ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu | ParallelOVE

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : โลกของฉัน โลกของนาย

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 55


    © Tenpoints!

     

     

     

     

    Chapter 1

    โลกของฉัน โลกของนาย

     

     

     

     

    คุณเคยได้ยินเรื่อง โลกคู่ขนาน ไหมครับ?

     

     

    ผมก็ไม่รู้อะไรมากมายนัก แต่ก็พอรู้มาบ้างว่ามันคือจักรวาลที่ดำเนินไปพร้อมๆ กันกับจักรวาลที่เราอยู่ในตอนนี้ ในโลกที่ผมมีชีวิตอยู่ขณะเดียวกันก็มีผมอยู่อีกโลกหนึ่งซึ่งมีโลกคู่ขนานนับไม่ถ้วนนั่นมันก็หมายความว่ามันยังมีคนหน้าตาเหมือนผม ชื่อเดียวกับผมอยู่อีกเป็นพันเป็นหมื่น ซึ่งผมก็ยังสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ว่าโลกคู่ขนานกับเดจาวูนี่มันเหมือนกันหรือเปล่า จนถึงกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้...

     

     

     

     

    ฮ่าๆ จริงเหรอ?

    เออ

    โถ...คยูฮยอนเพื่อนรักผู้น่าสงสาร ถูกให้ความหวังมาตลอดสองเดือนแต่สุดท้ายเขาก็มีเมียแล้วสินะ

    สองเดือนป้าแกดิ ห้าเดือนเต็มๆ เถอะ ผมเอาเท้ายันเก้าอี้ซองมินจนมันล้มตกลงไปแต่ถามว่าผมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับมันไหม ผมก็จะตอบตอนนี้เลยว่าไม่

     

    พูดเรื่องนี้ทีไรแล้วน้ำตาจะไหล มันจุกจนพูดไม่ออกทุกทีที่นึกถึง ความรู้สึกเหมือนถูกผู้ชายคนนั้นจูงมือขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วชี้ให้ดูดาวสวยๆ บนนั้นก่อนจะถีบผมให้ตกลงไปข้างล่าง...ใช่ ผมกำลังหมายถึงผู้ชายคนนั้นแหละ...คนที่ชื่อ ชเวซีวอน

     

    เอาน่า ก็ฉันเตือนแกตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่ซีวอนเขาเจ้าชู้แต่แกก็ไม่ฟังไง ยังมีหน้ามาเถียงอีกว่าเขาชอบแกจริงๆ ทำแบบนี้กับแกคนเดียว ซองมินตั้งเก้าอี้ใหม่แล้วนั่งลงข้างๆ ผมอีกครั้ง ผมโคตรเซ็งทุกทีที่ได้ยินชื่อของชเวซีวอน ถึงแม้ว่าในใจผมตอนนี้จะยังคงปักใจชอบเขาโคตรๆ ก็ตาม

    ก็พี่เขาพูดแบบนี้ จะให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นเหรอวะ

    คำพูดใครๆ ก็พูดได้เว้ยเพื่อน แต่แกต้องมีเซนส์เรื่องแบบนี้ด้วย หรือเรียกอีกอย่างว่าควรใช้สมองบ้างอะไรบ้างไม่ใช่ว่าสักแต่จะก้มหน้าก้มตาชอบเขาอย่างเดียว อย่างที่ซองมินมันพูดก็ถูก แต่ยังไงผมก็ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง เมื่อวานก่อนเขายังบอกว่าคิดถึง ขอให้ผมฝันดีก่อนนอนอยู่เลย แล้วนี่มันอะไร

    ช่างมันเถอะ ต่อไปก็อย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกก็พอ ผมทำหน้าเซ็ง

    แล้วนี่ต้องไปทำงานพิเศษกี่โมง

    ไม่ไปละ จะทำงานหลังขดหลังแข็งไปเพื่ออะไรอีก ทั้งที่ตั้งใจว่าจะซื้อนาฬิกาสักเรือนให้เป็นของขวัญวันเกิดในอาทิตย์หน้า ใจจริงก็อยากจะลองเสี่ยงตายโกหกพ่อดูสักครั้งว่าต้องเอาเงินไปจ่ายค่าชมรมแต่พอนึกถึงความโหดของพ่อแล้วก็ต้องคิดใหม่ ยอมเก็บเงินเองดีกว่า

    ก็ดี แล้วถ้าพี่ซีวอนโทรหา แกจะทำยังไงวะ

    ฉันจะไม่มีวันรับสายเขาแน่

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ตัดภาพมาอีกที...

