ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu KangJo | Resident Evil { Remake}

    ลำดับตอนที่ #6 : PART 5 : 2611

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 55


      

     

     

     

     

     

    คยูฮยอน...”

    เด็กหนุ่มอีกครั้ง ไม่อยากส่งเสียงดังในสถานการณ์หน้าขวานแบบนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าเกิดพวกเหล่าผีดิบแห่กันเข้ามาหาเขาที่นี่ ที่ๆ ไร้หนทางออก ขายาวก้าวถอยหลังออกมาพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องน้ำทั้งห้าห้องที่ยังคงปิดสนิทอยู่...ซีวอนเดินไปหยุดที่หน้าห้องแรกทางด้านขวามือก่อนจะชักปืนพกออกมาอีกครั้งแล้วเล็งไปยังประตูห้องน้ำ มือข้างที่ว่างอยู่ค่อยๆ ดันเข้าไปอย่างระมัดระวัง

     

     

    แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า...

     

     

    ประตูห้องที่สองคือประตูที่เขาพึ่งพังไปเมื่อครู่และถัดมาประตูที่สาม...ตามความน่าจะเป็นแล้ว โจคยูฮยอนน่าจะอยู่ในห้องนี้เป็นแน่

     

     

    แอ๊ด......

    เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างเด็กหนุ่มที่หมดสติอยู่ในสภาพกึ่งนอนกึ่งนั่ง เปลือกตาหนาปิดลงพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก เก็บปืนเข้าที่ก่อนจะเข้าไปดูอาการเด็กหนุ่ม

    คยูฮยอนมือแกร่งตบใบหน้าเรียวเบาๆ เป็นเชิงเรียกสติก่อนจะพลิกซ้ายขวาดูว่าคยูฮยอนโดนกัดหรือเปล่าแต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร

     

    อาจจะช็อคจนหมดสติ...คงไม่มั้ง...

     

    ให้ตายเถอะ... นอนหมดสติอย่างนี้แล้วคงไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากต้องแบกคยูฮยอนขึ้นหลัง ท่ามกลางฝูงเหล่าผีดิบที่ต้องฝ่าไปให้ถึงสถานีตำรวจและเขาคงต้องมีสติให้มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวจะชั่งใจไปไม่ได้

     

     

    ครืดดด....ครืด...

     

    ว่าไง

    ตอนนี้ทางเราเจาะระบบเข้าไปด้านในได้แล้วครับหัวหน้า

    ดีมาก...ว่าแต่หมวดยุนโฮไปถึงที่นั่นหรือยัง?

    ยังครับ...แต่จ่าชิมกำลังพยายามติดต่ออยู่

    ยังไงก็ติดต่อเขาให้เร็วที่สุด ผมกำลังจะรีบไป

    เดี๋ยวครับหัวหน้า! หมวดยุนโฮมาถึงพอดี

    เรียกเขามาคุยกับผม

    รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างที่เพื่อนสนิทของเขายังคงปลอดภัย ชองยุนโฮ เพื่อนรักเพื่อนตายของเขา..

     

    ซีวอน

    ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง

    ข้างล่างนั่นมีผีดิบเต็มไปหมด กว่าฉันจะฝ่าออกมาจากตรงนั้นได้ก็ลำบากเอาเรื่องเลยล่ะ ถ้ารอดออกไปจากที่นี่ได้เห็นทีว่าไอ้โล่เกียรติยศที่จะได้รับนั่นคงน้อยเกินไป เห็นทีต้องแถมตั๋วเที่ยวบินไปกลับรอบโลกสักร้อยล้านวอนแถมมาด้วยถึงจะคุ้ม เหอะ...

