ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu | "BROMANCE"

    ลำดับตอนที่ #2 : PLAN 1 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55


    ©Tenpoints!
      

     

     

     




    Chapter 1

    มันก็แค่ภาพลวงตา...ที่ผมสร้างขึ้นมาให้พี่ได้เห็นเท่านั้น

     






    งาม -_-”

    มีอะไร

    วันนี้เจ้านายจะเข้ามาทำเค้กอ่ะดิ กะจะขอลากลับก่อนสักหน่อยเห็นทีคงแป๊กแน่ๆ อ่อ...เจ้านายบอกให้เตรียมของทำเค้กไว้รอเลย ฉันคาดว่าเขาคงมาถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมง -_-”

    ก็ลาไปสิ เดี๋ยวฉันอยู่ทำเค้กกับเขาสองคนก็ได้ฮยอกแจพูดพลางก้มลงเปิดช่องเก็บของก่อนจะนำอุปกรณ์ออกมาเตรียมรอ

    ไม่ได้

    มือเรียวหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคเอาแต่ใจนั่น ฮยอกแจยืนขึ้นพลางหันไปมองเพื่อนร่วมงานที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า มือหนาปัดไรผมออกจากแก้มเนียนก่อนจะยิ้มบางๆ

    ฉันจะปล่อยให้นายอยู่คนเดียวได้ยังไงกัน หืม?คำพูดนี้ทำเอาฮยอกแจแค่นเสียงหัวเราะออกมา ถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดดีอะไรอีก ถ้าพูดแบบนั้นแล้วจะอยู่ช่วยเขาก็ว่าไปอย่าง...พูดทำไม...เพราะยังไงทงเฮก็เลือกที่จะไปหาซองมินอยู่ดี

    ไปเถอะน่า เห็นว่าหมอนั่นป่วยหนัก ป่านนี้คงยังไม่ได้กินข้าวกินยา เป็นไปได้ก็ออดอ้อนสักหน่อยเผื่อซองมินจะยอมใจอ่อนยอมไปหาหมอบ้างฮยอกแจเบือนหน้ากลับไปสนใจอยู่กับชามสแตนเลทตรงหน้า เขาดูนิ่งเกินกว่าที่ทงเฮจะคาดเดาใจออกได้

    สักบ่ายสองก็ไม่ค่อยมีคนแล้ว เดี๋ยวฉันช่วยคุยกับเจ้านายให้

    นายนี่น่ารักจริงๆ เลย โอ๊ะ...สวัสดีครับ รับอะไรดีครับผม

    พลันหันไปมองใครอีกคนที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าอย่างออกรสขณะกำลังทำกาแฟไปด้วย อีทงเฮก็เป็นซะอย่างนี้แหละอัธยาศัยดี ลูกค้าหลายคนก็ติดงอมแงมโดยเฉพาะเหล่าสาวๆ เด็กมัธยม ฮยอกแจขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเช็ดมือแล้วหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนสีดำ ข้อความจากใครบางคนทำให้ฮยอกแจต้องซ่อนมันเอาไว้

     

    คุณได้รับข้อความจาก...

    ซองมิน

    [ อยากดื่มโกโก้ร้อนฝีมือนายจัง...เย็นนี้นายจะมาหาฉันใช่ไหมฮยอกแจ? ]

     

    ...................

    ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่แกล้งทำเป็นไม่เห็นมันเหมือนอย่างที่แล้วมานั่นแหละ ฮยอกแจกับซองมินทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่แรก ยื่นใบสมัครพร้อมกัน ก็เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมเลยอยากหางานพิเศษทำฆ่าเวลา ฮยอกแจไม่ได้โง่พอที่จะดูไม่ออกว่าซองมินคิดยังไงกับเขา จะมีก็แต่อีทงเฮเท่านั้นแหละที่ทำตัวดักดานไม่เลิก บีบบังคับให้เขาต้องออกห่างซองมินโดยไม่รู้ตัว...ทั้งทงเฮและซองมิน...

     

    สองคนนั้นคบกันอยู่แท้ๆ แต่ดูสิ่งที่ทั้งคู่ทำกับเขาสิ...

