คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Friend's I - Failed
ผมเคยได้ยินมาว่า..
ความรักมักจะมาโดยไม่ตั้งใจ..และจากไปโดยไม่ให้เราได้ตั้งตัว..
“อ้าว..ไอ้เหี้ยทงเฮอ่ะ?”
“เมาค้าง..ปล่อยแม่งนอนไปเถอะ”
“มันขาดจะครบโควต้าแล้วนะได้ข่าว..อ่ะนั่น! เฮลโล๊คยูฮยอนนี่~” หนุ่มตาสระอิหันไปโบกมือให้ผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเรียน ร่างโปร่งเดินลงมานั่งข้างๆ ฮยอกแจก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้
“ทงเฮล่ะ”
“ถ้ามาก็เห็นแล้วสิ” พูดจบก็ถูกตบหัวทันที ร่างสูงกุมหัวตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนอีกคนที่นั่งถัดไปถึงสองที่นั่งแต่มันยังมีความพยายามเอื้อมมาตบหัวเขาได้
“เหมือนเดิม..แฮงค์” ฮยอกแจตอบสั้นๆ นั่นก็พอทำให้คยูฮยอนเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น
คยูฮยอนเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิท เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่เพราะมีความชอบเหมือนกันถึงได้คุยกันรู้เรื่อง..
ชอบอยู่กับดินเหนียวและเครื่องปั้น แต่หมอนี่ไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยหรอก นานๆ ทีถึงจะไปดื่มด้วยกัน คยูฮยอนไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ไม่ชอบอยู่ในที่อับๆ ทงเฮถึงได้บ่นอยู่บ่อยๆ ว่าคยูฮยอนเรื่องมาก ลูกผู้ชายตัวจริงต้องอยู่ในผับ ควงหญิง และมีกลิ่นบุหรี่ติดตัวสิถึงจะถูก!
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มองว่าความคิดของทงเฮมันเป็นเรื่องที่โคตรจะงี่เง่าอยู่ดีแหละครับ
.
.
“แสบท้องจะตายแล้ว อาจารย์สอนแบบนี้กลัวกูขาดทุนเหรอ” ร่างสูงพูดพลางลูบท้องตัวเองไปด้วย เมื่ออาจารย์สอนภาษาอังกฤษใช้สิทธิ์จนคุ้มสามชั่วโมงเต็ม เด็กศิลปกรรมอย่างเราๆ ก็ใช่ว่าจะมีความสุขกับการเข้าเรียนวิชานี้สักเท่าไหร่.. เอาง่ายๆ ความรู้สึกเหมือนกับให้เด็กเรียนบัญชีมานั่งปั้นเซรามิกส์นั่นแหละ
“กินอะไรดี”
“อะไรก็ได้”
“มึงอย่าพูดว่าอะไรก็ได้สิครับเชี่ยหลัว กรุณาระบุพิกัดและเมนูด้วย” พูดพร้อมกับหันไปมองคนข้างๆ ที่หน้างอเพราะความหิว
“ไปกินเนื้อย่างไหมล่ะถัดไปแค่สองบล๊อกเอง” เป็นคยูฮยอนที่ตัดสินชะตากรรมให้กับเฮนรี่ ร่างสูงพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมากดรับ
“ว่าไงม๊า”
“ห๊า..อะไรนะ..อีกุ๊ยช่ายไม่สบาย..โอเคๆ อั๊วะจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” รีบวางสายก่อนจะหันมาทำหน้าจะเป็นจะตายใส่เพื่อนทั้งสองที่ยืนฟังอยู่ เอาล่ะสิ.. ดูท่าหมาสุดที่รักของมันจะสำออยอีกแล้วสินะ
“กูต้องไปแล้วว่ะ พวกมึงก็หาหญ้าแถวนี้แดกเล่นไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะ ซี ยู อาเกน ทูมอโร่ว” พูดพร้อมกับตบบ่าเพื่อนทั้งสองคนเบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปทั้งที่ลิฟท์อยู่ตรงหน้า..แถมชั้นที่เรียนอยู่ก็ไม่ได้สูงเลย..
“วิ่งลงจากชั้นเก้า..แม่งบ้าไปแล้วแน่ๆ” คยูฮยอนส่ายหัวเอือมๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟท์ ฮยอกแจได้แต่หัวเราะกับความเพี้ยนของเพื่อนตัวเอง
.
.
คุณได้รับข้อความจาก..
‘หมาบ้า’
[หิว]
คยูฮยอนหันไปมองคนข้างๆ ที่พึ่งเก็บมือถือเข้ากระเป๋าก็พอจะเดาออกว่าใครส่งข้อความมาตอนนี้ทงเฮคงตื่นแล้ว และคงส่งข้อความมาออดอ้อนให้ฮยอกแจไปส่งข้าวส่งน้ำเหมือนกับทุกครั้งแน่ๆ
“มันฟื้นจากหลุมแล้ว”
“ส่งข้อความกลับไปสิว่าเดี๋ยวจุดธูปส่งไปให้..” ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ทำตัวเป็นคุณชายอยู่เสมอจนบางครั้งคยูฮยอนก็สงสัยอยู่ว่าฮยอกแจนั้นเป็นเพื่อนสนิทหรือว่าเป็นทาสของทงเฮกันแน่
ติ๊ง...
เสียงประตูลิฟท์เปิดออกพร้อมกับร่างเพรียวบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า.. กลีบปากอิ่มยิ้มให้ร่างโปร่งอย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินเข้ามาในตัวลิฟท์ ผมลอนยาวสีน้ำตาลเข้ากับชุดนักศึกษาหญิงเข้ารูปอีกทั้งรอยยิ้มนางฟ้านั่นอีก..
น่ารัก...
คยูฮยอนเหลือบหันไปมองเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งหากแต่สายตานั้นจ้องมองร่างเพรียวบางตรงหน้าตาไม่กระพริบ แค่มองตาก็ดูออกว่าฮยอกแจกำลังคิดอะไรอยู่..วันนี้ถือว่าโชคดีที่ทงเฮไม่มา..ไม่งั้นผู้หญิงคนนี้คงโดนทงเฮคาบไปแดกเพราะฮยอกแจมัวแต่ชักช้าอีกตามเคย
กึ่ก!!!
แสงไฟสีขาวดับไปในทันทีพร้อมกับตัวลิฟท์ที่หยุดชะงัก ร่างบางเซถอยหลังชนกับแผงอกอีกคนก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องเพราะความกลัว
“กรี๊ดด!!”
“เธอ..เป็นอะไรรึเปล่า?” พูดพร้อมกับพยุงร่างบางเอาไว้ท่ามกลางความมืด.. มือเรียวล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะกดปุ่มปลดล็อค สถานการณ์แบบนี้คงต้องใช้แสงสว่างของหน้าจอมือถือแก้ขัดซะแล้วล่ะ
“ฮัลโหล..ฮัลโหล..ได้ยินไหม” คยูฮยอนกดปุ่มฉุกเฉินที่อยู่ตรงหน้าหากแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ.. มือเล็กทาบทับลงบนลาดไหล่บางของร่างโปร่งพลางซุกหน้าลงโดยไม่รู้ตัว.. กลัวความมืด.. กลัว..
“ฮึก..ช่วยด้วย”
“เธอ..ใจเย็นๆ ก่อน” พูดพร้อมกับชูมือถือขึ้นเหนือศรีษะเพื่อให้แสงสว่างสาดส่องไปทั่วตัวลิฟท์ ร่างบางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก่อนจะหันมองไปรอบๆ ตัว ใครหนึ่งคนกำลังพยายามขอความช่วยเหลือ..และที่สำคัญกว่านั้นคือเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของคนไม่รู้จัก
“เดี๋ยวก็มีคนมาช่วย หายใจเข้าลึกๆ” ริมฝีปากบางยิ้มให้กับคนตรงหน้า หวังให้ร่างบางผ่อนคลายความรู้สึกหวาดกลัวลงบ้าง
“จริงเหรอ..”
