คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : PART 2 : Revenge
PART 2
ถ้าเกิดไฟไหม้อาคารเรียน...
ผมคงถูกไฟคลอกตายก่อนที่จะมีคนรู้ว่าผมยังติดอยู่ในนั้น...
เสียงฝีเท้าย่ำไปตามฟุตปาธตอนบ่ายแก่ๆ ขณะที่ใครหลายคนเลือกที่จะอยู่ในที่ร่มเพื่อหลบแสงแดดในหน้าร้อนที่กำลังแผดเผาจนเหงื่อไหลโทรมกายแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของ ‘โจคยูฮยอน’ ได้เลย
วันจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย...ตามหลักความจะเป็นแล้วเขาก็น่าจะอยู่เลี้ยงส่งอำลาเพื่อนที่ร่ำเรียนมาด้วยกันมาเป็นเวลาหลายปีแต่ถึงอย่างนั้น...
โจคยูฮยอนกลับไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว...
“มารับเค้กที่สั่งไว้ครับ โอ๊ะ...ขอโทษครับ ขอโทษ!”
“ให้ตายเถอะ เดินระวังบ้างสิวะ!”
“ที่รักเป็นอะไรไหม? บ้าจริง! เค้กวันครบรอบของเราเละหมดแล้ว”
คยูฮยอนโค้งหัวขอโทษขอโพยเมื่อความซุ่มซ่ามของเขาเป็นเหตุ หญิงสาวตัวเล็กผมยาวเป็นลอนอีกทั้งริมฝีปากแดงฉ่ำซึ่งมันคงดูน่ารักในสายตาหนุ่มๆ ทั่วไปแต่หนึ่งในนั้นคงไม่ใช่โจคยูฮยอน เธอมองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด หัวเสียเมื่อเค้กที่พึ่งซื้อมาเมื่อครู่นั้นเละไม่มีชิ้นดีเพราะไอ้เซ่อคนหนึ่ง
“นี่ไอ้แว่น! จ่ายค่าเสียหายมาเลยนะ!” นัยน์ตาเรียวฉายแววเกรี้ยวกราด คยูฮยอนเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกทั้งรู้สึกผิดทั้งรีบ หันไปมองเจ้าของร้านที่กำลังส่ายหน้าเอือมระอาแล้วก็ควักเงินในกระเป๋าออกมาดู
“ผมขอโทษจริงๆ ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้แล้วกันนะครับ...” น้ำเสียงแผ่วเบาที่แสดงถึงความรู้สึกผิดจากใจหากแต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างแฟนหนุ่มของเธอนั้นกลับไม่นึกสงสารเลยสักนิด
“คิดว่าจ่ายแล้วจะจบง่ายๆ งั้นเหรอ” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมองทันทีที่เธอพูดจบ ผู้หญิงทำไมเข้าใจยากขนาดนี้นะ
“ก็เมื่อกี้คุณบอกว่าให้ผมจ่ายค่าเสียหาย...” คยูฮยอนหันไปมองเค้กกล่องที่เจ้าของร้านเอาออกมาวางให้แล้วก็ยิ่งกระวนกระวาย ตอนนี้เขาเสียเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ถ้าเกิดไปช้ากว่านี้มีหวังพลาดแน่เลย
“ไม่เอาน่ามินกิ ให้เค้าจ่ายค่าเค้กก็พอแล้วมั้ง...” คยูฮยอนแทบจะคุกเข่าให้กับความมีน้ำใจของแฟนหนุ่มของเธอ อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวร้ายอะไร...
“แต่จ่ายในราคาสี่เท่าของเค้กที่เสียไปนะ...”
“...อ่า” รอยยิ้มเมื่อครู่หุบไปในทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของแฟนหนุ่มของเธอ หญิงสาวร่างเล็กหัวเราะคิกคักชอบใจนั่นยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกหดหู่กว่าที่เป็นอยู่
“แต่ผมมีเงินอยู่แค่นี้...”