     

    ( คยูฮยอนอ่า...ทำไมเพิ่งรับสายพี่ตอนนี้ล่ะครับคนดี )

    อ๋อ...เมื่อกี้ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ...

    ( ถึงว่าล่ะ กลิ่นหอมลอยมาถึงนี่เลย~ )

    ไม่ต้องเลย... น้ำเสียงเง้างอนของผมถูกส่งไปที่คนปลายสาย ตอนนี้ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเขาแล้วเรื่องราวที่ทำให้ปวดหัวมันก็หายไปหมดเลยครับ ผมนี่มันใจง่ายแท้

    ( คิดถึงพี่ไหม )

    คิดถึง...

    ( มากแค่ไหนหื้ม ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยซิ )

    พี่บอกผมมาก่อนสิว่าพี่คิดถึงผมมากแค่ไหน

    เป็นอย่างนี้มาตลอดห้าเดือน สเตตัสผมกับพี่ซีวอนมันไม่เคยชัดเจนเลย พอผมถามว่าเขาชอบผมไหมเขาก็บอกว่าชอบ แต่พอผมถามว่าเราเป็นอะไรกันเขาก็บอกว่าผมเป็นคนพิเศษที่สุดสำหรับเขา ซึ่งนั่นมันทำให้ผมรู้ว่าเขาคงไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นต่ออีกก็เลยปล่อยให้มันเลยตามเลย

    ( คิดถึง...โอ๊ะ! )

    ( คิดถึงมากพอที่จะกล้าแอบโทรหาคนอื่นไงล่ะ ปล่อยเลยนะซีวอน!! ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าโทรหาคนอื่นอีก นี่มันรายที่เท่าไหร่แล้วห๊า!! )

    ( ไม่เอาน่าพี่ฮีชอล ไม่งอแงนะครับคนดี )

    น้ำเสียงขุ่นเคืองมาพร้อมกับเอฟเฟ็กเสียงการต่อสู้ ผมได้ยินมันดังตุบตับลอดเข้ามาในสายจนต้องผละมือถือออกจากหู เสียงผู้ชายคนนั้นผมจำได้ดีครับ เขาคือคนที่พี่ซีวอนบอกว่าเป็นประธานปีสี่ชื่อคิมฮีชอล เห็นพี่ซีวอนบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าคนที่ชื่อฮีชอลนี่ชอบวุ่นวายกับชีวิตเขาแต่ใครจะรู้ว่าที่วุ่นวายก็เพราะ...

     

    แม่งเป็นผัวเมียกันไงครับ -_-

    อย่างกะละคร

     

    ผมกดวางสายแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียง ห้องใต้หลังคาที่ผมขอให้พ่อตกแต่งสไตล์ฝรั่ง ถึงมันจะแคบแต่มันก็คือพื้นที่ส่วนตัวที่ผมชอบ มันสามารถทำให้ผมมองเห็นดาวสวยๆ ตอนกลางคืนได้ ผมเป็นเพียงแค่เด็กม.ปลาย ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อยากเป็นคนพิเศษของผู้ชายคนนั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขามีดีอะไรนักหนาผมถึงได้ปักใจรักเขาจนตัดใจไม่ได้แบบนี้

    ผมคิดว่าเราสองคนจะเป็นแบบนี้ซะอีก ผมพูดกับตัวเองพร้อมกับมองรูปภาพที่เพิ่งวาดเสร็จเมื่อครู่ มันคือรูปผมกับพี่ซีวอนที่ยืนจับมือกันอยู่อย่างมีความสุข

     

