คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Friend's III - Hurt
คำผูกพันที่เรียกว่าเพื่อน..
มันจะช่วยอะไรผมได้บ้าง..
“................”
“................”
ท่ามกลางความเงียบสงบ..เงียบ..จนได้ยินเพียงแค่เสียงเข็มนาฬิกาเท่านั้น..ดวงตาคมจ้องมองใครอีกคนที่ยืนหลบตาเขาอยู่ตรงหน้า..ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ทั้งคู่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้..ไม่มีใครเอ่ยคำพูดอะไรออกมาสักคำ มีเพียงแค่ความอึดอัดที่ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น..
อย่าว่าแต่พูดเลย..แค่สบตาทงเฮฮยอกแจยังไม่กล้า..
“..................”
“มึงอยากแก้ตัวอะไรไหม?”
“..................”
“..กูให้เวลามึงห้านาที”
ถึงจะพูดอย่างนั้นหากแต่แววตาของทงเฮกลับไม่ต่างไปจากเดิม..ตอนนี้ทงเฮกำลังโกรธมากฮยอกแจเข้าใจดี..เพราะสิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปมันมากเกินกว่าที่จะให้มาพูดแก้ตัว
“..................”
“มึงเงียบทำไม กูถามไม่ได้ยินเหรอ?”
“..................”
“ก้มหน้าทำไม? มึงมองหน้ากูสิ” พูดพร้อมกับบีบคางมนให้เงยขึ้นสบตากับตนเอง ฮยอกแจเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกชาไปทั้งตัวเพียงเพราะเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทที่มองเขาด้วยแววตาเฉยชา
“มองหน้ากู คนที่มึงเรียกว่าเพื่อนสิอีฮยอกแจ”
สิ้นประโยคทำเอาร่างโปร่งพูดไม่ออก.. คำว่า ‘เพื่อน’ ที่อีกฝ่ายพูดมามันทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ภาพเก่าๆ ที่เคยหัวเราะ เคยมีความสุขด้วยกันค่อยๆ ฉายขึ้นมาในหัว.. ความผิดครั้งนี้มันมากมายจนอีฮยอกแจไม่กล้าขอให้อีกฝ่ายยกโทษให้..
‘ขอโทษ..’
ที่กลับมา..ก็เพราะอยากได้ยินคำแก้ตัวของฮยอกแจบ้างก็เท่านั้น จะโกหกเขาก็ได้..อธิบายทุกอย่างมาสิถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง..บอกมาสิว่ายูอีให้ท่าหรืออะไรก็ได้..
แค่ได้ยินจากปากฮยอกแจทงเฮก็จะยอมเป็นคนโง่..
ฮยอกแจเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ทงเฮรักและไว้ใจมากที่สุด..ไม่เคยคิด..ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าเพื่อนที่แสนดีของเขาจะหักหลังกันแบบนี้ได้
เพล๊ง!!!!!!
ฮยอกแจสะดุ้งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบก่อนจะหันหลังกลับไปมองกระจกบานใหญ่ที่แตกละเอียดเพราะฝีมือใครอีกคน.. เลือดสีแดงสดบางส่วนติดบนกระจกและหยดลงตามพื้นห้องจนฮยอกแจต้องรีบเข้าไปดูมือของทงเฮทันที
“ม..มึงทำอะไรเนี่ย!” ฮยอกแจค่อยๆ ประคองมือเพื่อนสนิทที่โชกไปด้วยเลือดขึ้นมาดูอย่างเบามือที่สุด นี่เขาบ้าไปแล้วรึไงกัน? ทำไมถึงต้องทำร้ายตัวเองแบบนี้?
“..................” มือหนาสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย ไม่มีคำพูดอะไรอีกนอกจากแววตาแห่งความผิดหวัง..นี่หรือสิ่งที่ได้รับจากเพื่อนรัก..
เหมือนกับเวลาหยุดอยู่กับที่..ได้ยินเพียงแค่เสียงประตูที่ถูกปิดกระแทกอย่างแรงเท่านั้น..ร่างโปร่งทรุดลงไปกองกับพื้นก่อนจะนั่งจ้องมองมือตัวเองที่มีคราบเลือดของใครอีกคน เปลือกตาบางปิดลงอย่างอ่อนล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงรีบตามไปกระชากคอเสื้อทงเฮเอาไว้ ถึงแม้ว่าหมอนั่นจะไม่ยอมหายในทันที แต่สุดท้ายแล้วคนอย่างอีทงเฮก็ทนโกรธเขาได้ไม่นานหรอก..
แต่ครั้งนี้..มันไม่ใช่
‘ถ้าย้อนเวลากลับไปได้..ผมจะไม่ทำแบบนี้’
เป็นเพียงแค่ความคิดโง่ๆ ของคนสิ้นหวัง..คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทงเฮกลับมาเชื่อใจเขาได้อีก..ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ฮยอกแจจะทำให้ทงเฮผิดหวัง..กลับกันแล้วกลายเป็นทงเฮต่างหากที่ชอบทำให้เขาเสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังคงเป็นเพื่อนรักกันถึงแม้ว่าข้อเสียต่างๆ ของทงเฮมันจะเด่นชัดจนบางทีฮยอกแจเองก็เหนื่อยที่จะรับมัน..