     

    พูดติดตลกกลบเกลื่อนซึ่งฟังแล้วก็พอรู้ว่ายุนโฮกำลังลำบากใจกับเรื่องที่ได้เจอมาสักแค่ไหน เราได้รับข่าวสารการแพร่เชื้อเมื่อตอนห้าโมงเย็น...ต้นเหตุเกิดจากไหนนั่นไม่มีใครรู้

     

    S.T.A.R.S. แบ่งออกเป็นสามทีม...

    ทีมของชเวซีวอน

    ทีมของชองยุนโฮ

    และทีมของปาร์คกาอิน

    ทีมของปาร์คกาอินได้ถูกส่งไปเป็นทีมแรกก่อนที่เหตุการณ์เชื้อไวรัสจะแพร่ระบาดไปทั่วทั้งกรุงโซลผ่านไปเป็นชั่วโมงโดยไร้การติดต่อเลยต้องส่งทีมของชองยุนโฮไปสังเกตการณ์ถึงได้เจอกับฝันร้ายที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้พบ ทีมของชเวซีวอนเห็นท่าไม่ดีจึงยื่นเรื่องขอกำลังเสริมเข้าไปช่วยทีมของยุนโฮ แต่สถาณการณ์ในตอนนี้มันยากที่จะหยุดยั้งและแก้ไข...เชื้อไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนทางรัฐบาลยังต้องอพยพหนี...

     

     

    โดยที่ไม่แจ้งข่าวให้ประชาชนตาดำๆ ได้รับรู้ถึงภัยพิบัติที่กำลังมาเยือนเลย...

     

     

    แล้วพบเบาะแสตามที่ได้รับมอบหมายหรือเปล่า?

    มากกว่าที่คิด...

    ...............

    เล่าวันนี้ก็ไม่หมด นายต้องได้มาเห็นมันกับตาว่ะพวก...

    อืม...เข้าใจแล้ว

     

     

    เก็บวิทยุสื่อสารไว้กับสนับขาก่อนจะประคองร่างโปร่งให้ขี่หลัง ผ่อนลมหายใจออกทางปากเบาๆ ตั้งสติให้ดีเตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ...

     

     

     

    อยากจะรู้นัก...ว่า Umbrella ซ่อนอะไรไว้ข้างในนั้น...

     

     

     

     

    .

    .

     

     

    ความเจ็บปวด...

    มันจะกัดกินหัวใจไปเรื่อยๆ และอยู่กับคุณไปจนถึงวันตาย

     

     

     

    ...คุณ

    เฮ้....

    ได้ยินผมไหม?

     

     

    เสียงแว่วเข้ามาในโสตประสาท นัยน์ตาคมค่อยๆ ลืมขึ้นเห็นเพียงแค่ภาพสีขาวลางๆ มองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยชัด...กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสภาพสายตาก่อนจะหันไปเห็นหน้าใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    คุณ

    ..................

    ได้ยินผมไหม?

    ดะ...ได้ยิน...อึ่ก... เมื่อร่างโปร่งพยายามจะลุกขึ้นนั่งก็ต้องทิ้งตัวนอนลงไปอีกครั้ง นักวิทยาศาสตร์หนุ่มถอนหายใจก่อนจะหยิบไฟฉายขนาดเล็กขึ้นมาไว้ในมือ

    นอนนิ่งๆ ลืมตาค้างไว้ ทำตามที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย นัยน์ตาคมหยีลงเล็กน้อยเมื่อกระทบกับแสงสว่างจากไฟฉาย

    เอาล่ะ ทีนี้ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ประคองร่างอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่ง มือเรียวกุมขมับที่มีผ้าก๊อตสีขาวพันไว้พลางหลับตาลงเมื่อความเจ็บปวดแล่นขึ้นสมอง

    ชายหนุ่มในชุดกราวน์เดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จ้องมองการเคลื่อนไหวของคนตรงหน้าก่อนจะหันไปมองซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวง

     

    คุณชื่ออะไร

    จองซู...ปาร์คจองซู...

