คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : สัญญา
Chapter 3
สัญญา
“38 องศา...ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่าแกนอนอยู่อย่างนี้ตลอด?” ฮยอกแจถามใครอีกคนที่นอนคว่ำซุกหน้าลงกับหมอน มือเรียวถือปรอทวัดไข้เอาไว้ก่อนจะเอามันมาเคาะหัวอีทงเฮที่กำลังปรือตามองเขาเบาๆ
“ก็มันลุกไม่ไหว ไม่คิดว่าจะป่วย...แต่ก็ขอบใจที่มานะ”
“ถ้าฉันไม่มาแกก็จะนอนไปเรื่อยๆ ไม่ลุกมาหาอะไรกินเลยสินะ” ฮยอกแจส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นไปค้นตู้ยา ก็เอะใจตั้งแต่แรกว่าทำไมทงเฮมันไม่ยอมรับสายไหนจะไม่ไปเรียนด้วยเลยมาหาที่บ้าน สุดท้ายก็เห็นมันนอนแอ้งแม้งเหมือนศพรอตำรวจมาเจอ แถมยังมีซากกล่องนมแมวสีชมพูที่ทิ้งเกะกะอยู่บนโต๊ะนั่นด้วย คาดว่าทงเฮคงฝืนตัวลุกขึ้นมาหาอะไรให้ลูกแมวกินแล้วปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนั้น
“นี่กี่โมงแล้ว...”
“บ่ายสาม”
“เอานมเจ้าตัวเล็กกินที...” ทงเฮพลิกหน้าหันไปอีกข้างก็พบว่าลูกแมวตัวเล็กกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เขา ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ
“หิวแล้วใช่ไหม ทั้งคู่นั่นแหละ” เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงพร้อมกับนั่งลงยองๆ สบตากับคนป่วย ทงเฮพยักหน้าหงึกก่อนจะหลับตาลงเมื่อถูกร่างบางขยี้หัวเบาๆ
ฮยอกแจลุกขึ้นใช้มือข้างหนึ่งอุ้มเจ้าตัวเล็กออกมา ตากลมโตของลูกแมวตัวเล็กกระพริบปริบๆ ก่อนจะเดินไปเลียนมในถ้วยที่เขาเตรียมไว้ให้ ทงเฮหยัดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เส้นผมชี้โด่เด่สภาพเหมือนวันนี้จะไม่รอด
“อยากกินอะไร”
“รามยอนสำเร็จรูปฝีมือแก...” ยิ้มตาปิดก่อนจะเซล้มไปนอนอีกครั้งเมื่อถูกเพื่อนสนิทผลักหัวเข้าให้ ทงเฮหัวเราะชอบใจก่อนจะดึงผ้าห่มเย็นๆ ขึ้นมากอดหวังว่ามันจะดูดซับความร้อนจากร่างกายเขาไปได้บ้าง
“ฉันก็ทำอย่างอื่นนอกจากรามยอนเป็นเหมือนกันนะ ทำไมถึงชอบกินอะไรที่มันธรรมดาๆ นักล่ะ”
“อะไรที่มันพิเศษก็เอาไว้กินกับคนพิเศษสิ” ฮยอกแจที่กำลังตั้งหม้ออยู่ในครัวถึงกับคิ้วกระตุกที่ได้ยินอย่างนั้น เอี้ยวหน้าหันไปเล็กน้อยแล้วก็แค่นหัวเราะ เออ...งั้นก็กินอะไรที่มันธรรมดาไปจนแก่ตายเถอะว่ะ
“ซีวอนล่ะ”
“ไม่รู้มันดิ เห็นวันนี้มันไม่ค่อยพูดไม่รู้เป็นอะไร”
“เมาค้างหรือเปล่า...”
