คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 9 :: Bleeding
Chapter 9
Bleeding
“...”
ผมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยตัวอยู่ แล้วก็พบว่าใครคนหนึ่งกำลังอุ้มผมเดินไปที่ไหนสักแห่ง...ซึ่งผมรู้สึกเบลอจนไม่รู้ว่ารอบข้างผมคือที่ไหน ใบหน้าหล่อได้รูปสายตาจดจ้องไปยังเบื้องหน้าทำให้ชั่ววูบหนึ่งผมลืมไปว่าเขาเป็นคนโรคจิตที่ผมเกลียดเข้าไส้
เกลียด...จนอยากฆ่าให้ตาย...
ผมไม่มีแรงที่จะดีดดิ้นอีก ผมรู้สึกหมดแรงหลังจากที่โดนโปะยาสลบหลังจากที่หันหน้าเข้าหาอีทงเฮ เขาคงเบื่อที่จะต้องกระชากลากดึงผมท่ามกลางฝูงคนเลยตัดปัญหาด้วยวิธีนั้น...อีทงเฮทำให้ผมสำนึกได้ว่าอย่าลองดีกับเขาถ้าไม่อยากให้แม่ผมกลายเป็นเหมือนซองมิน
ตอนนี้เพื่อนผมจะเป็นยังไงบ้าง...ผมได้แต่ภาวนาให้เขากัดฟันอดทนออกมาจากห้องนั้นได้ เผื่อจะโชคดีมีคนมาเห็นแล้วช่วยพาไปส่งโรงพยาบาลได้ และถ้าโชคดี...ผมหวังว่าซองมินจะปลอดภัย
ร่างของผมถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรง ผมนิ่วหน้าเจ็บก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปอีกทางแล้วหยิบซองบุหรี่ที่อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาจุดสูบ ควันสีเทาหม่นลอยออกมาจากริมฝีปากได้รูปนั่น มันส่งกลิ่นจนผมกระแอมออกมา
“แค่ก ๆ ”
อีทงเฮนั่งลงขอบเตียงพลางจ้องมองผมที่นอนนิ่ง ๆ พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ คราบเลือดแห้งกรังที่ขมับเขานั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้สร้างเรื่องอะไรเอาไว้ ตอนนี้ผมต้องทำอะไรนะ นอนรอความตาย...หรือว่าต้องนอนรอดูใครตายต่อหน้าผมอีก?
“ถือว่าเก่งนะครับ”
“...”
“วิ่งไปไหนต่อไหนได้ทั้งที่ขาอยู่ในสภาพแบบนั้น”
“...”
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ”
“...”
“งอนผมเหรอ?”
“...”
“ยังเจ็บแผลอยู่ไหม?”
“...”
“ไม่ตอบ...” เขาพูดเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวผมทำแผลให้นะครับ” อีทงเฮเดินหายออกไปข้างนอก ผมไม่สนใจว่าเขาจะเดินไปไหนและจะกลับมาเมื่อไหร่ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
พอนึกถึงซองมินกับคุณซีวอนแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง ผมหมดหวัง ไม่มีใครมาช่วยผมแล้ว...ทุกคนจะตายไปจากผมทีละคน...ทีละคน
“มาแล้ว...”
ผมรู้สึกได้ถึงเตียงที่ยวบลงตรงข้างหลัง เขาขยับมาใกล้ ๆ พร้อมกับพลิกตัวผมให้หันไปหาเขา รอยยิ้มละมุนที่มาพร้อมกับมีดในมือนั่นทำให้ผมตกใจกับสิ่งที่เห็น
“...!!” ผมลุกขึ้นนั่งแล้วถอยกรูดจนแทบตกเตียงแต่อีทงเฮคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาดึงแขนผมให้เข้าไปนั่งตรงระหว่างขาของเขาพร้อมกับกอดเอวผมเอาไว้
“ผมชอบอยู่ในท่านี้มากเลยล่ะ” เขาเอาคางเกยไหล่ผมทั้งที่มีดอยู่ในมือ ผมปากสั่นพลางเหล่มองใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้ ๆ
“คุณนั่งตรงนี้...ให้ผมผมกอดจากข้างหลัง กระซิบบอกคำหวาน ๆ ที่ข้างหู โลกใบนี้...มีแค่ผมกับคุณเท่านั้น” เขาพูดพร้อมกับรูดซิปเสื้อตัวนอกของผมแล้วค่อย ๆ ถอดออกอย่างช้า ๆ
อย่านะ...
