คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
คุณกลัวความตายรึเปล่า?
ผมเคยคิดมาตลอดว่าความตายคือสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้
เวลา...ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ยืดเยื้อลมหายใจคนเราไปวันๆ เท่านั้น
ยังไงซะ...พอเวลามาถึง...ไม่ช้าหรือเร็ว...ไม่ว่าผมหรือคุณ...ก็ต้องตายอยู่ดี
จังหวะท่วงทำนองดนตรีเล่นคลอไปตามบรรยากาศในช่วงหัวค่ำวันศุกร์ที่พนักงานกินเงินเดือนทั้งหลายต่างนัดกันมาเมาปลิ้นให้สมกับที่ทนเหนื่อยหลังขดหลังแข็งมาเป็นอาทิตย์ ร้านเหล้าเงียบๆ ในมุมสงบไม่ค่อยมีคนเดินเพ่นพ่านนัก นอกเสียจากลูกค้าประจำที่แวะเวียนไปมาหาสู่บอกต่อกันมาอีกที...
ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กในมือไล้ไปตามแก้วใบใสหลังจากล้างเสร็จเมื่อครู่ นัยน์ตาคมปรายมองไปยังผู้มาใหม่ที่หยัดตัวนั่งลงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ
ริมฝีปากหยักที่แต่งแต้มไปด้วยลักยิ้มคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้าหากแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหลบไปอีกทาง ไม่ได้รู้สึกยินดีกับการมาของร่างโปร่งเลยแม้แต่น้อย
“ทงเฮ” เอ่ยเรียกอีกฝ่าย เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างไม่สบอารมณ์ จะมาที่นี่ทำไม?
“มีอะไร”
“ช่วงนี้ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว พี่ว่านายควรกลับไปเรียนนะ” ร่างโปร่งพูดด้วยความหวังดี
อีทงเฮ...น้องชายเพียงคนเดียวของเขา...ถึงแม้ว่าปาร์คจองซูจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยเลยก็ตาม หนำซ้ำเด็กคนนี้ยังรังเกียจเขาเสียยิ่งกว่าอะไรดี จองซูเป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรมที่พ่อของทงเฮเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น ตั้งแต่จำความได้...ทงเฮก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เลยสักครั้ง...แต่ถึงอย่างนั้น...คนตรงหน้าก็คือน้องชายของเขาอยู่ดี
“ห่วงตัวเองก็พอเถอะ” พูดพร้อมกับวางแก้วเรียงไว้ด้วยกัน อีทงเฮทำงานที่นี่มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว เขาโดนรีไทหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทร้ายแรง...
อีทงเฮมีปืนอยู่ในครอบครอง...
เขาตัดสินใจย้ายออกจากบ้านโดยที่ไม่บอกใครแม้แต่พ่อของเขา ทงเฮเลือกที่จะอยู่คนเดียว...
อยู่...โดยที่ไม่มีใครคอยเอาเขาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
“ตั้งปีสามแล้ว อีกปีเดียวนายก็จบ...อดทนอีกสักนิดไม่ได้เหรอ?” สายตาเว้าวอนน้องชาย หากแต่อีกฝ่ายกลับนึกรำคาญเต็มทน ต้องการอะไรจากเขาอีก ชีวิตที่ได้ไปยังไม่พอใจอีกเหรอ?
“รู้ได้ยังไงว่าอีกปีเดียวผมจะจบ?” นอกจากจะสนใจแต่เรื่องตัวเองแล้ว อย่าพยายามมาสนใจเรื่องคนอื่นเลยจะดีกว่า เขาโดนรีไทออกมาตั้งนานคิดว่าจองซูคงไม่เคยรับรู้เรื่องนี้ เพราะมัวแต่หลงระเริงในหน่วยงานที่พึ่งได้บรรจุเข้าไป...ไอ้หน่วย S.T.A.R.S บ้าบออะไรนั่นที่พอเขาเคยพูดนักพูดหนาว่าถ้าใครได้เข้าไปอยู่ในหน่วยนั้นแสดงว่าเป็นคนมีความสามารถสูงมาก...
ตำรวจ....
ใช่...พ่อของทงเฮเป็นตำรวจ...และพ่อก็อยากให้ทงเฮมีอุดมการณ์เหมือนกันกับเขา
แต่...