     

     

    ได้แล้วครับ คาราเมลลาเต้ที่อร่อยที่สุดในย่านนี้โดยบาริสต้าอีทงเฮ

    เพี้ยน...ฮยอกแจสบถเบาๆ พลางส่ายหน้าระอาก่อนจะหันไปทักทายผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาในร้านหลังจากได้ยินเสียงกระดิ่งโมบายตรงประตู

    สวัสดีครับเจ้านาย

    สวัสดีครับเจ้านาย โอ๊ะ! นั่นใครน่ะครับ

    นี่น้องชายผมเอง วันนี้ลูกค้าเยอะไหม?

    ละมือจากการตอกไข่แล้วจดจ้องอยู่กับร่างโปร่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้านายของเขา ก็ว่าแล้วคนนี้หน้าตาคุ้นๆ จำได้ว่าเจ้านายเคยเอารูปให้ดูตอนที่เข้ามาทำงานแรกๆ ร่างโปร่งยิ้มให้กับเขาทั้งคู่พร้อมกับโบกมือให้อย่างเป็นมิตรราวกับเด็ก

    สวัสดีครับ~”

    ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ครับ ยังพอไหว

    ฮั่นแน่...แฟนก็บอกมาเถอะครับเจ้านาย~”

    นั่นน้องชายเขาต่างหากพูดพร้อมกับเอาถาดพลาสติกสีน้ำตาลฟาดหัวเข้าให้ ทงเฮลูบหัวป้อยพลางมองหน้าฮยอกแจอย่างเคืองๆ จะไปรู้เหรอก็เห็นเดินยิ้มแป้นแล้นมาด้วยกันซะขนาดนั้น

    ก็นั่นน่ะสิ...ลืมไปเลยว่าคุณดอกไม้คนสวยคนนั้นต่างหากที่เป็นเจ้าของหัวใจของเจ้านายเรา~” ทงเฮทำหน้าทะเล้นแซวร่างสูงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกใครอีกคนหยิกสีข้างเข้าให้

    ริมฝีปากอิ่มหุบยิ้มลง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยกับประโยคเมื่อครู่ก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หวังรอคำตอบหากแต่ร่างสูงกลับเบือนหน้าหลบแล้วเดินเข้าไปทางด้านใน

     

    คุณดอกไม้คนสวยที่พูดถึงนั่นคือใคร?

     

    วันนี้นายชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ ผีเจาะปากมาหรือไงกัน?

    ก็ฉันเหงานี่ ซองมินไม่อยู่ นายก็ไม่ค่อยพูดกับฉันด้วยทงเฮว่าก่อนจะวางแคร็กเกอร์ลงบนโต๊ะแล้วไปนั่งข้างๆ ฮยอกแจที่ยืนแยกไข่ขาวออกจากไข่แดงอยู่ ร่างบางได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปก่อนที่ใครอีกคนจะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ

    มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ

    อ๋อ...ไม่เป็นไรครับฮยอกแจยิ้มบางๆ แล้วหันไปสบตากับทงเฮ ร่างหนาทำตาล่อกแล่กมองน้องชายของเจ้านายแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้ น่ารักเอาเรื่องนะเนี่ย

    ผมชื่อทงเฮอายุสิบเก้า ส่วนนี่ฮยอกแจอายุยี่สิบเอ็ด พนักงานอีกคนชื่อซองมินอายุยี่สิบสองแต่วันนี้เขาลาป่วยไม่งั้นคงได้เจอกันพร้อมหน้าสามตระกูลอีทงเฮพูดเป็นต่อยหอยแต่ถึงอย่างนั้นมือข้างหนึ่งของเขาก็ยังบดแคร็กเกอร์อยู่

    ผมคยูฮยอนอายุยี่สิบเอ็ดครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทงเฮ ฮยอกแจ

    ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเป็นมักเน่ของที่นี่...ทงเฮยักคิ้วทะเล้นใส่คนตรงหน้า ฮยอกแจยักไหล่ไม่ใส่ใจก่อนจะยกชามไข่ที่แยกเสร็จแล้วไปให้ร่างสูงที่อยู่ทางด้านใน

    แต่นายก็หน้าแก่กว่าพนักงานที่อายุมากที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ...

