ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu KangJo | Resident Evil { Remake}

    ลำดับตอนที่ #4 : PART 3 : CRYSTAL BOY...

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 54


      

     




     

    PART 3

    CRYSTAL BOY...

     

     







     

     

     

    คุณมั่นใจแค่ไหน...

    ว่าคนที่อยู่ข้างๆ คุณ...ยังคงเป็นมนุษย์

     

     

     

    มือแกร่งค่อยๆ หมุนลูกบิดพร้อมกับดันประตูไม้อัดเข้าไปช้าๆ นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบระเบียงทางเดินก่อนจะจูงมือเรียวออกมาด้วยกัน ทุกฝีเก้าย่ำเดินไปพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของแผ่นไม้แม้ว่าจะเดินด้วยความระมัดระวังสักแค่ไหน

    เก็บกระสุนปืนเพิ่มจากซากศพนายตำรวจระหว่างทางมาได้บ้าง นั่นก็พอทำให้เขาเบาใจขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็ใช้ป้องกันตัวไปได้อีกระยะหนึ่งเพราะลำพังแค่กระสุนปืนที่ทงเฮแบ่งให้มาก่อนหนีออกมาจากอาพาร์ทเม้นนั่นก็คงไม่พอใช้ ฝีมือการใช้ปืนของจองซูอยู่ได้ระดับดีเยี่ยม มีโอกาสยิงพลาดน้อย นั่นเป็นข้อดีที่เขาจะกำจัดผีดิบเหล่านี้ได้โดยกระสุนเพียงสองนัดต่อตัว

     

     

    ได้ยินเสียงครวญครางของผีดิบที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่...

    และถ้าจะให้ดี...เขาก็ควรกำจัดเสียก่อนที่มันจะรู้ตัว...

     

     

    ปังๆ!!

    ยิงเข้ากลางหัวไปสองนัด ร่างไร้วิญญาณในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ก็ล้มลงไปนอนราบกับพื้นโดยไม่รู้ตัว ข้างหน้ามีประตูอยู่สี่บาน...ตำรวจผู้รอดชีวิตคนนั้นจะต้องอยู่ข้างประตูสักบานเป็นแน่...

     

    ตำรวจหนุ่มเลือกที่จะเข้าประตูไม้สักสีน้ำตาลทางซ้ายมือก่อน ข้างในเป็นห้องสอบสวน...มีเอกสารกระจัดกระจายอยู่บางส่วนตามพื้นห้องและซากศพของนายตำรวจสี่คนที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นและโต๊ะสอบสวน...และที่ทำให้ประหลาดใจกว่านั้น...

    คือมีใครคนหนึ่งยืนหันหลังให้อยู่ในห้องสอบสวนย่อยที่กำแพงกั้นถูกทำด้วยกระจกใสบานใหญ่ คราบเลือดสีแดงสดกระเซ็นสาดไปทั่วกระจกจนน่าผวา..

    จองซูค่อยๆ เดินเข้าไปพลางลดปืนลง ไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองซากศพที่นอนแน่นิ่งบนพื้น สภาพศพนั้นดูน่าอนาถจนร่างบางต้องเบือนหน้าหลบ...คาดว่าคงมีการต่อสู้เกิดขึ้นข้างในนี้

     

    ......................จองซูหยุดชะงักพลางมองไปยังแผ่นหลังขาวเนียนในชุดเดรสสีดำแหวกหลัง เธอค่อยๆ เอี้ยวตัวหันกลับมาสบตากับเขาทั้งคู่...ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดแต่งแต้มไปด้วยลักยิ้มหากแต่ให้ความรู้สึกเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก

    ......................

    ....น่าประหลาดใจ...ที่ยังมีคนรอดชีวิตอยู่อีก หญิงสาวหน้าสวยพูดพร้อมกับคาบมวนบุหรี่ไว้ในปากก่อนจะจุดไลเตอร์พลางหลับตาลงรับรสกลิ่นบุหรี่ที่เธอชอบ...พ่นควันสีเทาหม่นออกมาช้าๆ นึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้วก็นึกขัน...

    ตำรวจผู้สิ้นหวังที่นอนไร้วิญญาณอยู่นั่นก่อนหน้านี้ต่างร้องโหยหาความช่วยเหลือเมื่อใครคนหนึ่งเกิดติดเชื้อและเริ่มเข้าทำร้ายกัดกินคนอื่นๆ...เสียงโอดครวญแห่งความเจ็บปวดบีบบังคับให้ตำรวจคนหนึ่งต้องควักปืนออกมายิงเพื่อนร่วมงานอย่างปฏิเสธไม่ได้...เธอเห็น...ว่าตำรวจคนสุดท้ายที่มีชีวิตรอดอยู่นั้นโดนกัดแขนไปแล้ว...

     

     

     

     

    .......................

    ผม...จะปล่อยคุณออกมา... พูดพร้อมกับเดินโซเซมาหยุดที่หน้าประตู มือหนาพยายามกดปากแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือดกัดฟันกลั้นความเจ็บปวด

    จะปล่อยฉันออกไป...

    .......................

    รอให้คุณกลายเป็นเหมือนคนพวกนั้น...แล้วกัดฉันน่ะเหรอ?เอ่ยเสียงเย็น...ตำรวจหนุ่มร่างสูงโปร่งหยุดชะงักเมื่อได้ยินประโยคที่ร้ายกาจหลุดออกมาจากปากคนหน้าสวย

     

    ช่างเลือดเย็น...

     

    ........................