“จริงสิ เราเองก็เคยติดมาแล้ว ไม่ถึงห้านาทีก็มีคนมาช่วย” โกหกเพื่อให้คนตรงหน้าสบายใจ ในตอนนี้สิ่งที่ฮยอกแจทำได้ที่ดีสุดก็มีเพียงเท่านี้นั่นแหละ
“..มีคนติดอยู่ในลิฟท์..ได้ยินแล้วกรุณาตอบกลับด้วย” คยูฮยอนเริ่มถอดใจเมื่อไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ร่างโปร่งเอนหลังพิงผนัง ตอนนี้เริ่มรู้สึกหายใจติดขัดเพราะอ๊อกซิเจนในตัวลิฟท์เริ่มน้อยลง
“อ่า...ใจเย็นๆ นะครับช่างกำลังซ่อมแซมอยู่..ไม่เกินสิบนาทีเดี๋ยวทางเราจะส่งคนไปช่วย”
เสียงตอบรับกลับมาทำให้ทั้งสามคนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง..อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนอยู่ในที่แคบๆ นี้อย่างไร้ความหวัง
.
.
ทั้งสามคนนั่งอยู่บนพื้นรอเวลาให้คนเข้ามาช่วย ภายในตู้สี่เหลี่ยมอากาศร้อนจนรู้สึกอึดอัด มือเล็กหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานก่อนจะหันมาจ้องคนข้างๆ
คนๆ นี้เป็นคนดี..
“เรายังไม่รู้จักชื่อเธอเลย” ร่างบางยิ้มก่อนจะยื่นทิชชู่ให้อีกฝ่าย คยูฮยอนเอนหลังพิงผนังก่อนจะหันไปยิ้มขำเมื่อเห็นเพื่อนสนิทกับหญิงสาวร่างบางกำลังสร้างโลกส่วนตัว..นี่เขากลายเป็นอากาศธาตุไปแล้วสินะ
“อ่า..อีฮยอกแจ..” ฮยอกแจก็เป็นคนอย่างนี้แหละ เวลาชอบพอใครก็จะรู้สึกประหม่าจนทำตัวไม่ถูก ยิ่งอีกฝ่ายเป็นคนเปิดบทสนทนาด้วยยิ่งแล้วใหญ่เลย
“เราชื่อยูอีนะเรียนมนุษย์ศาสตร์ปีสาม ฮยอกแจล่ะ”
“ศิลปกรรม ปีสามเหมือนกัน รู้จักเซรามิกส์รึเปล่า?”
“อ๋า~ เซรามิกส์งั้นเหรอ? รู้จักสิ เรากับพ่อชอบสะสมจานเซรามิกส์นะ” ร่างบางยิ้มกว้างเมื่อได้เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน นั่นทำให้ฮยอกแจรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย..เพราะดูจากท่าทางแล้วเขาไม่คิดเลยว่าเธอจะชอบอะไรแบบนี้ด้วย
“จริงเหรอ..น้อยคนนะที่จะชอบสะสมอะไรแบบนั้น..” ร่างโปร่งยิ้มเขินพลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอย
ผู้หญิงคนนี้..น่ารักกว่าที่คิด..
“อะแฮ่ม!” แกล้งดักคอบ้างเพราะเห็นสีหน้าเพื่อนสนิทจะดูอิ่มเอมเกินไปแล้ว คยูฮยอนเหลือบมองทั้งคู่ที่นั่งถอยห่างออกมา บางทีเขาก็ไม่ได้อยู่กันตามลำพังสองคนนะ
“..ส่วนนั่นโจคยูฮยอน..เพื่อนเราเอง”
“สวัสดีจ๊ะ”
คยูฮยอนโค้งหัวให้เล็กน้อยก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปคุยกันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะได้ใจอีฮยอกแจไปเต็มๆ แล้วล่ะ..ไหนจะความน่ารักสดใสกับความเป็นกันเองที่ดึงดูดใจอีกฝ่ายแบบนี้
แต่ที่ทำให้ฮยอกแจประทับใจก็คือ..เธอไม่ใช่คนที่เย่อหยิ่งอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่แรก
.
.
“..เราไปส่งไหม” รวบรวมความกล้าก่อนจะตัดสินใจถามออกไป หลังจากหลุดพ้นจากตู้สี่เหลี่ยมแคบๆ นั่นได้แล้วก็รีบโกยอากาศเข้าปอดเพราะข้างในนั้นแค่หายใจยังลำบาก
ร่างบางหันมามองคนข้างๆ ที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพลางทอดสายตาไปทางอื่น พอหันมาสบตากันก็เอาแต่หัวเราะแห้งๆ แบบนี้ยูอีก็พอจะเดาออก..ว่าอีฮยอกแจกำลังเขิน
คยูฮยอนยืนส่ายหน้าเอือมๆ กับท่าทางของทั้งคู่ที่เห็นแล้วราวกับเด็กมัธยมหัดมีความรัก หากแต่ฮยอกแจต้องฝันสลายเมื่ออีกฝ่ายชูกุญแจรถขึ้นมาตรงหน้า
“อ่า..”
“อื้อ..แล้วฮยอกแจจะไปไหนต่อเหรอ” ดวงหน้าหวานช้อนตามองอีกฝ่ายพร้อมกับอมยิ้ม
ประหม่า.. ทำยังไงดี.. หัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว..
“เราเหรอ..ก็ว่าจะไปหาเพื่อนน่ะ..” พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เขาพอจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนปอดแหกแค่ไหน ถ้าเป็นไอ้ทงเฮนะ ป่านนี้มันคงได้เบอร์พร้อมกับหาทางไปส่งเธอจนได้แล้วล่ะ
“อ๋อจ๊ะ~”
ขอเบอร์ไปเลยสิไอ้โง่..
“งั้น..เรากลับแล้วนะ..” มองคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปโบกมือให้คยูฮยอน ทิ้งไว้เพียงร่างโปร่งที่ยืนตบหน้าผากตัวเองอยู่ตรงนั้น
“พอมีโอกาสก็ไม่รีบฉวยเอาไว้” คยูฮยอนเดินมาตบบ่าคนเป็นเพื่อนที่กำลังดูเหมือนจะเสียสติไปแล้วพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ
มันติดอยู่ที่ปากนี่แหละ.. ติดอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่พูดวะ
“มึง..ไม่คิดว่าเค้าสูงไปสำหรับกูเหรอวะ..” สายตายังคงมองไปยังร่างบางที่พึ่งเดินข้ามฝั่งไปลานจอดรถก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ของแบบนี้มันไม่สำคัญหรอก อยู่ที่ตัวมึงนี่..เขาทอดสะพานให้ตั้งขนาดนี้แล้ว”
“
.” ฮยอกแจได้แต่รู้สึกผิดที่พลาดโอกาสทองไป ครั้งนี้ไม่มีอุปสรรค ไม่มีก้าง ไม่มีหมามาคาบไปแดกเหมือนทุกครั้ง แต่เขาดันทำทุกอย่างพลาดเอง
รู้เพียงแค่ชื่อ..คณะ..เพราะมัวแต่ชวนคุยเรื่องของตัวเองแท้ๆ ..อีฮยอกแจ..แกนี่มัน..
.
.
บางครั้งคนเราก็มองข้ามความรู้สึกของอีกฝ่ายไป..
อยากจะทำอะไรก็ได้..เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน
“อิ่มแล้วครับ~” ลากเสียงยาวก่อนจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา ฮยอกแจมองเพื่อนสนิทที่สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนขายาวแล้วก็นึกสงสัย วันนี้มันไม่ออกไปล่าเหยื่อรึยังไงกัน
“จ่ายกูด้วยอย่ามาเนียน เมื่อคืนมึงได้บอลกูรู้” แบมือไปตรงหน้าก่อนจะรีบชักมือกลับเมื่อใครอีกคนฟาดมือลงมาเบาๆ
“ค่าข้าวไม่กี่พันวอนเนี่ย..เลี้ยงเพื่อนไม่ได้ไง?” พูดพร้อมกับเลิกคิ้วมองพลางทำหน้าทะเล้น ฮยอกแจแค่นเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้เพื่อนตัวดี
“เหตุผลอะไรที่กูต้องเลี้ยงมึง”
“เพราะว่ามึงรักกูไง”
“อื้อหือ..อยากจะด่าว่าเหี้ยนะแต่มีมารยาท” พูดออกมาได้ วันนี้ทั้งเช็คชื่อทั้งทำแบบทดสอบให้สารพัด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเลยสักนิดเดียว เรียกได้ว่าง่อยเลยด้วยซ้ำ นี่มันยังมีหน้าขอให้เขาเลี้ยงข้าวอีกรึ..