    จริงๆ ผมก็ไม่ควรถามคำถามนี้แต่เห็นแล้วก็อดที่จะถามไม่ได้

    ................. จองซูฉายแววสงสัยเมื่ออีกฝ่ายยันตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์

    คุณเป็นตำรวจหน่วยสตาร์...ที่กำลังเข้ามาหาร่องรอยหลักฐานของอัมเบรลล่า...?

    อัมเบรลล่า...? คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย...อัมเบรลล่าคืออะไร...แล้วร่องรอยหลักฐานที่พูดถึง?

    ไม่ใช่สินะ...งั้นผมขอถามอะไรคุณสักสองสามข้อ ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มพลางหมุนเก้าอี้หันเข้าหาร่างโปร่ง

    ..................

    คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่?

    ผม....

    ..................

    ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้...เราตั้งใจจะมาหากระสุนและขอความช่วยเหลือจากสถานีตำรวจแต่สุดท้ายก็พบเพียงแค่ซากศพเดินได้ สิ้นสุดประโยคคิมจงอุนก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นั่นสร้างความหงุดหงิดให้กับจองซูเล็กน้อย

     

    มีอะไรน่าขำหรือไงกัน?

     

    ให้ตายเถอะ...ที่คุณพูดว่า เรานั่นน่ะใครเหรอ?

    รู้อยู่เต็มอกว่าเรา ที่พูดถึงนั้นคือใคร...แต่ถ้าจะให้พูดออกไปตอนนี้ใช่ว่าคนหน้าตาซื่อๆ อย่างจองซูจะเชื่อ...พอพูดจบก็ใบ้กินกันเลยสิ ท่าจะยังเสียใจกับโศกอนาฏกรรมเมื่อครู่...

     

    .....ผมยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน

    น้องชาย...อ่า...นี่หรือเปล่านะ นิ้วเรียวกดแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญก่อนที่ภาพบนจอจะฉายขึ้นมา จองซูกุมหัวตัวเองแล้วค่อยๆ เดินมาหยุดอยู่ข้างคิมจงอุนก่อนจะถลาเข้าหาจอมอนิเตอร์เมื่อเห็นทงเฮอยู่ในนั้น

     

    ทงเฮ!! ทงเฮ!!”

     

    หยุดแหกปากร้องสักทีเถอะน่า ต่อให้นายตะโกนจนกล่องเสียงแตกหมอนั่นก็ไม่ได้ยินหรอก

    ............. ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากแน่น ดีใจที่ทงเฮยังมีชีวิตอยู่แต่...

    นั่นใครกัน...ในนี้มีคนอื่นด้วยเหรอครับ?

    หืม? ซูมภาพเข้าไปใกล้ก่อนที่ระบบจะประมวลผลออกมา...ดร.จงอุนสบถเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดล็อคเกอร์พร้อมกับหยิบปืนลูกซองออกมาสองกระบอกแล้วยื่นให้กับตำรวจหนุ่ม

    เราต้องรีบไปช่วยน้องชายคุณเดี๋ยวนี้ ก่อนที่เนเมซิสจะเห็นพวกเขาเข้า...ให้ตายเถอะ ขืนอธิบายตอนนี้น้องคุณได้เป็นศพก่อนแน่ๆ!”

    ผมพร้อมแล้ว ชักปืนเตรียมพร้อมที่จะลุยกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ดร.จงอุน หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดสวิตซ์เปิดประตูแล้วมุ่งหน้าไปยังลิฟท์ฉุกเฉิน

     

     

     

    ก่อนหน้านี้อาวุธของอัมเบรลล่า...อืม ผมหมายถึงเนเมซิสน่ะ หน้าที่ของมันคือไล่กวาดล้างหน่วย S.T.A.R.S. ซึ่งคุณเองก็น่าจะเห็นมันกับตามาแล้ว

