คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : FIRST DAY
Chapter 1
เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘คุณครู’
ทันทีที่ผมลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาข้างในบ้านก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ บ้านหลังนี้น่ารักมากครับ เป็นบ้านชั้นเดียว ข้างหน้ามีสวนดอกไม้ขนาดย่อมด้วยแต่ผมไม่ทันสังเกตว่ามีดอกอะไรบ้าง มีม้านั่งสีขาวที่แกว่งได้เหมือนชิงช้าที่ผมอยากได้ไว้สักตัวตอนยังเป็นเด็ก ข้างในดูราบเรียบแต่ให้ความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก อาจเพราะมันถูกตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลก็เป็นได้
ครูซีวอนถอดสูทแขวนไว้กับราวหน้าประตูก่อนจะพับแขนเสื้อเชิร์ตขึ้นจนถึงข้อศอกแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูสีขาว เขาเปิดมันเข้าไปพร้อมกับหันมามองผม
“หวังว่านายคงชอบห้องนี้นะ”
ผมลากกระเป๋าเข้าไปแล้วชะเง้อหน้ามองข้างในอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมรู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูกครับ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระให้กับครู ทั้งที่ญาติพี่น้องกันก็ไม่ใช่แต่เขาต้องมาดูแลเด็กบ้านนอกอย่างผมแบบนี้
“ชอบครับ ผมชอบมากเลย” ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นห้องที่ผมจะต้องใช้หลับนอนในทุกๆ วันหลังจากนี้ ครูซีวอนยิ้มแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้ผมได้เดินเข้าไปข้างใน ผมหันหลังกลับมาโค้งหัวให้เขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะเดินออกไป
ทันทีที่เขาลับสายตา ผมค่อยๆ ย่องไปที่ประตูแล้วหมุนลูกกลอนกลับแง้มปิดประตูให้เสียงเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ พอหันกลับมาเจอห้องนอนผมก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง ผมชอบมากเลยล่ะห้องนี้สวยกว่าห้องนอนบ้านนอกที่ผมใช้นอนมาตลอดสิบแปดปีอีก ผมเดินไปทิ้งตัวลงนอนแล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากผ้าห่มพลางเอาหน้าถูๆ
กลิ่นหอมจัง...ถึงกลิ่นมันจะหอมแตกต่างกับกลิ่นที่บ้านก็เถอะ...
“คยูฮยอน หิวหรือยัง?”
ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายมาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ผมค่อยๆ เอี้ยวหน้าหันไปหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ ทำไมครูต้องเข้ามาเห็นตอนที่ผมทำอะไรเลวๆ ตลอดเลยนะ - -
“โอเค”
เขาตอบสั้นๆ แล้วปิดประตูกลับ เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็เลยรีบไสตัวเองลงจากเตียงแล้วรีบวิ่ง (แบบเงียบที่สุด) ไปหาครูที่กำลังง่วนอยู่ในครัว เขาดูเท่มากในชุดผ้ากันเปื้อน ผมรู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้วเพียงแค่เห็นเขากำลังใช้ทัพพีตักน้ำแกงขึ้นมาจิบ สีหน้าตอนรับรสของเขานั้นเหมือนกับพวกเชฟรายการอาหารในทีวีเลยครับ ผมค่อยๆ เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เขาแล้วเหลือบมอง
“ผมช่วยนะครับ”
ครูยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นทัพพีให้ผมชิมบ้าง ผมทำหน้าเหรอหราก่อนจะจิบมันเพียงเล็กน้อยแต่รสชาติของมันไม่น้อยนิดเลยสิครับ ผมเบิกตาโพลงเมื่อน้ำแกงที่ครูทำมันอร่อยนุ่มลิ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อร่อยจังเลยครับครู”
“อยู่ที่บ้านเรียกว่าพี่ซีวอนดีกว่าไหม?”
