คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : - Special 2 :: Try
Special 2
Try
เช้าวันรุ่งขึ้น...
วันนี้ก็เรียนห้องโสตอีกแล้ว นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเรียนกับคนช่างตื้อคนนั้นอีกสินะ ร่างบางเดินไปนั่งที่เดิมพร้อมกับวางหนังสือลง ใจจริงก็อยากจะย้ายไปนั่งที่ใหม่แต่ก็กลัวว่าอีทงเฮจะมองเขาแปลก ๆ ทั้งที่บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะมองเขาแปลกมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
นัยน์ตาเรียวหันไปมองรอบข้างว่าทงเฮมาถึงหรือยังแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นี่ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วแต่ใครคนนั้นก็ยังไม่มาถึงในขณะที่สาวสวยทั้งสามได้เข้ามานั่งแผ่ออร่าความสวยกันแล้ว
ทำไมต้องสนใจด้วยล่ะว่าคนแบบนั้นจะมาเมื่อไหร่...?
“เออนี่พวกเธอ วันนี้ทงเฮไม่มาเรียนนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะ?”
“เห็นว่าปวดหัว ลุกจากเตียงไม่ไหว ฉันล่ะอยากสมน้ำหน้าจริง ๆ ”
“ก็สมควรหรอกก็เล่นวิ่งตากฝนซะขนาดนั้น...” ฮยอนอาพูดพลางหันกลับมามองใครอีกคนที่นั่งมองกลุ่มพวกเธออยู่ข้างหลัง ถึงจะไม่ใช่เหตุผลที่สมควรนัก แต่เธอกลับคิดว่าคนที่ควรนอนซมอยู่บนเตียงควรจะเป็นอีฮยอกแจมากกว่าเพื่อนของเธอ
“เดี๋ยวเรียนเสร็จฉันจะเข้าไปดูอาการหน่อย พวกเธอจะไปด้วยกันไหม?” ยูอีถามทั้งสองคน
“เอาสิ ๆ ”
“แต่ฉันต้องไปหาเพื่อนที่คยองฮีก่อนน่ะสิ หอทงเฮอยู่แถวไหนล่ะถ้าพอมีเวลาฉันอาจจะตามไปทีหลัง” โบราถามสาวร่างระหงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“...” เสียงบทสนทนาระหว่างสามสาวยังคงเข้าหูอย่างต่อเนื่อง พอได้ยินแบบนั้นร่างบางก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ทงเฮเป็นแบบนั้นเพราะใคร แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากำลังเป็นห่วงมากแค่ไหน...
.
.
18.00 น.
ร่างบางก้มลงมองข้าวของในมือที่เลือกซื้อมาเพื่อคนป่วย พอขาก้าวลงจากแท็กซี่เท่านั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสีย กำลังจะทำอะไรอยู่น่ะอีฮยอกแจ มาถึงหอพักของอีทงเฮเพราะได้ยินผู้หญิงสามคนนั้นคุยกันก็ว่าน่าเกลียดแล้ว แล้วนี่อะไร...ซื้อของมาเยอะแยะ คิดว่าเขาจะดีใจเหรอ?
ยืนก้ม ๆ เงย ๆ กำหูหิ้วไว้แน่น กลับดีไหม? ถ้าไม่อยากเป็นตัวตลกก็กลับเถอะอีฮยอกแจ นายลืมไปแล้วเหรอว่าผู้หญิงสามคนนั้นก็มาเยี่ยมทงเฮเหมือนกัน เขาอาจจะอาการดีขึ้นเพราะถูกสาว ๆ เอาอกเอาใจแล้วก็ได้
พอคิดอย่างนั้นก็ถอดใจเดินถอยกลับ แต่ก็ต้องผงะเซถอยหลังเพราะปะทะอกแกร่งของใครอีกคนเข้าให้ ร่างบางเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าที่ยืนทำตาปริบ ๆ อยู่ในสภาพชุดลำลอง
“โอ๊ะ?”
“อ...เอ่อ...”
“บ้านฮยอกแจอยู่แถวนี้เหรอ?”
เสียงขึ้นจมูก...
ร่างบางก้มหน้า เขาไม่กล้าสบตากับทงเฮในตอนนี้เพราะกลัวจะถูกจับได้ว่าเขามายืนลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าหอพักเพราะอะไร ทงเฮก้มลงมองใบหน้าหวานก่อนจะมองถุงหิ้วในมือเรียว
“ฮยอกแจ”
“ฉัน...ได้ยินว่านายไม่สบาย”
“...”
“ส่วนนึงก็เป็นเพราะฉัน...เพราะงั้นก็เลยซื้อนี่มาให้” ยื่นถุงสีขาวออกมาทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น แต่น่าแปลก...ทั้งที่ไม่ได้มองหน้ากันแต่อีฮยอกแจกลับทำให้หัวใจของอีทงเฮเต้นแรงขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
ร่างหนายิ้มบาง ๆ ก่อนจะจูงมือฮยอกแจเข้าไปในหอด้วยกัน ร่างบางเบิกตาโพลง รู้สึกได้ถึงความร้อนจากมืออีกฝ่าย ในตอนนี้เขาควรจะชักมือกลับแล้วปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ไปไม่ใช่เหรอ?
แต่ทำไม...ถึงได้รู้สึกดีแบบนี้นะ
ห้องของทงเฮอยู่ชั้นสอง ถึงจะเข้ามาในห้องแล้วแต่มือหนาก็ยังไม่ยอมปล่อย ร่างบางพยายามแกะมือออกแต่คนตรงหน้าเขากลับหันมาจ้องด้วยแววตาแปลก ๆ เท่านั้น
“...”