    รวมถึงผมด้วยสินะ พูดพลางมองไปยังรอบๆ

    ดร.จงอุนกำปืนไว้แน่น ใช่ว่าเขาจะถนัดกับไอ้สิ่งที่เขาถืออยู่ วันๆ ที่เขาหยิบจับก็มีแค่แก้วกาแฟ คีบอร์ด เมาส์ และอาหารจานด่วนเท่านั้นแหละ

    ใช่ แต่พอไวรัสเริ่มกระจายตัวขึ้น เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็เริ่มแตกตื่น พวกที่คิดจะเอาตัวรอดสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นศพเดินได้เหมือนพวกนั้น

    แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่

    เพราะผมรู้ดีว่าถ้าเกิดผมคิดจะหนี...พวกเขาก็คงเก็บผมด้วยเช่นกัน

    พวกเขา...?

     

     

    พวก...อ๊ากกกกกกกก!!!”

    เกาะเอาไว้!!”

     

     

    ยังไม่ทันอธิบายเรื่องราวทั้งหมดลิฟท์ที่พวกเขาทั้งคู่อยู่ก็ถูกโจมตีจากทางด้านบน คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธของอัมเบรลล่าที่ไล่ปลิดชีวิตเขา...จองซูเล็งปืนส่องขึ้นไปบนเพดานของตัวลิฟท์พลางมองไปยังตัวเลขที่นับถอยหลังลงอย่างรวดเร็ว...ได้โปรด...ถึงสักทีเถอะ...

     

     

    ติ๊ง!!

    ลิฟท์เปิดออกพร้อมกับร่างผีดิบของอดีตนักวิทยาศาสตร์สองสามตัวที่อยู่เบื้องหน้า ตำรวจหนุ่มเล็งมันไปที่หัวโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดก่อนจะระเบิดสมองซากศพตรงหน้าในทันที คิมจงอุนที่ถือปืนมาด้วยได้แค่วิ่งตามปาร์คจองซูหัวซุกหัวซุนพลางหันหลังกลับไปมองสัตว์ประหลาดที่ทะลุลงมาจากเพดานลิฟท์

     

    วิ่ง!!”

    กำลังวิ่งอยู่นี่ไง! โธ่เอ๊ยให้ตายเถอะ ฉันกำลังวิ่งหนีตายไปกับหน่วยสตาร์ว่ะ แกไม่รอดแน่จงอุน แกไม่รอดแน่!”

    ทั้งวิ่งหนีตายทั้งสบถกับตัวเอง รู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขานั้นไม่ถูกกับหน่วยสตาร์ ตำรวจกลุ่มนี้มีแต่จะเข้ามาล้วงไส้ล้วงพุงนักวิทยาศาสตร์มดงานอย่างเขาที่ทดลองเชื้อไวรัสชีวภาพขนาดทำลายล้างเมืองๆ หนึ่งได้ ถ้าเกิดท่านประธานรู้เรื่องนี้เขาคงโดนเด็ดหัวทิ้งเป็นแน่

    ลำพังเขาก็เป็นเพียงแค่นักวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะเก่งสักแค่ไหนแต่ถ้าคิดทรยศหรือถอนตัวเมื่อไหร่ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น

     

    นะ...นั่นไงพวกเขาอยู่ตรงนั้น...แฮ่ก...แฮ่ก... ชี้ไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีชายหนุ่มสองคนกำลังเดินมา จองซูเห็นอย่างนั้นแล้วก็เอี้ยวตัวหันหลังกลับตั้งหลักเพื่อต่อสู้กับตัวประหลาดที่กำลังมุ่งมาที่เขาทั้งสอง

    คุณไปช่วยน้องชายผม

    วะ...ว่าไงนะ??

    ไป!!!”

     

    จงอุนเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะฮึดกัดฟันวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้

    ร่างโปร่งหายใจเข้าลึกๆ พลางหลับตาลงตั้งสติก่อนจะตั้งปืนเล็งไปข้างหน้า หลับตาข้างหนึ่งเพื่อให้พิกัดชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนอีกข้างหนึ่งจดจ้องอยู่กับสัตว์ประหลาดที่กำลังเคลื่อนไหวเข้ามาด้วยความเร็วสูง

     

    เข้ามาเลย...