“ถ้ามันเมาค้าง ป่านนี้คงไม่ได้เห็นเหง้าหน้ามันที่มหาลัยลัยหรอกครับคุณอีทงเฮ”
“อ่า...นั่นสินะ” ทงเฮเอื้อมมือลงมาอุ้มเจ้าตัวเล็กที่กำลังเดินมาหาเขาพร้อมกับส่งเสียงอ้อน วางมันไว้ตรงแผงอกแล้วเล่นกับลูกมันเหมือนกับทุกครั้ง
“อิ่มแล้วใช่ไหมหืม?”
“เมี๊ยว...”
“ทำไมวันนี้ดูหงอยๆ ล่ะ เป็นห่วงฉันเหรอ?” คุยกับลูกแมวราวกับว่าสื่อสารกันรู้เรื่อง ฮยอกแจเดินออกมาพร้อมกับหม้อรามยอน วางมันลงบนโต๊ะแล้วทงเฮก็คลานลงมานั่งฝั่งตรงข้ามเขาเหมือนกับผีดิบโดยสัญชาติญาณ
“ทำไมถึงไม่สบาย”
“ตากฝนมา”
“ทำไมถึงตากฝน” ถามทั้งที่ไม่มองหน้าเพื่อนสนิทพร้อมกับก้มลงไปคว้าเอาตัวลูกแมวมาวางไว้บนตักแล้วเกาคางให้ ทงเฮหยิบฝาหม้อมาเป็นที่รองก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเส้นรามยอนขึ้นสูง
“เมื่อวานขากลับบังเอิญเจอคยูฮยอนน่ะ ก็เลยไปส่งที่หน้าหอ”
“หืม? แกน่ะนะไปส่งคยูฮยอน?”
“ใช่...ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน” คีบเส้นรามยอนไว้แล้วทำหน้าคิด สักพักก็ยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น ฮยอกแจเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู อีทงเฮมันป๊อดมาตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเลยสงสัยว่าไปเอาความกล้าแบบนั้นมาจากไหน
“มันบังเอิญจริงๆ ที่ตอนนั้นฝนตก...แล้วคยูฮยอนก็กำลังวิ่งหาที่หลบฝน”
“อืม...เรื่องบังเอิญที่แกสร้างขึ้นมาตลอดหกเดือนมันเกิดจนได้สินะ” ฮยอกแจยิ้มขำเมื่อนึกถึงแผนการของทงเฮที่มันสร้างไว้ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ
ที่ว่าถ้าเกิดเดินผ่านหอสมุดร้อยครั้งก็อาจบังเอิญเจอคยูฮยอนสักครั้งหนึ่ง...
และในร้อยครั้งนั่นอาจจะมีสักครั้งที่เขาจะได้เจอ...และหยุดคุยทักทายกันสักประโยค...
“แต่มันก็คุ้มค่านะ”
“เดินไปส่งถึงหอพักแบบนั้นแกชวนน้องคุยไปกี่ประโยคล่ะ?” ฮยอกแจถาม พอเห็นเพื่อนสนิทดีใจเขาก็ดีใจด้วย ไม่อยากให้มันเศร้านานมากไปกว่านี้ สีหน้าของทงเฮดูเหมือนคนมีหวังราวกับว่าอีกไม่ช้าทุกอย่างต้องดีขึ้น
“ก็ไม่กี่ประโยคหรอก แต่นั่นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่เหรอ?”
“คราวหน้าแกต้องกล้ามากกว่านี้สิ ทำอย่างกับคนไม่รู้จักกันไปได้ แกน่าจะรู้จักนิสัยน้องดีที่สุดนะ” ฮยอกแจส่ายหน้ากับความปอดแหกของทงเฮ
“อืม...ถ้าเจอกันคราวหน้าฉันจะชวนเขาคุยให้ได้”
“เออ เลิกทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้ได้แล้ว บางทีคยูฮยอนอาจจะรอให้แกไปง้ออยู่ก็ได้”
“แกคิดอย่างนั้นเหรอ?” ทงเฮเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เขาพยายามกระเดือกเส้นรามยอนฝีมือเพื่อนสนิทลงไป
“อาจจะ...ระวังเถอะ ถ้าแกช้าไปกว่านี้เกิดมีคนมาจีบน้องขึ้นมาแล้วจะทำไง”
“....................”