“จะดีเหรอครับครู...ไม่รู้สิ...ยังไงครูก็มียศศักดิ์เป็นถึงครูบาอาจารย์จะให้มาเรียกพี่ได้ง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน...” ผมงึมงำเบาๆ จนครูส่ายหัวหน่ายๆ แล้วหัวเราะผม
อะไรล่ะครับ ผมถือนะเรื่องแบบนี้ ถ้าผมเรียกครูว่าพี่ซีวอนมันยังไงไม่รู้สิ เหมือนผมเป็นเด็กปีนเกลียวไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ขนาดคนที่อายุมากกว่าผมแค่หกเดือนผมยังเรียกเขาว่าพี่เลย ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับแต่ในความรู้สึกผมมันมีอยู่สองอย่างระหว่างเทพผิดกับถูกน่ะ ฝ่ายเทพถูกจะเตือนผมอยู่บ่อยๆ ว่า แบบนี้ไม่ได้นะคยูฮยอน นายห้ามทำแบบนี้นะ ในขณะที่เทพผิดนั้นเอาแต่อู้ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ค่อยทำผิดสักเท่าไหร่ (เท่าที่จำได้นะครับ)
“ครูแค่ไม่อยากให้นายอึดอัดเวลาอยู่ด้วยกันน่ะ” เขาถามพร้อมกับเขย่ากระทะที่มีผักหลากสีอยู่ข้างใน ผมถือจานขึ้นมาแล้วยื่นไปใกล้ๆ ก่อนที่ครูจะเทอาหารที่ผัดเสร็จแล้วลงมา
เอาเถอะครับ...อย่างน้อยได้เป็นลูกมือก็ยังดี ถ้าให้ไปนั่งรอกินเฉยๆ ก็จะดูเหมือนกาฝากจนเกินไป ผมไม่อยากรู้สึกผิดกับครูครับ...
“ไม่หรอกครับ...ผมแค่ยังไม่ชินเวลาอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ปู่กับย่าน่ะ” ผมเอาจานไปวางไว้บนโต๊ะก่อนที่ครูจะเดินมาพร้อมกับข้าวสองจาน
“ครูครับ ผมใช้แก้วใบไหนได้บ้าง” ถามพร้อมกับมองไปยังตู้ที่มีแก้วหลากรูปแบบเรียงกันอย่างสวยงาม ผมไม่กล้าถือวิสาสะหยิบจับอะไรเอาเองเพราะมันจะดูเสียมารยาท อย่างน้อยก็ต้องให้เจ้าของบ้านอนุญาตก่อน
“อยากใช้ใบไหนก็หยิบได้เลย บ้านนี้ก็เหมือนบ้านของนายนั่นแหละ”
พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ถ้าเกิดครูไปอยู่บ้านผมแล้วผมพูดแบบนี้บ้างครูจะกล้านอนแผ่หลากลางห้องนอนเสื่อทั้งที่ปู่กับย่าผมกำลังนั่งดูละครอยู่มั้ยเล่า...
“งั้นผมหยิบใบ...” พูดยังไม่ทันจบผมก็ต้องหยุดสต๊อปเมื่อครูดันมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้าของเขาห่างผมอยู่ไม่เท่าไหร่ ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเขาซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าครูฉีดมันลงที่ส่วนไหน (ทำไมถึงติดจมูกแบบนี้)
“ไหนลองเรียกซิ...พี่ซีวอน”
ผมแทบอยากกัดลิ้นตายกับสถานการณ์แบบนี้แต่ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่เก็บสีหน้า ผมช้อนตามองเขาแล้วหัวเราะแห้งๆ มันคงเรียกว่าช้อนตาล่ะมั้งครับเพราะผมก็ไม่ได้เงยหน้ามองครู เอาตรงๆ อาจจะเรียกว่าเหลือกตามองก็ได้ - -
“ครับ...?”
“พี่ซีวอนไง ลองดูสักครั้งสิ นายจะได้ผ่อนคลาย ไม่อึดอัดเวลาอยู่กับพี่ไง เราจะได้สนิทกันเร็วขึ้นนายไม่คิดอย่างนั้นเหรอหืม?” ผมไม่เข้าใจครูเลยจริงๆ เขาแทนตัวเองว่าพี่ด้วยล่ะครับ ยังไงก็จะให้ผมเรียกครูแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม ก็ได้...
