คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 :: Deal
Chapter 11
Deal
ปัง...
เสียงประตูห้องปิดลงเพียงเบา ๆ อย่างน่าประหลาดใจ ผมคิดว่าอีทงเฮคงไม่พอใจกระแทกประตูแรง ๆ แล้วกระชากแขนผมเหวี่ยงไปติดผนังเย็นแล้วทำร้ายผมในแบบของเขา ผมยืนนิ่งไม่ได้ก้าวขาไปข้างหน้าเมื่อวงแขนแกร่งสอดเข้ามาตรงช่วงเอวจากข้างหลังพร้อมกับคางที่เกยไหล่ผม
“ชอบหมอนั่นเหรอครับ?”
“...”
ผมไม่ตอบคำถามเมื่ออีทงเฮกำลังซุกไซร้อยู่ตรงช่วงซอกคอผม มือหนากำลังเลิกชายเสื้อขึ้นมาทีละนิดอย่างใจเย็น ผมยืนตัวเกร็งให้เขาถอดเสื้อออกง่าย ๆ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่น ๆ จะกดจูบลงบนท้ายทอยผม...แล้วค่อย ๆ ไล่ลงมาจนถึงลาดไหล่
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ” เขาหยุดการกระทำแล้วพลิกตัวผมให้หันเข้าหา ผมไม่ได้สบตากับเขา ไม่แม้จะหันไปมอง ผมยังรู้สึกเสียดายที่สงสารเขาไปเมื่อก่อนหน้านี้อยู่ คำพูดดูถูกดูแคลนที่มีต่อคุณคิบอมนั้นทำให้ผมไม่อยากจะพูดหรือทำดี ๆ กับเขาอีก
“ฉันจะไปอาบน้ำ” ผมแกะมือหนาออกแล้วเอี้ยวตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ขายังไม่ทันจะก้าวไปไหนร่างของผมก็ถูกดึงให้เข้าไปปะทะอกแกร่งเสียก่อน
“เมื่อกี้ที่รักเพิ่งชวนผมให้ไปช่วยอาบน้ำนี่”
“แต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ผมสะบัดออกแล้วมองเขาตาขวาง ผมเดินออกจากตรงนั้นในสภาพเปลือยท่อนบนแล้วหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้าอย่างถือวิสาสะแต่พอเปิดออกมามันก็ทำให้ผมนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ที่คุณคิบอมถูกขังเอาไว้ข้างใน
“โอเค ถ้าที่รักอยากอาบเองผมจะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนผู้ชายคนนั้น”
ผมชะงักมือเมื่อได้ยินเขาพูด ได้ยินเสียงหัวเราะหึในลำคอก่อนเสียงลูกบิดจะดังขึ้น ถ้าเกิดผมปล่อยให้เขาออกไป คุณคิบอมต้องแย่แน่ ๆ
“เดี๋ยว!” ผมเรียกรั้งท้ายเขาเอาไว้แล้วมันก็ได้ผล อีทงเฮเอี้ยวหน้าหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ว่าไงครับ?”
“...” ผมยืนนิ่ง ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาพูดดีนอกจากจะหยิบผ้าขนหนูออกมาถือไว้สองผืน...แล้วยื่นไปตรงหน้า
“อา~” อีทงเฮยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินทอดน่องมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเบือนหลบไปข้าง ๆ โดยสัญชาติญาณ
“จะให้ผมอาบด้วยหรือว่าให้ผมช่วยอาบครับ?”
