คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : Between
Chapter 2
ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...ยิ้มเก่งที่สุดในโลก
“เอาล่ะๆ เลิกเล่นแล้วหันมาฟังครูสักประเดี๋ยวได้ไหม เฮ้! ทางนั้นน่ะถ้ายังไม่เลิกครูจะสั่งวิ่งรอบสนามสิบรอบแล้วนะ!”
เสียงของครูสอนพละตะโกนขู่เหล่าเด็กผู้ชายที่กำลังเล่นหยอกล้อกันอยู่ท้ายแถว คาบนี้เป็นวิชาพละครับ ผมและเพื่อนๆ ยืนกันอยู่ท่ามกลางสนามฟุตบอลอุณหภูมิกำลังดี ไม่ร้อนและกำลังอบอุ่นได้ที่เหมาะแก่การวิ่งออกกำลังกาย แต่ผมเริ่มจะเห็นปัญหาก็ต่อเมื่อมีลูกหนังกลมๆ กลิ้งมาใกล้ๆ นี่ล่ะครับ...
ฟุต...บอล...
“อาทิตย์ที่แล้วครูแบ่งทีมไปกี่คนนะ ทีมละหกคนใช่ไหม มาเอาบอลไปทีมละลูกแล้วหาพื้นที่ล้อมเป็นวงกลม หัดฝึกส่งบอลกันนะ”
“อะไรนะครับ ฟุตบอลเหรอ” ผมหันไปถามฮยอกแจที่ยืนเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ข้างๆ ดูท่าเขาจะพร้อมกับกีฬาประเภทนี้ดีทีเดียวเลยล่ะครับ
“ใช่ ฟุตบอลนี่แหละกีฬาของชายชาติทหาร”
“อา...แย่แล้วสิ” ผมพึมพำเบาๆ
“เป็นอะไร”
“คือผมไม่ค่อยถูกกับพวกลูกกลมๆ สักเท่าไหร่น่ะครับ เวลาเล่นทีไรแล้วแว่นแตกทุกทีเลย กลับบ้านไปโดนย่าเอาก้านหวายไล่ฟาดจนต้องวิ่งหนีไปหลบในเล้าไก่เพราะแว่นราคามันแพงมาก..."
“เท่าไหร่”
“แสนวอนครับ” (ประมาณสี่พันห้า)
“โธ่เอ๊ย มันแพงตรงไหนเนี่ย”
“แพงจริงๆ นะครับ แว่นอันหนึ่งผมใช้ประมาณ 4-5 ปีได้ถ้าเกิดว่าไม่โดนลูกหนังนั่นกระแทกเข้าให้เสียก่อน” ผมทำหน้าจริงจังก่อนที่ฮยอกแจจะลากผมไปยืนอยู่วงล้อมด้วย ผมยืนเก้ๆ กังๆ มองลูกฟุตบอลพลางมองซ้ายขวา
“อยู่กลุ่มเดียวกับฉันนี่แหละ คนขาดตั้งสองคน ได้นายมาเป็นประตูก็คงดี”
“ประตูมันเสี่ยงต่อการโดนเตะอัดแว่นแตกมากเลยนะครับฮยอกแจ” ผมแย้งขึ้นมา เพราะไอ้ครั้งล่าสุดที่แว่นแตกก็เพราะว่าได้รับบทเป็นผู้แบกภาระทีมไว้ไงล่ะครับ
“ใครจะไปเตะโดนแว่นนายกัน ถอดแว่นออกแล้วค่อยเล่นสิ”
“ถ้าทำแบบนั้นผมก็คงมองอะไรไม่เห็นครับ สายตาผมสั้นตั้งเจ็ดร้อยแน่ะ”
“-_-! คอนแทคเลนส์ไงโจคยูฮยอน นายไม่มีเหรอ?”
“หมายถึงไอ้พลาสติกสีใสที่เด็กผู้หญิงชอบเอาไปใส่ตาให้ดูมีประกายนั่นใช่ไหมครับ ผมไม่มีหรอก เพราะย่าบอกว่าถ้าใส่ของพรรค์นั้นแล้วพลาสติกอาจจะละลายตอนที่เราอยู่ใกล้ไฟจนตาบอดไปเลยก็ได้” ผมยังคงปั้นหน้าจริงจังต่อไป ย่าผมพูดแบบนั้นจริงๆ ครับ ซึ่งมันคงน่ากลัวพิลึกถ้าเกิดเรากำลังกินเนื้อย่างกันอยู่แล้วพลาสติกมันละลายขึ้นมาน่ะ...
