ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | He's mine "Teacher"

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : With You...

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 55


      

     

     

     

     





     

    Chapter 5

    ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่

     

     



     

     

    ผมถอดแว่นออกมาเช็ดน้ำที่เกาะอยู่หลังจากสลัดผ้าตากเสร็จไปหนึ่งตะกร้าใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นของพี่อาราด้วยครับ พอเธอลงเครื่องมาก็ไม่มีเวลาซักจะไปส่งซักรีดก็เปลืองเงิน ผมก็เลยอาสาซักให้ซะเลย นี่ก็วันเสาร์แดดยามเช้าแบบนี้แหละเหมาะแก่การตากผ้าที่สุด

    ผมยืนเท้าเอวมองเสื้อที่กำลังปลิวไสวไปตามแรงลม...เสื้อเชิร์ตตัวนั้นของครู...ตัวนั้นก็ด้วย...กางเกงตัวนั้นก็ด้วย...

    ตอนแรกครูไม่ยอมให้ผมซักให้เอาแต่บอกว่าจะส่งซักลูกเดียวเลย ตอนที่คุยกับครูผมจำไม่ได้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหนอยู่ อาจเป็นเพราะผมเอาแต่เสตามองไปทางอื่น เพราะเรื่องวันนั้นแท้ๆ ผมถึงได้เข้าหน้าครูไม่ติดแบบนี้ผมยังจำมันได้ดีเลยล่ะ

    อีกทั้งคำถามที่ยังค้างคาใจ...ผมคิดว่าบางทีก็ต้องการคำตอบแต่อีกใจก็ไม่คิดอย่างนั้น เพียงแค่เห็นเสื้อเชิร์ตตัวเล็กเข้ารูปของพี่อาราที่แขวนอยู่ข้างๆ เสื้อเชิร์ตสีขาวของครู

     

    เหม่ออะไรอยู่น่ะเรา

    คุณพระ!!!”

    ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันกลับไปมองหน้าครูที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สีหน้าของเขาดูพอใจกับท่าทางเปิ่นๆ ของผมอยู่ไม่น้อย...โธ่...จะมาก็ไม่ให้ซุ่มให้เสียงกันเลยนะครับ...

    ขอโทษนะ ครูทำให้นายตกใจเหรอ?ถามพร้อมกับก้มลงมองหน้าผม มือแกร่งวางลงบนหัวผมพร้อมกับขยี้เบาๆ

    ผมแค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ...

    ถือว่านายโชคดีที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ

    ครูหัวเราะแล้วเชยคางผมขึ้นมา ผมทำตาปริบๆ จ้องใบหน้าหล่อของครูที่ตอนนี้มันห่างกันอยู่ไม่เท่าไหร่ ครูรวบผมม้าข้างหน้าของผมขึ้นมาแล้วเอายางมัดไว้จนเป็นจุกเหมือนต้นมะพร้าว ผมลูบๆ คลำๆ มันอยู่ครู่หนึ่งพลางขมวดคิ้ว

     

    ไปตัดผมกันเถอะ ผมข้างหน้าจะทิ่มตานายอยู่แล้ว

     

    วันหยุดสุดสัปดาห์นี้เริ่มต้นที่ร้านตัดผมในห้างสรรพสินค้าครับ ผมนั่งมองครูนั่งอ่านหนังสือผ่านกระจก พอครูเงยหน้าขึ้นผมก็เสตาไปมองทางอื่น ผมพยายามทำตัวเหมือนปรกติแต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ผมก็ยิ่งผิดปรกติมากขึ้นเท่านั้น หลังจากตัดผมแล้วครูก็ลากผมไปในร้านๆ หนึ่งครับ ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านเสื้อสำหรับเด็กวัยรุ่นน่ะ เขาคว้าเสื้อฮู๊ดตัวหนึ่งมาทาบกับตัวผมแล้วพลิกตัวผมให้หันหน้าเข้าหากระจก เราทั้งคู่มองหน้ากันผ่านกระจกบานใหญ่

     

    ชอบไหม

    ครับ?

    งั้นเอาตัวนี้ครับ

    เหมือนว่าน้ำเสียงที่ผมพูดไปเมื่อครู่มันน่าจะเป็นประโยคคำถามมากกว่าคำตอบนะครับ ครูเดินไปจ่ายเงินเสร็จสรรพพลางยื่นถุงให้ผมถือ ผมได้แต่มองอย่างงงๆ แล้วเดินตามหลังครูไป

     

    ครูนี่ชอบทำอะไรประหลาดๆ เข้าไปทุกวัน...

