ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.Donghae | "BLACK SWAN"

    ลำดับตอนที่ #4 : PART 3 : Need

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 55


      

     







     

    PART 3

    ก็แค่กายหยาบ...ที่ไร้หัวใจ...

     

     

     




    ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับโกยอากาศเข้าปอดในค่ำคืนที่เงียบสงบ ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมขนาดกว้างที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น เสียงเข็มนาฬิกาที่ดังเป็นจังหวะมันยังคงเดินช้ากว่าจะหวะหัวใจของผม หยาดเหงื่อซึมไปทั่วขมับและร่างกายทั้งที่อุณหภูมิตอนนี้นั้นหนาวเย็นเสียยิ่งกว่าอะไร ริมฝีปากแห้งผากรู้สึกคอแห้งและเวียนหัวเล็กน้อย

    กุมขมับตัวเองพลางหลับตาลงแล้วตั้งสติ เมื่อครู่ฝันอะไรแปลกๆ แต่ผมกลับจำอะไรไม่ได้เลย รู้แค่ว่ามันน่ากลัวจนต้องกระเสือกกระสนหาทางรอด เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงหรี่แสงอ่อนๆ พอให้มองเห็นนาฬิกา...ตอนนี้ก็แค่ตีสามเศษๆ...

     

    ผมพึ่งหลับไปแค่ชั่วโมงเศษๆ เองเหรอ?

     

    เอนตัวนอนลงบนผืนเตียงทั้งที่โคมไฟยังคงเปิดทิ้งไว้อยู่อย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะจู่ๆ ผมก็เกิดกลัวความมืดขึ้นมาทั้งที่ปกติไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้ ผมพยายามคิดว่าเมื่อครู่นี้ผมฝันอะไรแต่พยายามเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ความรู้สึกที่มันยังคั่งค้างในใจ...

    ใจหาย...เสียใจ...เจ็บปวดนี่น่ะมันคืออะไรกัน น่าแปลกนะ ทั้งที่ผมคิดไม่ออกว่าฝันอะไรแต่กลับมีภาพของโจคยูฮยอนลอยเข้ามาในหัว




    ผมฝันถึงเขาเหรอ...ไม่นี่...





    หรืออาจเป็นเพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ผมไปนั่งรอเขาในผับนั้นเหมือนกับทุกวันแต่ก็พบกับความผิดหวังจนต้องกลับมานอน พอย้อนมองตัวเองแล้วผมนี่เหมือนคนบ้าชะมัด...ผมกำลังวิ่งตามใครคนหนึ่งอย่างไร้จุดหมายโดยที่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไปเพราะอะไร ผมต้องการอะไรจากผู้ชายที่ชื่อ โจคยูฮยอน

     



    ไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ

     



    เพราะประโยคนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้ผมต้องไปที่นั่นทุกวันเพราะหวังว่าจะได้เจอเขา?

    ผมถูกคยูฮยอนปั่นหัวเข้าให้เสียแล้ว...ก็รู้ตัวหรอกนะ...แต่ผมกลับเลือกที่จะวิ่งตามเกมส์ของเขาอย่างเต็มใจซะด้วยสิ...

     






     

    คุณเป็นใครกันแน่นะ...โจคยูฮยอน

     

     

     






    .

    .

     

     

    ถ้าซนอึนซอเหมาะกับดอกไม้...

    โจคยูฮยอนจะเหมาะกับอะไรนะ...

     






     

     

    ว่าแล้วไง

    ลำบากเพื่อนฝูงตลอด

    ชายหนุ่มทั้งสองส่ายหัวอย่างระอาเมื่อเห็นเพื่อนสนิทรูปหล่อเดินเข้ามาพร้อมกับว่าที่ภรรยาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก็พอเข้าใจว่าสาเหตุมันพ่วงมาจากเมื่อคืน เพราะสองสามวันนี้ซีวอนนัดไปดื่มที่ผับนี้อยู่ที่เดียว ก็สังเกตเห็นหรอกนะว่ามันกำลังมองหาใครอยู่แต่พอถามไอ้หมอนั่นกลับตอบว่าไม่มีอะไร ไม่นานก็คอตกกลับบ้านไปพร้อมกับความผิดหวัง

    ก็รีบแต่งงานไปซะสิ จะได้หาข้ออ้างว่าอยู่ดูแลเมียที่บ้าน จองซูว่าพลางนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟในห้องทำงานส่วนตัวของร่างสูง

    ก็คิดอยู่เหมือนกัน พอถึงเวลานั้นแกนั่นแหละจะเป็นคนรับเคราะห์แทนฉัน ฮีชอลชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วกระตุกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรีบเงียบปากลงทันทีที่เพื่อนสนิทเดินเข้ามาใกล้