    นายตำรวจค่อยๆ เดินถอยหลังออกจากตรงนั้น...เดินไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานพลางหยิบกรอบรูปสีดำที่มีรูปครอบครัวขึ้นมาดูอย่างสิ้นหวัง...นัยน์คาคู่สวยมองไปยังนายตำรวจที่เอาแต่นั่งนิ่งเงียบ ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขามันคือความจริง....ความจริง...ที่ปฏิเสธไม่ได้...

     

    นั่นสินะ...

    อีกไม่นาน...ผมก็คงกลายเป็นเหมือนพวกเขา...

     

    ร่างบางหันหลังพิงกับกระจกพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบอีกครั้งก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่อเสียงปืนนั้นดังลั่นเข้ามาถึงด้านใน...ร่างผอมบางเอี้ยวตัวหันกลับไปก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นตำรวจคนนั้นนอนฟุบจมกองเลือดอยู่บนโต๊ะทำงาน...เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากขมับข้างขวา...

     

     



     

    พร้อมกับกรอบรูป...ที่ยังคงอยู่ในมือ

     

     

     





     

    .

    .

     

     

     

     

    เอเย่นสาวค้ายาเสพย์ติดถูกจับมาขังไว้เพื่อรอเวลาสอบสวนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก่อนเกิดเหตุ หญิงสาวร่างผอมบางเลือกที่จะให้ตำรวจจับกุมมากกว่าหาทางหนี...ยังไงซะ...ก็ต้องมีคนมาประกันตัวเธอออกไปอยู่ดี...

    บี้ก้นบุหรี่ลงบนพื้นนับสิบ...ข้างนอกมีเพียงแค่นายตำรวจที่กำลังนั่งจดจ้องจอมอนิเตอร์และเครื่องพิมพ์ดีดต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตน ถูกจับกุมมาขังไว้ในห้องแคบๆ นี่ก็ตั้งนานแล้วเมื่อไหร่จะเข้ามาสอบสวนสักที ใช่ว่าเธอจะเป็นคนมีความอดทนสูงเสียเมื่อไหร่ ต้องให้รออีกนานแค่ไหนกัน?

    ทันใดนั้น...ก็มีตำรวจนายหนึ่งเข้ามาพร้อมกับตำรวจอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บ... แขนของเขาถูกกัดจนเนื้อหลุดออกเป็นริ้ว...และไม่นานนัก...

     

     


    ตำรวจหนุ่มคนนั้นก็เข้าไปกัดกินตำรวจคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง...

    จนเหลือเพียงแค่ตำรวจคนสุดท้าย...ที่ปลิดชีวิตตัวเองทิ้งไปเมื่อครู่....

     

     

     

     

    .

    .

     

     


    ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนปิดบังดวงหน้าเธอไว้ข้างหนึ่ง ดูไม่ยี่หระกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นสักเท่าไหร่...จะดิ้นรนหาทางรอดออกไปทำไม...ข้างนอกนั่นอันตรายเสียยิ่งกว่าอะไร...

     

    ยังไงก็ต้องตาย...สู้ตายเงียบๆ อยู่คนเดียวไม่ดีกว่าหรือ?

     

    ผมจะช่วยคุณออกมา จองซูพูดพร้อมกับเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูพร้อมกับหมุนกลอน ต้องหากุญแจ พูดกับตัวเองก่อนจะหันหลังกลับ มองซ้ายขวาอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปค้นตัวนายตำรวจที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ฮีชอลมองตามร่างโปร่งพลางหันกลับไปมองหญิงสาวร่างผอมเพรียวที่กอดอกพลางก้าวเท้าเดินไปรอบๆ ห้อง

     

    จะช่วยฉันไปทำไมกัน

    “………………”

    เป็นภาระเปล่าๆ ยังไงเราทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี พูดทั้งที่ยังหันหลังให้ทั้งคู่...จองซูหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตาหากุญแจต่อไปในขณะที่ฮีชอลนั้นยืนนิ่งมองแผ่นหลังหญิงสาวคนนั้นไม่ห่าง

     

    ดูสิ้นหวังในชีวิต...

     

    ยังไงเราก็ต้องช่วยคุณออกมา อย่าพูดตัดพ้อแบบนั้นสิครับฮีชอลว่า

    .........................

    เราจะพาคุณออกไปจากที่นี่เอง จองซูพูด ถึงแม้ว่าหนทางข้างหน้าจะดูริบหรี่...แต่คนอย่างเขาน่ะหรือจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ

     

     

    มีตัวถ่วงอยู่แล้วทั้งคน...อย่าหาภาระใส่ตัวอีกจะดีกว่านะ...

     

     

    .........................แทบจุกกับคำพูดหญิงสาวคนนั้น...จองซูเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ยืนก้มหน้านิ่ง

    หยุดคิดโง่ๆ แล้วรีบหาทางเอาตัวรอดก็พอเถอะคุณตำรวจ...

    ..........................

    เดี๋ยวเราจะช่วยคุณออกมาฮีชอลพูดอีกครั้ง

     

     

     

    ระวังเถอะ....

    ..........................

    ระวังจะต้องจบชีวิตตัวเองเพราะภาระที่หิ้วมาด้วย

    ..........................

     

     

     ทุกถ้อยคำที่เธอพูดออกมานั้นมันทำให้เขาพูดไม่ออก จองซูลุกขึ้นยืนพลางจ้องมองคนข้างๆ ที่เม้มริมฝีปากพลางกำหมัดแน่นก่อนจะวิ่งออกจากประตูไป จองซูเบิกตากว้าง เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว

    ฮีชอล!”