“เอ้าเฮ้ย! ยิง!” สายตาคมจดจ้องอยู่ที่จอแก้วพลางกำหมัดแน่น ไม่ใส่ใจกับคำบ่นของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ฮยอกแจส่ายหน้าเอือมก่อนจะเก็บจานชามแล้วเดินไปในห้องครัว
ทงเฮอยู่บ้านคนเดียวเพราะพ่อแม่ทำงานธรณีวิทยา นานๆ ทีถึงจะกลับ เพราะงี้ทงเฮมันถึงดูเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นแบบนี้ไงล่ะครับ
ร่างโปร่งเดินไปหยิบไม้กวาดเตรียมทำความสะอาดบ้านที่ไอ้หมาบ้ามันทำรกเอาไว้ ดวงตากลมเหลือบมองไปยังใครอีกคนที่นั่งเอาคางเกยพนักโซฟาพลางทำตาละห้อยจ้องมองเขาไม่ละสายตา
“อะไร”
“เปล๊า~ ก็แค่คิดว่าถ้าได้เมียอย่างมึงนี่กูคงรักตายเลย” พูดจบคนฟังก็หัวเราะพรืดออกมา
“แค่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เป็นเมียมึงกูก็อนาถจิตแล้วว่ะ”
“โหย! ทำไม กูไม่ดีตรงไหน” ทงเฮเบิกตากว้างเมื่อได้ยินคำตอบที่แสนจะขัดใจ
“ทุกตรง” ตอบแบบไม่ต้องคิด..นั่นทำให้ทงเฮอ้าปากหวอเมื่อได้ยินคำตอบที่แสนทิ่มแทงใจซ้ำสอง ขนาดเพื่อนรักยังพูดแบบนี้
“ก็ถ้าผู้หญิงพวกนั้นได้เสี้ยวของมึงบ้างก็คงดี”
“อะไรของมึง ก็เห็นชอบที่จะควงผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่รึไง” พูดพร้อมกับหยิบไม้กวาดขนไก่มาปัดไปตามเฟอร์นิเจอร์หลังจากเพื่อนตัวดีพึ่งปิดทีวีไป วันนี้บอลคู่เล็ก..ไม่น่าลุ้นเท่าไหร่
“ก็ได้แค่ควงนั่นแหละ..แต่ถ้าให้เอาเป็นแม่ของลูกกูก็ไม่ไหวว่ะ”
“ก็นี่ไง หาผู้หญิงจริงจังสักคนดูสิ มึงจะได้ไม่ต้องล่องลอยไปมาเป็นสัมภเวสีแบบนี้”
“อะ..อ้าว..ไอ้เชี่ยนี่แม่งปากหมานะครับ..” เลิกคิ้วมองก่อนจะฉีกหนังสือพิมพ์ฟุตบอลมาขยำเป็นก้อนแล้วเขวี้ยงใส่หัวอีกคน ร่างโปร่งละสายตาจากการทำความสะอาดก่อนจะหันมามองไอ้ตัวป่วนที่ยังคงรัวมือไม่หยุด
“มึงนี่ยังไง ไม่ช่วยแล้วยังทำให้รกกว่าเดิมอีก ลุกขึ้นมาทำเองเลยสัด” พูดพร้อมกับเอาไม้กวาดขนไก่ฟาดท่อนแขนแกร่งจนอีกฝ่ายสะดุ้งพลางลูบแขนป้อยๆ
“ก็หน้าที่มึงอ่ะ” เงยหน้ามองอีกฝ่ายพลางทำหน้าหงอ ก็ฮยอกแจเป็นพ่อบ้านให้เขามาตลอด ไม่เคยได้จับซักทีหรอกไม้ก่งไม้กวาดน่ะ แล้วจู่ๆ จะให้ลุกขึ้นไปทำอะไรแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้~
“หน้าที่กู? ตั้งแต่เมื่อไหร่วะครับ มึงลุกมานี่เลยสัด ตัวก็สั้นแค่นี้ทำสันหลังยาวเหรอ” พูดพร้อมกับเอาเท้าเขี่ยคนที่นั่งโอดครวญอยู่บนโซฟา ร่างหนางอตัวทั้งจั๊กจี้ทั้งเจ็บ ก็ชอบที่จะเล่นแบบนี้กับเพื่อนสนิทนี่นะ..
“โหยยยย กูไม่ทำแล้ว โอ๊ย! ฮ่าๆๆ”
แต่ถ้าให้หยุดที่ผู้หญิงสักคนน่ะเหรอ..อีทงเฮคงทำไม่ได้หรอก..
“นี่บ้านมึงนะ ไม่ใช่บ้านกู” ขาเรียวยังคงถีบอีกคนอยู่อย่างนั้น ทำตัวเป็นคุณชายอยู่ได้ ถ้าทำแล้วได้เงินเดือนจะไม่ว่าอะไรสักคำเลย
“ทำไมเล่า..ของๆ กูก็เหมือนกับของๆ มึงนั่นแหละ”
.
.
“เย็นนี้เตะบอลป่าว”
“เอาดิ” เป็นฮยอกแจที่ตอบรับก่อนใครๆ ถึงเขาจะไม่ชอบแทงบอล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ชอบลูกหนังกลมๆ นั่นสักหน่อยนี่
“คยูฮยอนมึงเอาไง”
“เออ แต่กูไปช้าหน่อยนะ ต้องเอางานไปส่ง”
“โอเค..แล้วไอ้เชี่ยทงเฮแม่งหายหัวไปไหนอีก ตามตัวยากจังนะสัด” เฮนรี่หันไปถามฮยอกแจที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ ใบหน้ามนเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหันไปตอบคำถาม
“พาเด็กไปกินข้าว”
“เด็กไหนอีกวะ คนที่มันไปขอพินเมื่อคืนก่อนป่ะ?”
“เปล่า เด็กนิเทศฯปีหนึ่ง” พูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อหน้าตาเฉย ถ้าเกิดเพื่อนในกลุ่มอยากรู้ที่มาที่ไปของทงเฮแล้วล่ะก็ จะเป็นใครไม่ได้อีกนอกจากฮยอกแจนี่แหละ
“เยด..แม่งทั่วถึงมาก”
“ปล่อยมันไปเถอะ เทศกาลติดสัตว์ก็งี้..” ที่คยูฮยอนพูดก็ถูก ช่วงนี้มันเทศกาลประกวดดาวเดือนมหาลัย ใครเด่นใครดังก็เข้าตาทงเฮไปซะหมด ต้องนั่งลิสต์ลำดับรายชื่อว่าใครควรมาก่อนหลังและไม่ถึงวันมันก็เอามาเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้แล้ว
“เดี๋ยวมันก็มา” ฮยอกแจพูด
“หือ..” ทุกสายตาหันมามองร่างโปร่งที่ทำตัวชิลจนเกินเหตุ
ก็จะคิดมากไปทำไม ในเมื่อตอนนี้มันเป็นช่วงโปรโมชั่น..ทงเฮยังคงเต็มร้อยอยู่ แต่ถ้าหมดโปรเมื่อไหร่ล่ะก็..