“มาถึงที่ขนาดนี้แล้วคิดเหรอว่าฉันจะยอมปล่อยนายไปง่าย ๆ ” คนทะเล้นจูงมือเขาให้เดินไปนั่งบนโซฟาสีครีม ทงเฮยิ้มกว้าง เขาไม่ยอมละสายตาจากคนข้าง ๆ ไปไหนเลย
“ถ้านายไม่ถอดเสื้อออกมาบังฝนให้ ฉันก็คงไม่มาหรอก”
“ใช่ ที่นายมามันถูกต้องแล้ว ไหนดูซิ...ซื้ออะไรมาบ้าง” ร่างหนาค้นถุงด้วยท่าทางอารมณ์ดี ฮยอกแจเหล่มองคนข้าง ๆ แล้วก็อยากเขกหัวตัวเองสักล้านครั้ง ไม่น่ามาเลย!
“แล้ว...อาการเป็นยังไงบ้าง” ร่างบางถามเสียงแผ่ว ทงเฮหยุดการกระทำแล้วเหล่มองคนข้าง ๆ
“ถ้าบอกว่าไม่ไหว อาการแย่จนอยู่คนเดียวไม่ได้ นายจะอยู่เป็นเพื่อนฉันหรือเปล่า”
“นายโกหก” ฮยอกแจมองอีกคนสีหน้านิ่งก่อนจะเหล่ไปเห็นขนมห่อจุกจิกสารพัดถุงที่กองอยู่บนโต๊ะทางด้านขวา ของพวกนั้นคงเป็นของที่สามสาวซื้อมาฝากเขาแน่ ๆ ทงเฮหัวเราะแล้วถือวิสาสะเอนตัวลงนอนตักอีกคน ร่างบางผงะเล็กน้อย เขาก้มลงมองใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้ ๆ
“ดีใจจัง” เปลือกตาหนาปิดลงพร้อมกับยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณที่มานะ”
“...”
“ถ้าฉันขออยู่แบบนี้สักพัก นายคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ถามทั้งที่หลับตาอยู่
“ว่า” ฮยอกแจตอบสั้น ๆ แต่กลับเรียกรอยยิ้มจากอีกคนได้เป็นอย่างดี
“ว่าก็ไม่ลุกหรอก” คนทะเล้นพูดแล้วถูหน้าลงกับกางเกงอีกคน ฮยอกแจมองอีกคนที่ทำตัวเหมือนเด็กแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มผืนบางที่พาดอยู่บนพนักโซฟามาคลุมตัวให้คนป่วย
ชั่วโมงนี้อีทงเฮรู้สึกเมื่อยแก้มชะมัด...
ไม่ว่าฮยอกแจจะทำอะไร เขาก็รู้สึกดีไปหมดเลย
“ทำไม...” คำถามถูกกลืนลงคอไปหมด ร่างบางชั่งใจว่าควรถามออกไปดีหรือเปล่า ทั้งที่อยากรู้แต่ก็กลัว
“หืม?”
“ทำไม...นายถึงไม่รังเกียจฉันเหมือนกับคนอื่น ๆ ”
ประโยคนี้ทำให้ทงเฮลืมตาขึ้นมา เขาพลิกตัวนอนหงายพลางสบตากับร่างบาง ทำไมน่ะเหรอ...
“เหตุผลน่ะมีแน่ แต่ตอนนี้มันยังไม่น่าฟังเท่าไหร่” คำตอบของทงเฮทำให้ร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อย ร่างหนายิ้มขำก่อนจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มเนียนเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ดูทำหน้าเข้าสิ
“แต่ไม่ว่ายังไง...” เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่งขณะสบตากับร่างบาง “นายอย่ามองฉันเป็นเหมือนคนอื่นได้ไหม?”
“...”
“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของนายเท่าไหร่หรอก แต่ก็ยอมรับว่าพอได้ฟัง ๆ มาบ้าง”
“แล้วมันก็เป็นเรื่องไม่ดีทั้งนั้น” ฮยอกแจตอบเสียงเรียบ
“แต่มันไม่จำเป็นว่าฉันจะต้องเป็นเหมือนพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”
“...ไม่รู้สิ” ร่างบางเบือนหน้าไปอีกทาง ทงเฮหยัดตัวลุกขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาจริงจัง
“ฉัน...”
RRRrrrrr!!!
ร่างบางสะดุ้งเมื่อมือถือในกระเป๋าดังขึ้นขัดจังหวะบทสนทนา เขาละความสนใจจากคนตรงหน้าก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วก็พบว่ามีข้อความเข้าจากใครคนหนึ่ง
คุณได้รับข้อความจาก...
‘.......’
[ เมื่อไหร่จะกลับบ้าน พ่อหิว ]
“...”
“มีอะไรเหรอ?” ทงเฮถามเมื่อเห็นร่างบางลดสีหน้าลง มือเรียวเก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน
“ในถุงนั่นมียาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไอ รายระเอียดมีบอกข้างซอง ถ้าหิวก็อุ่นของกินเองนะ ฉันต้องไปแล้ว” ร่างบางพูดตัดบทแล้วเดินออกไปจากห้องเสียดื้อ ๆ ทิ้งเอาไว้แค่เพียงคนป่วยที่มองตามหลังตาละห้อยเท่านั้น
รีบไปไหนกันนะ...
.
.
สองขาเรียวรีบวิ่งเข้ามาในตรอกทางเข้าบ้าน ถ้าเกิดช้ากว่านี้เขาต้องได้รับรางวัลเป็นอะไรบ้างอีฮยอกแจก็คาดเดาเองไม่ได้ หยาดเหงื่อไหลซึมออกจากขมับแม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นไปตามกาลเวลา ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดวงอาทิตย์สีส้มกำลังถูกเมฆก้อนสีดำกลืนกินไปทีละนิด...
ความน่ากลัวกลับมาเยือนเขาเหมือนกับทุกวัน...ทุกวัน...ราวกับฝันร้ายที่ไม่รู้จบ...