“...” ผมไม่ได้ตอบคำถาม เอาแต่ยืนนิ่ง ๆ ต่อหน้าคนที่กำลังหัวเราะด้วยความพอใจ อีทงเฮไม่รับผ้าขนหนูไปจากมือผม แต่เขากลับช้อนตัวผมขึ้นไปอุ้มในท่าเจ้าสาว ผมตกใจกับการกระทำของเขามาก ร่างของผมถูกอุ้มเข้าไปในห้องน้ำสีขาวสะอาด
“วางฉันลงก่อนสิ” ผมพูดเมื่อเขาเอื้อมไปหมุนก๊อกอ่างอาบน้ำทั้งที่ยังอุ้มผมอยู่อย่างนั้น เขาหันมามองผมที่ใบหน้าห่างกันไม่เท่าไหร่แล้วก็วางผมนั่งลงขอบอ่าง
“นั่งดี ๆ นะครับ เดี๋ยวจะหงายหลังตกลงไปในอ่าง” เขามองผมยิ้ม ๆ แล้วเอามือลงไปแช่ในน้ำวัดระดับความร้อน เขาดูตั้งใจกับสิ่งที่ทำจนผมสงสัย
“...”
“มีอะไรเหรอ?” เขาเงยหน้าขึ้นมาถามจนผมสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันไปทางอื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอจ้องเขาโดยไม่รู้ตัว
“เปล่า ก็แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย”
“สงสัยอะไรก็ถามมาสิ”
“...”
“ผมจะตอบคำถามนั้นถ้าผมพอใจ” เขายิ้มแล้วประคองให้ผมลุกขึ้นยืน เขาทำท่าจะมาปลดกางเกงแต่ผมรั้งหัวกางเกงไว้ได้ทัน
“ฉันถอดเองได้”
“ถ้าถอดเองได้แล้วจะมีผู้ช่วยอาบน้ำไว้ทำไมล่ะครับ?” เขายักคิ้วกวนแล้วถอดกางเกงผมลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่ากำลังยืนแก้ผ้าอยู่ต่อหน้าอีทงเฮ ผมเอามือปกปิดส่วนนั้นเอาไว้ไม่ให้เขามอง
“...” มองน้ำในอ่างแล้วก็พอจะรู้ชะตาชีวิต เขาคงผลักผมลงไปในนั้นเพื่อให้ผมแสบแผลเล่นหรือไม่ก็จับหัวผมกดน้ำจนกว่าจะพอใจ
“นั่งครับ” เขาก้มไปดึงเก้าอี้ออกมาจากข้างใต้ซิงค์อ่างล้างมือเพื่อให้ผมนั่ง ผมมองงง ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“ไม่ได้ให้ฉันลงไปในอ่างนั่นหรือไง?”
“ลงไปแช่น้ำทั้งที่ยังมีแผลสดแบบนี้แผลก็เปื่อยพอดีสิครับ นั่งลงเร็วเข้า เดี๋ยวผมจะสระผมให้” พฤติกรรมแปลก ๆ ของอีทงเฮทำให้ผมระแวงจนไม่อยากที่จะไว้ใจ ผมค่อย ๆ นั่งลงกับเก้าอี้ทั้งที่ยังปกปิดส่วนนั้นไว้อยู่ เขาหัวเราะแล้วจับมือข้างที่เจ็บของผมขึ้นมาก่อนจะราดน้ำลงบนหัวผมช้า ๆ
“ยื่นขาข้างขวาออกมาด้วยนะครับ”
“...” ผมหลับตาลงให้หยาดน้ำไหลลงมา พลางปรือตามองข้างหน้า ผมเห็นเพียงหัวเข็มขัดของเขากับแขนของผมที่ยังไม่โดนน้ำเท่านั้น
น่าแปลก...ที่จู่ ๆ อีทงเฮก็ทำดีกับผมขึ้นมา...
