ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] HaeEun ft.WonKyu | Friend's "แฟนเพื่อน"

    ลำดับตอนที่ #4 : Friend's III - Hurt

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 54








     

     

     

     

     

     

    คำผูกพันที่เรียกว่าเพื่อน..

    มันจะช่วยอะไรผมได้บ้าง..

     

     

     

     

     

     

    ................

    ................

     

    ท่ามกลางความเงียบสงบ..เงียบ..จนได้ยินเพียงแค่เสียงเข็มนาฬิกาเท่านั้น..ดวงตาคมจ้องมองใครอีกคนที่ยืนหลบตาเขาอยู่ตรงหน้า..ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ทั้งคู่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้..ไม่มีใครเอ่ยคำพูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงแค่ความอึดอัดที่ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น..

     

    อย่าว่าแต่พูดเลย..แค่สบตาทงเฮฮยอกแจยังไม่กล้า..

     

    ..................

    มึงอยากแก้ตัวอะไรไหม?

    ..................

    ..กูให้เวลามึงห้านาที

     

    ถึงจะพูดอย่างนั้นหากแต่แววตาของทงเฮกลับไม่ต่างไปจากเดิม..ตอนนี้ทงเฮกำลังโกรธมากฮยอกแจเข้าใจดี..เพราะสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปมันมากเกินกว่าที่จะให้มาพูดแก้ตัว

     

     

    ..................

    มึงเงียบทำไม กูถามไม่ได้ยินเหรอ?

    ..................

    ก้มหน้าทำไม? มึงมองหน้ากูสิ พูดพร้อมกับบีบคางมนให้เงยขึ้นสบตากับตนเอง ฮยอกแจเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกชาไปทั้งตัวเพียงเพราะเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทที่มองเขาด้วยแววตาเฉยชา

     

     

    มองหน้ากู คนที่มึงเรียกว่าเพื่อนสิอีฮยอกแจ

     

     

    สิ้นประโยคทำเอาร่างโปร่งพูดไม่ออก.. คำว่า เพื่อน ที่อีกฝ่ายพูดมามันทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ภาพเก่าๆ ที่เคยหัวเราะ เคยมีความสุขด้วยกันค่อยๆ ฉายขึ้นมาในหัว.. ความผิดครั้งนี้มันมากมายจนอีฮยอกแจไม่กล้าขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้..

     

     

    ขอโทษ..

     

     

     

    ที่กลับมา..ก็เพราะอยากได้ยินคำแก้ตัวของฮยอกแจบ้างก็เท่านั้น จะโกหกเขาก็ได้..อธิบายทุกอย่างมาสิถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง..บอกมาสิว่ายูอีให้ท่าหรืออะไรก็ได้..

     

     

    แค่ได้ยินจากปากฮยอกแจทงเฮก็จะยอมเป็นคนโง่..

     

     

    ฮยอกแจเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ทงเฮรักและไว้ใจมากที่สุด..ไม่เคยคิด..ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าเพื่อนที่แสนดีของเขาจะหักหลังกันแบบนี้ได้

     

     

     

    เพล๊ง!!!!!!

     

    ฮยอกแจสะดุ้งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบก่อนจะหันหลังกลับไปมองกระจกบานใหญ่ที่แตกละเอียดเพราะฝีมือใครอีกคน.. เลือดสีแดงสดบางส่วนติดบนกระจกและหยดลงตามพื้นห้องจนฮยอกแจต้องรีบเข้าไปดูมือของทงเฮทันที

     

    ม..มึงทำอะไรเนี่ย!” ฮยอกแจค่อยๆ ประคองมือเพื่อนสนิทที่โชกไปด้วยเลือดขึ้นมาดูอย่างเบามือที่สุด นี่เขาบ้าไปแล้วรึไงกัน? ทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้?

     

    .................. มือหนาสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย ไม่มีคำพูดอะไรอีกนอกจากแววตาแห่งความผิดหวัง..นี่หรือสิ่งที่ได้รับจากเพื่อนรัก..

     

     

     

     

    เหมือนกับเวลาหยุดอยู่กับที่..ได้ยินเพียงแค่เสียงประตูที่ถูกปิดกระแทกอย่างแรงเท่านั้น..ร่างโปร่งทรุดลงไปกองกับพื้นก่อนจะนั่งจ้องมองมือตัวเองที่มีคราบเลือดของใครอีกคน เปลือกตาบางปิดลงอย่างอ่อนล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรีบตามไปกระชากคอเสื้อทงเฮเอาไว้ ถึงแม้ว่าหมอนั่นจะไม่ยอมหายในทันที แต่สุดท้ายแล้วคนอย่างอีทงเฮก็ทนโกรธเขาได้ไม่นานหรอก..

     

     

    แต่ครั้งนี้..มันไม่ใช่

     

     

    ถ้าย้อนเวลากลับไปได้..ผมจะไม่ทำแบบนี้

    เป็นเพียงแค่ความคิดโง่ๆ ของคนสิ้นหวัง..คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทงเฮกลับมาเชื่อใจเขาได้อีก..ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ฮยอกแจจะทำให้ทงเฮผิดหวัง..กลับกันแล้วกลายเป็นทงเฮต่างหากที่ชอบทำให้เขาเสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนรักกันถึงแม้ว่าข้อเสียต่างๆ ของทงเฮมันจะเด่นชัดจนบางทีฮยอกแจเองก็เหนื่อยที่จะรับมัน..

