ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu KangJo | Resident Evil { Remake}

    ลำดับตอนที่ #8 : PART 7 : Trouble

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 659
      3
      27 ก.ย. 55

     

     





     

     

    Chapter 7

    Trouble







     

     

    พ่อนายทำงานอะไรถึงได้เสี้ยมสอนให้ลูกชายแฮ็คระบบไปทั่วแบบนี้ รู้ไหมว่ามันผิดกฎหมาย เป็นเด็กเป็นเล็กแท้ๆ ดร.จงอุนถามเด็กหนุ่มที่กำลังตั้งอกตั้งใจแฮ็คเข้าระบบทำเนียบขาวทั้งที่ปากยังคาบช็อคโกแลตอยู่

    พ่อก็บอกผมเหมือนกันแหละน่าว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ดี แต่พ่อบอกให้ผมหัดไว้บ้างเพราะบางทีในอนาคตผมอาจจะได้ใช้มัน...เห็นไหมล่ะ แล้วผมก็ได้ใช้มันจริงๆ และเท่าที่รู้พ่อผมทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อทำงานกับบริษัทไหน ผมเคยถามนะว่าพ่อทำงานเกี่ยวกับอะไรแต่ก็ไม่เคยได้คำตอบสักที บางครั้งก็มีพวกผู้ชายสูทดำมาหาพ่อที่บ้านด้วยล่ะคนพวกนั้นนั่งรถแวนสีดำดูเท่เป็นบ้า คยูฮยอนหันมายักคิ้วให้กับคนรอบข้าง

    ผู้ชายสูทดำงั้นเหรอ?

    เรื่องที่พวกคุณควรเป็นกังวลมันไม่ใช่เรื่องนิสัยเสียของผมหรอกน่า ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเจาะระบบเข้าไปได้ไหม เพราะอย่างที่บอกว่าผมไม่เคยเจาะเข้าไปลึกอะไรขนาดนั้น

    งั้นคุณอยู่ที่นี่

    ไม่ได้... จองซูแย้งขึ้นมาขณะที่ซีวอนกำลังพูดกับ ดร.จงอุน ร่างสูงหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด

    ดร.จงอุนต้องไปกับผม

    ..................

    ยังไง จะยังไง คยูฮยอนละสายตาจากมอนิเตอร์แล้วหันกลับไปมองคนสามคนที่ยังตกลงกันไม่ได้ มือแกร่งดันหน้าเด็กหนุ่มให้หันกลับไปที่เดิมเป็นเชิงบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว -_-

    เขาต้องเป็นคนปลดรหัสประตูทางเข้า ซึ่งไม่มีใครในนี้ทำแทนเขาได้

    แต่มิซไซน์กำลังจะลงกรุงโซลในอีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้นะคุณ

    ผมรู้ เพราะงั้นผมจะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุด...แต่ถ้าคุณให้ ดร.จงอุนแฮคระบบอยู่ที่นี่น้องชายผมก็ต้องตาย

    ...................

    ได้โปรดเถอะ...เขาคือสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่ผมเหลืออยู่ จองซูพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ซีวอนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของคนตรงหน้าที่ฉายแววสิ้นหวัง

    จริงอย่างที่จองซูพูด...เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วเพราะการที่จะเข้าไปในแลปชั้นยี่สิบเอ็ดได้ก็ต้องใช้การแสกนนิ้วมือของนักวิทยาศาสตร์ที่นี่ ดร.จงอุนพูดพลางเม้มริมฝีปาก

    งั้นผมจะไปด้วย

    คุณอยู่ที่นี่ดีกว่า ทีมของคุณก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว ไปๆ มาๆ แบบนี้เดี๋ยวได้คลาดกันอีก

    แต่คุณเพิ่งบอกว่าข้างบนนั่นมีสัตว์ประหลาดสารพัดชนิด แต่คุณก็จะไปกันแค่สองคนอย่างนั้นเหรอ?

    ไปหลายคนก็ตายหลายคน ถ้าผมกับจองซูไม่กลับมาภายในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า...พวกคุณก็ออกเดินทางกันได้เลย ดร.จงอุนเดินไปเปิดล็อคเกอร์พร้อมกับถอดเสื้อกาวน์ออกก่อนจะสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำเข้าไปแทน กระชับเสื้อแล้วเหน็บปืนพกไว้ข้างหลังโดยที่ไม่ลืมที่จะหยิบยื่นสายสะพายปืนพร้อมกระสุนให้จองซูด้วย

    คุณต้องใช้มัน ซีวอนวางวิทยุสื่อสารกับมีดพกลงบนมือจองซู ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าพร้อมกับโค้งหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ

    ผมติดต่อกับทีมทางคอมพิวเตอร์ได้ ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็วอมาหาผม

    ขอบคุณครับ

    ส่วนมีด...ผมคิดว่ามันจำเป็นมากถ้าเกิดคุณอยู่ในระยะประชิดกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้น มันเป็นของชิ้นแรกที่ผมได้รับหลังจากบรรจุเข้าหน่วยสตาร์...หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคุณบ้าง ซีวอนยิ้มบางๆ พร้อมกับวางมือลงบนไหล่นายตำรวจตรงหน้า

    เราต้องวางแผนกันก่อนออกไป

    งั้นก็ว่ามาเลย จองซูพูดขณะที่เขากำลังเหน็บมีดพกไว้กับสนับขา

    คยูฮยอนมองคนสามคนที่กำลังสุมหัวกันอยู่แล้วก็สงสัย ห้องแลปแบบนี้ทำไมถึงมีอาวุธครบมือแบบนั้น อย่างกับ ดร.จงอุนรู้ว่าเขาต้องได้ใช้มันสักวัน นึกอะไรเพลินๆ แล้วหันกลับไปมองคนๆ หนึ่งที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงแล้วก็หวาดเสียวขึ้นมาเสียดื้อๆ ถ้าเกิดหมอนั่นลุกขึ้นมากัดคอเขาตอนเผลอจะเป็นยังไง ถ้าเกิดพลาดท่าตายโง่ๆ ทั้งที่หนีมาไกลได้ขนาดนี้ก็จะเกินไปนะ

    ชำเลืองมองอีกคนที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงเหล็กแล้วความอยากรู้อยากเห็นก็ผุดขึ้นมาในหัว...โคลนนิ่งที่ว่าจะพูดภาษาคนรู้เรื่องไหม ต้องกินข้าว ต้องหลับนอนเหมือนคนหรือเปล่า?