อีทงเฮบีบแชมพูลงบนฝ่ามือแล้วขยี้หัวผมเบา ๆ ด้วยมือเดียว แน่ล่ะก็มือข้างขวาเขาเจ็บอยู่นี่ ผมได้แต่คิดว่าอย่างน้อยคนอย่างอีทงเฮก็ยังมีความรู้สึก กลัวเจ็บแสบเป็นเหมือนกัน
“นายอาบน้ำให้หมอคยูฮยอนบ่อยหรือไง?” ผมไม่รู้ว่าจะโดนหลังมือของเขาเพราะคำถามนี่หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจว่าชื่อ ‘หมอคยูฮยอน’ มันมีอิทธิพลต่อจิตใจอีทงเฮมากแค่ไหน เขาหัวเราะแล้วหยิบฝักบัวขึ้นมาถือไว้
“เคยอาบให้หมาน่ะ”
“...” ประโยคนี้ทำผมเส้นกระตุกน้อย ๆ ผมช้อนตามองคนที่กำลังยืนขำเงียบ ๆ ด้วยแววตาเคือง ๆ
“อาบเสร็จแล้วก็ฆ่ามันทิ้งสินะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่เขากลับยิ้มเป็นคำตอบ
“เงยหน้าหน่อยครับ ผมจะล้างแชมพูออกให้”
“...” ผมเงยหน้าตามที่เขาบอก อีทงเฮดูตั้งใจมากจนผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“โอ๊ย!” ผมสะดุ้งเพราะน้ำโดนแผลเลยสะบัดอีทงเฮออกอย่างไม่ตั้งใจนั่นทำให้น้ำจากฝักบัวพุ่งใส่เสื้อเขาจนเปียกไปหมด
“ข...” ผมกลืนคำพูดลงคอไป เพราะลังเลว่าควรพูดประโยคนั้นหรือเปล่า ผมควรขอโทษคนอย่างเขาด้วยเหรอ?
อีทงเฮมองคาดโทษผม และสายตานั่นทำให้ผมรู้สึกผวาอย่างบอกไม่ถูก เขาแค่นหัวเราะในสภาพเปียกโชกจนเสื้อแนบกับมัดกล้ามก่อนจะเอื้อมมือไปหมุนปิดฝักบัว ผมเบือนหน้าหลบไปอีกทางทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่ก็ถูกเขาจับพลิกให้หันหน้าเข้าหาอยู่ดี
“อะไร?”
“เพราะใคร?” เขาเพ่งมองผมอย่างเอาเรื่อง ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแล้วหลับตาปี๋เพราะคิดว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ ผมคงโดนตบแน่ ๆ
“อยากให้ผมอาบด้วยทำไมไม่บอกดี ๆ ล่ะครับ?” เค้ากระตุกยิ้มมุมปาก...มาแล้ว...อีทงเฮคนโรคจิต
“มันเป็นอุบัติเหตุ ก็น้ำมันโดนแผล ฉันเจ็บ ขอโทษแล้วกัน” ผมขอโทษส่ง ๆ ไปแต่กลับไม่ได้ทำให้สีหน้าดุดันนั่นจางหายไปเลย
“พูดง่ายนะ”
“แล้วจะให้ทำยังไง ทำอย่างกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยเปียกน้ำ” ผมขึงตาสู้
“ถอดเสื้อออกให้ผม”
“ก็ถอดเองสิ มือเป็นง่อยหรือไง”
“ยังอีก?” เขาทำท่าง้างมือขึ้นมา ผมสะดุ้งน้อย ๆ แต่ก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปถอดเสื้อออกให้เขา
อีทงเฮจ้องผมทุกอริยบท ผมหลุบสายตาลงแล้วเอาเสื้อที่เปียกชุ่มวางไว้บนอ่างล้างมือ ในหัวผมสับสนไปหมดที่เดี๋ยวเขาก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายแบบนี้ มือหนาปัดผมที่เปียกลู่ออกจากแก้มของผมอย่างเบามือ อีทงเฮขยับหน้าเข้ามาใกล้...ใกล้...จนผมต้องเอนตัวถอยหลัง
สองมือหนาวางลงบนฐานอ่างล้างมือเพื่อกักไม่ให้ผมหนีไปไหนได้ ถ้าเกิดผมผลักเขาออกในตอนนี้ผมจะโดนอะไรบ้างนะ จะโดนตบ หรือโดนจับหักโขกกับผนัง ผมเองก็ไม่รู้เลย
ผมหันหน้าไปสบตากับเขาเพื่อให้รู้ว่าผมไม่ได้กลัว แต่สิ่งที่ผมเห็นคือแววตาอ่อนโยนของคนตรงหน้าเท่านั้น เราสบตากันอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งริมฝีปากอุ่นนั่นแตะลงที่ริมฝีปากผม...