“เอามาทั้งหมดนั่นแล้วก็ไสหัวไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าโง่ๆ ของคนขี้แพ้อย่างแกในวันครบรอบของเรา” มือแกร่งผลักหัวเด็กหนุ่มจนเซถอยหลัง คยูฮยอนยืนก้มหน้าพลางเม้มริมฝีปากแน่น
แม้ว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกรังแก...
แม้ว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะรู้สึกแย่...
แต่ก็ใช่ว่าจะชินชากับเรื่องพวกนี้เสียเมื่อไหร่...
“...ขอบคุณครับ” ก้มหน้าเดินไปรับเค้กที่สั่งไว้พร้อมกับโค้งหัวให้เจ้าของร้านเล็กน้อยท่ามกลางเสียงหัวเราะของคู่รักหนุ่มสาวที่ภายนอกดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกแต่ในสายตาโจคยูฮยอนแล้วคนพวกนี้เหมาะสมกันราวกับผีเน่ากับโลงผุเสียมากกว่า...
“เดินดีๆ ล่ะ” น้ำเสียงห้วนแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยของหญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านเค้กที่เห็นแล้วนึกสมเพช คยูฮยอนโค้งหัวให้อีกครั้งก่อนจะเดินไปโบกแท็กซี่ข้างถนน
เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีทั้งที่มีแท็กซี่เปิดป้ายว่างผ่านไปเกือบสิบคันแต่ไม่มีคันไหนพอมีน้ำใจจอดรับเด็กหนุ่มเลย คยูฮยอนถอนหายใจอีกครั้ง ขมับชื้นเหงื่อจนต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาซับ ยืนหันหลังให้กับแสงแดดมาเป็นเวลานานเพราะเขาเลือกที่จะยืนบังไอร้อนจากแสงแดดให้เค้กสามปอนด์ที่ตั้งใจจะมอบให้ใครคนหนึ่ง รู้สึกหายใจไม่สะดวก ทำไมอากาศถึงร้อนได้ขนาดนี้ แถวนี้ไม่มีป้ายรถเมล์พอจะให้เข้าไปหลบแดดซะด้วย
“ถ้าเกิดวิ่งไปตอนนี้ก็คงทันแต่ถ้าวิ่งไปก็กลัวว่าเค้กจะเละเอาน่ะสิ...”
“แต่ถ้าขืนยืนรอแท็กซี่ต่อไปก็เสียเวลาเปล่า...งั้นวิ่งช้าๆ แล้วกัน”
บอกกับตัวเองพลางมองซ้ายขวาแล้วเดินข้ามทางม้าลายมาอีกฝั่ง เขาต้องไปถึงโรงเรียนภายในยี่สิบนาทีให้ได้ เรียวขาวิ่งไปอย่างระมัดระวัง ในใจภาวนาวิงวอนต่อพระเจ้าขอให้ท่านเห็นใจโจคยูฮยอนผู้นี้สักวันหนึ่งเถอะ...
แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น...
“แฮ่ก...แฮ่ก...”
ลมหายใจร้อนผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ เด็กหนุ่มทอดสายตามองไปรอบๆ ข้างเห็นเหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสามกำลังหามุมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยกัน บ้างก็นั่งหัวเราะเฮฮากันตามประสา บ้างก็กอดคอกันร้องไห้แต่เป้าหมายของเขาอยู่ชั้นดาดฟ้า...
.
.
ผมคิดว่าตัวเองชินชากับความเจ็บปวดมาตลอด
แต่เขา...ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองนั้น ‘คิดผิด’
ปัง...
เสียงประตูดาดฟ้าเปิดออกเบาๆ มือเรียวดันประตูเข้าไปอย่างช้าๆ มองหาคนที่นัดเอาไว้...รู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นเร็วผิดปกติ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้เห็น ‘เขา’
นัยน์ตาเรียวมองไปยังแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงไม่ใกล้ไม่ไกล บนเสื้อเชิร์ตสีขาวมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแปะอยู่เต็มไปหมดปะปนกับสีของปากกาที่เขียนถึงความในใจของเพื่อนฝูงในวันสุดท้ายของการศึกษา
ร่างกายสั่นเทาเพราะความตื่นเต้น เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ หายใจเข้าปอดเรียกความกล้า ก้มลงมองเค้กในมือแล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนรออยู่
“มาแล้ว...เหรอ...?”
จากตอนแรกริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกจนเห็นรอยบุ๋มตรงแก้มทั้งสองข้างแต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อคนตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มตัวผอมแห้งหน้าตาเห่ยแถมมีสิวกับหยาดเหงื่ออยู่เต็มหน้าจนน่าเกลียด คยูฮยอนยิ้มให้ร่างสูงพร้อมกับยื่นกล่องสีครีมให้
“นายเป็นใคร?”
เอ่ยถามโดยที่ไม่รับของจากคนตรงหน้า ร่างสูงหรี่ตามองไอ้แว่นหัวจรดเท้าแล้วก็ต้องถอยหลังออกมาโดยอัตโนมัติ คยูฮยอนหุบยิ้มลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของ ‘เขา’
“สุขสันต์วันเกิดนะ...ซีวอน” ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง ตั้งใจว่าขอแค่คนตรงหน้ารับเค้กของเขาไปก็พอ ไม่ได้หวังอะไรมากกว่านี้...
“นี่นาย...?”
“...รับมันไปสิ” น้ำเสียงแผ่วลง ตอนนี้คยูฮยอนใจเสียจนไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มฝืนของตนนั้นดูเหมือนคนโรคจิตในสายตาชเวซีวอนสักแค่ไหน
“อย่าบอกนะว่านายคือเจ้าของจดหมายเมื่อวานนี้?” น้ำเสียงแข็งกร้าวเช่นเดียวกับสายตาของเขาที่มีต่อคยูฮยอน เด็กหนุ่มลดสีหน้าลงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“อย่ามาอำฉันเล่นดีกว่า...บอกมาว่าใครให้นายทำแบบนี้ ไอ้จองซูใช่ไหม?” ร่างสูงหันไปมองรอบข้างคิดว่าคงถูกเพื่อนตัวดีแกล้งเข้าให้ในวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของเขา
“...เปล่าหรอก”
“งั้นก็ฮีชอล เห้ยพวกแก! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ” ตะโกนลั่นดาดฟ้าพลางเดินหาไปรอบๆ คิดว่าเพื่อนตัวแสบคงซ่อนอยู่แถวนี้เป็นแน่ คยูฮยอนจับข้อมืออีกคนไว้แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดีในทันทีพร้อมกับสายตารังเกียจของร่างสูง
สีหน้าแบบนี้ที่คยูฮยอนไม่เคยได้เห็น...
“ไม่มีใครให้ผมทำแบบนี้หรอก...”
“แต่ในจดหมายนี่!” ร่างสูงควักซองสีชมพูออกมาพร้อมกับคลี่ออกตรงระดับใบหน้าร่างโปร่ง นัยน์ตาเรียวหลุบลงพลางเม้มริมฝีปากแน่น
“ในจดหมายนี่...เนื้อความอ่านยังไงก็บ่งบอกว่าเธอเป็นผู้หญิง” เขวี้ยงมันใส่หน้าคยูฮยอนพร้อมกับแค่นเสียงหัวเราะ ตอนนี้ซีวอนคงโกรธมากแต่สิ่งที่เขาต้องการก็แค่อยากให้เค้กวันเกิดซีวอนกับมือก็เท่านั้นเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่ในรั้วสถาบันเดียวกันก็เลย...
เขียนจดหมายนัดให้ซีวอนมาที่นี่...
ในนามของผู้หญิงคนหนึ่ง...
ผู้หญิง...ที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ตั้งแต่ทีแรก...
“ผมก็แค่กลัว...”
“..................” ร่างสูงยืนมองอีกคนที่ก้มหน้านิ่งแล้วก็ยิ่งโมโห นี่มันเรื่องตลกบ้าบอคอแตกอะไรกันในวันเกิดของเขา?
“ถ้านายรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย...นายคงไม่มาตามนัด”
“หึ...” แค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วหันหลังให้กับร่างโปร่ง นึกถึงเรื่องราวตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้แล้วก็น่าขำ เผลอคิดไปว่าคนที่ส่งจดหมายนัดในวันนี้คงเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่อยากจะสารภาพรักเขาในวันเกิดแต่ที่ไหนได้...