     

    ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

    กระสุนลูกซองยิงสัตว์ประหลาดตนนั้นเข้าอย่างจังไม่มีพลาด แต่มันแข็งแรงเกินกว่าที่จองซูจะยืนต้านทานไหว ขาเรียวก้าวถอยหลังเป็นจังหวะในขณะที่บางสิ่งกำลังเข้ามาใกล้ กระสุนลูกซองมีเจ็ดนัด มันคงไม่ดีแน่ถ้าเกิดเขาฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้ด้วยกระสุดเท่านี้และเขาเองคงไม่มีเวลามายืนบรรจุกระสุนใหม่เสียด้วย

     

    พี่!!!” เสียงตะโกนเรียกของน้องชายทำให้จองซูชะงักไปครู่หนึ่งและเป็นจังหวะที่สัตว์ประหลาดตนนั้นกระโจนเข้าหาหมายจะเอาชีวิตจนเขาล้มลงไปกับพื้น

     

    ปัง!!!

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!!”

     

    สัตว์ประหลาดรูปร่างน่าเกลียดล้มลงไปนอนบนพื้นก่อนที่เลือดสีเขียวเข้มจะค่อยๆ ไหลออกมาตามบาดแผล กระสุนนัดสุดท้ายฟลุ๊คเข้าที่กลางหัวมันพอดีโดยฝีมือนักวิทยาศาสตร์ที่ไร้ประสบการณ์เรื่องยิงปืน...จองซูนอนราบบนพื้นคอนกรีตพลางหอบหายใจ ชั่ววินาทีเดียวที่เขาเกือบไปเยี่ยมยมโลกทำให้เขาแทบหมดแรง ดร.จงอุนเข้าไปพยุงเด็กหนุ่มที่ทงเฮประคองมาด้วย ก่อนที่ร่างหนาจะวิ่งเข้าไปดูอาการพี่ชาย

     

    พี่!”

    ทงเฮ...สวัสดี ร่างโปร่งยิ้มออกมาทั้งที่ยังหอบหายใจอยู่ ทงเฮประคองพี่ชายให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับสำรวจร่างกายอีกคนด้วยความเป็นห่วง

    พี่ไม่เป็นไรนะ?

    พี่ไม่เป็นไร...ขอบใจนะ ดีใจที่ได้ยินทงเฮเรียกว่าพี่

    ผมว่าเรารีบขึ้นไปที่ห้องแลปเถอะ...อยู่ที่นี่แล้วหวาดเสียวพิลึก... จงอุนพยุงร่างบางให้เดินมาหาพี่น้องทั้งสอง จองซูค่อยๆ ลุกขึ้นยืนโดยได้ความช่วยเหลือจากน้องชายก่อนจะพยักหน้ารับ

     

     

    .

    .

     

    วางร่างบางที่ดูหมดเรี่ยวแรงลงบนเตียงเหล็ก ได้เพียงแค่ปรือตามองชายหนุ่มทั้งสามที่ยืนมองเขาด้วยความเป็นห่วง

     

    คุณไปหิ้วเขามาจากไหนน่ะ?

    สักที่...ที่ๆ เหมือนกับห้องนี้ ทงเฮตอบทั้งที่สายตายังมองอีกคนที่นอนอยู่บนเตียง

    คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร

    “...ผมไม่รู้หรอก

    เขาไม่ใช่มนุษย์

    ทุกคนเบิกตากว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้นรวมไปถึงเจ้าตัวด้วย...เด็กหนุ่มผมบรอนด์นอนขดตัวอยู่บนเตียงด้วยความหนาวเหน็บ เรื่องราวที่ได้ยินมันทำให้เขาสับสนและหวาดกลัว

     

    เขาคือร่างโคลนนิ่งของ ดร.อีอึนฮยอก ชื่อว่า 2611

     

    2611 งั้นเหรอ?