    ก่อนที่จะไปขึ้นลิฟท์ เราต้องผ่านทางเดินที่มีศพของนักวิทยาศาสตร์ที่เดินเร่ร่อนอยู่...ถ้าเกิดเราโผล่เข้าไปพวกมันคงแห่วิ่งมาต้อนรับแน่ๆ

    ต้องกำจัดมันทีละตัวงั้นเหรอ? ซีวอนถาม

    มันมีเยอะแค่ไหน

    ยาวไปจนถึงหน้าประตูลิฟท์เลยล่ะ มันคงกินเวลาไปเยอะถ้าเกิดเราคิดที่จะฆ่ามันทีละตัว แถมยังเปลืองกระสุนอีกด้วย

    ก็พกไปเยอะๆ สิลุง คยูฮยอนพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะโค้งหัวขอโทษเมื่อถูกสายตาดุๆ จากซีวอนเข้าให้

    กระสุนแม็กนึงไม่ใช่เบาๆ พกไปน้อยเท่าไหร่ได้ยิ่งดี...เพราะถ้าพกไปเยอะมันก็ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก ซีวอนพูดนั่นทำให้ ดร.จงอุนค่อยๆ พยักหน้าเข้าใจ

    เพราะงั้นเราควรหาวิธีเข้าไปในลิฟท์ให้ได้โดยที่ไม่ต้องฆ่าพวกมันสินะ... จองซูพูดพร้อมกับหลุบสายตาลงแล้วครุ่นคิดหาทาง

    มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่นี่มีทางเดินแค่ทางเดียวนะคุณ ไม่มีทางอ้อมหรือทางลัดหรอก

    ช่องแอร์

    หืม?ทั้งสองคนมองหน้าจองซูด้วยความสงสัย

    ขึ้นไปบนนั้นแล้วคลานไปจนถึงช่องลิฟท์สิ

    ......................

    มันเป็นความคิดที่ดีนะ

    เอาล่ะ...พอเข้าไปในตัวลิฟท์ได้แล้วเราก็ต้องมาคิดหาทางกันต่อ พอขึ้นไปถึงชั้นยี่สิบเอ็ดผมกับคุณอาจโชคดีเจอเนเมซิส...ซึ่งผมคิดว่าคุณคงไม่มีปัญญาสู้มันแน่ๆ ดร.จงอุนถอนหายใจพลางมองตำรวจหนุ่มข้างๆ ที่เป็นเป้าหมายของมัน

    ไม่ต้องห่วง พอถึงเวลานั้นผมจะหาทางหนีเอง

    แน่ใจเหรอว่าคุณจะรอดเงื้อมมือมันได้...

    ......................

    คุณอาจจะต้องตายนะจองซู

    ถ้าผมจะต้องตาย...คุณก็ต้องกลับมาที่นี่พร้อมกับแอนตี้ไวรัส อีทึกพูดเสียงเรียบก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาเช็คดูกระสุน

    โว้วๆๆ ผมเจาะระบบเข้าไปได้แล้วนะ ทั้งสามคนเดินมาหยุดอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่ คยูฮยอนยิ้มกว้างกับความสำเร็จที่ใกล้เข้ามาถึง

    ที่เหลือก็รอให้มันโหลดครบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็เจาะระบบความปลอดภัยเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ผมคิดว่านะ

    นายทำดีมาก พยายามต่อไปนะ ดร.จงอุนตบบ่าเด็กหนุ่มที่ตอนแรกเขาแทบจะไม่เชื่อในความสามารถของเด็กคนนี้

    เอาล่ะ คุณพร้อมแล้วใช่ไหม?

    อืม ผมพร้อมแล้ว

    ทั้งสามคนหยุดยืนอยู่ข้างล่างช่องแอร์โดยมีซีวอนและจองซูเป็นฐานให้ ดร.จงอุนเหยียบหลังร่างสูงขึ้นไปแกะผนังช่องแอร์ออกโดยได้รับความช่วยเหลือจากจองซู เพียงครู่เดียวเขาก็ทำสำเร็จและปีนขึ้นไปได้ ตำรวจสองนายยืนมองหน้ากันโดยที่ไม่พูดอะไร เขาทั้งคู่เปรี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ ถึงจะเป็นเพียงแค่เวลาช่วงสั้นๆ แต่เขาก็ดีใจที่ได้รู้จักกับตำรวจรุ่นพี่ที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขา

    ถ้าเกิดผมไม่กลับมา...

    ผมรู้ว่าผมควรทำอะไรแต่คุณต้องบอกตัวเองทุกวินาทีนะจองซู...ว่าคุณยังมีน้องชายที่รออยู่ที่นี่

    ....................

     

    ซีวอนยิ้มก่อนจะย่อตัวให้อีกฝ่ายเหยียบหลังขึ้นไปโดยที่มี ดร.จงอุนรออยู่ข้างบนแล้ว ไม่มีเวลาของการร่ำลามากไปกว่านี้ ทั้งคู่ค่อยๆ คลานไปตามช่องแอร์ที่คับแคบละเหม็นอับ

    มันมืดจนผมมองไม่เห็นอะไรเลย...