แต่น่าแปลก..ที่ข้อดีเพียงหนึ่งข้อของทงเฮมันกลบข้อเสียทั้งหมดไปได้
ความผิดครั้งนี้..ฮยอกแจคงต้องเงยหน้ายอมรับมัน เขาไม่ใช่คนปอดแหกที่จะหนีความเป็นจริง..ความสับสนวุ่นวายทั้งในหัวใจและสมอง กลัวจะเสียทงเฮไปเพราะความโง่เขลาของตัวเอง..และที่เรื่องราวมันบานปลายมาถึงขนาดนี้จะโทษว่าเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบก็ไม่ได้..
.
.
คนที่ไว้ใจ..สุดท้าย..ร้ายที่สุด..
ก็พึ่งเจอกับตัวก็วันนี้..
ในขณะที่นักศึกษาส่วนหนึ่งกำลังง่วนกับการฝึกปั้นเซรามิกส์อยู่นั้น ร่างสูงมองไปยังเครื่องปั้นที่ว่างเปล่าหากแต่เจ้าของตำแหน่งนั้นกลับยืนกอดอกอยู่ตรงหลังห้อง..ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างหนาก่อนจะสะดุดตากับผ้าพันแผลที่มือข้างขวา..
“...............”
“ไว้ผมจะทำนอกเวลาไปส่งแล้วกันครับ” ตอบเสียงเรียบจนคนที่ก้มหน้าก้มตาปั้นดินอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
“เพื่อนผมมันอยากเป็นพระเอก MV ครับจารย์..มันเลยชกกระจกเพื่อเพิ่มความแมน”
“เชี่ยหลัว ดินแห้งแล้วสัด มัวแต่ซุยอยู่นั่น!”
“เยด! เหี้ยแล้วไง!”
ท่ามกลางความวุ่นวายของสองดูโอ้ที่เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี หากแต่คนสองคนกลับยืนสบตากันนิ่ง..มีเพียงแค่แววตานิ่งเฉยเท่านั้น
ทงเฮคงโกรธเขามาก เมื่อเช้าเข้าไปชวนคุยก็แล้วแต่ทงเฮกลับเดินหนี..ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้ากัน
“รักษาตัวให้หายดีก่อนค่อยทำมาส่งผมแล้วกัน” ร่างสูงพูดก่อนจะเดินดูผลงานของนักศึกษาทีละคน
“อีฮยอกแจ”
“อ่า..ครับ”
“อาทิตย์หน้าก็จะถึงงานนิทรรศการเครื่องปั้นแล้ว ถ้าผมจะขอร้องให้คุณมาช่วยเป็นลูกมือแกะลายแจกันใหญ่..” ซีวอนพูดขณะยืนอยู่ตรงหน้าร่างโปร่งที่กำลังล้างมืออยู่
“แกะลาย? ผมคงไม่มีฝีมือขนาดนั้น..”
“ในเอกเราคุณฝีมือดีที่สุดในปีสาม งานนี้เป็นงานเร่งผมเกรงว่าผมจะทำคนเดียวไม่ทัน นี่ถือเป็นการขอร้องแต่ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”
“อ่า..คือผม..”
“................”
“ผมคง..รับปากไม่ได้ครับ..” พูดพร้อมกับก้มหน้ามองผลงานตัวเองที่พึ่งปั้นเสร็จไปเมื่อครู่..ทั้งที่เคยทำดีมาตลอดแต่วันนี้มันกลับแย่จนเขาไม่มีกะใจอยากจะทำอะไรแล้ว
“ไม่เป็นไร”
“.................”
“งานเซรามิกส์จะมีชีวิตได้... ก็ต่อเมื่อคุณใส่หัวใจให้มัน”
“.................”
“แล้วใจคุณน่ะ..ไปอยู่ที่ไหน?” ใบหน้าคมจ้องมองดวงหน้าซีดเผือดเพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจเดินจากไป
ริมฝีปากบางเม้มแน่น..เขารู้ว่าตัวเองผิดที่เอาเรื่องส่วนตัวมารวมกับเรื่องงาน..ตอนนี้อาจารย์ซีวอนคงผิดหวังในตัวเขาไปแล้ว
นายนี่มันแย่จริงๆ อีฮยอกแจ..
.
.
ความอดทนของคนเรามีขีดจำกัดกันทั้งนั้นแหละ..
ในเมื่อพยายามแล้วมันไร้ค่า..ผมก็ไม่อยากฝืนมันอีกต่อไป..
“สรุปมึงจะไปช่วยอาจารย์ซีวอนใช่ไหม” ฮยอกแจเอ่ยถามเพื่อนสนิทอีกคนขณะที่ทั้งคู่กำลังย้ายตึกเรียน
“อือ”
เป็นเพราะฮยอกแจไม่สามารถรับงานนี้ไว้ได้ ซีวอนเลยหันไปทาบทามคยูฮยอนแทน ก็นะ..ฝีมือที่ใกล้เคียงฮยอกแจที่เห็นแล้วเข้าตาที่สุดก็คงเป็นคยูฮยอนนี่แหละ ไม่ใช่ว่าฝีมือคยูฮยอนด้อยกว่า..แต่เข้าใจรึเปล่าล่ะ..