    ซองมินเพื่อนสนิทของผมมันเคยบอกว่าผมเหมือนสาวน้อยแรกแย้มที่เพิ่งหัดมีความรัก ถ้าจะถูกมันก็แค่ข้อหลังนั่นแหละครับ ผมเพิ่งเคยมีความรักจริงๆ เด็กอายุสิบแปดที่เตรียมเอนท์อย่างผมก็เพิ่งจะเจอคนที่ทำให้ใจเต้นแรงเมื่อห้าเดือนที่แล้ว ชเวซีวอนรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วสามปี เราเจอกันครั้งแรกก็วันงานกีฬาสี วันที่เขามาเยี่ยมโรงเรียนแล้วซองมินมันก็ยุให้ผมเข้าไปจีบ ที่ยิ่งกว่านั้นคือผมบ้าจี้ทำตามที่มันพูด

    พี่ซีวอนเป็นคนปากหวาน ยิ้มเก่ง ผมคิดว่าคงมีคนชอบเขามากมายแต่ที่สำคัญคือเขาเลือกที่จะสละเวลาส่วนตัวมาคุยกับผม ถึงแม้จะได้ยินใครหลายคนๆ นินทาว่าพี่ซีวอนโคตรจะบรมโคตรของความเจ้าชู้ก็ตามแต่ผมก็ไม่เคยเชื่อจนกระทั่งเจอกับตัวเองนี่แหละ

     

    คยูฮยอน

    ครับพ่อ? ผมขานตอบเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูให้

    พ่อเพิ่งได้หนังสือเล่มใหม่มา คิดว่ามันคงดีสำหรับแก พ่อวางหนังสือกฏหมายเล่มเท่าผืนเตียงลงบนมือผมก่อนจะตบบ่าเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นทำหน้าอึนแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปมากนัก

    ใช่แล้วล่ะครับ พ่ออยากให้ผมเรียนกฎหมาย อยากให้ผมเป็นทนายความหรือผู้พิพากษา...

    ขอบคุณครับพ่อ

    อย่านอนดึกนักล่ะ สมองของแกควรพักผ่อนก่อนสี่ทุ่มนะ พูดจบก็ปิดประตูลง เมื่อกี้ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อ ซึ่งผมรู้ดีว่านั่นเป็นรอยยิ้มแห่งความหวัง พ่อคาดหวังในตัวผมทุกอย่าง อยากให้ผมทำตามความฝันของพ่อ

     

    ผมเดินกลับไปนั่งบนเตียงแล้วโยนหนังสือบ้านั่นลงบนพื้น ถึงจะรังเกียจมันแต่ยังไงซะผมก็ต้องลากคอตัวเองเดินไปหยิบมันมาอ่านอยู่ดี อ้อ...หมายถึงตอนที่ผมพร้อมแล้วน่ะนะ

    ผมชักจะอิจฉาเพื่อนๆ ที่พ่อแม่มันตามใจให้เรียนในสิ่งที่อยากเรียน ทำในสิ่งที่อยากทำ ไม่ต้องจัดตารางชีวิตให้มันเพอร์เฟคเหมือนที่พ่อผมกำลังเป็นอยู่แบบนี้

     

    อยากกินอะไรก็กิน อยากนอนตอนไหนก็นอน

    อยากเรียนอะไรก็เรียน อยากกลับบ้านดึกแค่ไหนก็ได้

    และที่สำคัญ...ผมอยากมีความรักในแบบที่ทำให้หัวใจเต้นแรงดูสักครั้งในชีวิต

     

     

     

    ฮ่าๆ ผมก็แค่อยากลองใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการบ้างก็เท่านั้นเองแหละน่า

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    แต่ก...แต่ก...แต่ก...

    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!

     

    ผมขมวดคิ้วแล้วควานหานาฬิกาปลุกแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พอลืมตาขึ้นผมก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเพดานห้องมันสีแปลกๆ สถานที่ๆ ผมอยู่มันช่างไม่คุ้นตาเอาซะเลย ลุกขึ้นนั่งแล้วก้มลงมองตัวเองในตอนนี้ก็ต้องอ้าปากค้าง...ก็นี่มันไม่ใช่เตียงที่บ้านผมนี่ครับ มันคือเตียงคนไข้ต่างหาก!! แล้วยิ่งกว่านั้นคือพอผมหันไปมองข้างๆ ก็พบว่ามีถุงน้ำเกลือที่เชื่อมต่อยาวมาถึงหลังมือของผมที่มีเข็มน้ำเกลือเสียบอยู่

     

    เฮ้ย!!