    ประโยคทิ้งท้ายของฮยอกแจทำเอาทงเฮเลิกคิ้วมองด้วยความไม่พอใจ เอาอะไรมาพูดกัน ซองมินก็แค่หน้าหวาน ส่วนเขาน่ะหน้าแมนสมชายชาตรีจะว่าหน้าแก่ได้ยังไงกัน

    คอยดูนะ อีกสิบปีฉันก็ยังหน้าตาแบบนี้ จะมีแต่นายนั่นแหละที่แก่งั่กเป็นคุณลุงพุงย้วยทงเฮตะโกนกลับไปแต่ดูเหมือนว่าฮยอกแจจะไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้นเลยสักนิด

    ทงเฮ

    ครับพี่คยูฮยอน?

    อย่าเรียกว่าพี่เลย เป็นกันเองดีกว่าห่างกันก็แค่ปีเดียว

    โอเค ไม่มีปัญหา ทงเฮยิ้มพอใจ รู้สึกถูกชะตากับน้องชายของเจ้านายจริงๆ นิสัยน่ารักเป็นกันเองต่างกับเจ้านายอย่างสิ้นเชิง อย่าให้พูดถึงเลยนะ คนๆ นั้นเอะอะก็ต้องเนี๊ยบเป็นระเบียบเล่นเอาเขาไม่กล้าเรียกชื่อจริงเลยทีเดียวล่ะ

    คุณดอกไม้คนสวยที่ว่าเมื่อกี้น่ะ...เธอเป็นใครเหรอ?

    อ๊อ...เจ้านายยังไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ คุณคนนั้นร้านของเธออยู่เยื้องฝั่งตรงข้ามนี่เอง ปกติเธอจะมาส่งดอกไม้ที่นี่ทุกเช้าน่ะ

    ส่งดอกไม้?

    เธอเปิดร้านดอกไม้ ผมจำชื่อเธอไม่ได้แฮะ ดูเหมือนว่าเธอจะแอบมีซัมติงกับเจ้านายอยู่ล่ะครับทงเฮป้องปากกระซิบพลางมองไปยังคนสองคนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำแป้งเค้กทางด้านใน

    .................

    เธอสวยมากเลยนะ ถ้าคยูฮยอนมาเร็วกว่านี้คงได้เจอเธอ แบบว่าได้เห็นอาหารตาแต่เช้านี่มันทำให้หายง่วงจริงๆ เชียวทงเฮพูดน้ำเสียงสดใส ถึงแม้ว่าจะมีซองมินอยู่แล้วแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบมองของสวยๆ งามๆ เสียเมื่อไหร่

    พี่ไม่เห็นเล่าให้ผมฟังเลยคยูฮยอนหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยแต่ก็ยังพยายามเก็บอาการไว้อยู่ รู้สึกเคืองซีวอนที่ไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือไงกัน?

     

    ถ้าแค่ชอบพอกันคยูฮยอนจะไม่โกรธก็ได้...แต่ถ้าเกิดทั้งคู่คบกันแล้วล่ะก็...

     

    ทงเฮ ช่วยวอร์มเตาอบให้หน่อยสิ

    ได้ครับเจ้านาย

    ทงเฮลุกขึ้นไปวอร์มเตาอบเค้กตามคำสั่งของเจ้านาย ก่อนที่ร่างสูงจะเดินมานั่งลงข้างๆ น้องชายที่กำลังนั่งทำหน้าซึมผิดกับเมื่อครู่

    ทงเฮเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหม

    ครับ เพราะถ้ารอให้พี่เล่า ก็ไม่รู้จะได้ฟังเมื่อไหร่พูดกับพี่ชายแต่สายตาทอดมองออกไปข้างนอกร้าน เหตุผลอะไรก็ไม่สามารถหยุดอารมณ์ขุ่นมัวของคยูฮยอนได้แล้วในตอนนี้ แก้ตัวสิ พูดแก้ตัวกับเขาว่ามันไม่จริง

    นายโกรธที่พี่ไม่เล่าให้ฟังเหรอ?

