ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.Donghae | "BLACK SWAN"

    ลำดับตอนที่ #3 : PART 2 : Revenge

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 55


      

     

     




     

     

    PART 2

    ถ้าเกิดไฟไหม้อาคารเรียน...

    ผมคงถูกไฟคลอกตายก่อนที่จะมีคนรู้ว่าผมยังติดอยู่ในนั้น...

     

     

     

    เสียงฝีเท้าย่ำไปตามฟุตปาธตอนบ่ายแก่ๆ ขณะที่ใครหลายคนเลือกที่จะอยู่ในที่ร่มเพื่อหลบแสงแดดในหน้าร้อนที่กำลังแผดเผาจนเหงื่อไหลโทรมกายแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจของโจคยูฮยอนได้เลย

    วันจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย...ตามหลักความจะเป็นแล้วเขาก็น่าจะอยู่เลี้ยงส่งอำลาเพื่อนที่ร่ำเรียนมาด้วยกันมาเป็นเวลาหลายปีแต่ถึงอย่างนั้น...

     

    โจคยูฮยอนกลับไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว...

     

     

    มารับเค้กที่สั่งไว้ครับ โอ๊ะ...ขอโทษครับ ขอโทษ!”

    ให้ตายเถอะ เดินระวังบ้างสิวะ!”

    ที่รักเป็นอะไรไหม? บ้าจริง! เค้กวันครบรอบของเราเละหมดแล้ว

     

    คยูฮยอนโค้งหัวขอโทษขอโพยเมื่อความซุ่มซ่ามของเขาเป็นเหตุ หญิงสาวตัวเล็กผมยาวเป็นลอนอีกทั้งริมฝีปากแดงฉ่ำซึ่งมันคงดูน่ารักในสายตาหนุ่มๆ ทั่วไปแต่หนึ่งในนั้นคงไม่ใช่โจคยูฮยอน เธอมองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด หัวเสียเมื่อเค้กที่พึ่งซื้อมาเมื่อครู่นั้นเละไม่มีชิ้นดีเพราะไอ้เซ่อคนหนึ่ง

    นี่ไอ้แว่น! จ่ายค่าเสียหายมาเลยนะ!” นัยน์ตาเรียวฉายแววเกรี้ยวกราด คยูฮยอนเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกทั้งรู้สึกผิดทั้งรีบ หันไปมองเจ้าของร้านที่กำลังส่ายหน้าเอือมระอาแล้วก็ควักเงินในกระเป๋าออกมาดู

    ผมขอโทษจริงๆ ผมจะชดใช้ค่าเสียหายให้แล้วกันนะครับ... น้ำเสียงแผ่วเบาที่แสดงถึงความรู้สึกผิดจากใจหากแต่หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างแฟนหนุ่มของเธอนั้นกลับไม่นึกสงสารเลยสักนิด

    คิดว่าจ่ายแล้วจะจบง่ายๆ งั้นเหรอ เด็กหนุ่มเลิกคิ้วมองทันทีที่เธอพูดจบ ผู้หญิงทำไมเข้าใจยากขนาดนี้นะ

    ก็เมื่อกี้คุณบอกว่าให้ผมจ่ายค่าเสียหาย...คยูฮยอนหันไปมองเค้กกล่องที่เจ้าของร้านเอาออกมาวางให้แล้วก็ยิ่งกระวนกระวาย ตอนนี้เขาเสียเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ถ้าเกิดไปช้ากว่านี้มีหวังพลาดแน่เลย

    ไม่เอาน่ามินกิ ให้เค้าจ่ายค่าเค้กก็พอแล้วมั้ง... คยูฮยอนแทบจะคุกเข่าให้กับความมีน้ำใจของแฟนหนุ่มของเธอ อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวร้ายอะไร...

     

     

     

    แต่จ่ายในราคาสี่เท่าของเค้กที่เสียไปนะ...

     

     

     

    ...อ่า รอยยิ้มเมื่อครู่หุบไปในทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของแฟนหนุ่มของเธอ หญิงสาวร่างเล็กหัวเราะคิกคักชอบใจนั่นยิ่งทำให้คยูฮยอนรู้สึกหดหู่กว่าที่เป็นอยู่

    แต่ผมมีเงินอยู่แค่นี้...