“...”
“...”
ไม่มีเสียงก่นด่า ไม่มีเสียงแค่นหัวเราะอย่างที่ควรจะเป็น อีทงเฮผละริมฝีปากออกมาจ้องหน้าผมก่อนจะจูบลงบนเปลือกตาเบา ๆ ผมหลับตาลงไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยสักนิดแต่ผมก็พูดอย่างเต็มปากไม่ได้ว่าผมสมยอมให้เขาทำตามอำเภอใจกับร่างกายของผม
“เจ็บแผลหรือเปล่าครับ?” น้ำเสียงนั่นแฝงไปด้วยความเป็นห่วง ทำไมผมถึงรู้สึกอย่างนั้นกันนะ?
“นิดหน่อย” ผมตอบเสียงเรียบไม่กล้าสบตากับเขานานนักเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าผมในตอนนี้คืออีทงเฮคนโรคจิต หรืออีทงเฮคนปกติกันแน่
“เจ็บแผลแต่ไม่ได้เจ็บปาก งั้นแสดงว่าผมจูบคุณได้ใช่ไหม?”
“...”
“ผมมีข้อเสนอ”
“อะไร”
“ถ้าคุณตกลง ผมจะไม่ทำร้ายผู้ชายคนนั้น”
“...” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง คำพูดของอีทงเฮจะเชื่อได้จริง ๆ น่ะเหรอ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย
“แล้วให้อิสระกับคุณทั้งสองคน” บางทีสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ที่แกล้งทำดีก็เพราะอาจจะอยากหลอกให้ผมตายใจเท่านั้น
“...”
ประโยคปิดท้ายที่มากับแววตาเศร้าหมอง มือหนาเอื้อมขึ้นมาโอบใบหน้าของผมไว้แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงแก้มผมเบา ๆ ข้อเสนอที่ว่ามันทำให้ผมลังเลอยู่ไม่น้อย ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไมเพราะทุกวันนี้ผมก็อยู่กับความเสี่ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว...ถ้าจะลองเชื่อดูสักครั้งก็คงไม่เป็นไรมั้ง?
“ว่ามาสิ”
“...” เขาจ้องหน้าราวกับไม่เชื่อว่าผมจะรับคำตกลง อีทงเฮยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกุมมือผมข้างหนึ่งขึ้นมาพรมจูบซ้ำ ๆ
“ช่วยอยู่กับผมในฐานะคนรักไปจนถึงตีหนึ่งยี่สิบห้าของวันพฤหัสนี้ได้ไหมครับ?”
“...”
“’ง่าย ๆ แค่แสดงออกว่ารักผมด้วยวิธีไหนก็ได้”
“...”
คำขอของเขาทำผมตกใจอยู่ไม่น้อย น้ำเสียง ท่าทาง และสีหน้าของเขานั้นดูสิ้นหวัง ท้อแท้ ผมใช้ความคิดเพื่อที่จะตัดสินใจ ให้ผมแกล้งทำเป็นรักฆาตรกรโรคจิตที่ฆ่าคนเพราะความสะใจน่ะเหรอ? แค่คิดเรื่องนี้มันก็ทำให้ผมขยะแขยงเขาเต็มทีแล้ว
แต่พอคิดอีกแง่ บางทีตอนนี้อาการของอีทงเฮอาจจะดร็อปลงกว่าเมื่อก่อน ผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเขาถึงขออะไรแบบนั้นแทนที่จะไปนั่งพร่ำเพ้อถึงหมอคยูฮยอนที่เขารักมากนักหนา หรือว่าเขาจะเสียสติจนเห็นผมเป็นตัวแทนของหมอคยูฮยอนได้?
