ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu | "BROMANCE"

    ลำดับตอนที่ #1 : INTRO

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 55


    ©Tenpoints!
      

     

     

     

     

    เขาว่ากันว่า...

    ที่ปลายนิ้วก้อยข้างหนึ่งของเรามักจะมีด้ายแดง ที่มองไม่เห็น

    เชื่อมโยงอยู่กับปลายนิ้วก้อยของคนรักที่แท้จริงของเราเอาไว้

    ต่อให้คนๆ นั้นจะอยู่ห่างกันไกลแสนไกล

    แต่สักวันหนึ่ง...ด้ายแดงก็จะพาเราทั้งคู่มาพบกัน

    และรักกันไปตลอดชั่วชีวิต...

     

     

     

     

    INTRO

    เมื่อความรู้สึกเดิมๆ มันหวนกลับคืนมาอีกครั้ง...

     

     

    RRRRrrrr!!!!

    สถาปนิกหนุ่มละสายตาจากงานตรงหน้าก่อนจะหันไปกดรับสาย เอนเก้าอี้ปรับระดับให้รู้สึกผ่อนคลายแล้วหลับตาลง นี่เขาหมกมุ่นอยู่กับงานนี่มากี่ชั่วโมงแล้วนะ กาแฟสองสามแก้วที่วางอยู่ข้างๆ คงเป็นคำตอบให้ไม่ได้เลยเสียทีเดียว

    ว่าไงทงเฮ

    ( เจ้านายครับ วันนี้ซองมินไม่สบายมาทำงานไม่ได้ สงสัยเป็นโรคอืดระยะสุดท้าย ยังไงผมก็ขอลาแทนเขาแล้วกันนะครับ อ่อ...วันนี้เมล็ดกาแฟก็ใกล้จะหมดแล้วด้วยเจ้านายจะให้ผมโทรสั่งเลยไหมครับ )

    ยังไม่ต้องหรอกยังอยู่ที่บ้านผมอีกสองลัง เดี๋ยวอีกสักพักผมจะเข้าไป...ฝากเตือนฮยอกแจให้แยกไข่รอได้เลย

    ( เจ้านายจะเข้ามาทำเค้กเหรอครับ -_- )

    ใช่ ทำไมเหรอ?

    ( อ๊อเปล่าครับ... )

    ขี้เกียจอีกล่ะสิ หักเงินเดือนดีไหม?

    ( โธ่เจ้านายครับ...ผมยังไม่ทันบ่นอะไรเลยนะเอะอะหักเงินเดือนตลอด โอ๊ะ! แค่นี้ก่อนนะครับลูกค้ามาแล้ว )

     

    ร่างสูงหัวเราะก่อนจะวางสายไป พลันหันไปมองงานบนโต๊ะแล้วก็หยัดตัวลุกขึ้นยืน เอาเถอะ...งานพวกนี้ไว้ค่อยทำต่อทีหลังก็ได้ เดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำเตรียมไปร้านเค้กที่เพิ่งเปิดกิจการมาได้ไม่นาน สถาปนิกหนุ่มไฟแรงที่เป็นที่น่าจับตามองนอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังมีเสน่ห์อีกด้วย

    งานเสริมที่เขาชอบในที่สุดก็ได้รับการยินยอมจากพ่อแม่สักที ขอเปิดร้านเค้ก ร้านกาแฟมาก็นานแต่ก็ถูกแย้งตลอด อ้างว่ามันเป็นงานไม่ยั่งยืนแต่ถึงอย่างนั้น ชเวซีวอน ก็ยังชอบกลิ่นกาแฟและกลิ่นเนื้อเค้กที่เพิ่งออกมาจากเตาอบอยู่ดี

     

    เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับกลิ่นหอมของแชมพูและสบู่คละคลุ้งไปทั่ว ขายาวก้าวไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะกวาดสายตาไล่มองเสื้อโปโลที่ถูกจัดไว้เป็นโซน ยังไม่ทันจะเลือกสีก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีมือปริศนาเข้าสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง

     

    หนึ่ง

    ..................

    สอง

    ..................

    สาม

    สี่ เป็นเขาเองที่นับต่อจากเสียงใครอีกคน ร่างสูงยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับไปมองผู้มาใหม่ที่ค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกพร้อมกับจ้องหน้า

    มาก่อนกำหนดตั้งหนึ่งอาทิตย์แบบนี้ พ่อแม่รู้หรือยัง เป็นคำถามที่ฟังแล้วแสลงหูที่สุด เด็กหนุ่มเบะปาก เสตามองไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนแต่ก็ถูกคนตรงหน้าเขกหัวเข้าเต็มแรง