    เอามาทั้งหมดนั่นแล้วก็ไสหัวไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าโง่ๆ ของคนขี้แพ้อย่างแกในวันครบรอบของเรา มือแกร่งผลักหัวเด็กหนุ่มจนเซถอยหลัง คยูฮยอนยืนก้มหน้าพลางเม้มริมฝีปากแน่น

     

     

    แม้ว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกรังแก...

    แม้ว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะรู้สึกแย่...

     

    แต่ก็ใช่ว่าจะชินชากับเรื่องพวกนี้เสียเมื่อไหร่...

     

     

    ...ขอบคุณครับ ก้มหน้าเดินไปรับเค้กที่สั่งไว้พร้อมกับโค้งหัวให้เจ้าของร้านเล็กน้อยท่ามกลางเสียงหัวเราะของคู่รักหนุ่มสาวที่ภายนอกดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกแต่ในสายตาโจคยูฮยอนแล้วคนพวกนี้เหมาะสมกันราวกับผีเน่ากับโลงผุเสียมากกว่า...

    เดินดีๆ ล่ะ น้ำเสียงห้วนแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยของหญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านเค้กที่เห็นแล้วนึกสมเพช คยูฮยอนโค้งหัวให้อีกครั้งก่อนจะเดินไปโบกแท็กซี่ข้างถนน

     

    เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีทั้งที่มีแท็กซี่เปิดป้ายว่างผ่านไปเกือบสิบคันแต่ไม่มีคันไหนพอมีน้ำใจจอดรับเด็กหนุ่มเลย คยูฮยอนถอนหายใจอีกครั้ง ขมับชื้นเหงื่อจนต้องยกแขนเสื้อขึ้นมาซับ ยืนหันหลังให้กับแสงแดดมาเป็นเวลานานเพราะเขาเลือกที่จะยืนบังไอร้อนจากแสงแดดให้เค้กสามปอนด์ที่ตั้งใจจะมอบให้ใครคนหนึ่ง รู้สึกหายใจไม่สะดวก ทำไมอากาศถึงร้อนได้ขนาดนี้ แถวนี้ไม่มีป้ายรถเมล์พอจะให้เข้าไปหลบแดดซะด้วย

     

    ถ้าเกิดวิ่งไปตอนนี้ก็คงทันแต่ถ้าวิ่งไปก็กลัวว่าเค้กจะเละเอาน่ะสิ...

    แต่ถ้าขืนยืนรอแท็กซี่ต่อไปก็เสียเวลาเปล่า...งั้นวิ่งช้าๆ แล้วกัน

     

    บอกกับตัวเองพลางมองซ้ายขวาแล้วเดินข้ามทางม้าลายมาอีกฝั่ง เขาต้องไปถึงโรงเรียนภายในยี่สิบนาทีให้ได้ เรียวขาวิ่งไปอย่างระมัดระวัง ในใจภาวนาวิงวอนต่อพระเจ้าขอให้ท่านเห็นใจโจคยูฮยอนผู้นี้สักวันหนึ่งเถอะ...

     

     

     

     

     

    แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น...

     

     

     

     

     

    แฮ่ก...แฮ่ก...

     

     

    ลมหายใจร้อนผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ เด็กหนุ่มทอดสายตามองไปรอบๆ ข้างเห็นเหล่านักเรียนชั้นมัธยมปลายปีสามกำลังหามุมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยกัน บ้างก็นั่งหัวเราะเฮฮากันตามประสา บ้างก็กอดคอกันร้องไห้แต่เป้าหมายของเขาอยู่ชั้นดาดฟ้า...

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ผมคิดว่าตัวเองชินชากับความเจ็บปวดมาตลอด

    แต่เขา...ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองนั้นคิดผิด

     

     

     

    ปัง...

     

    เสียงประตูดาดฟ้าเปิดออกเบาๆ มือเรียวดันประตูเข้าไปอย่างช้าๆ มองหาคนที่นัดเอาไว้...รู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นเร็วผิดปกติ เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้เห็น เขา

    นัยน์ตาเรียวมองไปยังแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงไม่ใกล้ไม่ไกล บนเสื้อเชิร์ตสีขาวมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจแปะอยู่เต็มไปหมดปะปนกับสีของปากกาที่เขียนถึงความในใจของเพื่อนฝูงในวันสุดท้ายของการศึกษา

    ร่างกายสั่นเทาเพราะความตื่นเต้น เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ หายใจเข้าปอดเรียกความกล้า ก้มลงมองเค้กในมือแล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนรออยู่

     

     

     

    มาแล้ว...เหรอ...?