“อ้าว...ไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในหรอกเหรอครับ~”
“...”
“ก็ดี...จะได้ไม่ต้องเสียเวลาถอดหลายชั้น” เขาพูดแล้วโยนเสื้อของผมลงไปข้างล่างเตียง ผมนั่งตัวเกร็งเมื่อมือของเขากำลังเริ่มสัมผัสลูบไล้ร่างกายผม
ปืน...อยู่ในกระเป๋าเสื้อ...
“…รายต่อไปคือฉันใช่ไหม?” ผมถามเสียวแผ่ว เขายิ้มขำแล้วจูบไหล่ผมเบา ๆ
“หมายความว่าไงครับรายต่อไป?”
“ก็คนต่อไปที่แกจะฆ่า...” เขากุมมือผมไว้พร้อมกับกระชับกอดให้แน่นขึ้น ถ้าผมเป็นคนรักของเขา และเขาเป็นคนปกติ บางทีผมอาจจะรู้สึกดีกับสัมผัสนี้ก็ได้
“ใครจะไปฆ่าที่รักลงล่ะครับ...” เขากระซิบพร้อมกับจับข้อมือผมขึ้นมาลูบอยู่ครู่หนึ่ง
“ความตายน่ะ...มันเหมาะสำหรับคนทรยศเท่านั้นแหละ”
“อ...อ๊ะ...โอ๊ยยย!!!”
ผมนิ่วเจ็บเมื่อเขาเอามีดกรีดที่ข้อมืออย่างช้า ๆ ผมชักมือออกตามสัญชาตญาณแต่กลับไม่เป็นผล เขายิ่งบีบข้อมือผมแน่นยิ่งขึ้นอีกและนั่นทำให้เลือดสีสดไหลออกมาอาบแขนจนเป็นทางยาว
“ร้องอีกสิครับ”
“อ...ไอ้...ไอ้สารเลว!!! โอ๊ยยย!!!”
“เจ็บเหรอ? ไม่มั้ง...รอยแผลเดิมตรงนี้มันเป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่าคุณคลั่งไคล้การทรมานตัวเองมากแค่ไหน” เขาพูดพร้อมกับลูบรอยแผลที่ผมเคยกรีดเอาไว้
“...อึ่ก”
“เก่งไม่ใช่เหรอครับ ทำไมร้องไห้กับเรื่องแค่นี้ล่ะ?”
“ไปตายซะ...”
“โอ๋เอ๋...ดูสิ...เบะปากอย่างกับเด็กเลยนะครับ”
“...”
“ฮ่า ๆ ”
แพล่ะ...แพล่ะ...
เลือดสีแดงสดยังคงไหลออกมาจากข้อมือแล้วหยดลงไปบนผ้านวมสีขาว เสียงหัวเราะพอใจดังอยู่ข้าง ๆ หูผมแต่เขากลับไม่หยุดแค่นั้น ผมมือสั่น รู้สึกชาที่ข้อมือและแสบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทั้งที่ผมเคยทำมันมาแล้วจนนับครั้งไม่ได้
“ผมจะไม่ทำทับรอยเดิมแล้วกันนะครับ ผมอยากให้รอยแผลที่ผมทำอยู่กับที่รักไปตลอดชีวิตจัง” เขาหอมซอกคอผมพร้อมกับกรีดข้อมือซ้ำ ๆ โดยที่ไม่มอง ผมได้แต่ร้องโอดครวญเพราะความเจ็บ ในตอนนี้เตียงสีขาวเต็มไปด้วยหยดเลือดสีแดงสดเต็มไปหมด
“เพราะทุกครั้งที่คุณมองมัน...คุณก็จะคิดถึงผม...”