    รับนี่ไปแล้วเงียบไว้... ดร.จงอุนเอี้ยวหน้าหันมารับไฟฉายขนาดเล็กจากจองซูมาถือไว้แล้วส่องไปข้างหน้าเมื่อเจอสามแยกที่ต้องตัดสินใจ ถึงเขาจะทำงานที่นี่มาหลายปีแต่ก็ใช่ว่าจะชำนาญเรื่องทางในช่องแอร์เสียเมื่อไหร่

    ได้ยินเสียงโอดครวญของผีดิบนับสิบที่อยู่เบื้องล่างแล้วก็ขนลุก ถ้าเกิดเขาตกลงไปคงไม่มีโอกาสตกใจกลัว ผีดิบพวกนั้นมันพร้อมที่จะเข้ามาขย้ำรุมกัดกินร่างกายเขาทันทีที่เขาทั้งคู่ร่วงลงไปแน่

    ไปทางซ้าย

    คุณรู้ได้ยังไงว่าต้องไปทางนั้น

    ผมเดา...หรือคุณคิดว่าต้องไปทางขวาล่ะ? จองซูถามคนที่กำลังเครียดหนักกับสิ่งที่กำลังทำอยู่

    เออๆ ซ้ายก็ซ้าย

    คลานต่อไปข้างหน้าจนแทบถอดใจ เมื่อไม่ถึงที่หมายสักที เสียงโอดครวญและภาพสุดสยองที่มองจากช่องแอร์ที่คลานผ่านมามันทำให้เขาจะเป็นบ้าตายกับความกลัวขึ้นสมอง

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    คุณ

    อืม

    ถ้าเกิดผมแฮ็คทำเนียบขาวไม่สำเร็จ คุณจะโกรธผมไหม คยูฮยอนถามทั้งที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้ามอนิเตอร์ ซีวอนมองแผ่นหลังของเด็กน้อยที่เอาแต่ก่อเรื่องอยู่ตลอดเวลาแล้วก็หัวเราะเบาๆ

    พอถึงตอนนั้นผมคงไม่มีเวลาโกรธคุณหรอก

    เพราะเราจะตายกันหมด

    ใช่

    แล้วถ้าเรารอดไปจากที่นี่ได้...มันจะเป็นยังไงต่อ

    .................... ร่างสูงเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับเรื่องนี้...ในหัวมีแต่เรื่องที่ต้องช่วยเพื่อนสนิทและลูกทีมที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย อาจจะไม่รอด...หรืออาจจะรอด แต่เขาก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด...จนกว่าจะวินาทีสุดท้าย

    คุณ

    หืม...

    นั่นทีมคุณหรือเปล่า? คยูฮยอนถามเมื่อเขาเห็นภาพตำรวจกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาตามทางที่เขาเพิ่งเดินผ่านมาไม่นานนี้ ซีวอนรีบเข้ามาหยุดที่หน้าจอก่อนจะยิ้มออกมา

    ใช่ นั่นแหละพวกเขา

    เดี๋ยวผมจัดการเอง

    อืม

    รออยู่ครู่หนึ่งคยูฮยอนก็พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ ดร.จงอุนทิ้งไว้ให้ ระบบคอมพิวเตอร์มากมายหลายโปรแกรมไปจนถึงภาษาซีมันเป็นสิ่งที่เขาเคยผ่านตามาบ้างแล้ว อาจจะมีบางโปรแกรมที่ไม่เคยพบเจอแต่ถ้าใช้เวลาศึกษาสักหน่อยรับรองว่ามันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่

     

    ยุนโฮ

    ( นั่นซีวอนเหรอ? )

    อื้ม เอาล่ะนายฟังที่ฉันพูดนะ เดินมาจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวาตรงนั้นนายจะเจอบันได...ขึ้นมาจนถึงชั้นสี่แล้วฉันจะไปรอรับนายที่นั่น

    ( ให้ตายเถอะ นายรู้เหรอว่าฉันอยู่ที่ไหนน่ะ? )

    เอาเป็นว่าฉันรู้แล้วกัน...เดี๋ยวยุนโฮ ข้างหลังนาย!!”

    ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาวุธของอัมเบรลล่าโผล่มาจากทางด้านหลังเพื่อนสนิทเขาพร้อมกับปืนกลที่บรรจุกระสุนนับห้าร้อยนัด คยูฮยอนอึ้งกับภาพที่เห็นเมื่อตำรวจกลุ่มนั้นกำลังตั้งหลักถอยหลังยิงเนเมซิสไปเรื่อยๆ หากแต่สัตว์ประหลาดตนนั้นกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว

     

    ( วิ่ง!!! )

    คยูฮยอน...คุณอยู่ที่นี่นะ

    คุณจะไปไหน? คยูฮยอนคว้าข้อมืออีกคนเอาไว้ นัยน์ตาของเขาดูหวาดกลัวกับคำตอบ

    ผมจะไปช่วยพวกเขา

    ...แต่คุณ คุณอาจจะต้องตายนะ

     

     

    คุณอาจจะต้องตายเหมือนกับนายทหารคนนั้นนะซีวอน...

     

     

    ...ให้ผมไปเถอะ ผมไม่มีเวลาแล้วคยูฮยอน มือแกร่งแกะมืออีกคนออก คยูฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วส่ายหน้าพรืด สีหน้าอวดดี ความทะเล้นที่เคยมีหายไปในพริบตาเพียงแค่รู้ว่าคนตรงหน้าจะจากเขาไปและไม่รู้ว่าจะกลับมาได้หรือเปล่า

    อย่าไป...

    ....................

    คุณไม่โชคดีทุกครั้งหรอกนะซีวอน...

    ฮยอกแจมองคนสองคนที่กำลังยืนจ้องหน้ากันอยู่ เขารู้สึกได้ถึงความกลัวของเด็กหนุ่มคนนั้น กลัวที่จะต้องพบการลาจาก พลัดพราก...ความรู้สึกแบบนี้มันฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา

    ผมจะกลับมา

    ไม่...คุณจะไม่กลับมา คุณน่ะโกหก... คยูฮยอนน้ำตาคลอหมดคราบเด็กหนุ่มที่ชอบทำตัวน่ารำคาญ อาจจะเป็นเพราะซีวอนเป็นเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ในตอนนี้ คนที่เขาพอจะพึ่งพาได้...

    ผมสัญญา... คยูฮยอนมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

     

    เราจะต้องหนีไปจากที่นี่ด้วยกันทุกคน...ผมสัญญา...