“ผมขอโทษที่ทำให้นายรู้สึกแย่...แต่ช่วยรับมันไว้ได้ไหม...” พูดเสียงเบาลง ในมือของคยูฮยอนยังคงถือเค้กสามปอนด์ไว้เหมือนเดิมหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจใยดีมันเลยสักนิด
“นายชอบฉันเหรอ?”
“.....................” นัยน์ตาเรียวมองร่างสูงผ่านกรอบแว่นหนาด้วยความตกใจ คำถามนั้นมันยากที่จะตอบเหลือเกิน...เพราะถ้าตอบว่า ‘ใช่’ คงโดนซีวอนดูถูกมากกว่านี้เป็นแน่แต่ถ้าตอบว่า ‘ไม่’ ก็เหมือนกับหลอกตัวเอง...
“นายน่ะ...เป็นเกย์สินะ”
ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนร่างโปร่งต้องเบือนหน้าหลบไปอีกทาง ซีวอนแค่นเสียงหัวเราะด้วยความสมเพชพร้อมกับรับเค้กในมืออีกคนมาก่อนจะเดินถอยออกไปสามก้าว
ตอนนี้...
ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขา...
“แต่ขอโทษทีนะ...”
“.......................”
“พอดีว่าฉันชอบผู้หญิง...และฉัน...”
“.......................”
“ไม่ได้เป็นเกย์เหมือนนายว่ะ”
ร่างสูงเดินชนอีกฝ่ายจนเซก่อนจะหยุดยืนอยู่กับที่แล้วปัดฝุ่นออกจากไหล่ ทิ้งไว้เพียงแค่เด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น อัตราการเต้นของหัวใจมันช้าลงจนรู้สึกได้
เจ็บมากกว่าทุกครั้งที่โดนคนรอบข้างดูถูก...
มันเป็นอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ...
แต่ทำไมครั้งนี้...มันรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว...
นัยน์ตาพร่ามัวก่อนที่หยดน้ำใสจะตกลงบนพื้นซีเมนต์ร้อน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น พยายามบอกกับตัวเองว่า ‘ไม่เป็นไร’
ไม่เป็นไร...
ฝีเท้าก้าวลงจากบันไดดาดฟ้าอย่างช้าๆ ราวกับร่างไร้วิญญาณ เสียงโห่แซวจากคนรอบข้างนั่นเรียกสติโจคยูฮยอนได้เป็นอย่างดี
“แม่งโคตรเจ๋งเลยว่ะ กล้ามาก กล้าจริงๆ”
“เออดิ ขนาดคิมซอนเยที่ว่าสวยๆ เธอยังเจียมตัวไม่กล้าจีบซีวอนเลย”
“เด็กห้องไหนวะเนี่ย หน้าไม่คุ้นเลย”
“ไม่รู้ดิ ไม่สำคัญ จำไม่ได้ว่ะ 555555555”
“ดูสภาพตัวเองบ้างนะไอ้แว่น ฉันแนะนำให้ไปตายแล้วเกิดใหม่เผื่อซีวอนมันจะแล 555”
“วู้วๆ ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย!! ฮ่าๆ”
เสียงโห่ร้องและเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างมาพร้อมกับก้อนกระดาษที่ปาเข้ามาไม่หยุด ร่างโปร่งก้มหน้าเดินผ่านกลุ่มคนมาด้วยความรู้สึกหดหู่...รู้สึกแย่...
มันคงถึงจุดขีดสุดแล้วล่ะ...
“...................” คยูฮยอนหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเหล่ากระดาษที่เขวี้ยงมาเมื่อครู่นั้นหยุดไปเสียดื้อๆ นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อคนที่ทำร้ายจิตใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้นั้นกำลังยืนอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้
ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มให้กับเด็กหนุ่มท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมชั้นมากมาย น่าแปลก...หัวใจที่เหี่ยวเฉาเมื่อครู่นั้นกลับมาเต้นแรงได้อีกครั้งอย่างประหลาด...ชเวซีวอนมีผลกระทบต่อหัวใจโจคยูฮยอนมากขนาดนี้เลยหรือ...