    รีบตามไปซะสิเธอพูดพร้อมกับพ่นควันสีเทาหม่นออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นไม่ลืมที่จะใช้รองเท้าส้นสูงบดขยี้มัน

    ....................

     

     

     

     

    แล้วก็ไม่ต้องย้อนกลับมาอีกล่ะ

     

     

     

     


     

    .

    .

     



     

    ร่างโปร่งวิ่งเข้าไปคว้าคว้าแขนเรียวเอาไว้ นัยน์ตาคมมองแผ่นหลังที่กำลังสั่นเทา จองซูถอนหายใจเบาๆ เข้าใจดีว่าฮีชอลกำลังรู้สึกแย่แค่ไหน

     

    ฮีชอล...

    ...................

     

    ร่างบางค่อยๆ เอี้ยวตัวหันกลับมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เบือนหน้าหลบไปอีกทาง ราวกับไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องมาเห็นน้ำตาแห่งความอ่อนแอของตน...

    อย่าร้องไห้เลยนะ นิ้วหัวแม่มือค่อยๆ ไล้น้ำตาออกจากดวงหน้าขาวพร้อมกับยิ้มบางๆ ให้ อีกฝ่ายยังคงสะอื้นไม่หยุด ฮีชอลพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเข้าสวมกอดตำรวจหนุ่มเพื่อหาที่พักพิง...

     

    ผมขอโทษ...จองซู...

    ขอโทษอะไรกัน?

    ผมขอโทษที่ทำตัวเป็นภาระให้คุณ...ถ้าทำได้...ผมก็อยากจะมีประโยชน์ให้มากกว่านี้... ร่างบางเอ่ยเสียงสั่นพร้อมกับซุกหน้าลงกับแผงอกกว้าง ร่างโปร่งกระชับกอดอีกฝ่ายแน่นพลางลูบเรือนผมเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ

    ผมเคยคิดอยากจะตายตามคนอื่นไปซะ...จะได้ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าจะต้องตายเมื่อไหร่...จะรอดออกไปจากที่นี่ได้รึเปล่า...ทั้งที่คนอย่างผม....ไม่น่ารอดมาเลยด้วยซ้ำ...

    อย่าพูดอย่างนั้นสิ...คุณต้องรอดนะฮีชอล...เราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน

    ผมท้อ...ถ้าไม่มีคุณ...ผมคงเดินออกไปให้พวกมันกัดตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด...แต่... ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งพลางผละตัวออกจากอีกฝ่าย นัยน์ตาเรียวยังคงรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส...สบตากับใบหน้าคมของตำรวจหนุ่มที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้พร้อมกับวางมือไว้บนแผงอกแกร่ง

     

     

    ...นั่นก็เพราะผม...ยังมีคุณอยู่ข้างๆ

    .......................

    ขอบคุณนะครับ...จองซู กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนที่จะก้มหน้างุดเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มให้กับเขา

    ถ้าจะขอบคุณผม...งั้นคุณก็ห้ามคิดว่าตัวเองเป็นภาระอีกนะรู้ไหม?

     

     

     

     

    ....ครับ....ผมจะไม่พูดอีก

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    เคยรู้สึก...ตกใจ...

    จนทำอะไรไม่ถูกไหมครับ?

     

     

     

    ร่างผอมบางเปลือยเปล่าอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างหนา ดวงหน้าขาวซีดเผือดหอบหายใจหนักพลางปรือตามองใบหน้าใครอีกคนที่ลอยอยู่ตรงหน้า ในทีแรกภาพนั้นพร่ามัวจนมองไม่ชัด...ได้ยิน...ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

     

     

    คุณ...ได้ยินผมไหม?

     

     

    เขา...เป็นใครกัน...แล้วที่นี่ที่ไหน...

     

     

    ผมสีบรอนด์ขาวเปียกลู่เข้ากับใบหน้าเนียน กลีบปากสีเชอรี่ขยับเล็กน้อยราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง...ทงเฮโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ เงี่ยหูฟังชายหนุ่มที่เขาพึ่งช่วยออกมาเมื่อครู่

     

    ...ผ....

    ....................

    ผม....เป็นใคร

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ข้างในนี้คาดว่าคงเป็นห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์ไม่ต้องคาดเดาให้ยาก...ดูจากสภาวะรอบข้างในตอนนี้...หลอดแก้ว...คอมพิวเตอร์..และเครื่องมืออะไรต่างๆ ที่อยู่รอบตัว...อีทงเฮพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จำได้ลางๆ ว่ามีใครสักคน...ตีหัวเขาจนสลบไป...พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว

    ร่างหนาคว้าเสื้อกราวน์นักวิทยาศาสตร์ที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาคลุมให้กับร่างบางที่กำลังนั่งสั่นเทาเอาไว้ นัยน์ตาเรียวกวาดสายตามองไปรอบข้าง หวาดระแวงกับทุกสิ่งแม้กระทั่งตอนถูกปลายนิ้วอีกคนสัมผัสเบาๆ ลงบนต้นแขน

     

    ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ไม่ต้องกลัวนะ ร่างกายและใบหน้าของร่างบางเริ่มปรับสภาพปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูซีดเผือดราวกับคนไม่มีเลือดในร่างกาย ทงเฮนั่งลงตรงหน้าร่างบางพร้อมกับยิ้มให้

     

    สวัสดี

    ................... ไม่ตอบอะไร นัยน์ตาเรียวเอาแต่จ้องมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ มือเล็กกำชุดกราวน์ที่ปิดคลุมร่างกายตัวเองไว้แน่น

    มือหนาค่อยๆ เอื้อมออกมาปัดไรผมออกจากดวงหน้าหวานเพียงเบาบาง หากแต่คนถูกสัมผัสนั้นหลับตาลงทันทีราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายตน นึกประหลาดใจ...หรือว่าจะโดนแช่ในหลอดแก้วนั่นนานเกินไปจนหวาดกลัวกับทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว?

    เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ บนแก้ม...มือเล็กค่อยๆ เอื้อมขึ้นมากุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะจ้องมองมันด้วยความสงสัย ทงเฮมองการกระทำของร่างบางอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่คิดจะผละออกจากมือนุ่มนั้น

    กลีบปากหยักคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อคนตรงหน้าเอามือเล็กทาบลงกับมือของเขา ร่างบางจ้องมองมันด้วยความสงสัย...จนทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าใช่มนุษย์หรือเปล่า

     

    ผมอีทงเฮ

    ดวงหน้าหวานหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคแนะนำตัวของคนตรงหน้าทั้งที่มือยังคงทาบกันอยู่อย่างนั้น นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองร่างหนาด้วยความไม่เข้าใจ...

    อี...

    ทง...เฮ ย้ำชื่อตัวเองอีกครั้งช้าๆ และก็ได้ผล...เมื่อคนตรงหน้าทำตามที่เขาพูดทุกอย่าง


     

    ทง........เฮ

     

     



     

    .

    .

     

     

     

    ทงเฮแบกอีกฝ่ายขึ้นบนหลัง จะปล่อยให้ร่างบางอยู่ที่นั่นตามลำพังไม่ได้ วงแขนเล็กกอดคออีกฝ่ายไว้แน่น ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร...และอีกฝ่ายเป็นใคร...แต่ความรู้สึกมันบอกว่าคนๆ นี้อยู่ด้วยแล้วปลอดภัย...

    หลังจากนั้นเขาก็ยอมพูดออกมาบ้างถึงแม้จะไม่มากเท่าที่ควร และดูเหมือนว่าจะเริ่มปรับสภาพแวดล้อมและจดจำรายระเอียดรอบข้างได้มากขึ้น...หากแต่...เจ้าตัวนั้นยังคงนึกไม่ออก...ว่าตัวเองนั้นเป็นใคร

     

    คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เอ่ยถามระหว่างที่หาทางออกจากที่นี่...รอบข้างมีแต่กำแพงสูงไม่คุ้นตาและห้องแลปที่ข้างในนั้นมีซากศพของสัตว์หลายประเภทนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดบ้างก็โดนห้อยคอเอาไว้...เขาเดินไปตามพื้นเหล็ก...ข้างในนี้อากาศหนาวเย็นไม่เท่าไหร่ถ้าเทียบจากข้างนอกแล้ว

     

    ........ไม่รู้

    คุณพอจะจำอะไรได้บ้างไหม? เอ่ยถามอีกครั้งหากแต่ร่างบางเอาแต่ส่ายหน้าพรืด...แค่นั้นก็ทำให้เขารู้ตัวแล้วว่าไม่ควรถามอะไรอีกต่อไป

     

    ไม่ว่าข้างล่างนี่จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น...แต่ก็พอทำให้คาดเดาได้ว่า...ห้องแลปภายใต้สถานีตำรวจแห่งนี้...ต้องเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดในเมืองเป็นแน่...

    พอเรียบเรียงเรื่องราวได้แล้วก็นึกถึงพี่ชายที่พึ่งพลัดหลงกันไปเมื่อก่อนหน้านี้ ต้องให้จองซูมาเห็นที่นี่...เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องให้คนทั้งโลกได้รับรู้...ลำพังแค่รัฐบาลเกาหลีในตอนนี้คงพึ่งพาอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นยังคงมีชีวิตรอดอยู่รึเปล่า

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    หน้าที่...

    เกียรติยศ...ชื่อเสียง..และอุดมการณ์

     

     

     

    ทั้งสามคนหยุดเดินพลางกวาดสายตาไปรอบๆ พื้นที่โล่งใน SUBWAY สถานีรถไฟใต้ดิน คยูฮยอนเอี้ยวตัวหันหลังพลางยกปืนขึ้นมาเล็งปืนไปรอบๆ ทำท่าเหมือนตำรวจในหนังคอยระวังหลังให้ทหารหน้าโหดและคุณตำรวจหนุ่มที่ลืมเอาปากมาจากบ้านอย่างตั้งใจ

     

    ทำอะไรของนาย เขกหัวลงไปทีนึงเมื่อเห็นท่าทางตื่นตูมของเด็กหนุ่ม คยูฮยอนกุมหัวตัวเองพลางเลิกคิ้วไม่พอใจ

    นี่ผมกำลังระวังหลังให้พวกคุณนะ

    ไม่จำเป็น ทีมของฉันพึ่งวิทยุมาบอกว่าข้างล่างนี่สงบยิ่งกว่าอะไรดี ยองอุนตอบพร้อมกับหิ้วคอเสื้ออีกคนให้เดินตามไปด้วยกัน คยูฮยอนแหกปากโวยวายพลางจับมือคนใจร้ายเอาไว้

    เฮ้ย! ปล่อย! ผมเดินเองได้

    ชเวซีวอนได้แต่เดินตามนายทหารหนุ่มไป ในเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานว่ายังไงก็ต้องใช้รถไฟใต้ดินในการเดินทางเพราะขืนใช้เส้นทางถนนคงเสี่ยงเกินไป

    ยังไงเขาก็ต้องไปสถานีตำรวจอยู่แล้วเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินคงปลอดภัยกว่าทางถนนอย่างที่คิมยองอุนบอกนั่นแหละ...พอไปถึงที่นั่นแล้วคงต้องหาทางติดต่อชองยุนโฮเพื่อนร่วมทีมของเขาอีกที หลังจากขาดการติดต่อกันไปในช่วงบ้านเมืองชลมุน...

