ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu & HaeKyu | On Senseless

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : สัญญา

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 55


    © Tenpoints !

     

     

     

     

    Chapter 3

    สัญญา

     

     

     

    38 องศา...ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่าแกนอนอยู่อย่างนี้ตลอด? ฮยอกแจถามใครอีกคนที่นอนคว่ำซุกหน้าลงกับหมอน มือเรียวถือปรอทวัดไข้เอาไว้ก่อนจะเอามันมาเคาะหัวอีทงเฮที่กำลังปรือตามองเขาเบาๆ

    ก็มันลุกไม่ไหว ไม่คิดว่าจะป่วย...แต่ก็ขอบใจที่มานะ

    ถ้าฉันไม่มาแกก็จะนอนไปเรื่อยๆ ไม่ลุกมาหาอะไรกินเลยสินะ ฮยอกแจส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นไปค้นตู้ยา ก็เอะใจตั้งแต่แรกว่าทำไมทงเฮมันไม่ยอมรับสายไหนจะไม่ไปเรียนด้วยเลยมาหาที่บ้าน สุดท้ายก็เห็นมันนอนแอ้งแม้งเหมือนศพรอตำรวจมาเจอ แถมยังมีซากกล่องนมแมวสีชมพูที่ทิ้งเกะกะอยู่บนโต๊ะนั่นด้วย คาดว่าทงเฮคงฝืนตัวลุกขึ้นมาหาอะไรให้ลูกแมวกินแล้วปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพนั้น

    นี่กี่โมงแล้ว...

    บ่ายสาม

    เอานมเจ้าตัวเล็กกินที... ทงเฮพลิกหน้าหันไปอีกข้างก็พบว่าลูกแมวตัวเล็กกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เขา ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ

    หิวแล้วใช่ไหม ทั้งคู่นั่นแหละ เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงพร้อมกับนั่งลงยองๆ สบตากับคนป่วย ทงเฮพยักหน้าหงึกก่อนจะหลับตาลงเมื่อถูกร่างบางขยี้หัวเบาๆ

    ฮยอกแจลุกขึ้นใช้มือข้างหนึ่งอุ้มเจ้าตัวเล็กออกมา ตากลมโตของลูกแมวตัวเล็กกระพริบปริบๆ ก่อนจะเดินไปเลียนมในถ้วยที่เขาเตรียมไว้ให้ ทงเฮหยัดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังหลับตาอยู่ เส้นผมชี้โด่เด่สภาพเหมือนวันนี้จะไม่รอด

    อยากกินอะไร

    รามยอนสำเร็จรูปฝีมือแก... ยิ้มตาปิดก่อนจะเซล้มไปนอนอีกครั้งเมื่อถูกเพื่อนสนิทผลักหัวเข้าให้ ทงเฮหัวเราะชอบใจก่อนจะดึงผ้าห่มเย็นๆ ขึ้นมากอดหวังว่ามันจะดูดซับความร้อนจากร่างกายเขาไปได้บ้าง

    ฉันก็ทำอย่างอื่นนอกจากรามยอนเป็นเหมือนกันนะ ทำไมถึงชอบกินอะไรที่มันธรรมดาๆ นักล่ะ

    อะไรที่มันพิเศษก็เอาไว้กินกับคนพิเศษสิ ฮยอกแจที่กำลังตั้งหม้ออยู่ในครัวถึงกับคิ้วกระตุกที่ได้ยินอย่างนั้น เอี้ยวหน้าหันไปเล็กน้อยแล้วก็แค่นหัวเราะ เออ...งั้นก็กินอะไรที่มันธรรมดาไปจนแก่ตายเถอะว่ะ

    ซีวอนล่ะ

    ไม่รู้มันดิ เห็นวันนี้มันไม่ค่อยพูดไม่รู้เป็นอะไร

    เมาค้างหรือเปล่า...