กับคำว่า ‘ถูกชะตา’ น่ะ
“ก็ดีแล้วล่ะ ได้ทำงานกับเค้าดูสักครั้ง กูคงได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นมาบ้าง”
“มึงไม่น้อยใจใช่ไหม?” เอ่ยถามพลางหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท ถ้าเกิดเป็นเขา เขาก็คงมีน้อยใจแน่ๆ
“หมายถึงเรื่องที่เขาเลือกมึง แล้วเห็นกูเป็นตัวสำรองน่ะเหรอ” พูดพร้อมกับหันมาหัวเราะเบาๆ
“ก็ใช่ แต่ในสายตากู มึงเป็นคนปั้นงานเซรามิกส์สวยมากนะเว้ย มึงอย่าน้อยใจนะ” ฮยอกแจกอดคอร่างโปร่งพยายามพูดให้กำลังใจอีกฝ่าย
“กูไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นนะ มึงก็คิดมาก..ห่วงเรื่องตัวเองบ้างเถอะ” หันไปขยี้หัวคนข้างๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ทั้งที่เรื่องตัวเองยังเอาไม่รอดยังจะห่วงคนอื่นอีก
ไม่ได้ถามอะไรมากมาย..แค่รู้มาจากปากเฮนรี่ว่าสองคนนี้ทะเลาะกันก็เท่านั้น..แต่ไอ้สองดูโอ้นั่นคงคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในสายตาคยูฮยอนแล้วมันแปลกไปกว่าทุกครั้ง ทงเฮไม่กล้าโกรธฮยอกแจนานขนาดนี้แน่ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่จะให้เขาถามไปตรงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่อง..
ใบหน้ามนยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังทำตัวออกห่าง ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงให้เรื่องราวมันดีขึ้นกว่านี้ ถึงแม้เขาจะลองมานั่งคิดดูแล้วว่าถ้าเกิดเขาเป็นทงเฮ..เขาจะรู้สึกยังไง?
ใช่..ถ้าเป็นเขา..เขาก็คงโกรธเหมือนกัน..
“ทงเฮคะ..”
“อะไร?”
“ฟังยูอีก่อนสิ..นะคะ” ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่ว มือเรียวเล็กกุมมือคนตรงหน้าไว้ รั้งไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนีไปได้อีก..
ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น..
หนึ่งคนคือเพื่อนสนิท..
อีกหนึ่งคนคือคนที่ชอบ..
ดวงตาคมหันไปเห็นคนสองคนที่ยืนมองตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย.. สีหน้าฮยอกแจดูร้อนรนเหลือเกินตอนที่เห็นพฤติกรรมของทงเฮที่มีต่อยูอี..
ก็ดี..มีเรื่องน่าสนุกแล้วสิ..
“ให้ฉันฟังเธอเหรอ?” ทงเฮมองหน้าร่างบางพลางแค่นเสียงหัวเราะ สรรพนามที่ใช้เรียกดูห่างเหินมากจนอีกฝ่ายไม่อยากเชื่อหูตัวเอง..
คำบอกรักหวานๆ ประโยคออดอ้อนที่เคยมีหายไปหมดแล้วเหรอ..
“ยูอีรู้ว่าทำผิดที่ทำให้ทงเฮไม่ไว้ใจ..แต่ถึงอย่างนั้นทงเฮจะให้โอกาสยูอีอีกสักครั้งได้ไหมคะ..” ดวงหน้าหวานช้อนตามองคนรักอย่างเว้าวอน..
ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร..รู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอาย ไร้ศักดิ์ศรี..แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงดันทุรังทำแบบนี้
“..โอกาสเหรอ..” ได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ โอกาสให้กลับมาสวมเขากันน่ะเหรอ? เธอเป็นใครกัน?
“.................”
“ฉันไม่มีให้เธอหรอก..แต่ถ้าอยากได้นักละก็...” นัยน์ตาคมจ้องผ่านร่างบางไปยังใครอีกคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม.. ทั้งคู่สบตากันเพียงชั่วครู่เท่านั้น ฮยอกแจรู้..รู้ว่าทงเฮกำลังจะพูดอะไรออกมา..
“ไปหาคนอื่นซะสิ..”
“อ...เอ๋...”
“สวยๆ อย่างเธอคงหาใหม่ได้ไม่ยากหรอก”
“ท..ทงเฮ..”
“เหงามากก็ไปหาคนอื่นสิ..คนอยากได้เธอมีเยอะแยะไป” ทั้งที่พูดกับคนตรงหน้าหากแต่สายตากลับจ้องมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนั้น.. ฮยอกแจกำหมัดแน่นกับคำพูดดูถูกของคนที่เรียกว่าเพื่อนสนิทจนทำให้เขาลืมไปชั่วขณะว่าก่อนหน้านี้เคยรู้สึกผิดกับทงเฮมากแค่ไหน
ไม่จำเป็นแล้วล่ะมั้ง..ทั้งที่เขาพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พยายามไปขอโทษก็แล้ว..ทำอะไรก็แล้ว..แต่ทงเฮกลับทำให้เรื่องราวมันเลวร้ายยิ่งกว่าที่เคย..