“ค...ครับ...ครูพี่ซีวอน”
(- -...)
ใครก็ได้...ช่วยเอาผมไปเก็บที... - - ครูพี่ซีวอนบ้าอะไรของแกน่ะโจคยูฮยอน
ครูหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยี้หัวผมอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วกอดคอผมให้เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ รู้อะไรไหม...ตอนที่เขาเอาแขนพาดมาที่คอผมน่ะ ตัวผมหดเหลือแค่สองนิ้วเองล่ะครับ (ไม่ได้เวอร์นะ) เขาเอาแก้วที่ผมหยิบมาเมื่อครู่ไปกดน้ำตรงประตูตู้เย็นก่อนจะวางแก้วลงข้างมือขวาของผม พอกลับมานั่งเขาก็เอาแต่ตักอาหารใส่จานผมพร้อมกับจ้องหน้า
“วันนี้มีแค่สองเมนู ไม่รู้ว่าจะถูกปากนายหรือเปล่า”
“ถูกแน่นอนอยู่แล้วครับ เมื่อกี้ผมชิมแล้วมัน...อร่อย....มาก...เลย...” ผมเริ่มพูดยานเป็นเสียงเทปเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังพูดมากเกินไป ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะก้มหน้าตักข้าวกินจนเต็มปากให้อีกฝ่ายชวนคุยไม่ได้
นั่งกินมันเงียบๆ แบบนี้แหละครับโจคยูฮยอน อย่าพูดมากนักเลย - -!
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อครูลุกขึ้นโน้มตัวเข้ามาใกล้ใบหน้าผม...ตอนนี้ข้าวมันอัดแน่นอยู่ในปากและกระพุ้งแก้มจนผมไม่สามารถถามอะไรออกไปได้...ผมได้เพียงแค่ทำหน้าอ้วนใส่ครูที่กำลังยิ้มละมุนอยู่ตรงหน้า...มือแกร่งเอื้อมมาใกล้...ใกล้ผมทุกทีจนผมต้องหลับตาปี๋
“ข้าวติดปากน่ะ”
“..............”
ผมเอามือจับแถวๆ ริมฝีปาก...จับ...จับ...แล้วมองนิ้วชี้ของครูที่มีข้าวเม็ดหนึ่งติดอยู่ ตอนนี้ผมอยากเอาหัวโขกโต๊ะให้เลือดคั่งในสมองเล่น ผมรีบเคี้ยวข้าวในปากแล้วกลืนเอื้อกพลางตบน้ำดื่มตามจนหมดไปครึ่งแก้ว
“ดื่มน้ำไปเยอะขนาดนั้นระวังจะอิ่มเสียก่อนนะ นายต้องทานมันให้หมดด้วยรู้ไหม” เขาหัวเราะอีกแล้วครับ ผมนี่มันยังไงนะ - -
“ครูก็ทานบ้างสิครับ...” ผมตักให้เขาบ้าง ไม่งั้นครูคงนั่งจับผิดความตลกของผมจนไม่ได้กินข้าวเย็นอย่างเป็นสุขแน่
“ตกลงจะเรียกว่าครูไปตลอดเลยใช่ไหมเนี่ยเรา”
“ผมหลุดปากน่ะครับ...งั้นก็ให้ผมเรียกแบบนี้ต่อเถอะ...ผมจะพยายามไม่อึดอัดเวลาอยู่ใกล้ครูแล้วกันนะครับ...” ผมยู่ปากพูดเล็กน้อย ครูหัวเราะแล้วก้มลงกินข้าวบ้าง นั่นแหละครับครู...นั่นแหละคือสิ่งที่ครูควรจะทำมานานแล้ว
“เมื่อไหร่พี่สาวผมจะกลับมาเหรอครับ”
“อีกสองสามวันได้ เที่ยวนี้บินไปยุโรปน่ะ”