    เรื่องนั้นผมไม่โกรธ...แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงผมจะโกรธหันกลับมามองหน้าพี่ชายอย่างเอาเรื่อง ซีวอนรู้ดีว่าคยูฮยอนเอาแต่ใจแค่ไหน เพราะฉะนั้นตลอดเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันเขาคงไม่มีโอกาสคบกับใครได้นานเกินหนึ่งอาทิตย์เลย

    หมายถึงอะไรที่ว่าเรื่องจริง

    ผู้หญิงร้านดอกไม้นั่น

    เธอชื่อคิมแทฮี

    ฟังแค่ชื่อก็พอจะรู้ว่าเป็นคนสวย พี่คงชอบเธอมากใช่ไหมครับ?น้ำเสียงราบเรียบกับบรรยากาศที่คลอไปด้วยเพลงคลาสสิคเบาๆ ทงเฮที่ยืนอยู่หน้าเตาอบกับฮยอกแจที่อยู่ทางด้านในหันมามองหน้าอย่างรู้กัน จากสถานการณ์แบบนี้พอจะทำให้พนักงานหนุ่มทั้งคู่เดาออกได้ว่า คยูฮยอนคงเป็นน้องชายที่ติดพี่ชายยิ่งกว่าอะไรดีเพราะจากที่ฮยอกแจเคยได้ยินเรื่องราวของคยูฮยอนมาจากปากซีวอนก็ฟังดูจะเป็นอย่างนั้น

    ใจเย็นๆ ก่อนสิ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ได้ไหม?

    นี่ก็ใจเย็นแล้วไงครับ พี่เห็นผมลุกขึ้นโวยวายพังข้าวของหรือไงกัน คยูฮยอนแค่นเสียงหัวเราะ ทุกครั้งที่ทะเลาะกันซีวอนก็ชอบว่าเขาแบบนี้แหละ ว่าเขาใจร้อนโวยวายสารพัดทั้งที่เขาเองยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง แล้วที่เป็นแบบนี้ก็เพราะใคร ไม่ใช่เพราะซีวอนหรอกเหรอ

    พี่ทำเหมือนผมเป็นคนอื่นเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อก่อนจะก้มลงเอาหน้าแนบกับโต๊ะ สบตากับพี่ชายอย่างเง้างอน ซีวอนยิ้มพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ

    พี่ขอโทษ ระหว่างมาที่นี่เราก็คุยกันตลอดทางจนพี่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย

    เพราะความคิดถึง โหยหา ห่วงใย ตลอดการเดินทางเลยเอาแต่คุยเรื่องคยูฮยอนตอนอยู่อเมริกาจนลืมเล่าเรื่องของตัวเองบ้าง มันก็ถูกแล้วล่ะ...เขากำลังคบหาดูใจกับคิมแทฮีเจ้าของร้านดอกไม้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเมื่อไม่นานมานี้เอง

     

     

    คยูฮยอนไม่จำเป็นที่ต้องรู้ถึงเหตุผลที่เขาคบกับเธอหรอก...

     

     

    ถ้าผมบอกว่าไม่ให้อภัยล่ะ...พี่จะทำยังไง

    จะให้พี่เลิกกับเธองั้นเหรอถามเหมือนกับทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่ซีวอนคบกับใครสักคนแล้วคยูฮยอนไม่พอใจ แล้วก็จะได้คำตอบมาเหมือนกันทุกครั้งว่า

     

     

    เลิก

     

     

    ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย

    อ่า...

    ผมโตแล้วนะครับ อายุยี่สิบเอ็ดแล้วด้วย ผมก็แค่น้อยใจที่พี่ไม่ยอมเล่าให้ผมฟังบ้างก็เท่านั้นเอง…” คยูฮยอนอมยิ้มมองคนตรงหน้าจนซีวอนคาดเดาไม่ถูก คยูฮยอนที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้...

    พี่ต้องพาเธอมาแนะนำให้ผมรู้จักนะ ผมอยากเจอเธอ

     

    เป็นประโยคที่น่ายินดี...แต่ทำไมซีวอนถึงรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของน้องชายตัวเองขนาดนี้ รอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยนั่นน่ะเหมือนว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่ข้างใน

     

    เอางี้ดีกว่า ผมจะมาช่วยพี่ดูแลร้านแล้วกันนะครับ ดีไหม?

    หืม?

    ผมอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่เดือนเดี๋ยวก็ต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว จะให้อยู่ที่บ้านก็เบื่อๆ ไม่ดีเหรอครับมีคนมาช่วยงานฟรีๆ น่ะ

    จะไหวหรือไงเรา

    เดี๋ยวให้ฮยอกแจกับทงเฮช่วยเทรนด์ผมก็ได้นี่ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเรียนรู้ไวทุกเรื่องอยู่แล้วยกเว้นเรื่องเรียน คยูฮยอนหัวเราะก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปหาฮยอกแจทางด้านในปล่อยให้ร่างสูงนั่งงงกับพฤติกรรมของน้องชายอยู่อย่างนั้น

     

    ก็ไม่อยากคิดมากแบบนี้หรอกนะ...แต่เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในตัวคยูฮยอน คิดมาตลอดว่าว่าเขาเป็นคนที่รู้จักคยูฮยอนดีที่สุด แต่พอกลับมาคราวนี้เห็นทีต้องคิดใหม่...ตามหลักความน่าจะเป็นแล้วคยูฮยอนควรจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่เห็นเขามีคนรักสิถึงจะถูก ขนาดตัวเขาเองยังรู้สึกผิด...จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพี่น้องกัน...แต่ความรู้สึกของเราทั้งคู่มันก็ก้าวผ่านจุดนั้นมาแล้วนี่...

     

    ชอบเค้กเหรอครับฮยอกแจคนถูกถามหันหลังกลับไปมองเมื่อมีใครอีกคนชะเง้อหน้าเข้ามาจนแก้มแทบจะชนกันอยู่แล้ว ฮยอกแจยิ้มบางๆ ก่อนจะหันกลับไปกวนแป้งเค้กต่อ

    ตอนแรกก็ไม่หรอกครับ แต่พออยู่กับมันนานๆ ก็เริ่มชอบขึ้นมาบ้าง

    สอนผมทำบ้างสิ

    ครับ? ฮยอกแจเอี้ยวตัวหันกลับมามองใครอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ รอยยิ้มที่มองมานั้นมันแปลกจนเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าคยูฮยอนกำลังหว่านเสน่ห์ใส่เขา

    ผมอยากหัดทำกาแฟ ทำเค้กด้วย พี่ซีวอนไม่ค่อยมีเวลามาดูแลร้านผมเลยอยากมาช่วยแบ่งเบาภาระบ้างน่ะ

    ผมคงสอนคุณได้แค่นิดๆ หน่อยๆ เพราะคนที่รู้เรื่องเค้กจริงๆ ก็มีแค่เจ้านาย ผมก็เป็นแค่ลูกมือของเขาเท่านั้น

    งั้นสอนผมทำกาแฟก็ได้นี่

    อ่า...อย่างนั้นก็ได้ครับ

    ฮยอกแจใจดีจัง ผมเริ่มชอบนายแล้วสิ

     

    ฮยอกแจใจดีจัง ฉันชอบนายจริงๆ นะ

     

    ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งยิ้มให้กับคนตรงหน้าแล้วหันไปง่วนกับงานที่ยังทำค้างไว้อยู่ เขาไม่ชอบคำพูดที่ฟังแล้วดูฝืดคอแบบนั้นมันทำให้เขานึกถึงคนๆ หนึ่ง...ที่ปากบอกว่าชอบเขาแต่ก็คบกับใครอีกคนอยู่

     

     

    .

    .

     

     

    ฉันบอกคุณแล้ว ว่าเด็กคนนี้ต้องแอบหนีกลับมาก่อนกำหนดแน่ๆ

    แล้วแขนนั่นน่ะไปโดนอะไรมา?

    คยูฮยอนนั่งกลอกตาฟังเสียงพ่อกับแม่บ่นในขณะที่ซีวอนได้เพียงแค่นั่งหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างๆ ถึงคยูฮยอนจะอายุยี่สิบเอ็ดแล้วแต่เขาก็ยังคงดูเป็นเด็กในสายตาพ่อกับแม่อยู่ดี เด็กเจ้าปัญหาที่ชอบทำให้พ่อแม่ปวดหัวนั่นก็รวมถึงพี่ชายสุดที่รักของเขาด้วย

    พ่อแม่ไม่ดีใจเหรอที่ผมกลับมาเซอไพร์สแบบนี้

    เซอไพร์สอะไร ฉันก็เห็นแกเดินเข้ามาในบ้านหน้าตาเฉย เผลอๆ ไม่เห็นหัวฉันที่นั่งอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

    นั่นเพราะว่าโซฟามันตัวใหญ่แล้วสีผมพ่อก็ดันกลมกลืนกับโซฟาซะขนาดนั้น ใครจะไปมองเห็นล่ะครับ

    นี่แกจะว่าพ่อแก่จนหัวหงอกแล้วงั้นเรอะ

    โอ๊ะ! เปล่านะครับ!”