งั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของมันเถอะ
“ต้องให้ฉันพูดประโยคนั้นกับเธอรึเปล่า?”
“.....................”
“อ่า..ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าอยากให้พูดสินะ..”
“....................” ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ดวงตากลมโตสั่นระริก หยาดน้ำใสคลอหน่วงเมื่อมองใบหน้าของคนรัก..ไม่เคยคิดมาก่อน..ไม่เคยคิดเลยว่าทงเฮจะพูดจาทำร้ายจิตใจกันได้ถึงเพียงนี้
“เลิกกันเถอะ ฉันไม่ต้องการผู้หญิงที่นอนกับใครก็ได้อย่างเธอ”
ประโยคร้ายกาจแบบนี้ที่ใช่ว่าจะหลุดออกมาจากปากอีทงเฮครั้งแรกเสียเมื่อไหร่..ไม่ใช่หรอก..ฮยอกแจเคยได้ยินมานักต่อนักแล้วล่ะ..แต่คราวนี้เขาคงทนฟังไม่ได้เหมือนกับทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเขากับยูอีจะทำผิดที่หักหลังทงเฮ แต่ถึงอย่างนั้นมันใช่เรื่องที่จะพูดกับผู้หญิงแบบนั้นเหรอ?
มันโกรธเป็นอยู่คนเดียวรึไง? มันเสียความรู้สึกเป็นอยู่คนเดียวรึไง?
ผมเองก็หมดความอดทนกับคนอย่างมันแล้วเหมือนกัน..
.
.
ซ่า..
ฮยอกแจยืนนิ่งเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างสนามฟุตบอล สายตาทอดมองไปกลางสนามที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน ชายหนุ่มนับสิบยืนรวมตัวกันพร้อมกับแบ่งทีมก่อนจะหันไปเห็นใครบางคนกำลังยืนถอดเสื้ออยู่
“ป่ะ! มึงรีบวางกระเป๋าเร็ว กูจะพาไปยำแม่ง!” เฮนรี่ว่าพลางถอดเสื้อนักศึกษาออกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อนักฟุตบอลตัวโปรด
บ้าจริง..ไอ้เชี่ยหลัวมันหลอกให้เขามาที่นี่สินะ..ไหนบอกว่าทงเฮมันไม่อยู่ไง?
“ไอ้เหี้ยหลัว..”
“เฮ้ย! เร็วๆ ดิ..เพื่อนรอมึงคนเดียวนะเนี่ย” พูดพลางจัดแจงกระเป๋าอีกฝ่ายให้อย่างรู้งาน
“ไอ้สัด แผนมึงกับไอ้เหี่ยวใช่ไหม?” ฮยอกแจหันไปถามคนข้างๆ ที่ฉีกยิ้มจนตาปิด แม่งเสือกไม่เข้าเรื่องจริงๆ
“โหย มึงอ่ะ..กูแค่อยากช่วยให้พวกมึงสองคนคุยกันไวๆ ก็เท่านั้นเอง”
“กูไม่อยากคุยกับมัน..กูกลับละ..” ฮยอกแจว่าก่อนจะสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นมาแต่ก็ถูกอีกคนรั้งเอาไว้
“เฮ้ย! มึงหลบหน้ามันแบบนี้ก็เหมือนกับว่ามึงเป็นคนผิดนะเว้ย!”
ก็ใช่ไง..กูเป็นคนผิด
“.................”
“แค่เตะบอลเองห่า คิดเหี้ยไรมากวะ เห็นนั่นไหมลูกบอลอ่ะ คิดว่าเป็นหัวแม่งแล้ว เตะๆ เข้าโกลด์ซะ ป่ะลุย!” เฮนรี่ตบบ่าเพื่อนตัวผอมปั๊กๆ จนร่างโปร่งต้องหันกลับไปมอง แรงไอ้นี่มันก็ไม่ใช่จะเบาๆ เลยนะถ้าเล่นกับมันบ่อยๆ นี่คงมีสิทธิ์น่วม
เอาวะ..ก็แค่เตะบอลเองนี่
ฝีเท้าเหยียบลงบนพื้นสนามที่เฉอะแฉะไปด้วยหยาดฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับนักศึกษาชายที่คลั่งไคล้กีฬาเลยแม้แต่น้อย
แค่เพียงฮยอกแจเดินเข้าไปถึงกลุ่มทงเฮก็เดินหนีออกจากตรงนั้นทันที ทิ้งไว้เพียงแค่บรรยากาศอึดอัดที่เจ้าตัวก่อขึ้นมา สายตาคนรอบข้างมองทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ.. เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิทคู่นี้?
“มึงอยู่ทีมเดียวกับเชี่ยหลัวไปแล้วกัน ไอ้เหี้ยทงเฮแม่งเลือกทีมครบแล้ว” อีทึกว่าพร้อมกับถอดเสื้อออกเมื่อทีมฝั่งของเขานั้นต้องเป็นฝ่ายถอดเสื้อ
ทงเฮไม่เลือกผม..