อีทงเฮกระซิบเบา ๆ พร้อมกับบีบข้อมือให้เลือดไหลออกมามากกว่าเดิม น้ำตาผมไหลออกมาไม่หยุดพอ ๆ กับเลือดสีแดงสดนั่น แต่เขากลับไม่รู้สึกสงสารผมเลยสักนิด
แน่ล่ะ...เขาเป็นคนโรคจิต สิ่งเดียวที่เขาจะรู้สึกสงสารได้ก็คือตัวของเขาเอง อีทงเฮประคองให้ผมเอนหลังพิงกับแผงอกเขาและผมก็ไม่สามารถฝืนอะไรได้อีกเพราะเสียเลือดมาก มือหนาจับข้อมือผมเอาไว้แล้วค่อย ๆ ใช้ลิ้นเลียไปตลอดความยาวของรอยแผล ผมนิ่วหน้าเจ็บตัวสั่นเทิ้มและหอบหายใจหนัก
ไม่ต้องกลัวแล้วฮยอกแจ...
ปล่อยให้มันไหลออกไปจนตายเถอะ...
ต่อไปนี้นายจะไม่ต้องเจ็บปวดและมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว...
แค่ทนเจ็บอีกนิดเดียวเท่านั้น...
เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จบ...
ผมปรือตามองอีกคนที่กำลังกระชับผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือดกำลังยิ้มบาง ๆ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาจูบผม กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งเฝื่อนทำให้ผมทนกับสัมผัสนี้ไม่ได้
ไหน ๆ ผมก็จะตายแล้ว...เรื่องอะไรที่ผมจะต้องยอมให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจอีก?
ผมเบี่ยงหน้าหลบแล้วใช้แรงทั้งหมดผลักเขาออกไป ผมหยิบมีดที่เขาใช้กรีดข้อมือผมเมื่อครู่ขึ้นมาแล้วชี้หน้าเขาทั้งที่มือสั่นไม่หยุด
“เข้ามาสิ...” น้ำเสียงผมแห้งผาก เขานั่งมองผมเฉย ๆ แล้วก็ยิ้มออกมา
“วันนี้ถ้าไม่ใช่ฉัน ก็ต้องเป็นแกที่ต้องตาย...” ผมพูดต่อ อีทงเฮยังคงปั้นหน้าเฉยแม้ว่าผมจะชี้มีดไปตรงหน้าเขา
“ผมมีตัวเลือกให้ที่รักอยู่สองข้อ”
“...”
“ข้อแรก วางมีดลง แล้วนอนนิ่ง ๆ ให้ผมกอด”
“...”
“ส่วนข้อที่สอง...” อีทงเฮเข้ามาหาผมแม้ว่ามีดจะชี้อยู่ตรงหน้าเขา มือหนากำปลายมีดเอาไว้โดยที่ไม่กลัวเลยว่ามันจะบาดมือเขาหรือไม่ แล้วมันก็ใช่อย่างที่คิด...เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลออกมาจากมือเขาจนหยดลงบนที่นอนเป็นต่างดวง
“!!!”
“หรือจะให้ผมใช้มีดนี่ตัดเส้นเอ็นข้อเท้าแล้วปล้ำคุณบนเตียงที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดนี่ทั้งวันทั้งคืนดีครับ?”
“ปล่อย!”
ผมพยายามชักมีดกลับแต่อีทงเฮกำไว้แน่นจนผมดึงไม่ออก เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วโผเข้ามาขึ้นคร่อมทับผมในทันที และนั่นทำให้ผมเสียหลักจนมีดกระเด็นตกลงไปใต้เตียง ผมเบิกตากว้าง พยายามทุรนทุรายคลานไปเอามีดแต่ก็ขยับไม่ได้เพราะถูกอีกคนทับเอาไว้
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ผมจะตัดสินเองแล้วกันนะครับว่าที่รักเลือกข้อสอง” เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วใช้มือข้างที่เต็มไปด้วยเลือดบีบกรามผมไว้แน่น ผมทั้งทุบแขน จิกแขนเขาแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สร้างความเจ็บปวดให้เขาสักเท่าไหร่
“เป็นอะไรไปครับ หมดแรงแล้วเหรอหื้ม?”