     

     

    นี่ก็มาตามเวลานัดแล้ว...เจ้าพวกนั้นมัวแต่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน

     

    กวาดสายตามองไปรอบๆ สถานี ข้างหน้ามีรถไฟใต้ดินจอดอยู่ ไม่มีวี่แววของทีมที่ติดต่อมาเมื่อก่อนหน้านี้ ในเมื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายล้มเหลว...ใช่...พวกเขาไม่สามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้ตามที่ได้รับมอบหมาย พลเรือนกลายเป็นผีดิบเกินครึ่งค่อนเมือง พวกเขาไม่จำเป็นต้องฝืนค้นหาผู้รอดชีวิตอีกต่อไปในเมื่อได้รับข่าวดีที่สุดแห่งปี...

     

     


    รัฐบาลสหรัฐสั่งให้นิวเคลียร์ลงใจกลางกลุงโซลตอนหกโมงเช้าครับหัวหน้า...

     

     

    นิวเคลียร์ล้างเมือง...ที่เป็นหนทางสุดท้ายที่จะยับยั้งไวรัสเหล่านี้ได้...

     

     

    ผมจะลงก่อนคุณสามสถานี

    อืม...

    ใช้เวลาให้คุ้มล่ะ คิมยองอุนพูดพลางมองไปยังร่างสูงที่ยืนกอดอกพิงกำแพงพลางหลับตาลงใช้ความคิด เวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงที่เหลืออยู่นั้นเขาจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่?

    เราต้องแยกกันเหรอ คยูฮยอนถาม

    นายต้องไปกับฉัน คิมยองอุนว่าตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย อย่างน้อยก็ทำสำเร็จไปหนึ่งอย่างนั่นก็คือช่วยผู้รอดชีวิต ถึงจะได้แค่คนเดียวก็เถอะ

    แล้วคุณซีวอนล่ะ หันไปมองคนข้างๆ ซีวอนลืมตาขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง

     


     

    ตึก...

    ตึก...ตึก....

     

     

    คุณเป็นอะไรไป? คยูฮยอนเอ่ยถามก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะประริมฝีปากอิ่มเอาไว้

     

     

     


    หมอบ!!”

     

     

     

     

    ครืน!!!!!

    ร่างสูงกอดเด็กหนุ่มเอาไว้พร้อมกับลงไปหมอบกับพื้นในขณะที่ร่างหนากระเด็นออกไปเพราะแรงปะทะ เมื่อกระสุนบาซูก้ายิงเข้าเสาหลักที่ทำด้วยซีเมนต์หนาแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี

    นัยนต์ตาเรียวค่อยๆ ลืมขึ้น...รู้สึกมึนหัวแปลกๆ...ได้ยินเสียงวิ้งดังก้องอยู่ในหู ภาพข้างหน้าคือนายทหารหนุ่มที่กำลังยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางคว้าปืนกลขึ้นมายิงไม่ยั้ง...

     

    ไปหาที่หลบ...เร็วเข้า!” ร่างสูงบอกคนที่อยู่ในอ้อมกอดก่อนจะดันร่างโปร่งออกให้พ้นทางกระสุน...

     

    ร่างสูงใหญ่ที่ถือปืนกลอยู่ภายหน้าก่อนจะทิ้งบาซูก้าทิ้งลงบนพื้น นั่นทำให้เขาต้องตั้งสติให้มากกว่าเดิมถึงแม้ว่าจะตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ก็ตาม...ขายาวก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า...สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์...ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวและมีรอยเย็บอยู่ตรงตาข้างซ้าย...เป้าหมายของมันคือ....

     



     

    “S.T.A.R.S....

     

     


    เขา....

     

     


    ให้ตายเถอะ! นั่นมันตัวหอกอะไรวะเนี่ย?!” ร่างหนาสบถพลางลุกขึ้นยืน...เดินถอยหลังทุกก้าวเมื่อสัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ก้าวเขามาหา...

     

     

    ไม่ว่าอะไรก็ตามแต่...ในตอนนี้ถ้าเขาไม่กำจัดมัน...มันก็ต้องจัดการเขาเป็นแน่

     

     

    “…….!!!” สัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ตั้งปืนขึ้นก่อนจะรัวกระสุนใส่ตำรวจหนุ่มไม่ยั้ง...ชเวซีวอนกระโดดหลบหลังเสาพลางกุมหัวไหล่ตัวเองไว้เมื่อถูกยิงเฉียดไปเมื่อครู่

     

    บ้าจริง...

    ซีวอน! คุณโอเครึเปล่า?คยูฮยอนที่หลบอยู่หลังต้นเสาฝั่งตรงข้ามตะโกนถาม ร่างสูงพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะโผล่หน้าออกไปเพียงเล็กน้อย คิมยองอุนกำลังยืนต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเพียงลำพัง มันดูแข็งแรงมากโดนรัวปืนกลใส่ขนาดนั้นยังไม่สะทกสะท้าน...แล้วประสาอะไรกับเขาที่มีปืนพกตำรวจแค่กระบอกเดียว...