“อืม..” ร่างโปร่งมองไปยังแผ่นหลังกว้างของเพื่อนสนิทก่อนจะมองต่ำลงไปจนเห็นผ้าพันแผลที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย..ไอ้บ้าเอ๊ย..แผลยังไม่หายดียังทำอวดเก่งแบบนี้อีก
เกมส์เดินไปเรื่อยๆ เป็นฝ่ายนำคะแนนบ้างเป็นฝ่ายตามบ้างผลัดกันอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะวิ่งสวนกันไปมาหากแต่ทงเฮกลับดูเอาจริงเอาจังไปกว่าทุกครั้ง
เล่นแรง..หลายครั้งที่จงใจชนไหล่..หลายครั้งที่..
“โอ๊ย!!” ร่างโปร่งล้มไปกองกับพื้นสนามเมื่อถูกอีกฝ่ายขัดขาแย่งลูกบอลไป ฮยอกแจเม้มปากแน่นด้วยความอึดอัดใจ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ..จะขัดขาจะชนไหล่กันไปถึงไหน
“มึงเป็นเหี้ยไรมากป่ะ” ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าร่างหนาที่ยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวท่ามกลางเสียงฮือฮาของเพื่อนนับสิบที่ยืนมองอยู่ห่างๆ
“อะไรของมึง?” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะแค่นเสียงหัวเราะออกมา แววตาที่มองมานั้นราวกับสมเพชฮยอกแจยิ่งกว่าอะไร..
ใช่..ทงเฮก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ
“มึงยังมีหน้ามาถามกูอีกเหรอ ไม่พอใจมึงออกไปต่อยกับกูข้างสนามได้นะ อย่ามาทำตัวเป็นลูกตุ๊ด” สิ้นประโยคทำเอาคนที่เคยทำหน้าเย่อหยิ่งหุบยิ้มไปในทันที.. คำพูดดูถูกนั้นเป็นสิ่งที่ทงเฮเกลียดที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะชอบใช้คำพูดเหล่านั้นกับคนอื่นก็ตามที..
แต่ถึงอย่างนั้น..ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับเขาแบบนี้!!
“มึงพูดว่าไงนะ?” มือหนากำคอเสื้อคนที่เคยเรียกว่าเพื่อนสนิทไว้ขณะที่ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ นัยน์ตาที่เคยฉายแววตาสดใสเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวในทันที..ถึงทงเฮจะตกใจกับแววตาของฮยอกแจในตอนนี้แต่ท่าทางการกระทำที่เป็นอยู่กับตรงข้าม
เฮนรี่ อีทึก และเพื่อนคนอื่นๆ รีบเข้ามาล็อคแขนทั้งคู่ให้ถอยออกมาก่อนที่สองเพื่อนรักจะต่อยกันซะก่อน เรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่ ยิ่งเจอกันก็ยิ่งแย่.. ทั้งที่คิดว่าถ้าให้สองคนนี้คุยกันหรือใกล้ชิดมากกว่านี้ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นบ้าง
“มึงก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่ชอบแดกของเหลือจากกูเท่านั้นแหละ”
“คนสันดานเหี้ยอย่างมึงมันคงคิดได้แค่นี้สินะ”
“แล้วจะต้องคิดแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับคนสันดานแบบมึงดีล่ะ? คิดจ้องจะคาบแฟนเพื่อนไปแดกน่ะเหรอ? ฮ่าๆ กูขอขำทีเถอะว่ะ”
‘เอาชนะ’ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ทงเฮรู้ในตอนนั้น..
คำว่า ‘เหตุผล’ เลือนหายไปจากสมองในที่สุด..เหลือเพียงแค่ ‘อารมณ์’ เพียงเท่านั้น..
สมองสั่งให้ปากพูดไปตามที่คิด..ยิ่งพูดแรงเท่าไหร่ได้ยิ่งดี..
ขอเพียงแค่ให้คนตรงหน้าเจ็บกว่าตัวเองได้เป็นพอ..
ไม่เคยสนใจ..ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันกำลังทำร้ายจิตใจฮยอกแจมากแค่ไหน..
.
.
ที่บอกว่าปลื้ม..
นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องชื่นชอบทุกอย่างในตัวเขาสักหน่อย
ท่ามกลางความเงียบสงบในเวลาพลบค่ำ ยังคงเหลือคนสองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาแกะลายแจกันใบใหญ่ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทุกครั้งเมื่อเขากำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง..คยูฮยอนก็เป็นคนอย่างนี้แหละ..จริงจังกับงานเสมอ...
“กาแฟสักแก้วไหม?” ร่างสูงเอ่ยถามเรียกความสนใจจากร่างโปร่งให้เงยหน้าขึ้นมามองเพียงชั่วครู่
“ผมไม่ดื่มกาแฟ ขอบคุณครับ” พูดจบก็หันหน้ากลับเข้าหาแจกันใบใหญ่อีกครั้ง..ร่างสูงยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
นัยน์ตาคมทอดมองออกข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ควันสีเทาหม่นถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า..ทุกครั้งที่เขาต้องการสมาธิ บุหรี่นี่แหละ..คือตัวช่วยของเขา
ชีวิตชายโสดวัยสามสิบเอ็ดที่วันๆ เอาแต่อยู่กับดินเหนียวและเครื่องปั้น..