“ห่า ข้าวเนี่ยแดกเองไม่เป็นไงถึงต้องให้กูพาไปแดก” <- ช่วงแรกๆ ก็พาเค้าไปกินนั่นกินนี่แหละครับแพงแค่ไหนก็พาไปได้
“เบื่อว่ะแม่ง เมื่อไหร่มันจะหาเรื่องชวนทะเลาะวะ กูจะได้บอกเลิกสักที” <- เบื่อแล้ว รอผู้หญิงทำตัวงี่เง่าใส่จะได้หาเรื่องบอกเลิก
“กูปิดมือถือนะ ไม่ต้องโทรตาม เดี๋ยวติดต่อกลับไปเอง” <- ช่วงคบกันทงเฮจะเปิดมือถือตลอด แต่พอใกล้เลิกจะอ้างว่ามือถือสัญญาณไม่ดีบ้างล่ะ เครื่องตกส้วมบ้างล่ะ เอาไปซ่อมบ้างล่ะ
ก็เพราะว่าอะไรที่เป็นทงเฮ..ฮยอกแจดูออกทั้งนั้น
.
.
“ฝนตกแบบนี้แหละมันส์” ทงเฮพูดพร้อมกับเดาะลูกหนังไปพลางๆ ขณะที่คนอื่นกำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่
“โผล่หนังหน้ามาทีเปล่งปลั่งเชียวนะ แหม๊...”
“ทำไม..อิจฉากูไง?” หันไปมองเพื่อนตาตี่พร้อมกับยักคิ้วก่อนจะโยนลูกบอลไปกลางสนามแล้ววิ่งตามเข้าไป ร่างสูงนับสิบทยอยกันเข้าไปในสนามก่อนจะแบ่งทีมเป็นสองฝั่ง
“เลือกหัวเลือกก้อยว่ามา”
“กูเลือกหัว”
“กฏิกาเดิม ถ้าเกิดออกหัวมึงก็เลือกทีมได้สองคน แต่ถ้าออกก้อยก็เลือกได้แค่คนเดียว โอเค๊?” ทงเฮพยักหน้าเข้าใจก่อนจะมองตามเหรียญที่ร่างสูงโยนขึ้นฟ้า
มือใหญ่แบออกก่อนจะรู้ผลทอยเหรียญ อ่า..ออกก้อยจนได้..
“เชี่ยหลัวมึงเลือกใคร”
“กูเลือกดูโอ้กับไอ้คยู” เฮนรี่ว่าพลางเข้าไปกอดคอร่างโปร่งอีกสองคนพร้อมกับยิ้มภาคภูมิใจ นี่แหละซีดานมาเอง!
“แล้วมึงอ่ะทงเฮ” ร่างสูงหันไปถามร่างหนาที่กำลังมองใครอีกคนที่นั่งง่วนอยู่ข้างสนามฟุตบอล
“เฮ้ย ฮยอกแจ!” เสียงตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่กำลังผูกเชือกรองเท้าอยู่ให้เงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมมองไปยังร่างหนาที่กำลังกวักมือเรียกก่อนจะผุดยิ้มบางๆ
.
.
บางคนมีความสุขกับอดีตมากกว่าปัจจุบัน..
แต่บางคน..กลับอยากลืมเรื่องราวในอดีตไปให้หมดสิ้น..
“ฮัดเช้ย!” จมูกโด่งรั้นขึ้นสีอ่อนๆ ก่อนที่มือเรียวจะคว้าทิชชู่มาซับจมูกไว้
“แม่เคยบอกแล้วไง ว่าอย่าไปเตะบอลตอนฝนตก ไม่เคยฟังกันบ้างเลย” คนเป็นแม่บ่นอุบอิบก่อนจะตักข้าวให้ลูกชายที่กำลังดูเหมือนจะเป็นหวัดเข้าแล้ว ร่างโปร่งทำหูทวนลมก่อนจะนั่งจิบน้ำซุปต่อไป
“คยูฮยอน พรุ่งนี้ไปเยี่ยมพี่อินฮยองไหม?” มือเรียวหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว.. ใบหน้ามนเงยขึ้นมองคนเป็นพ่อก่อนจะก้มหน้ากินข้าว
“ไปทำไมครับ”
“ยองอุนเขาโทรบอกพ่อว่าเมียเขาคลอดลูกแล้วน่ะสิ เป็นเด็กผู้ชายซะด้วย”
“
.”
“แม่จะไปเย็นพรุ่งนี้น่ะ ลูกจะไปด้วยกันไหมจ๊ะ?”
“ไม่ครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ร่างโปร่งเดินไปเปิดตู้เย็น คว้าเอานมสดมาหนึ่งกล่อง
“อ้าว? จะไม่กินข้าวเหรอ?”
“ไม่ครับ ผมไม่หิวแล้ว” ร่างโปร่งตอบก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ทิ้งไว้เพียงแค่คำถามคาใจให้กับคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร
ไม่อยากได้ยินชื่อนั้น..
แค่นึกถึง..ก็ขยะแขยงจนแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว..
.
.
มือเรียวขยี้ผมที่เปียกลู่เบาๆ ขณะที่ยืนรอรถเมล์อยู่ที่หน้ามหาลัย ปกติทงเฮต้องไปส่งเขาที่บ้านแต่ดูท่าไอ้หมอนั่นจะงานเข้า.. ก็จะอะไรซะอีก..เด็กปีหนึ่งคนเมื่อตอนกลางวันนั่นเล่นไปตามถึงสนามฟุตบอลเลยน่ะสิ ไอ้หมาบ้ามันจนตรอกหาเรื่องแถไม่ได้สุดท้ายก็ต้องไปส่งเธอคนนั้นแล้วปล่อยให้ฮยอกแจกลับบ้านเอง
ครืด...
เสียงเครื่องยนต์จอดตรงหน้าพร้อมกับกระจกรถที่ค่อยๆ เลื่อนลง.. ดวงหน้าหวานชะเง้อหน้ามองร่างโปร่งที่กำลังยืนอึ้งก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถออกให้
“ขึ้นมาสิจ๊ะ”
.
.
เขาว่ากันว่า..
อัตราการเต้นของหัวใจปกติอยู่ที่ 60-80 ครั้งต่อนาที..
แต่ดูเหมือนตอนนี้..หัวใจของผมมันจะเต้นเร็วกว่านั้นแล้วล่ะครับ..
“บังเอิญจังเลย ตอนแรกเรามองอยู่ตั้งนาน คิดว่าไม่ใช่ฮยอกแจซะอีก” พูดทั้งที่สายตาทอดมองออกไปข้างหน้าขณะขับรถอยู่
“หอพักฮยอกแจอยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะ”
“ถัดไปอีกสี่บล๊อกก็ถึงแล้วล่ะ”
“แล้วฮยอกแจรีบกลับไหม~” หันมาถามคนที่นั่งข้างๆ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กที่อยู่เบาะหลังให้
“เราไม่รีบหรอก..อ่าไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็แห้งแล้ว” ยกมือปรามหากแต่อีกฝ่ายกลับเลี้ยวรถจอดข้างทางพร้อมกับเอาผ้าขนหนูสีขาวเช็ดไปตามเรือนผมของร่างโปร่ง
ฮยอกแจอึ้งกับการกระทำของคนตรงหน้าหากแต่ยังคงจ้องมองดวงหน้าหวานที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่อย่างนั้น
“เราไม่อยากให้ฮยอกแจเป็นหวัดนะ” พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปหรี่แอร์ก่อนจะออกรถอีกครั้ง
จะมีใครสักกี่คนที่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ กับคนที่พึ่งรู้จักแบบนี้บ้าง?
“ก็ถ้าไม่รีบกลับ..เราอยากให้ฮยอกแจไปทานข้าวเย็นที่บ้านเราน่ะ พอดีเราไปเล่าเรื่องฮยอกแจให้พ่อฟัง ท่านอยากเจอฮยอกแจมากเลย”
“เจอเราน่ะเหรอ?”
“อื้อ~”
“แค่บอกว่าฮยอกแจเรียนเกี่ยวกับเซรามิกส์เท่านั้นแหละ~”
“อ่า..”
“ไปทานข้าวด้วยกันน๊า~”
“อื้ม..ได้สิ..” ร่างโปร่งตอบรับคำเชิญก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ริมฝีปากบางเม้มเน้น ถ้ามีใครขับรถผ่านตอนนี้คงมองว่าเขาเป็นคนบ้าแน่ๆ
เพราะอีฮยอกแจกำลังยิ้มจนเมื่อยแก้มแล้ว..