     

    ทำอะไรไม่ได้...นอกจากปล่อยมือคนตรงหน้าออกอย่างอ่อนแรง ซีวอนเม้มริมฝีปากก่อนจะเข้าไปสวมกอดคยูฮยอน...แน่นจนเด็กหนุ่มกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว

     

     

     

    ฝากดูแลเจ้าเด็กนี่ด้วยล่ะ

     

     

     

    ความรู้สึกนั้นมันกลับมาอีกครั้ง...อ้อมกอดที่เคยให้ความรู้สึกปลอดภัยแต่นั่นก็เพียงแค่วูบหนึ่งเท่านั้น แค่พริบตาเดียวคิมยองอุนก็จากเขาไปโดยที่ไม่กลับมาอีก...และครั้งนี้ก็เหมือนกันใช่ไหม...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    แกร่ก...แกร่ก...แกร่ก...

     

    เสียงรองเท้าหนังกระทบกับบันไดเหล็กที่สองหนุ่มกำลังปีนลงมาอย่างช้าๆ หลังจากที่เขาทั้งคู่พ้นช่องแอร์มาแล้ว เบื้องล่างคือลิฟท์ตัวใหญ่ที่จอดค้างอยู่ที่ชั้นสอง เขาต้องปีนลงไปอีกสักสักสามสี่ร้อยเมตรท่ามกลางความเงียบสงบและความมืดมิดหากมองขึ้นไปชั้นบนสุด...เขาไม่รู้ว่าข้างบนนั่นมีตัวอะไรอยู่บ้าง มันอาจจะจ้องมองอยู่เงียบๆ แล้วพุ่งเข้ามาปลิดชีวิตเขาทั้งคู่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้

     

     

    ตุ่บ...

    ทันทีที่เท้าทาบลงกับหลังคาลิฟท์ร่างโปร่งก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนจะดึงมีดพกที่ซีวอนให้ออกมางัดฝาผนังสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะออก...จองซูพ่นลมหายใจทางริมฝีปากเพื่อผ่อนคลายกับสิ่งที่เขาอาจจะต้องเจอในอีกไม่ช้า...ใบหน้าคมชะโงกเข้าไปในตัวลิฟท์แล้วก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า

    ผมจะลงไปก่อน

    อืม

    จองซูหย่อนขาลงไปข้างล่างแล้วเกาะผนังลิฟท์เอาไว้ก่อนจะทิ้งตัวลงมาด้วยระดับเสียงที่เบาที่สุด เขาประสานมือเอาไว้ระดับอกเพื่อให้ ดร.จงอุนเหยียบลงมา เพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องผาดโผนสักเท่าไหร่

    ยืนโกยอากาศเข้าปอดกันทั้งคู่ก่อนจะกดลิฟท์ไปที่ชั้นยี่สิบเอ็ด...ช่องลิฟท์บนเพดานที่โหว่อยู่ทำให้ ดร.หนุ่มจินตนาการไปไกลว่าอาจจะมีตัวอะไรโผล่เข้ามาฆ่าเขาจากตรงนั้น จงอุนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือแกร่งดันร่างของเขาให้ถอยหลังไปชิดกับผนัง

    ถ้ากลัวก็อยู่ห่างๆ มันเอาไว้

    แล้วคุณไม่กลัวหรือไง? ดร.จงอุนถามใครอีกคนที่ชักปืนออกมาเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

    กลัวสิ

    ทำไมคุณถึงเป็นตำรวจ ผมถามได้ใช่ไหม? ถามขึ้นมาเพื่อฆ่าเวลาขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จองซูหลุบสายตาลงเมื่อนึกถึงคนบางคนที่ทำให้เขาสอบเข้าบรรจุเป็นตำรวจ

    เพราะพ่อของผมน่ะ

    งั้นเหรอ เด็กๆ มักจะเป็นอย่างนี้แหละ อยากเป็นเหมือนพ่อ พ่อคือวีรบุรุษ ดร.จงอุนหัวเราะในลำคอ

    แล้วทำไมคุณถึงช่วยผม จองซูมองคนข้างๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ดร.จงอุนหันมาสบตากับอีกฝ่ายแล้วยิ้มบางๆ

    ตอนแรกผมคิดว่าคุณน่าจะช่วยผมหนีไปจากที่นี่ได้ แต่พอเห็นคุณกำลังจะโดนเนเมซิสขย้ำแล้วผมถึงได้รู้ว่าคิดผิด...ใครจะช่วยใครกันแน่วะ? แต่ไม่ทัน...ตอนนั้นผมวิ่งไปถึงตัวคุณแล้ว ฮะๆ

    ผมหมายถึงครั้งนี้...ทำไมคุณถึงช่วยผมทั้งที่คุณอาจจะต้องมาตายที่นี่

    ......................

    ถ้าเกิดคุณอยู่ที่ห้องแลป เปอร์เซ็นต์ที่จะหยุดมิสไซน์ได้คงมีสูงกว่า แต่คุณก็เลือกที่จะช่วยผม

    อยากรู้คำตอบเหรอ?

    ...................

    เพราะผมไม่เคยมีคนสำคัญในชีวิต ผมถึงไม่รู้ว่าชีวิตของคนอื่นมันสำคัญมากแค่ไหน...จนกระทั่งผมเห็นความรักที่คุณมีต่อทงเฮ

    ...................

    คุณไม่ลังเลที่จะช่วยใครแม้ว่าจะต้องไปเสี่ยงตายข้างหน้า นั่นแหละที่ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดใหม่ จองซูชะงักไปเมื่อได้ยินคำตอบจากปาก ดร.จงอุน

    ...ขอบคุณสำหรับคำตอบ จองซูหลุบสายตาลง จู่ๆ ภาพของคิมฮีชอลก็ผุดขึ้นมาในหัว ความรู้สึกผิด...อ้างว้าง...มันกำลังเกาะกินหัวใจเขาอีกครั้ง ถ้าเขาเข้มแข็งกว่านี้ฮีชอลก็จะ...

     

    แกร่ก!