    ถ้ามันเมาค้าง ป่านนี้คงไม่ได้เห็นเหง้าหน้ามันที่มหาลัยลัยหรอกครับคุณอีทงเฮ

    อ่า...นั่นสินะ ทงเฮเอื้อมมือลงมาอุ้มเจ้าตัวเล็กที่กำลังเดินมาหาเขาพร้อมกับส่งเสียงอ้อน วางมันไว้ตรงแผงอกแล้วเล่นกับลูกมันเหมือนกับทุกครั้ง

    อิ่มแล้วใช่ไหมหืม?

    เมี๊ยว...

    ทำไมวันนี้ดูหงอยๆ ล่ะ เป็นห่วงฉันเหรอ? คุยกับลูกแมวราวกับว่าสื่อสารกันรู้เรื่อง ฮยอกแจเดินออกมาพร้อมกับหม้อรามยอน วางมันลงบนโต๊ะแล้วทงเฮก็คลานลงมานั่งฝั่งตรงข้ามเขาเหมือนกับผีดิบโดยสัญชาติญาณ

    ทำไมถึงไม่สบาย

    ตากฝนมา

    ทำไมถึงตากฝน ถามทั้งที่ไม่มองหน้าเพื่อนสนิทพร้อมกับก้มลงไปคว้าเอาตัวลูกแมวมาวางไว้บนตักแล้วเกาคางให้ ทงเฮหยิบฝาหม้อมาเป็นที่รองก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเส้นรามยอนขึ้นสูง

    เมื่อวานขากลับบังเอิญเจอคยูฮยอนน่ะ ก็เลยไปส่งที่หน้าหอ

    หืม? แกน่ะนะไปส่งคยูฮยอน?

    ใช่...ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน คีบเส้นรามยอนไว้แล้วทำหน้าคิด สักพักก็ยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น ฮยอกแจเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู อีทงเฮมันป๊อดมาตลอดหกเดือนที่ผ่านมาเลยสงสัยว่าไปเอาความกล้าแบบนั้นมาจากไหน

    มันบังเอิญจริงๆ ที่ตอนนั้นฝนตก...แล้วคยูฮยอนก็กำลังวิ่งหาที่หลบฝน

    อืม...เรื่องบังเอิญที่แกสร้างขึ้นมาตลอดหกเดือนมันเกิดจนได้สินะ ฮยอกแจยิ้มขำเมื่อนึกถึงแผนการของทงเฮที่มันสร้างไว้ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ

     

     

     

     

    ที่ว่าถ้าเกิดเดินผ่านหอสมุดร้อยครั้งก็อาจบังเอิญเจอคยูฮยอนสักครั้งหนึ่ง...

    และในร้อยครั้งนั่นอาจจะมีสักครั้งที่เขาจะได้เจอ...และหยุดคุยทักทายกันสักประโยค...

     

     

     

     

     

    แต่มันก็คุ้มค่านะ

    เดินไปส่งถึงหอพักแบบนั้นแกชวนน้องคุยไปกี่ประโยคล่ะ? ฮยอกแจถาม พอเห็นเพื่อนสนิทดีใจเขาก็ดีใจด้วย ไม่อยากให้มันเศร้านานมากไปกว่านี้ สีหน้าของทงเฮดูเหมือนคนมีหวังราวกับว่าอีกไม่ช้าทุกอย่างต้องดีขึ้น

    ก็ไม่กี่ประโยคหรอก แต่นั่นมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีไม่ใช่เหรอ?

    คราวหน้าแกต้องกล้ามากกว่านี้สิ ทำอย่างกับคนไม่รู้จักกันไปได้ แกน่าจะรู้จักนิสัยน้องดีที่สุดนะ ฮยอกแจส่ายหน้ากับความปอดแหกของทงเฮ

    อืม...ถ้าเจอกันคราวหน้าฉันจะชวนเขาคุยให้ได้

    เออ เลิกทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้ได้แล้ว บางทีคยูฮยอนอาจจะรอให้แกไปง้ออยู่ก็ได้

    แกคิดอย่างนั้นเหรอ? ทงเฮเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เขาพยายามกระเดือกเส้นรามยอนฝีมือเพื่อนสนิทลงไป

    อาจจะ...ระวังเถอะ ถ้าแกช้าไปกว่านี้เกิดมีคนมาจีบน้องขึ้นมาแล้วจะทำไง

    ....................