แต่ทำไม...ถึงต้องเป็นตอนตีหนึ่งยี่สิบห้าของวันพฤหัสด้วย?
“ตกลง”
“...”
“ฉันจะทำตามคำขอของนาย เพื่อข้อแลกเปลี่ยนนั่น” ผมเปลี่ยนสรรพนามให้ฟังดูลื่นหูขึ้นและย้ำประโยคหลังเพื่อให้เขารู้ว่าที่ผมยอมรับคำขอเพราะเหตุผลนี้
อีทงเฮยิ้มบาง ๆ เขาจ้องหน้าราวกับจะจดจำรายระเอียดทุกอย่างบนใบหน้าของผม ไม่มีพฤติกรรมหยาบ ไม่มีความรุนแรง ตอนนี้มีเพียงแค่ริมฝีปากอุ่น ๆ ที่กำลังบดขยี้ริมฝีปากของผมอยู่เท่านั้น...
ผมหลับตาลงพลางเอียงคอปรับองศาเพื่อรับจูบของคนตรงหน้า รสจูบของอีทงเฮไม่ได้แย่อย่างที่คิดอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้ทำตัวดิบเถื่อนให้ผมเห็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็ใช่ว่าผมจะรู้สึกดี ร่างของผมถูกอุ้มขึ้นไปนั่งบนฐานอ่างล้างมือทั้งที่ยังแลกจูบกันอยู่ไม่ห่าง สองมือหนาโอบกอดร่างของผมเอาไว้จนผิวเนื้อเย็นยะเยือกสัมผัสกันจนผันเป็นความอบอุ่น จูบและอ้อมกอดนี้ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเขาต้องการผมมากแค่ไหน
ตุบ...
ผมถูกวางให้นอนราบลงบนเตียงพร้อมกับใครอีกคนที่คร่อมทับตามลงมา ไม่ทิ้งระยะห่างไว้นาน อีทงเฮโถมจูบร้อนแรงให้จนผมเผลอจิกเล็บลงบนไหล่เขา วูบหนึ่งผมลืมไปว่าคนที่กำลังทำให้สติของผมเตลิดคือฆาตรกรโรคจิตไร้ความรู้สึก สองมือของผมขย้ำลงที่กลุ่มผมสีดำนั่นเมื่อเขาเลื่อนริมฝีปากลงต่ำไปทีละนิดจนกระทั่งถึงสะดือ ผมหลับตาพริ้มหลายครั้งที่หลุดครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ นึกโกรธตัวเองที่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเขา หน้าที่ของผมก็แค่แกล้งทำเป็นรักเขาไม่ใช่เหรอ? มันคือการแสดง ผมไม่ควรให้มันเกินเลยมากไปกว่านี้ ผมลืมตาขึ้นเมื่ออีทงเฮผละตัวออก เขาก้มหน้านิ่งพลางทาบมือลงกับหน้าผากตัวเองราวกับคิดอะไรอยู่ ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ลุกขึ้นเข้าไปดูใกล้ ๆ
“...”
“เป็นอะไร?”
“เปล่า” เขาพูดตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินไปคว้าเสื้อเชิร์ตที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาใส่ลวก ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วทิ้งความคาใจไว้ให้ผม
“...”
.
.
ผมหมุนลูกบิดเปิดประตูออกไปให้เบาเสียงที่สุด ตอนนี้ไม่มีแสงโคมไฟจากห้องนั่งเหมือนก่อนหน้านี้ ผมก้าวออกไปช้า ๆ พลางกระชับเสื้อคลุมตัวนอกไว้ ความเงียบในยามค่ำคืนทำให้ผมกลัวที่จะก้าวขาไปข้างหน้า แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันสั่งให้ผมเดินออกมาตามหาเขา
ก็แค่อยากรู้ว่าเป็นอะไร...ก็เท่านั้น...