    ตั้งปืนขึ้นระดับหัวไหล่เมื่อประตูลิฟท์กำลังเปิดออก เบื้องหน้ามีผีดิบเดินไปมาอยู่สองตัว มันเชื่องช้ามากจนไม่รู้ว่าความตายกำลังมาเยือนซ้ำสอง ร่างผีดิบที่ใบหน้าแหว่งไปข้างหนึ่งทรุดลงไปนอนกับพื้นเมื่อกระสุนปืนเจาะเข้ากลางขมับโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

    คุณใจเย็นใช้ได้เลยนะพูดกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วหันซ้ายขวา เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงห้องแลปที่เคยสีขาวสะอาดกลับมีแต่คราบเลือดสีแดงสดเปื้อนกำแพงเต็มไปหมด

    นั่นน่ะ...ประตูที่เราต้องปลดล็อครหัส

    งั้นก็ไปกันเถอะ

     

     

     

    .

    .

     

     

    ขายาวชันขึ้นบนเก้าอี้พร้อมกับเอาคางเกยหัวเข่าเอาไว้ เศษฝอยห่อช็อคโกแลตทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นราวกับว่ามันเป็นสิ่งดับทุกข์ให้กับโจคยูฮยอนได้ นัยน์ตาเรียวจดจ้องอยู่กับตัวเลขที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละหนึ่งแต่ในหัวกลับคิดไปถึงเรื่องอื่น

    คุณ

    ...................

    ไม่มีเสียงตอบรับจากใครในห้องนี้ นัยน์ตาของเด็กหนุ่มดูล่องลอยสิ้นหวัง ถ้าเกิดซีวอนไม่กลับมาเขาคงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

    คุณโคลนนิ่ง...

    ...................

    คุณกลัวไหม? ถามทั้งที่ไม่ได้หันไปสบตากับอีกฝ่าย อีฮยอกแจยังคงนั่งนิ่งเหมือนในทีแรก สายตาของเขายังไม่ละห่างจากใครอีกคนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเหล็ก

    คุณกลัวไหมที่อาจจะต้องมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คนเดียว?

    ...................

    กลัวไหม... ราวกับคนบ้าที่เอาแต่พูดอยู่คนเดียว ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าต่อให้พูดไปจนคอแห้งอีกฝ่ายก็ไม่มีทางตอบโต้เขา ก็แค่มนุษย์โคลนนิ่ง...ยังไงก็ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกเขาได้อยู่แล้ว

    ผมคงไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนอกจากตัวเอง

    คยูฮยอนเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองร่างบางที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าเรียวค่อยๆ เงยขึ้นสบตากับเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฟากฝั่ง

     

    แค่กๆ!!” ทั้งคู่เบิกตาโพลงเมื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงเหล็กได้ตกลงมากระทบกับพื้นซีเมนต์ ทั้งคู่รีบเข้าไปดูอาการทงเฮที่กำลังนอนบิดตัวเร่าอีกทั้งยังไอเป็นเลือดด้วยความตกใจ

    ทงเฮ...ทงเฮ? ร่างบางเขย่าตัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะเซล้มถอยหลังทั้งคู่เมื่อถูกคนที่ทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายเมื่อครู่ผลักออกอย่างแรง

    เดี๋ยวสิคุณ จะไปไหนน่ะ คุณไม่สบายอยู่นะ!” คยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังคนที่กำลังเดินโซซัดโซเซไปที่ประตูพร้อมกับจับไหล่กว้างเอาไว้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อทงเฮเอี้ยวตัวกลับมาพร้อมกับเอาปืนจ่อหน้าเขา

    อ...อย่าตามมา คยูฮยอนยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับหัวพร้อมกับหลุบสายตาลงมองปืนที่จ่อหน้าเขาอยู่

    ถอยออกไป...ทั้งคู่นั่นแหละ ริมฝีปากที่เปื้อนเลือดพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น...ปืนที่เล็งบนระดับใบหน้าเด็กหนุ่มเมื่อครู่ได้เลื่อนไปที่ใครอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ นั่นเป็นจังหวะให้คยูฮยอนเข้าไปแย่งปืนจากคนตรงหน้าจนทำให้ปืนลั่นโดนกำแพง มือหนาซัดหมัดลุ่นๆ เข้าที่ใบหน้าเด็กหนุ่มจนเซไปกระแทกกับผนังก่อนจะล้มไปชนกับแลปทดลองจนขวดแก้วนานาชนิดตกลงมาแตกไม่มีชิ้นดี

    อาจจะเป็นเพราะเชื้อไวรัสที่ทำให้พละกำลังของทงเฮมีมากขึ้นจนยากที่จะกะแรงต่อสู้ ร่างหนาก้มลงมองมือตัวเองทั้งสองข้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใครอีกคนที่นอนหมดสติแล้วก็รู้สึกผิด...เขาไม่ได้อยากทำร้ายใคร ก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้น...ทงเฮหันไปมองร่างบางที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เขาก่อนจะยกปืนขึ้นมาอีกครั้ง

    ผมบอกให้ถอยไปไง...

    คุณจะฆ่าผมงั้นเหรอทงเฮ

    คำตอบอยู่ตรงหน้าคุณแล้วนี่...2611 ทงเฮแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะถ่มเลือดสีสดลงบนพื้นแล้วใช้มือข้างที่ว่างอยู่ปาดเลือดออกจากริมฝีปากลวกๆ เขาไม่จำเป็นต้องแสดงความเป็นคนดีโดยการเข้าไปดูเด็กคนนั้นให้คนตรงหน้าเห็น ไม่จำเป็น...

     

     

    ในหัวเอาแต่สั่งว่ารีบไปจากที่นี่ซะ...

    ก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดแล้วทำลายอย่างที่ขวางหน้าโดยไร้สติ...

     

     

    ....................

    อย่าทำแบบนี้ทงเฮ...พี่ชายคุณกำลังพยายามหาทางแก้ให้คุณอยู่

    ทางแก้งั้นเหรอ? ถ้ามันมีวิธีแก้แล้วไอ้พวกศพไร้วิญญาณที่เดินเพ่นพ่านอยู่ข้างนอกนั่นมันคืออะไรกันล่ะ?

    ......................