“โอเค! งั้นฉันให้นายเป็นกองหลัง!” ฮยอกแจเริ่มทำหน้าหงุดหงิดครับ ตอนนี้ผมชักรู้สึกผิดที่ทำตัวมีปัญหากับเพื่อนฝูงซะแล้วสิ
“ฮยอกแจครับผมขอโทษ”
“ไม่ต้อง -_-!”
“ครับ”
“ยังจะครับอีก เอ้ารับไป!” ฮยอกแจส่งบอลมาให้ผมเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรับมันไม่ได้ ฮยอกแจทำท่าจะทึ้งหัวตัวเองเมื่อเห็นพฤติกรรมกลัวลูกหนังของผม ซึ่งมันก็จริง ผมกลัวฟุตบอลมากยิ่งกว่าอะไร กีฬาประเภทอื่นผมไม่เคยเลี่ยงไม่ว่าจะเป็นวิ่งร้อยเมตร วิ่งผลัด ว่ายน้ำ ชักคะเย่อ แต่อะไรที่มันเป็นลูกกลมๆ นี่ขอเถอะนะครับ...
“ขอโทษครับ!” ผมโค้งหัวขอโทษฮยอกแจและเพื่อนอีกสามคนที่ยืนทำหน้าเซ็งอยู่แล้วก็รีบวิ่งไปเก็บบอล
ฟุตบอลหยุดลงที่ตรงหน้าใครคนหนึ่ง ผมเห็นเพียงแค่รองเท้าหนังสีดำของเขาก่อนจะค่อยๆ มองขึ้นไปตามลำดับจนเห็นชุดกราวน์สีขาว อาจารย์หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้ก้มลงหยิบลูกฟุตบอลให้กับผม
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร...ฝากบอกอีฮยอกแจด้วยนะว่าครูมีงานจะให้ช่วย ให้เขาไปเจอครูที่ห้องพยาบาลด้วย”
“ได้ครับครู” ผมโค้งหัวให้เขาก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปหาฮยอกแจที่ยืนมองตาขวางไม่ต่างจากเมื่อครู่ เขาโกรธอะไรขนาดนั้นนะแค่ผมรับบอลไม่ได้เอง
“เมื่อกี้นายคุยอะไรกับครูห้องพยาบาล”
“อ๋อ...เมื่อกี้ครูเขาบอกว่าให้ฮยอกแจไปหาที่ห้องพยาบาลด้วยครับ ครูมีเรื่องให้ช่วย”
“กลับไปบอกเขาด้วยนะว่าฉันเป็นนักเรียน ไม่ใช่ผู้ช่วยหมอ โอ...เค๊?” เขายื่นหน้าเขามาใกล้ๆ ผมพร้อมกับชำเลืองตามองใครอีกคนที่ยังคงเดินไปไม่ไกลจากที่นี่ ผมพยักหน้าหงึกแล้วรีบวิ่งไปหาครูห้องพยาบาลตามคำสั่งของฮยอกแจ
พอวิ่งไปถึงก็ยืนหอบ โกยอากาศเข้าปอดเหมือนตอนวิ่งหนีหมาบ้านครูใหญ่ที่ปูซาน ครูห้องพยาบาลเลิกคิ้วมองผม
“ฮยอกแจตอบว่าเขาเป็นนักเรียนไม่ใช่ผู้ช่วยหมอครับครู ดูเหมือนเขาจะบอกว่าเขาไม่ว่างนะครับ”
“เหอะ ไม่ว่างงั้นเหรอ งั้นช่วยบอกเขาทีนะว่าถ้าเขาไม่มาช่วยครูภายในวันนี้ วันหน้าก็ไม่ต้องมาช่วยอีกเลย ครูจะหาคนใหม่มาแทนเขาเอง -_-”
“ได้ครับครู” ผมพยักหน้าทีหนึ่งแล้ววิ่งกลับเข้าไปในสนาม ตอนแรกอากาศมันก็อบอุ่นดีอยู่หรอกนะครับแต่พอวิ่งไปวิ่งกลับแบบนี้แล้วผมถึงได้รู้ว่าวันนี้ร้อนมาก...