“หกเดือนมันนานมากพอแล้วมั้งทงเฮ”
“....................”
“แค่วินาทีเดียว...มันก็เรียกว่าสายเกินไปได้เหมือนกัน จำเอาไว้นะ”
.
.
“คยูฮยอนไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอกล่ะพี่จะได้ให้แกนอนพักอยู่ที่ห้อง” พี่รหัสเอ่ยถามพร้อมกับขยี้หัวรุ่นน้องที่นั่งยิ้มด้วยสีหน้าป่วยๆ ขณะที่เขาและสายรหัสกำลังนั่งดื่มกันอยู่ที่ร้านเหล้าหลังมหาลัย
“นิดหน่อยครับพี่ เมื่อวานผมลืมกินยาดักไว้ แต่ผมยังโอเคนะ”
“ไม่ไหวก็บอกล่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่หอ”
“พี่กาอินครับ...พี่เป็นผู้หญิงนะ” คยูฮยอนยิ้มขำกับท่าทางห้าวๆ ของพี่รหัส เธอยักคิ้วให้เขาก่อนจะหันไปดื่มกับคนอื่นๆ
เมื่อตอนกลางวันพอหลับไปได้สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ได้ยินเสียงพี่รหัสแว๊ดๆ เข้ามาในสายก็เลยต้องลุกจากเตียงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่คิดว่านอนทั้งวันนั่นแหละคือสิ่งที่เขาอยากทำ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วยิ่งพยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ยิ่งฟุ้งซ่านเลยออกมาดื่มตามคำเชิญของพี่รหัส
“ไอ้เยซอง!”
“อะไรพี่” เจ้าของชื่อหันไปถามพี่รหัสของคยูฮยอนทั้งที่ค้างอยู่ในท่ายื่นแก้วให้ มือเล็กแย่งแก้วจากมือเยซองมาวางไว้แล้วเท้าสะเอว
“เห็นไหมว่าคยูฮยอนมันไม่สบายอยู่”
“เห็นพี่”
“ใส่น้ำแข็งก้อนเดียวให้มันสิ”
“55555555555555555555555555555555”
“คนไม่สบายจะให้ดื่มเย็นๆ ได้ไง นี่มันโง่หรือโง่วะ”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนรอบข้างคยูฮยอนก็ยิ้มออกมาจนได้ เขาหัวเราะก่อนจะรับแก้วใหม่มาซึ่งไม่รู้ว่าการลดปริมาณน้ำแข็งเนี่ยมันจะช่วยได้ไหม...ยกแก้วขึ้นดื่มไปนิดหน่อยแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง จะเป็นใครไม่ได้อีกนอกจากคนที่ทำให้เขาต้องคิดมากตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้...คยูฮยอนเดินออกมาหน้าร้านเพื่อหลีกหนีเสียงอึกทึกคึกโครมทางด้านใน
“ครับพี่ซีวอน”
( เราไม่ได้อยู่หอเหรอ? )
“...ผมมาดื่มกับสายรหัสน่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
( ดื่มที่ไหน? )
“....................”
( ตอนนี้พี่อยู่หน้าหอนาย พี่จะไปที่นั่นได้ยังไง )
“พี่...มาหาผมทำไมเหรอครับ”
...ไม่เข้าใจ จะมาหาเขาทำไมกัน...
( พี่ไม่รู้...รู้แค่ว่าตอนนี้พี่อยากเจอนาย )
“.....................”
( นายไม่อยากเจอพี่เหรอคยูฮยอน? )
ร่างโปร่งเดินกลับเข้าไปในร้าน ไม่อยากรับรู้อะไรอีก บางทีเขาก็ควรแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรบ้าง...เพื่อปกป้องหัวใจตัวเองไม่ให้ถลำลึกมากไปกว่านี้ เพราะตอนนี้โจคยูฮยอนชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าถ้าได้เจอซีวอนอีกครั้งเขาจะยังมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ใจได้ไหม
ทั้งที่ถูกทิ้งให้รอ...แต่กลับไม่โกรธเลยสักนิด...