    หกเดือนมันนานมากพอแล้วมั้งทงเฮ

    ....................

    แค่วินาทีเดียว...มันก็เรียกว่าสายเกินไปได้เหมือนกัน จำเอาไว้นะ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    คยูฮยอนไม่สบายเหรอ ทำไมไม่บอกล่ะพี่จะได้ให้แกนอนพักอยู่ที่ห้อง พี่รหัสเอ่ยถามพร้อมกับขยี้หัวรุ่นน้องที่นั่งยิ้มด้วยสีหน้าป่วยๆ ขณะที่เขาและสายรหัสกำลังนั่งดื่มกันอยู่ที่ร้านเหล้าหลังมหาลัย

    นิดหน่อยครับพี่ เมื่อวานผมลืมกินยาดักไว้ แต่ผมยังโอเคนะ

    ไม่ไหวก็บอกล่ะ เดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่หอ

    พี่กาอินครับ...พี่เป็นผู้หญิงนะ คยูฮยอนยิ้มขำกับท่าทางห้าวๆ ของพี่รหัส เธอยักคิ้วให้เขาก่อนจะหันไปดื่มกับคนอื่นๆ

     

    เมื่อตอนกลางวันพอหลับไปได้สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ได้ยินเสียงพี่รหัสแว๊ดๆ เข้ามาในสายก็เลยต้องลุกจากเตียงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งที่คิดว่านอนทั้งวันนั่นแหละคือสิ่งที่เขาอยากทำ แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วยิ่งพยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ยิ่งฟุ้งซ่านเลยออกมาดื่มตามคำเชิญของพี่รหัส

    ไอ้เยซอง!”

    อะไรพี่ เจ้าของชื่อหันไปถามพี่รหัสของคยูฮยอนทั้งที่ค้างอยู่ในท่ายื่นแก้วให้ มือเล็กแย่งแก้วจากมือเยซองมาวางไว้แล้วเท้าสะเอว

    เห็นไหมว่าคยูฮยอนมันไม่สบายอยู่

    เห็นพี่

    ใส่น้ำแข็งก้อนเดียวให้มันสิ

    55555555555555555555555555555555

    คนไม่สบายจะให้ดื่มเย็นๆ ได้ไง นี่มันโง่หรือโง่วะ

    ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนรอบข้างคยูฮยอนก็ยิ้มออกมาจนได้ เขาหัวเราะก่อนจะรับแก้วใหม่มาซึ่งไม่รู้ว่าการลดปริมาณน้ำแข็งเนี่ยมันจะช่วยได้ไหม...ยกแก้วขึ้นดื่มไปนิดหน่อยแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง จะเป็นใครไม่ได้อีกนอกจากคนที่ทำให้เขาต้องคิดมากตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้...คยูฮยอนเดินออกมาหน้าร้านเพื่อหลีกหนีเสียงอึกทึกคึกโครมทางด้านใน

     

    ครับพี่ซีวอน

    ( เราไม่ได้อยู่หอเหรอ? )

    ...ผมมาดื่มกับสายรหัสน่ะ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ

    ( ดื่มที่ไหน? )

    ....................

    ( ตอนนี้พี่อยู่หน้าหอนาย พี่จะไปที่นั่นได้ยังไง )

    พี่...มาหาผมทำไมเหรอครับ

     

     

     

    ...ไม่เข้าใจ จะมาหาเขาทำไมกัน...

     

     

     

    ( พี่ไม่รู้...รู้แค่ว่าตอนนี้พี่อยากเจอนาย )

    .....................

    ( นายไม่อยากเจอพี่เหรอคยูฮยอน? )

    ร่างโปร่งเดินกลับเข้าไปในร้าน ไม่อยากรับรู้อะไรอีก บางทีเขาก็ควรแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรบ้าง...เพื่อปกป้องหัวใจตัวเองไม่ให้ถลำลึกมากไปกว่านี้ เพราะตอนนี้โจคยูฮยอนชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าถ้าได้เจอซีวอนอีกครั้งเขาจะยังมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ใจได้ไหม

     

     

    ทั้งที่ถูกทิ้งให้รอ...แต่กลับไม่โกรธเลยสักนิด...