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!” นัยน์ตาคมเบิกกว้างเมื่อนายทหารหนุ่มถูกเหวี่ยงติดกับรถไฟใต้ดินอย่างแรงจนกระจกแตก

    ร่างสูงออกมาจากต้นเสาพร้อมกับเล็งไปที่หัวของมัน และดูเหมือนจะได้ผลอยู่ไม่น้อยเมื่อสัตว์ประหลาดนั่นเริ่มยกมือปิดบังดวงตาตัวเองเอาไว้

     

     

    คลิ๊กๆ!!”

     

    รัวกระสุนจนหมดแม๊กซ์เป็นจังหวะให้สัตว์ประหลาดตนนั้นตั้งตัวได้ ยังไม่ทันจะใส่กระสุนแม๊กซ์ใหม่เข้าไปเรียบร้อยตำรวจหนุ่มก็ตัวลอยขึ้นกลางอากาศเมื่อถูกบีบคอเอาไว้

    ร่างสูงดิ้นพล่านพลางจับมือใหญ่ที่บีบคอตนเอาไว้เมื่อเริ่มหายใจติดขัด...กะเอาให้ตายคามือเลยสินะ...นัยน์ตาคมมองไปยังทหารหนุ่มที่นอนขดอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด...เขาต้องทำอะไรสักอย่าง....

     

     

     

    “S.T.A.R.S....

     

     

     

     

    ปัง...ปัง!!!

     

    สัตว์ประหลาดร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เอี้ยวตัวหันกลับไปมองต้นเหตุที่กำลังยิงเข้ามา ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรแต่พอมองเห็นเป้าหมายแล้วระบบก็ประมวลผลได้ว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงแค่ผลเรือนที่ไม่มีพิษภัยถึงแม้จะมีปืนทหารกระจอกๆ อยู่ในมือก็ตาม

     


    ทางนี้โว้ย!” เด็กหนุ่มตวาดลั่นหากแต่สัตว์ประหลาดตนนั้นกลับไม่สนใจ ในเมื่อเป้าหมายอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

     

     

     

    “S.T.A.R.S....

     

     

     

    ริมฝีปากที่ฉีกเหวอะน่าเกลียดเอ่ยเรียกเป้าหมายอย่างเลือดเย็น...มือข้างที่ว่างอยู่นั้นค่อยๆ กลายสภาพเป็นรากยาวเฟื้อยคล้ายกับรากไม้หากแต่เป็นสีม่วง นั่นสร้างความตกใจให้กับพวกเขาเป็นเท่าตัว

     

     


    ปังๆๆๆๆๆ!!!

     

    รัวปืนใส่ไม่ยั้งจนบังเอิญโดนหัวมันเข้า ร่างสูงใหญ่หันกลับไปคำรามใส่อย่างหัวเสียเมื่อถูกขัดขวางการทำภารกิจ...จังหวะนั้นเอง...ตำรวจหนุ่มเอื้อมไปดึงมีดพกที่เหน็บไว้กับต้นแขนก่อนจะทิ่มตามันอย่างจัง นั่นทำให้ร่างสูงใหญ่สะบัดตัวเขาทิ้งลงบนพื้นก่อนจะเซถอยหลังพลางปิดตาตัวเองเอาไว้

     

     


    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ

     

     

    แค่กๆ!!!”

    คุณ!! ลุกขึ้นเร็วเข้ามันจะมาแล้ว เร็วๆ!!” คยูฮยอนเข้าไปพยุงร่างสูงขึ้นก่อนจะหันกลับไปมองสัตว์ประหลาดตัวนั้นที่กำลังดึงมีดออกจากตาตัวเอง

     

     

    ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

     

    เสียงปืนกลรัวเข้าใส่ร่างสูงใหญ่ไม่หยุดนั่นทำให้พวกเขาทั้งสองหันกลับไปมองทางด้านหลังเผยให้เห็นทหารสี่นายยืนรัวปืนอยู่ หนึ่งคนลดปืนลงก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปพยุงคิมยองอุนขึ้นมา

     

    รีบขึ้นไปบนรถไฟใต้ดิน เร็วเข้า!” นายทหารร่างท้วมเอ่ยขณะที่ยังคงยังคงยิงสกัดไว้ให้ คยูฮยอนพยักหน้าพร้อมกับหิ้วปีกร่างสูงขึ้นก่อนจะเข้าไปในรถไฟใต้ดิน

     

    ยิงสกัดพร้อมกับถอยหลังเข้ามาในรถไฟ เครื่องยนต์ทำงานพร้อมกับประตูที่ปิดลงหลังจากทหารร่างท้วมคนสุดท้ายเดินเข้ามาในขณะที่สัตว์ประหลาดนั่นวิ่งตามรถไฟด้วยความเร็วสูง คำรามด้วยความเกรี้ยวกราดแต่สุดท้ายแล้วก็ต้องหยุดยืนอยู่กับที่เพราะเป้าหมายหลุดจากพิกัดไปแล้ว

     

     

     

     

    กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ S.T.A.R.S…………………………………”

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ที่ๆ ปลอดภัยที่สุด...

    คือที่ๆ อันตรายที่สุด...

     

     

     

     

    ครืด....