ประตูบ้านถูกเปิดออก ข้างในห้องขนาดไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไปเปิดไว้แค่เพียงโคมไฟตรงห้องนั่งเล่น ความเงียบภายในบ้านเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุด ทั้งที่มันเป็นบ้านของเขาแท้ ๆ ร่างบางหยุดยืนนิ่ง ในมือมีมื้อเย็นเป็นอาหารกล่องสำเร็จรูปที่แวะซื้อตามมินิมาร์ทเพราะเขาคงไม่มีเวลาไปรอคิวตามร้านอาหารทั่วไป
“...”
“กลับมาแล้วเหรอ...” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูพร้อมกับวงแขนแกร่งที่สวมกอดจากข้างหลัง ร่างบางยืนตัวเกร็งเมื่อไรหนวดสากกำลังคลอเคลียอยู่กับซอกคอของเขา
“ผม...ซื้อข้าวมาแล้ว”
“ช้า...” เสียงที่ร่างบางขยะแขยงพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบา ๆ “จะกินดีไหมนะ?”
“ได้โปรดเอาไปสักทีเถอะ...ผมจะ...” ร่างบางน้ำตาคลอเมื่อมือสากกำลังสอดมือเข้ามาในเสื้อของเขา...คน ๆ นี้...คนที่เขาเกลียดและกลัวมากที่สุดในชีวิต คนที่แม่เรียกว่าสามี...แต่กลับไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเขา...
ใช่...ไอ้เลวนี่เป็นแค่พ่อเลี้ยงเลว ๆ คนหนึ่งเท่านั้น...
“พ่อต้องทำโทษยังไงดี? ไหนฮยอกแจที่รักบอกพ่อมาซิ...”
“อย่า...ได้โปรด...อย่าทำผม...ฮือ...”
“ร้องไห้ทำไม...พ่อออกจะทะนุถนอมนายด้วยความรักเสียขนาดนี้...ฮยอกแจอา...ไหนตอบให้พ่อชื่นใจหน่อยซิว่าทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านช้า...” ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดที่น่ารังเกียจนี่ มันเป็นแบบนี้ทุกวันซ้ำ ๆ จนเขากลัวเวลาพลบค่ำ...กลัวทุกอย่างแม้กระทั่งบ้านตัวเอง
“แม่...ช่วยผมด้วย...” ร่างบางร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ มันดูไร้ความหวังเขารู้...แต่ในชั่วโมงนี้ใครกันล่ะที่จะมาช่วยเขาได้...
ร่างของเขาถูกจับพลิกให้หันหน้าเข้ามาก่อนที่ใบหน้าของใครอีกคนจะสูดดมซุกไซร้ไปตามซอกคอ สองมือใหญ่แกะกระดุมออกอย่างชำนาญจนกระทั่งเสื้อนักศึกษาตัวบางถูกร่นลงไปอยู่ที่ข้อศอกทั้งสองข้าง น้ำตาอุ่นไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ถึงแม้ว่าเหตุการณ์น่าขยะแขยงแบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เขาก็ไม่เคยคุ้นชินสักที ริมฝีปากหยักกดจูบไล่ลงมาเรื่อย ๆ พร้อมกับแกะเข็มขัดสีดำ
“เดี๋ยวนะ...” ร่างสูงหยุดชะงัก เขาขมวดคิ้วพลางดมตามร่างกายผอมบางที่ยืนตัวสั่นอยู่ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“นี่กลิ่นของใคร?”
“...”
“นายไปกอดกับใครมางั้นเหรอ?”
“ผมเปล่า...”
“หืม?”
“ผม...เปล่า...”
“จนถึงตอนนี้แล้วยังจะโกหกอีกนะ...ฮยอกแจเด็กไม่ดี...” มือสากถอดเข็มขัดของคนตรงหน้าออกแล้วร่นกางเกงนักศึกษาลง ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลูบไล้ส่วนนั้นของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความหื่นกระหายหากแต่คนถูกกระทำกลับไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วย เขาจับหัวร่างบางกดลงกับผนังแล้วทำการดึงกางเกงของตัวเองที่เป็นอุปสรรคลงไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งได้เห็นน้ำตา ยิ่งเห็นว่าคนตรงหน้าหวาดกลัวเขาแค่ไหน...
เขายิ่งมีอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น...
“อย่า...อย่าทำผม...ผมกลัวแล้ว...”
“เด็กไม่ดีต้องถูกทำโทษ...หึหึ...”
“อ...อย่า!!!!”
.
.
“หาว...”
“เป็นไงบ้างยะ หยุดไปตั้งหลายวัน นอนจนฟินเลยล่ะสิ?” ยูอีถามคนป่วยที่กำลังบิดขี้เกียจอยู่ ร่างหนาทำตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ
“ฟินมาก แต่เกรงว่าจะสอบตกเพราะไม่มีชีทอ่าน”
“ฉันเก็บไว้ให้หมดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาให้นะ” โบราพูด ทงเฮยิ้มกว้างพร้อมกับเข้าไปนวดแขนเล็กของคนข้าง ๆ
“ในกลุ่มนี้ที่จัดว่าน่ารักที่สุดก็เธอนี่แหละ” ยูอีกับฮยอนอาเบะปากแล้วผลักคนเจ้าเล่ห์พร้อม ๆ กัน เจ้าตัวเซไปข้าง ๆ แล้วหัวเราะชอบใจ
“วันนี้กินอะไรดี” ฮยอนอาพูดลอย ๆ เธอเริ่มเบื่ออาหารในแคนทีนแล้วสิ
“ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินข้างนอกกันเถอะ วันนี้ฉันเอารถแฟนมา” ยูอีโชว์พวงกุญแจนั่นทำให้สาว ๆ ที่เหลือทำตาวาว ทงเฮหันไปมองรอบ ๆ ตัวทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมองไปเพื่ออะไร ยังไงเขาก็คงไม่โชคดีหันไปเห็นฮยอกแจเหมือนกับคราวที่แล้วหรอกเพราะวันนี้ไม่ได้เรียนด้วยกัน
“ทงเฮ?”