และที่เขากำลังทำอยู่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการหลบหน้า...ใช่...เขากำลังทำอย่างนั้นแหละ
ทำยังไงก็ได้...เพื่อให้เขารู้สึกกับชเวซีวอนเพียงแค่รุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น
“พี่รหัสเรียกผมแล้วล่ะครับ...”
( นายยังไม่ตอบคำถามพี่เลยนะ )
“ไว้ค่อยคุยกันนะครับ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว...ผมว่าพี่กลับบ้านไปนอนพักผ่อนเถอะ” พอเดินกลับเข้าไปในร้าน ยังไม่ทันถึงโต๊ะแขนของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้ ใบหน้าเรียวหันกลับไปมองอีกฝ่ายทั้งที่มืออีกข้างยังคงถือโทรศัพท์อยู่ นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของใครอีกคน ร่างสูงยืนหอบ หยาดเหงื่อไหลซึมลงมาตามโครงหน้าท่ามกลางสายตาของเพื่อนและพี่รหัสที่นั่งมองเขาทั้งคู่อยู่
มือแกร่งยังคงทาบโทรศัพท์มือถือไว้ที่ข้างหู...นัยน์ตาของเขาจ้องมาด้วยแววตาจริงจังไม่หลงเหลือคราบผู้ชายทะเล้นอย่างที่โจคยูฮยอนรู้จัก...
“เพราะถ้าพี่อยากเจอ...พี่ก็ต้องเจอให้ได้”
“.......................”
.
.
จนถึงตอนนี้...
พี่ซีวอนก็ยังคงกุมข้อมือผมไว้เหมือนในทีแรก...
มือของเขาชุ่มเหงื่อ...แต่ผมกลับรู้สึกดีกับสิ่งที่เป็นอยู่...
“นายตัวร้อน” ถามทั้งที่สายตาทอดมองออกไปข้างหน้า ตอนนี้เขาทั้งคู่เดินไปตามถนนเส้นเล็กที่ไม่มีรถขับผ่านไปมาอย่างเช่นตอนกลางวัน คยูฮยอนมองข้อมือตัวเองแล้วถึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่เดินอยู่ข้างๆ เขา
“ผมเป็นคนตัวอุ่นตลอดเวลาอยู่แล้วน่ะครับ...”
“เมื่อเช้านายบอกพี่ว่าไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงออกมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ล่ะหืม?” ใบหน้าคมเอี้ยวหันมาถามอีกฝ่าย เขาสบตากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดยืนอยู่กับที่
“แต่ผมก็บอกพี่เหมือนกันนี่ครับ ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“จะมากหรือน้อยยังไงนายก็ไม่สบายอยู่ดี สิ่งที่นายควรทำคือนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนะรู้ไหม” เปิดผมม้าอีกคนขึ้นก่อนจะเอาหลังมือทาบลงไป คยูฮยอนจ้องหน้าร่างสูงอยู่อย่างนั้น ตอนนี้...เขากำลังรู้สึกดีที่ถูกคนตรงหน้าใส่ใจ...
“พี่เป็นห่วงผมเหรอครับ”
“...ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิครับ...เห็นว่าพี่เหงื่อออกผมเลยคิดว่าบางทีพี่อาจจะวิ่งมาหาผม...”
“ถ้าได้ยินคำตอบแล้วนายจะยิ้มกว้างๆ ให้พี่ดูเหรอไง?” ริมฝีปากหยักยิ้มบางๆ ก่อนที่มือแกร่งจะค่อยๆ คลายออกพร้อมกับเลื่อนลงมาสอดประสานกันเอาไว้แล้วเดินไปข้างหน้า...