     

    ครูเห็นนายชอบใส่เสื้อฮู๊ดครูพูดก่อนจะหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมน่ารักดี

     

    ...................

     

    น่ารักดี...

    น่ารักดี...

    น่ารักดี...

     

     

    หมายถึง...เสื้อน่ะเหรอครับ?ผมชูถุงขึ้นมา ครูส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาเอื้อมขึ้นมาจับเส้นผมที่เพิ่งผ่านการตัดไปเมื่อครู่ก่อนจะหลุบสายตาลงมาระดับเดียวกัน



    ไม่ใช่เสื้อหรอก



    ครูอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอี้ยวตัวกลับ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินนำไป ผมวิ่งตามไปติดๆ ก่อนจะลดฝีเท้าลงก้มหน้าก้มตาเดินตามครูไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกร้อนตรงใบหน้าอีกแล้วล่ะครับตอนนี้มันเริ่มลามไปถึงหูแล้วด้วย ผมผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเซถอยหลังเพราะชนกับครูเข้าให้

    ขอโทษครับผมกุมหัวตัวเองพร้อมกับเงยหน้ามองแผ่นหลังของครู ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองแถบโปรแกรมหนังที่กำลังเลื่อนโชว์เวลาฉาย ผมหันไปมองรอบๆ ไม่รู้ว่าเราทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าโรงหนังกันตั้งแต่เมื่อไหร่

    คยูฮยอน

    ครับครู

    อยากดูเรื่องอะไร

    เอ๋...เราจะดูหนังกันเหรอครับ?

    ไหนๆ ก็วันหยุดทั้งที นายไม่อยากดูเหรอ

    เปล่าครับเปล่า จริงๆ แล้วผมมีเรื่องที่อยากดูอยู่ตั้งสองเรื่อง ซอมบี้ขยายพันธุ์ล้างจักรวาลก็น่าดูนะครับ แต่อีกใจผมก็อยากดูหนังผี

    ผมขมวดคิ้ว ลังเลว่าจะดูเรื่องไหนดี ผมก็ไม่ได้ดูหนังมานานแล้วจะได้ดูทีก็เดือนละครั้งแล้วก็นัดกันไปเป็นกลุ่มใหญ่กับเพื่อนที่ปูซานก่อนจะไปดูด้วยกัน วันนี้ครูใจดีจัง พาผมออกมาเที่ยว มาตัดผม ซื้อเสื้อให้ แถมยังพาดูหนังอีกด้วย

    นายกลัวผีหรือเปล่า

    ผมไม่กลัวครับ งั้นดูหนังซอมบี้กันดีไหมครับครู

    ครูพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินไปซื้อตั๋วหนังกับป๊อปคอร์นกล่องใหญ่และน้ำอัดลม ไม่นานนักเราก็เข้าไปอยู่ในโรงหนัง ไตเติ้ลเล่นไปไม่นานก็ได้ดูสมอยาก ผมตั้งใจดูให้คุ้มราคาบัตร ป๊อปคอร์นเข้าปากอย่างช้าๆ พอถึงช๊อตเด็ดก็หันไปสะกิดครูโดยไม่รู้ตัว

    ผมว่าฉากต่อไปนี้พี่สาวนางเอกต้องโดนกัดแน่นอนเลยครับครูผมกระซิบขณะสะกิดแขนครูเบาๆ ครูป้องปากแล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผมทั้งที่สายตาก็ยังมองจออยู่

    ไม่หรอก ครูว่าพระเอกต้องเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน

    ผมขมวดคิ้วเป็นปม ลุ้นกับหนังที่ดูอยู่จนครูหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ผมหันไปมองหน้าครูทั้งที่คิ้วยังผูกกันอยู่อย่างนั้นด้วยความไม่เข้าใจ หนังมันตลกตรงไหน ครูเส้นตื้นหรือว่าผมเส้นลึกกันนะ