     

    ขอโทษค่ะคุณคยูฮยอน! พอดีเมื่อกี้ระบบรวนเลยทำให้สัญญาณไฟไหม้ดังน่ะค่ะ...เอ๊ะ! คุณไปเอาชุดนี่มาจากไหนคะ? พยาบาลสาวสองคนกรูเข้ามาหาผม คนหนึ่งกำลังเช็คอะไรบางอย่างที่ถุงน้ำเกลือนั่น ส่วนอีกคนเข้ามาประคบประหงมผมใหญ่ เดี๋ยวนะ...ครั้งสุดท้ายที่ผมจำได้คือผมเขวี้ยงหนังสือกฏหมายทิ้งแล้วนอนไม่ใช่เหรอ?

    เดี๋ยวครับคุณพยาบาล ทำไมผมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?ผมถามคนที่กำลังจะเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้ผม แต่เธอกลับหันไปมองหน้าพยาบาลสาวอีกคนก่อนจะหันมามองผมอีกครั้ง

    นั่นน่ะสิ หรือว่าพี่ชายเขาจะเปลี่ยนให้?

    พ่อผมล่ะ พ่อผมไปไหน

    คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณท่านเพิ่งกลับไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วเองค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะเดี๋ยวสักพักพี่ชายคุณก็กลับมาแล้ว

    เห็นบอกว่าจะกลับไปอาบน้ำน่ะค่ะ

     

     

    คุณพ่อ...คุณแม่...พี่ชาย?

     

     

    ผมมีพี่ชายที่ไหนกันเล่า แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมานอนแหง่กอยู่ที่นี่ได้ ผมถามต่อ เพราะสิ่งที่เป็นอยู่มันสร้างคำถามและเครื่องหมายเควชชั่นมาร์คขึ้นมาในหัวผมมากมาย แม่แยกทางกับพ่อตั้งนานแล้วไหนจะเกลียดขี้หน้ากันยิ่งกว่าอะไรดี ข้าวหม้อเดียวกันยังไม่แตะแล้วเรื่องอะไรท่านจะยอมกลับพร้อมกัน ตลกละ

     

    แล้วพี่ชายที่พูดถึงเนี่ย...เท่าที่จำได้ผมเป็นลูกคนเดียวนะ ถ้าจะพูดถึงญาติก็มีแค่พี่สาวกับน้องชายที่เป็นลูกของอาเท่านั้นแหละ

     

    ตามหมอดีไหม

    นั่นน่ะสิ

    ตามมาทำไม ผมปกติดีนะไม่เชื่อดูเลย พูดจบก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืนโชว์ศักยภาพให้ดูแต่พยาบาลสาวทั้งคู่ก็ถ่อหน้าเข้ามาประคองให้ผมนั่งลงกับเตียงเช่นเดิม

    อย่าขยับสิคะ คุณเพิ่งผ่าตัดหัวใจเสร็จมาไม่นานนี้เองนะ

     

     

    ห๊ะ -_-

     

     

    ผ่าตัด!? เมื่อไหร่? ผมเลิกคิ้วมอง พยาบาลสาวหันไปมองหน้ากันอีกครั้ง ดูท่าเธอจะงงไม่ต่างจากผมในตอนนี้

    เมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ

    คุณหลับมาตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งออกแรงเลยนะคะ ถ้าต้องการอะไรให้กดกริ่งเรียกพยาบาลตรงปุ่มบนหัวเตียงแทนจะดีกว่า

    บ้าแล้วคุณ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมยังวิ่งไล่เตะหมาแถวบ้านอยู่เลย...นี่คุณพยาบาล คุณสองคนน่ะเข้าผิดห้องแล้วหรือเปล่า... ผมถามต่อ บางทีอาจจะมีคนป่วยระยะสุดท้ายอยู่ห้องข้างๆ ผมก็ได้

    ไม่ผิดหรอกค่ะ คุณโจคยูฮยอนผู้ป่วยโรคหัวใจ

    ห๊ะ โรคหัวใจ?

