุณลุงพุงย้วย” ทงเฮตะโกนกลับไปแต่ดูเหมือนว่าฮยอกแจจะไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้นเลยสักนิด
“ทงเฮ”
“ครับพี่คยูฮยอน?”
“อย่าเรียกว่าพี่เลย เป็นกันเองดีกว่าห่างกันก็แค่ปีเดียว”
“โอเค ไม่มีปัญหา” ทงเฮยิ้มพอใจ รู้สึกถูกชะตากับน้องชายของเจ้านายจริงๆ นิสัยน่ารักเป็นกันเองต่างกับเจ้านายอย่างสิ้นเชิง อย่าให้พูดถึงเลยนะ คนๆ นั้นเอะอะก็ต้องเนี๊ยบเป็นระเบียบเล่นเอาเขาไม่กล้าเรียกชื่อจริงเลยทีเดียวล่ะ
“คุณดอกไม้คนสวยที่ว่าเมื่อกี้น่ะ...เธอเป็นใครเหรอ?”
“อ๊อ...เจ้านายยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ คุณคนนั้นร้านของเธออยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามนี่เอง ปกติเธอจะมาส่งดอกไม้ที่นี่ทุกเช้าน่ะ”
“ส่งดอกไม้?”
“เธอเปิดร้านดอกไม้ ผมจำชื่อเธอไม่ได้แฮะ ดูเหมือนว่าเธอจะแอบมีซัมติงกับเจ้านายอยู่ล่ะครับ” ทงเฮป้องปากกระซิบพลางมองไปยังคนสองคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำแป้งเค้กทางด้านใน
“.................”
“เธอสวยมากเลยนะ ถ้าคยูฮยอนมาเร็วกว่านี้คงได้เจอเธอ แบบว่าได้เห็นอาหารตาแต่เช้านี่มันทำให้หายง่วงจริงๆ เชียว” ทงเฮพูดน้ำเสียงสดใส ถึงแม้ว่าจะมีซองมินอยู่แล้วแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบมองของสวยๆ งามๆ เสียเมื่อไหร่
“พี่ไม่เห็นเล่าให้ผมฟังเลย” คยูฮยอนหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยแต่ก็ยังพยายามเก็บอาการไว้อยู่ รู้สึกเคืองซีวอนที่ไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือไงกัน?
ถ้าแค่ชอบพอกันคยูฮยอนจะไม่โกรธก็ได้...แต่ถ้าเกิดทั้งคู่คบกันแล้วล่ะก็...
“ทงเฮ ช่วยวอร์มเตาอบให้หน่อยสิ”
“ได้ครับเจ้านาย”
ทงเฮลุกขึ้นไปวอร์มเตาอบเค้กตามคำสั่งของเจ้านาย ก่อนที่ร่างสูงจะเดินมานั่งลงข้างๆ น้องชายที่กำลังนั่งทำหน้าซึมผิดกับเมื่อครู่
“ทงเฮเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหม”
“ครับ เพราะถ้ารอให้พี่เล่า ก็ไม่รู้จะได้ฟังเมื่อไหร่” พูดกับพี่ชายแต่สายตาทอดมองออกไปข้างนอกร้าน เหตุผลอะไรก็ไม่สามารถหยุดอารมณ์ขุ่นมัวของคยูฮยอนได้แล้วในตอนนี้ แก้ตัวสิ พูดแก้ตัวกับเขาว่ามันไม่จริง
“นายโกรธที่พี่ไม่เล่าให้ฟังเหรอ?”