    สุดท้ายก็เป็นอย่างที่ครูพูดครับ หนังจบแบบที่ครูทายไว้เป๊ะๆ สมกับที่เป็นครูจริงๆ ฉลาดในทุกๆ เรื่องจนผมยังต้องยอมรับ เราทั้งคู่เดินออกมาก่อนที่ผมจะบิดขี้เกียจเมื่อนั่งอยู่กับที่นานร่วมสองชั่วโมง พอออกมาจากห้างก็พบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว วันหยุดที่มีค่าของผมมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน

     

     


    พอกลับไปถึงบ้านก็เห็นพี่อารานั่งอยู่บนโซฟากับใครอีกคน พี่วิ่งเข้ามากอดพร้อมกับสำรวจร่างกายผมเสียยกใหญ่ในขณะที่ครูเดินเข้าไปทักทายผู้ชายคนนั้น

    ตัดผมใหม่เหรอ น่ารักจัง

    ครับ พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ

    เมื่อเย็นนี้เอง...มานี่สิพี่มีใครจะแนะนำให้เรารู้จักพี่อาราจูงมือผมไปนั่งบนโซฟาก่อนที่เธอจะหยัดตัวนั่งลงข้างๆ ผู้ชายคนนั้นอย่างแนบชิด

    ปาร์คยูชอนแฟนพี่เอง~”

    หา?

    ผมอุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้นก่อนจะชำเลืองตามองครูที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหลังพี่อารา

     


    เดี๋ยวสิครับ...แฟนเหรอ?

     


    แล้วครูล่ะครับ?ผมชี้ไปที่ครูด้วยความไม่เข้าใจ พี่อาราเป็นพวกจับปลาสองมือเหรอ ทำแบบนี้สงสารครูแย่เลยนะครับ

    อะไรกัน เราเชื่อที่พี่พูดด้วยเหรอพี่อาราหัวเราะคิกคักในขณะที่ผมงงเป็นไก่ตาแตก

    ก็พี่...

    โทษทีที่ทำให้นายต้องลำบาก อาราคงกวนนายไว้เยอะเลยสินะผู้ชายที่ชื่อปาร์คยูชอน...เอ่อ...แฟนพี่สาวผมนั่นแหละครับเขาหันไปคุยกับครูเฉยเลย นั่นก็รู้จักกันด้วยเหรอ

    ชินแล้วครูยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะหันมามองหน้าผม

    ทีหลังก็อย่าทำให้น้อยใจอีกสิพี่อารายู่ปากก่อนที่อีกคนจะดึงเข้าไปกอดอย่างออดอ้อน

    โอเค จะไม่ทำให้น้อยใจอีกแล้วสัญญาเลย ห้ามขนข้าวของหนีผมไปอีกนะ

    จะทำอะไรอายน้องนุ่งบ้างครูพูดแต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะไม่แคร์เลยสักนิด

     

     

     

    หลังจากนั้นเราก็กินมื้อค่ำกันครับ วันนี้ผมเข้าไปเป็นลูกมือครูจนได้อาหารมาสามสี่เมนู ระหว่างที่ทำอาหารครูก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำจนผมนึกเป็นห่วงหรือว่าครูจะเฟลที่ผู้ชายคนนั้นกลับมาหาพี่อารา แค่คิดผมก็เจ็บแทนครูแล้วครับ ครูเหมือนพระรองในละครที่แอบหลงรักนางเอกอยู่ แล้วแบบนี้ผมจะช่วยครูยังไงดีนะ

     

    จะย้ายกลับวันพรุ่งนี้เหรอ?

    ใช่เลย มีบินอีกทีก็มะรืน ฉันอยากอยู่กับยูชอนที่รักนานๆ ก่อนไป~”

    ตอนแรกเห็นบอกต่อให้นายมาคุกเข่าขอโทษก็จะไม่ยอมกลับไป แต่ไหงเป็นอย่างนี้ได้ก็ไม่รู้สิ...ครูหัวเราะในขณะที่พี่อารากำลังถลึงตาใส่ คงมีแต่ผมที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่เงียบๆ เหมือนรู้ว่าประโยคถัดไปคืออะไร...

    จะพาคยูฮยอนไปพร้อมกันเลยไหม?

    พี่ยูชอนถามจบ ช้อนส้อมที่อยู่ในมือผมก็ร่วงลงกระทบกับจานเซรามิกส์จนเกิดเสียงดังในทันที ทั้งสามคนหันมามองเป็นตาเดียวกันก่อนที่ผมจะหัวเราะแห้งๆ

    ขอโทษครับ มันลื่นน่ะ...