พี่สาวผมเป็นแอร์ เธออยากเป็นนางฟ้ามาตั้งแต่เด็กแต่พ่อบอกว่าอย่างพี่อาราน่ะทำได้แค่นางฟ้าในตู้แก้วเท่านั้นแหละ เพราะเหตุนี้เลยกลายเป็นประเด็นดราม่ากันตั้งแต่ตอนนั้น
พ่อกับพี่อาราทะเลาะกันบ่อยขึ้นตั้งแต่แม่จากเราไป พี่อาราอยากเป็นแอร์แต่พ่ออยากให้พี่อาราหางานแถวหมู่บ้านทำ ซึ่งผมก็เข้าใจเธอนะ เธอหนีมาเรียนมหาลัยในโซลเพื่อตามหาความฝันจะให้ไปทำงานที่บ้านนอกแบบนั้นมันก็ไม่ใช่เธออีกนั่นแหละ พอเธอกลับไปเยี่ยมบ้านทีก็เจอพ่อดราม่าใส่แบบนี้พี่อาราเลยไม่ค่อยกลับบ้านเท่าไหร่ ก็มีสองปีก่อนนั่นแหละครับเป็นครั้งล่าสุดที่เราได้เจอกัน
“ครูครับ”
“หืม?”
“อยากใช้ผมทำอะไรก็บอกเลยนะ ผมทำได้ทุกอย่างยิ่งพวกใช้แรงงานผมยิ่งถนัด”
“ฮะๆ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ นายเป็นแขก ครูจะเรียกใช้นายแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“ไม่ได้นะครับ ครูต้องใช้ผมให้คุ้มค่าสิ จะให้ผมอยู่ที่นี่ฟรีๆ มันก็จะเป็นการเอาเปรียบครูจนเกินไป...เอ...ว่าแต่...ผมอยู่ที่นี่ฟรีหรือว่าพี่อาราจ่ายค่าเช่าให้ครูเหรอครับ?” ผมขมวดคิ้วถามเมื่อไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป เคยได้ยินปู่บอกมาว่าคนโซลน่ะทำอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ไม่แน่ครูอาจจะคิดเงินอยู่แล้วก็ได้ถึงมาทำดีกับผมแบบนี้
“คิดมากเกินไปแล้ว ครูไม่คิดเงินนายหรอก...เอางั้นก็ได้...ถ้าอย่างนั้นงานที่นายต้องทำทุกๆ วันคือช่วยครูรดน้ำต้นไม้ ทำความสะอาดบ้านวันละครั้งก็พอแล้วล่ะ”
“แค่นั้นพอเหรอครับ จริงๆ เรื่องมื้อเย็นถ้าครูไม่รังเกียจผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ”
“หืม? ทำเป็นด้วยเหรอไงเรา” เขาเลิกคิ้วมองผมยิ้มๆ ผมพยักหน้ารัวเพื่อให้อีกคนเชื่อในสิ่งที่พูดไป
“ย่าผมสอนมาครับ ย่าบอกว่าถึงเราจะเป็นผู้ชายแต่ก็ต้องทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนผู้หญิง เพราะเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะหาภรรยามาทำอะไรแบบนี้ให้ได้ เพราะฉะนั้นต้องหัดพึ่งตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ ครับครู” เขาขำพรืดเมื่อได้ยินผมพูดอย่างนั้น ในขณะที่ผมกำลังทำสีหน้าจริงจังตอนที่เล่าให้ครูฟัง
“ย่านายน่ารักดีนะ ครูชักอยากเจอแล้วสิ”
“ย่าไม่ชอบคนโซลครับ ถ้าเกิดครูไปครูต้องโกหกว่าเป็นคนที่อื่นถ้าไม่อยากโดนตะเพิดออกมา” ผมป้องปากพูดเบาๆ เมื่อนึกถึงผู้หญิงชราคนหนึ่งที่ชอบบ่นอุบอิบได้ตลอดเวลา
“งั้นเป็นคนที่ไหนดี ต่างประเทศได้ใช่ไหม?”