“หืม?” หันไปมองตามเสียงเรียกแล้วก็เห็นซองมินที่กำลังเดินไปกับเพื่อน ๆ ใบหน้าหวานยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือทักทาย
“อุ๊ยน่ารักอ่ะ” โบรากระซิบสองสาวที่ยืนอยู่ด้วยกันเมื่อเห็นหนุ่มหน้าหวานยิ้มให้พวกเธอ
“อ้าวซองมิน”
“เรียนเสร็จแล้วเหรอ?”
“อื้ม ว่าจะไปกินข้าวน่ะ แล้วนายล่ะ?”
“นี่ก็ว่าจะไปกินข้าวเหมือนกัน” พอได้ยินคำตอบแบบนี้ทงเฮก็นึกอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้ ร่างหนาหันไปมองเพื่อน ๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าซองมิน
“เห็นฮยอกแจบ้างไหม?”
“ฮยอกแจเหรอ? อ๋อ วันนี้เขา...”
“เดี๋ยว” ทงเฮยกมือห้ามก่อนจะหันไปมองสาว ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลัง “พวกเธอไปกินข้าวกันเลยนะ”
“อ้าว? ไหงงั้นล่ะ?”
“เออน่า ไว้เจอกัน” ทงเฮโบกมือลาสาว ๆ พร้อมกับกอดคอซองมินให้เดินออกมาจากตรงนั้นท่ามกลางความงุนงงของหญิงสาวทั้งสามและเพื่อน ๆ ของซองมิน
“ขอโทษนะ พวกนายไปกินกันก่อนเลย” ซองมินเลยต้องหันไปปฏิเสธเพื่อนแม้ว่าเขาจะยังดูงง ๆ อยู่ ทั้งคู่เดินเข้าไปในแคนทีนด้วยกันแล้วเลือกที่นั่งเงียบ ๆ ตรงมุมสุด
“มีอะไรหรือเปล่าทงเฮ?”
“เปล่าหรอก ฉันก็แค่อยากคุยเรื่องฮยอกแจน่ะ” ใบหน้าคมยิ้ม ซองมินพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แน่ะ...ชอบฮยอกแจล่ะสิ?”
“...”
“อ่ะ ไม่แซวก็ได้ ไหนอยากรู้อะไร ถามมาสิ” ซองมินวางของลงบนโต๊ะแล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟัง
“ไปซื้ออะไรมากินก่อนไหม เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน”
“โอเค” ทั้งคู่พยักหน้าแล้วเดินไปซื้ออาหารพร้อมน้ำดื่มก่อนจะกลับมานั่งที่ในเวลาถัดมา
.
.
“ฉันได้ยินมาว่าฮยอกแจกับพ่อของเขาไม่ปกติ เพื่อน ๆ เลยไม่ค่อยอยากคบ ก็เลยอยากรู้ว่ามันจริงอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดหรือเปล่า?”
“เอ๋...ที่นายพยายามเข้าหาฮยอกแจนั่นไม่ใช่เพราะชอบหรอกเหรอ?” ซองมินถาม เขาดูผิดหวังหลังจากได้ยินที่ทงเฮพูด
“เอ่อ...มันก็ส่วนหนึ่งน่ะ”
“จะเรียกอย่างนั้นก็คงใช่ แต่การที่ใครสักคนผิดปกติ มีอาการแปลก ๆ ทางจิตมันก็ต้องมีที่มาที่ไปอยู่แล้ว” ทงเฮขมวดคิ้วขณะฟังอีกคนพูด
“อาการแปลก ๆ ทางจิตงั้นเหรอ...”
“อื้ม...แต่ถ้าให้เล่าก็คงไม่ดี มันจะดูเหมือนขายเพื่อนเกินไป” ซองมินถอนหายใจ
“น่าเสียดายนะที่นายสองคนไม่ได้อยู่คณะเดียวกัน เพราะในคณะก็...”
“ฉันรู้ ฉันก็พยายามโทรหาเขาบ่อย ๆ เวลาว่างเราก็ไปเจอกันบ้างถึงแม้ว่าแฟนฉันจะดราม่าก็เถอะ” ซองมินหัวเราะ
“ทำไมต้องดราม่าด้วยล่ะ?”
“ก็ฉันไปหาฮยอกแจบ่อยจนไม่มีเวลาให้เขาน่ะสิ”
“เออนะ อย่างนี้ก็มีด้วย” ทงเฮยิ้มขำ ซองมินยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเงยหน้ามองร่างหนาอีกครั้ง
“ฮยอกแจเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง ถ้านายคิดจะชอบเขาจริง ๆ ฉันขออะไรอย่างได้ไหม?”
“หืม?”
“อย่าทิ้งเขาเหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ”
“...”
“นอกจากฉันแล้วฮยอกแจก็ไม่มีใครอีก ฉันสงสารเขา”
“อ่า...”
“พอถึงวันหนึ่ง นายจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด”
.
.
เหตุผลบางอย่าง
มันก็ลึ้งซึ้งเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจ
ซ่า...
ฝนตกอีกแล้ว...
นิ้วชี้กดคลิ๊กเมาส์เป็นครั้งสุดท้ายคือปุ่มชัตดาวน์หลังจากที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แหงล่ะ...เขากลัวว่าคอมพ์จะเดี้ยงขึ้นมาหากว่าฟ้าผ่าหรือไฟตก ร่างหนาละความสนใจจากคอมพิวเตอร์แล้วหันไปหยิบชีทที่โบราให้มาแต่อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อก ๆ ...