.
.
“เห็นยูอีบอกว่าเราเรียนด้านเซรามิกส์มางั้นเหรอ รู้ไหม พ่อน่ะชอบสะสมงานเซรามิกส์มาก”
“..เดือนหน้าทางคณะจัดนิทรรศการศิลปะเครื่องปั้นดินเผา..ถ้ายังไงผมขอเชิญคุณลุงล่วงหน้าเลยแล้วกันนะครับ” ร่างโปร่งยิ้มบางๆ ขณะที่อีกฝ่ายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“จริงรึ? อ่า..พ่อน่ะรอเวลานี้มานานแล้ว.. อยากจะไปเจออาจารย์ชเวพอดี” ร่างหนาพูดพลางตักกับข้าวใส่จานร่างโปร่งไปด้วย
“ขอบคุณครับ..ว่าแต่อาจารย์ชเวที่พูดถึงเนี่ย..อาจารย์ชเวซีวอนรึเปล่าครับ?”
“อื้ม! นั่นแหละ เห็นนั่นรึเปล่า..แจกันใบนั้นน่ะ..เขาให้พ่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบหกสิบปีเชียวนะ..พ่อน่ะชอบงานของเขามาก จัดงานโชว์ที่ไหนไม่เคยพลาด เป็นต้องประมูลมาให้ได้”
“ผมพึ่งได้เรียนกับเขาปีนี้น่ะครับ ได้ยินเรื่องผลงานของเขามาเยอะเหมือนกัน”
อาจารย์ชเวซีวอนหนุ่มโสดหน้าตาดีที่สาวๆ ต่างหลงใหล..ตัวจริงเงียบกว่าที่คิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังดูน่านับถือในสายตาฮยอกแจและคยูฮยอนอยู่ดี
“หาได้ยากนะ เด็กที่ชื่นชอบในงานเซรามิกส์..พ่อเริ่มถูกชะตากับเราแล้วล่ะ”
“ผมยังต้องศึกษาอีกเยอะเลยครับคุณลุง”
“เรียกพ่อก็ได้น่า ใช่ไหมยูอี?” พูดพร้อมกับหันไปมองลูกสาวที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ
“ค่ะพ่อ”
“แล้วนี่เรากลับบ้านยังไงน่ะ เอารถมาเหรอ?” ฮยอกแจหยุดกึกเพียงชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย..
ฮยอกแจไม่มีรถหรอก..
“ผมนั่งรถเมล์กลับน่ะครับ” ถึงกลัวคนตรงหน้าจะมองว่าเขาเป็นคนจนแต่ยังไงความจริงก็คือความจริง และเรื่องซื้อรถก็เป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาจะคิดซะด้วย
แค่เป็นผู้ชายตัวคนเดียวอยู่หอพัก นั่งรถเมล์มาเรียน บางครั้งอาจจะติดรถเพื่อนกลับบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติ..
“เอ้อ..ดีแล้วๆ เป็นคนประหยัด มัธยัสถ์ มีรถก็เป็นมลพิษซะเปล่าๆ แถมอันตรายอีกต่างหาก..พ่อยังไม่อยากให้ยูอีขับไปมหาลัยเลย” คำตอบของคนตรงหน้าทำให้ฮยอกแจประหลาดใจอยู่ไม่น้อย.. ตอนแรกคิดว่าจะได้รับคำตอบเป็นแววตาสมเพชกลับมาซะอีก..
ตามสัญชาติญาณผู้ชายด้วยกันก็พอจะเดาออก..พ่อของยูอีต้องรู้อยู่แล้วว่าฮยอกแจคิดยังไงกับเธอและก็คงไม่อยากให้ลูกสาวมาคบหากับผู้ชายที่ไม่มีอะไรอย่างเขาหรอก..แต่..
“ไว้วันหลังมาทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ นะ”
.
.
บางที..
ผมอาจจะตกหลุมรักนางฟ้าเข้าแล้วก็ได้..
ร่างโปร่งมองไปยังเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังนั่งเล่นเชือกไหมพรมอยู่ คิ้วเรียวขมวดเป็นปมขณะที่สองมือเล็กเกี่ยวกันไปมาจนเชือกพันกัน ดวงตากลมโตเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่นั่งจ้องเขาอยู่อย่างนั้นก่อนจะยื่นมือออกมาทั้งสองข้าง
“พี่ชายเล่นกับหนูไหมคะ”
“พี่เล่นไม่เป็นหรอกครับ”
“เล่นไม่ยากหรอก ดูนี่นะ” ร่างบางในชุดลำลองนั่งลงข้างๆ อีกฝ่ายพร้อมกับเล่นเกี่ยวเชือกไหมพรมกับเด็กสาวตัวเล็ก
“เป็นใยแมงมุมแล้วค่ะออนนี่~” เด็กสาวแก้มป่องยิ้มกว้างก่อนจะจับมือร่างโปร่งไว้แล้ววางเชือกลงไป
“หนูให้พี่ชาย ออนนี่สอนพี่ชายด้วยนะคะ”
“โอเคค่ะ จีอึนเข้านอนได้แล้วนะคะเด็กดี” มือเล็กลูบผมคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนพร้อมกับจูบหน้าผากเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงให้เด็กสาวหอมแก้มทั้งสองข้าง.. ภาพที่เห็นมันน่ารักจนฮยอกแจอดยิ้มไม่ได้
“ออนนี่รีบตามไปนอนกับจีอึนนะคะ”
“รับทราบแล้วค่ะ~” เด็กสาวตัวน้อยกอดตุ๊กตาตัวโปรดก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป เหลือเพียงแค่คนสองคนที่นั่งอยู่บนพื้นพรมตามลำพัง
“น้องสาวเหรอ?”
“ลูกพี่ลูกน้องน่ะ” พูดพร้อมเอาเชือกไหมพรมมาจากมืออีกคนก่อนจะเกี่ยวเชือกไขว้กันไปมา
ไม่อยากที่จะละสายตาไปจากใบหน้าสวยนั่นเลยให้ตายเถอะ.. ตอนเธอใส่ชุดลำลองมันน่ารักมากจริงๆ
“ฮยอกแจ”
“..ว่าไง”
“เล่นกันอีกไหม?” มือเล็กทั้งสองข้างเริ่มสานเชือกไหมพรมสลับไปมาจนฮยอกแจมองตามไม่ทัน คิ้วเรียวขมวดเป็นปมก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาทำท่าเก้ๆ กังๆ
“เห็นไหมช่องซ้ายมือน่ะ นิ้วโป้งใส่ตรงช่องนี้..แล้วก็นิ้วชี้ตรงช่องนี้..อื้ม~ นั่นแหละ..แล้วก็เกี่ยวขึ้นมา..อ่าใช่แล้วๆ” ดวงหน้าหวานผุดยิ้มพลางมองคนตรงหน้าที่ตั้งอกตั้งใจเล่นเกมส์ของเด็กอนุบาล
“อ่า..ได้แล้ว~” ร่างโปร่งยิ้มกว้างพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย รอยยิ้มค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิดเมื่อเห็นร่างบางป้องปากหัวเราะ
“ฮ่าๆ ฮยอกแจนี่น่ารักจัง”
น่ารัก.. ใช่.. เธอน่ะน่ารักมาก..
.
.
“กลับบ้านดีๆ นะ” พูดพร้อมกับโบกมือลาคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ฮยอกแจพยักหน้าก่อนจะเดินออกมา ถึงแม้ว่าอยากจะอยู่ต่อแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับอยู่ดี
ยังไงดี..ขอเบอร์ไว้ดีไหม..อย่ามัวแต่ทำตัวโง่สิอีฮยอกแจ..
“เอ่อ..”
“คะ?” ร่างบางหยุดชะงักเมื่อใครอีกคนเอี้ยวตัวกลับมา ร่างโปร่งยืนเกาท้ายทอยแก้เขิน ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ
“อาหารมื้อนี้..อร่อยมาก..เอ่อ..”
“เราขอเบอร์หน่อยสิ”
“
.”