“ฮยอกแจครับ”
“เออ”
“ครูบอกว่า ถ้าเกิดวันนี้ฮยอกแจไม่ไปช่วย ครูเขาจะหาคนใหม่ไปช่วยแทน แล้วฮยอกแจก็ไม่ต้องไปช่วยเขาอีกครับ”
ทันทีที่ผมพูดจบฮยอกแจก็แค่นเสียงหัวเราะออกมาทันที ผมมองฮยอกแจกับคุณครูสลับกันไปมาดูเหมือนว่าทั้งคู่จะกำลังปั่นสงครามประสาทกันอยู่นะครับ
“ฝากไปบอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายนะว่า...ฉัน! ไม่! เคย! แคร์!”
“ฮยอกแจ...ไม่เอาน่า” ใครอีกคนที่ชื่อมินโฮเดินมาวางมือลงบนไหล่ฮยอกแจอย่างเป็นห่วง ผมเองก็เหมือนกันครับ ตอนนี้ผมก็เป็นห่วงฮยอกแจและตัวผมเองด้วย เริ่มเหนื่อยแล้วนะครับ
“ฉันไม่ไปหาเขาเด็ดขาด อยากทำอะไรก็เชิญเลย”
“ไปต่อสัญญาให้มันจบๆ ไปสิจะได้ไม่มีปัญหากันไงหืม?” มินโฮเลื่อนไปลูบหัวร่างบางเบาๆ ในขณะที่ฮยอกแจกำลังเดือดได้ที่ แต่จู่ๆ ฮยอกแจก็ยิ้มออกมาพร้อมกับจับมือมินโฮไปกอดคอตัวเองไว้
ผมไม่รู้ว่าทั้งคู่กำลังเล่นอะไรกันอยู่แต่ดูเหมือนว่าครูห้องพยาบาลที่ยืนมองอยู่ห่างๆ นั้นกำลังไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ฮยอกแจไม่ทำตามคำสั่งเขา ที่โรงเรียนนี่ดีจังเลยนะครับ นักเรียนขัดใจครูได้โดยไม่ต้องโดนด่าและหักคะแนนเทียบกับที่ปูซานไม่ได้เลยครับ ที่นั่นน่ะถ้าใครกล้าหือนี่คงโดนแปรงลบกระดานเพียวๆ พร้อมฝุ่น Effect เหมือนในละครกำลังภายในอะไรอย่างนั้นเลย แต่พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกอีกล่ะครับ เพราะนั่นมันเป็นการเสี้ยมสอนให้เด็กๆ ไม่รู้จักเชื่อฟังครูบาอาจารย์แล้วแบบนี้จะเป็นอนาคตของชาติได้ยังไง นักเรียนต้องเคารพคุณครูสิถึงจะถูก ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยชอบหน้าครูคนนั้นก็เถอะ ผมเองก็เคยเป็นครับแต่ดีที่ว่าผมเก็บอารมณ์เก่ง
ผมวิ่งกลับไปหาครูห้องพยาบาลอีกครั้งแต่ยังวิ่งไม่ไปถึงไหนก็ได้ยินเสียงคำว่า “ระวัง!!!” แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้ยินเพียงแค่เสียงวิ้ง...แล้วโลกนี้ก็มืดลงไปในทันที...
.
.