แต่งงานคืออะไร?
ถึงพ่อแม่จะเคยคุยเรื่องนี้กับเขามาบ้างแล้ว แต่การแต่งงานก็เหมือนกับการผูกตัวเองไว้กับขาเตียงนั่นแหละ..ไร้ความเป็นอิสระ จะมีก็แต่ภาระที่เพิ่มมากขึ้นก็เท่านั้น
ร่างสูงขยี้ก้นบุหรี่ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหาใครอีกคนที่ตั้งใจช่วยงานเขาโดยไม่มีข้อแม้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้ามของอีกฝ่าย
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละครับ” มือเรียวยกขึ้นปิดจมูกทันทีพลางจ้องมองไปยังร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา
“...........??”
“.............” ร่างโปร่งเอามือลงเมื่อใครอีกคนหยุดยืนอยู่กับที่ บ้าจริง..ทำไมต้องสูบบุหรี่ด้วยนะ..
ร่างสูงจ้องมองคนตรงหน้าพลางคิ้วขมวดเล็กน้อย ท่าทางลุกลี้ลุกลนที่มองแล้วทำให้อดขำไม่ได้
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้..ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่รึไง?” ซีวอนพูดพร้อมกับนั่งลงบนโต๊ะยาวหลังห้อง
“ถ้างานออกมาแย่..คงต้องโทษคุณแล้วนะครับ” ตอบไม่ตรงคำถาม ร่างโปร่งยังคงตั้งหน้าตั้งตาแกะลายแจกันอยู่อย่างนั้น รีบทำรีบเสร็จดีกว่า..อากาศเริ่มจะเป็นพิษเข้าไปทุกทีแล้ว
“หืม? โทษผมเหรอ?” นั่นยิ่งทำให้อาจารย์หนุ่มนึกขำเข้าไปใหญ่..
เด็กคนนี้แปลกกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย..
“คราวหน้าถ้าจะเรียกผมมาช่วย..ขอความกรุณาอย่าสูบบุหรี่อีกนะครับ”
“เป็นทางการจริงๆ”
“ครับ”
“ก็แค่คลายเครียดเท่านั้น..ผมไม่ได้รมควันใส่คุณสักหน่อยนี่..” พูดเรื่องจริง ใช่ว่าเขาจะทำอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่..อย่างมากก็แค่มีกลิ่นบุหรี่ติดเสื้อมาบ้างก็เท่านั้นแหละ
“ครับ”
อาจารย์หนุ่มถอดใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะปิดกั้นตัวเองน่าดู ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปเด็กคนนี้ก็ตอบมาซะเล่นเอาเขาไปไม่ถูกเลย
.
.
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้าน” ร่างสูงพูดพลางหันไปมองใครอีกคนที่รักษาระยะห่างไว้ราวกับเขาเป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่ไม่ควรเข้าใกล้
งานชิ้นแรกเสร็จสิ้นไปโดยไม่มีข้อบกพร่องอย่างที่เคยกังวลไว้ในทีแรก..
“ไม่เป็นไรครับ รถเมล์ยังวิ่งอยู่” ตอบอย่างไร้เยื่อใยจนคนได้ฟังรู้สึกขัดใจเล็กน้อย..นี่จะคล้อยตามกันไม่ได้เลยใช่ไหม?
“ผมให้คุณมาช่วยงานจนดึกดื่น จะปล่อยให้คุณกลับคนเดียวได้ยังไง มันอันตราย” พูดพร้อมเดินเข้าไปใกล้หากแต่ร่างโปร่งกลับเดินถอยหลัง
“ผมดูแลตัวเองได้ คุณน่ะกลับไปเถอะครับ” มือเรียวยกขึ้นปิดจมูกอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวร่างสูง
ซีวอนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อเชิร์ตตัวนอกออกเหลือเพียงแค่เสื้อยืดสีเทาตัวเดียวเท่านั้น
“ทีนี้จะไปกันได้รึยัง?”
.
.
มนุษย์เราก็เป็นแบบนี้..ถ้าเกิดตัวเองเจ็บ..
คนอื่นก็ต้องเจ็บปวดมากกว่าเราไปอีกร้อยเท่า..
วันนี้ทั้งวันฮยอกแจรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่อยากเข้าเรียน แค่คิดว่าวันๆ นึงต้องทนเรียนกับไอ้หมาบ้าที่พูดจาดูถูกเขาเมื่อวานก็รู้สึกเอือมจะแย่แล้ว.. ร่างโปร่งตัดสินใจจะไปสงบสติอารมณ์โดยการไปนั่งดรอว์อิ้งเงียบๆ แทนที่จะกลับหอพัก.. แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครอีกคนยืนตาบวมอยู่ตรงหน้า
“ฮยอกแจ..”
“...............”
.
.
“
.”
“
.”