อีฮยอกแจ..ไอ้ทึ่มเอ๊ย..แทนที่จะออกปากขอเบอร์เธอแต่ดันให้เธอเป็นฝ่ายขอก่อนซะได้..
แต่..เดี๋ยวสิ..เธอขอเบอร์เรางั้นเหรอ?
“จะได้ตามตัวง่ายๆ ไง~” พูดพร้อมกับยื่นมือถือให้กับคนตรงหน้า ฮยอกแจรับมาอึ้งๆ ก่อนจะกดเบอร์ตัวเองลงไป
ร่างโปร่งยื่นมือถือให้กับคนตรงหน้าพลางยิ้มเขิน.. นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใครสักคน..อ่า..มันนานมากแล้วจริงๆ
“กลับดีๆ นะ ^^” ร่างบางโบกมือให้ร่างโปร่งอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไป ฮยอกแจยกมือทาบอกพลางหายใจเข้าลึกๆ
เธอขอเบอร์เรา.. เธอขอเบอร์เรา..
.
.
คนที่ตกอยู่ในห้วงของความรัก..
มองอะไร..ก็สวยงามไปซะหมด..
ท่ามกลางความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพียงแสงสีส้มจากโคมไฟตรงหัวเตียง ร่างโปร่งนอนมองมือที่กำลังเกี่ยวเชือกไหมพรมสีชมพูสลับกันไปมาช้าๆ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของใครอีกคน..
เพ้อ..ฮยอกแจรู้ตัวเอง
แต่มันจะห้ามยังไงได้..ในเมื่อเธอเข้ามาอิทธิพลในชีวิตเขามากขนาดนี้
“ฮัลโหลคยูฮยอน..มึงหลับยังวะ”
‘ยัง มีอะไรรึเปล่า’
“มี”
‘ว่ามา’
“วันนี้..กู..ไปบ้านยูอีมา..”
‘หืม? ยูอี..’
“คนที่ติดลิฟท์กับเราเมื่อวานไง..เค้าชวนกูไปกินข้าว..ได้คุยกับพ่อเค้าด้วย..ไอ้เหี้ย..กูจะบินได้อยู่แล้วเนี่ย”
‘..ไปทำอีท่าไหนวะ..ฮัดเช้ย!’
“มึงไม่สบายเหรอ กินยารึยัง?”
‘กินแล้ว..มึงเล่าต่อดิ’
“อืมนั่นแหละ..ก็เค้าขับผ่านป้ายรถเมล์มาเจอกู..ที่สำคัญ..เค้าขอเบอร์กูด้วย”
‘มึงนี่..ต้องรอให้ผู้หญิงเค้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสินะถึงจะทำอะไรได้’
“เฮ้ย กูเปล่านะเว้ย..กูแค่อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเกิดโผงผางขอเบอร์ไปก็กลัวเค้าจะหาว่าม่อ”
‘ถ้าเกิดเค้าไม่ขอ มึงคงรอให้หมาคาบไปแดกก่อนสินะ’
“ไม่หรอก..เพราะกูจะไม่ยอมให้หมาตัวนั้นรู้จักนางฟ้าของกูแน่..”
.
.
อาทิตย์ต่อมา..
“แม่งแปลกมาก ไอ้เชี่ยทงเฮเข้าเรียนคาบนี้ด้วย”
“กูเนี่ยนะแปลก แปลกจริงต้องโน่นเลยไอ้เหี้ยพี่ทึก เคยเข้าเรียนบ้างเปล่าเหอะ” ทงเฮว่าก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ที่มาเรียนได้ก็เพราะเมื่อคืนไม่ได้ออกไปร่อนที่ไหน พอมาถึงห้องเรียน..เช็คชื่อ..หลับ..รอหมดคาบ..จบ
“รายนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ดูโอ้กูแม่งเทพเรียนแปดปีชิงไอโฟนห้า” เฮนรี่พูดก่อนจะหัวเราะลั่น เผาดูโอ้ต่างวัยนี่แหละเรื่องปกติของเขา
“สงสัยแม่งกลับยานแม่แล้ว หายหัวไปเลย” ฮยอกแจพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกง..อ้าว..มือถืออยู่ไหน
“ลิฟท์มาละ มึงคอยดูกู” เฮนรี่พูดก่อนจะไปยืนเอาหน้าแนบกับประตูลิฟท์เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี
“ไอ้เหี้ย ถ้าประตูเปิดออกแล้วคนในนั้นเห็นสภาพมึง ช็อคน้ำลายฟูมปากขึ้นมาจะทำไง” มือหนาฟาดลงกลางกบาลร่างสูงอย่างแรง อะไรพิเรนท์ๆ นี่ขอให้บอก
“ระดับกูแล้วมีแต่จะอ่อนระทวยว่ะ รอดู”
“เฮ้ยทงเฮ กูลืมมือถือไว้บนโต๊ะแน่เลยว่ะ” ร่างโปร่งหันไปบอกเพื่อนสนิทพร้อมกับล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“รีบวิ่งไปเอาดิ เดี๋ยวกูโทรเข้าให้..อ้าวไอ้เชี่ยหลัว มึงเห็นไหมเนี่ยไอ้ฮยอกแจมันจะกลับไปเอามือถือ” หันไปด่าเพื่อนอีกคนที่เสนอหน้าเข้าไปยืนในตัวลิฟท์แล้ว
“พวกมึงลงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูตามไป!” ตะโกนบอกเพื่อนก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องเรียนที่พึ่งออกมาเมื่อครู่ ทงเฮพยักหน้าเข้าใจพลางกดปุ่มเปิดเครื่องแล้วโทรเข้าเบอร์เพื่อนสนิท
.
.
คนกลาง..
เป็นคนที่ลำบากใจที่สุด
“ทำไมมันยังหาไม่เจออีกวะ หรือว่ามีคนเอามือถือมันไปขายแดกแล้ว” พูดทั้งที่มือถือยังคงแนบหูอยู่อย่างนั้น
หนึ่งคนยืนฮัมเพลง
หนึ่งคนยืนโทรศัพท์
หนึ่งคนยืนเงียบๆ สร้างโลกส่วนตัว
ติ๊ง
ประตูลิฟท์เปิดออกพร้อมกับใบหน้าที่ดูคุ้นตา.. ทุกสายตาจดจ้องไปยังร่างผอมบางที่เดินเข้ามาในตัวลิฟท์ก่อนจะอ้าปากค้าง..
หุ่นดี.. เอสไลน์.. สวย..
“สวัสดีครับ” เอาแล้ว..ทงเฮมันเริ่มสร้างงานสร้างอาชีพอีกแล้วสินะ
“อ่า..ค่ะ”
“ชั้นไหนดีครับ” ร่างหนาพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปวางไว้ตรงปุ่มลิฟท์ คยูฮยอนเพ่งมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะถึงบางอ้อ..
ผู้หญิงคนที่ติดลิฟท์ด้วยกันเมื่อวันนั้นนั่นเอง..
“ชั้นหนึ่งค่ะ” ตอบพอเป็นพิธีพร้อมกับกอดหนังสือไว้แนบอก
“ขอโทษนะครับ..หนังสือที่ถืออยู่น่ะ ใช่ของอาจารย์คิมรึเปล่า?” ชวนคุยเนียนๆ ดูเหมือนว่าเธอจะเรียนวิชาเดียวกันกับเขาแต่คนละ sec สินะ
“ใช่ค่ะ”
“โหย..ผมเรียนวิชานี้อยู่เหมือนกัน แต่ซื้อหนังสือเล่มนี้ไม่ทัน..” โกหกคำโต จริงๆ ก็ซื้อแล้วแต่ก็วางทิ้งไว้ที่บ้านนั่นแหละ ถือมาทำไมให้หนักเปล่าๆ
“เอ๋..ถ้าจำไม่ผิดที่ห้องพักครูก็ยังเหลืออยู่นะคะ” ดวงตากลมโตหันมามองคนข้างๆ ที่เนียนชวนคุย มือถือที่เคยแนบหูปัจจุบันได้ยัดใส่กระเป๋ากางเกงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้วางสายแต่ก็ทำให้คนเจ้าชู้ลืมเพื่อนได้ไปชั่วขณะ
“หางแม่งงอกแล้วดูดิ” เฮนรี่หันไปกระซิบคยูฮยอนที่ยืนมองคนตรงหน้านิ่งๆ พลางถอนหายใจ
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากสำหรับฮยอกแจแล้วล่ะ..