     

     

     

    จากตอนแรกริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มออกจนเห็นรอยบุ๋มตรงแก้มทั้งสองข้างแต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อคนตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มตัวผอมแห้งหน้าตาเห่ยแถมมีสิวกับหยาดเหงื่ออยู่เต็มหน้าจนน่าเกลียด คยูฮยอนยิ้มให้ร่างสูงพร้อมกับยื่นกล่องสีครีมให้

     

    นายเป็นใคร?

    เอ่ยถามโดยที่ไม่รับของจากคนตรงหน้า ร่างสูงหรี่ตามองไอ้แว่นหัวจรดเท้าแล้วก็ต้องถอยหลังออกมาโดยอัตโนมัติ คยูฮยอนหุบยิ้มลงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา

     

     

    สุขสันต์วันเกิดนะ...ซีวอน ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง ตั้งใจว่าขอแค่คนตรงหน้ารับเค้กของเขาไปก็พอ ไม่ได้หวังอะไรมากกว่านี้...

     

    นี่นาย...?

    ...รับมันไปสิ น้ำเสียงแผ่วลง ตอนนี้คยูฮยอนใจเสียจนไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มฝืนของตนนั้นดูเหมือนคนโรคจิตในสายตาชเวซีวอนสักแค่ไหน

    อย่าบอกนะว่านายคือเจ้าของจดหมายเมื่อวานนี้? น้ำเสียงแข็งกร้าวเช่นเดียวกับสายตาของเขาที่มีต่อคยูฮยอน เด็กหนุ่มลดสีหน้าลงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

    อย่ามาอำฉันเล่นดีกว่า...บอกมาว่าใครให้นายทำแบบนี้ ไอ้จองซูใช่ไหม? ร่างสูงหันไปมองรอบข้างคิดว่าคงถูกเพื่อนตัวดีแกล้งเข้าให้ในวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของเขา

     

    ...เปล่าหรอก

     

    งั้นก็ฮีชอล เห้ยพวกแก! โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ ตะโกนลั่นดาดฟ้าพลางเดินหาไปรอบๆ คิดว่าเพื่อนตัวแสบคงซ่อนอยู่แถวนี้เป็นแน่ คยูฮยอนจับข้อมืออีกคนไว้แต่ก็ถูกสะบัดออกอย่างไม่ใยดีในทันทีพร้อมกับสายตารังเกียจของร่างสูง

     

    สีหน้าแบบนี้ที่คยูฮยอนไม่เคยได้เห็น...

     

     

    ไม่มีใครให้ผมทำแบบนี้หรอก...

    แต่ในจดหมายนี่!” ร่างสูงควักซองสีชมพูออกมาพร้อมกับคลี่ออกตรงระดับใบหน้าร่างโปร่ง นัยน์ตาเรียวหลุบลงพลางเม้มริมฝีปากแน่น

    ในจดหมายนี่...เนื้อความอ่านยังไงก็บ่งบอกว่าเธอเป็นผู้หญิง เขวี้ยงมันใส่หน้าคยูฮยอนพร้อมกับแค่นเสียงหัวเราะ ตอนนี้ซีวอนคงโกรธมากแต่สิ่งที่เขาต้องการก็แค่อยากให้เค้กวันเกิดซีวอนกับมือก็เท่านั้นเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่ในรั้วสถาบันเดียวกันก็เลย...

     

     

    เขียนจดหมายนัดให้ซีวอนมาที่นี่...

    ในนามของผู้หญิงคนหนึ่ง...

    ผู้หญิง...ที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ตั้งแต่ทีแรก...

     

     

     

    ผมก็แค่กลัว...

     

     

     

    .................. ร่างสูงยืนมองอีกคนที่ก้มหน้านิ่งแล้วก็ยิ่งโมโห นี่มันเรื่องตลกบ้าบอคอแตกอะไรกันในวันเกิดของเขา?

    ถ้านายรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย...นายคงไม่มาตามนัด

    หึ... แค่นเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วหันหลังให้กับร่างโปร่ง นึกถึงเรื่องราวตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้แล้วก็น่าขำ เผลอคิดไปว่าคนที่ส่งจดหมายนัดในวันนี้คงเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่อยากจะสารภาพรักเขาในวันเกิดแต่ที่ไหนได้...