“อย่าทำหน้าแบบนี้ในวันเกิดฉันสิ” น้ำเสียงทุ้มแตกต่างจากตอนอยู่บนดาดฟ้าอย่างสิ้นเชิง เพื่อนร่วมชั้นที่จับตามองอยู่อ้าปากหวอ มีเสียงแซวลอดเข้ามาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ชเวซีวอนอับอายเหมือนที่เขาคาดเอาไว้
หรือว่าซีวอนจะหายหงุดหงิดแล้ว...
ดีจังเลยนะ...
“ผม...อ๊ะ!”
คยูฮยอนเบิกตาโพลงเมื่อซีวอนเอาเค้กก้อนโตที่พึ่งให้ไปเมื่อครู่แปะลงบนหัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ...
รอยยิ้มแห่งความสมเพช...
และเสียงหัวเราะเยาะราวกับเขาเป็นตัวตลก...
“ก๊าก!!! 5555555”
“โอ๊ยซีวอน ไอ้เลว! ฮ่าๆ”
“อื้อหือ...แม่งร้ายว่ะ”
“ใครว่ามันเป็นเทพบุตรวะ นี่มันซาตานชัดๆ ฮ่าๆ”
“เค้กวันเกิดฉันเอง...กินให้อร่อยนะ...ไอ้แว่น”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่โจคยูฮยอนได้ยินจากปากคนที่เขาแอบชอบมาตลอดสี่ปี...
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาเองก็ไม่รู้...หูมันอื้อไปหมดราวกับว่าไม่หลงเหลืออะไรบนโลกใบนี้อีกแล้ว รู้สึกปวดหนึบตรงหัวใจ ถึงจะรักมากแค่ไหนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเวลาถูกกระทำแบบนี้จากความรักที่มีให้ในตอนนี้กลับรู้สึก...
เกลียด...
เกลียดทุกๆ คน...
นั่นก็รวมถึงชเวซีวอนด้วย...
เด็กหนุ่มเดินไปตามฟุตปาธเรื่อยๆ ในตอนนี้เขาคงดูเป็นคนบ้าในสายตาผู้คนรอบข้าง เสื้อผ้าหน้าผมสกปรกเลอะเทอะไปด้วยเค้กที่ตั้งใจซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคนใจร้ายร่างโปร่งเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างสิ้นหวัง นัยน์ตาเรียวทอดมองออกไปฝั่งตรงข้ามถนน เขามองอะไรได้ไม่ชัดนักเพราะแว่นสายตาเลอะมัวไปด้วยครีมเค้กวนิลาที่คิดว่าซีวอนน่าจะชอบ
ตลกดี...
ตลกที่คิดว่าซีวอนน่าจะชอบในสิ่งที่เขามอบให้...
จะไปไหน...
นั่นสิ...จะไปไหน...
กลับบ้านเหรอ...
แล้วบ้าน...ไปทางไหนกัน...
“เฮ้! เดินระวังหน่อยสิโว้ย!”
“..................”
“กรี๊ด! ถอยไปห่างๆ เลยนะ สกปรก!”
“..................”
นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้แล้วก็โกรธตัวเอง ทำไมถึงทำแบบนั้นนะ ผลที่ออกมาก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...
ไม่สิ...ก็แค่ให้ของขวัญวันเกิดไม่ได้ไปสารภาพรักสักหน่อย ทำไมถึงต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้นด้วย...
เกลียด...
โจคยูฮยอนเกลียดพระเจ้าที่เล่นตลกกับชีวิตของเขา...
เกลียด...คนพวกนั้นที่เข้ามาตีสนิทเพื่อหลอกให้เขาช่วยทำงานให้แล้วสุดท้ายก็หักหลังกัน
เสียงหัวเราะเยาะของคนพวกนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัว...
เกลียด...จนอยากฆ่าให้ตาย...
โครม!!!
“กรี๊ด!! ช่วยด้วยค่ะมีเด็กนักเรียนถูกรถชน!!”
.
.
ตึกตึก...
ตึกตึก....ตึก...