“...” ผมแปะป่ายมือไปทั่ว จ้องมองเขาด้วยความโกรธแค้น
“อย่าเพิ่งหมดแรงสิครับที่รัก ผมยังสนุกอยู่เลยนะ” พูดจบเขาตบหน้าผมด้วยหลังมือฉาดใหญ่จนผมหน้าหันไปอีกทาง
โดยรวมแล้วมันกี่ครั้งผมก็จำไม่ได้แต่ที่รู้ตอนนี้คือหน้าของผมชาไปหมด ผมนอนหอบหายใจหนักพลางปรือตามองใครอีกคนที่ยังคงคร่อมทับผมเอาไว้ ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้พร้อมกับบีบกรามให้ผมเงยหน้าขึ้นก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากลงมาอย่างถือวิสาสะ
“อ...อื้อ!!!”
ผมส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปหมดจนอยากอาเจียน ยิ่งตอนที่ลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในปากผมยิ่งรู้สึกขยะแขยง ผมโกยอากาศเข้าปอดเมื่อเขาผละริมฝีปากออกแต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อถูกกัดริมฝีปากอย่างแรง ทันทีที่ลืมตาขึ้นผมก็เห็นหน้าของเขาได้ชัดเจน...สีหน้าที่เต็มไปด้วยความซาดิสม์ โรคจิตในที่เขาเป็น
“น่าหมั่นเขี้ยว...”
เขาพูดก่อนจะก้มลงมากัดริมฝีปากล่างของผมอีกครั้ง ผมผลักตัวเขาออกแต่ครั้งนี้มันไม่ยากเหมือนครั้งก่อน ๆ อีทงเฮผละตัวลุกขึ้นแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ เขามองบาดแผลฉกรรจ์ที่ฝ่ามือตัวเอง มันแผลใหญ่ไม่ต่างจากที่ข้อมือผมเลยแต่เขากลับยังนิ่งเฉยได้
“แสบใช้ได้เลยนะเนี่ย...” เขาสะบัดมือตัวเองก่อนจะลุกขึ้นไปค้นเอาผ้าก็อชในกล่องออกมาพันมือตัวเอง ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย...แต่ทำไมความรู้สึกแบบนี้มันทรมานจัง
การเข้าใกล้ความตายมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ...
ผมเคยคิดว่าการตายมันเป็นเรื่องง่ายมาตลอด แต่ผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดเมื่อได้รู้จักผู้ชายอย่างอีทงเฮ ผมค่อย ๆ คลานไปตรงขอบเตียงเพื่อหยิบมีดที่ตกอยู่ข้างล่างแต่ผมก็หยุดชะงักเมื่อเห็นเสื้อที่กองอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น
“จะไปไหนครับ ให้ผมอุ้มไหม?” เสียงดังมาจากทางด้านหลังนั่นไม่ได้ทำให้ผมเลิกล้มความตั้งใจ ผมค่อย ๆ คลานจนตกลงจากเตียงในที่สุด
“อ๊ะ!”
“อู้ย...ท่าจะเจ็บ” น้ำเสียงกวนประสาททำให้ผมกัดฟันกอด ผมคลานไปหยิบเสื้อตัวนั้นแล้วเอามากอดไว้แนบอกก่อนจะหันไปมองอีทงเฮที่กำลังหัวเราะเยาะผมด้วยความสมเพช
“ปิดไปทำไมครับ หน้าอกโตเหมือนนางแบบก็ว่าไปอย่าง”
“...”