    ผมขอโทษที่ทำให้นายรู้สึกแย่...แต่ช่วยรับมันไว้ได้ไหม... พูดเสียงเบาลง ในมือของคยูฮยอนยังคงถือเค้กสามปอนด์ไว้เหมือนเดิมหากแต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจใยดีมันเลยสักนิด

     

     

    นายชอบฉันเหรอ?

     

     

    ..................... นัยน์ตาเรียวมองร่างสูงผ่านกรอบแว่นหนาด้วยความตกใจ คำถามนั้นมันยากที่จะตอบเหลือเกิน...เพราะถ้าตอบว่าใช่ คงโดนซีวอนดูถูกมากกว่านี้เป็นแน่แต่ถ้าตอบว่าไม่ ก็เหมือนกับหลอกตัวเอง...

     

    นายน่ะ...เป็นเกย์สินะ

     

    ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนร่างโปร่งต้องเบือนหน้าหลบไปอีกทาง ซีวอนแค่นเสียงหัวเราะด้วยความสมเพชพร้อมกับรับเค้กในมืออีกคนมาก่อนจะเดินถอยออกไปสามก้าว

     

     

    ตอนนี้...

    ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขา...

     

     

    แต่ขอโทษทีนะ...

    .......................

    พอดีว่าฉันชอบผู้หญิง...และฉัน...

    .......................

     

     

     

     

    ไม่ได้เป็นเกย์เหมือนนายว่ะ

     

     

     

     

    ร่างสูงเดินชนอีกฝ่ายจนเซก่อนจะหยุดยืนอยู่กับที่แล้วปัดฝุ่นออกจากไหล่ ทิ้งไว้เพียงแค่เด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น อัตราการเต้นของหัวใจมันช้าลงจนรู้สึกได้

     

     

    เจ็บมากกว่าทุกครั้งที่โดนคนรอบข้างดูถูก...

    มันเป็นอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ...

     

     

    แต่ทำไมครั้งนี้...มันรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหว...

     

     

    นัยน์ตาพร่ามัวก่อนที่หยดน้ำใสจะตกลงบนพื้นซีเมนต์ร้อน ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น พยายามบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร

     

    ไม่เป็นไร...

     

    ฝีเท้าก้าวลงจากบันไดดาดฟ้าอย่างช้าๆ ราวกับร่างไร้วิญญาณ เสียงโห่แซวจากคนรอบข้างนั่นเรียกสติโจคยูฮยอนได้เป็นอย่างดี

     

    แม่งโคตรเจ๋งเลยว่ะ กล้ามาก กล้าจริงๆ

    เออดิ ขนาดคิมซอนเยที่ว่าสวยๆ เธอยังเจียมตัวไม่กล้าจีบซีวอนเลย

    เด็กห้องไหนวะเนี่ย หน้าไม่คุ้นเลย

    ไม่รู้ดิ ไม่สำคัญ จำไม่ได้ว่ะ 555555555

    ดูสภาพตัวเองบ้างนะไอ้แว่น ฉันแนะนำให้ไปตายแล้วเกิดใหม่เผื่อซีวอนมันจะแล 555

    วู้วๆ ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย!! ฮ่าๆ

     

     

    เสียงโห่ร้องและเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างมาพร้อมกับก้อนกระดาษที่ปาเข้ามาไม่หยุด ร่างโปร่งก้มหน้าเดินผ่านกลุ่มคนมาด้วยความรู้สึกหดหู่...รู้สึกแย่...

     

    มันคงถึงจุดขีดสุดแล้วล่ะ...

     

    ................... คยูฮยอนหยุดยืนอยู่กับที่เมื่อเหล่ากระดาษที่เขวี้ยงมาเมื่อครู่นั้นหยุดไปเสียดื้อๆ นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อคนที่ทำร้ายจิตใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้นั้นกำลังยืนอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้

     

    ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มให้กับเด็กหนุ่มท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมชั้นมากมาย น่าแปลก...หัวใจที่เหี่ยวเฉาเมื่อครู่นั้นกลับมาเต้นแรงได้อีกครั้งอย่างประหลาด...ชเวซีวอนมีผลกระทบต่อหัวใจโจคยูฮยอนมากขนาดนี้เลยหรือ...