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น...จ้องมองเพดานสีขาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองทางขวาที่มีฮยอกแจนั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าเขายังคงเหมือนตอนกลางวันไม่มีผิด หน้าบึ้งเหมือนตูดเป็ดเลย
“ฮยอกแจเป็นอะไรครับ”
“ฉันกำลังคิดว่านายนอนหรือตาย ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้วนะ”
“อะไรนะครับ! ห้าโมงแล้วเหรอ?!” ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือ แต่ก็ต้องขยับมือเข้ามาใกล้ๆ ระดับสายตาเพราะมองไม่เห็น “แว่นผมอยู่ไหนครับ”
“อยู่นี่” เขายื่นแว่นที่สภาพเหมือนอะไรสักอย่าง...ขามันเบี้ยวๆ อีกทั้งเลนส์ข้างขวายังร้าวอีก...อย่าบอกนะครับว่าสิ่งที่ผมกลัวอยู่มันจะเป็นเรื่องจริง
“ทำไมแว่นผมถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ล่ะครับ”
“นายโดนลูกหลงของบอลกลุ่มอื่นน่ะสิ ไม่น่าวิ่งไปหาอีตา...เอ่อ...ครูห้องพยาบาลเลย”
ก็ฮยอกแจขอให้ผมไปเองไม่ใช่เหรอครับ...ไม่เอาดีกว่า ถ้าถามไปแบบนั้นเดี๋ยวฮยอกแจจะเซ็งอีก
“แย่จังเลยนะครับ...แสนวอนของผม” ผมจับแว่นมาขยับซ้ายขยับขวาแล้วใส่เข้าไป
“นายจะใส่มันอีกเหรอไง เห็นๆ อยู่ว่าข้างนึงมันร้าวแล้วน่ะ”
“แต่อีกข้างก็ยังมองเห็นนี่ครับ”
“ติงต๊อง” ฮยอกแจหยิกแก้มผมเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ผมหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็ลูบท้องตัวเองที่มันกำลังส่งเสียงโอดครวญเพราะความหิว
“กลับบ้านกันไหม”
“ครับ ห้าโมงแล้วนี่เนอะ” ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมองไปรับกระเป๋าจากฮยอกแจ
“นายนอนหลับเหมือนคนโดนรถชนยังไงอย่างนั้น นี่แกล้งสลบหรือหลับจริงอ่ะ”
“ผมไม่ได้แกล้งนะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะเข้าเรียนต่อนะ” ผมพยายามแก้ตัวให้ฮยอกแจเข้าใจ เขาหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นใครอีกคนยืนรออยู่หน้าประตูทางออกห้องพยาบาล
“สวัสดีครับครู”
“สวัสดี...”
“เราสองคนจะกลับแล้ว” ฮยอกแจพูดเสียงเรียบไร้หางเสียง ผมว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลยนะครับ ฮยอกแจควรจะให้ความเคารพครูบาอาจารย์มากกว่านี้
“ครูจะไปส่ง”
“เรากลับกันเองได้ครับ เนอะคยูฮยอน” ฮยอกแจควงแขนพร้อมกับซบไหล่ผม ผมก็ไม่ได้คิดอะไรครับ เพื่อนกันกอดกันอะไรแบบนี้บ้างผมว่ามันเป็นเรื่องปรกติ
“หืม?” ครูห้องพยาบาลเลิกคิ้วมองเราทั้งคู่ด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย
“โจคยูฮยอน”
“ครับครู”
“ขอครูคุยกับฮยอกแจหน่อยได้ไหม ดูเหมือนว่าครูซีวอนจะรอนายอยู่ข้างนอกน่ะ”
“เอ๋...ครูซีวอนรอผมอยู่ข้างนอกเหรอครับ” ทำไมครูถึงมารอผมที่นี่ได้ล่ะ
“ครูก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะอยากต้องการความช่วยเหลือ เหมือนครูในตอนนี้...” พูดกับผมทั้งที่สายตากำลังจ้องฮยอกแจอยู่ ผมพยักหน้าหงึกก่อนจะแกะนิ้วของฮยอกแจออกทีละนิ้ว
“ฮยอกแจ งั้นผมไปก่อนนะ ไม่อยากให้ครูซีวอนเขารอนาน”
“นายจะทิ้งฉันไปงั้นเหรอคยูฮยอน -_-”
มาอีกแล้วครับสายตาแบบนี้ ผมหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ก็เห็นว่าครูเขามีเรื่องอยากคุยกับฮยอกแจตั้งแต่เช้า แล้วผมก็ต้องไปหาครูซีวอนด้วย...เพราะฉะนั้น...”
สายตาครูทงเฮเหมือนจะบอกผมกรายๆ ว่า ‘ไปสักทีเถอะ’
แต่สายตาของฮยอกแจเหมือนจะบอกผมกรายๆ ว่า ‘ถ้าไป นายตายแน่!’