    ใช่แล้วค่ะ...เธอช่วยไปตามคุณหมอหน่อยสิโบราแล้วก็เอาชุดคนไข้มาเปลี่ยนให้คุณคยูฮยอนด้วยนะ เธอบอกพยาบาลคนนั้นแล้วหันมามองชุดนอนสีเขียวของผม

    อื้ม พยาบาลสาวพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกจากห้องคนไข้ไป ผมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองรอบๆ ตัวเผื่อจะจำอะไรได้บ้าง เพราะชื่อที่เธอเรียกมันก็เป็นชื่อของผมนี่...

    คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?

    จำได้สิ ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนะคุณ แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็เท่านั้น?

    ก็คุณเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ไม่ต้องกลัวนะคะคุณคยูฮยอน บางทีที่เป็นอยู่มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงแต่เชื่อเถอะว่าคุณหมอฮีชอลจะช่วยคุณได้แน่นอน

     

    ห๊ะ! หมอชื่อไรนะ!

     

    หมอ...ฮีชอล?

    ใช่ค่ะ คุณหมอที่ดูแลเคสของคุณมาตั้งแต่แรกไงคะ พอจะนึกออกไหม? ใบหน้าหวานๆ ของเธอกับรอยยิ้มสวยนั่นเหมือนกำลังส่งมาเพื่อให้ผมผ่อนคลาย แต่ขอโทษนะครับคุณพยาบาล ผมรู้สึกงงเต็กยิ่งกว่าเดิมอีก

    คงไม่ใช่คิมฮีชอลหรอกมั้ง พึมพำกับตัวเองแล้วหัวเราะเบาๆ เพราะคิมฮีชอลแฟนของพี่ซีวอนนั่นเป็นแค่นักศึกษาปีสี่เองนี่นะ

     

     

     

    ใช่แล้วล่ะค่ะ

     

     

     

    (())

     

     

     

    เดี๋ยว...แล้วคิมฮีชอลจะมาเป็นหมอประจำตัวผมได้ไง นี่ผมกำลังฝันไปใช่ไหม ฝันไปแน่ๆ (ตบหน้าตัวเองแรงๆ)

     

    อย่าทำร้ายตัวเองสิคะคุณคยูฮยอน ทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้น คุณอย่ากลัวไปเลยนะคะ T[]T”

    ฮึ่ย!! ตื่นเดี๋ยวนี้นะไอ้ฝันเฮงซวย ถ้าชื่อนี้จะตามมาหลอกหลอนกันถึงในฝันขนาดนี้แล้วล่ะก็ ไม่มาพร้อมกับพี่ซีวอนเลยล่ะเวรเอ๊ย!!

    คุณคยูฮยอนสงบสติอารมณ์ก่อนนะคะแล้วฉันจะรีบกลับมา...โบรา!!! เร็วเข้าสิ พูดจบพยาบาลสาววิ่งออกนอกประตูไป ตอนนี้ผมเริ่มสงบสติตามที่เธอพูด เพราะถ้าเป็นฝันจริงผมคงไม่เจ็บแสบเหง้าหน้าขนาดนี้

     

    พอสงบลงแล้วผมก็กวาดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้งเผื่อว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ เพราะมันไม่มีทางที่ผมจะเป็นอะไรแล้วมานอนแหง่กในโรงพยาบาลโดยที่ไม่รู้ตัวแน่

     

     

    อย่าขยับสิคะ คุณเพิ่งผ่าตัดหัวใจเสร็จมาไม่นานนี้เองนะ

     

     

    ว่าแล้วก็ถลกเสื้อขึ้นดู ถ้าเกิดผมผ่าตัดหัวใจจริงๆ มันก็ต้องมีรอยเย็บอยู่ถูกป่ะครับ แต่มันก็ไม่มีไง มีแต่รอยยุงกัดกับหน้าท้องแฟบๆ พร้อมเสียงท้องร้องเท่านั้น ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนกะว่าจะเดินไปล้างหน้าในห้องน้ำแต่ก็ต้องกระตุกเมื่อหันไปเห็นเสาน้ำเกลือที่เชื่อมโยงอยู่กับเข็มที่หลังมือผม

     

    โอ๊ยยย!!!” ผมกระชากมันออกมาก่อนจะหวีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงสดค่อยๆ ซึมออกมาจากหลังมือนั่นทำให้ผมสำเหนียกตัวเองได้ว่าควรรีบเข้าไปล้างมือในห้องน้ำซะ

     

     

    ซ่า...