     

     

    แต่น่าแปลก..ที่ข้อดีเพียงหนึ่งข้อของทงเฮมันกลบข้อเสียทั้งหมดไปได้

     

     

    ความผิดครั้งนี้..ฮยอกแจคงต้องเงยหน้ายอมรับมัน เขาไม่ใช่คนปอดแหกที่จะหนีความเป็นจริง..ความสับสนวุ่นวายทั้งในหัวใจและสมอง กลัวจะเสียทงเฮไปเพราะความโง่เขลาของตัวเอง..และที่เรื่องราวมันบานปลายมาถึงขนาดนี้จะโทษว่าเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบก็ไม่ได้..

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    คนที่ไว้ใจ..สุดท้าย..ร้ายที่สุด..

    ก็พึ่งเจอกับตัวก็วันนี้..

     

     

     

     

    ในขณะที่นักศึกษาส่วนหนึ่งกำลังง่วนกับการฝึกปั้นเซรามิกส์อยู่นั้น ร่างสูงมองไปยังเครื่องปั้นที่ว่างเปล่าหากแต่เจ้าของตำแหน่งนั้นกลับยืนกอดอกอยู่ตรงหลังห้อง..ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างหนาก่อนจะสะดุดตากับผ้าพันแผลที่มือข้างขวา..

     

    ...............

     

    ไว้ผมจะทำนอกเวลาไปส่งแล้วกันครับ ตอบเสียงเรียบจนคนที่ก้มหน้าก้มตาปั้นดินอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

     

    เพื่อนผมมันอยากเป็นพระเอก MV ครับจารย์..มันเลยชกกระจกเพื่อเพิ่มความแมน

    เชี่ยหลัว ดินแห้งแล้วสัด มัวแต่ซุยอยู่นั่น!”

    เยด! เหี้ยแล้วไง!”

     

    ท่ามกลางความวุ่นวายของสองดูโอ้ที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี หากแต่คนสองคนกลับยืนสบตากันนิ่ง..มีเพียงแค่แววตานิ่งเฉยเท่านั้น

     

    ทงเฮคงโกรธเขามาก เมื่อเช้าเข้าไปชวนคุยก็แล้วแต่ทงเฮกลับเดินหนี..ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากัน

     

     

    รักษาตัวให้หายดีก่อนค่อยทำมาส่งผมแล้วกัน ร่างสูงพูดก่อนจะเดินดูผลงานของนักศึกษาทีละคน

     

    อีฮยอกแจ

    อ่า..ครับ

    อาทิตย์หน้าก็จะถึงงานนิทรรศการเครื่องปั้นแล้ว ถ้าผมจะขอร้องให้คุณมาช่วยเป็นลูกมือแกะลายแจกันใหญ่..” ซีวอนพูดขณะยืนอยู่ตรงหน้าร่างโปร่งที่กำลังล้างมืออยู่

     แกะลาย? ผมคงไม่มีฝีมือขนาดนั้น..”

    ในเอกเราคุณฝีมือดีที่สุดในปีสาม งานนี้เป็นงานเร่งผมเกรงว่าผมจะทำคนเดียวไม่ทัน นี่ถือเป็นการขอร้องแต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร

    อ่า..คือผม..

    ................

    ผมคง..รับปากไม่ได้ครับ.. พูดพร้อมกับก้มหน้ามองผลงานตัวเองที่พึ่งปั้นเสร็จไปเมื่อครู่..ทั้งที่เคยทำดีมาตลอดแต่วันนี้มันกลับแย่จนเขาไม่มีกะใจอยากจะทำอะไรแล้ว

     

     

    ไม่เป็นไร

     

    .................

     

    งานเซรามิกส์จะมีชีวิตได้... ก็ต่อเมื่อคุณใส่หัวใจให้มัน

     

    “.................”

     

    แล้วใจคุณน่ะ..ไปอยู่ที่ไหน?” ใบหน้าคมจ้องมองดวงหน้าซีดเผือดเพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจเดินจากไป

     

     

     

     

    ริมฝีปากบางเม้มแน่น..เขารู้ว่าตัวเองผิดที่เอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงาน..ตอนนี้อาจารย์ซีวอนคงผิดหวังในตัวเขาไปแล้ว

     

     

     

    นายนี่มันแย่จริงๆ อีฮยอกแจ..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดกันทั้งนั้นแหละ..

    ในเมื่อพยายามแล้วมันไร้ค่า..ผมก็ไม่อยากฝืนมันอีกต่อไป..

     

     

     

    สรุปมึงจะไปช่วยอาจารย์ซีวอนใช่ไหม ฮยอกแจเอ่ยถามเพื่อนสนิทอีกคนขณะที่ทั้งคู่กำลังย้ายตึกเรียน

     

    อือ

     

    เป็นเพราะฮยอกแจไม่สามารถรับงานนี้ไว้ได้ ซีวอนเลยหันไปทาบทามคยูฮยอนแทน ก็นะ..ฝีมือที่ใกล้เคียงฮยอกแจที่เห็นแล้วเข้าตาที่สุดก็คงเป็นคยูฮยอนนี่แหละ ไม่ใช่ว่าฝีมือคยูฮยอนด้อยกว่า..แต่เข้าใจรึเปล่าล่ะ..