ในทีแรกก็คิดว่าอาจจะหูฝาดไปแต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเดินไปเปิดประตูออก แต่ที่ทำให้เขาตกใจนั่นคือร่างของใครอีกคนที่เปียกโชกทั้งที่อยู่ในชุดนักศึกษา
“ฮยอกแจ?”
“...ขอโทษที่มารบกวนกลางดึก” ร่างบางพูดเสียงแผ่วทั้งที่ไม่มองหน้าอีกฝ่ายนั่นทำให้เกิดคำถามว่าทำไมฮยอกแจถึงได้มาหาเขาในสภาพแบบนี้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไม...”
“ขอหลบฝนสักพักนึงได้ไหม” ใบหน้าที่เศร้าหมองนั่นทำให้หัวใจของใครอีกคนหล่นวูบลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“...”
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...” ร่างบางยิ้มฝืนก่อนจะหันหลังเดินออกไปแต่มือหนาคว้าข้อมือไว้ได้ทัน
“เข้ามาสิ”
.
.
ความเงียบเข้าครอบคลุมหลังจากที่ฮยอกแจเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่เขาควรทำในตอนนี้คือถามว่าเกิดอะไรขึ้นถึงจะรู้ดีว่าร่างบางคงไม่ยอมเล่า แก้วโกโก้ร้อนถูกวางไว้ตรงหน้าคนที่นั่งกอดเข่าเงียบ ๆ อยู่บนโซฟา เขารักษาระยะห่างเอาไว้จนกระทั่งไฟดับลงหลังจากเสียงฟ้าผ่า
“โอ้...หัวใจจะวาย”
ทงเฮพูดก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดแอพลิเคชั่นไฟฉาย เมื่อกี้ฟ้าผ่าเสียงดังมากจนเขาสะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้ พอนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียวเลยรีบส่องไฟไปที่อีกคนแต่ผิดคาด...ฮยอกแจกลับนั่งเงียบ ๆ เหมือนในทีแรก ไม่ได้มีท่าทีกลัวเสียงฟ้าร้องเลยสักนิด
“ฉันไม่เป็นไร”
“แต่ฉันเป็น” ร่างหนาพูดแล้วก้าวอาด ๆ ไปนั่งข้าง ๆ อีกคน ฮยอกแจรู้สึกได้ถึงแรงยวบตรงข้าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นอีก ความเงียบเข้าครอบคลุม ถึงปกติร่างบางจะกลัวความมืดแต่น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกถึงมัน...
นั่นเป็นเพราะมีอีทงเฮนั่งอยู่ข้าง ๆ ใช่หรือเปล่า?
“ฮยอกแจ...นายกลัวผีไหม?”
“นายกลัวเหรอ?”
“พ่อบอกว่าอย่ากลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า”
“งั้นแสดงว่านายไม่กลัว” ทงเฮยิ้มขำเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดอย่างนั้น
“แล้วฮยอกแจกลัวอะไร”
“...”
“นี่” ร่างหนาเอนตัวไปกระแซะคนข้าง ๆ เรียกร้องความสนใจ เขาวางมือถือลงบนโต๊ะตรงหน้าเพื่อฉายแสงสว่าง
“กลัวทุกอย่างเลย”
“หืม?” ทงเฮเลิกคิ้วมองคนข้าง ๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
“ความมืดก็ด้วย...” ฮยอกแจหันมาสบตากับคนข้าง ๆ ทั้งที่มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเล่าให้ทงเฮฟัง แต่ตอนนี้อีฮยอกแจอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอถึงขนาดวิ่งหนีความกลัวมาถึงที่นี่ ทั้งที่กลัวว่าทงเฮจะรังเกียจเขา...พอได้ยินอย่างนั้นทงเฮก็หยิบมือถือมาอีกครั้ง เขาจับมันใส่มือฮยอกแจเอาไว้แล้วยิ้มกว้าง
“ความมืดอะไรกัน ไม่มีสักหน่อย”
“...”
“ฉันอยู่ตรงนี้ ถ้าความมืดมันจะทำร้ายนาย มันก็จะทำร้ายฉันด้วย”
“...” ร่างบางมองอีกฝ่ายนิ่ง เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรทำไมถึงได้ดีกับเขาแบบนี้ แต่ในทางกลับกัน...อีทงเฮจะรู้บ้างไหมว่าเขาเป็นเพียงเดียวที่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้นได้หลังจากหนีออกมาจากบ้านหลังนั้นกลางดึก
“เลี่ยน”
“โห...ดูพูดเข้า...คนอุตส่าห์ทำเท่ทั้งที”
“แต่ก็...ขอบคุณนะ...”
“...” จากที่ตั้งใจจะกวนประสาทเลยเลยต้องเงียบเพราะประโยคเมื่อครู่ แค่คำว่า ‘ขอบคุณนะ’ แค่นี้น่ะเหรอที่ทำให้เขารู้สึกดีจนพูดไม่ออกแบบนี้ เขายิ้มบาง ๆ ได้แต่คิดว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีระหว่างเขาทั้งคู่ก็ได้
“ขอบคุณ...” รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อหายไปเมื่อได้ยินเสียงคนข้าง ๆ สั่นเหมือนคนกำลังร้องไห้ พอหันไปเห็นเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมันเป็นอย่างที่กำลังคิดอยู่จริง ๆ
“เฮ้...เป็นอะไรไป?” น้ำเสียงอบอุ่นที่มาพร้อมกับมือหนาที่วางลงบนเข่าร่างบาง ฮยอกแจก้มหน้าลงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่สุดท้ายมันก็ไหลออกมาอยู่ดี
“ฉันไม่อยากกลับบ้านหลังนั้นอีกแล้ว...”
“...”
“ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างหวาดผวาอีกต่อไป...”
“...”