     

    อย่าทำหน้าแบบนี้ในวันเกิดฉันสิ น้ำเสียงทุ้มแตกต่างจากตอนอยู่บนดาดฟ้าอย่างสิ้นเชิง เพื่อนร่วมชั้นที่จับตามองอยู่อ้าปากหวอ มีเสียงแซวลอดเข้ามาเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ชเวซีวอนอับอายเหมือนที่เขาคาดเอาไว้

     

     

    หรือว่าซีวอนจะหายหงุดหงิดแล้ว...

    ดีจังเลยนะ...

     

     

    ผม...อ๊ะ!”

     

     

    คยูฮยอนเบิกตาโพลงเมื่อซีวอนเอาเค้กก้อนโตที่พึ่งให้ไปเมื่อครู่แปะลงบนหัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ...

     

     

    รอยยิ้มแห่งความสมเพช...

    และเสียงหัวเราะเยาะราวกับเขาเป็นตัวตลก...

     

     

    ก๊าก!!! 5555555

    โอ๊ยซีวอน ไอ้เลว! ฮ่าๆ

    อื้อหือ...แม่งร้ายว่ะ 

    ใครว่ามันเป็นเทพบุตรวะ นี่มันซาตานชัดๆ ฮ่าๆ

     

     

     

     

     

     

    เค้กวันเกิดฉันเอง...กินให้อร่อยนะ...ไอ้แว่น

     

     

     

     

     

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่โจคยูฮยอนได้ยินจากปากคนที่เขาแอบชอบมาตลอดสี่ปี...

     

     

     

    หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาเองก็ไม่รู้...หูมันอื้อไปหมดราวกับว่าไม่หลงเหลืออะไรบนโลกใบนี้อีกแล้ว รู้สึกปวดหนึบตรงหัวใจ ถึงจะรักมากแค่ไหนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเวลาถูกกระทำแบบนี้จากความรักที่มีให้ในตอนนี้กลับรู้สึก...





     

    เกลียด...

    เกลียดทุกๆ คน...

     

     

     

     

    นั่นก็รวมถึงชเวซีวอนด้วย...

     

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มเดินไปตามฟุตปาธเรื่อยๆ ในตอนนี้เขาคงดูเป็นคนบ้าในสายตาผู้คนรอบข้าง เสื้อผ้าหน้าผมสกปรกเลอะเทอะไปด้วยเค้กที่ตั้งใจซื้อมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคนใจร้ายร่างโปร่งเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างสิ้นหวัง นัยน์ตาเรียวทอดมองออกไปฝั่งตรงข้ามถนน เขามองอะไรได้ไม่ชัดนักเพราะแว่นสายตาเลอะมัวไปด้วยครีมเค้กวนิลาที่คิดว่าซีวอนน่าจะชอบ

     

     

    ตลกดี...

    ตลกที่คิดว่าซีวอนน่าจะชอบในสิ่งที่เขามอบให้...

     

     

     

    จะไปไหน...

    นั่นสิ...จะไปไหน...

    กลับบ้านเหรอ...

    แล้วบ้าน...ไปทางไหนกัน...

     

     

     

    เฮ้! เดินระวังหน่อยสิโว้ย!”

    ..................

    กรี๊ด! ถอยไปห่างๆ เลยนะ สกปรก!”

    ..................

     

     

    นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้แล้วก็โกรธตัวเอง ทำไมถึงทำแบบนั้นนะ ผลที่ออกมาก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...

    ไม่สิ...ก็แค่ให้ของขวัญวันเกิดไม่ได้ไปสารภาพรักสักหน่อย ทำไมถึงต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้นด้วย...

     

     

    เกลียด...

    โจคยูฮยอนเกลียดพระเจ้าที่เล่นตลกกับชีวิตของเขา...

    เกลียด...คนพวกนั้นที่เข้ามาตีสนิทเพื่อหลอกให้เขาช่วยทำงานให้แล้วสุดท้ายก็หักหลังกัน

     

     

    เสียงหัวเราะเยาะของคนพวกนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัว...

     

     

     

     

    เกลียด...จนอยากฆ่าให้ตาย...

     

     

     

     

     

     

    โครม!!!

     

     

    กรี๊ด!! ช่วยด้วยค่ะมีเด็กนักเรียนถูกรถชน!!”

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

     

    ตึกตึก...

    ตึกตึก....ตึก...