     

    เสียงประตูจากช่วงตู้รางรถไฟเปิดออกพร้อมกับร่างท้วมที่เดินเข้ามา นัยน์ตาเรียวก้มลงมองเด็กหนุ่มก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่นั่งบาดเจ็บอยู่ข้างๆ โดยมีแพทย์สนามในทีมเขาคอยทำแผลให้

    คุณยองอุนเป็นยังไงบ้าง คยูฮยอนเอ่ยถามหากแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูด นายหทารร่างท้วมนั่งลงฝั่งตรงข้ามชเวซีวอนที่กำลังหน้าซีดเผือดเพราะเสียเลือดจากแผลที่โดนยิงไปเมื่อครู่

     

    คยูฮยอนขยับปากบ่นอุบอิบ...คนคุยด้วยยังทำหยิ่ง...นี่ประชาชนนะครับ...สนใจกันบ้าง...

     

    ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปยังรถไฟอีกตู้ที่ทหารหนุ่มอยู่ข้างในนั้น ดูเหมือนว่าเขากำลังคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่กับนายทหารอีกสามคน นัยน์ตาคมหันมาสบตากับเด็กหนุ่มด้วยสีหน้านิ่ง

     

    เข้ามาสิ

     

    คยูฮยอนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่มดตัวน้อยๆ บนโลกใบนี้ที่อยู่ท่ามกลางฝูงช้างแมมมอธห้าหกตัวที่กำลังยืนคุยกันอยู่

     

    เอาง่ายๆ

    ผมเป็นส่วนเกินครับ

     

    หัวหน้าโอเครึเปล่า ทหารนายหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังพยายามดึงเศษกระจกออกจากต้นแขน คิมยองอุนพยักหน้าก่อนจะกลั้นใจดึงมันออกทีเดียว

    เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมานั่นทำให้คยูฮยอนรีบคว้าประเป๋าเป้มาวางไว้บนตักพร้อมกับรูดซิบเอาเสื้อพละที่อยู่ข้างล่างสุดออกมาแล้วพยายามฉีกออก ทหารทั้งสามนายมองการกระทำของเด็กน้อยนิ่งไม่พูดไม่จาเมื่อเห็นคยูฮยอนพยายามแล้วพยายามอีกแต่เสื้อยืดตัวบางก็ยังไม่ขาดออกสักที

     

    เอามานี่ พูดพร้อมกับแย่งเสื้อยืดมาก่อนจะกัดมันเอาไว้แล้วใช้มืออีกข้างฉีกออกจากกันอย่างง่ายดายพลางมัดปิดปากแผลในขณะที่เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมองแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

     

    หูยย ทำไมทำเงี้ย เขาล่ะก็อุตส่าห์จะโชว์แมนเหมือนในหนังตามที่พระเอกเค้าชอบทำแต่ก็โดนแย่งซีนซะได้...นั่นเรียกเสียงหัวเราะให้กับทหารทั้งสี่คนได้เป็นอย่างดี

     

    เดี๋ยวฉันมา คิมยองอุนพูดพร้อมกับคว้าต้นแขนร่างโปร่งเอาไว้ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตู้รถไฟที่มีตำรวจหนุ่มอยู่ที่นั่น

     

    รถไฟใต้ดินที่วิ่งด้วยความเร็วสูงคยูฮยอนมองออกไปนอกกระจกที่มืดสนิทก่อนจะหยัดตัวนั่งลงห่างๆ พวกเขาทั้งสี่คน

     

    คุณจะไปที่นั่นจริงๆ น่ะเหรอ?

    ผมต้องไป

    ต่อให้คุณเข้าไปข้างล่างนั่นได้...มันก็ยากที่จะเอาชีวิตรอดออกมา

    ผมทิ้งภารกิจไม่ได้...อีกอย่าง...ทีมผมก็อยู่ข้างในนั่น

    ........................

    ผมก็เหมือนคุณ...

    ........................

     

     

    ที่มีโอกาสเอาตัวรอด...แต่ก็ยังย้อนกลับมาช่วยทีม

     

     

    ทหารร่างท้วมหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อได้ยินประโยคของตำรวจตรงหน้า แพทย์ทหารพันผ้าก๊อตทับให้อีกรอบก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหาคิมยองอุนพลางสำรวจแผลบนต้นแขนแกร่งให้หากแต่อีกฝ่ายกลับยกมือปราม

     

    ฉันไม่เป็นไร

    ครับหัวหน้า

     

     

     

     

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”

    เสียงดังมาจากรถไฟตู้สุดท้ายที่เขาพึ่งเดินออกมาเมื่อครู่...คิมยองอุนเดินไปส่องตรงประตูก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อสัตว์ประหลาดตัวเมื่อครู่นั้นกำลังปลิดชีวิตทีมเขาไปทีละคน

     

    ยองอุน!”

    อืม!” หทารหนุ่มขานรับพร้อมกับปลดล็อกปืนกลเตรียมพร้อมจะเข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดนั่น คยูฮยอนลุกขึ้นยืนพลางมองตามคนตรงหน้าที่กำลังจะเดินเข้าไปหาที่ตาย

     

     

    นายสองคนอยู่ที่นี่

    ไม่สิ...คุณเข้าไปข้างในนั้นมีแต่ตายกับตายนะ

    แล้วมันมีวิธีที่ดีกว่านี้รึไงเล่า?!” ทหารหนุ่มตวาดในขณะที่ทหารร่างท้วมเดินเข้าไปข้างในก่อน ชเวซีวอนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด

     

     

    แต่ผมคือเป้าหมายของมัน

     

     

    สัตว์ประหลาดตัวนั้น...มันไล่ล้างหน่วย S.T.A.R.S...ผมเห็นมันฆ่าตำรวจเหล่านั้นมากับตา...