     

     

    กับคำว่า ถูกชะตา น่ะ

     

     

    ก็ดีแล้วล่ะ ได้ทำงานกับเค้าดูสักครั้ง กูคงได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นมาบ้าง

    มึงไม่น้อยใจใช่ไหม? เอ่ยถามพลางหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท ถ้าเกิดเป็นเขา เขาก็คงมีน้อยใจแน่ๆ

    หมายถึงเรื่องที่เขาเลือกมึง แล้วเห็นกูเป็นตัวสำรองน่ะเหรอพูดพร้อมกับหันมาหัวเราะเบาๆ

    ก็ใช่ แต่ในสายตากู มึงเป็นคนปั้นงานเซรามิกส์สวยมากนะเว้ย มึงอย่าน้อยใจนะ ฮยอกแจกอดคอร่างโปร่งพยายามพูดให้กำลังใจอีกฝ่าย

     

    กูไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นนะ มึงก็คิดมาก..ห่วงเรื่องตัวเองบ้างเถอะ หันไปขยี้หัวคนข้างๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งที่เรื่องตัวเองยังเอาไม่รอดยังจะห่วงคนอื่นอีก

     

    ไม่ได้ถามอะไรมากมาย..แค่รู้มาจากปากเฮนรี่ว่าสองคนนี้ทะเลาะกันก็เท่านั้น..แต่ไอ้สองดูโอ้นั่นคงคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในสายตาคยูฮยอนแล้วมันแปลกไปกว่าทุกครั้ง ทงเฮไม่กล้าโกรธฮยอกแจนานขนาดนี้แน่ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่จะให้เขาถามไปตรงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่อง..

     

     

    ใบหน้ามนยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังทำตัวออกห่าง ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงให้เรื่องราวมันดีขึ้นกว่านี้ ถึงแม้เขาจะลองมานั่งคิดดูแล้วว่าถ้าเกิดเขาเป็นทงเฮ..เขาจะรู้สึกยังไง?

     

     

    ใช่..ถ้าเป็นเขา..เขาก็คงโกรธเหมือนกัน..

     

     

    ทงเฮคะ..

    อะไร?

    ฟังยูอีก่อนสิ..นะคะ ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่ว มือเรียวเล็กกุมมือคนตรงหน้าไว้ รั้งไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนีไปได้อีก..

     

     

    ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น..

    หนึ่งคนคือเพื่อนสนิท..

    อีกหนึ่งคนคือคนที่ชอบ..

     

     

     

    ดวงตาคมหันไปเห็นคนสองคนที่ยืนมองตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย.. สีหน้าฮยอกแจดูร้อนรนเหลือเกินตอนที่เห็นพฤติกรรมของทงเฮที่มีต่อยูอี..

     

     

    ก็ดี..มีเรื่องน่าสนุกแล้วสิ..

     

     

    ให้ฉันฟังเธอเหรอ? ทงเฮมองหน้าร่างบางพลางแค่นเสียงหัวเราะ สรรพนามที่ใช้เรียกดูห่างเหินมากจนอีกฝ่ายไม่อยากเชื่อหูตัวเอง..

     

    คำบอกรักหวานๆ ประโยคออดอ้อนที่เคยมีหายไปหมดแล้วเหรอ..

     

    ยูอีรู้ว่าทำผิดที่ทำให้ทงเฮไม่ไว้ใจ..แต่ถึงอย่างนั้นทงเฮจะให้โอกาสยูอีอีกสักครั้งได้ไหมคะ.. ดวงหน้าหวานช้อนตามองคนรักอย่างเว้าวอน..

     

    ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร..รู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย ไร้ศักดิ์ศรี..แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงดันทุรังทำแบบนี้

     

    ..โอกาสเหรอ.. ได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ โอกาสให้กลับมาสวมเขากันน่ะเหรอ? เธอเป็นใครกัน?

    .................

    ฉันไม่มีให้เธอหรอก..แต่ถ้าอยากได้นักละก็... นัยน์ตาคมจ้องผ่านร่างบางไปยังใครอีกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม.. ทั้งคู่สบตากันเพียงชั่วครู่เท่านั้น ฮยอกแจรู้..รู้ว่าทงเฮกำลังจะพูดอะไรออกมา..

     

    ไปหาคนอื่นซะสิ..

    อ...เอ๋...

    สวยๆ อย่างเธอคงหาใหม่ได้ไม่ยากหรอก

    ท..ทงเฮ..

    เหงามากก็ไปหาคนอื่นสิ..คนอยากได้เธอมีเยอะแยะไป ทั้งที่พูดกับคนตรงหน้าหากแต่สายตากลับจ้องมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น.. ฮยอกแจกำหมัดแน่นกับคำพูดดูถูกของคนที่เรียกว่าเพื่อนสนิทจนทำให้เขาลืมไปชั่วขณะว่าก่อนหน้านี้เคยรู้สึกผิดกับทงเฮมากแค่ไหน

     

     

    ไม่จำเป็นแล้วล่ะมั้ง..ทั้งที่เขาพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พยายามไปขอโทษก็แล้ว..ทำอะไรก็แล้ว..แต่ทงเฮกลับทำให้เรื่องราวมันเลวร้ายยิ่งกว่าที่เคย..