“เรื่องนั้นผมไม่โกรธ...แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงผมจะโกรธ” หันกลับมามองหน้าพี่ชายอย่างเอาเรื่อง ซีวอนรู้ดีว่าคยูฮยอนเอาแต่ใจแค่ไหน เพราะฉะนั้นตลอดเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันเขาคงไม่มีโอกาสคบกับใครได้นานเกินหนึ่งอาทิตย์เลย
“หมายถึงอะไรที่ว่าเรื่องจริง”
“ผู้หญิงร้านดอกไม้นั่น”
“เธอชื่อคิมแทฮี”
“ฟังแค่ชื่อก็พอจะรู้ว่าเป็นคนสวย พี่คงชอบเธอมากใช่ไหมครับ?” น้ำเสียงราบเรียบกับบรรยากาศที่คลอไปด้วยเพลงคลาสสิคเบาๆ ทงเฮที่ยืนอยู่หน้าเตาอบกับฮยอกแจที่อยู่ทางด้านในหันมามองหน้าอย่างรู้กัน จากสถานการณ์แบบนี้พอจะทำให้พนักงานหนุ่มทั้งคู่เดาออกได้ว่า คยูฮยอนคงเป็นน้องชายที่ติดพี่ชายยิ่งกว่าอะไรดีเพราะจากที่ฮยอกแจเคยได้ยินเรื่องราวของคยูฮยอนมาจากปากซีวอนก็ฟังดูจะเป็นอย่างนั้น
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ได้ไหม?”
“นี่ก็ใจเย็นแล้วไงครับ พี่เห็นผมลุกขึ้นโวยวายพังข้าวของหรือไงกัน” คยูฮยอนแค่นเสียงหัวเราะ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันซีวอนก็ชอบว่าเขาแบบนี้แหละ ว่าเขาใจร้อนโวยวายสารพัดทั้งที่เขาเองยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง แล้วที่เป็นแบบนี้ก็เพราะใคร ไม่ใช่เพราะซีวอนหรอกเหรอ
“พี่ทำเหมือนผมเป็นคนอื่น” เอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนจะก้มลงเอาหน้าแนบกับโต๊ะ สบตากับพี่ชายอย่างเง้างอน ซีวอนยิ้มพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ
“พี่ขอโทษ ระหว่างมาที่นี่เราก็คุยกันตลอดทางจนพี่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย”
เพราะความคิดถึง โหยหา ห่วงใย ตลอดการเดินทางเลยเอาแต่คุยเรื่องคยูฮยอนตอนอยู่อเมริกาจนลืมเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง มันก็ถูกแล้วล่ะ...เขากำลังคบหาดูใจกับคิมแทฮีเจ้าของร้านดอกไม้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อไม่นานมานี้เอง
คยูฮยอนไม่จำเป็นที่ต้องรู้ถึงเหตุผลที่เขาคบกับเธอหรอก...
“ถ้าผมบอกว่าไม่ให้อภัยล่ะ...พี่จะทำยังไง”
“จะให้พี่เลิกกับเธองั้นเหรอ” ถามเหมือนกับทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่ซีวอนคบกับใครสักคนแล้วคยูฮยอนไม่พอใจ แล้วก็จะได้คำตอบมาเหมือนกันทุกครั้งว่า
‘เลิก’
“ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย”
“อ่า...”
“ผมโตแล้วนะครับ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วด้วย ผมก็แค่น้อยใจที่พี่ไม่ยอมเล่าให้ผมฟังบ้างก็เท่านั้นเอง
” คยูฮยอนอมยิ้มมองคนตรงหน้าจนซีวอนคาดเดาไม่ถูก คยูฮยอนที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้...
“พี่ต้องพาเธอมาแนะนำให้ผมรู้จักนะ ผมอยากเจอเธอ”
เป็นประโยคที่น่ายินดี...แต่ทำไมซีวอนถึงรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของน้องชายตัวเองขนาดนี้ รอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยนั่นน่ะเหมือนว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่ข้างใน
“เอางี้ดีกว่า ผมจะมาช่วยพี่ดูแลร้านแล้วกันนะครับ ดีไหม?”
“หืม?”
“ผมอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่เดือนเดี๋ยวก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว จะให้อยู่ที่บ้านก็เบื่อๆ ไม่ดีเหรอครับมีคนมาช่วยงานฟรีๆ น่ะ”
“จะไหวหรือไงเรา”
“เดี๋ยวให้ฮยอกแจกับทงเฮช่วยเทรนด์ผมก็ได้นี่ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเรียนรู้ไวทุกเรื่องอยู่แล้วยกเว้นเรื่องเรียน” คยูฮยอนหัวเราะก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปหาฮยอกแจทางด้านในปล่อยให้ร่างสูงนั่งงงกับพฤติกรรมของน้องชายอยู่อย่างนั้น
ก็ไม่อยากคิดมากแบบนี้หรอกนะ...แต่เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในตัวคยูฮยอน คิดมาตลอดว่าว่าเขาเป็นคนที่รู้จักคยูฮยอนดีที่สุด แต่พอกลับมาคราวนี้เห็นทีต้องคิดใหม่...ตามหลักความน่าจะเป็นแล้วคยูฮยอนควรจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่เห็นเขามีคนรักสิถึงจะถูก ขนาดตัวเขาเองยังรู้สึกผิด...จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพี่น้องกัน...แต่ความรู้สึกของเราทั้งคู่มันก็ก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้วนี่...
“ชอบเค้กเหรอครับฮยอกแจ” คนถูกถามหันหลังกลับไปมองเมื่อมีใครอีกคนชะเง้อหน้าเข้ามาจนแก้มแทบจะชนกันอยู่แล้ว ฮยอกแจยิ้มบางๆ ก่อนจะหันกลับไปกวนแป้งเค้กต่อ
“ตอนแรกก็ไม่หรอกครับ แต่พออยู่กับมันนานๆ ก็เริ่มชอบขึ้นมาบ้าง”
“สอนผมทำบ้างสิ”
“ครับ?” ฮยอกแจเอี้ยวตัวหันกลับมามองใครอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ รอยยิ้มที่มองมานั้นมันแปลกจนเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าคยูฮยอนกำลังหว่านเสน่ห์ใส่เขา
“ผมอยากหัดทำกาแฟ ทำเค้กด้วย พี่ซีวอนไม่ค่อยมีเวลามาดูแลร้านผมเลยอยากมาช่วยแบ่งเบาภาระบ้างน่ะ”
“ผมคงสอนคุณได้แค่นิดๆ หน่อยๆ เพราะคนที่รู้เรื่องเค้กจริงๆ ก็มีแค่เจ้านาย ผมก็เป็นแค่ลูกมือของเขาเท่านั้น”
“งั้นสอนผมทำกาแฟก็ได้นี่”
“อ่า...อย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ฮยอกแจใจดีจัง ผมเริ่มชอบนายแล้วสิ”
‘ฮยอกแจใจดีจัง ฉันชอบนายจริงๆ นะ’
ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้าแล้วหันไปง่วนกับงานที่ยังทำค้างไว้อยู่ เขาไม่ชอบคำพูดที่ฟังแล้วดูฝืดคอแบบนั้นมันทำให้เขานึกถึงคนๆ หนึ่ง...ที่ปากบอกว่าชอบเขาแต่ก็คบกับใครอีกคนอยู่
.
.
“ฉันบอกคุณแล้ว ว่าเด็กคนนี้ต้องแอบหนีกลับมาก่อนกำหนดแน่ๆ”
“แล้วแขนนั่นน่ะไปโดนอะไรมา?”
คยูฮยอนนั่งกลอกตาฟังเสียงพ่อกับแม่บ่นในขณะที่ซีวอนได้เพียงแค่นั่งหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างๆ ถึงคยูฮยอนจะอายุยี่สิบเอ็ดแล้วแต่เขาก็ยังคงดูเป็นเด็กในสายตาพ่อกับแม่อยู่ดี เด็กเจ้าปัญหาที่ชอบทำให้พ่อแม่ปวดหัวนั่นก็รวมถึงพี่ชายสุดที่รักของเขาด้วย
“พ่อแม่ไม่ดีใจเหรอที่ผมกลับมาเซอไพร์สแบบนี้”
“เซอไพร์สอะไร ฉันก็เห็นแกเดินเข้ามาในบ้านหน้าตาเฉย เผลอๆ ไม่เห็นหัวฉันที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ”
“นั่นเพราะว่าโซฟามันตัวใหญ่แล้วสีผมพ่อก็ดันกลมกลืนกับโซฟาซะขนาดนั้น ใครจะไปมองเห็นล่ะครับ”
“นี่แกจะว่าพ่อแก่จนหัวหงอกแล้วงั้นเรอะ”
“โอ๊ะ! เปล่านะครับ!”