    คยูฮยอนรีบวิ่งหลบฝ่ามือพ่อของเขาที่ทำท่าจะเอาหนังสือพิมพ์ฟาดหัวเข้าให้ ร่างโปร่งหัวเราะลั่นพลางวิ่งไปหลบหลังโซฟาพี่ชายแถมยังทำหน้ากวนประสาทใส่คนเป็นพ่อจนชายแก่ต้องเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วสงบสติอารมณ์

    แล้วแกจะอยู่นี่กี่เดือน

    ประมาณสามสี่เดือนครับ

    ทำไมต้องประมาณ เอาเวลาที่มันชัดเจนสิ แกคงไม่ได้หยุดแค่เดือนเดียวแล้วอำพ่อกับแม่หรอกนะ

    โธ่...พ่อเห็นผมเป็นคนยังไงกันครับ ผมโตแล้วนะ

    โตแค่ตัวน่ะสิ แล้วนี่อะไร ได้ข่าวว่าจะไปป่วนที่ร้านพี่ชายแกหรือไง?

    เค้าเรียกว่าช่วยแบ่งเบาภาระ หรือพ่ออยากให้ผมกินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านแล้วใช้เงินไปวันๆ ล่ะครับ

    เดี๋ยวนี้หัดต่อล้อต่อเถียง อยู่ที่โน่นป้าแกไม่สั่งสอนบ้างหรือไง

    ป้าสั่งสอนดีมากจนผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบยืดอกพลางยักคิ้วใส่

    ประคบประหงมกันล่ะสิไม่ว่า

    ไม่เป็นไรครับพ่อ ถือว่าให้คยูฮยอนได้ลองฝึกงานดู อยู่ที่โน่นคงไม่เคยได้ทำงานพิเศษ ลองให้น้องเรียนรู้กับการรับผิดชอบบ้าง ถึงจะทำข้าวของเสียหายแต่ก็ยังดีกว่าไปทำของชาวบ้านเขาพังนะครับ ซีวอนพูดทำให้คยูฮยอนหันควับทันที

    พี่พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน พี่ต้องบอกว่าคยูฮยอนคงช่วยผมได้เยอะเลยล่ะครับ สิถึงจะถูกน่ะ

    โอเค...นายคงช่วยพี่ได้เยอะเลยล่ะ ซีวอนบีบจมูกน้องชายตัวเองเบาๆ มือเรียวตีมือพี่ชายรัวๆ ก่อนจะโกยอากาศเข้าปอด นี่ก็อีกคน เห็นเขาเป็นเด็กอยู่เสมอเลยสิ

    ถ้าซีวอนพูดอย่างนั้น ฉันก็ว่าไม่น่ามีอะไรน่ากังวลนะคะคุณ

    ขัดใจได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ คนเป็นพ่อพูดพลางมองคาดโทษลูกชายคนเล็กที่นั่งทำหน้ากวนประสาทอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

     

     

    แค่นี้ก็สำเร็จไปแล้วหนึ่งอย่าง...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ร่างบางหยุดยืนอยู่หน้าประตูหอพักที่ก่อนหน้านี้เคยมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังแทบจะไม่ได้มาเหยียบที่นี่แล้ว ก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมาที่นี่อีกในเมื่อซองมินก็มีทงเฮอยู่แล้วนี่

     

    ก๊อกๆ

    ฉันเอง

    ไม่นานนักประตูก็เปิดออกพร้อมกับห้องที่มืดสนิท ใครบางคนที่หน้าซีดเผือดกำลังฝืนยิ้มให้กับเขา ฮยอกแจเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับกดเปิดสวิซท์ไฟ ซองมินยกมือขึ้นป้องระดับสายตาก่อนจะมองตามแผ่นหลังใครอีกคนที่เดินเข้าไปในห้องครัวโดยที่ไม่พูดอะไรเลย