“ไม่ต้องใส่หรอกครับ เพราะต่อให้ที่รักใส่ใหม่อีกกี่ครั้ง ผมก็ถอดให้อีกอยู่ดี”
ผมค่อย ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วกำปืนขนาดเหมาะมือไว้แน่นพลางหยัดตัวลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรง อีทงเฮยิ้มบาง ๆ ดูทุกการกระทำของผมก่อนจะเลิกคิ้วมองเมื่อผมหยิบปืนออกมาเล็งไปที่เขา
“...”
“มีอะไรจะสั่งเสียก่อนตายไหม...” ผมถามพลางกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ อีทงเฮสบตากับผมไม่ถึงสิบวินาทีเขาก็ขยับตัวขึ้นไปนอนบนโซฟายาว
“ง่วงจัง”
“เหอะ...แม้กระทั่งตอนจะตาย แกยังอ้อล้อได้อยู่นะ...” ผมแค่นหัวเราะ เขาหันมามองผมแล้วเบะปากน้อย ๆ
ปัง!!
“หยุด!!”
ผมหันไปมองข้างหลังเมื่อพบว่ามีผู้มาใหม่ถีบประตูเข้ามา ผมตกใจกับภาพที่เห็นแต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้อีกครั้ง...เมื่อคนที่กำลังถือปืนเล็งเข้ามาในห้องนี้คือ...
“คุณซีวอน!!”
“หืม?”
อีทงเฮเลิกคิ้วมองตำรวจร่างสูงที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บ ผมเห็นเขาโพกผ้าพันแผลตั้งแต่ช่วงไหล่คาดว่านั่นคงเป็นรอยที่คุณคิบอมฝากเอาไว้
“คุณ...ยังไม่ตาย!” ผมรีบกระเผกขาไปหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ในที่สุดพระเจ้าก็ไม่ใจร้ายกับผมจนเกินไป คุณซีวอนหันมายิ้มให้ผมแม้ว่าเขาจะยังเล็งปืนไปที่อีทงเฮอยู่
“ผมคิดว่าคุณตายไปแล้วซะอีก...คุณซีวอนครับ...หมอโจคยูฮยอนยังไม่ตาย ผมเห็นกับตา”
“หมอคยูฮยอนเหรอครับ?” คุณซีวอนทวนคำพูดพลางมองไปที่ไอ้โรคจิตนั่น
“ใช่ครับ! แล้วคุณคิบอมก็เป็นพวกเดียวกับมันด้วย” ผมชี้อีทงเฮที่กำลังลุกขึ้นนั่งอ้าปากหาวหวอด ๆ จนถึงตอนนี้แล้วเขาก็ยังไม่สะทกสะท้านอะไรเลยให้ตายเถอะ!!
“เฮ้! อย่ามาใส่ร้ายกันสิครับที่รัก!” อีทงเฮขมวดคิ้วตีหน้าตาย เห็นแบบนั้นผมยิ่งอยากให้คุณซีวอนเข้าไปล็อคคอมันเข้าตารางเสียเดี๋ยวนี้
“ไว้ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้คุณจัดการกับคนโรคจิตอย่างเขาก่อนเถอะครับ” ผมบอกร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“...”
“คุณซีวอนครับ?”
แต่เขา...กลับยืนนิ่ง...
แล้วหันมามองผม...ด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ ...
พร้อมกับ...
กระชากหัวผม...แล้วผลักไปที่เตียง...
“อ๊ะ!!!”
“เฮ้ อย่ารุนแรงนักสิ ที่รักของผมขาเจ็บอยู่นะ” อีทงเฮพูดพร้อมกับเข้ามาประคองผมให้ลุกขึ้นยืนและไม่ลืมที่จะโอบรอบคอผมไว้จากข้างหลังซึ่งดูแล้วมันเหมือนกับล็อคคอเสียมากกว่า
“...น...นี่มันอะไรกัน?” ผมสับสนไปหมดจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำไม...อยู่ดี ๆ ...?