    ผมรู้สึกได้ว่ามันอยู่ในตัวผม...มันกำลังฆ่าผมทีละนิดและอีกไม่ช้าผมก็จะกลายเป็นเหมือนพวกมัน

    ทงเฮ...ลดปืนลงเถอะ

    ผมบอกให้หยุดอยู่ตรงนั้น!” ร่างหนาตวาดกร้าวพร้อมกับเล็งปืนเข้าที่ขมับคนตรงหน้า

    คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าผมกำลังรู้สึกยังไง...คุณมันก็แค่... ริมฝีปากหยักสั่นเครือเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ มันเป็นโศกอนาถกรรมที่เขาไม่คิดว่าจะต้องมาจบชีวิตแบบนี้

    โคลนนิ่งที่ไร้ความรู้สึก...นั่นคือสิ่งที่คุณอยากพูด...ใช่ไหม

    .......................

    ถ้าคุณอยากยิงก็ยิงเถอะ...เพราะยังไงผมก็เป็นแค่โคลนนิ่งที่ไม่มีค่าสำหรับใครอยู่แล้ว...

    .......................

    แต่ชีวิตคุณมีค่า...อย่างน้อยก็สำหรับ... ร่างบางเว้นช่วงไว้ครู่หนึ่งก่อนจะจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาที่มีแต่ความหวาดกลัวของคนตรงหน้า มือเรียวค่อยๆ ลดมือทงเฮลงและเขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี

     

     

    ผม

     

     

    .......................

     

     

    คุณมีค่าสำหรับผมนะ...ทงเฮ...

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

    ให้ตายเถอะ! ไอ้เวรนั่นมันตามพวกเรามาตั้งแต่หกชั่วโมงที่แล้วจนป่านนี้มันยังไม่เลิกจองเวรอีก! จากตอนแรกทีมฉันมีเกือบยี่สิบคนแล้วดูตอนนี้สิ ยุนโฮมองไปยังนายตำรวจหนุ่มสี่นายที่ยืนหอบหายใจอยู่ข้างๆ เขานั่นก็รวมถึงซีวอนด้วย ร่างสูงชะโงกหน้าออกไปแล้วก็พบว่าพวกเขาได้หลุดพิกัดเนเมซิสไปแล้ว

    มันไม่หยุดแค่นี้หรอกจนกว่ามันจะกำจัดหน่วยสตาร์ให้หมด

    ...เป็นข่าวดีที่ฉันควรได้ยินตอนตีสี่ครึ่งสินะ ฮะๆ ยุนโฮแค่นเสียงหัวเราะแล้วปลดแม๊กกระสุนออก เขาทุกคนยังหอบหายใจหนักกับศึกที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่

    เรารีบไปกันเถอะ ยังมีผู้ชีวิตเหลืออยู่

    ทีมของนายเหรอ?

    เปล่า...พลเรือน

    หืม? พลเรือนในห้องแลปของอัมเบรลล่าเนี่ยนะ? ยุนโฮถามขณะที่ซีวอนกำลังเดินนำไปข้างหน้า ร่างสูงพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูออกแต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเด็กหนุ่มนอนหมดสติอยู่บนพื้น

    คยูฮยอน!” ซีวอนรีบเข้าไปประคองร่างโปร่งขึ้นมาแนบอกแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ก็ไม่พบร่างของใครอีกคนที่เคยนอนอยู่บนเตียง นั่นก็รวมถึงโคลนนิ่งรหัส 2611 ด้วย

    นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

    ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง พูดพร้อมกับอุ้มคยูฮยอนขึ้นไปวางลงบนเตียงเหล็ก มือแกร่งจับใบหน้าเรียวพลิกไปมาอยู่สองสามทีแล้วก็ถอนหายใจ

     

    หรือว่าอีทงเฮจะกลายเป็น...

     

    หมวดชางมินช่วยสานต่อเรื่องทำเนียบขาวที เด็กคนนี้คงหมดสติไปอีกนาน

    ได้ครับ อ่า...แต่คงต้องรออีกสักสิบนาทีครับถึงจะเข้าระบบขั้นต่อไปได้

    งั้นรอต่อไป

    ยุนโฮเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เพื่อนสนิทพร้อมกับวางมือลงบนไหล่กว้าง

    อย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้เป็นคนแฮ็คเข้าทำเนียบขาว?พอเห็นซีวอนพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วชองยุนโฮถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจะไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นใครถึงได้มีความสามารถแฮ็คเข้าระบบทำเนียบขาวเมื่อก่อนหน้านี้ได้ ไหนจะความสัมพันธ์ลึกตื้นที่ซีวอนมีต่อเด็กคนนี้อีก

    เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้...เราต้องหยุดมิสไซน์นั่นแล้วหาหลักฐานอะไรสักอย่างก่อนที่จะหนีออกไปจากที่นี่

    อ้อ...ฉันเจอไอ้นี่ในสถานีตำรวจล่ะ พูดพร้อมกับยื่นแผ่นซีดีมาตรงหน้า ซีวอนละสายตาจากคนที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะรับมาถือไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมองยุนโฮด้วยความสงสัย

    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่เชื่อเถอะว่ามันต้องมีเบาะแสอะไรแน่ๆ เปิดดูสิ

    ทั้งคู่เดินไปหยุดอยู่หน้ามอนิเตอร์ก่อนจะใส่แผ่นซีดีเข้าไป ภาพค่อยๆ ฉายขึ้นมาเผยให้เห็นนายตำรวจที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี...

     

    สารวัตรยุนซึงโฮ...

    ...เซอไพร์ส~”

    นายได้มันมาจากเขาเหรอ?

    ใช่...มันอยู่ในมือเขา...ฉันหมายถึงศพของเขาน่ะ ซีวอนเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเรื่องที่อีกฝ่ายพูด สารวัตรยุนซึงโฮเป็นที่น่าเกรงขามที่ใครๆ ต่างยกย่องนับถือ...แต่ทำไม...

    ดูเถอะ...แล้วนายจะเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่านี้

     

     

    วันที่ 18 ตุลาคม...ผมมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่กลับบ้านมาเป็นคืนที่สามแล้ว ผมไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เพราะพวกเขาดักรอผมอยู่สักหนแห่ง คุณเห็นนั่นไหม?