    ใช่ การทดลองที่สองพันหกร้อยสิบเอ็ด ดร.อีอึนฮยอกแอบทดลองอยู่ลับๆ โดยที่ไม่ให้ใครรู้นอกจากผม...ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกับเขา สีหน้าของ ดร.จงอุนเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงใครอีกคน

    เชื้อไวรัสทำให้ 2611 ดูเหมือนมนุษย์กึ่งสัตว์ประหลาด ถ้าคุณโชคดีคงได้เห็นโมเม้นนั้นของ 2611 บ้างแล้ว...ใช่ไหม? หันไปถามทงเฮที่ยืนอยู่ข้างๆ

    ร่างหนาเดินถอยหลังพลางเสยผมขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ เขาเห็นเต็มตาว่ามนุษย์โคลนนิ่งรหัส 2611 ได้ฆ่าแมงมุมยักษ์ด้วยมือข้างเดียว...ซึ่งเขามั่นใจว่านั่นมันไม่ใช่มือของมนุษย์แน่นอน

    เท่ระเบิดไปเลยสิ... 2611 น่ะน่าทึ่งเอาเรื่องเลยนะ ไหนจะมีความรู้สึก เรียนรู้สภาวะรอบข้างได้เป็นอย่างดี อีอึนฮยอกก็เป็นอย่างนี้แหละ เขามักจะคาดฝันอยู่เสมอว่าโคลนนิ่งของเขาจะเหมือนกับพี่น้องฝาแฝดที่ตายไปเมื่อห้าปีที่แล้ว...

    ...นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ

    แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?

    อืม...ไม่รู้สิ...อาจจะรอยิงหัวผมอยู่แถวๆ นี้ก็ได้...หรืออาจจะกำลังสอดส่องดูพวกเราทางกล้องวงจรปิด... เดินไปหยุดหน้าล็อกเกอร์แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาหนึ่งชุดแล้วโยนให้กับทงเฮ

    ...............

    แล้วคุณจะทำยังไง จะอยู่ที่นี่ไปถึงเมื่อไหร่? ทงเฮถามพร้อมกับประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วช่วยสวมชุดให้ ร่างบางเบือนหน้าหลบไปอีกทาง รู้สึกรังเกียจตัวเองอยู่ไม่น้อย

    ถ้าผมหนีไปก็คงไม่รอด ไม่มีพื้นฐานเรื่องอาวุธเลยสักนิด ผมก็เลยพยายามแฮ็คข้อมูลทำเนียบขาวอยู่

    เพื่ออะไร?

    ...อีกสามชั่วโมงข้างหน้านี้นิวเคลียร์สามลูกจะระเบิดล้างกรุงโซล

    พระเจ้า...

    บ้าไปแล้ว นี่คือวิธีแก้ไขของคนพวกนั้นงั้นเหรอ? มันต้องมีทางที่ดีกว่านี้สิ!” ร่างหนาเตะโต๊ะวางเครื่องมือที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยอารมณ์โทสะในขณะที่จองซูเองก็เครียดไปไม่ต่างจากเขา

    นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดของอัมเบรลล่าแล้วล่ะ ทำลายหลักฐานทุกอย่าง

    ผมเห็นคุณพูดมาตั้งนานแล้ว อัมเบรลล่าคืออะไร? จองซูถาม

    อัมเบรลล่าคือบริษัทผลิตเวชภัณฑ์ยาไปจนถึงการทดลองทางทหาร อาวุธชีวภาพร้ายแรง ที่ๆ พวกเรายืนอยู่ตรงนี้คือชั้นใต้ดินของสถานีตำรวจ เป็นที่ๆ เหล่านักวิทยาศาสตร์ใช้ทดลองเชื้อไวรัสและพัฒนาไปจนถึงมนุษย์กลายพันธุ์พิเศษอย่างเนเมซิส ในทีแรกก็เริ่มทดลองกับสัตว์ตัวเล็กเช่นหนู กระต่าย สุนัข ตามลำดับไปจนถึงสิงโต...อย่าง 2611 ได้รับการทดลองจนร่างกายขัดแย้งกับไวรัสจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ผมเชื่อว่าอีอึนฮยอกต้องกลับมารับตัวเขาแน่นอน