    ไงอึนซอ จองซูและฮีชอลกล่าวทักทายแฟนสาวของซีวอนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขาพร้อมกับถุงเสื้อผ้ายี่ห้อแบรนด์เนม

    เหมามาทั้งร้านเลยรึเปล่าเนี่ย ระวังแขนหักนะเว้ย ฮีชอลพูดกลั้วหัวเราะ ถือวิสาสะเปิดถุงเสื้อผ้าดูหน้าตาเฉย

    ซีวอนเค้าซื้อให้น่ะ อมยิ้มบางๆ ท่าทีขวยเขินที่ไม่มากเกินไปจนน่าหมั่นไส้นั่นทำให้หนุ่มๆ อดยิ้มตามไม่ได้ ซีวอนมันก็โชคดีอย่างนี้ล่ะนะ

    เอาใจว่าที่เจ้าสาวจริงๆ

    ฉันห้ามแล้วแต่ซีวอนก็ไม่ฟังนี่ เธออาจจะเป็นผู้หญิงที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกก็ได้แต่พอฮีชอลลอบมองใครอีกคนที่กำลังนั่งเปิดแฟ้มอยู่บนโต๊ะอย่างเงียบๆ แล้วก็พอเข้าใจ

     


    ที่ซีวอนทำไปไม่ได้อยากเอาใจอึนซอแต่อย่างใด...ก็แค่ไม่อยากมีพิรุธก็เท่านั้น...

     


    ฉันว่าซีวอนมันกำลังมีความลับอะไรบางอย่างที่ไม่ยอมเล่าให้เราฟังว่ะ ฮีชอลหันไปกระซิบจองซูเบาๆ ในขณะที่อึนซอกำลังเอาแจกันแก้วเดินออกไปหาเลขาที่นอกประตูพร้อมกับดอกไม้ที่ซื้อมา

    ฉันรู้

    รู้อะไรวะ?

    รู้มันกำลังชอบใครสักคนและดูเหมือนว่าคนๆ นั้นจะไม่ธรรมดาซะด้วย จองซูพูดพร้อมกับมองไปยังร่างสูงที่กำลังง่วนกับเอกสารบนโต๊ะ

    คิดเหมือนกันเลยว่ะ

    ถ้าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงแย่ เดี๋ยวก็ถึงงานแต่งงานของมันแล้วด้วย

    ...แล้วจะทำยังไงดีวะ ฮีชอลขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกเป็นห่วงอึนซอ

    ถ้าเกิดซีวอนมันกำลังชอบใครสักคนอยู่ ฉันไม่รู้หรอกว่ามันจริงจังมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าจะให้ไปเตือนมันตรงๆ มันคงไม่ฟัง

    จองซูพูดถูก คนอย่างซีวอนถ้าคิดจะทำอะไรแล้วต่อให้ใครมาห้ามว่ามันผิดมหันต์ยังไงก็คงไม่ยอมถอย

    ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป แกก็ย้ำเตือนมันทางอ้อมบ่อยๆ แล้วกัน มันจะแต่งงานแล้ว มันมีอึนซอแล้ว แกคงฉลาดพอที่จะพูดนะ? อีทึกหันไปมองอีกคนที่ทำหน้าจริงจังปนกับไม่เข้าใจ

    ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ดีมาจากไหนถึงทำให้ซีวอนมันตามได้ขนาดนี้

     


    ...ตามอะไร

     


    ทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปเห็น CEO หนุ่มยืนอยู่ตรงหน้า ร่างโปร่งเอนหลังพิงกับพนักโซฟาทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนอีกคนก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ

    พอเข้าใจว่าตัวเองกำลังตกเป็นประเด็นสนทนา ได้เพียงแค่ถอนหายใจพร้อมกับหยัดตัวนั่งลงข้างๆ จองซูพลางหันไปมองประตูที่ยังคงปิดสนิทอยู่

     

    ตอนนี้อึนซอไม่อยู่ มีอะไรอยากบอกพวกฉันรึเปล่าวะครับท่านประธาน? ฮีชอลถาม

    ...เรื่องอะไร

    เรื่องที่ทำให้แกต้องทำหน้าหงิกเหมือนคนเป็นหนี้แสนล้านวอนนี่ไง

    ................

    นี่เพื่อนนะเว้ย ฮีชอลพูดย้ำอีกที

    ฮีชอล แกอย่าไปบังคับมันเลย ถ้ามันอยากพูดก็คงพูดเองนั่นแหละ จองซูพูดเสียงนิ่ง

    ................