“ผมลาล่ะครับ...” โค้งหัวบอกลาครูห้องพยาบาลในขณะที่ฮยอกแจอ้าปากค้างด้วยความโมโห ผมเดินลิ่วออกไปพร้อมกับปิดประตูห้องพยาบาล ก่อนจะเห็นใครอีกคนที่ยืนพิงพนังอยู่ฝั่งตรงข้าม
“หลับสบายไหม”
อาจจะเป็นเพราะแสงแดดยามเย็นที่ใกล้จะลับหายลับขอบฟ้าก็ได้...ที่มันทำให้ครูซีวอนในตอนนี้ดูดีจนทำให้ผมรู้สึกใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าทฤษฏีไหนแต่ผมคิดว่าตัวผมนี่นไม่ควรจ้องหน้าครูนานๆ ในสภาพตาข้างเดียวแบบนี้
“ครูยังไม่กลับเหรอครับ”
“ยังหรอก ได้ยินมาว่านายบาดเจ็บจนต้องนอนห้องพยาบาล กว่าจะปลีกตัวมาหาได้ก็เย็นแล้ว” เขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมพร้อมกับโอบไหล่ให้เดินไปด้วยกัน จริงๆ แล้วคงเรียกว่ากอดคอคงจะดีกว่า มันคงไม่แปลกอะไรถ้าคนที่ทำแบบนี้เป็นเพื่อนของผม แต่ทำไมผมถึงรู้สึกใจเต้นแรงเวลาครูทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ
“อ๋อ...ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ ผมติดนิสัยที่ว่าถ้าเกิดหัวถึงหมอนเมื่อไหร่ได้เป็นหลับยาว ถ้าไม่มีนาฬิกาปลุกหรือใครสะกิดก็ไม่มีมีทางตื่น...ก็เลยไม่ได้เข้าเรียนน่ะครับ... ฮะๆ” ผมเกาหัวแก้เขินเมื่อนึกถึงนิสัยที่แก้ไม่ได้ของตัวเอง ถ้าเกิดจะโดนครูดุก็คงไม่แปลกแล้ว
“วันนี้นายอยากทานอะไร”
“อะไรก็ได้ครับ ครูอยากกินอะไรผมกินได้หมดเลย” หันไปพูดจ้อเหมือนสนิทกันมานานโดยไม่รู้ตัว เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ
“แต่อันดับแรกเราต้องไปหาแว่นใหม่ให้นายเสียก่อน”
.
.
ครูจอดรถหน้าร้านแว่นเล็กๆ แถวทางเข้าปากซอยบ้าน เราทั้งคู่เดินลงไปในร้านกระจกใส หยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์แล้วก็เห็นครูพูดทักทายกับคนขาย ครูนี่อัธยาศัยดีจริงๆ เลย
“นั่นใครคะครู น้องชายเหรอ?”
“ครับ น้องชายผมเอง”
ผมโค้งหัวทักทายอีกฝ่าย เธออมยิ้มตอบกลับมาอย่างเป็นมิตร
“ช่วยเลือกแว่นให้เขาหน่อยครับ แล้วก็ขอคอนแทคเลนส์ด้วยคู่หนึ่ง”
“ได้เลยค่ะ สายตาสั้นเท่าไหร่คะ หรือว่าจะวัดใหม่”
“ไม่ต้องวัดใหม่หรอกครับเสียเวลาคุณเปล่าๆ สายตาผมสั้นเจ็ดร้อยครับ” ผมรีบปฏิเสธพลางหันไปมองครูที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ชอบกรอบแบบไหนคะ”
“ผมขอแบบราคาถูกที่สุด...” ผมพูดเสียงเบาลงต่างจากเมื่อครู่ ในกระเป๋าเงินผมตอนนี้จะมีถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เงินทั้งหมดผมก็เก็บไว้ที่บ้านไม่ได้พกติดตัวมาด้วยเพราะกลัวมันหาย
“เอากรอบสีดำอันนั้นน่ะครับ” ครูชี้ไปที่ชั้นบน ผมแทบจะอ้าปากค้างเมื่อราคาของมันตั้งสองแสนวอน!!!