“ผมไม่รู้เลยว่าอาจารย์คิมอยู่ห้องไหน..ถ้าเกิดว่าไม่ลำบากจนเกินไป..ยังไงคุณช่วยพาผมไปหน่อยได้ไหมครับ?”
“อ่า..”
“ผมอยากได้หนังสือเล่มนี้จริงๆ” กดดันอีกฝ่ายซะ ดูท่าเหยื่อรายนี้จะเล่นตัวพอสมควร..แต่ก็ดี..อะไรที่ได้มายากๆ นี่แหละมันคุ้มค่ากับการรอ
“..งั้นก็ได้ค่ะ” ดวงหน้าหวานยิ้มบางๆ ก่อนที่ใครอีกคนจะหันมาชูสองนิ้วให้กับเพื่อนสนิททั้งคู่
คยูฮยอนได้แต่ส่ายหน้าเอือมก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดออก สายตาทอดมองไปยังคนสองคนที่เดินไปด้วยกัน ทงเฮคงหน้ามืดตามัวจนลืมไปแล้วล่ะว่าเขามีนัดไปกินข้าวด้วยกันทั้งกลุ่ม
ถ้าเกิดเมื่อกี้ฮยอกแจอยู่ด้วย.. จะเป็นยังไงนะ?
.
.
เมื่อมีความรัก..
ก็ต้องพร้อมที่จะรับเจ็บปวด..
RRRrrrr!!! ..............
ริมฝีปากบางยิ้มกว้างตอนที่เห็นมือถือเครื่องเล็กสั่นอยู่บนโต๊ะ..มือเรียวหยิบขึ้นมากดรับหวังจะบอกปลายสายว่าเจอโทรศัพท์แล้ว แต่พอกดรับดันได้ยินประโยคที่แสนชวนอ้วกนี่สิ..
“ผมทงเฮนะครับ..ยินดีที่ได้รู้จัก”
“จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบภาษามาก..”
..ไอ้หมาบ้ามันคงหลีสาวอีกตามเคย..
ว่าแล้วก็กดวางสายก่อนจะรีบวิ่งมาหยุดหน้าลิฟท์ ไม่อยากให้เพื่อนต้องรอนาน เพราะเขาเองก็หิวจนท้องร้องแล้วเหมือนกัน แต่พอลิฟท์มาถึงชั้นหนึ่งก็เห็นแค่เฮนรี่กับคยูฮยอนที่ยืนทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตรงนั้น
“อย่าบอกนะว่าทงเฮมัน..” มันไวมาก..ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่ามันจีบสาวในลิฟท์เมื่อกี้ แล้วคยูฮยอนมันเป็นอะไรไป
“ไปกันเถอะ พี่อีทึกรอนานแล้ว” ร่างโปร่งคว้าข้อมือฮยอกแจให้เดินตามมาก่อนจะกอดคอเอาไว้ คิ้วเรียวขมวดเป็นปมไม่เข้าใจคยูฮยอน ถึงปกติมันจะชอบทำตัวติสม์เข้าใจยากก็เถอะ
“ทงเฮมันจะตามไปไหม”
“ช่างมันเถอะ มึงไม่ต้องสนใจมันหรอก” คยูฮยอนบอกก่อนจะเอี้ยวตัวกลับ เห็นฮยอกแจทำตัวเป็นห่วงใครอีกคนแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าฮยอกแจรู้อะไรบ้าง ก็อยากรู้เหมือนกัน..
ว่าฮยอกแจจะยังคงเป็นห่วงเป็นใยทงเฮอยู่ไหม?
“เออ แม่งคงแดกผู้หญิงคนนั้นแทนข้าวแล้วล่ะ” เฮนรี่นึกแล้วก็เสียดาย ถ้าเกิดเธอคนนั้นหันมามองหน้าเขาบ้างสักวินาที ทงเฮคงไม่ได้กินหรอก
.
.
การรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย..
‘มันเจ็บ’
“สั่งเรียบร้อยแล้ว รอแดกอย่างเดียว” พูดพร้อมนั่งขาไขว่ห้างมองเพื่อนรุ่นน้องที่พึ่งมาถึง วันนี้อีทึกใส่ชุดนักศึกษาออกมาถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าเรียนก็ตาม..เฮนรี่นั่งลงข้างๆ ดูโอ้ก่อนจะแบมือรับเงินค่าบอลที่ฝากแทงไปเมื่อวานก่อน
“กูบอกแล้วให้แทงคู่นี้แม่งไม่เคยฟัง เป็นไงล่ะโดนแดก” เฮนรี่หันไปหัวเราะเยาะอีกคนที่ทำหน้าเซ็งก่อนจะกระดกเปปซี่ย้อมใจ
“วีแกนเป็นทีมไอดอลกูเลยนะสัด ถึงบางทีแม่งจะเล่นควายๆ ก็เถอะ”
“คิดมากทำไม การแทงบอลมันเป็นศิลปะนะพี่ มึงอย่าได้ซีเรียสไป” เหมือนจะปลอบใจแต่ฟังแล้วขัดหูแปลกๆ
“ไอ้ทงเฮอ่ะ?”
“ไปกับสาวแล้ว พึ่งสอยได้เมื่อกี้เอง” เฮนรี่พูด
“ไอ้เหี้ยนี่ตลอด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้า คืนนี้แทงคู่ไหนกูจะปรึกษาใครได้เนี่ย” อีทึกบ่นอุบอิบ
“ดูโอ้ครับ..ถ้ามึงจะเครียดเรื่องบอลประหนึ่งลุ้นตลาดหุ้นขนาดนั้นน่ะนะ..แดกครับแดก..” เฮนรี่หันไปยื่นตะเกียบให้อีกฝ่ายที่นั่งทำหน้าเหนื่อยกับชีวิต
.
.
‘ผู้หญิงชอบคนเลว’
ผมเคยได้ยินคำนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วล่ะ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..
ร่างผอมโปร่งสองคนเดินเอื่อยๆมาด้วยกันภายในรั้วมหาวิทยาลัย ช่วงหนึ่งอาทิตย์มานี้ฮยอกแจอารมณ์ดีเป็นพิเศษ คยูฮยอนเองก็จำไม่ได้ว่ามันเพ้อถึง ‘นางฟ้า’ ที่ว่าไปกี่ครั้ง
ถึงจะรู้ทั้งรู้แล้วก็พอเดาอนาคตออก แต่คยูฮยอนจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากถอนหายใจ
ร่างระหงในชุดนักศึกษาเข้ารูปและใบหน้าสวยๆที่อีฮยอกแจเพ้อถึงแทบทุกคืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ฮยอกแจคิดว่าตัวเองโชคดี ความบังเอิญที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและยูอี จะคิดว่ามันเป็นสะพานได้รึเปล่านะ?
“...................”
หากแต่เรียวขาต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นรถยนต์คันคุ้นตาแล่นมาจอดเทียบตรงหน้าคนที่เขากำลังจับจ้อง ใบหน้าที่โผล่พ้นกระจกรถออกมายิ้มให้หญิงสาวมันทำให้อีฮยอกแจรู้สึกจุกในอก..สายตายังคงจดจ้องทั้งคู่อยู่ไม่ห่างถึงแม้ว่ารถจะเริ่มออกตัวไปไกล
คยูฮยอนหันไปมองหน้าฮยอกแจที่ดูเหมือนจะช็อคกับสิ่งที่เห็น ร่างโปร่งเดินมาตบบ่าอีกคนเบาๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจ พยายามห้ามทงเฮแล้ว..แต่ใครๆ ก็รู้..ว่าถ้าทงเฮต้องการอะไรต่อให้เอากำแพงเมืองจีนมาขวางมันก็สามารถปีนข้ามไปได้
“
” ใบหน้ามนก้มลงพลางเม้มริมฝีปากแน่น .. บอกไม่ถูก.. ทำไมมันเจ็บยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เมื่อกี้เขาตาฝาดใช่ไหม..