คุณซีวอนเก็บปืนเข้าที่ก่อนจะบิดขี้เกียจอยู่สองสามทีท่ามกลางเสียงหัวเราะพอใจของอีทงเฮ...เดี๋ยวสิ...ทำไม...?
“คุณซีวอน...”
“นายทำให้เขาหุบปากทีได้ไหม คุณซีวอน คุณซีวอนอยู่ได้...น่ารำคาญชะมัด” คุณซีวอนพูดพลางเดินไปรินเหล้าใส่แก้วใบเล็กเหมือนว่าเขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี น้ำตาของผมไหลออกมาอาบแก้มอีกครั้งเมื่อได้รู้ตอนนี้ว่า...
ผมคิด...มาตลอด...
“อย่าดุฮยอกแจสิ เขาเป็นคนบ่อน้ำตาตื้น เอะอะก็น้ำตาไหลแล้ว ใช่ไหมครับคนดี?”
“ฮึก...”
“โอ๋เอ๋...ไม่ร้องนะครับ” อีทงเฮจูบขมับผมอย่างอ่อนโยนแต่นั่นก็ไม่ได้บรรเทาความเจ็บปวดในใจผมไปได้เลย
“คุณ...ก็เป็นพวกเดียวกันกับมัน...เหมือนคุณคิบอม...” ผมมองคุณซีวอนด้วยความแค้น นี่ผมไว้ใจคนชั่วมาตลอดโดยที่ไม่รู้อะไรเลยสินะ
“คุณคิบอม คุณคิบอม...” คุณซีวอน...ไม่สิ...ไอ้เลวซีวอนทวนคำพูดของผม
“คนนั้นที่ ๆ รักพูดถึงนี่เป็นใครเหรอครับคุณหมวดซีวอน?” อีทงเฮถามไอ้ชั่วนั่นด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ชเวซีวอนหัวเราะแล้วลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่หน้ากระจก
“ใช่ชายชู้ที่ฆ่าคุณนายฮโยริของฉันหรือเปล่า?” ชเวซีวอนดีดนิ้วดังเป๊าะ ในตอนนี้ผมรู้สึกแปลก ๆ และมันอาจจะเป็นอย่างที่ผมคิดว่า...
“ไอ้ตำรวจหน้าใหม่นั่นแหละที่ฆ่าคุณนายฮโยริของแก”
“...”
“ว่าไงนะ? ตำรวจหน้าใหม่งั้นเหรอ? ถ้าเจอจะเช็คบิลให้สาสมเลย!” อีทงเฮตะเบ็งเสียงทำเหมือนโกรธเสียเต็มประดา แต่เอาจริง ๆ แล้วผมว่าเขาก็แค่แกล้งทำเป็นโมโหเท่านั้น
“จัดไปครับ” ชเวซีวอนพูดพร้อมกับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และสิ่งที่สร้างความตกใจให้ผมมากนั่นก็คือ...ร่างคุณคิบอมที่หมดสติและล้มลงมาในสภาพถูกมัดไว้กับเก้าอี้
“อ๊อ...ไอ้หมอนี่นี่เอง?”
“ใช่”
“ค...คุณคิบอม...” ผมพูดเสียงสั่นเมื่อมองไปยังใครอีกคนที่ยังคงไม่ได้สติ อีกทั้งยังมีรอยฟกช้ำอยู่ตามใบหน้าอีกด้วย
“แล้วเสียงปืนในโทรศัพท์ตอนนั้น?!” ผมเงยหน้าขึ้นมองชเวซีวอน เขายกมือสองข้างขึ้นระดับหัวไหล่ทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้
“เสียงปืน?”
“แกสร้างเรื่องขึ้นมาใส่ร้ายเขาใช่ไหม?!” ผมตะโกนเสียงดังด้วยความโทสะพร้อมกับพยายามสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดอีทงเฮ
“คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดนี่ครับ...”
“...”
“ไอ้เด็กนี่มันสู่รู้เกินไป ผมก็เลยสร้างเรื่องให้คุณเข้าใจผิดมันนิดหน่อย แต่น่าแปลกที่คุณดันเชื่อซะสนิทใจ”
“...”