    และที่เขากำลังทำอยู่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการหลบหน้า...ใช่...เขากำลังทำอย่างนั้นแหละ

    ทำยังไงก็ได้...เพื่อให้เขารู้สึกกับชเวซีวอนเพียงแค่รุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น

     

     

     

     

     

    พี่รหัสเรียกผมแล้วล่ะครับ...

    ( นายยังไม่ตอบคำถามพี่เลยนะ )

    ไว้ค่อยคุยกันนะครับ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว...ผมว่าพี่กลับบ้านไปนอนพักผ่อนเถอะ พอเดินกลับเข้าไปในร้าน ยังไม่ทันถึงโต๊ะแขนของเขาก็ถูกคว้าเอาไว้ ใบหน้าเรียวหันกลับไปมองอีกฝ่ายทั้งที่มืออีกข้างยังคงถือโทรศัพท์อยู่ นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของใครอีกคน ร่างสูงยืนหอบ หยาดเหงื่อไหลซึมลงมาตามโครงหน้าท่ามกลางสายตาของเพื่อนและพี่รหัสที่นั่งมองเขาทั้งคู่อยู่

    มือแกร่งยังคงทาบโทรศัพท์มือถือไว้ที่ข้างหู...นัยน์ตาของเขาจ้องมาด้วยแววตาจริงจังไม่หลงเหลือคราบผู้ชายทะเล้นอย่างที่โจคยูฮยอนรู้จัก...

     

     

    เพราะถ้าพี่อยากเจอ...พี่ก็ต้องเจอให้ได้

     

     

     

    .......................

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    จนถึงตอนนี้...

    พี่ซีวอนก็ยังคงกุมข้อมือผมไว้เหมือนในทีแรก...

    มือของเขาชุ่มเหงื่อ...แต่ผมกลับรู้สึกดีกับสิ่งที่เป็นอยู่...

     

     

    นายตัวร้อน ถามทั้งที่สายตาทอดมองออกไปข้างหน้า ตอนนี้เขาทั้งคู่เดินไปตามถนนเส้นเล็กที่ไม่มีรถขับผ่านไปมาอย่างเช่นตอนกลางวัน คยูฮยอนมองข้อมือตัวเองแล้วถึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่เดินอยู่ข้างๆ เขา

    ผมเป็นคนตัวอุ่นตลอดเวลาอยู่แล้วน่ะครับ...

    เมื่อเช้านายบอกพี่ว่าไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงออกมาเที่ยวกลางคืนแบบนี้ล่ะหืม? ใบหน้าคมเอี้ยวหันมาถามอีกฝ่าย เขาสบตากันอยู่อย่างนั้นก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดยืนอยู่กับที่

    แต่ผมก็บอกพี่เหมือนกันนี่ครับ ว่าผมไม่ได้เป็นอะไรมาก

    จะมากหรือน้อยยังไงนายก็ไม่สบายอยู่ดี สิ่งที่นายควรทำคือนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนะรู้ไหม เปิดผมม้าอีกคนขึ้นก่อนจะเอาหลังมือทาบลงไป คยูฮยอนจ้องหน้าร่างสูงอยู่อย่างนั้น ตอนนี้...เขากำลังรู้สึกดีที่ถูกคนตรงหน้าใส่ใจ...

    พี่เป็นห่วงผมเหรอครับ

    ...ทำไมถามแบบนั้นล่ะ

    ไม่รู้สิครับ...เห็นว่าพี่เหงื่อออกผมเลยคิดว่าบางทีพี่อาจจะวิ่งมาหาผม...

    ถ้าได้ยินคำตอบแล้วนายจะยิ้มกว้างๆ ให้พี่ดูเหรอไง? ริมฝีปากหยักยิ้มบางๆ ก่อนที่มือแกร่งจะค่อยๆ คลายออกพร้อมกับเลื่อนลงมาสอดประสานกันเอาไว้แล้วเดินไปข้างหน้า...