    เขาหมุนกล้องไปที่บานเกล็ดที่มืดสนิทก่อนจะหมุนไปรอบๆ ห้อง...มันมืดจนเขามองไม่เห็นอะไรนอกจากใบหน้าของสารวัตรซึงโฮ

    ...ผมกินเนยถั่วกับอาหารกระป๋องเพื่อประทังชีวิตและตอนนี้มันก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว ผมไม่คิดว่าผมจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้เพราะถ้าออกไปข้างนอกผมก็คงถูกยิงตาย...แต่ถ้ารออยู่ในนี้...อีกไม่ช้ากรุงโซลก็จะกลายเป็นสุสานคนเป็น ตอนนี้ตำรวจนายอื่นที่อยู่ข้างนอกยังคงทำงานเหมือนปกติเช่นทุกวัน ไม่มีใครรับรู้ว่าผมอยู่ข้างในนี้...นอกจากพวกเขาผมไม่ใช่คนทรยศ...ไม่ใช่

    วันที่ 23 ตุลาคม...ผมเริ่มหิวจนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดอะไรอีก...ลูกสาวของผมถูกจับไปทดลองกับเชื้อไวรัส T ...เธอหนีมาได้แต่สุดท้าย...

     

    สารวัตรคิมเงียบไปก่อนที่ภาพจะตัดไปอีกฉาก ตอนนี้เขาคงเป็นคนถือกล้องเพราะภาพเบื้องหน้าคือร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวหน้าตาสระสวยหากแต่ใบหน้าขาวซีดจนดูเหมือนคนไม่มีเลือดในร่างกาย

     

    ยุนฮเยจี...เธอคือหัวใจของผม...แต่ทำไมพวกเขาถึงทำกับเธอได้ถึงขนาดนี้...ไม่...ฮเยจีของพ่อ...อีกไม่ช้าเธอจะต้องกลายเป็น...เป็น...

     

    คลิปตัดกลับมาที่หน้าเขาอีกครั้ง...ตอนนี้มือของเขาเปื้อนเลือดเลอะไปจนถึงแว่นที่เขาสวมอยู่ มือหนาถอดมันออกมาเช็ดให้สะอาดแต่ยิ่งเช็ดเท่าไหร่คราบเลือดก็ยิ่งติดไปตามเลนส์แว่นเท่านั้น

     

    ตอนนี้ผมกำลังจะตาย...ผมจะแฉมันให้หมด...อัมเบรลล่า...ดร.อีอึนฮยอกไอ้คนทรยศ...

    เขาไม่ได้มีแค่ไวรัส T มันยังมีไวรัส G อีกด้วย...มันอยู่ที่ไหนคุณรู้ไหม...อเมริกาไงล่ะ...คิดไม่ถึงล่ะสิ? ถึงพวกคุณจะทำลายกรุงโซลด้วยมิสไซน์ได้ แต่เชื้อไวรัส G ที่พัฒนาแล้วก็ยังคงอยู่พวกเขาพร้อมที่จะพัฒนากับประเทศต่อไปและทำลายหลักฐานทิ้งถ้าเกิดเรื่องมันแดงขึ้นมา...เหมือนกับคราวนี้

    ที่สำคัญ...ดร.อีอึนฮยอก...ไอ้คนสารเลวนั่นมันยังอยู่ที่นี่ ถ้าคุณได้ดูคลิปนี้...คุณต้องจับมันมาเค้นเอาความจริง ซึ่งผมรู้ว่ามันยากมาก...ถ้าเป็นไปได้ก็ฆ่ามันซะ...ฆ่ามันให้ตาย...

     

     

    พรึ่บ!!!!....

     

     

    ..................

    ..................

    ฉันพอจะรู้ว่า ดร.อีอึนฮยอกเป็นใคร

    นายรู้จักเขาเหรอ?

    มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ...

    มันไม่มีทางจบแค่ที่นี่สินะ...

    ..................

    ..................

    ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง ฉันต้องตามหาอีอึนฮยอกให้ได้

     

     

     

     

    .

    .

     

     

    แฮ่ก...แฮ่ก....

    หมาพวกนั้นวิ่งเร็วเป็นบ้า ถ้าพลาดไปแค่วินาทีเดียวคอผมคงแหว่งแน่ ดร.จงอุนพูดพร้อมกับก้มลงหอบหายใจหนักเมื่อเขาทั้งคู่วิ่งหนีเอาชีวิตจากพวกหมาขี้เรื้อนนั่นหลังจากทำการปลดล็อคประตูเข้ามาได้

    ยังมีอะไรที่เราต้องเจออีกไหม?

    เยอะแยะสารพัด ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีตัวอะไรบ้าง แค่นี้ผมก็จะตายอยู่แล้ว ดร.จงอุนเอนหลังพิงกำแพงสีขาวพร้อมกับหลับตาลง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเหนื่อยอะไรขนาดนี้มาก่อน

    อีกไกลไหม

    ไม่หรอก...มันอยู่ตรงนั้นน่ะ ข้างหลังคุณ พูดพร้อมกับชี้ไปที่ประตูสีขาวที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ร่างโปร่งเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองประตูบานนั้นแล้วหันกลับมาหา ดร.จงอุน

    นึกเสียใจแล้วสินะที่มากับผม

    ใช่ เสียใจมากๆ เลยล่ะ ดร.จงอุนตอบสวนกลับทันทีนั่นทำให้จองซูหลุดหัวเราะออกมา

    เอาล่ะ งั้นเรารีบเข้าไปหาแอนตี้ไวรัสกันเถอะ ยื่นมือมาตรงหน้า ดร.อุนจับมืออีกคนเอาไว้แต่ยังไม่ทันก้าวไปไหนร่างของเขาก็ทรุดเข่าลงเมื่อถูกลูกดอกยิงเข้าที่คออย่างจัง

    อะ...จอง...ซ... ร่างของ ดร.จงอุนทรุดลงไปกองกับพื้นจนตำรวจหนุ่มประคองไว้แทบไม่ทัน ร่างโปร่งเล็งปืนไปรอบๆ หาที่มาของลูกดอกนั่นก่อนจะพบร่างของใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่สุดทางเดิน...ใครคนนั้นที่หน้าเหมือนกับอีฮยอกแจ...