     

     

    คำบอกเล่าจากทหารร่างท้วมเมื่อตอนนั่งทำแผล นั่นทำให้เขาพอจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ร่างสูงกำหมัดแน่นพลางลุกขึ้นเดินไปหยุดหน้าประตูแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งเอาไว้

     

    ผมตาย....มันก็ดีกว่าให้คุณตาย

     

    พูดทั้งที่ไม่มองหน้ากันและกัน...ในเมื่อความหวังมันริบหรี่...ความหวังอันน้อยนิดที่สุดก็คือคนตรงหน้า ที่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องช่วยให้ชเวซีวอนพ้นผ่านและเข้าไปทำภารกิจต่อให้ได้...

    เขาถูก Umbrella จ้างวานมาก็จริง แต่ในเมื่อเรื่องราวมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่ใช่แค่ในโซล...แต่มันกำลังจะแพร่กระจายไปทั่วทั้งประเทศ...และเชื่อเถอะว่าอีกไม่นาน...มันจะแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก...

     

    และเขา...จะให้บริษัทเฮงซวยนี่ลอยนวลไปไม่ได้

     

     

    คุณต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ....ให้คุ้มค่ากับการที่ผมเสียสละไปในครั้งนี้

     

     

    คำพูดที่ฟังดูแล้วชวนใจหาย เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตากำลังไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้จะรู้จักกันมาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ถึงคนๆ นี้จะใจร้ายกับเขาสักแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้น....

     

    มือหนาลดมือลงก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่ม จ้องมองใบหน้าที่ดูเหมือนลูกแมวโดนทิ้ง นัยน์ตากลมโตมีหยาดน้ำใสคลออยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจเด็กคนนี้นัก ทั้งที่สร้างปัญหาให้เขาต้องปวดหัวอยู่ตลอด...

    ร่างหนาจับหัวอีกฝ่ายกดลงตรงหน้าอกข้างซ้ายพลางหลับตาลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วินาทีต่อไปนี้...และเขา...อาจจะไม่มีโอกาสได้หายใจบนโลกนี้อีก

     

     

    ฝากดูแลเจ้าเด็กนี่ด้วยล่ะ

    ........................

    ........................

     

    กัดฟันไว้พลางผละตัวออก..ขยี้หัวเด็กหนุ่มเบาๆ ทั้งที่ไม่หันกลับไปมองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย คยูฮยอนก้มหน้านิ่งเห็นเพียงแค่เท้าอีกฝ่าย...ที่กำลัง...

     

     

     

     

     

    เดินจากเขาไป....

     

     

     

     

     

     

    ครืดดด...........

     

     

    ..................!!!!!!”

    .......................

     

    ร่างสูงและเด็กหนุ่มเซล้มลงไปกับพื้นเมื่อรถไฟตู้สุดท้ายที่ทหารทั้งหกอยู่ในนั้นหลุดออกจากขบวนไป เสียงเสียดสีของเหล็กรางรถไฟดังจนแสบหูพร้อมกับเพลิงไหม้ลุกโชน...ซีวอนเบิกตากว้างเมื่อภาพที่เห็นนั่นมันทำให้เขารู้สึกละอายแก่ใจขึ้นมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า...

     

     

    ทหารพวกนั้น...ยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้เขามีชีวิตรอด...

     

     

    ไม่นะ...ไม่!!!” เด็กหนุ่มยืนเกาะประตูพลางมองภาพตรงหน้าที่ออกห่างไปเรื่อยๆ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น คนบ้าบิ่นอย่างคิมยองอุนน่ะหรือจะยอมจบชีวิตตัวเองง่ายๆ แบบนี้...เป็นไปไม่ได้...

    ร่างสูงเข้าสวมกอดเด็กหนุ่มทางด้านหลังพร้อมกับยกมือขึ้นปิดตาอีกฝ่ายเอาไว้ในขณะตัวเขาเองก็เจ็บปวดในสิ่งที่เห็นไม่น้อยไปกว่าคยูฮยอนเลย...ร่างโปร่งดิ้นทุรนทุรายในอ้อมกอด...ดิ้น..จนหมดแรง...

     

     

     


     

    เจ้าเด็กนี่มันกวนประสาทชะมัด...ถ้าเกิดกลายเป็นผีดิบขึ้นมาเมื่อไหร่ ฉันจะจับนายมัดขาเอาไว้แล้วห้อยหัวลงมาจนหิวตายซ้ำสอง คอยดูสิ

     

    กลัวตายไหมน่ะเหรอ? คนอย่างผมเฉียดตายมานักต่อนักแล้ว...จะกลัวไปทำไมกัน...ถ้าถึงเวลาที่ต้องตาย...ต่อให้มีพระเจ้ามาหยุดยืนตรงหน้า...ก็ช่วยอะไรไม่ได้...

     

    กินเข้าไปเถอะน่า! ทำไมนายถึงได้ดื้ออย่างนี้นะ?!’

     

    ยินดีที่ได้รู้จัก...

     

     

     

     

     

     





     

    คุณ...กลับไปช่วยเขาสิ...กลับไป.....ฮือ....

     

     

     

     

     








     

    - มอย -

     

    อ่านปากของฉันนะ...

    ฟิคดักแห่งปีอยู่นี่แล้ว...อะฮึ่ย....

    ตอนหน้ามีอะไรบ้างนะ (คิด) อย่าตกใจไปล่ะ คึคึ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×