    คงต้องฝากไว้กับซีวอนอีกสักอาทิตย์ก่อน ขอเคลียร์งานภายในอาทิตย์นี้แล้วพี่จะรีบมารับเราเลย โอเคไหม?พี่อาราถาม ทุกคนกำลังรอคำตอบจากปากผม ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรไม่ถูก มันก็แค่ตอบไปว่า โอเคครับ เองไม่ใช่เหรอไม่เห็นจะยากอะไรเลย...แต่เพียงแค่ผมหันไปมองหน้าครูเท่านั้นแหละ คำพูดเหล่านั้นก็ถูกกลืนลงคอไปหมด

     


    ...ครับ

     


    จะได้อยู่ด้วยกันสักที ขอบคุณน๊าซีวอนที่นายดูแลน้องชายฉันเป็นอย่างดี นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลยล่ะ มั๊วะ!” พี่อาราจุ๊บแก้มในขณะที่ครูนั่งนิ่งเหมือนกับว่าชินชากับเรื่องเหล่านั้น

     




     

    อาหารวันนี้เป็นมื้อที่ทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนมากที่สุด...

     

     

     

    .

    .

     

     


    ผมเดินออกมานอกระเบียงพลางเงยหน้าขึ้นมองดาวที่กระจายอยู่เต็มท้องฟ้า ส่องแสงประกายระยิบระยับในขณะที่ดวงจันทร์หยุดนิ่งอยู่กับที่ ตอนเป็นเด็กผมเคยคิดว่าดวงจันทร์กำลังเคลื่อนตัวหนีไปแต่จริงๆ แล้วเป็นโลกต่างหากที่กำลังวิ่งหนีมันเหมือนผมในตอนนี้...

    ผมคิดว่าจะต้องมีสักวันที่ผมกับครูต้องแยกจากกัน เพราะผมคงอยู่รบกวนครูนานๆ ไม่ได้ ผมเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับครูแต่ทำไมถึงได้ใจหายอย่างนี้นะ เวลาแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่อยู่ด้วยกันมันทำให้ผมรู้สึกผูกพันกับครูได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ คงเป็นเพราะว่าครูดีกับผมมาก ใช่...มันต้องเป็นเหตุผลนี้แน่ๆ

    เฮ้อ...ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ปิดม่านระเบียงพลางเอนหลังพิงประตูที่เพิ่งปิดไปเมื่อครู่ ทอดสายตาไปรอบๆ ห้องที่ผมเคยคิดว่าคงได้อยู่ในห้องนี้ไปอีกพักใหญ่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะต้องจากที่นี่ไปเร็วขนาดนี้

    ก็แค่ย้ายไปอยู่กับพี่เอง ไปโรงเรียนก็ยังเจอครูนี่นาผมพูดปลอบใจตัวเองแล้วเดินไปนอนบนเตียง ห่มผ้าเสร็จสรรพพยายามข่มตาหลับแต่ก็ไม่เป็นผล พลิกตัวไปมาอยู่นานจนนึกรำคาญตัวเอง

    ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าแว่นบนหัวเตียงมาใส่ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อหาน้ำดื่ม หวังจะสงบสติอารมณ์ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร แสงไฟตรงห้องโถงยังเปิดสลัวๆ อยู่ ผมคิดว่าครูคงยังนอนไม่หลับเหมือนกับผม เพราะปรกติแล้วก็เห็นครูนอนดึกอยู่ตลอด ผมเดินเข้าไปข้างในเผยให้เห็นร่างของครูนอนหลับอยู่บนโซฟาพร้อมกับหนังสือที่อยู่ในมือ

     


    สงสัยคงนอนอ่านหนังสือจนเผลอหลับไป...

     


    ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหยัดตัวนั่งลงบนพื้นตรงหน้าโซฟาพร้อมกับเอนหลังพิง ชันเข่าเข้าหาตัวพร้อมกับกอดมันเอาไว้เหมือนกับเด็กมีปัญหาและมันก็คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมกำลังมีปัญหาที่คิดไม่ตกอยู่ล่ะครับ...