‘ทงเฮ...แกเอาแต่ทำตัวแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้เป็นตำรวจเหมือนพี่แก’
‘ดูจองซูให้เป็นตัวอย่างสิ’
อะไรก็จองซู...ในเมื่อพ่อได้ทุกอย่างตามความต้องการไปแล้ว...ยังจะหวังอะไรกับเขาอยู่อีกล่ะ?
“ทงเฮ...พ่อเป็นห่วงนายมากนะ” ไม่ใช่ครั้งแรกที่จองซูพยายามเกลี้ยกล่อมน้องชายให้กลับบ้าน ทงเฮเป็นคนหัวแข็ง ค่อนข้างปิดกั้นตัวเอง...ไม่สิ...คงเป็นแค่กับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ปัง!!
นัยน์ตาคมทั้งคู่ละสายตาออกจากกันพลางหันไปมองประตูร้านที่ถูกผลักออกอย่างแรง...ชายหนุ่มร่างสูงหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเรียกความสนใจจากแขกทุกคนในร้าน รูปร่างของเขาสูงใหญ่มีสไตล์การแต่งตัวเหมือนกับพนักงานบริษัททั่วไป เขายืนเซซ้ายเซขวาเหมือนกับคนเมาและดูเหมือนจะว่าทรงตัวไม่ไหว...
“ฉันเอง” เด็กเสริฟหนุ่มตัวเล็กกว่าทงเฮวางจานเสริฟลงบนบาร์พลางเดินไปหาชายร่างสูงที่ยังคงยืนอยู่ตรงหน้าประตูร้าน
“เมารึไงนะ?”
“ก็คงอย่างนั้นแหละ...วันนี้วันศุกร์นี่นา..”
“ให้ตายเถอะ หวังว่าคงไม่ได้มาตามเมียกลับบ้านหรอกนะ”
“มากี่ท่านครับ?” พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมตามมารยาทตามกฎของร้านที่ว่าลูกค้าถูกเสมอ ถึงแม้ว่าพฤติกรรมของลูกค้านั้นจะทำให้เขาปวดหัวได้มากแค่ไหน ยังโยซอปถอนหายใจน้อยๆ เมื่อคนตรงหน้าเอาแต่ยืนเซซ้ายเซขวาไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ นี่เขาก็ใช่ว่าจะเป็นคนมีความอดทนสูงกับคนเมาเสียเมื่อไหร่...ลับหลังผู้จัดการจะไล่ตะเพิดไปให้ดู
“...................”
“คุณครับ?”
นัยน์ตาคมหรี่มองทั้งคู่ไม่ละสายตา ทงเฮถอนหายใจพรืดพลางมองหาผู้จัดการที่ปกติมักจะเดินโชว์พาวอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้หายหัวไปไหน...ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้ตัดสินใจไล่ไอ้ขี้เมานั่นออกไปจากร้านแทนโยซอปสักที
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!”
ขาเรียวก้าวออกยังไม่พ้นบาร์น้ำก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงหวีดร้องของเพื่อนร่วมงานแผดลั่นไปทั่วทั้งร้าน ทงเฮเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างของยังโยซอปทรุดลงไปกับพื้นก่อนที่ชายร่างสูงคนนั้นจะก้มลงไปกัดกินเนื้อตรงซอกคอเด็กเสริฟหนุ่มอย่างเลือดเย็น
“โยซอป!!!!!!!!!!” ร่างหนาถลาเข้าไปหวังจะช่วยชายหนุ่มออกมาแต่ก็ถูกจองซูคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน ภาพมันยังคงติดตาเขาไม่ต่างจากทงเฮ...ตำรวจหนุ่มที่พึ่งสอบเข้าหน่วย S.T.A.R.S. ไปได้หมาดๆ กลับยืนนิ่งทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้...
นั่นมันอะไรกัน?
แวมไพร์...หรือผีดิบงั้นเหรอ?
ร่างโปร่งชักปืนพกเบเร็ตต้าขึ้นมาพร้อมกับเล็งไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่ไร้สติราวกับคนบ้า เขายังคงกัดกินเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างบ้าคลั่งจนแขกในร้านเริ่มแตกตื่นวิ่งหนีกันไป จองซูผละตัวน้องชายออกพลางหันไปบอกให้อีกฝ่ายยืนรอตรงนี้...ขาเรียวค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ยังคงเล็งปืนอยู่ที่เป้าหมาย
“หยุด!”
“ผมบอกให้หยุดไง!”