“ผมขอโทษ...”
“...”
“ให้อภัยผมด้วย...ผมขอโทษ...”
“...”
“คุณไม่รู้เลยเหรอ...ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน?”
“...”
เสียงลอดออกมาจากประตูที่ผมเพิ่งเดินผ่านมาเมื่อครู่ ผมเดินถอยหลังไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นก่อนจะแง้มเปิดเข้าไปเพียงเล็กน้อยแล้วก็พบว่าอีทงเฮกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงที่มีหมอคยูฮยอนนอนไม่ได้สติอยู่ สองมือของเขากุมมือหมอคยูฮยอนไว้แน่นอีกทั้งยังร้องไห้ไม่หยุด...
“...”
“ถ้าผมตายไป...คุณจะเสียใจบ้างไหม?”
“...”
“คุณเคยบอกว่าชีวิตผมมีค่า...แต่คุณรู้ไหม? ว่าผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันไร้ค่าหลังจากที่ชีวิตของผมไม่มีคุณ”
“...”
“ถ้าความรักมันเจ็บปวดขนาดนี้...ทำไมคุณถึงสอนให้ผมรู้จักกับมัน”
ผมค่อย ๆ ปิดประตูกลับเข้ามาเงียบ ๆ โดยไม่ให้เขารู้ตัว ตอนนี้ผมแน่ใจแล้วว่าทำไมอีทงเฮถึงเสนอข้อตกลงแบบนั้น เขาไม่ได้พิศวาสอะไรผมเลยสักนิด อีทงเฮก็แค่เห็นผมเป็นตัวแทนหมอคยูฮยอนเท่านั้น
ผมเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วแทรกตัวเข้าไปในผ้านวมอุ่น ๆ พร้อมกับหลับตาลง ถ้าเข้าใจถูกแล้วผมก็ควรอยู่เฉย ๆ ทำตามข้อตกลงไปจนกว่ามันจะจบก็เท่านั้น แต่ทำไมนะ? ทำไมผมถึงรู้สึกผิดหวัง และเสียความรู้สึกแบบนี้
เป็นเพราะว่าผมไม่ชอบเป็นตัวแทนใคร หรือเพราะอะไรกันแน่?
.
.
“...”
ผมลืมตาขึ้นมาในสภาพงัวเงียแต่สิ่งแรกที่เห็นก็คือดอกกุหลาบแดงหนึ่งดอกที่วางอยู่บนที่นอน ผมหยิบมันเข้ามาดูใกล้ ๆ แล้วก็นึกถึงคนให้...แสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ผมรู้ว่าไม่ควรนอนอุดอู้อยู่บนเตียงอีก ผมลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปมองรอบตัว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อีทงเฮคงอยู่กับหมอคยูฮยอนตลอดทั้งคืน
ผมเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วหยุดยืนอยู่หน้ากระจก ส่องดูสภาพแรกตื่นของตัวเองแล้วก็ส่ายหน้าหน่าย ๆ ยิ่งนับวันผมยิ่งโทรมจนแทบดูไม่ได้ ผมเอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นผ้าพันแผลข้อมือแปลกไป มันดูสะอาดเป็นระเบียบ ผมจำได้ว่าเมื่อวานมันหลุดลุ่ยออกมาตอนอาบน้ำแต่...
อีทงเฮ...
“...”