“ไม่นะครับครู...ผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก...”
“ถือว่าครูซื้อให้นายเป็นของขวัญที่เราได้มาอยู่ด้วยกัน โอเคไหม?”
“จะโอเคได้ไงล่ะครับครู...มันแพงมากเลยนะครับ” หน้าผมตอนนี้เหมือนอะไรสักอย่าง ถ้ามันพับรวมกันได้คงทำไปแล้ว ความเกรงใจ ความรู้สึกผิด ความอะไรทุกอย่างมันกำลังถาโถมเข้ามาหาผมแล้ว
“รับไว้เถอะ ถ้านายเกรงใจก็มาช่วยครูตรวจข้อสอบบ้าง แบบนั้นล่ะว่ายังไง?”
ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ อย่างฝืนใจ เป็นหนี้ครูอีกแล้ว เป็นหนี้ครูอีกแล้ว...
“แล้วคอนแทคเลนส์ที่ครูสั่งเมื่อกี้...สั่งให้ผมเหรอครับ”
“อืม ครูคิดว่าถ้านายใส่มันไปในวันที่มีเรียนพละคงจะดีกว่า”
“ถ้าโดนแสงแดด...มันจะไม่ละลายจนผมตาบอดเหรอครับ...”
“ไม่หรอก คนอื่นเขาก็ใส่กันเยอะแยะไป ถ้าตานายบอดครูจะเอาตาของครูทดแทนให้ ดีไหม?” เขาหัวเราะน้อยๆ ราวกับเห็นเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องตลก คอยดูเถอะครับ ถ้าเกิดผมตาบอดจริงๆ ขึ้นมาคงได้มีการแลกตากันก็งานนี้แหละ - -
“แว่นมาแล้วค่ะ”
“ลองดูสิ” ผมพยักหน้าหงึกแล้วรับแว่นมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ ครูก็ยื่นมือมาถอดแว่นให้ผมอย่างเบามือ...และหนำซ้ำเขายังโน้มใบหน้าลงมาใกล้ผมอีกด้วย
“...............”
“น่าเสียดายนะ แว่นอันนี้นายคงรักมันมาก”
“...ค...ครับ” ผมงุดหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะสวมแว่นอันใหม่เข้าไป ครูเอานิ้วสะกิดไหล่ก่อนจะชูกระจกให้อยู่ระดับใบหน้าผม แว่นอันนี้ให้ความรู้สึกดีกว่าแว่นอันเก่าอีกแฮะ...นี่สินะที่เขาว่ายิ่งแพงยิ่งดี
“ชอบไหม”
“ชอบ...ครับ”
ผมมองหน้าเขาแล้วก็หลุบสายตาลง เป็นอย่างนั้นอยู่เรื่อย เหมือนผมต้องการที่จะสบตาเขาแต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่เคยเป็นผล ผมแพ้สายตาครูจริงๆ นะ
“งั้นลองใส่คอนแทคเลนส์ดูนะ คุณจินเยครับช่วยพาเขาไปลองใส่คอนแทคเลนส์ที”
ผมเดินไปอีกห้องกับผู้หญิงคนนั้น เธอสอนให้ผมถ่างตา สอนวิธีใส่ วิธีเก็บรักษาทุกอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลาร่วมเกือบสิบห้านาทีในการใส่แต่ผมก็เอาพลาสติกนั่นเข้าไปในลูกตาสำเร็จจนได้ (ฟังดูน่ากลัวจังเลยครับ) ผมเดินปาดน้ำตาลวกๆ ออกมาจากห้องนั้น การถ่างตาเป็นเวลานานทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน
“เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับครู รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที แต่มันจะไม่ละลายแน่ใช่ไหมครับ”
“ไม่ละลายหรอกค่ะ ถ้าเกิดว่าคุณไม่โยนมันใส่เข้าไปในกองไฟน่ะนะ” พนักงานสาวหัวเราะ(เยาะ) ผมก็แค่กลัวนี่ครับ ตาก็มีอยู่สองข้างไม่มีอะไหล่สำรองเหมือนเครื่องยนต์สักหน่อย ถ้าเกิดเป็นอะไรมาผมก็หมดอนาคตไปเลยนะ
“ขอน้ำยาล้างคอนแทคด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ ทั้งหมดสองแสนห้าหมื่นวอนค่ะ”
สองแสนห้าหมื่น!!!!