เสียงของเขาราวกับลมที่พัดผ่านไป ชายหนุ่มร่างสูงยังคงก้มหน้าก้มตากัดกินซอกคอเด็กหนุ่มจนเลือดสาดไปตามพื้นไม้...ไม่ต้องเดาให้ยาก...ยังโยซอปเสียชีวิตไปแล้ว
นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อจู่ๆ ทงเฮก็เข้าไปฟาดชายหนุ่มคนนั้นจนหงายหลังไปกับพื้นด้วยเก้าอี้ไม้ ถ้ารอให้อีกฝ่ายยิงไอ้บ้านี่แขกในร้านคงโดนกัดตายกันหมดแน่ ร่างหนายืนหอบหายใจพลางโยนเก้าอี้ทิ้งอย่างไม่ใยดีพร้อมกับลงไปดูอาการเพื่อนร่วมงานที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น...
“โยซอป...โยซอป...” เขย่าตัวเรียกให้อีกฝ่ายตื่น ถึงแม้เขาจะเข้าใจสถานการณ์แบบนี้ดี...ยังโยซอปตายแล้ว...แต่เขาก็ยังฝืนดันทุรัง
ทำใจไม่ได้...ที่จะเห็นเพื่อนตายไปต่อหน้าต่อตา
“ทงเฮ!” ร่างหนาเบิกตากว้างเมื่อร่างที่เขาซัดจนหงายไปเมื่อครู่กลับยันตัวลุกขึ้นยืนราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร...นัยน์ตาคู่นั้นช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน มีเพียงแค่ตาขาว ใบหน้าซีดเผือดเสียจนดูไม่เหมือนมนุษย์ ริมฝีปากเลอะไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดไหลลงมาจนเลอะสูทตัวนอกและเชิร์ตสีขาวด้านใน...
ร่างสูงก้าวเข้ามาหาเหยื่อรายใหม่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าพึ่งจะได้กินเนื้อสดๆ ไปเมื่อครู่...แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่รู้สึกอิ่มท้อง...เขา...ยังคงโหยหาอาหารอยู่ตลอด
ปัง!!
ชายร่างสูงเซเล็กน้อยไปตามแรงอัดกระสุนที่ถูกยิงมาหากแต่ยังคงหยัดตัวยืนอยู่ไหว จองซูยิงซ้ำไปอีกสามถึงสี่นัดจนอีกฝ่ายทรุดลงไปกองกับพื้น...ทงเฮรีบลุกขึ้นเดินถอยหลังไปให้ห่างจากคนตรงหน้า...ไม่สิ...แบบนี้มันไม่ใช่คนแล้วล่ะ...
ในเมื่อถูกยิงไปตั้งห้านัดแล้วยังกล้าลุกขึ้นมาอีกได้แบบนี้...!!!
“ย...โยซอป...” ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น...เพื่อนร่วมงานที่นอนไร้วิญญาณไปเมื่อครู่นั้นปัจจุบันกำลังยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างไม่น่าเชื่อ
“......พระเจ้า” เด็กเสริฟหนุ่มกำลังเดินเข้ามาหาเขาทั้งคู่....เคราะห์ซ้ำกระหน่ำซัด...พอมองออกไปตรงบานกระจกหน้าร้านก็เห็นฝูงผีดิบนับสิบที่รุมกัดแขกที่พึ่งวิ่งหนีออกไปอยู่ทางด้านนอก สภาพแบบนี้ก็เคยเห็นแค่ในหนังเท่านั้นแหละที่ว่ามีผีดิบเดินได้อยู่จริง...แต่ว่านี่มัน...
.
.
ชีวิตคนเรามันสั้น...
เพราะฉะนั้นโกยความสุขไปได้เท่าไหร่...ก็รีบโกยไว้เถอะ
“hui yi guo qu
tong ku de xiang si wang bu liao
wei he ni hai lai
bo dong wo xin tiao
ai ni zen me neng liao”
อากาศหนาวเย็นยามค่ำคืนนอกจากฮัมเพลงไปตามฟุตปาธตอนเดินกลับบ้านแล้วคงไม่มีอะไรคลายหนาวได้เท่านี้อีกแล้ว ร่างโปร่งสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทพลางพ่นควันสีขาวออกมาเบาๆ ปลายจมูกโด่งสันขึ้นสีระเรื่อ ระยะทางจากที่เรียนพิเศษกับบ้านเขาก็ห่างไปหลายบล็อก...ครั้นจะนั่งรอรถเมล์ก็กลัวจะหนาวตายที่ป้ายซะก่อนเลยตัดสินใจเดินกลับบ้านมันซะเลย
วันนี้ลมหนาวพัดแรงเกินไปแล้วคิดถึงผ้านวมผืนใหญ่ที่บ้านชะมัด...ถ้าไม่ติดว่าวันนี้โดนจัดเต็มเรียนเบิ้ลสามชั่วโมงรวดเพราะคราวที่แล้วอาจารย์ดันติดกิจมาสอนไม่ได้ล่ะก็นะ...