เขากลับเข้ามาด้วยเหรอ? ผมคิดว่าเขาจะนอนเฝ้าหมอคยูฮยอนทั้งคืนเสียอีก ผมตัดความคิดนี้ทิ้งไปแล้วหันไปทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยก่อนจะออกมาข้างนอก ผมไม่ได้เดินมองหน้ามองหลัง ไม่ได้หวาดระแวงว่าจะมีใครเข้ามาทำร้ายอีก นี่นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งที่ผมได้รับจากอีทงเฮ
ผมเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะหันไปเห็นนาฬิกาโบราณที่ตั้งอยู่มุมห้อง วันนี้วันพุธ...ถ้าสิ้นสุดคืนนี้ไปชีวิตผมก็จะเป็นอิสระใช่ไหม?
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“หมอจงอุน?” ผมหันไปมองคนข้างหลังที่เดินมาพร้อมกับถาดอาหาร เขาวางลงบนโต๊ะกระจกแล้วผายมือ
“มื้อเช้าของคุณ”
“...”
“ไม่ต้องมองหาหรอกครับ ทงเฮอยู่ในห้องกับคยูฮยอนน่ะ”
“อ้อ...” ผมยิ้มแห้ง ๆ แล้วเดินไปนั่งบนโซฟายาว ที่อีทงเฮไม่อยู่มันก็ดีแล้วนี่ ผมจะได้ไม่ต้องแสร้งแสดงละครทำเป็นเหมือนว่ารักเขา ดีเสียอีกที่ให้เวลามันเดินผ่านไปโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไร ผมก้มลงมองถาดอาหารแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นโน้ตแปะอยู่ข้าง ๆ ถ้วย
‘ผมรู้ว่าคุณชอบโจ๊กเหลว ๆ ใส่หมูสับกับหัวหอมเยอะ ๆ ^^’
“...”
หมอคยูฮยอนชอบกินอะไรแบบนี้เหรอ? เอาเถอะ...ผมจะกินมันให้หมดแล้วกัน จะได้ไม่ต้องมีคำถามจากเขาถ้าผมกินไม่หมด ผมตักโจ๊กเข้าปากรสชาติถือว่าใช้ได้เลยล่ะ แต่กินไปได้แค่ไม่กี่คำผมก็เหลือบไปเห็นประตูบานนั้นที่คุณคิบอมถูกขังอยู่ข้างใน
“หมอจงอุนครับ แล้วคุณคิบอม...?”
“ผมเอามื้อเช้าเข้าไปให้เขาแล้วครับ”
“แต่เขาถูกมัดแบบนั้นแล้วจะทานยังไงครับ คุณป้อนเขาเหรอ?” ผมถามด้วยความสงสัยหากแต่หมอจงอุนกลับไม่ตอบ “หมอจงอุน?”
“ผมต้องไปดูอาการของคยูฮยอน ขอตัวนะครับ”
“...”
ผมเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับท่าทีของหมอจงอุน เขาโค้งหัวให้ผมตามมารยาทแล้วเดินหายเข้าไปในห้องของหมอคยูฮยอน ผมวางช้อนลงแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องคุณคิบอมก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นคุณคิบอมยังคงถูกปิดตาอยู่ในสภาพถูกมัดไว้เหมือนเมื่อวาน แต่ที่ทำให้ผมตกใจมากที่สุดก็คือนมสดในถ้วยอาหารหมาที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวเขา
“มีอะไรอีก ฉันบอกว่าไม่กินไง พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ?”
“ผมฮยอกแจครับคุณคิบอม”
“...คุณฮยอกแจ?” คุณคิบอมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย เขาดูตื่นตัวเมื่อได้ยินเสียงผม
“สักครู่นะครับ” ผมรีบเดินไปเอาถ้วยโจ๊กก่อนจะนั่งลงตรงหน้าคุณคิบอมแล้วตักขึ้นมาเป่าให้มันอุ่น ๆ ก่อนจะยื่นไปตรงระดับฝีปากของเขา
“อ้าปากหน่อยครับ”
“...”
“คุณต้องกินอะไรหน่อยนะ ไม่งั้นคุณจะไม่มีแรง”
“...”