     

    มองคราบเลือดสีจางๆ ที่ติดอยู่ขอบอ่างล้างมือแล้วก็ใช้นิ้วถูๆ ออก ผมเงยขึ้นมองหน้ากระจกก่อนจะดึงคอเสื้อขึ้นมาเช็ดหน้าลวกๆ พลิกซ้ายพลิกขวาแล้วทุกอย่างก็เหมือนปกตินะ...แต่ทำไมพยาบาลสองคนนั้นถึงพูดเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น

     

    หรือว่าผมจะถูกพวกไอ้ซองมินแกล้งโดยการจัดฉากขึ้นมา...

     

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก

    เฮ้ย!!” ผมผงะถอยหลัง เมื่อเห็นเงาจางๆ ของใครคนหนึ่งยืนอยู่ข้างผม แล้วที่สำคัญคือไอ้หมอนี่ดันหน้าตาเหมือนผมด้วยแต่ที่แตกต่างก็คือเขาอยู่ในชุดคนไข้

    สิ่งที่นายอยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือตะโกนจนสุดเสียงเพื่อเรียกใครสักคนให้มาช่วย แต่ฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ามันเปล่าประโยชน์ เขาพูดกับผมพร้อมกับสีหน้านิ่งๆ นั่น

    ...ก...แกเป็นใครวะ?

    ฉันเป็นนาย...ส่วนนายก็เป็นฉัน

    ตลกละ ดูละครมากไปป่ะ รีบพูดความจริงมาดีกว่าคือไม่ได้มีเวลาว่างฟังเรื่องเพ้อเจ้อทั้งวันไง ผมถอยหลังไปจนติดกับประตูห้องน้ำแต่หมอนั่นก็ยังยืนอยู่ที่เดิม คนที่หน้าเหมือนผม...

    โจคยูฮยอน

    อะไร

    มีเพียงนายคนเดียวที่มองเห็นฉันตอนนี้

    อู้ว...ฟังดูพิเศษจริงๆ นายเป็นผีป่ะ ขอหวยหน่อยดิ ผมหัวเราะแล้วแบมือมาตรงหน้า หมอนั่นถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยายามจะวางมือลงบนมือผมแต่มันก็ทะลุลงมา

    ......................

    นี่มันคือเรื่องจริง

    ......................

    ผมซ่าไม่ออกก็ต่อเมื่อเห็นกับตาว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน และต่อให้ผมคิดว่าซองมินกำลังแกล้งผมอยู่แต่สิ่งที่ผมกำลังพบเจออยู่ซองมินมันคงไม่สามารถที่จะเมคขึ้นมาได้สมจริงขนาดนี้แน่

    มันอาจจะฟังดูตลก แต่มันเกิดความผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้เราต้องสลับตัวกันระหว่างโลกของนายกับโลกของฉัน

    สลับตัว...โลกของนายกับโลกของฉันงั้นเหรอ? ผมขมวดคิ้วแล้วพยายามทำความเข้าใจ

    ใช่...นายเคยได้ยินเรื่องโลกคู่ขนานหรือเปล่า

    ไม่อ่ะ มันคืออะไร ผมขมวดคิ้ว ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน

    มันคืออีกโลกที่นายไม่รู้จัก จักรวาลที่มีอะไรเหมือนกัน อีกโลกหนึ่ง...คนที่หน้าตาเหมือนเราอาจจะทำงานเป็นวิศวะกร คนพิการ หรือผู้ชายที่กำลังจะแต่งงาน มีเราอีกเป็นร้อยเป็นพันคนในโลกคู่ขนาน

    ฉันไม่เข้าใจ

    ตอนนี้ร่างของฉันอยู่ในโลกของนาย ห้องนอนของนาย แต่ฉันไปที่นั่นไม่ได้

    ....................

    ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาอธิบายให้นายฟัง เขากำลังจะมาถึงแล้ว...ยังไงก็ช่วยแกล้งสวมรอยเป็นฉันหน่อยได้ไหม?

    ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย ผมหรี่ตามองเขา หมอนั่นลดสีหน้าลงก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

     

     

    เพราะฉันกำลังจะตาย...ในอีกไม่ช้านี้

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ผมเปิดประตูออกไปข้างนอกแล้วก็พบพยาบาลสาวยืนซุบซิบนินทาอยู่ตรงนั้น ผมพยายามเดินเข้าไปใกล้โดยที่ไม่ให้พวกเธอรู้ตัว

     

    ฉันได้ยินมาเหมือนกันว่าคนไข้ที่ชื่อโจคยูฮยอนเขาค่อนข้างสติไม่ดีนะ

    เขามีเซนส์หรอกย่ะ ครั้งสุดท้ายที่เขามาตรวจอาการนะ ฉันเห็นกับตาเลยว่าเขาท้วงว่ายัยจินฮเยท้อง

    จริงเหรอ?

    ใช่ ตอนนั้นยัยจินฮเยยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองท้องเลยตัดสินใจไปตรวจแล้วก็ใช่จริงๆ

    ให้ตายเถอะ บังเอิญหรือเปล่า?

    คำว่ามีเซนส์กับบ้านี่มีเส้นบางๆ คั่นอยู่นะยะ ฮ่าๆ

    ก่อนเขาจะผ่าตัด ฉันแอบไปได้ยินผู้ช่วยคุยกันว่าคนไข้คยูฮยอนบอกว่าอีกไม่นานทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอยู่ที่นี่อีก

    หืม เพราะเขาจะตายน่ะสิ ฮ่าๆ

    ยัยปากเสีย เดี๋ยวใครก็มาได้ยินเข้าหรอก

    ที่ยิ่งกว่านั้นคือ เขาบอกว่าจะมีคนๆ หนึ่งมาแทนเขาด้วย ฟังแล้วน่าขนลุกชะมัด

     

     

    ผมอึ้งแล้วก็เริ่มโมโหกับประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่แต่คำพูดคำนินทาของพยาบาลสาวพวกนั้นก็ทำให้ผมอารมณ์เสียได้อยู่ดี หน้าที่ของพวกเธอไม่ใช่แค่ดูแลคนป่วยหรอกเหรอ

    ผมเดินกลับเข้าไปในห้องคนไข้พร้อมกับหยิบหมอนมาฟาดๆ กับเตียงเหล็กจนนุ่นแตกกระจายเพื่อระบายอารมณ์ พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าวิญญาณนั่นกำลังยืนมองผมอยู่ด้วยสายตาระอา

    พวกเธอพูดถูกแล้วล่ะ

    หมายถึงเรื่องไหนล่ะ เรื่องที่นายเป็นบ้าน่ะเหรอ

    คงอย่างนั้น... เขายิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปมองตรงประตู และนั่นทำให้ผมหันไปมองตาม แล้วก็พบว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจนั่นคือ...

     

    พี่ซีวอน...

     

     

    คยูฮยอน!” เขาทิ้งของในมือทั้งหมดแล้วรีบเข้ามาประคองผมจนหมอนที่หลุดลุ่ยในมือตกลงไปบนพื้นเหลือเพียงแค่นุ่นสีขาวที่ลอยอยู่บนอากาศ

    ผมจ้องหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา คนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม

    ลุกขึ้นมาทำไม เรายังไม่หายดีนะ น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยนั่นทำให้ผมค่อยๆ เอี้ยวหน้าหันไปมองวิญญาณที่ยืนดูผมอยู่ตรงปลายเตียง ผมไม่เข้าใจ แต่หมอนั่นก็เอาแต่ยิ้ม...

    ไปเอาชุดนี้มาจากไหน อีกตั้งหลายอาทิตย์กว่าเราจะออกจากโรงพยาบาลได้นะ เขาพูดพร้อมกับปัดไรผมออกจากแก้มผมเบาๆ

    ผม...