     

     

     

    กระชับแน่น...หากแต่ร่างโปร่งกลับไม่กล้าจับมือตอบ...

     

     

     

    ...ครับ น้ำเสียงผะแผ่ว...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากำลังหวั่นไหวกับการกระทำและคำพูดของซีวอน คยูฮยอนงุดหน้าลงเมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มให้เขา

     

     

     

    ทำไมนะ...ทำไมความรู้สึกแย่ที่เคยมีอยู่มันหายไปได้ง่ายดายขนาดนี้?

     

     

     

    พี่เป็นห่วงนายจนนอนไม่หลับ...ทั้งที่พยายามข่มตาแล้ว

    .....................

    แค่รู้ว่านายกำลังนอนป่วยอยู่ในห้อง...พี่ก็อยากจะมาดูแลถึงที่นี่ ให้เห็นกับตาว่านายสบายดีไม่ได้แย่อย่างที่คิด

    .....................

    ฟังดูบ้าๆ นะ ทั้งที่เรายังไม่ได้สนิทอะไรกันถึงขนาดนั้นสักหน่อย คยูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่อีกฝ่ายกระชับมือเขา...

     

     

    ราวกับซีวอนจะย้ำเตือนให้คนข้างๆ รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ จะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีก...

     

     

    ผม...

    หืม?

    อยู่กับผมบ่อยๆ พี่ไม่เบื่อเหรอครับ ถามทั้งที่ไม่หันไปมองอีกฝ่าย คยูฮยอนเลือกที่จะมองถนนเบื้องหน้ายามค่ำคืนเสียมากกว่า เขาไม่อยากเห็นสีหน้าซีวอนตอนตอบคำถามนี้

    ทำไมพี่ต้องเบื่อนายด้วยล่ะ

    ผมเป็นคนน่าเบื่อ คุยไม่เก่ง บางครั้งเวลาใครมีปัญหาแล้วเลือกที่จะมาปรึกษาผม...แต่ผมกลับช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย

    ฮะๆ ถ้าพี่มีปัญหานายจะทำยังไงหืม?

    ผมจะนั่งเงียบๆ ให้พี่ระบายมันออกมาจนกว่าพี่จะสบายใจครับ

    ก็ดีกว่าหลบหน้าล่ะนะ... พูดพร้อมกับชำเลืองตามองอีกคน คยูฮยอนหดคอลงรู้สึกเหมือนโดนประชดเล็กน้อย มือที่ถูกกุมเอาไว้ค่อยๆ ขยับสอดประสานตอบเหมือนกับความรู้สึกของเขาที่กำลังเปิดใจรับซีวอนอีกครั้ง จะได้ไหมนะ...ถ้าเกิดเขาจะเปิดใจให้คนๆ นี้

     

     

    เพราะถ้าเลือกที่จะรักใครสักคนอีกครั้ง...

    ผมก็ต้องพร้อมที่จะรับความเจ็บปวดในวันข้างหน้าด้วยนั่นคือสิ่งที่ผมควรบอกตัวเอง...

     

     

    นายชอบดื่มเหล้าเหรอ?

    เปล่าหรอกครับ ผมก็ดื่มบ้างเวลาพี่รหัสนึกอยากดื่มน่ะ

    อืม...

    ทำไมเหรอครับ?

    สถานที่แบบนั้นมันมีแต่ของไม่ดี พี่ไม่อยากให้นายไปอยู่ตรงนั้น ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าหอพักของคยูฮยอน ตอนนี้ก็ดึกพอที่จะให้เขายืนคุยกันตามลำพังโดยที่ไม่มีใครออกมาเห็น

    พี่ไม่ชอบให้ผมดื่มเหรอ

    ถ้าพี่บอกว่าไม่ชอบ...นายจะทำตามที่พี่ขอเหรอ? ร่างสูงมองคยูฮยอนพร้อมกับยิ้มบางๆ มือแกร่งเอื้อมขึ้นมาหยิกแก้มอีกคนแล้วกระชับเสื้อแขนยาวให้

    .....................