     

     

    นัยน์ตาเรียวลืมขึ้นอย่างช้าๆ ภาพทุกอย่างพร่ามัวไปหมด...ร่างโปร่งหยัดตัวลุกขึ้นพลางหันไปมองรอบตัว บนถนนสี่แยกแถวโรงเรียนมัธยมปลายฮันนัมที่กำลังวุ่นวาย...หันไปเห็นรถพยาบาลและเสียงไซเรนดังก้องไปทั่วท้องถนนพร้อมกับชายฉกรรจ์สองนายที่รีบวิ่งมาพร้อมกับเปลหาม

     

     

    เกิดอะไรขึ้น...

     

     

    งงเลยสิ? เสียงปริศนาดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปพบปะกับผู้มาใหม่ที่ทำให้เขาต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

    ...ค...คุณเป็นใคร? แทบทรุดลงไปกับพื้นเมื่อร่างของคนตรงหน้ามีปีกสีดำงอกออกมา บุรุษชุดดำกระพรือปีกออกพร้อมกับลอยตัวขึ้นจากพื้นเล็กน้อย

    ร้อนชะมัด ราวกับไม่ได้สนใจคำถามของคนตรงหน้า บุรุษปริศนาที่คาดว่าน่าจะไม่ใช่มนุษย์กำลังเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มก่อนจะจับข้อมือเขาเอาไว้

    คุณจะทำอะไรผม...?? เพียงแค่ชายหนุ่มร่างหนาปล่อยมือออก บนข้อมือของคยูฮยอนก็มีอะไรบางอย่างพันธนาการเอาไว้ จะเรียกว่าเชือกก็คงไม่ใช่...มันดูคล้ายเถาวัลย์ที่มีหนามเสียมากกว่า

    ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย!” ตะโกนลั่นขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างที่กำลังชลมุนกันอยู่บนถนนเนื่องจากอุบัติเหตุแต่น่าแปลก...

     

     

    ที่ไม่มีใครได้ยินเสียงเขาเลยสักคน...

     

     

    ไม่มีใครได้ยินหรอก หยุดตะโกนได้แล้วเสียงนายมันน่ารำคาญจริงๆ โจคยูฮยอน

    เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เพ่งมองคนตรงหน้าอย่างละเอียด คนๆ นี้คงไม่ใช่มนุษย์แน่...

    ...คุณเป็นใคร

    บุรุษปริศนาแค่นเสียงหัวเราะพร้อมกับเดินวนไปรอบๆ ตัวเด็กหนุ่ม คยูฮยอนยืนนิ่งไม่พูดอะไร แต่เหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันมันกลับย้อนเข้ามาในมโนความคิดเขาอีกครั้งเพียงแค่ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายปีกดำคนนี้...

     

    ไม่ว่าจะเป็นคนหรือตัวอะไรก็ตามพวกเขาเหล่านั้นก็เห็นโจคยูฮยอนเป็นตัวตลกซะหมด...

     

     

     

    พวกเขาเรียกฉันว่า...ความตาย

     

     

     

    ....................

    นายควรจะเอ่ยทักทายฉันบ้างนะ อย่างเช่น สวัสดีครับคุณความตาย ได้โปรดพาผมไปสู่สุขติที่ประตูขุมนรกนั่นที~’ อะไรแบบนี้น่ะ พูดติดตลกพร้อมกับชี้ไปยังประตูสีแดงที่มีไฟลุกโชนอยู่รอบๆ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...ประตูนั่นมันมาอยู่กลางถนนได้ยังไง...

     

     

    นี่ผม...ตายแล้วเหรอ ก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกพันธนาการไว้แล้วก็ทบทวนเรื่องราวทุกอย่าง คนๆ นี้คงเป็นยมทูตที่มารับวิญญาณเขาสินะ...

    ปิ๊งป่อง!” น้ำเสียงทะเล้นพร้อมกับรอยยิ้ม โจคยูฮยอนเคยคิดว่ายมฑูตควรจะน่ากลัวและน่าเกรงขามไม่ใช่ในแบบที่เขากำลังเจออยู่ในตอนนี้

    เอาน่า ฉันไม่อยากจริงจังเหมือนยมทูตเหลาเหย่พวกนั้นนี่ ว่าแต่นายไม่อยากไปดูร่างตัวเองส่งท้ายหน่อยหรือไง?

    ....................