     

     

    งั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของมันเถอะ

     

     

    ต้องให้ฉันพูดประโยคนั้นกับเธอรึเปล่า?

    .....................

    อ่า..ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าอยากให้พูดสินะ..

    .................... ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ดวงตากลมโตสั่นระริก หยาดน้ำใสคลอหน่วงเมื่อมองใบหน้าของคนรัก..ไม่เคยคิดมาก่อน..ไม่เคยคิดเลยว่าทงเฮจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันได้ถึงเพียงนี้

     

     

     

     

    เลิกกันเถอะ ฉันไม่ต้องการผู้หญิงที่นอนกับใครก็ได้อย่างเธอ

     

     

     

     

    ประโยคร้ายกาจแบบนี้ที่ใช่ว่าจะหลุดออกมาจากปากอีทงเฮครั้งแรกเสียเมื่อไหร่..ไม่ใช่หรอก..ฮยอกแจเคยได้ยินมานักต่อนักแล้วล่ะ..แต่คราวนี้เขาคงทนฟังไม่ได้เหมือนกับทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเขากับยูอีจะทำผิดที่หักหลังทงเฮ แต่ถึงอย่างนั้นมันใช่เรื่องที่จะพูดกับผู้หญิงแบบนั้นเหรอ?

     

     

    มันโกรธเป็นอยู่คนเดียวรึไง? มันเสียความรู้สึกเป็นอยู่คนเดียวรึไง?

    ผมเองก็หมดความอดทนกับคนอย่างมันแล้วเหมือนกัน..

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

    ซ่า..

    ฮยอกแจยืนนิ่งเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างสนามฟุตบอล สายตาทอดมองไปกลางสนามที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน ชายหนุ่มนับสิบยืนรวมตัวกันพร้อมกับแบ่งทีมก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนกำลังยืนถอดเสื้ออยู่

     

    ป่ะ! มึงรีบวางกระเป๋าเร็ว กูจะพาไปยำแม่ง!” เฮนรี่ว่าพลางถอดเสื้อนักศึกษาออกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อนักฟุตบอลตัวโปรด

     

     

    บ้าจริง..ไอ้เชี่ยหลัวมันหลอกให้เขามาที่นี่สินะ..ไหนบอกว่าทงเฮมันไม่อยู่ไง?

     

     

    ไอ้เหี้ยหลัว..

    เฮ้ย! เร็วๆ ดิ..เพื่อนรอมึงคนเดียวนะเนี่ย พูดพลางจัดแจงกระเป๋าอีกฝ่ายให้อย่างรู้งาน

    ไอ้สัด แผนมึงกับไอ้เหี่ยวใช่ไหม? ฮยอกแจหันไปถามคนข้างๆ ที่ฉีกยิ้มจนตาปิด แม่งเสือกไม่เข้าเรื่องจริงๆ

    โหย มึงอ่ะ..กูแค่อยากช่วยให้พวกมึงสองคนคุยกันไวๆ ก็เท่านั้นเอง

    กูไม่อยากคุยกับมัน..กูกลับละ.. ฮยอกแจว่าก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นมาแต่ก็ถูกอีกคนรั้งเอาไว้

    เฮ้ย! มึงหลบหน้ามันแบบนี้ก็เหมือนกับว่ามึงเป็นคนผิดนะเว้ย!”

     

     

    ก็ใช่ไง..กูเป็นคนผิด

     

     

    .................

    แค่เตะบอลเองห่า คิดเหี้ยไรมากวะ เห็นนั่นไหมลูกบอลอ่ะ คิดว่าเป็นหัวแม่งแล้ว เตะๆ เข้าโกลด์ซะ ป่ะลุย!” เฮนรี่ตบบ่าเพื่อนตัวผอมปั๊กๆ จนร่างโปร่งต้องหันกลับไปมอง แรงไอ้นี่มันก็ไม่ใช่จะเบาๆ เลยนะถ้าเล่นกับมันบ่อยๆ นี่คงมีสิทธิ์น่วม

     

    เอาวะ..ก็แค่เตะบอลเองนี่

     

    ฝีเท้าเหยียบลงบนพื้นสนามที่เฉอะแฉะไปด้วยหยาดฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับนักศึกษาชายที่คลั่งไคล้กีฬาเลยแม้แต่น้อย

    แค่เพียงฮยอกแจเดินเข้าไปถึงกลุ่มทงเฮก็เดินหนีออกจากตรงนั้นทันที ทิ้งไว้เพียงแค่บรรยากาศอึดอัดที่เจ้าตัวก่อขึ้นมา สายตาคนรอบข้างมองทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ.. เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิทคู่นี้?

     

    มึงอยู่ทีมเดียวกับเชี่ยหลัวไปแล้วกัน ไอ้เหี้ยทงเฮแม่งเลือกทีมครบแล้ว อีทึกว่าพร้อมกับถอดเสื้อออกเมื่อทีมฝั่งของเขานั้นต้องเป็นฝ่ายถอดเสื้อ

     

     

    ทงเฮไม่เลือกผม..

