คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 : ลีทงเฮเด็กเอาแต่ใจ
หลังจากที่ ส.ส. คนดังได้ทำการง้อเมียอย่างไร้ความหวังเสร็จสิ้นแล้วก็ค่อยๆเดินคอตกออกจากร้านไปขึ้นรถเบนซ์สีดำวาววับด้วยสีหน้าเหมือนคนไร้วิญญาณ ร่างโปร่งยิ้มร่าอย่างมีความสุขก่อนที่จะขึ้นไปนั่งบนรถข้างๆพ่อตัวเอง
มีเรื่องน่าสนุกแล้วสินะ.. หึหึ..
“แกยิ้มอะไรทงเฮ?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอัดอั้นตันใจ.. ไอ้ลูกเวร.. ไม่ช่วยพ่อง้อแล้วยังมีหน้ามายิ้มระรื่นอีก
“เปล๊า.. ผมยิ้มอยู่เหรอ? พ่อคิดไปเองรึเปล่า?” ลูกชายตัวดีหันไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นพ่อ
“เมื่อกี้ยังเห็นทำหน้าจะไปขวิดกับควายที่ไหนอยู่เลยนิ”
“พ่อสนใจแค่แม่ก็พอแล้วน่า” ลูกชายพูดตัดบทอย่างไร้เยื่อใย ถ้าเกิดว่าไอ้ลูกเวรคนนี้ไม่เป็นตัวเชื่อมทางรักระหว่างเขากับคุณนายลีนะ จ้างให้ก็ไม่พามาด้วยหรอก
“ทำไมหม่ามี๊แกใจแข็งจังเลยว๊ะ! TAT” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ นานแล้วนะที่เขาต้องทำตัวอับอายประชาชนแบบนี้
“ก็พ่อไม่มีน้ำยา”
สิ้นสุดคำพูดของลูกชายคนนี้ส.ส.ลีแทบจะเข้าไปบีบคอแล้วเขย่าแรงๆสักห้าริบรอบต่อวินาทีให้ได้ แต่อย่างว่าล่ะนะ.. เขาเป็นลูกแก้วหัวแหวนของคุณนายลี... ถ้าเกิดเขาทำร้ายไอ้ลูกชายคนนี้มีหวังโดนเมียเอาน้ำซุปต้มยำสาดหน้าแน่ๆ
“แกเจ๋งนักสิ.. เก่งนักก็หาแฟนสวยๆมาให้พ่อเชยชมหน่อยได้มั้ยล่ะ?” ส.ส.ลีทำหน้าเย้ยหยัน
“ผมเรียนอยู่นะพ่อ พ่อไม่เคยได้ยินเหรอเรื่องรักในวัยเรียนน่ะ.. เฮ้อ..พ่อเป็น ส.ส.ได้ไงเนี่ย ทำแบบนี้ประชาชนที่ไหนจะมานับถือ..” ลูกชายส่ายหน้าเอือมทั้งที่ในใจแทบจะลุกขึ้นเต้นด้วยความสะใจ
“ไม่มีตั้งแต่นายท่านไปคุกเข่าง้อคุณนายแล้วละครับคุณหนู” เสียงคนขับรถเอ่ยขึ้น
เอาสิ.. แม้แต่คนขับรถก็ไม่เข้าข้าง ส.ส.ลี... ชีวิตมันดราม่าจริงๆ
“เออ.. พูดมากนักนะแก อยากไปเดินเตะฝุ่นข้างถนนใช่มั้ย?” ส.ส.ลีพาลไปวีนคนขับรถ
“ผมล้อเล่นครับนายท่าน.. นายท่านออกจะหล่อรวยเพอเฟคดูดีมีชาติกูลจบการศึกษาระดับชาติซะขนาดนี้มีหรือประชาชีจะไม่นับถือ”
“หึ..! พูดได้ดี”
“หลอกตัวเองชัดๆ..” ทงเฮพึมพำแต่นั่นก็ทำให้คนที่นั่งข้างๆได้ยินเต็มสองหู แต่ก็เอาเถอะนะ..ถ้าเกิดไม่มีไอ้เด็กแสบนี่เขาคงไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณนายลีเป็นแน่แท้
“เป็นไปได้พรุ่งนี้กรุณาไปเรียนพิเศษด้วย”
“ไม่ไป พรุ่งนี้ผมจะมาหาแม่”
“อะไรของแก ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นอยากจะมาร้าน”
“แต่ตอนนี้ผมอยากแล้ว”
“โว๊ะ!! นิสัยเอาแต่ใจแบบนี้เหมือนใครวะ!”