    สัญญาสิ...ว่าจะไม่ไปเมาในสถานที่แบบนั้น ซีวอนชูนิ้วก้อยขึ้นมาระดับใบหน้าร่างโปร่ง...คยูฮยอนมองนิ้วเรียวเพียงครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย

     

     

     

    คำๆ นั้นมันสามารถผูกมัดคนหนึ่งไม่ให้ไปไหนได้...ซึ่งเขาก็รู้

    แต่โจคยูฮยอนก็อยากให้คำสัญญากับคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองเลยก็ตาม...

     

     

     

     

    ครับ...ผมสัญญา

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    พอแน่ใจในความรู้สึกตัวเองแล้ว...

    ผมก็อยากจะลองเริ่มต้นใหม่กับคนๆ หนึ่ง...

    คนที่ผมอคติกับเขามาตลอดโดยไร้เหตุผล...

     

     

     

    บ่ายวันต่อมา...

    ใครคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับชั้นหนังสือเกี่ยวกับเรื้องลี้ลับ ทั้งที่เคยบอกกับตัวเองว่าถ้าจะเอาเวลามาอ่านหนังสือพวกนี้สู้ให้เขาไปอ่านเทเลทับบี้เสียยังจะดีกว่า...แต่พอมีความรักทุกอย่างก็ดูโอเคไปเสียหมด เห็นนิยายฆาตรกรรมเป็นสิ่งน่าค้นหา เห็นนิยายรักเป็นเรื่องน่าทึ่ง นี่มันไม่ใช่ชเวซีวอนเลยสักนิด

    จะว่าเห่อก็คงใช่...พอเลิกวิ่งหนีความรู้สึกตัวเองแล้วชเวซีวอนก็กล้าทำอะไรได้อย่างเปิดเผย อยากพูดอะไรก็พูด อยากทำอะไรก็ทำ...

     

     

     

    จนลืมนึกถึงอะไรไปบางอย่าง...

     

     

     

     

    รอคยูฮยอนมาเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่อีกฝ่ายก็ไม่มาสักที ไม่ได้นัดกันเอาไว้ล่วงหน้า แต่คิดว่ายังไงคยูฮยอนก็ต้องมาที่นี่ พยายามเดาใจอีกฝ่ายเพื่อความพอใจส่วนตัว คิดว่าถ้ารู้ใจคยูฮยอนมากเท่าไหร่เขาก็มีสิทธิ์เอาชนะใจได้มากเท่านั้น...เดินออกไปข้างนอกเพื่อดักรอดูคยูฮยอนเดินเข้าไปในหอสมุด ไม่นานนักคนที่รออยู่ก็เดินเข้าไปข้างใน ทิ้งระยะห่างไว้เพียงแค่สิบห้านาทีร่างสูงก็เดินตามเข้าไป แสร้งทำเป็นว่าเขาเพิ่งมาถึงแล้วบังเอิญเจอคยูฮยอนพอดี

    ซีวอนโบกมือให้กับคนที่กำลังเดินกลับไปนั่งที่พร้อมหนังสือสองเล่มแล้วเดินเข้าไปหา คยูฮยอนโค้งหัวเล็กน้อย จู่ๆ เขาทั้งคู่ก็ยิ้มคะเขินให้กันราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มออกเดท

    บังเอิญจังเลยนะ มานานแล้วเหรอ?

    สักสิบนาทีเห็นจะได้ครับ พี่ล่ะ?

    พี่เพิ่งมาถึงเอง ข้างนอกรถติดมากเลยล่ะ แถเป็นเรื่องเป็นราวหน้าตาเฉย

    อืม...รถคงติดมากจนขยับไปไหนไม่ได้เลยใช่ไหมครับ

    ใช่เลย ซีวอนดีดนิ้วเมื่ออีกคนพูดเสริมขึ้นมา คยูฮยอนยิ้มขำก่อนจะลุกขึ้นยืน

    จะไปไหนเหรอ?