     

    ร่างสูงหลับตาลงพักสายตา ความรู้สึกมันปนกันไปหมด...ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแต่งงานที่ใกล้เข้ามาถึง ทั้งเรื่องความรู้สึกที่มีต่ออึนซอ...เฝ้าถามตัวเองว่ามันถูกต้องแล้วหรือที่ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ?


     

    มันเป็นความรักหรือเพราะความจำเป็นกันแน่?

     



    เคยคิดว่าถ้าได้แต่งงานกับเธอไปทุกอย่างคงลงตัว เธอเป็นแม่ที่ดีได้ เป็นภรรยาที่ดีได้ เขาเชื่ออย่างนั้น...แต่...



    ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกไม่มั่นใจอะไรเลย...

     



    ฉัน...

    ............... เพื่อนสนิททั้งสองได้เพียงแค่นั่งเงียบๆ รอฟังความในใจของเขา

    กำลังสบสน

    เข้าใจ ตอนยุนโฮมันจะแต่งงานก็เป็นแบบนี้

    เปล่า...ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวหรอก

    ...............

    ฉันกำลัง...สนใจผู้ชายคนหนึ่ง

    เอาแล้วไง... ฮีชอลสบถเบาๆ จองซูส่ายหัวน้อยๆ ทันทีที่ได้ยิน

    พวกแกคงอยากหัวเราะเยาะฉันเต็มแก่แล้วล่ะสิ ซีวอนแค่นเสียงหัวเราะ ขนาดเขายังตลกตัวเองแล้วประสาอะไรกับไอ้พวกนี้

    กลืนน้ำลายตัวเองซะแล้ว จองซูหัวเราะเบาๆ ถึงจะเป็นประโยคธรรมดาแต่มันช่างเสียดแทงความรู้สึกของชเวซีวอนเหลือเกิน

    ผู้ชายที่ไหนวะ อยากจะยกนิ้วให้จริงๆ ที่ทำให้คนเกลียดเกย์อย่างแกสนใจได้เนี่ย... ฮีชอลทำหน้ากวนประสาทนั่นทำให้ซีวอนถามตัวเองว่าคิดถูกคิดผิดที่เล่าให้คนพวกนี้ฟัง

    ช่างมันเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้พูดมันแล้วกัน ร่างสูงพูดปิดท้ายก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแต่ก็ถูกฮีชอลถลาเข้าไปดึงให้นั่งลงที่เดิม

    เฮ้ย ใจเย็นดิวะ

    แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้

    พวกแกคิดว่าฉันรู้สึกดีมากรึไงที่เป็นแบบนี้ ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางมองหน้าเพื่อนทั้งสองที่คิดว่าจะรับฟังได้แต่สุดท้ายก็เอามาล้อเล่นเป็นเรื่องตลก

    ก็คิดว่าไม่ว่ะ ว่าแต่มาในสภาพติ๋มๆ แบบผมยาวใส่กระโปรง หลอกให้ตายใจว่าเป็นผู้หญิงแล้วสุดท้ายก็เห็นมะเขือบนเตียงสินะ ฮีชอลพูด สีหน้ากลั้นหัวเราะจนจองซูต้องปรามเอาไว้

    เปล่า

    ...................

    เขาเป็นผู้ชาย...

    นั่นไง...

    แกจีบเขางั้นเหรอ? จองซูถาม

    ไม่ได้จีบ แค่เข้าไปคุยด้วยแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดอะไร

    ระวังโดนต่อยนะเว้ย แกน่าจะรู้ดีที่สุดเวลาโดนผู้ชายเข้าหาน่ะ ฮ่าๆ ฮีชอลหัวเราะพอใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ สมัยมัธยมที่ซีวอนถูกผู้ชายสารภาพรักไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

    เขาไม่ได้คิดอะไร...ก็แค่เล่นกับความรู้สึกของฉัน

    ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ... จองซูพูดก่อนที่ทุกคนจะหันกลับไปมองที่ประตูเมื่อว่าที่เจ้าสาวของเพื่อนสนิทเดินกลับเข้ามาพร้อมกับแจกันดอกไม้

    ฉันวางตรงนี้นะคะ เสียงใสเอ่ยพร้อมกับวางแจกันดอกไม้ลงบนโต๊ะทำงานของคนรัก ซีวอนยิ้มบางๆ ให้เธอก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนทั้งสองอย่างรู้กัน

     

     

     



    .

    .

     

    เมื่อรสขมเฝื่อนของแอลกอฮอล์แตะลงที่ปลายลิ้นตอนผมสบตาคุณ

    รสชาติมันช่างหอมหวาน...จนผมอยากลิ้มลองอีกครั้ง...