“ผมเป็นคนบอกให้มันไปรับตัวคุณออกมาจากบ้านทงเฮ หลังจากนั้นก็ทำเป็นชื่นชมว่ามันเก่งเกินตำรวจหน้าใหม่ที่เข้าไปเสี่ยงตายแบบนั้น ผมเป็นคนขอให้คุณไปอาศัยบ้านมันชั่วคราว เป็นคนขอให้มันรับโทรศัพท์คุณแทนแล้วก็โกหกมันว่างานเสร็จแล้วจะรีบตามไปทีหลัง ถ้าคุณฉลาดกว่านี้สักนิด คุณคงถามมันแต่พอดีว่าคุณดันโง่...”
“...”
“ส่วนเรื่องถูกยิง ผมก็แค่โทรหาคุณแล้วก็เรียกชื่อมันก่อนจะยิงปืนในสนามฝึกก็เท่านั้น ง่ายจะตายไป”
‘แล้วคอนโดเพื่อนคุณอยู่แถวไหน ผมจะออกไปรับคุณเดี๋ยวนี้’
‘ผมรอคิบอมแต่งตัวอยู่น่ะ...อ้าวคิบอมทำไมนาย? ...ปัง!!!!’
“...”
“ถ้ามันไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้าน มันก็ไม่ต้องพบจุดจบแบบนี้” ชเวซีวอนแกะผ้าพันแผลออกแล้วใช้เท้าเขี่ยคุณคิบอมที่สลบอยู่บนพื้น ผมร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ ผมระแวง ผมกลัว ผมทำร้ายร่างกายคุณคิบอมเพราะคิดไปเองทั้งหมด...
“ส่วนปืนในมือน่ะ ก็ปืนของเล่นเด็ก” เขาแค่นหัวเราะพลางมองมาที่มือผม
ผมเอาปืนที่เขาเคยให้ขึ้นมาดูก่อนจะเล็งไปที่เขาแม้ว่าอีทงเฮจะกอดผมเอาไว้อยู่
แป่ะ แป่ะ...
ทันทีที่ผมกดเหนี่ยวไกเสียงปืนหลอกเด็กก็ดังขึ้นมา พอเห็นอย่างนั้นชเวซีวอนก็แกล้งกุมหัวใจไว้ราวกับถูกยิง ผมปล่อยให้ปืนหลอกเด็กนั่นตกลงไปบนพื้นแล้วมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
“โอ๊ย...เจ็บจังเลย~”
“...”
‘ป...ปืน?’
‘ใช่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณจะได้ป้องกันตัว’
“ร้องไห้จนตาบวมไปหมดแล้วนะครับคนดี” อีทงเฮใช้นิ้วหัวแม่มือไล้น้ำตาออกให้ผมอย่างเบามือ ผมแทบทรุดลงไปกับพื้นเพราะรู้สึกผิดจับใจ
คุณคิบอม...ผมขอโทษ...ผม...ผมขอโทษ!!!
“คุณตำรวจหน้าหล่อจะหลับนานเกินไปแล้ว หมวดช่วยปลุกเขาหน่อยนะครับ นี่มันเรือนหอของผม ไม่ใช่โรงแรม” อีทงเฮพูดสุภาพแต่ผมคิดว่ามันคงเป็นคำสั่งเพราะชเวซีวอนก็ทำตามอย่างง่ายดาย
แค่ครู่เดียวชเวซีวอนก็เดินกลับมาพร้อมกับถังน้ำ เขาสาดมันลงไปใส่ตัวคนที่หมดสติอยู่บนพื้นและมันก็ได้ผล น้ำหนึ่งถังทำให้คุณคิบอมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที
“อึ่ก!!”
“มันเซ~” อีทงเฮจับมือผมข้างหนึ่งไปตบกับมืออีกข้างของเขา ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะรู้สึกผิดกับภาพตรงหน้าเหลือเกิน
“คุณฮยอกแจ!”