     

     

    อืม.. ร่างโปร่งมองไปยังแผ่นหลังกว้างของเพื่อนสนิทก่อนจะมองต่ำลงไปจนเห็นผ้าพันแผลที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย..ไอ้บ้าเอ๊ย..แผลยังไม่หายดียังทำอวดเก่งแบบนี้อีก

     

     

    เกมส์เดินไปเรื่อยๆ เป็นฝ่ายนำคะแนนบ้างเป็นฝ่ายตามบ้างผลัดกันอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะวิ่งสวนกันไปมาหากแต่ทงเฮกลับดูเอาจริงเอาจังไปกว่าทุกครั้ง

     

     

    เล่นแรง..หลายครั้งที่จงใจชนไหล่..หลายครั้งที่..

     

     

    โอ๊ย!!” ร่างโปร่งล้มไปกองกับพื้นสนามเมื่อถูกอีกฝ่ายขัดขาแย่งลูกบอลไป ฮยอกแจเม้มปากแน่นด้วยความอึดอัดใจ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ..จะขัดขาจะชนไหล่กันไปถึงไหน

     

     

     

    มึงเป็นเหี้ยไรมากป่ะ ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าร่างหนาที่ยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวท่ามกลางเสียงฮือฮาของเพื่อนนับสิบที่ยืนมองอยู่ห่างๆ

    อะไรของมึง? ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะออกมา แววตาที่มองมานั้นราวกับสมเพชฮยอกแจยิ่งกว่าอะไร..

     

     

    ใช่..ทงเฮก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ

     

     

    มึงยังมีหน้ามาถามกูอีกเหรอ ไม่พอใจมึงออกไปต่อยกับกูข้างสนามได้นะ อย่ามาทำตัวเป็นลูกตุ๊ด สิ้นประโยคทำเอาคนที่เคยทำหน้าเย่อหยิ่งหุบยิ้มไปในทันที.. คำพูดดูถูกนั้นเป็นสิ่งที่ทงเฮเกลียดที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะชอบใช้คำพูดเหล่านั้นกับคนอื่นก็ตามที..

     

     

    แต่ถึงอย่างนั้น..ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับเขาแบบนี้!!

     

     

    มึงพูดว่าไงนะ? มือหนากำคอเสื้อคนที่เคยเรียกว่าเพื่อนสนิทไว้ขณะที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ นัยน์ตาที่เคยฉายแววตาสดใสเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันที..ถึงทงเฮจะตกใจกับแววตาของฮยอกแจในตอนนี้แต่ท่าทางการกระทำที่เป็นอยู่กับตรงข้าม

     

    เฮนรี่ อีทึก และเพื่อนคนอื่นๆ รีบเข้ามาล็อคแขนทั้งคู่ให้ถอยออกมาก่อนที่สองเพื่อนรักจะต่อยกันซะก่อน เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่ ยิ่งเจอกันก็ยิ่งแย่.. ทั้งที่คิดว่าถ้าให้สองคนนี้คุยกันหรือใกล้ชิดมากกว่านี้ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นบ้าง

     

     

    มึงก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่ชอบแดกของเหลือจากกูเท่านั้นแหละ

    คนสันดานเหี้ยอย่างมึงมันคงคิดได้แค่นี้สินะ

    แล้วจะต้องคิดแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับคนสันดานแบบมึงดีล่ะ? คิดจ้องจะคาบแฟนเพื่อนไปแดกน่ะเหรอ? ฮ่าๆ กูขอขำทีเถอะว่ะ

     

     

    เอาชนะ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทงเฮรู้ในตอนนั้น..

     

    คำว่า เหตุผล เลือนหายไปจากสมองในที่สุด..เหลือเพียงแค่ อารมณ์ เพียงเท่านั้น..

    สมองสั่งให้ปากพูดไปตามที่คิด..ยิ่งพูดแรงเท่าไหร่ได้ยิ่งดี..

    ขอเพียงแค่ให้คนตรงหน้าเจ็บกว่าตัวเองได้เป็นพอ..

     

    ไม่เคยสนใจ..ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันกำลังทำร้ายจิตใจฮยอกแจมากแค่ไหน..

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

     

     

    ที่บอกว่าปลื้ม..

    นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องชื่นชอบทุกอย่างในตัวเขาสักหน่อย

     

     

    ท่ามกลางความเงียบสงบในเวลาพลบค่ำ ยังคงเหลือคนสองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาแกะลายแจกันใบใหญ่ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทุกครั้งเมื่อเขากำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง..คยูฮยอนก็เป็นคนอย่างนี้แหละ..จริงจังกับงานเสมอ...

     

    กาแฟสักแก้วไหม? ร่างสูงเอ่ยถามเรียกความสนใจจากร่างโปร่งให้เงยหน้าขึ้นมามองเพียงชั่วครู่

    ผมไม่ดื่มกาแฟ ขอบคุณครับ พูดจบก็หันหน้ากลับเข้าหาแจกันใบใหญ่อีกครั้ง..ร่างสูงยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก

     

    นัยน์ตาคมทอดมองออกข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ควันสีเทาหม่นถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า..ทุกครั้งที่เขาต้องการสมาธิ บุหรี่นี่แหละ..คือตัวช่วยของเขา

     

    ชีวิตชายโสดวัยสามสิบเอ็ดที่วันๆ เอาแต่อยู่กับดินเหนียวและเครื่องปั้น..