ท่ามกลางความเงียบในเวลาพลบค่ำ หลังจากที่นักศึกษาต่างทยอยกันกลับไปแล้วแต่มีคนสองคนนั่งเงียบอยู่ที่ระเบียงทางเดิน.. ดวงตากลมโตจ้องมองดวงหน้าของอีกฝ่ายที่สภาพไม่ต่างจากตัวเองนัก
พอรู้มาบ้างว่าฮยอกแจกำลังมีเรื่องเคืองใจกับทงเฮ..และจะให้อยู่เฉยๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้ มันเป็นความผิดของเธอล้วนๆ รู้สึกผิดต่อฮยอกแจเหลือเกินที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
“เราขอโทษ..ขอโทษจริงๆ”
“ขอโทษทำไมกัน” ร่างโปร่งยิ้มเนือยๆ หากแต่ไม่ได้หันกลับไปมองดวงหน้าหวานเลยสักนิด มันไม่ใช่ความผิดของเธอคนเดียวสักหน่อย ถ้าจะผิดมันก็ผิดด้วยกันนั่นแหละนะ..
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรา..ทงเฮก็คงไม่โกรธฮยอกแจขนาดนี้...”
“ไม่เป็นไร ไอ้หมอนั่นโกรธได้ไม่นานหรอก” ตอบเพื่อให้อีกคนสบายใจ ถึงแม้ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้กลับมาคุยกันดีๆ อีกครั้งรึเปล่า
“ฮยอกแจ..” มือเล็กทาบทับลงบนหลังมือร่างโปร่งที่วางอยู่ตรงหน้าขา นัยน์ตาเรียวมองมืออีกฝ่ายก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก”
“..................”
“เราหมายถึง..เรื่องระหว่างเราสองคนน่ะ..” ฮยอกแจพูดพร้อมกับเลื่อนมือตัวเองออกมา ถึงจะชอบยูอีมากแค่ไหน..แต่เรื่องระหว่างเขากับยูอีมันก็เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“............ทำไมล่ะ”
“เธอไม่ต้องมารู้สึกผิดเพราะเรื่องวันนั้นหรอก เราไม่ใช่ผู้หญิง..คนที่เสียหายไม่ใช่เรา..แต่เป็นเธอต่างหาก” ดวงตาเรียวฉายแววตาจริงจัง ถามว่ารู้สึกเจ็บไหมที่พูดแบบนั้นออกไป..เจ็บสิ..แต่มันมีทางเลือกอื่นให้เขาด้วยงั้นเหรอ..ไม่มี...
“
.ฮยอกแจหมายถึง...จะให้เราทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนงั้นเหรอ...” ดวงตาคู่สวยสั่นระริก เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่คิดว่าอบอุ่นที่สุด
“กลับเถอะ เราจะเดินไปส่งที่รถ..” ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับกุมข้อมืออีกฝ่ายไว้ด้วย ร่างบางสะบัดข้อมือออกพลางจ้องหน้าอีกคน
“
”
“เราเคยคิดมาตลอดว่าฮยอกแจเป็นคนอบอุ่น และไม่ว่าจะเป็นยังไงฮยอกแจก็จะไม่ปล่อยเราให้อยู่คนเดียวแน่..แต่นี่..ฮยอกแจกำลังจะทำแบบนั้น”
“.....................”
“ฮยอกแจกำลังจะทิ้งเราไปเหมือนที่ทงเฮทำ..ฮึก..”
“ทิ้งเหรอ...”
“
”
“มันเหมือนกันเหรอยูอี?” สิ้นประโยคทำเอาร่างบางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่าย แววตาที่ดูเจ็บปวดไม่ต่างไปจากเธอในตอนนี้..
“เราเคยมีกันด้วยเหรอ เธอถึงเอาเราไปเทียบกับทงเฮ”
“.......................”
“ใช่..เรื่องนี้มันเป็นความผิดของเราเอง..เราชอบแฟนเพื่อน..เรามีอะไรกับแฟนเพื่อน..”
“.......................”
“เรารู้ว่าเราผิด..แต่ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน..มันควรจบซะตั้งแต่ตอนนี้..”
ร่างโปร่งจูงมืออีกคนให้เดินตามมา ไม่อยากให้เรื่องราวมันเลวร้ายเกินไปกว่านี้แล้ว..
อีกอย่าง..ถ้าเกิดทงเฮรู้ว่าเขากับยูอียังคุยกันอยู่แล้วจะเป็นยังไง..
“จบเหรอ..มันไม่เคยเริ่มต้นเลยต่างหาก” ริมฝีปากอิ่มพูดขึ้นทำให้ร่างโปร่งหยุดชะงักพร้อมกับหันกลับไปมองร่างบางอีกครั้ง
“.........................”
“ก็เพราะว่าไม่เคยเริ่ม..ไม่เคยพูดอะไรสักอย่าง..เราถึงได้ตกเป็นของทงเฮไง..ฮยอกแจใจร้าย..ใจร้าย..” หยาดน้ำใสไหลอาบแก้มจนร่างโปร่งทนมองไม่ได้.. มือเรียวคว้าคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่นพร้อมกับลูบหัวเบาๆ
มันเป็นความผิดของผมเหรอ..ความผิดของผมที่ปล่อยให้เธอต้องรอ?