    พี่ได้ยินพยาบาลบอกว่านายฟื้นแล้ว แต่ไม่คิดว่านายจะมีแรงพอที่จะพังข้าวของได้ถึงขนาดนี้ เขายิ้มบางๆ พร้อมกับไล้หลังมือลงบนแก้มผม

    ผมพูดอะไรไม่ออก นี่มันไม่ใช่พี่ซีวอนคนที่ผมชอบ เขาละมุนและเอาใจใส่ผมจนเกินไป พอผมหันไปมองหน้าวิญญาณนั่นอีกครั้งผมถึงได้เข้าใจ...

     

    ว่านี่มันไม่ใช่โลกของผม...

     

    พี่ชาย... ผมเอ่ยเรียกเบาๆ พร้อมกับขมวดคิ้ว หรือว่าพี่ซีวอนในโลกนี้จะเป็นพี่ชายของหมอนั่น?

    จะประชดพี่เหรอไงเรา? เขาเลิกคิ้วมองแล้วขยี้หัวผมเบาๆ

    ก็... ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากวิญญาณนั่น แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ยืนมองผมอยู่ตรงนั้นแล้ว ผมหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองหาเขาแต่ก็ไม่เจอ ผมก้มลงมองมือตัวเองที่พี่ซีวอนกำลังกุมเอาไว้แล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง

    ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ในหัวของผมมีแต่คำพูดของเจ้านั่นที่บอกให้ผมแกล้งแสดงเป็นเขาทั้งที่ผมก็เริ่มจะเครียดแล้วว่าจะต้องเอายังไงกับชีวิตต่อไปในเมื่อตอนนี้ผมยังหาทางกลับโลกตัวเองไม่ได้เลย

    เราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก พี่ซีวอน(ในโลกนี้)เอาแต่มองหน้าผมราวกับจะจดจำรายระเอียดทั้งหมดเอาไว้ซึ่งมันต่างจากพี่ซีวอนโลกของผมอย่างสิ้นเชิง...ผู้ชายคนนั้นมีแต่จะส่งสายตาหวานเยิ้มกับคำพูดที่ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนโกหกเท่านั้น

    เขาเชยคางผมขึ้นก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปากของผม นั่นสร้างความตกใจให้ผมมากแต่ผมกลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะผลักเขาออก...มันอาจจะเป็นความต้องการเบื้องลึกของจิตใจผมก็ได้ ที่อยากจะให้พี่ซีวอนจูบผมสักครั้ง ผมหลับตาลงแล้วจูบตอบอย่างคะเขิน ผมเริ่มสับสนกับคำพูดของพยาบาลสาวคนนั้นกับคำว่าพี่ชาย

    พี่คิดถึงนาย...ขอบคุณนะที่ตื่นขึ้นมาตามสัญญา...

     

     สัญญา...?

     

    พี่จะไม่ไปจากนายอีกแล้ว เราจะอยู่ด้วยกัน พี่จะดูแลนายไปตลอดชีวิต

    .......................

     

    ถึงจะเป็นคนละคนพูด...แต่น่าแปลก...ที่มันทำให้หัวใจผมเต้นแรงและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขได้ถึงขนาดนี้

     

    เพราะอะไรเหรอครับ... ผมผละตัวออกแล้วจ้องหน้าเขา ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่พี่ซีวอนเห็นนั่นไม่ใช่ตัวผม มันคือโจคยูฮยอนอีกคนต่างหาก เขายิ้มบางๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วเอาหน้าผากชนกัน

     

     

     

     

     

     

    เพราะว่าเรารักกันยังไงล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    TALK

     

    เปิดเรื่องใหม่จนได้ สืบเนื่องจากเขียนแต่ดราม่าแล้วนอยแดกตามพี่ทง (onsenseless)

    งงล่ะสิ งงเนื้อเรื่องป่ะคุณ

    มันอาจจะงงๆ บ้างแต่เราจะค่อยๆ อธิบายให้มันเข้าใจได้ง่ายขึ้นนะ

    มันแฟนตาซีนิดๆ ไร้ซึ่งความเป็นไปได้หน่อยๆ ไม่รู้ว่าจะชอบกันมั้ย -.-

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×