คยูฮยอนรีบวิ่งหลบฝ่ามือพ่อของเขาที่ทำท่าจะเอาหนังสือพิมพ์ฟาดหัวเข้าให้ ร่างโปร่งหัวเราะลั่นพลางวิ่งไปหลบหลังโซฟาพี่ชายแถมยังทำหน้ากวนประสาทใส่คนเป็นพ่อจนชายแก่ต้องเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วสงบสติอารมณ์
“แล้วแกจะอยู่นี่กี่เดือน”
“ประมาณสามสี่เดือนครับ”
“ทำไมต้องประมาณ เอาเวลาที่มันชัดเจนสิ แกคงไม่ได้หยุดแค่เดือนเดียวแล้วอำพ่อกับแม่หรอกนะ”
“โธ่...พ่อเห็นผมเป็นคนยังไงกันครับ ผมโตแล้วนะ”
“โตแค่ตัวน่ะสิ แล้วนี่อะไร ได้ข่าวว่าจะไปป่วนที่ร้านพี่ชายแกหรือไง?”
“เค้าเรียกว่าช่วยแบ่งเบาภาระ หรือพ่ออยากให้ผมกินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านแล้วใช้เงินไปวันๆ ล่ะครับ”
“เดี๋ยวนี้หัดต่อล้อต่อเถียง อยู่ที่โน่นป้าแกไม่สั่งสอนบ้างหรือไง”
“ป้าสั่งสอนดีมากจนผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ยืดอกพลางยักคิ้วใส่
“ประคบประหงมกันล่ะสิไม่ว่า”
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ถือว่าให้คยูฮยอนได้ลองฝึกงานดู อยู่ที่โน่นคงไม่เคยได้ทำงานพิเศษ ลองให้น้องเรียนรู้กับการรับผิดชอบบ้าง ถึงจะทำข้าวของเสียหายแต่ก็ยังดีกว่าไปทำของชาวบ้านเขาพังนะครับ” ซีวอนพูดทำให้คยูฮยอนหันควับทันที
“พี่พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน พี่ต้องบอกว่า ‘คยูฮยอนคงช่วยผมได้เยอะเลยล่ะครับ’ สิถึงจะถูกน่ะ”
“โอเค...นายคงช่วยพี่ได้เยอะเลยล่ะ” ซีวอนบีบจมูกน้องชายตัวเองเบาๆ มือเรียวตีมือพี่ชายรัวๆ ก่อนจะโกยอากาศเข้าปอด นี่ก็อีกคน เห็นเขาเป็นเด็กอยู่เสมอเลยสิ
“ถ้าซีวอนพูดอย่างนั้น ฉันก็ว่าไม่น่ามีอะไรน่ากังวลนะคะคุณ”
“ขัดใจได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ” คนเป็นพ่อพูดพลางมองคาดโทษลูกชายคนเล็กที่นั่งทำหน้ากวนประสาทอยู่ฝั่งตรงข้าม
แค่นี้ก็สำเร็จไปแล้วหนึ่งอย่าง...
.
.