“นี่โจ๊กหมูครับ ไม่ใช่นมในถ้วยนั่น”
“...” เขาค่อย ๆ อ้าปากเมื่อได้ยินที่ผมบอก ผมตักโจ๊กขึ้นมาอีกคำแล้วเป่าก่อนจะป้อนให้คุณคิบอมอีกครั้ง
“จริง ๆ คุณไม่ควรมาหาผม”
“...”
“เมื่อวานเขาทำอะไรคุณบ้าง?”
“เปล่าครับ ไม่ได้ทำอะไร” ผมพูดพลางหลุบสายตาลงมองถ้วยโจ๊กเมื่อเขาหันมาสบตากับผม
“...”
“...”
“เขาคงไม่ได้บังคับให้คุณทำอะไรหรอกใช่ไหม?”
“...”
“ฮยอกแจครับ” เขาเรียกชื่อผมเบา ๆ ผมยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“เขาแค่พูดขู่ไปอย่างนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรผมหรอก”
“แล้ว...”
“ที่รักครับ”
“!!!” ผมสะดุ้งสุดตัวพลางเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองใครอีกคนที่ยืนกอดอกพิงประตูอยู่ สีหน้าของเขาเรียบเฉยเหมือนกับทุกครั้งเวลาโมโห
“ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“คือฉัน...” ผมพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี ถ้าเกิดตอนนี้ผมพูดอะไรให้เขาไม่พอใจออกไปมีหวังเขาได้เข้ามาทำร้ายคุณคิบอมแน่
“แล้วในมือคุณนั่น...”
“ฉันกินไม่หมด ก็เลยเอามาให้เขากินน่ะ”
“...” คุณคิบอมหันควับเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่คำตอบของผมก็ทำให้อีทงเฮยิ้มขึ้นมาได้บ้าง
“อ๋อ ของเหลือก็ต้องเอาให้หมาสินะ ที่รักนี่ใจบุญจริง ๆ ”
“...” ผมวางช้อนลงก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอีทงเฮ ผมไม่ควรแสดงออกว่าแคร์คุณคิบอมต่อหน้าเขา ไม่ควร...
“ขอบใจที่ทำแผลให้นะ” ผมชูข้อมือขึ้นมาพร้อมกับยิ้มบาง ๆ สีหน้าของอีทงเฮตอนนี้คือรอยยิ้มสมเพชที่มองผมอยู่
“แล้วก็กุหลาบดอกนั้นด้วย” ผมยังคงยิ้ม แม้ว่าผมจะไม่ได้อยากยิ้มก็ตาม ผมยอมเสียศักดิ์ศรีแค่วันนี้ มันจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกับอีทงเฮ
ถ้าถามว่าผมไว้ใจเขามากแค่ไหนถึงได้รับปากไปแบบนั้น ผมคงตอบว่าผมไม่ไว้ใจเขาเลยสักนิด แต่ผมก็ยังเลือกที่จะเสี่ยงเพราะคิดว่าอีทงเฮอาจจะกลับใจเป็นคนดี แต่ถ้าเขากลับกลอก...ผมก็มีวิธีเอาคืนเหมือนกัน
ถ้าเกิดคืนนี้เขาไม่ทำตามสัญญา...
วินาทีต่อไปหลังจากนั้นในหัวผมจะมีแต่เรื่องแก้แค้นเท่านั้น
…To be continued...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk
เนื้อเรื่องซอฟท์ลงแล้ว คนอ่านเป็นยังไงบ้างคะ หายใจทั่วท้องขึ้นบ้างไหม
เราก็เริ่มสับสนแทนฮยอกแจละ พี่ทงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบนี้ ฟิคจะจบแล้วนะคะดีใจไหม จะได้ไม่เครียดอีก 555555555555555555555555555555555555555555555555
ว่าแต่พี่ทงจะทำตามสัญญาจริง ๆ เหรอ?
ความคิดเห็น