    โอ๊ย! เจ็บนะครับ

    พี่ถามน่ะทำไมไม่ตอบ

    มาถึงก็ทำร้ายร่างกายกันเลย แทนที่จะเข้ามากอดแล้วฟัดแก้มผมทั้งสองข้าง แบบนี้...แล้วก็แบบนี้ พูดพร้อมกับเขย่งขาไปหอมแก้มร่างสูงทั้งสองข้างฟอดใหญ่ เจ้าตัวได้เพียงแค่หัวเราะกับพฤติกรรมที่สุดแสนจะเอาแต่ใจของคนตรงหน้า

    ไปอยู่ที่นั่นตั้งหกปี...ยังเหมือนเดิมนะเรา

    ไม่ดีเหรอครับ หรือพี่อยากให้ผมเปลี่ยนไป เด็กหนุ่มยิ้มทะเล้น คงจะมีแต่ใบหน้า ส่วนสูง สีผมและอะไรหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนแต่นิสัยก็ยังคงเหมือนเดิม ก็แน่ล่ะ...โจคยูฮยอน ย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่อายุสิบห้านี่ก็หกปีมาแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เคยคิดไว้ว่าคยูฮยอนอาจจะนิสัยแปลกไปจากเดิมบ้าง อย่างน้อยก็คงไม่งอแงเอาแต่ใจกับเขาเหมือนกับเมื่อก่อนแต่นี่มันไม่ใช่ (หัวเราะ)

    แล้วแขนซ้ายไปโดนอะไรมาน่ะ?

    อ๋อ...นี่น่ะเหรอ คยูฮยอนมองแขนซ้ายตัวเองที่พันผ้าเอาไว้แล้วก็เงยหน้ามองพี่ชายยิ้มๆ โดนรถเฉี่ยวมาเมื่อเช้า

    ว่าไงนะ โดนรถเฉี่ยว? เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า ทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อน แล้วนี่ไปโรงพยาบาลกับใครมา ร่างสูงเบิกตากว้างพร้อมกับจับหัวไหล่บางของคนตรงหน้าเอาไว้แล้วพลิกซ้ายขวา คยูฮยอนยิ้มพอใจ จะให้ซีวอนรู้ไม่ได้ว่าเขาโกหก

    ก็ผมอยากเซอไพร์สพี่นี่...

    เล่นไม่เข้าเรื่อง ถ้าเกิดบาดเจ็บขาหักขึ้นมาแล้วจะยังอยากเซอไพร์สอยู่ไหมหืม? ต่อว่าไปบ้าง เด็กคนนี้เคยเป็นยังไงก็ยังคงเป็นอย่างนั้น แม้ว่าร่างกายจะเติบโตขึ้นไปตามระยะเวลาแต่ในสายตาของเขา คยูฮยอนก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ

    อยาก

    เดี๋ยวเถอะ เขกหัวไปอีกทีหนึ่งจนร่างโปร่งหดคอลงเล็กน้อย ซีวอนเอี้ยวตัวหันกลับไปเลือกเสื้อผ้ามาใส่เพราะสภาพเขาในตอนนี้มันไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ คยูฮยอนยืนมองแผ่นหลังกว้างแล้วก็ยกยิ้มพอใจ ร่างกายของพี่ชายของเขาเฟิร์มกว่าเมื่อก่อนเสียอีก

    พี่จะไปไหนครับ

    ไปร้านเค้กน่ะ จำได้ใช่ไหมที่พี่เคยเล่าให้ฟัง

    จำได้สิ ในจดหมายนั่นพี่เอาแต่เล่าถึงร้านเค้ก ถ่ายแต่รูปเค้กกับแก้วกาแฟมาให้ผมจนลืมแนบรูปตัวเองมาด้วยจนผมแทบลืมไปแล้วว่าหน้าพี่ชายตัวเองเป็นยังไง คยูฮยอนบ่นอุบอิบกับความขี้เห่อของพี่ชายตัวเอง

    ก็รู้หรอกนะว่าชอบเค้ก ชอบกาแฟ แต่ถ้าเขาติดต่อกันทางโซเชียลเนตเวิร์คบ้างก็ว่าไปอย่าง...แต่นี่อะไร...พี่ชายที่แสนดีของเขากลับบอกว่า ถ้าคุยกันในอินเตอร์เนตบ่อยๆ เราคงสัมผัสไม่ได้ถึงความคิดถึงกันและกัน เพราะงั้นสไกป์เอย...ทวีตเตอร์เอย...เฟสบุ้คเอย...แม้กระทั่งไลน์พี่ชายเขาก็ยังไม่สนใจจะเล่นกับเขา

    จะมีก็แต่จดหมายเดือนละฉบับเท่านั้นแหละที่เขาจะได้รับเพราะอ้างว่าเวลาคิดถึงก็เอามาเปิดอ่านได้อีกทั้งลายมือข้างในก็บ่งบอกถึงความตั้งใจของผู้เขียน ซึ่งต่อให้คยูฮยอนพยายามบรรจงเท่าไหร่มันก็ออกมาแย่อยู่ดี แต่จดหมายไม่รู้กี่ฉบับที่ได้รับก็ยังคงอยู่ในกล่องเป็นอย่างดี

     

    พี่จะไปที่ร้าน นายจะไปด้วยกันไหม?