     

    แต่งงานคืออะไร?

     

    ถึงพ่อแม่จะเคยคุยเรื่องนี้กับเขามาบ้างแล้ว แต่การแต่งงานก็เหมือนกับการผูกตัวเองไว้กับขาเตียงนั่นแหละ..ไร้ความเป็นอิสระ จะมีก็แต่ภาระที่เพิ่มมากขึ้นก็เท่านั้น

     

    ร่างสูงขยี้ก้นบุหรี่ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหาใครอีกคนที่ตั้งใจช่วยงานเขาโดยไม่มีข้อแม้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้ามของอีกฝ่าย

     

    หยุดอยู่ตรงนั้นแหละครับ มือเรียวยกขึ้นปิดจมูกทันทีพลางจ้องมองไปยังร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา

    ...........??

    ............. ร่างโปร่งเอามือลงเมื่อใครอีกคนหยุดยืนอยู่กับที่ บ้าจริง..ทำไมต้องสูบบุหรี่ด้วยนะ..

     

    ร่างสูงจ้องมองคนตรงหน้าพลางคิ้วขมวดเล็กน้อย ท่าทางลุกลี้ลุกลนที่มองแล้วทำให้อดขำไม่ได้

     

    ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้..ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่รึไง? ซีวอนพูดพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะยาวหลังห้อง

    ถ้างานออกมาแย่..คงต้องโทษคุณแล้วนะครับ ตอบไม่ตรงคำถาม ร่างโปร่งยังคงตั้งหน้าตั้งตาแกะลายแจกันอยู่อย่างนั้น รีบทำรีบเสร็จดีกว่า..อากาศเริ่มจะเป็นพิษเข้าไปทุกทีแล้ว

    หืม? โทษผมเหรอ? นั่นยิ่งทำให้อาจารย์หนุ่มนึกขำเข้าไปใหญ่..

     

    เด็กคนนี้แปลกกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย..

     

    คราวหน้าถ้าจะเรียกผมมาช่วย..ขอความกรุณาอย่าสูบบุหรี่อีกนะครับ

    เป็นทางการจริงๆ

    ครับ

    ก็แค่คลายเครียดเท่านั้น..ผมไม่ได้รมควันใส่คุณสักหน่อยนี่.. พูดเรื่องจริง ใช่ว่าเขาจะทำอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่..อย่างมากก็แค่มีกลิ่นบุหรี่ติดเสื้อมาบ้างก็เท่านั้นแหละ

    ครับ

     

    อาจารย์หนุ่มถอดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะปิดกั้นตัวเองน่าดู ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปเด็กคนนี้ก็ตอบมาซะเล่นเอาเขาไปไม่ถูกเลย

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้าน ร่างสูงพูดพลางหันไปมองใครอีกคนที่รักษาระยะห่างไว้ราวกับเขาเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่ไม่ควรเข้าใกล้

     

    งานชิ้นแรกเสร็จสิ้นไปโดยไม่มีข้อบกพร่องอย่างที่เคยกังวลไว้ในทีแรก..

     

    ไม่เป็นไรครับ รถเมล์ยังวิ่งอยู่ ตอบอย่างไร้เยื่อใยจนคนได้ฟังรู้สึกขัดใจเล็กน้อย..นี่จะคล้อยตามกันไม่ได้เลยใช่ไหม?

    ผมให้คุณมาช่วยงานจนดึกดื่น จะปล่อยให้คุณกลับคนเดียวได้ยังไง มันอันตรายพูดพร้อมเดินเข้าไปใกล้หากแต่ร่างโปร่งกลับเดินถอยหลัง

    ผมดูแลตัวเองได้ คุณน่ะกลับไปเถอะครับมือเรียวยกขึ้นปิดจมูกอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวร่างสูง

     

    ซีวอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อเชิร์ตตัวนอกออกเหลือเพียงแค่เสื้อยืดสีเทาตัวเดียวเท่านั้น

     

     

     

     

    ทีนี้จะไปกันได้รึยัง?

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    มนุษย์เราก็เป็นแบบนี้..ถ้าเกิดตัวเองเจ็บ..

    คนอื่นก็ต้องเจ็บปวดมากกว่าเราไปอีกร้อยเท่า..

     

     

     

     

    วันนี้ทั้งวันฮยอกแจรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่อยากเข้าเรียน แค่คิดว่าวันๆ นึงต้องทนเรียนกับไอ้หมาบ้าที่พูดจาดูถูกเขาเมื่อวานก็รู้สึกเอือมจะแย่แล้ว.. ร่างโปร่งตัดสินใจจะไปสงบสติอารมณ์โดยการไปนั่งดรอว์อิ้งเงียบๆ แทนที่จะกลับหอพัก.. แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนยืนตาบวมอยู่ตรงหน้า

     

     

    ฮยอกแจ..

    ...............

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    “……………….”

    “……………….”