ร่างบางหยุดยืนอยู่หน้าประตูหอพักที่ก่อนหน้านี้เคยมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังแทบจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่แล้ว ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาที่นี่อีกในเมื่อซองมินก็มีทงเฮอยู่แล้วนี่
ก๊อกๆ
“ฉันเอง”
ไม่นานนักประตูก็เปิดออกพร้อมกับห้องที่มืดสนิท ใครบางคนที่หน้าซีดเผือดกำลังฝืนยิ้มให้กับเขา ฮยอกแจเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับกดเปิดสวิซท์ไฟ ซองมินยกมือขึ้นป้องระดับสายตาก่อนจะมองตามแผ่นหลังใครอีกคนที่เดินเข้าไปในห้องครัวโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
เดินตามเข้าไปพร้อมกับหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่กำลังเปิดฝาขวดสแตนเลทพร้อมกับรินโกโก้ร้อนใส่แก้ว ซองมินจ้องใบหน้าเรียวก่อนจะยิ้มบางๆ
“ขอบคุณที่มานะ”
“กินข้าวหรือยัง”
“อื้ม เรียบร้อยแล้วล่ะ”
“ทงเฮเอายาให้กินแล้วใช่ไหม”
ซองมินพยักหน้าก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใครอีกคนเอาหลังมือมาอังหน้าผากเขา นัยน์ตาของฮยอกแจดูเย็นชาเหมือนกับทุกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นซองมินก็ยังตอบคำถามให้กับตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมนะ...ทำไมถึงชอบแววตาแบบนี้นัก?
หนึ่งคนเย็นชา...
อีกคนสดใส...สร้างรอยยิ้มให้กับเขาได้อยู่เสมอ...
แต่ทำไม...อีซองมินถึงได้โหยหาอีฮยอกแจนัก?
“ทงเฮกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ชั่วโมงที่แล้ว”
“ดื่มนี่เสร็จแล้วก็นอนซะ ฉันกลับแล้วนะ” เดินสวนใครอีกคนออกมาแต่ก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อถูกรั้งข้อมือเอาไว้...วงแขนเรียวโอบกอดเอวเขาจากข้างหลังพร้อมกับซบหน้าลงกับต้นคอขาว ฮยอกแจยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่ปฏิเสธ ไม่ผลักไส...มีแค่ความรู้สึกปวดหนึบที่มันรื้นอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้าย
“อยู่กับฉันนะฮยอกแจ”
“..............”
“แค่คืนนี้...”
“..............”
“แค่คืนนี้เท่านั้น...”
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้นในวันท้องฟ้าแจ่มใส เรียวขาเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านดอกไม้ที่ถูกตกแต่งได้น่ารักดึงดูดให้ใครหลายๆ คนอยากเดินเข้าไปเยี่ยมชม ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดันประตูกระจกเข้าไปทางด้านใน กระดิ่งโมบายดังเบาๆ ก่อนที่หญิงสาวร่างผอมบางที่นั่งง่วนอยู่กับกระถางดอกไม้จะเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่พร้อมกับส่งยิ้มให้
“สวัสดีค่ะ เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีว่าฉันเพิ่งจะเปิดร้านเมื่อกี้นี้เอง ร้านยังดูรกๆ อยู่เลย”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณทำงานตามสบายเถอะ ผมแค่อยากจะลองเลือกดอกไม้ไปประดับแจกันน่ะครับ แต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้เลย”
“คุณชอบดอกอะไรคะ เผื่อฉันจะช่วยแนะนำได้” เธอถอดถุงมือออกพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างโปร่ง คยูฮยอนมองดวงหน้าหวานที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยตรงหน้าแล้วก็นึกสนุก
“ผมชอบกุหลาบสีขาวครับ มันดูบริสุทธิ์ดี”
บริสุทธิ์...มากพอที่จะทำลาย...
“แจกันของคุณใบใหญ่ไหมคะ แล้วก็สีอะไร ขอโทษนะคะที่ถามมาก ฉันเกรงว่ากุหลาบสีขาวอย่างเดียวมันจะดูโล่งจนเกินไป ถ้าเติมกุหลาบสีชมพูหรือสีโอรสเข้าไปหน่อยมันคงดึงดูดตามากขึ้นน่ะค่ะ” เธอยิ้มพร้อมกับผายมือไปยังโซนดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน คยูฮยอนยืนกอดอกมองดอกไม้เหล่านั้นแล้วก็หันมายิ้มให้คนข้างๆ
“อย่างที่คุณพูดจริงๆ ด้วย”
เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างโปร่งใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มเธอเบาๆ นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงจ้องใบหน้าเด็กหนุ่มด้วยความตกใจหากแต่ร่างกายกลับยืนนิ่ง
“ขอโทษครับ มีเศษดินติดอยู่ที่แก้มคุณน่ะ” คยูฮยอนชูนิ้วให้อีกฝ่ายดูพร้อมกับยิ้มละมุนให้ ร่างบางหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแห้งๆ พลางก้มหน้างุด
“ผมชอบสไตล์การตกแต่งแจกันของคุณมาก แต่ผมขอดอกกุหลาบขาวช่อหนึ่งแล้วกันครับ”
เธอกระพริบตาปริบๆ รู้สึกผิดหวังที่เขามองข้ามสิ่งที่เธอแนะนำไปแต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“ผมกำลังไว้อาลัยให้คนๆ หนึ่งน่ะ กุหลาบขาวล้วนคงเหมาะที่สุด คุณคิดอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากบางจะยิ้มออกมาได้ คนๆ นี้เป็นลูกค้าที่ประหลาดเอาเรื่องแต่มีอะไรน่าดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมชอบร้านคุณจังเลยครับ คุณ...”