นัยน์ตาเรียวลืมขึ้นอย่างช้าๆ ภาพทุกอย่างพร่ามัวไปหมด...ร่างโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นพลางหันไปมองรอบตัว บนถนนสี่แยกแถวโรงเรียนมัธยมปลายฮันนัมที่กำลังวุ่นวาย...หันไปเห็นรถพยาบาลและเสียงไซเรนดังก้องไปทั่วท้องถนนพร้อมกับชายฉกรรจ์สองนายที่รีบวิ่งมาพร้อมกับเปลหาม
เกิดอะไรขึ้น...
“งงเลยสิ?” เสียงปริศนาดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพบปะกับผู้มาใหม่ที่ทำให้เขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“...ค...คุณเป็นใคร?” แทบทรุดลงไปกับพื้นเมื่อร่างของคนตรงหน้ามีปีกสีดำงอกออกมา บุรุษชุดดำกระพรือปีกออกพร้อมกับลอยตัวขึ้นจากพื้นเล็กน้อย
“ร้อนชะมัด” ราวกับไม่ได้สนใจคำถามของคนตรงหน้า บุรุษปริศนาที่คาดว่าน่าจะไม่ใช่มนุษย์กำลังเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มก่อนจะจับข้อมือเขาเอาไว้
“คุณจะทำอะไรผม...??” เพียงแค่ชายหนุ่มร่างหนาปล่อยมือออก บนข้อมือของคยูฮยอนก็มีอะไรบางอย่างพันธนาการเอาไว้ จะเรียกว่าเชือกก็คงไม่ใช่...มันดูคล้ายเถาวัลย์ที่มีหนามเสียมากกว่า
“ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย!” ตะโกนลั่นขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างที่กำลังชลมุนกันอยู่บนถนนเนื่องจากอุบัติเหตุแต่น่าแปลก...
ที่ไม่มีใครได้ยินเสียงเขาเลยสักคน...
“ไม่มีใครได้ยินหรอก หยุดตะโกนได้แล้วเสียงนายมันน่ารำคาญจริงๆ โจคยูฮยอน”
เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เพ่งมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด คนๆ นี้คงไม่ใช่มนุษย์แน่...
“...คุณเป็นใคร”
บุรุษปริศนาแค่นเสียงหัวเราะพร้อมกับเดินวนไปรอบๆ ตัวเด็กหนุ่ม คยูฮยอนยืนนิ่งไม่พูดอะไร แต่เหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันมันกลับย้อนเข้ามาในมโนความคิดเขาอีกครั้งเพียงแค่ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายปีกดำคนนี้...
ไม่ว่าจะเป็นคนหรือตัวอะไรก็ตามพวกเขาเหล่านั้นก็เห็นโจคยูฮยอนเป็นตัวตลกซะหมด...
“พวกเขาเรียกฉันว่า...ความตาย”
“....................”
“นายควรจะเอ่ยทักทายฉันบ้างนะ อย่างเช่น ‘สวัสดีครับคุณความตาย ได้โปรดพาผมไปสู่สุขติที่ประตูขุมนรกนั่นที~’ อะไรแบบนี้น่ะ” พูดติดตลกพร้อมกับชี้ไปยังประตูสีแดงที่มีไฟลุกโชนอยู่รอบๆ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...ประตูนั่นมันมาอยู่กลางถนนได้ยังไง...
“นี่ผม...ตายแล้วเหรอ” ก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกพันธนาการไว้แล้วก็ทบทวนเรื่องราวทุกอย่าง คนๆ นี้คงเป็นยมทูตที่มารับวิญญาณเขาสินะ...
“ปิ๊งป่อง!” น้ำเสียงทะเล้นพร้อมกับรอยยิ้ม โจคยูฮยอนเคยคิดว่ายมฑูตควรจะน่ากลัวและน่าเกรงขามไม่ใช่ในแบบที่เขากำลังเจออยู่ในตอนนี้
“เอาน่า ฉันไม่อยากจริงจังเหมือนยมทูตเหลาเหย่พวกนั้นนี่ ว่าแต่นายไม่อยากไปดูร่างตัวเองส่งท้ายหน่อยหรือไง?”
“....................”