“คุณคิบอม...ผมขอโทษ...” ผมปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ผมไม่อยากจินตนาการเลยว่าจะเป็นยังไงถ้าเกิดเขาถูกสองคนนี้ฆ่าต่อหน้าผม...
“...” คุณคิบอมลดสีหน้าลงทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากผมไปไหน
“ได้โปรด...ปล่อยเขาไปเถอะ ฉันขอร้อง” ผมหันหน้าเข้าหาอีทงเฮ เขาเลิกคิ้วมองผมแล้วทำตาปริบ ๆ
“ที่รักกำลังขอร้องผมอยู่เหรอ?”
ผมไม่ตอบอะไรได้เพียงแค่ยืนสะอื้นตรงนั้นและหวังว่าเขาจะเห็นใจคำขอที่ไม่มีความเป็นไปได้ครั้งนี้ อีทงเฮโอบใบหน้าผมเอาไว้ เขายิ้มบาง ๆ แล้วไล้น้ำตาออกให้
“ตาบวมหมดแล้ว...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดพร้อมกับริมฝีปากที่จูบลงบนเปลือกตา ผมไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสนี้และยินยอมให้เขาทำทุกอย่าง ถ้าเขาจะปล่อยคุณคิบอมไป
“หมวดซีวอนครับ ได้ยินคำขอของฮยอกแจที่รักแล้วใช่ไหม?”
“หืม? จะให้ฉันปล่อยไอ้เด็กนี่จริง ๆ น่ะเหรอ?”
“โธ่...คนรักที่ดีไม่ควรขัดใจนี่ครับ...” อีทงเฮพูดติดตลกแล้วกดหัวผมให้ซบลงกับไหล่เขา
“ขืนปล่อยมันรอดออกไปต้องไม่ดีกับเราทั้งคู่แน่”
“ผมคิดผิดมาตลอดเลยสินะว่าพี่เป็นคนดี...” ทุกคนเงียบเมื่อได้ยินเสียงคุณคิบอมพูดขึ้น
“พี่ทั้งยิงปืนเก่ง สุขุม เอาการเอางาน เป็นคนที่ผมเคารพและอยากเดินรอยตาม” คุณคิบอมพูดทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา
“แต่ถ้ารู้ว่าพี่เป็นคนโรคจิตแบบนี้...ผมว่าผมเดินตามรอยหมาซะยังดีกว่า”
“โอ้โห...เหมือนถูกตบหน้า” อีทงเฮพูดขณะที่ชเวซีวอนยืนมองคุณคิบอมที่นอนอยู่บนพื้นด้วยแววตาเฉยชา
“ใจเย็น ๆ นะครับหมวด หายใจเข้าลึก ๆ ~” อีทงเฮพูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ผมว่าเขากำลังยุให้ชเวซีวอนสติแตกแล้วทำร้ายคุณคิบอมเสียมากกว่า
อย่า...คุณคิบอม...หยุดพูดได้แล้ว...
“ทงเฮ”
“ว้อท?”
“ไอ้เด็กนี่น่ะ...ฉันขอแล้วกันนะ” ชเวซีวอนพูดพร้อมกับแก้มัดคุณคิบอมให้ออกจากเก้าอี้แล้วกระชากให้ลุกขึ้นยืนจนคุณคิบอมทรงตัวอย่างทุลักทุเล ผมจะออกไปช่วยเขาแต่ก็โดนอีทงเฮรวบตัวไว้ซะก่อน
“เอาสิ ฉันยกให้”
“ขอบใจ” ชเวซีวอนกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะลากคออีกคนออกไปข้างนอก คุณคิบอมได้แต่หันมามองผมเป็นครั้งสุดท้ายโดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย...
“ไม่นะ...อย่าทำเขา!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!!”
…To be continued...
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk
คือมีคนเดาถูกหลายคนเลยนะ ที่สงสัยพี่ซีวอนอ่ะ คิคิคิ
#คิบอมเป็นพระเอกเถอะค่ะ
ความคิดเห็น