    ตอนนี้ครูหลับไปแล้ว แต่ผมกลับมานั่งจมปุกอะไรตรงนี้ก็ไม่รู้ จ้องมองใบหน้าครูอยู่อย่างนั้นราวกับว่าสิ่งที่ทำอยู่จะทำให้ความรู้สึกที่ว้าวุ่นในหัวใจนั้นจางหายไปได้

     

     

    ทำไมยังไม่นอนอีกหืม?

     

     

    ผมเบิกตาโพลงเมื่อจู่ๆ ครูก็ตื่นขึ้นมา ผมมองครูที่กำลังยิ้มให้ทั้งที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ด้วยความรู้สึกผิด

    ขอโทษครับ ผมทำให้ครูตื่นใช่ไหม

    ไม่หรอก ครูแค่พักสายตาน่ะ

    ...งั้นเหรอครับ ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่มือแกร่งจะวางลงบนหัวผมพร้อมกับลูบเบาๆ

    สีหน้านายไม่ค่อยดี เป็นอะไรหรือเปล่า?

    ...ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าตัวเองเป็นอะไร แต่มันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก

    อยากระบายให้ครูฟังไหม?

    ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วขยับเข้าหาครู

    ผมกำลังใจหายที่ต้องไปจากที่นี่ครับพอผมพูดจบครูก็หัวเราะ เป็นอีกครั้งที่เขาหัวเราะออกมาไม่ว่าเรื่องนั้นจะตลกหรือไม่

    ถ้าอยู่กับอารา นายคงมีความสุขมากกว่านี้

    ...ที่ครูพูดมันก็ถูก แต่ผมยังไม่รู้นี่ครับว่าตอนนี้กับอนาคตอะไรจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่ากัน

    สีหน้าของครูลดไปเล็กน้อย เขามองหน้าผมก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นมือมา ผมจับมือแกร่งเอาไว้ก่อนที่ครูจะดึงผมขึ้นไปนั่งข้างๆ

    เข้าใจพูดนะ

    ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับครูนะครับผมทำหน้าจริงจังก่อนที่ครูจะขำพรืดอย่างกับว่าเรื่องที่ผมพูดไปมันเป็นเรื่องตลก อะไรกันเล่า คนกำลังจริงจังอยู่นะครับ

     

     

    ครูเองก็มีความสุขที่ได้อยู่กับนายเหมือนกัน

     

     

    ผมเงยหน้าขึ้นมองครูอย่างไม่เข้าใจ มือแกร่งบีบจมูกผมเบาๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดปลอบ ครูเอนตัวไปมาเหมือนกับโอ๋เด็ก ตอนนี้ผมกำลังทำตัวไม่ถูกกับอ้อมกอดที่ได้รับ ได้เพียงแค่กอดตอบหลวมๆ พร้อมกับซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง...ได้ผล...กอดของครูทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ ในขณะที่หัวใจของผมมันหล่นวูบลงไปแล้ว

    ครูครับ

    หืม?

    ตอนที่พี่อาราบอกว่าเป็นแฟนครู ผมไม่เห็นว่าครูจะปฏิเสธสักคำเลย

    หมายถึงอธิบายให้นายเข้าใจว่าครูกับอาราไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ

    ใช่ครับ

    ตอนนี้นายก็รู้แล้วนี่...

    ผมก็คิดว่าครูชอบพี่อารามาตลอดซะอีก

    เพี้ยนแล้ว เราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน พี่สาวนายดันทะเลาะกับยูชอนจนหอบข้าวหอบของหนีมาอยู่ที่นี่แล้วมันก็เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่นายย้ายขึ้นมาอยู่โซลพอดีไง

    เฮ้อ ผมล่ะก็เป็นห่วงกลัวว่าครูจะต้องเจ็บซะอีกผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ถือว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งเลยล่ะครับ

    สิ่งที่ทำให้ครูเจ็บที่สุดก็คือการฝืนใจตัวเอง...ซึ่งกับอารามันไม่ใช่

    เอ๋?

    ช่างมันเถอะ เอาล่ะ ไปเข้านอนกันได้แล้วเด็กน้อยครูพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนและไม่ลืมที่จะยื่นมือมาให้ ผมยิ้มกว้างแล้วจับมือครูเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้นไปตามแรงดึงของอีกฝ่าย

     


     

     

    นั่นสินะครับ...ต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นก็...

    ช่างมันเถอะ

     

     



     

     

    .

    .