     

    ท่ามกลางความเงียบในเวลาพลบค่ำ หลังจากที่นักศึกษาต่างทยอยกันกลับไปแล้วแต่มีคนสองคนนั่งเงียบอยู่ที่ระเบียงทางเดิน.. ดวงตากลมโตจ้องมองดวงหน้าของอีกฝ่ายที่สภาพไม่ต่างจากตัวเองนัก

     

    พอรู้มาบ้างว่าฮยอกแจกำลังมีเรื่องเคืองใจกับทงเฮ..และจะให้อยู่เฉยๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้ มันเป็นความผิดของเธอล้วนๆ รู้สึกผิดต่อฮยอกแจเหลือเกินที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้

     

     

    เราขอโทษ..ขอโทษจริงๆ

    ขอโทษทำไมกัน ร่างโปร่งยิ้มเนือยๆ หากแต่ไม่ได้หันกลับไปมองดวงหน้าหวานเลยสักนิด มันไม่ใช่ความผิดของเธอคนเดียวสักหน่อย ถ้าจะผิดมันก็ผิดด้วยกันนั่นแหละนะ..

    ถ้าไม่ใช่เพราะเรา..ทงเฮก็คงไม่โกรธฮยอกแจขนาดนี้...

    ไม่เป็นไร ไอ้หมอนั่นโกรธได้ไม่นานหรอก ตอบเพื่อให้อีกคนสบายใจ ถึงแม้ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้กลับมาคุยกันดีๆ อีกครั้งรึเปล่า

    ฮยอกแจ.. มือเล็กทาบทับลงบนหลังมือร่างโปร่งที่วางอยู่ตรงหน้าขา นัยน์ตาเรียวมองมืออีกฝ่ายก่อนจะเงยหน้าขึ้น

     

     

    เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก

     

     

     

    ..................

    เราหมายถึง..เรื่องระหว่างเราสองคนน่ะ.. ฮยอกแจพูดพร้อมกับเลื่อนมือตัวเองออกมา ถึงจะชอบยูอีมากแค่ไหน..แต่เรื่องระหว่างเขากับยูอีมันก็เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    ............ทำไมล่ะ

    เธอไม่ต้องมารู้สึกผิดเพราะเรื่องวันนั้นหรอก เราไม่ใช่ผู้หญิง..คนที่เสียหายไม่ใช่เรา..แต่เป็นเธอต่างหาก ดวงตาเรียวฉายแววตาจริงจัง ถามว่ารู้สึกเจ็บไหมที่พูดแบบนั้นออกไป..เจ็บสิ..แต่มันมีทางเลือกอื่นให้เขาด้วยงั้นเหรอ..ไม่มี...

    “……….ฮยอกแจหมายถึง...จะให้เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนงั้นเหรอ... ดวงตาคู่สวยสั่นระริก เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่คิดว่าอบอุ่นที่สุด

     

    กลับเถอะ เราจะเดินไปส่งที่รถ.. ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับกุมข้อมืออีกฝ่ายไว้ด้วย ร่างบางสะบัดข้อมือออกพลางจ้องหน้าอีกคน

    “………………”

    เราเคยคิดมาตลอดว่าฮยอกแจเป็นคนอบอุ่น และไม่ว่าจะเป็นยังไงฮยอกแจก็จะไม่ปล่อยเราให้อยู่คนเดียวแน่..แต่นี่..ฮยอกแจกำลังจะทำแบบนั้น

    .....................

    ฮยอกแจกำลังจะทิ้งเราไปเหมือนที่ทงเฮทำ..ฮึก..

    ทิ้งเหรอ...

    “………………”

    มันเหมือนกันเหรอยูอี? สิ้นประโยคทำเอาร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย แววตาที่ดูเจ็บปวดไม่ต่างไปจากเธอในตอนนี้..

    เราเคยมีกันด้วยเหรอ เธอถึงเอาเราไปเทียบกับทงเฮ

    .......................

    ใช่..เรื่องนี้มันเป็นความผิดของเราเอง..เราชอบแฟนเพื่อน..เรามีอะไรกับแฟนเพื่อน..

    .......................

    เรารู้ว่าเราผิด..แต่ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน..มันควรจบซะตั้งแต่ตอนนี้..

     

    ร่างโปร่งจูงมืออีกคนให้เดินตามมา ไม่อยากให้เรื่องราวมันเลวร้ายเกินไปกว่านี้แล้ว.. 

    อีกอย่าง..ถ้าเกิดทงเฮรู้ว่าเขากับยูอียังคุยกันอยู่แล้วจะเป็นยังไง..

     

    จบเหรอ..มันไม่เคยเริ่มต้นเลยต่างหาก ริมฝีปากอิ่มพูดขึ้นทำให้ร่างโปร่งหยุดชะงักพร้อมกับหันกลับไปมองร่างบางอีกครั้ง

    .........................

    ก็เพราะว่าไม่เคยเริ่ม..ไม่เคยพูดอะไรสักอย่าง..เราถึงได้ตกเป็นของทงเฮไง..ฮยอกแจใจร้าย..ใจร้าย.. หยาดน้ำใสไหลอาบแก้มจนร่างโปร่งทนมองไม่ได้.. มือเรียวคว้าคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่นพร้อมกับลูบหัวเบาๆ

     

     

    มันเป็นความผิดของผมเหรอ..ความผิดของผมที่ปล่อยให้เธอต้องรอ?

    แต่ถ้ามองกลับกัน.. คนอย่างผมก็แค่ต้องการความแน่ใจ..อยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แบบนั้นมันผิดมากรึไง..