     

     





    ใจเย็นหน่อยวัยรุ่น

    นี่เครียดเรื่องงานหรือเรื่องหัวใจวะ ดื่มแบบนี้อาบเลยเหอะว่ะ ฮีชอลว่าก่อนจะแย่งแก้วสีอำพันมาจากมือผม ถึงมันจะห้ามอย่างนั้นแต่มือกลับดันแก้วให้บาร์เทนเดอร์เติมซ้ำอีกรอบ

    มาที่นี่น่ะ...แน่ใจเหรอว่าจะได้เจอเขา จองซูถาม

    ผมรับแก้วมาจากบาร์เทนเดอร์พร้อมกับมองน้ำสีอำพันข้างในก่อนจะยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงใครอีกคนที่ไม่ได้เจอมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว...

    ไม่แน่ใจ

    ก็นั่นน่ะสิ ผับในโซลมีเป็นร้อยพัน บางทีเขาอาจจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้นะเว้ย

    ไม่หรอก...ฉันรู้ว่าเขาต้องมา

     

     

     

    ผมรู้ว่าคุณต้องมา...ตอนนี้คุณก็แค่ลองใจผมเท่านั้น...

    ใช่ไหมคยูฮยอน?

     

     

     

    อย่าดื่มหนักมาก พวกฉันสองคนขี้เกียจหามแกไปส่งที่บ้าน

    อืม สะอึกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ผมไม่ได้เมาขนาดที่พวกนั้นกล่าวหาหรอก ก็แค่ไม่รู้จะพูดอะไร ก็แค่ให้เหล้าช่วยบรรเทาความรู้สึกที่กำลังปั่นป่วนในหัวใจก็เท่านั้น

     

    เสียงเพลงอึกทึกเบาลงเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง ภายในนั้นเงียบสงบจนผมนึกอยากอยู่ในนี้นานๆ ผมก็ไม่ได้รสนิยมแย่ขนาดไปผับห่วยๆ ที่ห้องน้ำส่งกลิ่นฉุนอะไร ที่นี่มีระดับพอให้พวกลูกคนรวยมาผลาญเงินเล่น

    เดินไปหยุดยืนตรงอ่างล้างมือแล้วก็เห็นเงาตัวเองในกระจก ดูสภาพนายในตอนนี้สิซีวอน เหมือนผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่งที่กำลังทำในสิ่งที่ตัวเองเกลียดที่สุดอยู่...

    เอื้อมไปหมุนวาล์วน้ำพร้อมกับรองมือเอาไว้ ล้างหน้าสักหน่อยผมอาจจะรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้ ผมเริ่มสับสนกับความรู้สึกตัวเองจนนึกรำคาญ...ใจหนึ่งก็อยากรีบออกไปรอเขาข้างนอกเพราะกลัวพลาดแต่อีกใจก็อยากปล่อยให้มันเป็นไปเพราะคิดว่าคงไม่มีหวังแล้ว...

    กวักน้ำใส่หน้าสองสามครั้งพร้อมกับลืมตาขึ้นปล่อยให้หยาดน้ำไหลลงไปตามท่อระบายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกระจกอีกครั้งแต่คุณเชื่อไหมว่าผมเริ่มทำอะไรไม่ถูกทันทีที่เห็นใครอีกคนยืนอยู่ข้างหลังผมไม่ไกลนักผ่านกระจก...เขา...ที่กำลังยืนกอดอกมองผมอยู่ตรงนั้น

     



     

    สวัสดีครับ

     

     


    ประโยคแรกที่เขาเอ่ยทักทาย ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองหน้าเขาพร้อมกับจองใบหน้าเรียวที่ค่อยๆ เดินมาประชิดตัวผมใกล้ๆ

     

     

    ท่าทางคุณจะดื่มไปเยอะ เมารึยังนะ? เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าสีดำที่พับเป็นทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาซับหยาดน้ำบนใบหน้าให้กับผม

    ผมเกร็งจนพูดไม่ออก ได้เพียงแค่ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นราวกับว่าแอลกอฮอล์ที่เดิมไปทั้งหมดมันกำลังออกฤทธิ์...ผมจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของเขา นัยน์ตาที่ดำสนิทและไม่ห่างจากใบหน้าของผมนัก...

    มือเรียวยังคงซับน้ำบนใบหน้าให้ผมอย่างเบามือ...แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...

     

     

     






    ที่ผม...

    รั้งท้ายทอยเขาเข้ามาจูบ...

     

     





    จิ้มๆ ไำปเถอะนะ . _.









    TALK

    *ลุกขึ้นมารำ*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×