“เหมือนพ่อนั่นแหละ”
“ไม่จริง.. แกน่ะ..ถอดแม่มาเด๊ะๆ”
“ผมจะฟ้องแม่”
“ถ้าแกฟ้อง ฉันจะเอารูปวัยเด็กแกไปให้ประธานชมรมหนังสือพิมพ์ที่โรงเรียน..ทีนี้ล่ะแกเอ๋ย..ไม่ได้อยู่สุขแน่~” สีหน้าผู้เป็นพ่อลัลล้าจนถึงขีดสุด..
ทงเฮหันไปมองพ่ออย่างเอาเรื่อง.. บอกเขาทีว่านี่คือส.ส. ถ้าเกิดเป็นตาแก่เดินโต๋เต๋ข้างถนนป่านนี้เขาคงวิ่งเข้าไปกระทืบแล้ว
“ย๊า!!! ผมเกลียดพ่อ!!!”
“แต่ฉันรักแกนะ~ ทงเฮ”
“เกลียดๆๆๆๆๆ ผมจะยุให้แม่เกลียดพ่อยิ่งขึ้นอีก!! คอยดูนะ หึ!!” ทงเฮกระตุกยิ้ม
“=[]=!!! ทงเฮลูกรักของพ่อ!!”
“ลุงปาร์คจอดรถด้วย! ผมจะลงแล้ว” ทงเฮหันไปบอกคนขับรถ
รถจอดลงข้างทางพร้อมกับร่างโปร่งที่รีบลงรถแล้วกระแทกประตูอย่างแรง... ผู้เป็นพ่อเลื่อนกระจกลงแล้วเอาคอพาดขอบริมหน้าต่างมองลูกชายตาละห้อย
“แกจะไปไหนทงเฮ~”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะลุง” ทงเฮจิ๊ปากแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไป รถเบนซ์คันหรูค่อยๆขับตามอย่างช้าๆ
“อย่ากลับดึกนะ เดี๋ยวแม่แกโทรมาสี่ทุ่มขอสายแก พ่อได้ตายอ่ะ”
“ใครสนล่ะ”
“ทงเฮอ่า~ TAT”
“ถ้าพ่อกล้าหือกับผมอีก ผมจะร้ายกลับสิบเท่า..คอยดูนะ” ทงเฮหันไปยิ้มอย่างมีชัยให้กับ ส.ส.ลีก่อนที่จะเดินเข้าเกมส์เซนเตอร์ไป
“TAT”
“เอาไงต่อครับนายท่าน..?”
“ไปห้องตัดเสื้อ..เตรียมตัวไปเรือสำราญ..”
…
..
“ให้ตายเถอะ.. ทำไมวันนี้คนเยอะอย่างนี้นะ.. พนักงานหายไปไหนหมด?”
“ออกไปส่งบะหมี่กันสี่คนครับคุณนาย”
“จองซูล่ะ?”
“จองซูยกของอยู่หลังร้านกับพี่ซึงครับ”
บรรยากาศในร้านบะหมี่ที่กำลังวุ่นวายเพราะลูกค้าในร้านเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ แถมคนที่โทรสั่งก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน
ร่างบางยืนเอ๋อเพราะยังไม่ได้รับการฝึกงาน และไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง
RRRRrr…..!!!
“เด็กใหม่! นายว่างใช่มั้ย? รับโทรศัพท์ลูกค้าหน่อย!”
“อะ..อ่อ...ฮะ!!” ฮยอกแจเดินเข้าไปลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยกหูขึ้น
“สวัสดีฮะ!”
“สวัสดี”
“อะ..เอ่อ...สักครู่นะฮะ...พี่ฮะ..ผมต้องพูดว่าอะไรบ้าง..” เสียงกระซิบกระซาบทำเอาคู่สายกระตุกยิ้มชอบใจ..