“อะ...เอ่อ...คิมแทฮีค่ะ” เธอพูดตะกุกตะกัก อาจเป็นเพราะสายตาของคนตรงหน้าที่ยากจะคาดเดา รู้เพียงแค่ว่ามันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงได้เท่านั้น มีลูกค้าที่เป็นผู้ชายเดินเข้าร้านมาวันละไม่รู้กี่สิบคนแต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำให้เธอรู้สึกอะไรแบบนี้นอกจากคนๆ นั้น...คนที่เป็นเจ้าของหัวใจของเธอ
รู้สึกผิดอยู่ในใจแต่ก็ได้แค่บอกกับตัวเองว่าเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่รู้สึกตื่นเต้นเวลาเจอผู้ชายหน้าตาดีก็เท่านั้นแต่ไม่ได้ถึงขั้นตกหลุมรักสักหน่อย...
มือเล็กยื่นช่อดอกไม้ให้กับคนตรงหน้า คยูฮยอนรับมันมาพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้กับเธอ ไม่ต้องถามราคาให้มากความบางทีการใช้สายตาแทนคำพูดมันก็ดีที่สุดสำหรับเขา
“ขอบคุณมากนะคะ” เธอเดินกลับมาพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตคืนให้กับร่างโปร่ง คยูฮยอนมองใบเสร็จแล้วก็พยักหน้าเบาๆ ราคาก็ไม่เท่าไหร่
“ผมโจคยูฮยอนนะครับ ชื่อผมจำง่ายใช่ไหม?...คุณแทฮี” คยูฮยอนระบายยิ้มก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังเดินออกจากร้านไป ร่างบางหยุดยืนอยู่กับที่พูดอะไรไม่ออก เด็กคนนี้กำลังทำให้เธอใจเต้นแรงงั้นเหรอ นึกแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ถ้าเกิดเล่าเรื่องนี้ให้ซีวอนฟังเขาคงหาว่าเธอเป็นป้าแก่ๆ ที่เห็นลูกค้าเด็กกว่าไม่ได้เป็นต้องหวั่นไหว
แต่ผู้หญิงอย่างคิมแทฮีคงไม่รู้อะไรเลยสินะ...
ว่าทุกอย่าง...มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น...
รักพี่ชายผมให้นานๆ ล่ะอย่าเพิ่งถอดใจไปก่อน
เพราะผมจะทำให้คุณได้ซาบซึ้งถึงความรักที่คุณมีต่อเขาเอง
ผมจะทำให้คุณสำลักความรักออกมาจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ให้เจ็บปวดยิ่งกว่าสถานะที่ผมเป็นอยู่ร้อยเท่าพันเท่า...
ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะคิมแทฮี...
ไม่ว่าใครหน้าไหนที่คิดจะแย่งพี่ชายไปจากผม...
ผมจะเป็นคนกำจัดคนๆ นั้นออกไปให้พ้นทางด้วยมือของผมเอง...
TALK
ฟิคเรื่องนี้โคตรจิต
คอยดูกันต่อไปว่าคยูฮยอนจะทำอะไร?
ความคิดเห็น