     




    ผมกับเพื่อนๆ เดินออกมาเรียนพละในสนามฟุตบอลก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตึกหนึ่งที่มีนักเรียนยืนมุงอยู่แถวนั้น

    พวกนั้นมุงดูอะไรกันหว่า...ฮยอกแจพูดพลางชะเง้อหน้ามองก่อนจะสะกิดให้มินโฮวิ่งไปดู ไม่นานนักมินโฮก็วิ่งกลับมาพร้อมกับสีหน้าแตกตื่น

     




    แย่แล้ว ครูซีวอนโดนฝ่ายปกครองเรียกไปคุย!”

     




    ผมเบิกตากว้างก่อนจะรีบวิ่งไปในห้องปกครองที่มีกลุ่มนักเรียนยืนมุงอยู่ ผมเดินแหวกผู้คนเข้าไป ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากรอเวลาจนกว่าครูจะเดินออกมาจากห้องนั้น นานมาก...แต่ครูก็ไม่เดินออกมาสักที เสียงซุบซิบของคนรอบข้างทำให้ผมพอรู้อะไรมากขึ้น...

     

    ได้ยินมาว่าครูซีวอนกำลังเดทกับนักเรียนคนหนึ่งอยู่ เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายด้วย

    ว่าไงนะ เดทงั้นเหรอ?

    ใช่น่ะสิ ล่าสุดไปดูหนังด้วยกันมา มีซื้อเสื้อผ้าให้ด้วย แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร

     

    ...............

    ขาของผมหยุดนิ่งกับที่ ไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย คำพูดเหล่านั้นยังคงก้องอยู่ในหัวผม เด็กผู้ชาย ที่ว่ามานั่นมันผมไม่ใช่เหรอ...

    เฮ้ คยูฮยอน นายโอเคไหมฮยอกแจสะกิดไหล่ผมเพื่อเรียกสติ

    ...............

     

     



     

    โจคยูฮยอน ปีสามห้องบีเชิญที่ห้องปกครองด้วยค่ะ

     

     

     


    หือ... ฮยอกแจมองหน้าผมเมื่อเสียงประกาศสิ้นสุดลง ผมหันไปยิ้มบางๆ ให้กับคนข้างๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องปกครองท่ามกลางเสียงซุบซิบ

     

     

    ภายในห้องแอร์เย็นจนเรียกได้ว่าหนาว ผมเห็นครูยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยที่มีอาจารย์ฝ่ายปกครองนั่งจ้องอยู่ ผมเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ครูพร้อมกับโค้งหัวให้อาจารย์ฝ่ายปกครอง

    นายคือโจคยูฮยอนสินะ

    ครับ...

    รู้ไหมว่าฉันเรียกนายมาทำไม

    ................ ผมไม่ตอบ ได้เพียงแค่ชำเลืองมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เท่านั้น

    คยูฮยอนเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

    จะไม่เกี่ยวได้ยังไงกัน ก็ภาพมันเห็นๆ กันอยู่มือเรียวโยนรูปถ่ายมาตรงหน้า รูปถ่ายนั้นคือผมกับครูที่กำลังเดินเลือกซื้อเสื้อด้วยกันแล้วก็รูปเราทั้งคู่ที่ยืนอยู่หน้าโรงหนัง

    มันแปลกตรงไหนเหรอครับที่ผมจะพาน้องชายของเพื่อนสนิทไปซื้อของในวันหยุด

    ..................

    ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดพอที่จะทำลายชื่อเสียงสถาบันแห่งนี้ คยูฮยอนก็เหมือนน้องชายของผมเราจะไปเที่ยวกันในวันหยุดบ้างผมว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะในเวลาเรียนผมก็คือครูสอนคณิตศาสตร์...ส่วนคยูฮยอนก็คือนักเรียน

    ผมรู้สึกกลัวไปหมด อาจเป็นเพราะอุณหภูมิในห้องนี้ที่หนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่เคยเห็นครูจริงจังขนาดนี้มาก่อน บอกตามตรงว่าผมกำลังจะเป็นบ้าเพียงแค่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด...

     

     





    เพราะผมคนเดียว...

     




     

     

    .

    .