“อืม...ก็น่าจะได้นะครับ” ผมกับครูหัวเราะออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว บรรยากาศอึดอัดค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิดจนผมรู้สึกได้
ดีจังเลยครับ ผมเริ่มจะชอบที่นี่แล้วล่ะ~
.
.
ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงพลางบิดขี้เกียจเล็กน้อย หมุนไหล่ทำกายบริหารระหว่างเดินออกไปข้างนอกหวังจะทำกาแฟดื่มในตอนเช้า แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงห้องครัวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงน้ำมาจากหน้าบ้าน...ซีวอนเดินไปคลี่ผ้าม่านออกเล็กน้อยเผยให้เห็นเด็กหนุ่มในชุดลำลองยืนรดน้ำต้นไม้ด้วยสายยางอยู่...ริมฝีปากหยักยกยิ้มเมื่อเห็นร่างโปร่งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
ขายาวเดินเข้าไปในห้องครัวแล้วก็ต้องยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อมีกาแฟรออยู่แล้วในเครื่องทำกาแฟแถมยังมีขนมปังปิ้งที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับไข่ดาวหนึ่งฟองและไส้กรอกอีกด้วย ร่างสูงหยัดตัวลงนั่งบนเก้าอี้จิบกาแฟดำเพียงนิดพลางมองไปรอบๆ ตัวบ้านที่สะอาดผิดปรกติ ซีวอนไม่คิดเลยว่าคยูฮยอนจะตื่นเร็วกว่าเขา
.
.
เสียงเฮฮาของนักเรียนชายที่กำลังเตะบอลอยู่ในสนามฟุตบอลยังไม่ทำให้ใครคนหนึ่งเสียสมาธิจากการเล่นปริศนาอักษรไขว้ อาจารย์หนุ่มในชุดกราวน์นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอีกทั้งยังเคี้ยวหมากฝรั่ง สุดท้ายแล้วหนังสือพิมพ์ก็ถูกวางลงบนโต๊ะทำงานแล้วเอนหลังพิงกับเก้าอี้โซฟา...เมื่อกี้จิตใจเขากำลังสงบได้อยู่แล้ว...นัยน์ตาคมหลับลงเมื่อนึกถึงบางเรื่องที่กำลังทำให้กระวนกระวายใจอยู่ในตอนนี้...
ลุกขึ้นเดินไปมาหน้าโต๊ะทำงาน พอมองมือถือแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด ห้องพยาบาลที่เงียบสงบนี้มันกำลังทำให้เขารู้สึกไม่สงบเพียงเพราะเห็นใครคนหนึ่งเดินผ่านหน้าห้องไปกับผู้ชายอื่น...
“อีฮยอกแจ”
อาจารย์หนุ่มโผล่หน้าออกมาจากห้องพยาบาลก่อนที่อีกฝ่ายจะหันกลับมามองด้วยความสงสัย
“ผมมีอะไรให้คุณช่วย พอจะว่างไหม?”
“ช่วยอะไรเหรอครับ?”
“ว่างหรือไม่ว่าง”
เด็กหนุ่มที่เดินมากับร่างบางเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าของครูห้องพยาบาลที่กำลังปั้นหน้าบูดบึ้ง อีฮยอกแจยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะหันไปล่ำลาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องพักครู
ทันทีที่ประตูปิดลงมือแกร่งก็ทาบทับประตูไว้กักขังไม่ให้ร่างบางได้เดินออกไปไหน นัยน์ตาเรียวมองพฤติกรรมอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะยืนกอดอก
“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ”
“มันเป็นใคร”
“หืม?” เด็กหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับส่งเสียงถามในลำคออย่างกวนประสาทจนครูห้องพยาบาลหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
“พี่ถามว่าคนนั้นมันเป็นใคร”
ศัพท์นามเริ่มเปลี่ยนแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้อีฮยอกแจรู้สึกผิดหรือสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ก็จะทำไมล่ะ...อีทงเฮอยากประกาศสงครามกับเขาเองนะ
“แฟนใหม่ผม”
“พูดแบบนี้ได้ยังไง แฟนบ้าอะไรกัน รีบไปเลิกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“เลิกทำไม เหตุผลล่ะ?”