    แต่ขอเตือนว่าศพนายไม่ค่อยน่าดูนักหรอก ป้องปากกระซิบเบาๆ เด็กหนุ่มถอยออกมาเมื่ออีกฝ่ายอ่านใจเขาออก ร่างโปร่งเบือนหน้าหลบไปอีกทาง นึกสมเพชชีวิตตัวเองที่ต้องมีจุดจบแบบนี้

     

     

    แล้วยังไงล่ะ...?

    จุดจบของคนที่ซวยมาทั้งชีวิตก็คือความตายสินะ...

    พระเจ้าเล่นตลกกับเขาอยู่ใช่ไหม...ขนาดตายไปแล้วยังต้องมาพบเจออะไรแบบนี้อีก

     

    ความสุข...

    ความสุขที่ว่านั่นโจคยูฮยอนยังไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสมันเลยสักครั้ง

    แล้วก็ให้เขาตายไปพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ?

     

     

     

     

    ชีวิตนายมันเศร้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...

    อย่าแอบอ่านใจคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า

    โอ้โห...ดุซะด้วย มัจจุราชหนุ่มหัวเราะเบาๆ เด็กหนุ่มที่ดูตระหนกตอนเจอกันในทีแรกนั้นหายไปไหนแล้ว ในตอนนี้คงมีแค่คนที่เอาแต่โทษบุญวาสนา โทษพระเจ้า โทษทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่กำหนดให้เขาเกิดมาพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ สินะ

     

    มัจจุราชหนุ่มตามโจคยูฮยอนไปตั้งแต่ช่วงบ่ายเพราะมีรายชื่อของเขาอยู่ในสมุดความตาย เห็นตอนแรกก็สงสารอยู่หรอกแต่ที่จู่ๆ ก็ก้าวร้าวขึ้นมาแบบนี้คงน้อยเนื้อต่ำใจจนไม่แคร์อะไรแล้วสินะ

     

     

    น่าแกล้งชะมัด...

     

     

    จะพาผมไปลงนรกขุมไหนก็เชิญ

    ไม่เข้าไปดูร่างตัวเองจริงๆ เหรอ?

    ไม่

    สักนิด

    ผมบอกว่าไม่ไง คุณคงไม่มีเวลาว่างมานั่งเล่นกับผมทั้งวันงั้นก็ช่วยส่งผมไปลงนรกสักทีเถอะจะได้จบๆ กันไป

    น้ำเสียงดูเย็นชาและหนักแน่นของโจคยูฮยอนทำให้มัจจุราชหนุ่มสนใจอยู่ไม่น้อย ในทีแรกคิดว่าไอ้เด็กนี่คงร้องขอชีวิตจากเขาแต่เห็นทีคงต้องคิดใหม่

     

     

    นายถูกรถชนตายตอนหกโมงสามสิบนาทีกับอีกยี่สิบห้าวิ...เหตุเกิดเพราะมีไอ้บ้าคนหนึ่งกำลังเคลิบเคลิ้มเพราะแฟนสาวกำลังช่วยทำรักให้ด้วยปากจนลืมมองไฟจราจร...สุดท้าย...ก็เลยพุ่งไปชนนายเข้า...โครม... ร่างโปร่งยืนนิ่งฟังเรื่องราวที่มัจจุราชหนุ่มบอกเล่า ในความคิดของคยูฮยอนตอนนี้มีคำถามอยู่มากมายเต็มไปหมด...

     

     

    ทำไมพวกขวางโลกแบบนั้นถึงไม่ตายๆ ไปสักที

    ทำไมถึงเป็นเขา?

     

     

    เอาน่า มันยังไม่ถึงเวลา ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าบนโลกนี้หรอก

    เมื่อไหร่คุณจะเลิกอ่านใจผม

    ห้ามได้ก็ดีสิ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากได้ยินความคิดของมนุษย์นักหรอก มัจจุราชหนุ่มพูดพร้อมกับโบกมือลารถร่วมกตัญญูที่มารับร่างไร้วิญญาณของโจคยูฮยอนไปพร้อมกับทำท่าบีบน้ำตา

     

    บ๊ายบาย~”

    .....................