     

     


     

    พอกลับมาถึงบ้านผมก็ยังคงพบปัญหาอย่างต่อเนื่อง...ตอนนี้พี่อารากำลังคุยกับครูอยู่ ผมได้แค่ยืนหลบอยู่หลังประตูห้องและแอบฟังเขาคุยกันเท่านั้น

     

    ว่าแต่เรื่องที่โรงเรียนโอเคหรือยัง?

    ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ทางนั้นก็เข้าใจผิดเพราะมีคนไปใส่ไฟ อีกอย่างคยูฮยอนก็เป็นเด็กผู้ชายเลยไม่มีปัญหาอะไรมาก

    ฉันต้องขอโทษนายจริงๆ นะซีวอน

    ไม่เป็นไรน่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว

    ไม่เป็นไรได้ไงกัน นายเกือบถูกไล่ออกเพราะน้องชายฉันนะ ไม่รู้แหละ...พรุ่งนี้ฉันจะมารับคยูฮยอนไปอยู่คอนโดด้วยกันจะได้เลิกเป็นภาระสร้างปัญหาให้นายสักที

    ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับคยูฮยอน เธออย่าโทษน้องสิ

     

     


    เสียงพูดคุยยังแว่วเข้ามาในห้อง ผมค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง มีอะไรที่ผมทำได้บ้างในตอนนี้ ผมเป็นภาระของครูอย่างที่พี่อาราพูดจริงๆ นั่นแหละ...ผมเม้มริมฝีปากแน่นพลางปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ สุดท้ายแล้วผมก็กลั้นมันไว้ไม่ไหว ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเหลืออด เด็กอย่างผมจะไปทำอะไรได้ ผมเสียใจที่ทำให้ครูต้องลำบาก คำว่าขอโทษของผมมันคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ผมรู้...

     


     

     

     

    แต่ผมก็แค่อยากอยู่กับครู...ไม่ได้เหรอครับ...

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ปัง...

    ผมเงยหน้าขึ้นมองใครอีกคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้อง มือทั้งสองข้างรีบปาดน้ำตาออกก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับครูที่กำลังเดินเข้ามาหา

    ร้องไห้ทำไม

    ..................

    เหมือนกับโดนจี้จุดอ่อน เพียงแค่ได้ยินครูถามแบบนั้นผมก็เริ่มตาแดงรื้นขึ้นมาอีกครั้ง ครูโอบใบหน้าผมเอาไว้พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล้น้ำตาออกให้อย่างเบามือ ผมหลับตาพริ้มปล่อยให้สัมผัสของครูนั้นช่วยบรรเทาความเศร้าในใจออกไป

    ผม...ผมขอโทษ...ขอโทษนะครับครู... สะอื้นจนตัวโยน ก้มหน้าร้องไห้พร้อมกับโค้งหัวให้ครูด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอก

    ขอโทษอะไรกัน มันไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย

    ผม...ผมขอโทษ...

    .............

     

    รู้สึกตัวอีกทีร่างของผมก็ถูกครูดึงเข้าไปกอดเสียแล้ว ถึงอ้อมกอดของครูในตอนนี้มันกำลังทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับยินดีที่จะให้ครูกอดต่อไป...

    นายไปอยู่ที่นั่นก็ระวังด้วยล่ะ...อย่าไปเที่ยวทำกางเกงในตกให้ใครเก็บอีกนะ

    .................

    กับข้าวไม่ต้องทำเยอะขนาดนั้นเพราะอารากับยูชอนเป็นพวกชอบเข้าร้านอาหารมากกว่าทำกินเองที่บ้าน

    .................

    พอถึงตอนนั้นครูคงมีงานแบ่งให้ช่วยทำอีกเยอะ...ถ้าเกิดว่านายว่างๆ ก็แวะเข้ามาหาครูบ้างแล้วกัน

    ครูค่อยๆ ผละตัวออก เป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่ารอยยิ้มของครูมันดูฝืนต่างไปจากทุกครั้ง เขาขยี้หัวผมก่อนจะหันหลังให้ ครูกำลังเดินไปที่ประตู...ผมได้เพียงแค่มองตามแผ่นหลังของเขาที่กำลังเดินจากผมไป...

    ผมคิดถึงพี่อารา ผมรอเวลาที่จะได้อยู่กับเธอมาตั้งกี่ปี...แต่ในตอนนี้...

     

     

     

     


    ผมอยากอยู่กับครูมากกว่าครับ...