“ฉันกลัว...”
“...”
ทงเฮนั่งมองร่างบางที่สะอื้นจนตัวโยน นี่เป็นอีกมุมหนึ่งของฮยอกแจที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในสายตาของคนอื่นฮยอกแจดูนิ่งเฉย เย็นชา ไร้ความรู้สึก แต่ในสายตาของเขาฮยอกแจเป็นคนอ่อนแอที่น่าสงสารมากที่สุด...
“ฮยอกแจ...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบข้าง ๆ หูคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ ร่างบางหันไปสบตากับใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะหลับตาลงเมื่อทงเฮจูบซับน้ำตาบนเปลือกตาเขาเบา ๆ
“ข้างนอกมันอาจจะน่ากลัว แต่ถ้านายอยู่ตรงนี้...”
“...”
“นายยังมีฉันนะ”
รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าคมทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในความกลัวใจชื้นขึ้นมา นี่สินะ...ที่เคยมีคนเคยบอกว่าเวลาคนเราอ่อนแอ เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าใครสักคนที่คอยรับฟังและปลอบใจ ร่างบางเม้มริมฝีปากแน่น อีฮยอกแจไม่สามารถแสร้งทำเป็นเข้มแข็งได้อีกต่อไปแล้ว
‘จะหนีไปไหน?!’
‘ฉันบอกให้กลับมา! อีฮยอกแจ!’
‘ต่อให้แกตายเป็นผีอยู่ในหลุมฝังศพ...ฉันก็ตามแกเจออยู่ดี!!!’
“ฉันอยากตาย”
“ทำไมพูดแบบนี้เนี่ย ตบปากตัวเองเลยนะ” ทงเฮมองคาดโทษคนข้าง ๆ ที่จู่ ๆ ก็พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา
“นายไม่ใช่ฉัน นายไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ใช่นาย ฉันถึงไม่มีทางรู้เพราะนายไม่เคยปริปากพูดเลยสักคำ”
“...”
“ทุกปัญหามันมีทางออกนะฮยอกแจ แต่ไม่ใช่เรื่องตาย”
“พูดง่ายดี” ฮยอกแจแค่นหัวเราะ มือเรียวเช็ดคราบน้ำตาออกลวก ๆ แล้วลุกขึ้นยืนพอเห็นอย่างนั้นทงเฮเลยรีบคว้ามือเอาไว้ทันที
“จะไปไหน?”
“ขอบคุณที่ให้หลบฝน”
“หมายความว่าไง” ร่างหนาหยัดตัวลุกขึ้นยืนสบตากับคนตรงหน้า เขารู้สึกไม่พอใจจริง ๆ ที่ฮยอกแจพูดแบบนี้
“ฉันจะกลับแล้ว” ฮยอกแจก้มลงมองข้อมือตัวเองที่กำลังถูกบีบจนรู้สึกเจ็บ
“กลับไปไหน? เมื่อกี้นายเพิ่งบอกว่าไม่อยากกลับ นายเพิ่งบอกว่ากลัว แต่พอฉันทำให้นายไม่พอใจนายก็จะเดินหนีไปแบบนี้น่ะเหรอ?”
“...” ร่างบางเบือนหน้าหลบไปอีกทาง น้ำเสียงของคนตรงหน้ามีแต่ความขุ่นเคือง ทงเฮกำลังโกรธ เขารู้
“เมื่อไหร่จะเลิกหนีสักที”
“นายจะไปรู้อะไร...”
“ไม่รู้! ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนายเลยสักอย่าง แต่ถามว่าทำไมฉันถึงต้องสนใจนายด้วย?!” ร่างบางยืนนิ่งปล่อยให้คนตรงหน้าตะคอกใส่ ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแค่แสงสว่างจากแอพลิเคชั่นไฟฉายจากมือถือเท่านั้น
“ถ้าฉันตาย ทุกอย่างก็จบ”
“ไม่จบ”
“...” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่กำลังฉายแววจริงจัง เกิดอะไรขึ้นกับอีทงเฮ ทำไมต้องทำเหมือนกับว่าผิดหวังในตัวเขาเสียขนาดนั้น ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน ทั้งที่ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมาย แล้วทำไม...
“นายพูดว่ามันจบได้ยังไง ทั้งที่มันยังไม่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ”
“...”
ร่างหนาจ้องใบหน้าเรียวที่ยังคงมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ ถ้าฮยอกแจตายไปตอนนี้เขาจะทำยังไง ถึงเขาจะรู้เรื่องของฮยอกแจเพียงน้อยนิด แต่เขามั่นใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องเป็นคนที่ฮยอกแจไว้ใจมากที่สุดให้ได้ เขาไม่ยอมให้ฮยอกแจคิดอะไรโง่ ๆ แบบนั้นหรอก ไม่ยอม...
“...”
“...”
มีเพียงแค่เสียงสายฝนที่โหมเทลงมากับเสียงฟ้าร้องที่ดังเป็นระยะเท่านั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก มันมีเพียงแค่คำถามที่คาใจแต่ไม่กล้าถามออกมาเพราะกลัวคำตอบ
“ฉันจะกลับแล้ว” ร่างบางเอี้ยวตัวกลับ ในตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดใจเหลือเกินกับความรู้สึกแบบนี้ ทำไมเขาถึงต้องกลัวไปเสียทุกอย่าง กลัวที่ต้องอยู่บ้านหลังนั้น กลัวที่จะต้องเปิดใจรับเพื่อนใหม่ กลัว...ที่จะต้องพบความผิดหวังถ้าเกิดเขาตกหลุมรักผู้ชายคนนี้...