“เฮ้ยมึง!!”
ร่างโปร่งหยุดชะงักพลางหันไปมองเด็กหนุ่มสามสี่คนที่ดูแล้วราวกับไอ้กุ๊ยข้างถนน...โจคยูฮยอนฉลาดพอที่จะมองออกว่าเป้าหมายของพวกไอ้สวะนั่นคืออะไร...และเขาก็คงไม่โง่ที่จะเดินเข้าไปแน่
“หูแตกรึไง? เพื่อนกูเรียก...มึงไม่ได้ยินเหรอ?” เสียงกระซิบข้างหูพร้อมกับวงแขนแกร่งที่ล็อคคอเขาเอาไว้และอาวุธโลหะที่เด่นหราอยู่ตรงหน้าทำให้ร่างโปร่งหยุดยืนนิ่งๆ กับที่...
.
.
ในซอกตึกที่เงียบสงบ...แถวนี้ยิ่งไม่มีคนเดินเพ่นพ่านไปมาอยู่ด้วยแบบนี้มีหวังโดนปล้นหมดตูดแหงแซะ...ลำพังช่วงนี้ก็กรอบรับประทานอยู่แล้วเพราะทุ่มทุนสร้างไปกับแม็คบุ๊คโปรที่พึ่งถอยมา...ในกระเป๋าเป้นี่จะมีก็แค่ซัมซุงกาแล็คซี่แท็บกับ PS Vita Game ที่ลงทุนสั่งซื้อจากญี่ปุ่นมานั่นแหละ ถ้าโดนปล้นทั้งหมดนี่พวกมึงฆ่ากูเลยดีกว่าครับแบบนี้...
“ส่งของมีค่ามาให้หมด”
นั่นไง...ประโยคยอดฮิตที่พวกกุ๊ยชอบใช้รีดไถประชาชนที่มีตังค์อย่างเขา อากาศหนาวๆ แบบนี้แทนที่จะนอนอยู่ที่บ้านกัน แต่พวกหอกนี่ดันกลับมายืนตากลมเพื่อรอดักปล้นเหยื่อ...และที่สำคัญไปกว่านั้น..ไอ้เหยื่อที่พูดมานั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...
โจคยูฮยอนผู้นี้ไงล่ะครับ -_-
“ไม่มี...” ตอบเบาๆ เพราะกลัวโดนมีดพกทหารรุ่น MEYERCO Blackie Collins Double Edged Dagger ที่เคยเห็นในเกมส์สงครามเสียบท้องเข้าให้...คาดว่าไอ้พวกนี้มันคงไปซุยแถวร้านขายอาวุธแล้วไม่มีปัญญาซื้อปืนเลยได้แค่มีดมาจี้เขาแทน...แต่ยังไงก็ตาม...ไม่ว่าจะเป็นปืนหรือมีด..แต่ถ้ามันทิ่มแทงเขาเมื่อไหร่...ก็เป็นอันจบเห่ได้เหมือนกัน
“ลูกพี่...ในกระเป๋ามันมีของดีเต็มไปหมดเลย” คยูฮยอนหันควับไปตามเสียงพูด บรรลัย! เห็นคลังแสงกูเข้าแล้วไง...
“นี่มึงกล้าโกหกกูงั้นเหรอไอ้หน้าติ๋ม”
อ้าว...พูดงี้เดี๋ยวอยู่ดีๆ ก็หงายเงิบหรอกครับ หน้าตาแมนแบบนี้หาที่ไหนได้อีก นี่โจคยูฮยอนเด็กหนุ่ม ม.ปลายปีสาม ที่สาวๆ เห็นต่างก็รักต่างก็หลงนะครับ
“เฮ้ยลูกพี่!” ทุกคนหันไปมองตามนิ้วเด็กชายตัวผอมแห้ง...เผยให้เห็นใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในซอกตึกเดียวกันและกำลังมองมาที่เขาอยู่
เยส!! รอดแล้วกู!!