“แต่ขอเตือนว่าศพนายไม่ค่อยน่าดูนักหรอก” ป้องปากกระซิบเบาๆ เด็กหนุ่มถอยออกมาเมื่ออีกฝ่ายอ่านใจเขาออก ร่างโปร่งเบือนหน้าหลบไปอีกทาง นึกสมเพชชีวิตตัวเองที่ต้องมีจุดจบแบบนี้
แล้วยังไงล่ะ...?
จุดจบของคนที่ซวยมาทั้งชีวิตก็คือความตายสินะ...
พระเจ้าเล่นตลกกับเขาอยู่ใช่ไหม...ขนาดตายไปแล้วยังต้องมาพบเจออะไรแบบนี้อีก
ความสุข...
ความสุขที่ว่านั่นโจคยูฮยอนยังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสมันเลยสักครั้ง
แล้วก็ให้เขาตายไปพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ?
“ชีวิตนายมันเศร้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...”
“อย่าแอบอ่านใจคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า”
“โอ้โห...ดุซะด้วย” มัจจุราชหนุ่มหัวเราะเบาๆ เด็กหนุ่มที่ดูตระหนกตอนเจอกันในทีแรกนั้นหายไปไหนแล้ว ในตอนนี้คงมีแค่คนที่เอาแต่โทษบุญวาสนา โทษพระเจ้า โทษทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่กำหนดให้เขาเกิดมาพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ สินะ
มัจจุราชหนุ่มตามโจคยูฮยอนไปตั้งแต่ช่วงบ่ายเพราะมีรายชื่อของเขาอยู่ในสมุดความตาย เห็นตอนแรกก็สงสารอยู่หรอกแต่ที่จู่ๆ ก็ก้าวร้าวขึ้นมาแบบนี้คงน้อยเนื้อต่ำใจจนไม่แคร์อะไรแล้วสินะ
น่าแกล้งชะมัด...
“จะพาผมไปลงนรกขุมไหนก็เชิญ”
“ไม่เข้าไปดูร่างตัวเองจริงๆ เหรอ?”
“ไม่”
“สักนิด”
“ผมบอกว่าไม่ไง คุณคงไม่มีเวลาว่างมานั่งเล่นกับผมทั้งวันงั้นก็ช่วยส่งผมไปลงนรกสักทีเถอะจะได้จบๆ กันไป”
น้ำเสียงดูเย็นชาและหนักแน่นของโจคยูฮยอนทำให้มัจจุราชหนุ่มสนใจอยู่ไม่น้อย ในทีแรกคิดว่าไอ้เด็กนี่คงร้องขอชีวิตจากเขาแต่เห็นทีคงต้องคิดใหม่
“นายถูกรถชนตายตอนหกโมงสามสิบนาทีกับอีกยี่สิบห้าวิ...เหตุเกิดเพราะมีไอ้บ้าคนหนึ่งกำลังเคลิบเคลิ้มเพราะแฟนสาวกำลังช่วยทำรักให้ด้วยปากจนลืมมองไฟจราจร...สุดท้าย...ก็เลยพุ่งไปชนนายเข้า...โครม...” ร่างโปร่งยืนนิ่งฟังเรื่องราวที่มัจจุราชหนุ่มบอกเล่า ในความคิดของคยูฮยอนตอนนี้มีคำถามอยู่มากมายเต็มไปหมด...
ทำไมพวกขวางโลกแบบนั้นถึงไม่ตายๆ ไปสักที
ทำไมถึงเป็นเขา?
“เอาน่า มันยังไม่ถึงเวลา ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าบนโลกนี้หรอก”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกอ่านใจผม”
“ห้ามได้ก็ดีสิ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากได้ยินความคิดของมนุษย์นักหรอก” มัจจุราชหนุ่มพูดพร้อมกับโบกมือลารถร่วมกตัญญูที่มารับร่างไร้วิญญาณของโจคยูฮยอนไปพร้อมกับทำท่าบีบน้ำตา
“บ๊ายบาย~”
“.....................”