    เดินตามเข้าไปพร้อมกับหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่กำลังเปิดฝาขวดสแตนเลทพร้อมกับรินโกโก้ร้อนใส่แก้ว ซองมินจ้องใบหน้าเรียวก่อนจะยิ้มบางๆ

    ขอบคุณที่มานะ

    กินข้าวหรือยัง

    อื้ม เรียบร้อยแล้วล่ะ

    ทงเฮเอายาให้กินแล้วใช่ไหม

    ซองมินพยักหน้าก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใครอีกคนเอาหลังมือมาอังหน้าผากเขา นัยน์ตาของฮยอกแจดูเย็นชาเหมือนกับทุกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นซองมินก็ยังตอบคำถามให้กับตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมนะ...ทำไมถึงชอบแววตาแบบนี้นัก?

     

    หนึ่งคนเย็นชา...

    อีกคนสดใส...สร้างรอยยิ้มให้กับเขาได้อยู่เสมอ...

     

    แต่ทำไม...อีซองมินถึงได้โหยหาอีฮยอกแจนัก?

     

     

    ทงเฮกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    ชั่วโมงที่แล้ว

    ดื่มนี่เสร็จแล้วก็นอนซะ ฉันกลับแล้วนะ เดินสวนใครอีกคนออกมาแต่ก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อถูกรั้งข้อมือเอาไว้...วงแขนเรียวโอบกอดเอวเขาจากข้างหลังพร้อมกับซบหน้าลงกับต้นคอขาว ฮยอกแจยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่ปฏิเสธ ไม่ผลักไส...มีแค่ความรู้สึกปวดหนึบที่มันรื้นอยู่ตรงหน้าอกข้างซ้าย

    อยู่กับฉันนะฮยอกแจ

    ..............

    แค่คืนนี้...

    ..............

    แค่คืนนี้เท่านั้น...

     

     

     

    .

    .

     

    เช้าวันรุ่งขึ้นในวันท้องฟ้าแจ่มใส เรียวขาเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านดอกไม้ที่ถูกตกแต่งได้น่ารักดึงดูดให้ใครหลายๆ คนอยากเดินเข้าไปเยี่ยมชม ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดันประตูกระจกเข้าไปทางด้านใน กระดิ่งโมบายดังเบาๆ ก่อนที่หญิงสาวร่างผอมบางที่นั่งง่วนอยู่กับกระถางดอกไม้จะเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่พร้อมกับส่งยิ้มให้

    สวัสดีค่ะ เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะคะพอดีว่าฉันเพิ่งจะเปิดร้านเมื่อกี้นี้เอง ร้านยังดูรกๆ อยู่เลย

    ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณทำงานตามสบายเถอะ ผมแค่อยากจะลองเลือกดอกไม้ไปประดับแจกันน่ะครับ แต่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องพวกนี้เลย

    คุณชอบดอกอะไรคะ เผื่อฉันจะช่วยแนะนำได้ เธอถอดถุงมือออกพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างโปร่ง คยูฮยอนมองดวงหน้าหวานที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยตรงหน้าแล้วก็นึกสนุก

    ผมชอบกุหลาบสีขาวครับ มันดูบริสุทธิ์ดี

     

     

    บริสุทธิ์...มากพอที่จะทำลาย...

     

     

    แจกันของคุณใบใหญ่ไหมคะ แล้วก็สีอะไร ขอโทษนะคะที่ถามมาก ฉันเกรงว่ากุหลาบสีขาวอย่างเดียวมันจะดูโล่งจนเกินไป ถ้าเติมกุหลาบสีชมพูหรือสีโอรสเข้าไปหน่อยมันคงดึงดูดตามากขึ้นน่ะค่ะ เธอยิ้มพร้อมกับผายมือไปยังโซนดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน คยูฮยอนยืนกอดอกมองดอกไม้เหล่านั้นแล้วก็หันมายิ้มให้คนข้างๆ

    อย่างที่คุณพูดจริงๆ ด้วย

    เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างโปร่งใช้นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มเธอเบาๆ นัยน์ตาเรียวเบิกโพลงจ้องใบหน้าเด็กหนุ่มด้วยความตกใจหากแต่ร่างกายกลับยืนนิ่ง