    ไปสิครับ หรือพี่จะทิ้งให้ผมอยู่คนเดียวล่ะ ดูสภาพผมหน่อยสิ คยูฮยอนยกแขนขึ้นมา แสร้งทำหน้าอ้อนสักหน่อยไม่วายพี่ชายก็ต้องใจอ่อน ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งมันก็ยังคงได้ผลเสมอ

    เดี๋ยวอีกสักพักพ่อกับแม่ก็จะกลับมาแล้วนี่...รอเซอไพร์สพ่อกับแม่ด้วยสิ

    ไม่เอา...ผมเซอไพร์สพี่คนเดียวก็พอแล้ว พูดจบก็เข้าไปกอดออดอ้อนราวกับเด็กน้อย ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นคยูฮยอนวิ่งตามหลังเขาอยู่ตลอด พี่ชายไปไหนคยูฮยอนไปด้วย พี่ชายทำอะไรคยูฮยอนทำด้วยจะว่าติดพี่ชายจนเสียการเรียนก็คงไม่ใช่ จะว่าคยูฮยอนหัวไม่ดีก็คงอย่างนั้น พ่อเลยส่งคยูฮยอนไปอยู่กับญาติที่อเมริกาเพื่อดัดนิสัยซะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอาแต่ใจ ติดซีวอนจนเขาไปไหนมาไหนลำบาก อีกทั้งการเรียนของคยูฮยอนที่ต่างกับซีวอนราวกับฟ้าและเหว แย่จนที่บ้านไม่พอใจ

    จำสีหน้าคยูฮยอนตอนที่โดนลากไปสนามบินได้ดี ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาและริมฝีปากที่เอาแต่พร่ำตะโกนเรียก พี่ชาย นั่นน่ะ...

     

    บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมมันถึงเจ็บตอนที่เห็นสีหน้าแบบนั้น...

     

    พี่ครับ

    หืม?

    จูบหน่อย

    ประโยคที่ไร้ความคะเขินและตรงไปตรงมาทำเอาร่างสูงชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ยังคงนิ่งอยู่ มันอาจจะดูประหลาดในสายตาคนอื่น ไม่สิ...มันประหลาดมากๆ เลยล่ะ คงไม่มีน้องชายที่ไหนมาอ้อนขอให้พี่ชายแท้ๆ จูบหรอก ใช่...เขารู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น...

     

     

    แต่ก็ใช่ว่าครั้งนี้มันจะเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่?

     

     

    หืม...พูดอะไรน่ะ

    ทำไมครับ ทีเมื่อก่อนยังจูบได้เลย

    นั่นมันตอนเรายังเด็ก ร่างสูงพูดก่อนจะใส่เข็มขัดให้เรียบร้อย เรื่องเก่าๆ มันกำลังผุดขึ้นมาในหัวเขาเป็นฉากๆ ความผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเขาที่เคยทำลงไปมันไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก แต่ก็แปลก...รู้สึกผิดแต่ก็เต็มใจที่จะทำ

    โตแล้วจูบไม่ได้เหรอครับ?

    จ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของคนตรงหน้าที่กำลังสะท้อนเงาของเขาราวกับรอคำตอบที่รู้อยู่แล้ว คยูฮยอนในตอนนี้เจ้าเล่ห์กว่าเมื่อตอนหกปีที่แล้วจนเขาคิดว่าต่อไปนี้อะไรๆ มันคงยากขึ้น...

    ก็แค่จูบ...ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ คนตัวโตกว่า วงแขนโอบกอดเอวหนาเอาไว้พร้อมกับยกยิ้ม ร่างสูงถอนหายใจเล็กน้อย ต่อให้ปฏิเสธยังไงคยูฮยอนก็คงงอแงบังคับให้เขาจูบจนได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นรีบทำให้มันจบๆ ไปดีกว่า

    งั้นหลับตาสิ

    ต้องแกล้งทำเป็นไม่เต็มใจกับสิ่งที่ตัวเองก็ต้องการมานาน...บางทีอาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่เป็นตัวประหลาด...ที่คิดถึงโหยหาน้องชายของตัวเองแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ใครฟังได้

    คยูฮยอนเลิกคิ้วมองก่อนจะกระชับกอดพี่ชายไว้แน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากอิ่มเลื่อนเข้าไปใกล้ๆ จนเกือบแตะริมฝีปากของร่างสูงก่อนจะพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

     

     

     

    อะไรกันครับ...พี่ต่างหากล่ะที่ต้องเป็นคนหลับตาน่ะ....

     

     

     

     

     

     

    TALK

    อินโทรง่อยๆ มาแล้วนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×