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ไอ้เหี้ย........ เสียงอุทานออกมาจากปากเฮนรี่เมื่อเขาทั้งสามได้เห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจะๆ แบบนี้

     

    ก็พอเข้าใจจากสนามฟุตบอลเมื่อวานหรอกนะว่ามีเรื่องชกต่อยกันเรื่องผู้หญิง..แต่ก็ชั่งใจอยู่ว่าฮยอกแจจะทำอย่างนั้นได้จริงๆ น่ะเหรอ? ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเฮนรี่ อีทึก ไม่เคยเห็นฮยอกแจจะกล้าทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้งนี่หว่า

     

    สัดเอ๊ย.. ริมฝีปากหนาสบทเบาๆ พลางกัดฟันกรอด..มือหนากำหมัดแน่นอยากเข้าไปชกหน้าไอ้คนที่ตัวเองเรียกว่าเพื่อนรักให้เลือดอาบมือสักที

    มึงใจเย็นๆ ก่อน

    ใจเย็นเหรอ? มึงแหกตาดูแม่งหน่อยดีไหม?ทงเฮว่าพลางชี้ไปยังร่างโปร่งที่กำลังยืนส่งอดีตแฟนสาวตัวเองขึ้นรถ..เท่านั้นยังไม่พอ..ร่างบางโผเข้ากอดฮยอกแจอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ทงเฮโมโหมากจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

     

    สัดเอ๊ย!!” ร่างหนากำหมัดแน่นพร้อมกับเดินไปข้างหน้าหวังจะไปเอาเลือดปากอีฮยอกแจออกตามที่คิดไว้เมื่อครู่

    เฮ้ยๆๆๆ มึงจะทำเหี้ยไรเนี่ย? อีทึก เฮนรี่ต่างล็อคแขนคนอารมณ์ร้อนเอาไว้

    โทษไอ้เหี้ยฮยอกแจก็ไม่ได้ ก็ดูอดีตสุดที่รักมึงดิ มาหาแม่งถึงที่นี่กูว่าก็อ่อยพอกันล่ะวะ อีทึกพูด

    เออ ดูโอ้แม่งพูดถูก ยังไงมึงก็เย็นหน่อยเหอะสัด เอะอะใช้อารมณ์ ไอ้ฮยอกแจมันเพื่อนมึงนะเว้ย

     

     

     

    เพื่อนเหรอ? ไว้ให้แม่งไปเรียกคนอื่นที่ไม่ใช่กูเถอะ

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ยังไงก็แมนยูว่ะคืนนี้ มึงอย่ากบฏได้ป่ะดูโอ้

    กบฏพ่อง กูบอกแล้วว่าไม่ชอบแมนยูไอ้สัด ทำกูเสียตลอด

    มึงมันโง่ไง กูไม่เคยเสียกับแมนยูเลยสักครั้งเลยจะบอกให้

     

     

    ถึงแม้ว่าเขาจะเดินแยกออกมาจากจุดนั้นแล้วแต่ความโกรธแค้นมันยังจุกอยู่เต็มอก..ที่โกรธขนาดนี้ใช่ว่ารักยูอีหรอกนะ..แต่มันโกรธไอ้เพื่อนทรยศที่ยังกล้ากลับไปเจอยัยผู้หญิงแพศยาคนนั้นได้หน้าตาเฉยอีก..ถึงเขาจะไม่ได้รักยูอี แต่ฮยอกแจก็ไม่ควรทำแบบนี้ คิดแล้วมันน่าโมโห..ไอ้เชี่ยสองตัวนี้ไม่น่าห้ามเขาไว้เลยจริงๆ

     

    ถ้าเป็นกูนะ กูจะตามไปเล่นแม่งถึงบ้านเลยสัด ยืมเงินแล้วไม่คืนเหรอ 55555555

     

    ฝีเท้าหยุดชะงักพลางมองไปยังสองดูโอ้ที่เดินคุยกันสนุกปาก ข้างหน้าก็ถึงลานจอดรถแล้วแต่ความรู้สึกมันยังแน่นอยู่ในอก อึดอัดอยากระบาย อยากทำอะไรสักอย่างให้ไอ้คนทรยศมันเจ็บกว่าที่เขาเป็นอยู่ เอาให้ร้องไห้ได้ยิ่งดี..เขาไม่ยอมกลับบ้านแน่ถ้าเรื่องราวมันยังไม่เคลียร์แบบนี้

     

     

    ร่างหนาเอี้ยวตัวกลับไปที่ตึกคณะโดยที่เพื่อนอีกสองคนไม่ทันรู้ตัว เมื่อกี้เห็นฮยอกแจมันเดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง..แสดงว่ามันต้องอยู่ห้องดรอว์อิ้งแน่..

     

     

     

    คราวนี้แหละ..ถึงเวลาที่คนอย่างอีฮยอกแจจะได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดดูสักที

     

     

     

     

     

     
















    (ถอนหายใจแล้วจิ้มๆไปเถอะค่ะ)




































    - มอย - 

    ฮึกกกกกกกกกกก

    ตอนต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย

    ขอโทษนะคะที่หายหัวไปนาน
    สืบเนื่องจากป่วย นอนเปื่อยอยู่นาน
    ไม่มีปัญญาลุกขึ้นมานั่งเขียนฟิคค่ะ

    แต่มีปํญญานอนตอแหลบีบีได้ 55555555555555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×