กระชับแน่น...หากแต่ร่างโปร่งกลับไม่กล้าจับมือตอบ...
“...ครับ” น้ำเสียงผะแผ่ว...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังหวั่นไหวกับการกระทำและคำพูดของซีวอน คยูฮยอนงุดหน้าลงเมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มให้เขา
ทำไมนะ...ทำไมความรู้สึกแย่ที่เคยมีอยู่มันหายไปได้ง่ายดายขนาดนี้?
“พี่เป็นห่วงนายจนนอนไม่หลับ...ทั้งที่พยายามข่มตาแล้ว”
“.....................”
“แค่รู้ว่านายกำลังนอนป่วยอยู่ในห้อง...พี่ก็อยากจะมาดูแลถึงที่นี่ ให้เห็นกับตาว่านายสบายดีไม่ได้แย่อย่างที่คิด”
“.....................”
“ฟังดูบ้าๆ นะ ทั้งที่เรายังไม่ได้สนิทอะไรกันถึงขนาดนั้นสักหน่อย” คยูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่อีกฝ่ายกระชับมือเขา...
ราวกับซีวอนจะย้ำเตือนให้คนข้างๆ รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ จะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีก...
“ผม...”
“หืม?”
“อยู่กับผมบ่อยๆ พี่ไม่เบื่อเหรอครับ” ถามทั้งที่ไม่หันไปมองอีกฝ่าย คยูฮยอนเลือกที่จะมองถนนเบื้องหน้ายามค่ำคืนเสียมากกว่า เขาไม่อยากเห็นสีหน้าซีวอนตอนตอบคำถามนี้
“ทำไมพี่ต้องเบื่อนายด้วยล่ะ”
“ผมเป็นคนน่าเบื่อ คุยไม่เก่ง บางครั้งเวลาใครมีปัญหาแล้วเลือกที่จะมาปรึกษาผม...แต่ผมกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย”
“ฮะๆ ถ้าพี่มีปัญหานายจะทำยังไงหืม?”
“ผมจะนั่งเงียบๆ ให้พี่ระบายมันออกมาจนกว่าพี่จะสบายใจครับ”
“ก็ดีกว่าหลบหน้าล่ะนะ...” พูดพร้อมกับชำเลืองตามองอีกคน คยูฮยอนหดคอลงรู้สึกเหมือนโดนประชดเล็กน้อย มือที่ถูกกุมเอาไว้ค่อยๆ ขยับสอดประสานตอบเหมือนกับความรู้สึกของเขาที่กำลังเปิดใจรับซีวอนอีกครั้ง จะได้ไหมนะ...ถ้าเกิดเขาจะเปิดใจให้คนๆ นี้
เพราะถ้าเลือกที่จะรักใครสักคนอีกครั้ง...
ผมก็ต้องพร้อมที่จะรับความเจ็บปวดในวันข้างหน้าด้วยนั่นคือสิ่งที่ผมควรบอกตัวเอง...
“นายชอบดื่มเหล้าเหรอ?”
“เปล่าหรอกครับ ผมก็ดื่มบ้างเวลาพี่รหัสนึกอยากดื่มน่ะ”
“อืม...”
“ทำไมเหรอครับ?”
“สถานที่แบบนั้นมันมีแต่ของไม่ดี พี่ไม่อยากให้นายไปอยู่ตรงนั้น” ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าหอพักของคยูฮยอน ตอนนี้ก็ดึกพอที่จะให้เขายืนคุยกันตามลำพังโดยที่ไม่มีใครออกมาเห็น
“พี่ไม่ชอบให้ผมดื่มเหรอ”
“ถ้าพี่บอกว่าไม่ชอบ...นายจะทำตามที่พี่ขอเหรอ?” ร่างสูงมองคยูฮยอนพร้อมกับยิ้มบางๆ มือแกร่งเอื้อมขึ้นมาหยิกแก้มอีกคนแล้วกระชับเสื้อแขนยาวให้
“.....................”