“เร็วๆสิ! ฉันหิว”
“..ฮะ..ฮะ!! ร้านพิงค์รามยอนสวัสดีฮะ!!” ฮยอกแจกุมขมับตัวเอง นั่นชื่อร้านเหรอ? แล้วทำไมเขาต้องทักทายสองรอบด้วย
“ฉันจะสั่งจาจังมยอนไม่ใส่ต้นหอมไม่ใส่ขิงซอยไม่ใส่จุงกุกทเวนจางให้เปลี่ยนเป็นซีอิ๊วดำเคี่ยวน้ำตาลแทนส่วนที่อยู่ฉันอยู่ที่ถนน$%&%(^&(#$@#$^$%*%&)(^&*(” ฮยอกแจอ้าปากค้างแล้วรีบหาปากกามาจด.. ทำไงดี.. ไม่มีกระดาษ TOT ทำไมชีวิตถึงเป็นอย่างนี้.. ฮยอกแจหมดหนทางจนต้องจดมันใส่กับข้อมือตัวเอง ดีนะที่เขาความจำดีจดตามทันทุกอย่าง.. ไม่งั้นมีหวังถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกแน่ๆ (จุงกุกทเวนจางคือซอสถั่วดำของเกาหลี)
“โอเคนะ? นายชื่ออะไรน่ะ?”
“อะ..เอ๋?..ชื่อผมเหรอฮะ..?”
“ใช่..คงเป็นพนักงานใหม่ล่ะสิ ท่าทางดูลนๆนะ”
“อ่าใช่ฮะ.. ผมชื่อลีฮยอกแจฮะ”
“ลีฮยอกแจเหรอ...หึ...ภายใน 30 นาที.. ถ้าฉันยังไม่ได้กินบะหมี่เรื่องนี้ถึงหูเจ้าของร้านแน่”
ตื้ดดดดดดดดดดดดดดดด....
เสียงตัดสายอย่างไร้เยื้อใยทำเอาฮยอกแจทำหน้าจะร้องไห้รำไร.. คนตัวเล็กรีบเดินไปสั่งพ่อครัวพร้อมกับถอนหายใจ..
“พี่จองซูไปไหนของเขานะ แล้วใครจะสอนเราทำงานละเนี่ย” ร่างบางบ่นอุบอิบกับตัวเอง
“เฮ้! เด็กใหม่ จดที่อยู่ไว้แล้วใช่มั้ย? รีบเอาไปส่งลูกค้าซะสิ”
ฮยอกแจหันไปทำหน้าเหย๋เกใส่พ่อครัวก่อนที่จะรับรามยอนที่ถูกห่อไว้อย่างดี
“คือ..ผม..”
“รออะไรอยู่เล่า! เร็วเข้าสิ”
ตัดภาพมาอีกทีฮยอกแจก็ยืนอยู่หน้ามอเตอร์ไซมินิประจำร้านพิงค์รามยอนซะแล้ว.. เอาไงดี.. มันเป็นสกุตเตอร์นะ.. คงขับไม่ยากหรอก..
ฮยอกแจสตาร์ทมอเตอร์ไซพร้อมกับสวมหมวกกันน็อค.. เอาล่ะ! คนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอกนะลีฮยอกแจ!!~
ระหว่างที่ฮยอกแจกำลังพยายามทรงตัวบนรถมินิสกุตเตอร์สีชมพูออกไปนั้น ใครคนนึงกำลังกระตุกยิ้มเยาะอย่างพอใจอยู่อีกฝั่งตรงข้ามถนน
“อ่า~ หนุ่มน้อยลีฮยอกแจ.. นายจะไปส่งบะหมี่ให้ฉันเหรอเนี่ย~ น่าสงสารจังเลยนะที่ฉันต้องไปสะสางเรื่องกับเด็กมหาลัย N ก่อน.. ถูกด่าตั้งแต่วันแรกหวังว่าคงไม่ถูกไล่ออกนะจ้ะ” บุคคลนิรนามพูดกับตัวเองพร้อมกับยิ้มร่าอย่างมีความสุข..
“นายอีกคน..ปาร์คจองซู นายต้องปวดหัวตายเพราะฉัน หึหึ!”
ความคิดเห็น