“- -...”
“ขอบคุณมากนะครับ ดูแลตัวเองด้วยล่ะคุณแม่ยังสาว”
“แหม...เข้าใจแล้วค่ะครู กลับบ้านดีๆ นะคะ”
“เอ่อ...ขอบคุณมากนะครับที่สอนผมใส่คอนแทคเลนส์ ขอบคุณจริงๆ ครับ” ผมโค้งหัวขอบคุณในความมีน้ำใจของพนักงานสาวคนนั้นด้วยความซาบซึ้ง ใครนะจะมีน้ำใจมาสอนแม้กระทั่งเอาพลาสติกใสใส่ตาให้ขนาดนั้น
และแล้วเราทั้งคู่ก็กลับไปถึงบ้าน ผมเดินตามหลังครูไปติดๆ ชนิดว่าเดินห่อไหล่ตาม เจียมเนื้อเจียมตัว พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องผงะเมื่อจู่ๆ ก็มีใครอีกคนจุดพลุกระดาษขึ้นมา
“เซอร์ไพร์ส!!!”
“คุณพระ!!!”
“..............”
ผมเอามือทาบอกพลางมองไปยังร่างผอมบางตรงหน้าที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงสด เธอรีบกรูเข้ามากอดผมพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาและไม่ลืมจูบหน้าผากผมแช่เอาไว้
“พ...พี่อารา”
“ไงจ๊ะน้องรัก! คิดถึงชะมัดเลย”
“ไหนบอกว่า...พี่จะกลับพรุ่งนี้ไงครับ” ผมหันไปมองหน้าครูที่ยืนทำหน้าเฉยๆ อยู่ข้างๆ
“อยากเซอร์ไพร์สนี่...เอ๊ะ...เราเลิกใส่แว่นแล้วเหรอ น่ารักอ่ะ” พี่อาราเข้ามาทึ้งแก้มผมใหญ่ เธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงผมแบบนี้เป็นประจำทุกครั้งที่เราได้มีโอกาสเจอกัน
“อ๋า~ ซีวอนนี่~ ที่รักจ๋ามากอดหน่อยสิ~” พี่อาราทำหน้าออดอ้อนก่อนจะอ้าแขนออกก่อนที่ครูจะหัวเราะน้อยๆ แล้วสวมกอดเธอ
“กอดแน่นเกินไปแล้ว”
“ก็ฉันคิดถึงนายนี่...ซีวอนอา...”
“เห็นมั้ยว่าคยูฮยอนมองอยู่” ครูผละออกพร้อมกับปัดไรผมออกจากดวงหน้าหวานเบาๆ ผมมองทั้งคู่สลับกันไปมาอย่างงงๆ หรือว่าเขาทั้งคู่จะ...