    แล้วถ้าคุณแฮ็คข้อมูลสำเร็จแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? ยังไงทางทำเนียบขาวก็ต้องส่งนิวเคลียร์มาอีกครั้งแน่ๆ ทงเฮแย้ง

    อย่างน้อยเราก็มีเวลาหนีได้มากขึ้นไม่ใช่อีกสามชั่วโมงข้างหน้านี้แต่ถ้าโชคร้าย...ตอนนี้ไวรัสอาจเดินทางไปถึงทำเนียบขาวแล้ว

    บ้า...บ้าไปแล้ว...คุณเองก็ด้วย คิดอะไรอยู่ถึงได้สร้างอะไรแบบนั้นขึ้นมาน่ะ? ทงเฮชี้หน้านักวิทยาศาสตร์หนุ่มอย่างหัวเสีย ตอนนี้เขากำลังสติแตกจนยากที่จะควบคุมได้

    ผมก็แค่ทดลองไปตามหน้าที่ อย่างน้อยไวรัสพวกนั้นมันก็มีทางแก้ มีบวกก็ต้องมีลบ จริงไหม?

    ทงเฮกับจองซูหันมามองหน้า ดร.จงอุนด้วยความสงสัยในขณะที่เขากำลังยืนยิ้มกริ่ม นัยน์ตาเรียวพลันหันไปเห็นจอมอนิเตอร์ก่อนจะกรูเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ในทันที

     

    โว้วๆๆ พวกคุณมาดูนี่สิ

    จองซูเข้าไปยืนข้าง ดร.หนุ่มอย่างรู้งานในขณะที่ทงเฮนั้นไม่มีกระใจจะทำอะไรต่อไปอีกหลังจากได้ยินเรื่องราวบ้าๆ นั่น ร่างหนาจ้องหน้าร่างบางตาไม่กระพริบพลางถอนหายใจ

    คุณรังเกียจผม

    ผมเปล่า เบือนสายตาหลบไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า

    จะฆ่าผมมั้ย

    ถ้าผมจะทำ ผมทำไปนานแล้ว ทงเฮพูด ร่างบางเอนตัวลงนอนทั้งที่ยังมองหน้าอีกคนไม่ห่าง

    ตอนนั้นคุณยังไม่รู้ว่าผมไม่ใช่คน แต่ตอนนี้ คุณ...รู้

    ได้โปรด...ให้ผมอยู่เงียบๆ ทีเถอะ

    ปล่อยผมไป ให้ผม...อยู่ห่างๆ พวกคุณ ร่างบางพูดเสียงนิ่ง ทงเฮหลับตาลงแสร้งทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่อีกคนพูด

     

     

    เห็นนั่นไหม? นักวิทยาศาสตร์หนุ่มตบหน้าขาดังฉาดพลางชี้ไปยังจอมอนิเตอร์ที่ฉายภาพตำรวจสองกลุ่มที่ฉายอยู่คนละจอ

    นั่นมัน...

    มีกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล...ผมสามารถแทรกสัญญาณวิทยุหาเขาได้ ถ้าเกิดเราคิดจะหนีไปจากที่นี่ผมว่าถ้าได้ตำรวจกลุ่มนั้นไปด้วยคงมีโอกาสรอดเยอะกว่า

    งั้นก็จัดการเลย

    ขอเวลาผมหน่อย...

    จองซูพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินกลับไปหาน้องชายและมนุษย์โคลนนิ่งที่นอนอยู่บนเตียง เห็นสีหน้าทงเฮก็พอจะรู้ คงเฮคงหวังดีช่วยร่างบางออกมาแต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายน่ะไม่ใช่มนุษย์

     

    คุณตำรวจร่างบางละสายตาจากทงเฮก่อนจะหันไปมองหน้าร่างโปร่ง

    ครับ?

    เขาคุยกับคนรู้เรื่อง หมายเลข 2601 เคยจูบกับอีอึนฮยอกมาแล้ว จงอุนพูดทั้งที่สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ ฟังแล้วน่าขนลุกไม่ใช่เล่น นอกจากจะเป็นมนุษย์โคลนนิ่งแล้วยังจูบกับตัวจริงอีกหรือ

    คุณต้องฆ่าผม...ตั้งแต่ตอนนี้ ร่างบางหยัดตัวลุกขึ้นเงยหน้ามองตำรวจหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

    ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง

    ไม่งั้น...ผมอาจจะทำร้ายพวกคุณ ร่างบางพูดเสียงแผ่วก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน

    ไม่หรอก คุณจะไม่ทำแบบนั้น จองซูระบายยิ้มออกมาพร้อมกับวางมือไว้บนไหล่บางทั้งสองข้าง

    จะเรียก 2611 ก็คงประหลาดเกินไป...งั้นก็เรียกเขาว่าอีฮยอกแจแล้วกัน

    อีฮยอกแจ? ทงเฮขมวดคิ้วพลางหันไปถาม ดร.จงอุนที่กำลังง่วนอยู่หน้าจอ

    ใช่ ชื่อของน้องชายฝาแฝดอึนฮยอกน่ะ ทั้งคู่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ฮยอกแจเป็นคนขี้โรคและตายด้วยโรคมะเร็ง อึนฮยอกเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยชีวิตฮยอกแจไว้ได้ทั้งที่พยายามทดลองไวรัสแล้ว...แต่ก็ไม่ทัน

    อี...ฮยอกแจ ร่างบางสบถชื่อนี้เบาๆ จู่ๆ ภาพต่างๆ ก็ประมวลขึ้นมาในหัว ภาพสมัยที่อีอึนฮยอกกับอีฮยอกแจเคยมีร่วมกัน โตมาด้วยกันไปจนกระทั่งงานศพของอีฮยอกแจ

     

    2611

    ...ครับ

    คุณโอเคนะ? จงอุนเบนความสนใจจากจอมอนิเตอร์มาหาร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

    ผม...เห็นภาพ

    ไม่แปลก...อะไรที่อึนฮยอกเคยมีคุณอาจจะจำได้บ้าง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดหรอก อย่าลืมสิว่าคุณคือโคลนนิ่งของเขา

    ...ผมเข้าใจแล้ว

     

     

    เห็นทีจะต้องสุ่มติดต่อ...ถ้าโชคดีก็ติดคนกลุ่มนั้น แต่ถ้าโชคร้ายหน่อยก็คง...

    จงอุนขมวดคิ้วมองไปยังอีกจอที่เห็นตำรวจหนุ่มร่างสูงที่เดินอยู่พร้อมกับแบกใครอีกคนไว้ข้างหลัง ยังไงเสีย...คิมจงอุนก็ต้องการตำรวจหมู่มากดีกว่าตำรวจนายหนึ่งที่มาพร้อมกับภาระอยู่แล้ว...

     

     

    เพราะเขาไม่ต้องการตายอยู่ในนี้...นั่นคือสิ่งที่คิมจงอุนบอกตัวเอง 






















    TALK


    บ้าไปแล้วอ่ะ  บ้าไปแล้ววววววววว
    (ติดจากทงเฮ) 

    งงกันเลยดิ ไม่ได้อัพนานมาก จนคิดว่าบางคนคงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เป็นยังไง
    555555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×