“สัญญาสิ...ว่าจะไม่ไปเมาในสถานที่แบบนั้น” ซีวอนชูนิ้วก้อยขึ้นมาระดับใบหน้าร่างโปร่ง...คยูฮยอนมองนิ้วเรียวเพียงครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย
คำๆ นั้นมันสามารถผูกมัดคนหนึ่งไม่ให้ไปไหนได้...ซึ่งเขาก็รู้
แต่โจคยูฮยอนก็อยากให้คำสัญญากับคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเลยก็ตาม...
“ครับ...ผมสัญญา”
.
.
พอแน่ใจในความรู้สึกตัวเองแล้ว...
ผมก็อยากจะลองเริ่มต้นใหม่กับคนๆ หนึ่ง...
คนที่ผมอคติกับเขามาตลอดโดยไร้เหตุผล...
บ่ายวันต่อมา...
ใครคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับชั้นหนังสือเกี่ยวกับเรื้องลี้ลับ ทั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่าถ้าจะเอาเวลามาอ่านหนังสือพวกนี้สู้ให้เขาไปอ่านเทเลทับบี้เสียยังจะดีกว่า...แต่พอมีความรักทุกอย่างก็ดูโอเคไปเสียหมด เห็นนิยายฆาตรกรรมเป็นสิ่งน่าค้นหา เห็นนิยายรักเป็นเรื่องน่าทึ่ง นี่มันไม่ใช่ชเวซีวอนเลยสักนิด
จะว่าเห่อก็คงใช่...พอเลิกวิ่งหนีความรู้สึกตัวเองแล้วชเวซีวอนก็กล้าทำอะไรได้อย่างเปิดเผย อยากพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ...
จนลืมนึกถึงอะไรไปบางอย่าง...
รอคยูฮยอนมาเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่มาสักที ไม่ได้นัดกันเอาไว้ล่วงหน้า แต่คิดว่ายังไงคยูฮยอนก็ต้องมาที่นี่ พยายามเดาใจอีกฝ่ายเพื่อความพอใจส่วนตัว คิดว่าถ้ารู้ใจคยูฮยอนมากเท่าไหร่เขาก็มีสิทธิ์เอาชนะใจได้มากเท่านั้น...เดินออกไปข้างนอกเพื่อดักรอดูคยูฮยอนเดินเข้าไปในหอสมุด ไม่นานนักคนที่รออยู่ก็เดินเข้าไปข้างใน ทิ้งระยะห่างไว้เพียงแค่สิบห้านาทีร่างสูงก็เดินตามเข้าไป แสร้งทำเป็นว่าเขาเพิ่งมาถึงแล้วบังเอิญเจอคยูฮยอนพอดี
ซีวอนโบกมือให้กับคนที่กำลังเดินกลับไปนั่งที่พร้อมหนังสือสองเล่มแล้วเดินเข้าไปหา คยูฮยอนโค้งหัวเล็กน้อย จู่ๆ เขาทั้งคู่ก็ยิ้มคะเขินให้กันราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มออกเดท
“บังเอิญจังเลยนะ มานานแล้วเหรอ?”
“สักสิบนาทีเห็นจะได้ครับ พี่ล่ะ?”
“พี่เพิ่งมาถึงเอง ข้างนอกรถติดมากเลยล่ะ” แถเป็นเรื่องเป็นราวหน้าตาเฉย
“อืม...รถคงติดมากจนขยับไปไหนไม่ได้เลยใช่ไหมครับ”
“ใช่เลย” ซีวอนดีดนิ้วเมื่ออีกคนพูดเสริมขึ้นมา คยูฮยอนยิ้มขำก่อนจะลุกขึ้นยืน
“จะไปไหนเหรอ?”