ที่เห็นยูอี...ไปกับทงเฮ..
คยูฮยอนได้แต่ยืนเงียบๆ ข้างๆ ฮยอกแจ แต่จะให้เข้าไปถามว่า ‘มึงโอเคไหม?’ มันก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะคำถามนั้นไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น..แถมยังทำให้รู้สึกแย่ซ้ำลงไปกว่าเดิมอีก
“มึงเห็นอย่างที่กูเห็นรึเปล่า..คยูฮยอน”
ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง.. แต่ก็พอเรียบเรียงเรื่องราวได้บ้างแล้ว
ที่ทงเฮทำตัวดีผิดปกติ..ที่หายหัวไปช่วงพักเที่ยงบ่อยๆ แถมไม่บอกไม่กล่าวด้วยว่าไปกับใครเพราะอ้างว่า ‘รอเปิดตัวทีเดียว..คนนี้อ่ะกูจริงจัง’
จริงจังงั้นเหรอ..ฮยอกแจเห็นทงเฮพูดแบบนี้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ไม่เห็นทำได้สักครั้ง สุดท้ายก็อีหรอบเดิมฟันแล้วทิ้ง ฮยอกแจจะไม่เดือดร้อนอะไรเลยถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอื่น..
ที่ไม่ใช่ยูอี..
ยูอีมีค่ามากกว่าที่จะมาเป็นของเล่นคั่นเวลาของใคร..
คุณได้รับข้อความจาก..
‘หมาบ้า’
[คืนนี้ไปร้านพี่ฮีชอลนะ กูมีอะไรจะเซอร์ไพรซ์]
.
.
เหมือนกับรู้ว่าจะมีเรื่องราวร้ายๆ เกิดขึ้นวันนี้คยูฮยอนถึงยอมมาที่นี่ด้วย ร่างโปร่งนั่งกระดกเหล้าย้อมใจรอขณะที่เพื่อนสนิทกำลังเดินทางมา.. ได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่คิดอยู่จะไม่เป็นความจริง..
ไม่นานเกินรอ..ร่างหนาก็เดินมาพร้อมหญิงสาวร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสเปิดไหล่กระโปรงสั้นเลยเข่า..มือเรียวที่ถือแก้วสีอำพันต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นดวงหน้าหวานชัดๆ
จนได้สินะ..
“ไงพวกมึง”
“ฮยอกแจ..”
ถึงจะไม่ได้รู้สึกยินดีที่เห็นร่างบางในตอนนี้แต่ก็ต้องยิ้มตอบรับไปตามมารยาท ทงเฮได้แต่มองหน้าเพื่อนสนิทกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างตัวสลับกันไปมาด้วยความสงสัย
“รู้จักกันด้วยเหรอ?”
“นิดหน่อยน่ะ” รู้สึกชาไปทั่วทั้งตัวเมื่อได้ยินคำตอบของคนตรงหน้า ร่างบางนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับร่างหนาก่อนจะหัวเราะคิกคักเมื่อถูกอีกฝ่ายเอาใจ
ฮยอกแจได้แต่เบือนหน้าหลบไปทางอื่นก่อนจะยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมด คยูฮยอนไม่คิดที่จะห้ามเพื่อนสนิทหนำซ้ำยังชงหนักๆ ให้อีกด้วย.. เข้าใจฮยอกแจดี..เพราะฉะนั้นถึงได้อยากให้รีบเมาซะจะได้ไม่ต้องรับรู้หรือเห็นภาพบาดตาอีก
“นี่ยูอี..แฟนกูเอง”
...แฟน...งั้นเหรอ
“โอ้โห..ที่หายไปหลายวันนี่ไปแอบจีบเค้ามาเหรอเนี่ย” อีทึกแซวเรียกเสียงหัวเราะจากคนในโต๊ะได้เป็นอย่างดี..เว้นแต่..ฮยอกแจและคยูฮยอน
“อ่า..ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ..ก็ค่อยๆ ดูกันไป..” ร่างบางงุดหน้าลงด้วยความเขินอายก่อนจะถูกอีกฝ่ายโอบไหล่เอาไว้
“แค่ดูๆ กันเองเหรอหืม? ใจร้ายจังเลยครับ”
“อะ..แล้วจะให้พูดว่ายังไงเล่า..”
“ก็พูดว่า..ทงเฮเป็นแฟนของฉันเองค่ะ ฉันรักทงเฮ~ แบบนี้ไง~” ออดอ้อนหยอดคำหวานจนคนมองแทบอยากอ้วกออกมา
“คนดีของผมง่วงรึยังครับหืม?”
“ยังเลย ทงเฮชอบมาที่นี่เหรอคะ?”
“ก็เป็นร้านของรุ่นพี่น่ะครับ เลยมานั่งเล่นที่นี่บ่อยๆ”
“แบบนี้สาวๆ ก็เยอะเลยสิ..”
“สาวเยอะก็จริง..แต่ไม่มีใครน่ารักเท่าคนดีของผมหรอก..” พูดพร้อมกับบีบจมูกรั้นก่อนจะขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่..
ฮยอกแจลุกขึ้นพรวดก่อนจะถูกใครอีกคนเข้ามาพยุงไว้ บ้าจริง..นี่เขาดื่มมากจนมึนขนาดนี้เลยเหรอ?
“เฮ้ย ฮยอกแจ นี่มึงเมาแล้วเหรอวะ?” ทงเฮเงยหน้าถามเพื่อนสนิทที่ถูกคยูฮยอนหิ้วปีกเอาไว้
“กูจะไปส่งมันกลับบ้าน”
“ฮยอกแจไหวไหม?” น้ำเสียงหวานที่เคยชอบนักชอบหนา..แต่บัดนี้มันกลับเชือดเฉือนหัวใจคนฟังเสียเหลือเกิน คยูฮยอนหิ้วปีกคนเมาออกมาจากร้านก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อใครอีกคนวิ่งตามมา
“เดี๋ยวกูไปส่ง” ได้ยิน..จำได้ว่านี่คือเสียงทงเฮ..
ไม่อยากได้ยินเสียงทงเฮ ไม่อยากมองหน้าทงเฮ.. ทำไมครั้งนี้ถึงรู้สึกอย่างนี้กันนะ?
ก็เพราะว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ไงล่ะ.. ถึงแม้ว่าจะถูกตัดหน้าถูกแย่งนับครั้งไม่ถ้วนแต่สุดท้ายก็ได้แค่ปลง เพราะผู้หญิงเหล่านั้นฮยอกแจไม่ได้รู้สึกผูกพันด้วย..
แต่สำหรับยูอี.. มันไม่ใช่
“มึงกลับเข้าไปดีกว่า เดี๋ยวกูเรียกแท๊กซี่เอง” คยูฮยอนมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเฉยชาไปกว่าทุกครั้ง หากแต่ทงเฮกลับไม่สังเกต.. ร่างหนาเดินมาหยุดตรงหน้าคนเมาก่อนจะเชยคางมนขึ้นมาดูดวงหน้าหวานที่ปัจจุบันกำลังขึ้นสีระเรื่อ
“ฮยอกแจ มึงไหวเปล่าเนี่ย?” ที่ถามก็เพราะเป็นห่วงแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนี..เป็นอะไรทำไมไม่บอกกัน ไม่เคยเห็นฮยอกแจเมาขนาดนี้มาก่อน
“มึงกลับเข้าไปข้างในเถอะ เชื่อกู” คยูฮยอนพูดซ้ำอีกครั้งพร้อมกับโบกรถแท๊กซี่ก่อนจะพยุงร่างโปร่งขึ้นไปในตัวรถ
ไม่ลืม..ที่จะหันกลับมามองหน้าทงเฮเป็นครั้งสุดท้าย
. มอย .
ตอนแรกยังไม่พีคเท่าไหร่.. ตอนต่อไปจะเป็นยังไง
เดาต่อไปนะคะ 5555555555
ความคิดเห็น