    ขอโทษครับ มีเศษดินติดอยู่ที่แก้มคุณน่ะ คยูฮยอนชูนิ้วให้อีกฝ่ายดูพร้อมกับยิ้มละมุนให้ ร่างบางหน้าขึ้นสีเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแห้งๆ พลางก้มหน้างุด

    ผมชอบสไตล์การตกแต่งแจกันของคุณมาก แต่ผมขอดอกกุหลาบขาวช่อหนึ่งแล้วกันครับ

    เธอกระพริบตาปริบๆ รู้สึกผิดหวังที่เขามองข้ามสิ่งที่เธอแนะนำไปแต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

    ผมกำลังไว้อาลัยให้คนๆ หนึ่งน่ะ กุหลาบขาวล้วนคงเหมาะที่สุด คุณคิดอย่างนั้นหรือเปล่าครับ?

    เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่ริมฝีปากบางจะยิ้มออกมาได้ คนๆ นี้เป็นลูกค้าที่ประหลาดเอาเรื่องแต่มีอะไรน่าดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูก

    ผมชอบร้านคุณจังเลยครับ คุณ...

    อะ...เอ่อ...คิมแทฮีค่ะ เธอพูดตะกุกตะกัก อาจเป็นเพราะสายตาของคนตรงหน้าที่ยากจะคาดเดา รู้เพียงแค่ว่ามันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงได้เท่านั้น มีลูกค้าที่เป็นผู้ชายเดินเข้าร้านมาวันละไม่รู้กี่สิบคนแต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำให้เธอรู้สึกอะไรแบบนี้นอกจากคนๆ นั้น...คนที่เป็นเจ้าของหัวใจของเธอ

    รู้สึกผิดอยู่ในใจแต่ก็ได้แค่บอกกับตัวเองว่าเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่รู้สึกตื่นเต้นเวลาเจอผู้ชายหน้าตาดีก็เท่านั้นแต่ไม่ได้ถึงขั้นตกหลุมรักสักหน่อย...

    มือเล็กยื่นช่อดอกไม้ให้กับคนตรงหน้า คยูฮยอนรับมันมาพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้กับเธอ ไม่ต้องถามราคาให้มากความบางทีการใช้สายตาแทนคำพูดมันก็ดีที่สุดสำหรับเขา

    ขอบคุณมากนะคะ เธอเดินกลับมาพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตคืนให้กับร่างโปร่ง คยูฮยอนมองใบเสร็จแล้วก็พยักหน้าเบาๆ ราคาก็ไม่เท่าไหร่

    ผมโจคยูฮยอนนะครับ ชื่อผมจำง่ายใช่ไหม?...คุณแทฮี คยูฮยอนระบายยิ้มก่อนจะเอี้ยวตัวหันหลังเดินออกจากร้านไป ร่างบางหยุดยืนอยู่กับที่พูดอะไรไม่ออก เด็กคนนี้กำลังทำให้เธอใจเต้นแรงงั้นเหรอ นึกแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ ถ้าเกิดเล่าเรื่องนี้ให้ซีวอนฟังเขาคงหาว่าเธอเป็นป้าแก่ๆ ที่เห็นลูกค้าเด็กกว่าไม่ได้เป็นต้องหวั่นไหว

     

     

     

     

    แต่ผู้หญิงอย่างคิมแทฮีคงไม่รู้อะไรเลยสินะ...

    ว่าทุกอย่าง...มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น...

    รักพี่ชายผมให้นานๆ ล่ะอย่าเพิ่งถอดใจไปก่อน

    เพราะผมจะทำให้คุณได้ซาบซึ้งถึงความรักที่คุณมีต่อเขาเอง

    ผมจะทำให้คุณสำลักความรักออกมาจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

    ให้เจ็บปวดยิ่งกว่าสถานะที่ผมเป็นอยู่ร้อยเท่าพันเท่า...

    ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะคิมแทฮี...

     

     

     

    ไม่ว่าใครหน้าไหนที่คิดจะแย่งพี่ชายไปจากผม...

    ผมจะเป็นคนกำจัดคนๆ นั้นออกไปให้พ้นทางด้วยมือของผมเอง...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TALK

    ฟิคเรื่องนี้โคตรจิต

    คอยดูกันต่อไปว่าคยูฮยอนจะทำอะไร?  

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×