“ซื้อน้ำน่ะครับ...ผมเห็นรถพี่จอดอยู่ใต้ตึกนานแล้วคิดว่าพี่คงรอนานจนคอแห้ง” คยูฮยอนกลั้นหัวเราะก่อนจะเดินสวนออกไป ซีวอนอ้าปากค้างกับประโยคที่ได้ยิน คยูฮยอนรู้ได้ยังไงว่าเขาจอดรถอยู่ตรงนั้นนานแล้ว พอจะหันกลับไปถามคยูฮยอนก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าและน้ำอัดลมอย่างละขวด
“นายรู้ได้ยังไงว่ารถพี่จอดอยู่ข้างล่างนานแล้วน่ะ” ยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ ขณะที่คยูฮยอนกำลังเปิดฝาขวดให้เขา
“คาบที่แล้วผมเรียนอยู่ตึกข้างๆ นี่น่ะครับ หันไปแล้วเจอพอดี...”
ซีวอนตบหน้าผากตัวเองพลางถอนหายใจ ไม่เคยรู้สึกเสียฟอร์มแบบนี้มาก่อน ถ้าเกิดคยูฮยอนล้อเขาบ้างมันอาจจะรู้สึกดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ โธ่เอ๊ย...
“ดื่มสิครับ...รถติดมาเป็นชั่วโมงดูท่าพี่จะยังไม่ได้ดื่มน้ำเลย” คยูฮยอนเม้มริมฝีปาก ซีวอนลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ ร่างโปร่งที่กำลังทำท่าเหมือนจะหลุดขำออกมาเสียให้ได้ มือแกร่งเอื้อมมือไปบีบจมูกคนตรงหน้าเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันไปมองรอบข้างที่ตอนนี้คนแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
“สรุปพี่รอผมจริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ถ้าบอกว่าใช่ นายจะสำนึกผิดด้วยวิธีไหนล่ะ”
“ทำไมผมต้องสำนึกผิดด้วยล่ะครับ...ผมไม่ได้ขอให้พี่มานั่งรอผมนะ” คยูฮยอนหันไปมองคนข้างๆ ที่นั่งเบียดเขาอยู่...มันใกล้กันจนผิดปกติเกินไปแล้ว
“ก็พี่มารอนาย มันก็ต้องเป็นความผิดของนายสิ”
“เอาแต่ใจนี่ครับ...”
ซีวอนหัวเราะแล้วสบตากับอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างกันอยู่ไม่เท่าไหร่...ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบไม่มีผู้คนเดินเพ่นพ่าน ไม่มีแม้กระทั่งเสียงรองเท้าส้นสูงของบรรณารักษ์และอาจจะเป็นเพราะมุมอับ...
เลยทำให้ชเวซีวอนกล้าโน้มใบหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากอีกคน...เพียงแผ่วเบา
“.....................”
คยูฮยอนนั่งนิ่งประสานมือไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ตั้งหลักกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นัยน์ตาเรียวไม่แม้แต่จะกระพริบราวกับมีใครมาหยุดเวลาตอนนี้เอาไว้...ใบหน้าคมผละริมฝีปากออกพร้อมกับยิ้มมุมปาก คยูฮยอนไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นกลัวอะไรอย่างที่เขาคิด แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
“ห้ามวิ่งหนี แล้วก็ห้ามเกลียดพี่ด้วย เข้าใจไหม?” ชี้หน้าเป็นเชิงสั่งหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบโต้อะไรกลับมา แถมยังนั่งนิ่งเหมือนในทีแรก ซีวอนเพ่งมองเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่แก้มของอีกฝ่ายจะเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา
ริมฝีปากหยักยิ้มพอใจเมื่อเห็นสีหน้าคยูฮยอนในตอนนี้...อีกทั้งนิ้วเรียวที่กำลังบีบคลึงมือตัวเองเพื่อคลายความตื่นเต้นที่เป็นอยู่อีก...
น่ารัก...
“.................”