    ซื้อน้ำน่ะครับ...ผมเห็นรถพี่จอดอยู่ใต้ตึกนานแล้วคิดว่าพี่คงรอนานจนคอแห้ง คยูฮยอนกลั้นหัวเราะก่อนจะเดินสวนออกไป ซีวอนอ้าปากค้างกับประโยคที่ได้ยิน คยูฮยอนรู้ได้ยังไงว่าเขาจอดรถอยู่ตรงนั้นนานแล้ว พอจะหันกลับไปถามคยูฮยอนก็เดินกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าและน้ำอัดลมอย่างละขวด

    นายรู้ได้ยังไงว่ารถพี่จอดอยู่ข้างล่างนานแล้วน่ะ ยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ ขณะที่คยูฮยอนกำลังเปิดฝาขวดให้เขา

    คาบที่แล้วผมเรียนอยู่ตึกข้างๆ นี่น่ะครับ หันไปแล้วเจอพอดี...

    ซีวอนตบหน้าผากตัวเองพลางถอนหายใจ ไม่เคยรู้สึกเสียฟอร์มแบบนี้มาก่อน ถ้าเกิดคยูฮยอนล้อเขาบ้างมันอาจจะรู้สึกดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ โธ่เอ๊ย...

    ดื่มสิครับ...รถติดมาเป็นชั่วโมงดูท่าพี่จะยังไม่ได้ดื่มน้ำเลย คยูฮยอนเม้มริมฝีปาก ซีวอนลุกขึ้นไปนั่งข้างๆ ร่างโปร่งที่กำลังทำท่าเหมือนจะหลุดขำออกมาเสียให้ได้ มือแกร่งเอื้อมมือไปบีบจมูกคนตรงหน้าเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันไปมองรอบข้างที่ตอนนี้คนแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

    สรุปพี่รอผมจริงๆ ใช่ไหมครับ

    ถ้าบอกว่าใช่ นายจะสำนึกผิดด้วยวิธีไหนล่ะ

    ทำไมผมต้องสำนึกผิดด้วยล่ะครับ...ผมไม่ได้ขอให้พี่มานั่งรอผมนะ คยูฮยอนหันไปมองคนข้างๆ ที่นั่งเบียดเขาอยู่...มันใกล้กันจนผิดปกติเกินไปแล้ว

    ก็พี่มารอนาย มันก็ต้องเป็นความผิดของนายสิ

    เอาแต่ใจนี่ครับ...

     

    ซีวอนหัวเราะแล้วสบตากับอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างกันอยู่ไม่เท่าไหร่...ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบไม่มีผู้คนเดินเพ่นพ่าน ไม่มีแม้กระทั่งเสียงรองเท้าส้นสูงของบรรณารักษ์และอาจจะเป็นเพราะมุมอับ...

     

    เลยทำให้ชเวซีวอนกล้าโน้มใบหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากอีกคน...เพียงแผ่วเบา

     

    .....................

    คยูฮยอนนั่งนิ่งประสานมือไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ตั้งหลักกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นัยน์ตาเรียวไม่แม้แต่จะกระพริบราวกับมีใครมาหยุดเวลาตอนนี้เอาไว้...ใบหน้าคมผละริมฝีปากออกพร้อมกับยิ้มมุมปาก คยูฮยอนไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นกลัวอะไรอย่างที่เขาคิด แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

    ห้ามวิ่งหนี แล้วก็ห้ามเกลียดพี่ด้วย เข้าใจไหม? ชี้หน้าเป็นเชิงสั่งหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบโต้อะไรกลับมา แถมยังนั่งนิ่งเหมือนในทีแรก ซีวอนเพ่งมองเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่แก้มของอีกฝ่ายจะเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา

    ริมฝีปากหยักยิ้มพอใจเมื่อเห็นสีหน้าคยูฮยอนในตอนนี้...อีกทั้งนิ้วเรียวที่กำลังบีบคลึงมือตัวเองเพื่อคลายความตื่นเต้นที่เป็นอยู่อีก...

     

     

     

     

    น่ารัก...

     

     

     

     

    .................