     

    ดร.อีอึนฮยอก...

    บราโว่~ เป็นเกียรติจริงๆ ที่คุณรู้จักชื่อผม เสียงปรบมือที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขัดกับใครอีกคนที่เป็นโคลนนิ่ง จองซูขบกรามแน่นเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    คุณทำอะไรกับเขา!”

    ก็แค่ยานอนหลับ...เขาดูน่ารำคาญจะตายคุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอคุณตำรวจ?

    ..................

    ปากของเขาควรพูดเรื่องดีๆ บ้าง...ไม่ใช่เอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ...

    คุณนี่มันเลวจริงๆ

    ผมแค่ให้เขาพักผ่อน คุณถึงกับต้องด่าว่าผมเลวเลยเหรอ?

    คุณมันเลวที่ฉีดเชื้อไวรัสเข้าไปในตัวน้องชายผม นัยน์ตาคมมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้นหากแต่ชายหนุ่มร่างผอมบางหรือจะสนใจ

    นั่นน้องชายคุณหรอกเหรอ...อ่า...นั่นเป็นเขาดูมาดแมนมากจนผมอดใจไม่ไหวน่ะ...

    คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?

    เชื้อไวรัสชนิดนั้นค่อนข้างแรง มันอาจจะทำให้กระดูกของน้องชายคุณหักไปบางส่วนแต่พอตัวอ่อนโตขึ้น...มันจะทำให้น้องชายคุณกลายเป็นยอดคนได้เลยนะ

    ยอดคนงั้นเหรอ คงมีแต่คนโรคจิตอย่างคุณเท่านั้นแหละที่คิดอะไรแบบนี้ได้!”

    ถ้าน้องชายคุณยอมให้เชื้อไวรัส G ควบคุมเขาก็คงจะไม่เจ็บปวดแบบนี้...แต่ก็รอดูแล้วกันว่าเขาจะทนได้นานสักแค่ไหน

     

    ทันทีที่จองซูเล็งปืนไปที่ชายหนุ่มร่างผอมบาง นิ้วเรียวก็กดปิดประตูลงพร้อมกับรอยยิ้มของผู้ชนะ...มือแกร่งสั่นเทาเพราะความโกรธแค้นและสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เขาอยากจะฆ่า ดร.อีอึนฮยอก...อยากฆ่าให้ตาย

    พอตั้งสติได้แล้วก็ประคองร่างอีกคนขึ้นมา เขาต้องใช้นิ้วของ ดร.จงอุนแสกนผ่านประตูเข้าไปเพื่อเอาแอนตี้ไวรัสไปรักษาทงเฮ ถึงแม้ความหวังมันจะริบหรี่แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้...ทันทีที่แสกนประตูผ่านเขาก็วางร่างของ ดร.จงอุนไว้หน้าประตู ตรงนี้ปลอดภัยไม่มีผีดิบหรือตัวประหลาดโผล่ออกมาแน่ๆ

    ทันทีที่ประตูเปิดออกนัยน์ตาคมก็กวาดมองไปรอบๆ ตั้งปืนไว้ระดับหัวไหล่แล้วก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ความเงียบและความหนาวเย็นในห้องแลปมันทำให้เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง รู้สึกเหมือนมีใครสักคนอยู่ข้างในนี้...แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่พบวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลย

    แสงสว่างจากหลอดแก้วทำให้ร่างโปร่งลดปืนลง เขาก้มลงมองแผงควบคุมที่อยู่เบื้องหน้าก่อนจะพยายามทำความเข้าใจเพื่อปลดล็อคมัน ข้างในนั้นมีหลอดแก้วสีน้ำเงินกับสีเขียววางเรียงกันแล้วรวมเกือบสิบหลอดและเขาคิดว่ามันคงเป็น...

     

    ไวรัสและแอนตี้ไวรัส...

     

     

    ครืด...

     

    ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกมาเมื่อกระจกที่ขวางกั้นค่อยๆ เลื่อนขึ้นอย่างช้าๆ มือแกร่งเอื้อมไปกดสวิทซ์เพื่อปิดกระเป๋าสีเทาตะกั่วแล้วหยิบมันออกมาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่จ่ออยู่กลางหัวเขา

     

    ทิ้งปืนลงแล้วเตะออกไปทางซ้ายมือสิคุณตำรวจ...

     

    ................... ตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องขัดใจบุคคลปริศนา มือแกร่งทิ้งปืนลงพร้อมกับเตะมันออกไปข้างๆ ตามที่อีกคนสั่ง ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเล็กน้อยนั่นทำให้เขาแทบอยากเป็นบ้าตายกับอุปสรรคนานับประการที่ได้เจอ

    เอาล่ะ...คราวนี้วางกระเป๋าลงแล้วเตะมันมาข้างหลัง

    ...................

    อย่างนั้น...ทีนี้ก็ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ...

    ................... มือแกร่งค่อยๆ ชูขึ้นเหนือศีรษะอย่างช้าๆ น้ำเสียงแบบนี้มันคุ้น...แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร

    ชำเลืองมองจากหางตาแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังก้มลงเก็บกระเป๋าอยู่นั่นเป็นจังหวะที่เขาพลิกตัวหันกลับไปแย่งปืนจากอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เป็นผล การต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อปืนของบุคคลปริศนากระเด็นออกไป ขาเรียวเตะตัดขาร่างโปร่งจนเสียหลักล้มลงไปกับพื้นแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ปล่อยโอกาสให้คนในชุดดำกระโดดเข้ามาแทงเขาได้ จองซูพลิกตัวออกไปก่อนจะลุกขึ้นตั้งหลักแล้วดึงมีดที่สนับขาขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้...ชายหนุ่มร่างผอมบางในชุดดำเข้ารูปค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพลางเสยผมหยักศกที่ปิดบังดวงตาคู่สวยออก จองซูเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน...มันชัด...จนเขาขยับขาไปไหนไม่ได้

     

     

    .....................

     

     

     

    ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้งนะ...ปาร์คจองซู

     

     

     

     

     

     

     

    TALK

    เหนื่อยว่ะตอนนี้ สับตอนไปสับตอนมา

    #โทษ

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×