     

     

     

     

     

    ผมวิ่งเข้าไปคว้าข้อมือครูเอาไว้นั่นทำให้เขาหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าประตู...มือผมค่อยๆ เลื่อนลงจนหยุดอยู่ที่ชายเสื้อของครูพลางกำชายเสื้อเอาไว้พร้อมกับก้มหน้าลง ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกทั้งผมและเขาได้เพียงแค่ปล่อยให้ความเงียบกัดกินความรู้สึกไปเรื่อยๆ

     

    ถึงผมจะเป็นตัวปัญหาและทำให้ครูต้องเดือดร้อน...

    .............

    แต่...

    .............

    “ให้ผม...อยู่กับครูได้ไหมครับ

    มือของผมยังคงดึงชายเสื้อราวกับว่ามันจะรั้งครูไว้ได้ มันเป็นคำพูดเอาแต่ใจที่น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ไม่มีทางเลยที่ครูจะตอบตกลงกับสิ่งที่ผมได้พูดออกไป...ผมเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย นั่นอาจจะเป็นคำตอบของครูก็ได้...

     

     


    ว่าครู...ไม่ต้องการผม

     


     

    ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อครูกำลังเอี้ยวตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากัน ผมไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่านัยน์ตาคู่นั้นกำลังมองผมแบบไหน ครูอาจจะรำคาญคำขอจากเด็กอย่างผมก็เป็นได้หรืออาจจะนึกสงสาร เห็นใจแต่ยังไงผมก็ยังอยากได้ยินจากปากครูอยู่ดี

     

    ผม...อยากอยู่กับครูครับ

    .............

    .............

     

    ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับครูก่อนที่ใบหน้าคมจะค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้ มือแกร่งโอบใบหน้าผมเอาไว้ก่อนที่เปลือกตาผมจะปิดลงอย่างช้าๆ เมื่อริมฝีปากของครูแตะลงบนริมฝีปากของผม...ความรู้สึกในตอนนี้มันยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด ทั้งเสียใจ สับสน และไม่เข้าใจปะปนกันไปหมด ผมได้เพียงแค่ยืนนิ่งๆ และปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไป...

    แย่แล้วล่ะครับ...ตอนนี้หัวใจผมมันเริ่มเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ เพียงเพราะว่าครูรั้งเอวผมเข้าไปกอดแนบแน่น มือข้างหนึ่งของครูนั้นรั้งท้ายทอยผมเอาไว้ก่อนที่ลิ้นร้อนจะแทรกเข้ามา...นี่เป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันว่ามันจะเกิดขึ้น ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะโดนครูจูบแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้รังเกียจหนำซ้ำกลับรู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาดอีกด้วย หัวใจของผมที่ก่อนหน้านี้มันกำลังเจ็บช้ำนั้นมันกำลังถูกเยี่ยวยาโดยอ้อมกอดและรสจูบของครู...



     

    อาจจะเป็นอย่างที่ฮยอกแจบอกก็ได้...

    ที่ว่าผม...กำลังชอบใครสักคนอยู่...

     




    ครูผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งทั้งที่ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามริมฝีปากของผมอย่างทนุถนอม สายตาของครูยังไม่ละห่างไปไหน ผมเห็นเงาตัวเองอยู่ในม่านตานั่น...บอกตามตรงว่าผมยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเสี้ยวนาทีที่ผมพอจะจำอะไรได้ สมองมันขาวโพลนไปหมดกับจูบแรกที่มันเป็นของครู...

     

     

     




     

    ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับนายว่าต้องการที่จะอยู่กับครู...หรือว่าเลือกที่จะไป

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

    TALK

    มาม่าทั้งตอนเลยอ่ะ...

    มาจูบกันแบบนี้คราวหน้าจะทำยังไงคะครู

    คงรู้แล้วมั้งว่าคิยูจะตอบครูซีวอนว่าอะไร . _.

    ตอนหน้าไม่มีดราม่าแล้วนะ จูบแรกผ่านไปแล้ว จะมีจูบครั้งที่สองมั้ยอ่ะ

    (เขิน) #บ้าไปละ เขียนเองเขินเอง

    ขอโทษที่เขียนงงๆ นะคะ พอดีว่าง่วงมาก นอนไปสามชั่วโมงอีกแล้ว

    สตรีนางนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยพลังแสงอาทิตย์แน่ๆ orz

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×