“...อย่าไป”
มือหนากำข้อมือเล็กไว้แน่น น้ำเสียงแผ่วเบาของเขาทำให้หัวใจของใครอีกคนเต้นช้าลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างบางเบิกตากว้างเมื่อถูกทงเฮสวมกอดจากข้างหลัง ใบหน้าคมที่ซุกอยู่กับไหล่บางนั่นทำให้เขารู้สึกได้ว่าทงเฮไม่อยากให้เขาไปจริง ๆ
“...”
“อย่าเดินหนีฉันไปแบบนี้”
“...”
“อยู่กับฉันนะฮยอกแจ...”
“...”
.
.
มืดจังเลย เข้ามาช่วยเปิดไฟให้ฮยอกแจหน่อย
.
.
ตื้ด ตื้ด... ตื้ด ตื้ด...
เสียงนาฬิกาปลุกที่กำลังส่งเสียงดังทำให้มือหนาแปะป่ายไปรอบข้างทั้งที่ยังไม่ลืมตา แต่ควานหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังต่อเนื่องสร้างความรำคาญให้จนเขาอยากจะหาค้อนปอนด์สักอันมาทุบทิ้งให้เละกันไปข้าง เขาลืมตาขึ้นอย่างหัวเสีย เพลียก็เพลีย ทำไมเวลาพักผ่อนของเขามันสั้นขนาดนี้นะ?
เขาลุกขึ้นนั่งแล้วก็พอจะจับใจความได้ว่าเมื่อคืนเขาหลับบนโซฟาทั้งที่ยังกอดฮยอกแจอยู่ เราทั้งคู่หลับไปพร้อม ๆ กัน...แต่พอตื่นแล้ว...
“ฮยอกแจ?” ทงเฮตะโกนเรียกพลางมองไปรอบ ๆ ห้องแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า...
“ฮยอกแจ?!” เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องน้ำแล้วก็ไม่เจออีกเช่นกัน...
ร่างหนาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาฬิกาปลุกที่ดังอยู่ในห้องนอนแล้วก็คว้ามันขึ้นมากดปิด...เขายืนใช้ความคิดอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมฮยอกแจถึงกลับไปโดยที่ไม่บอกก่อน ทั้งที่เมื่อคืนฮยอกแจก็แสดงท่าทีว่าต้องการเขาไม่ใช่เหรอ? แล้วความรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้คืออะไร? อีทงเฮเข้าใจผิดไปเองว่าใช่ไหมว่าเมื่อคืนฮยอกแจคงไว้ใจเขาแล้วถึงได้ยอมมีเซ็กส์ด้วย
ไม่มีเบอร์โทร...
ไม่รู้จักบ้าน...
ไม่มีเบอร์เพื่อนสนิทของฮยอกแจ...
ไม่มี...ไม่มีอะไรสักอย่าง...
มือหนาเขวี้ยงนาฬิกาปลุกลงบนเตียงจนมันเด้งตกลงไปบนพื้นแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้คิดที่จะเดินไปเก็บมันเอากลับมาวางไว้ที่เดิม ตอนนี้เขากำลังโกรธตัวเองที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป จริงอยู่ที่ฮยอกแจไม่ปฏิเสธ แต่ที่ร่างบางทำแบบนั้นก็เพราะแค่อยากลองใจเขาก็ได้
.
.
โชคดีที่วันนี้เรียนห้องโสต ไม่อย่างนั้นมันคงยากที่จะตามหาฮยอกแจเจอ เขาใช้เวลาแต่งตัวไม่นานแล้วโผล่เข้ามาในห้องเรียนก่อนใคร ๆ มือหนาทั้งสองข้างประสานกันไว้แน่น เขาตื่นเต้นจนสูญเสียความเป็นตัวเอง เขาไม่รู้หรอกว่าถ้าเจอฮยอกแจแล้วควรพูดอะไรบ้าง ควรทำสีหน้ายังไง
เวลาผ่านไปยี่สิบนาที...อีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาเข้าเรียน นักศึกษาส่วนใหญ่ทยอยกันเข้ามาในห้องเรียนแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววของฮยอกแจเลย สามสาวเดินมานั่งข้าง ๆ เขาประโยคสนทนาตามประสาผู้หญิงเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่ได้สนใจ สายตาของเขาเอาแต่จดจ้องไปที่ประตูด้านหน้าเพื่อรอการมาของใครอีกคน
เขาเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทำไมยังไม่มาอีก...
ฮยอกแจโกรธเขาจนไม่อยากเข้าเรียนวิชาเดียวกันเลยหรือไง?
“ทงเฮเป็นอะไรของเขาน่ะ?”
“ไม่รู้สิ ฉันเรียกตั้งหลายทีแล้วนะ”
“นี่ทงเฮ!”
พรึ่บ
ร่างหนาลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นร่างผอมบางเดินเข้ามาในห้อง ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นแล้วก็หยุดยืนกับที่เมื่อพบว่าใครอีกคนกำลังมองมาที่เขา...
ทำไงดี...สายตาทงเฮในตอนนี้มัน...
“ฮยอกแจ!”
พอเห็นร่างบางจะเดินออกจากห้องเขาก็ตะโกนเรียกเสียงดังจนทุกคนหันมามอง สามสาวผงะเล็กน้อยเพราะไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทเป็นอย่างนี้มาก่อน ร่างหนาหายใจฟึดฟัดแล้วเดินแทรกเพื่อนในเซกลงมาข้างล่างเพื่อไปหาฮยอกแจ
“...”
“จะไปไหน?” คำถามห้วน ๆ ที่มาพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจฮยอกแจรู้สึกได้ ร่างบางหลุบสายตาลง เขาไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
จะให้ตอบว่าเพราะกลัวน่ะเหรอ? ก็คงใช่ล่ะมั้ง...
“ทำไมไม่ตอบ?”