“เข้าไปในบ้านกันก่อนเถอะ”
“โอเค~ ฉันซื้ออาหารมาเยอะแยะเลยวันนี้ เราต้องฉลองกันนะ”
“ซื้อมาอีกแล้วเหรอ ไหนบอกว่าจะหัดทำเองไง”
“หูย...ก็เข้าครัวเมนูนึงใช้เวลาทำก็ตั้งนาน ไม่เอาน่า อย่าบ่นเลยนะ”
“ตลอด...” ผมมองแผ่นหลังของทั้งคู่ที่กำลังคลอเคลียกันไปจนถึงห้องครัวแล้วก็ยักไหล่น้อยๆ
เมนูหลากหลายถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะจนผมคิดว่าเราทั้งสามคงกินมันไม่หมดแน่ในภายในวันนี้ เครื่องดื่มของผมเป็นน้ำเปล่าแต่ของพี่สาวและของคุณครูเป็นไวน์สีแดงเข้ม พี่อาราเอาแต่พูดแล้วก็หัวเราะไม่หยุดในขณะที่ผมกับครูได้เพียงแค่หัวเราะพอเป็นมารยาทบ้างกับสิ่งที่เธอกำลังเล่า
บางครั้งพี่ก็เงียบไปแล้วก็ดื่มจนหมดแก้ว สักพักก็กลับมาหัวเราะอีก จนกระทั่งมื้อเย็นจบลง ผมก็ได้แยกตัวไปอาบน้ำแล้วทำใจกดโทรออกหาฮยอกแจ ได้เบอร์มาตั้งแต่ตอนเช้าแต่ไม่คิดว่าจะได้ใช้งานภายในคืนนี้เลย ถ้าโทรไปตอนนี้ฮยอกแจจะโกรธจะรำคาญหรือเปล่านะ
( นั่นใคร )
“ผมคยูฮยอนเองครับฮยอกแจ”
( อ๋อ...ไอ้แว่นหน้าจืดที่กล้าทิ้งฉันไว้ในห้องพยาบาลกับไอ้ครูเฮงซวยนั่น )
“ผมไม่ได้ทิ้งฮยอกแจนะครับ แล้วก็อย่าเรียกครูแบบนั้นสิ มันไม่ดีเลยนะ”
( เฮ้! นี่นายโทรมาเพื่อจะสั่งสอนฉันงั้นเหรอ เดี๋ยวปั๊ดวางซะนี่ )
“เปล่านะครับฮยอกแจ ผมจะโทรมาถามว่าวันนี้มีการบ้านวิชาอะไรบ้างต่างหาก...”
( จะบอกดีมั้ยน๊า~ )
“บอกผมเถอะนะครับ ผมไม่มีเบอร์เพื่อนคนอื่นแล้ว”
( จะบอกก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน )
“ครับ?”
( เป็นทาสรับใช้ของฉันหนึ่งวัน )
“ทาสเหรอครับ?”
( ใช่ นี่นับแค่เรื่องการบ้านนะ ไม่รวมเรื่องที่นายทิ้งฉันไว้เมื่อตอนเย็นด้วย เอาไม่เอา ไม่เอาฉันวางนะ )
“ได้สิครับได้ แค่เป็นทาสเอง” ผมรีบตอบกลับไปเพราะไม่อยากเสียงานครับ ผมเป็นคนที่ทำอะไรเป็นระเบียบมาตลอด ไม่อยากให้ดูเป็นเด็กเกเรที่ไม่ทำการบ้านส่งตั้งแต่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียน มันจะเสียเครดิตจนเกินไป ก็แค่เป็นทาสเอง...
แล้วทาส...มันทำอะไรบ้างนะ... - -
เดินลงไปข้างล่างหวังจะหาน้ำดื่มหลังจากทำการบ้านเสร็จ ยกแก้วน้ำขึ้นมากำลังจะดื่มก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงใครสะอื้นร้องไห้อยู่ตรงห้องโถง...ผมค่อยๆ ก้าวไปอย่างช้าๆ เห็นแสงไฟสีส้มสลัวพร้อมกับร่างคนสองคนที่กำลังกอดกันแน่น...
พี่สาวผมกำลังสะอื้นในอ้อมกอดของครูซีวอน และมือแกร่งกำลังลูบไปตามเรือนผมของอีกคนอย่างทนุถนอม...ท่ามกลางความเงียบผมได้ยินเพียงแค่เสียงพร่ำบอกว่า ‘ไม่เป็นไรนะ...’ ของครู แต่ถึงอย่างนั้นคนในอ้อมกอดก็ยังสะอื้นจนตัวโยน
ผมว่าบางที...พี่อาราอาจจะคบหากับคุณครูอยู่ก็ได้...
TALK
ในที่สุดก็ปล่อยตอนสองออกมาสักที
อย่าคิดว่าฟิคเรื่องนี้จะมีฉากหวือหวาหรือฉากแรงๆ เลยนะคะ
อยากให้ฟิคมันละมุนค่อยเป็นค่อยไป หวังว่าคนอ่านจะฟินกับคยูฮยอนในลุคหนิมๆ แบบนี้นะ
เพราะคิดว่าเรื่องอื่นๆ ใครๆ ก็เขียนคยูเกรียนแตกกันเกลื่อนแล้ว ลองแหวกบ้างจะเป็นไรไป!
ความคิดเห็น