    นายไม่ได้ตัวอุ่นตลอดเวลาสักหน่อย...อย่างน้อยก็ในตอนนี้น้ำเสียงที่พูดแผ่วเบาลงพอให้ได้ยินกันแค่สองคน มือแกร่งเลื่อนไปกุมมือที่กำลังเย็นเฉียบเอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลาย

    ถ้ายังไม่พูดอะไรแบบนี้...พี่จะจูบอีกครั้งแล้วนะ พูดจบก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จ้องมองอยู่ครู่เดียวเปลือกตาบางก็ปิดลงเพื่อรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ...กดจูบแช่เอาไว้ก่อนจะค่อยๆ ไล้เล็มริมฝีปากอิ่มอย่างไม่เร่งรีบ จูบที่เขาคิดว่ามันหวาน...หวานจนอยากลองชิมให้มากกว่านี้ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะชเวซีวอนถึงยอมที่จะให้ทุกอย่างมันค่อยเป็นค่อยไป...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    อะไรนะ? แน่ใจเหรอว่าแกใส่เข้าไปในกระเป๋าเงินฉันแล้ว?

    ฮยอกแจอ่า...ไม่ได้นะ ฉันต้องใช้มัน

    “ATM สิ ไม่ใช่บัตรนักศึกษา

     

    ทงเฮส่ายหัวหน่ายๆ พร้อมกับเอาหูหนีบมือถือไว้กับไหล่แล้วค้นเอากระเป๋าเงินออกมาค้นหาบัตร ATM ที่เขาตั้งใจว่าจะกดเงินออกมาซื้อของใช้เข้าบ้านแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พอโทรถามฮยอกแจที่เข้ามาเก็บกวาดห้องให้เมื่อวานก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้เรื่องอีก...

    เจอแล้ว...โอ๊ะ!” อุทานออกมาเมื่อซองใส่บัตรต่างๆ ของเขามันร่วงกระจายอยู่ตามพื้นฟุตปาธ

    แค่นี้ก่อนนะฮยอกแจ ขอบใจมาก เก็บมือถือใส่ในกระเป๋าแล้วก้มลงไปเก็บบัตรนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น ATM บัตรนักศึกษาไปจนถึงบัตรสมาชิกฟิตเนสที่เขาชอบไป

     

    มือหนาหยุดชะงักเมื่อพบอะไรบางอย่างที่ซ้อนอยู่ข้างหลังบัตรนักศึกษา...เขาหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ฝุ่นออกเพียงเบาๆ มันคือภาพแห่งความทรงจำ...ภาพที่เขาเก็บมันไว้เป็นอย่างดี

     

     

    ดีนะที่ไม่ร่วงตกลงไปในน้ำ ยิ้มให้กับคนในรูปแล้วเก็บใส่เข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม...

     

     

     

     

    คิดถึงอีกแล้ว...

     

     

     

     

    พอหันไปก็พบกับหอสมุดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มันสถานที่แห่งความทรงจำของเขา ป่านนี้คยูฮยอนจะทำอะไรอยู่นะ? จะอ่านหนังสือนวนิยายสยองขวัญอย่างใจจดใจจ่ออยู่ในนั้นจนลืมทานข้าวหรือเปล่า ถึงแม้ว่าไม่ได้เจอหน้ากันแต่ทุกครั้งที่เดินผ่านที่นี่...เขาก็คิดถึงคยูฮยอนอยู่ดี...

     

     

     

     

     

    เพราะมันคือสถานที่ๆ เป็นจูบแรกระหว่างอีทงเฮกับโจคยูฮยอน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     













     

    TALK

    ยอนเอ๊ย...

    จูบแรกกับคนสองคนในที่เดียวกันซะด้วย

    อิพี่ซีวอนนิสัยไม่ดีเนาะ พอรู้ตัวเองแล้วก็มั่นหน้า รัวฮุคไม่ยั้งเลย

    (มันจูบน้องแล้ว TVT) คือพี่ทงแม่งเวิ่นไม่รู้อะไรเลยว่าเขากำลังจูบกันอยู่ในนั้น

    (ทำร้ายพี่ทงอีกแล้ว)

    #รักนะคะพี่ทงเฮ

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×