“ห่าเอ๊ย...ดึกดื่นป่านนี้สไปเดอร์แมนแม่งยังไม่ยอมกลับบ้านไปหลับไปนอนอีกเหรอวะ เฮ้ย! มึงไปจัดการแม่งดิ๊” ชายตัวสูงใหญ่พูดอย่างหัวเสีย ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมีใครเข้ามาขัดจังหวะเขา เพราะอย่างที่รู้ๆ แก๊งเด็กเกเรกลุ่มนี้ไม่มีใครอยากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยสักเท่าไหร่ ถูกจับไปดัดสันดานตั้งกี่ครั้งก็ไม่เคยสำนึกจนตำรวจนึกระอา
เด็กหนุ่มตัวเล็กกว่าพยักหน้ารับก่อนจะควงมีดสั้นไปยังบุคคลนิรนามที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น...ยังไม่ทันก้าวถึงตัว...เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน...
“ฮ...เฮ้ย...”
“เป็นไรวะชอนอู” หันไปถามลูกน้องทั้งที่มือยังกำคอเสื้อร่างโปร่งเอาไว้ คยูฮยอนเขย่งขาเมื่อถูกกระชากเข้าหาจนแทบปลิวไปตามแรง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
“เฮ้ย!!!!!!!!!”
“..........!!!!!!!!!!!”
มือหนาปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระโดยไม่รู้ตัวเมื่อภาพที่เห็นนั้นสร้างความตกใจให้กับพวกเขาจนแทบยืนไม่ไหว เลือดสีสดสาดไปตามผนังตึกพร้อมกับตัวเด็กหนุ่มที่ขาดครึ่งเพราะโดนฉีกออกเป็นสองส่วน...คยูฮยอนยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก ขามันขยับไม่ได้ภาพตรงหน้ามันยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง...เหยื่อตัวบางโดนสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี...พร้อมกับบุคคลปริศนาที่ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาพวกเขา...
“จางอึน! แทงแม่งเลยสิวะ!!”
“มะ...ไม่เอาแล้ว!!!” เด็กหนุ่มตัวบางตัดสินใจทิ้งกระเป๋าเป้ที่พึ่งแย่งร่างโปร่งมาเมื่อครู่ทิ้งลงไปกับพื้นก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต...คยูฮยอนพยายามตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงจะกลัวจนขี้ขึ้นสมองมากแค่ไหน...แต่ถ้ายังยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่แบบนี้มีสิทธิ์กลายเป็นศพเหมือนไอ้เตี้ยนั่นแน่นอนไม่ต้องสืบ...
ไวเท่าความคิด...เสียง ฉึบ! เฉียดหูเขาไปจนรู้สึกได้ถึงความเร็วของอีกฝ่าย...ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...แต่สิ่งที่คล้ายมือหรือแขนนั่นเสียบแทงทะลุท้องของไอ้กุ๊ยนั่นต่อหน้าต่อตาเขาไปแล้ว...
ตุบ!!
ร่างทั้งร่างถูกสะบัดลงพื้น นัยน์ตาแข็งกร้าวฉายไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า...คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงอย่างฝืดคอ...ในตอนนี้เหลือเขากับไอ้ก้างที่ยืนอยู่ข้างๆ ถ้าโชคดีหน่อย..ไอ้ตัวประหลาดนี่คงเลือกที่จะฆ่าไอ้ก้างนั่นก่อน...แต่ถ้าโชคร้ายล่ะ?
ในจังหวะนี้ถ้าเป็นในเกมส์ล่ะก็...ไอ้โง่ที่คิดจะวิ่งหนีต้องเป็นศพภายในชั่วพริบตาแน่...แต่นี่มันชีวิตจริง ใช่...โจคยูฮยอนกำลังอยู่ในภาวะอันตรายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...ให้ตายเถอะถึงตอนเป็นเด็กเขาจะเคยไฝ่ฝันนักหนาว่าอยากจะลองเข้าไปวิ่งเล่นในเกมส์ดูสักครั้ง วิ่งหนีซอมบี้ ฆ่าบอสในเกมส์ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วมันก็...
- มอย -
แต่งสนองตัวเอง ใครชอบไม่ชอบก็ช่วยไม่ล่ายน้า 555555555555
ความคิดเห็น