“พี่ไม่ให้คบ”
“แต่เราเลิกกันแล้ว พี่ไม่ยอมต่อสัญญาเอง” พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกจากประตูไป แต่ก็ถูกอีกฝ่ายกอดเอาไว้ทางด้านหลัง
“ไม่ต่ออะไรกัน พี่ยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักคำเลยนะ...เราน่ะคิดไปเอง” น้ำเสียงกระซิบข้างใบหูนั้นทุ้มนุ่มน่าฟังแต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่กับอีฮยอกแจคนนี้
“แต่ผมนี่แหละจะพูดเอง ผมจะไม่ต่อสัญญางี่เง่าแบบนั้นกับพี่อีกต่อไปแล้ว” ฮยอกแจพยายามสะบัดตัวออกแต่ยิ่งทำแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ่งกอดแน่นยิ่งขึ้น
“เห็นไหม เพราะเราชอบดื้อแบบนี้ไงล่ะ”
“แล้วจะทำไม ไม่พอใจก็ปล่อยผมไปเลยสิเหมือนที่พี่ชอบทำไง” เอ่ยประชดประชันด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเล็กๆ ยิ่งเห็นหน้าอีทงเฮ ฮยอกแจก็ยิ่งโมโห
“เรามาต่อสัญญาเดือนนี้กันดีกว่า ไม่ทะเลาะกันแล้วนะครับเด็กดี”
“ไปหาเด็กดีของพี่ที่ตึกสี่เถอะ แถวนั้นเลี้ยงต้อยไว้เยอะไม่ใช่เหรอ เหอะ”
“พวกนั้นก็แค่ของเล่น นายก็รู้ว่าพี่รักนายมากที่สุดนะ”
“แต่ผมเริ่มรู้สึกไม่อยากรักคนอย่างพี่แล้วล่ะครับ คือผมเบื่อผู้ชายนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างพี่ไง? คบกับนักเรียนด้วยกันยังสบายใจกว่า จูงมือไปไหนมาไหนด้วยก็ได้ อยากมีเซ็กส์ก็เข้าโรงแรมไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้”
ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนซอกคอขาวพร้อมกับกระชับกอดให้อีกฝ่ายรู้สึกเคลิ้มไปกับสัมผัสที่แสดงถึงความรักที่เขามีให้ร่างบาง แต่อีกฝ่ายหรือจะคิดอย่างนั้น
“นะ ต่อสัญญากัน”
“ไม่-ต่อ”
“ฮยอกแจ จะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ -_-!”
“ผมจะเอาแต่ใจมากกว่านี้อีก คอยดูนะ...เมื่อไหร่ที่พี่ควงผู้หญิงหนึ่งคนหนึ่ง เมื่อนั้นผมก็จะคูนสามเข้าไป...รอลุ้นเองแล้วกันนะครับว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” ฮยอกแจยิ้มมุมปาก จนทำให้ครูห้องพยาบาลรู้สึกจนมุม
ฮยอกแจไม่เคยแข็งข้อกับเขาขนาดนี้นะ - -....
“ฮยอกแจ”
เพ่งมองด้วยสายตาโกรธๆ ต่อให้โมโหจนพังห้องพยาบาลจนเละไม่มีชิ้นดีอีฮยอกแจก็ไม่ยอมอภัยให้หรอก!
“ครับ?”
“ฮยอกแจ”
“มีอะไรก็พูดมาสิ”
“ฮยอกแจ...”
“จะเรียกอะไรนักกันหนาวะไอ้แฟนเฮงซวยเอ๊ย!”
TALK
มาแบบเบาๆ นะตอนหนึ่ง
เรามาค่อยเป็นค่อยไปกับคู่หลักและครื้นเครงไปกับคู่รองกันเถอะค่ะ
(แจกป๊อปคอร์น)
ความคิดเห็น