    มองตาขวางเชียว ขี้โมโหเหมือนกันนะเราน่ะ หัวเราะในลำคอเบาๆ หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่โต้เถียงอะไรกลับมาอีก

    ตายในวันเกิดของคนที่ชอบเนี่ย ถ้าเขารู้คงรู้สึกผิดน่าดูเลยนะ

    ไม่มีทางที่เขาจะเสียใจกับการตายของผม

    อ่า...จะพูดอย่างนั้นมันก็ถูกเพราะตอนนี้หมอนั่นกำลังทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงคนหนึ่งส่งท้ายวันจบการศึกษาอยู่ล่ะ...ขอบอกว่าผู้หญิงคนนั้นร้อนแรงสุดๆ ไปเลย กระซิบข้างหูร่างโปร่งเบาๆ ในตอนนี้หัวใจของเขามันอาจจะด้านชาไปแล้วก็ได้...เขาถึงรู้สึกว่ามันไม่เจ็บปวดเลยสักนิดหลังจากได้ยินเรื่องราวของชเวซีวอน...

     

     

    ไม่สิ...

    นั่นคงเป็นเพราะว่าเขาตายไปแล้วต่างหาก...

     

     

    เที่ยงคืนฉันจะพานายไปส่งที่ทางเข้า เงยหน้าขึ้นมองหอนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาปัจจุบัน

    อีกตั้งหลายชั่วโมง พาผมไปตอนนี้เลยก็ได้นี่...

    มันเป็นกฎ Do you know the rule?”

     

     

    กฏงั้นเหรอ

    แม้แต่การตายก็ยังต้องมีกฏสินะ

     

     

    ไม่ต้องรีบหรอก เพราะยังไงซะนายก็ต้องไปใช้ชีวิตหลังความตายที่นั่นอยู่ดี

    ..................

    ทำหน้าแบบนั้นเป็นอะไรไปอีกล่ะ มัจจุราชหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีก

    คุณก็อ่านใจผมออก

    อ่า...นั่นสินะหัวเราะเบาๆ ทั้งคู่เดินไปตามฟุตปาธยามค่ำคืน ในทีแรกคยูฮยอนเองก็รู้สึกตกใจที่เห็นคนเดินผ่านทะลุร่างเขาไปได้...

     

    แต่จะแปลกใจทำไม...ก็เขาตายไปแล้วนี่...

     

    คุณก็น่าจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

    เด็กแว่นหน้าตาบ้านๆ ไร้จุดเด่นคนหนึ่งที่ตอนมีชีวิตนั้นถ้าจะให้เปรียบก็เป็นได้แค่มดตัวเล็กๆ ท่ามกลางเหล่ามนุษย์เห็นแก่ตัวที่จะถูกเหยียบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นคนที่ไม่เคยมั่นใจในตัวเองและไม่เป็นที่จดจำ...ช่างน่าเวทนาเหลือเกินแต่คงเป็นเพราะโจคยูฮยอนไม่มีอะไรจะเสียแล้วล่ะมั้ง ถึงได้กล้าพูดกับมัจจุราชอย่างอีทงเฮ’ แบบนี้

     

     

     

    และสิ่งที่โจคยูฮยอนต้องการก็คือ...

     

     

     

    กลับไปมีชีวิตอีกครั้ง...เพื่อแก้แค้นชเวซีวอน...

     

     

     

     

    นายคิดว่าฉันจะให้สิ่งที่นายต้องการได้อย่างนั้นหรือ?

    มันอยู่ที่คุณ...ว่าจะให้ผมได้หรือเปล่า นัยน์ตาเรียวฉายแววจริงจัง

     

     

    แววตา...ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น...

     

     

    เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ บางทีเขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ที่ทำแบบนี้ ไหนๆ ก็ตายไปแล้วคงไม่มีอะไรต้องเสียอีกเมื่อความโกรธแค้นมันเข้าไปแทนความรักที่มีให้...

     

     

    โจคยูฮยอนขอสาบาน...

    ว่าถ้าเกิดมีโอกาสกลับไปได้อีกครั้ง...

    เขานี่แหละ...

    จะเป็นคนทำให้ชเวซีวอนต้องเจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็นด้วยฝีมือของเขา!

     

     

     

     

     

     

    งั้นเรามาเล่นเกมส์กันไหม...โจคยูฮยอน?

     

     

     

     

     

     

     

    TALK

    งงกันเปล่าอ่ะ

    แล้วชอบกันรึเปล่า

    ไม่รู้จะสื่อออกมาให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของคิยูไหม TvT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×