“เป็นบ้าอะไรอยู่ดี ๆ มาขึ้นเสียงใส่ฉัน” ฮยอกแจปั้นสีหน้านิ่งกลบความรู้สึกภายในใจ ทั้งที่ข้างในก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นคนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้กับเขา
ถ้าให้เทียบกับอีทงเฮเมื่อคืนแล้ว...ราวกับคนละคน...
นั่นเป็นเพราะทงเฮเห็นร่องรอยบนร่างกายเขาสินะ...หรืออาจเป็นเพราะว่าได้เขาแล้วถึงได้เปลี่ยนท่าทีไปโดยสิ้นเชิงแบบนี้
ทุกสายตาของเพื่อนในเซกหันมามองทั้งคู่ที่ยืนจ้องหน้ากันเป็นตาเดียว มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์โลกที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่อีฮยอกแจไม่ชอบ...ไม่ชอบให้ใครมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น
‘อีฮยอกแจโดนต่อยแน่’
‘สมน้ำหน้า คงไปทำหยิ่งจองหองใส่หมอนั่นเข้าล่ะมั้ง’
‘เฮ้ย ถ้าฮยอกแจโดนต่อยนี่คงน่าสงสารอ่ะ เขายิ่งไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย’
‘นี่พวกเธอ ไปช่วยฮยอกแจหน่อยสิ’
‘ช่วยไรเล่า รอดูต่อไปเถอะน่า’
“ฉันจะเข้าเรียนหรือไม่เข้า...มันก็ไม่เกี่ยกับนายอยู่ดี” ร่างบางพูดเสียงเรียบแต่กลับเป็นเขาเองที่เจ็บ ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่ใจแข็ง...เขาก็คงถูกหัวเราะเยาะ
‘เมื่อคืนอีฮยอกแจมาหาฉันถึงห้องแล้วเราก็มีเซ็กส์กัน...หมอนั่นยั่วฉันน่ะสิ คิดว่าฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเหรอ? ฮะฮะ’
กลัว...กลัวว่าทงเฮจะไปเล่าให้คนอื่นฟัง...แต่ที่กลัวนั่นไม่ใช่เพราะกลัวเสื่อมเสีย กลัวเป็นขี้ปากคนอื่น แต่กลัวว่าทงเฮจะเป็นคนเล่า...คนที่เขาแคร์มากที่สุด
“ไม่เกี่ยวกับฉันงั้นเหรอ?...” ทงเฮถามขณะจ้องหน้าอีกฝ่าย เขาแค่นหัวเราะพลางเสยผมอย่างหัวเสีย นี่ฮยอกแจกำลังทำให้เขาโมโหนะ...เห็นความรู้สึกของเขาเป็นอะไร?
“อืม ได้ยินแล้วก็เลิกยุ่งกับฉันสักที” ร่างบางพูดแล้วหันหลังกลับ ร่างหนากำหมัดแน่นพลางกัดฟันกรอด
“นายจะเดินหนีฉันไปถึงเมื่อไหร่ห๊า!?”
“...”
เสียงซุบซิบเงียบกริบเหมือนกับตอนอาจารย์เดินเข้าห้องเมื่ออีทงเฮตะโกนเสียงดังลั่นห้องโสต ร่างบางหยุดนิ่งกับที่ ทำไมไม่เดินต่อไปล่ะฮยอกแจ?
“ทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายเป็นคนแบบนี้เองเหรอ?!”
“...”
‘เกิดอะไรขึ้น? หืม? อีทงเฮกับอีฮยอกแจน่ะเหรอ?’
‘เขาทะเลาะกันหรือเปล่า?’
‘ไม่มั้ง’
“นายเล่นกับความรู้สึกของฉัน ปั่นหัวฉัน”
“ฉันเปล่า” ฮยอกแจหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง คนที่ถูกปั่นหัวมันคือเขาไม่ใช่เหรอ?
“รู้ไหมว่าตอนที่ฉันตื่นมาแล้วไม่เจอนายฉันตกใจมากแค่ไหนน่ะ?!”
‘…!!!’
‘ตะ...ตื่นตอนเช้า...’
‘ว่าไงนะ? สองคนนั้นคงไม่ได้?’
“รู้ไหมว่าฉันคิดไปต่าง ๆ นานา ว่านายคงเกลียดฉันแล้ว!”
“ทงเฮ หยุด”
“ไม่ ฉันไม่หยุด นายมันแย่อีฮยอกแจ นายเล่นกับความรู้สึกฉัน!”
“อีทงเฮ...หยุดเดี๋ยวนี้นะ มีคนมองเราอยู่” ฮยอกแจหันไปมองรอบข้างแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างหนา ทงเฮคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วจ้องหน้าด้วยแววตาจริงจัง
“ก็ให้มองไปสิ”
“พอสักทีเถอะ แค่นี้ฉันยังเป็นตัวตลกไม่พออีกหรือไง?”
“ถ้าเรื่องที่ฉันชอบนายมันเป็นเรื่องตลก...ก็ให้พวกมันหัวเราะกันไป”
“...”
“ฉันไม่อายที่จะทำแบบนี้ ถ้ามันทำให้นายไม่พอใจฉันก็ขอโทษด้วย!”
“...” ร่างบางพยายามชักมือออก ในหัวสับสนไปหมดเพราะคำพูดเมื่อครู่ เขาฟังผิดไปหรือเปล่าที่ทงเฮบอกว่าชอบเขา เสียงซุบซิบในห้องเรียนดังขึ้นเรื่อย ๆ ทุกสายตากำลังมองมาที่เขาทั้งคู่
“ฉันชอบนาย! แล้วก็อยากจะเป็นแฟนนาย! ได้ยินชัดหรือยังอีฮยอกแจ!”
…To be continued...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk
ฮึ...
น่าจะอีก 1-2 ตอนก็จบสเปละ...นี่แค่เล่าเบื้องต้น
แต่เดี๋ยวจะเข้าเนื้อเร็ว ๆ นี้
ความคิดเห็น