“มองตาขวางเชียว ขี้โมโหเหมือนกันนะเราน่ะ” หัวเราะในลำคอเบาๆ หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่โต้เถียงอะไรกลับมาอีก
“ตายในวันเกิดของคนที่ชอบเนี่ย ถ้าเขารู้คงรู้สึกผิดน่าดูเลยนะ”
“ไม่มีทางที่เขาจะเสียใจกับการตายของผม”
“อ่า...จะพูดอย่างนั้นมันก็ถูกเพราะตอนนี้หมอนั่นกำลังทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงคนหนึ่งส่งท้ายวันจบการศึกษาอยู่ล่ะ...ขอบอกว่าผู้หญิงคนนั้นร้อนแรงสุดๆ ไปเลย” กระซิบข้างหูร่างโปร่งเบาๆ ในตอนนี้หัวใจของเขามันอาจจะด้านชาไปแล้วก็ได้...เขาถึงรู้สึกว่ามันไม่เจ็บปวดเลยสักนิดหลังจากได้ยินเรื่องราวของชเวซีวอน...
ไม่สิ...
นั่นคงเป็นเพราะว่าเขาตายไปแล้วต่างหาก...
“เที่ยงคืนฉันจะพานายไปส่งที่ทางเข้า” เงยหน้าขึ้นมองหอนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาปัจจุบัน
“อีกตั้งหลายชั่วโมง พาผมไปตอนนี้เลยก็ได้นี่...”
“มันเป็นกฎ Do you know the rule?”
กฏงั้นเหรอ
แม้แต่การตายก็ยังต้องมีกฏสินะ
“ไม่ต้องรีบหรอก เพราะยังไงซะนายก็ต้องไปใช้ชีวิตหลังความตายที่นั่นอยู่ดี”
“..................”
“ทำหน้าแบบนั้นเป็นอะไรไปอีกล่ะ” มัจจุราชหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
“คุณก็อ่านใจผมออก”
“อ่า...นั่นสินะ” หัวเราะเบาๆ ทั้งคู่เดินไปตามฟุตปาธยามค่ำคืน ในทีแรกคยูฮยอนเองก็รู้สึกตกใจที่เห็นคนเดินผ่านทะลุร่างเขาไปได้...
แต่จะแปลกใจทำไม...ก็เขาตายไปแล้วนี่...
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่”
เด็กแว่นหน้าตาบ้านๆ ไร้จุดเด่นคนหนึ่งที่ตอนมีชีวิตนั้นถ้าจะให้เปรียบก็เป็นได้แค่มดตัวเล็กๆ ท่ามกลางเหล่ามนุษย์เห็นแก่ตัวที่จะถูกเหยียบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นคนที่ไม่เคยมั่นใจในตัวเองและไม่เป็นที่จดจำ...ช่างน่าเวทนาเหลือเกินแต่คงเป็นเพราะโจคยูฮยอนไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะมั้ง ถึงได้กล้าพูดกับมัจจุราชอย่าง ‘อีทงเฮ’ แบบนี้
และสิ่งที่โจคยูฮยอนต้องการก็คือ...
กลับไปมีชีวิตอีกครั้ง...เพื่อแก้แค้นชเวซีวอน...
“นายคิดว่าฉันจะให้สิ่งที่นายต้องการได้อย่างนั้นหรือ?”
“มันอยู่ที่คุณ...ว่าจะให้ผมได้หรือเปล่า” นัยน์ตาเรียวฉายแววจริงจัง
แววตา...ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น...
เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ บางทีเขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ที่ทำแบบนี้ ไหนๆ ก็ตายไปแล้วคงไม่มีอะไรต้องเสียอีกเมื่อความโกรธแค้นมันเข้าไปแทนความรักที่มีให้...
โจคยูฮยอนขอสาบาน...
ว่าถ้าเกิดมีโอกาสกลับไปได้อีกครั้ง...
เขานี่แหละ...
จะเป็นคนทำให้ชเวซีวอนต้องเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็นด้วยฝีมือของเขา!
“งั้นเรามาเล่นเกมส์กันไหม...โจคยูฮยอน?”
TALK
งงกันเปล่าอ่ะ
แล้วชอบกันรึเปล่า
ไม่รู้จะสื่อออกมาให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของคิยูไหม TvT
ความคิดเห็น