“นายไม่ได้ตัวอุ่นตลอดเวลาสักหน่อย...อย่างน้อยก็ในตอนนี้” น้ำเสียงที่พูดแผ่วเบาลงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน มือแกร่งเลื่อนไปกุมมือที่กำลังเย็นเฉียบเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลาย
“ถ้ายังไม่พูดอะไรแบบนี้...พี่จะจูบอีกครั้งแล้วนะ” พูดจบก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จ้องมองอยู่ครู่เดียวเปลือกตาบางก็ปิดลงเพื่อรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ...กดจูบแช่เอาไว้ก่อนจะค่อยๆ ไล้เล็มริมฝีปากอิ่มอย่างไม่เร่งรีบ จูบที่เขาคิดว่ามันหวาน...หวานจนอยากลองชิมให้มากกว่านี้ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะชเวซีวอนถึงยอมที่จะให้ทุกอย่างมันค่อยเป็นค่อยไป...
.
.
“อะไรนะ? แน่ใจเหรอว่าแกใส่เข้าไปในกระเป๋าเงินฉันแล้ว?”
“ฮยอกแจอ่า...ไม่ได้นะ ฉันต้องใช้มัน”
“ATM สิ ไม่ใช่บัตรนักศึกษา”
ทงเฮส่ายหัวหน่ายๆ พร้อมกับเอาหูหนีบมือถือไว้กับไหล่แล้วค้นเอากระเป๋าเงินออกมาค้นหาบัตร ATM ที่เขาตั้งใจว่าจะกดเงินออกมาซื้อของใช้เข้าบ้านแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พอโทรถามฮยอกแจที่เข้ามาเก็บกวาดห้องให้เมื่อวานก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้เรื่องอีก...
“เจอแล้ว...โอ๊ะ!” อุทานออกมาเมื่อซองใส่บัตรต่างๆ ของเขามันร่วงกระจายอยู่ตามพื้นฟุตปาธ
“แค่นี้ก่อนนะฮยอกแจ ขอบใจมาก” เก็บมือถือใส่ในกระเป๋าแล้วก้มลงไปเก็บบัตรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น ATM บัตรนักศึกษาไปจนถึงบัตรสมาชิกฟิตเนสที่เขาชอบไป
มือหนาหยุดชะงักเมื่อพบอะไรบางอย่างที่ซ้อนอยู่ข้างหลังบัตรนักศึกษา...เขาหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ฝุ่นออกเพียงเบาๆ มันคือภาพแห่งความทรงจำ...ภาพที่เขาเก็บมันไว้เป็นอย่างดี
“ดีนะที่ไม่ร่วงตกลงไปในน้ำ” ยิ้มให้กับคนในรูปแล้วเก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม...
คิดถึงอีกแล้ว...
พอหันไปก็พบกับหอสมุดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มันสถานที่แห่งความทรงจำของเขา ป่านนี้คยูฮยอนจะทำอะไรอยู่นะ? จะอ่านหนังสือนวนิยายสยองขวัญอย่างใจจดใจจ่ออยู่ในนั้นจนลืมทานข้าวหรือเปล่า ถึงแม้ว่าไม่ได้เจอหน้ากันแต่ทุกครั้งที่เดินผ่านที่นี่...เขาก็คิดถึงคยูฮยอนอยู่ดี...
เพราะมันคือสถานที่ๆ เป็นจูบแรกระหว่างอีทงเฮกับโจคยูฮยอน...
TALK
ยอนเอ๊ย...
จูบแรกกับคนสองคนในที่เดียวกันซะด้วย
อิพี่ซีวอนนิสัยไม่ดีเนาะ พอรู้ตัวเองแล้วก็มั่นหน้า รัวฮุคไม่ยั้งเลย
(มันจูบน้องแล้ว TVT) คือพี่ทงแม่งเวิ่นไม่รู้อะไรเลยว่าเขากำลังจูบกันอยู่ในนั้น
(ทำร้ายพี่ทงอีกแล้ว)
#รักนะคะพี่ทงเฮ
ความคิดเห็น