แต่ถ้ามองกลับกัน.. คนอย่างผมก็แค่ต้องการความแน่ใจ..อยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป แบบนั้นมันผิดมากรึไง..
.
.
“ไอ้เหี้ย........” เสียงอุทานออกมาจากปากเฮนรี่เมื่อเขาทั้งสามได้เห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจะๆ แบบนี้
ก็พอเข้าใจจากสนามฟุตบอลเมื่อวานหรอกนะว่ามีเรื่องชกต่อยกันเรื่องผู้หญิง..แต่ก็ชั่งใจอยู่ว่าฮยอกแจจะทำอย่างนั้นได้จริงๆ น่ะเหรอ? ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเฮนรี่ อีทึก ไม่เคยเห็นฮยอกแจจะกล้าทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้งนี่หว่า
“สัดเอ๊ย..” ริมฝีปากหนาสบทเบาๆ พลางกัดฟันกรอด..มือหนากำหมัดแน่นอยากเข้าไปชกหน้าไอ้คนที่ตัวเองเรียกว่าเพื่อนรักให้เลือดอาบมือสักที
“มึงใจเย็นๆ ก่อน”
“ใจเย็นเหรอ? มึงแหกตาดูแม่งหน่อยดีไหม?” ทงเฮว่าพลางชี้ไปยังร่างโปร่งที่กำลังยืนส่งอดีตแฟนสาวตัวเองขึ้นรถ..เท่านั้นยังไม่พอ..ร่างบางโผเข้ากอดฮยอกแจอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ทงเฮโมโหมากจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
“สัดเอ๊ย!!” ร่างหนากำหมัดแน่นพร้อมกับเดินไปข้างหน้าหวังจะไปเอาเลือดปากอีฮยอกแจออกตามที่คิดไว้เมื่อครู่
“เฮ้ยๆๆๆ มึงจะทำเหี้ยไรเนี่ย?” อีทึก เฮนรี่ต่างล็อคแขนคนอารมณ์ร้อนเอาไว้
“โทษไอ้เหี้ยฮยอกแจก็ไม่ได้ ก็ดูอดีตสุดที่รักมึงดิ มาหาแม่งถึงที่นี่กูว่าก็อ่อยพอกันล่ะวะ” อีทึกพูด
“เออ ดูโอ้แม่งพูดถูก ยังไงมึงก็เย็นหน่อยเหอะสัด เอะอะใช้อารมณ์ ไอ้ฮยอกแจมันเพื่อนมึงนะเว้ย”
“เพื่อนเหรอ? ไว้ให้แม่งไปเรียกคนอื่นที่ไม่ใช่กูเถอะ”
.
.
“ยังไงก็แมนยูว่ะคืนนี้ มึงอย่ากบฏได้ป่ะดูโอ้”
“กบฏพ่อง กูบอกแล้วว่าไม่ชอบแมนยูไอ้สัด ทำกูเสียตลอด”
“มึงมันโง่ไง กูไม่เคยเสียกับแมนยูเลยสักครั้งเลยจะบอกให้”
ถึงแม้ว่าเขาจะเดินแยกออกมาจากจุดนั้นแล้วแต่ความโกรธแค้นมันยังจุกอยู่เต็มอก..ที่โกรธขนาดนี้ใช่ว่ารักยูอีหรอกนะ..แต่มันโกรธไอ้เพื่อนทรยศที่ยังกล้ากลับไปเจอยัยผู้หญิงแพศยาคนนั้นได้หน้าตาเฉยอีก..ถึงเขาจะไม่ได้รักยูอี แต่ฮยอกแจก็ไม่ควรทำแบบนี้ คิดแล้วมันน่าโมโห..ไอ้เชี่ยสองตัวนี้ไม่น่าห้ามเขาไว้เลยจริงๆ
“ถ้าเป็นกูนะ กูจะตามไปเล่นแม่งถึงบ้านเลยสัด ยืมเงินแล้วไม่คืนเหรอ 55555555”
ฝีเท้าหยุดชะงักพลางมองไปยังสองดูโอ้ที่เดินคุยกันสนุกปาก ข้างหน้าก็ถึงลานจอดรถแล้วแต่ความรู้สึกมันยังแน่นอยู่ในอก อึดอัดอยากระบาย อยากทำอะไรสักอย่างให้ไอ้คนทรยศมันเจ็บกว่าที่เขาเป็นอยู่ เอาให้ร้องไห้ได้ยิ่งดี..เขาไม่ยอมกลับบ้านแน่ถ้าเรื่องราวมันยังไม่เคลียร์แบบนี้
ร่างหนาเอี้ยวตัวกลับไปที่ตึกคณะโดยที่เพื่อนอีกสองคนไม่ทันรู้ตัว เมื่อกี้เห็นฮยอกแจมันเดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง..แสดงว่ามันต้องอยู่ห้องดรอว์อิ้งแน่..
คราวนี้แหละ..ถึงเวลาที่คนอย่างอีฮยอกแจจะได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดดูสักที
ความคิดเห็น