คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Diary หน้าที่ 1 : อดีต..
ผมบอกตัวเองว่าถึงจะมีคนโชคร้ายนับล้านคนบนโลกใบนี้..
หนึ่งในนั้นต้องไม่ใช่ผม..
ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะสำหรับคนสองคน..ทั้งที่ไม่ได้ดูแคบเกินไปแต่ทำไมทั้งคู่ถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างนี้.. คยูฮยอนนั่งลงกับพื้นพร้อมกับรูดซิปกระเป๋าเป้แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาพับเข้าลิ้นชักตู้เสื้อผ้าก่อนจะชำเลืองตามองใครอีกคนที่นั่งจัดของใช้ส่วนตัวอีกฝั่งตรงข้าม.. เวร.. เวร.. เวร.. ทำไมรูมเมทของผมต้องเป็นมันด้วยนะ
“นายสบายดีนะ?”
ประโยคแรกที่ทักทำเอาผมอึ้งอยู่ไม่น้อยเสียงเขาต่างไปจากเมื่อก่อนมาก..จริงๆไม่ใช่แค่เสียงของเขาหรอกที่เปลี่ยนไป..ทั้งส่วนสูง..มัดกล้ามบนแขนนั่นอีกด้วย เขาจะดูแมนเกินหน้าเกินตาผมไปแล้วนะ
แต่ก็ช่างเถอะ..สำหรับผมแล้วผมไม่คิดว่าไอ้หมอนี่จะเป็นฝ่ายชวนคุยทั้งที่ปกติเขาออกจะเงียบเหมือนคนใบ้แถมเวลาเดินสวนกันหน้าผมมันยังไม่อยากมองเลย...นี่กี่ปีแล้วล่ะ.. สามปีแล้วสินะ...
สามปีแล้วที่เราเลิกกัน..
.
.
“บังเอิญจังเลยนะ”
ประโยคถัดมาที่หมอนั่นพูดหลังจากที่ไม่ได้สัญญาณตอบรับจากผม พระเจ้าจะเล่นตลกกับผมเกินไปแล้วจะให้ผมไปเป็นรูมเมทกับไอ้อ้วนที่ชอบนอนกรนทั้งคืนหรือให้อยู่กับควายที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ชเวซีวอนคนนี้
“ลืมเอาปากมารึไง?”
“เสือก”
ซีวอนหัวเราะในลำคอหลังจากได้ยินคำตอบแค่ประโยคสั้นๆประโยคเดียวนั้นทำให้ซีวอนรู้สึกได้ว่าคยูฮยอนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คยูฮยอนหันไปมองค้อนจนอีกคนต้องหยุดหัวเราะ..นี่แค่วันแรกที่ได้อยู่ห้องกันเขายังรู้สึกลางไม่ดีขนาดนี้แล้ว..แต่นี่ต้องอยู่กับไอ้บ้านี่ตั้งสี่ปีเลยนะ
“นายเรียนคณะอะไรเหรอ?”
“เพศศาสตร์สาขาทะลวงภายใน” ตอบกวนประสาทจนร่างสูงหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันหลังกอดอกพิงกับชั้นวางหนังสือจ้องมองร่างโปร่งที่นั่งหันหลังอยู่.. นิสัยขวานผ่าซากก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเหมือนกัน
เอาสิ.. อยากรู้เหมือนกันว่าจะหลบหน้าเขาไปได้นานสักแค่ไหนโจวคยูฮยอน..
.
.
หน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์.. โจวคยูฮยอนนั่งเอาคางเกยโต๊ะอย่างห่อเหี่ยว..ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้ามาอยู่มหาลัยนี้เขาต้องมีรูมเมทที่น่ารักคุยสนุกแต่ที่ไหนได้ต้องมาทนอยู่กับอดีตแฟนเก่าเมื่อตอน ม.ต้น อีก..
‘รู้ไหมว่านายไม่เหมือนเดิม...ให้อิสระเราบ้างดิ..เราอยากอยู่กับเพื่อนบ้างไม่เข้าใจเหรอ?’
‘เราไม่เหมือนเดิม..ในขณะที่คยูเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน’
คงเพราะเป็นประสบการณ์รักครั้งแรกถึงทำให้เราทั้งคู่ไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้..คนสองคนที่พบรักกันตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป เอาแต่คิดว่าแค่ให้ความรักกับอีกฝ่ายทุกอย่างก็ไม่มีอะไรน่ากังวลอีก คนเราเมื่อตอนเริ่มรักกันใหม่ๆก็ใช้ความรู้สึกล้วนๆแต่พอจะเลิกกันกลับขุดคุ้ยหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเพื่อที่จะเลิกกัน..
ตอนนั้นผมคิดแค่ว่ายังไงก็ตามผมต้องเลิกกับซีวอนให้ได้ผมจะไม่ทนเขาอีกต่อไป..ผมต้องการอิสระ อยากไปไหนก็ไปไม่ต้องคอยตอบคำถามของเขา..ผมติดเพื่อนจนคิดว่าเวลาที่ผมให้ซีวอนนั้นมันน่าเสียดาย..’ผมอยากเลิกกับเขา’ ในหัวผมเอาแต่บอกแบบนี้..ถึงภายหลังผมจะรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่เห็นซีวอนมีแฟนใหม่.. แต่ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่สามารถบอกความรู้สึกตัวเองได้เลยว่า ‘นั่นผมยังรักเขาอยู่..หรือเป็นเพราะหวงก้างกันแน่?’
บางทีมันอาจจะเป็นอย่างหลังก็ได้นะ.. ผมว่าอาการหวงก้างมันเกิดขึ้นได้กับทุกคนในเมื่อของที่เคยเป็นของเราวันหนึ่งมันตกไปอยู่ในมือของคนอื่น..เป็นใครก็ต้องหึงหวงทั้งนั้น..
คำว่ารักที่เคยบอกกับผมทุกวัน..
อ้อมกอดที่เคยโอบกอดผมไว้เวลาผมบ่นว่าเหงา..
ริมฝีปากที่เคยจูบหน้าผากผมทุกวันหลังเลิกเรียน..
เสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะที่ผมได้ยินทุกคืนเวลาเขาหลับคาโทรศัพท์
กระเป๋าเป้ของผมที่เขาคอยสะพายให้ตลอดเวลาที่เราไปเที่ยวด้วยกันหลังเลิกเรียน
ซองกระดาษสีขาวที่ผมต้องเจอที่ล็อคเกอร์ทุกเช้าพร้อมกับคำทักทายและรูปภาพประกอบ
เสื้อกันหนาวตัวโตที่ถอดให้ผมใส่ตอนเราไปดูหนังด้วยกัน
และ.. รูปคู่ของเราที่ผมฉีกทิ้งต่อหน้าเขาในวันเกิดของผมเอง....
อ่า..จะว่าไปแล้วผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ..คงเป็นผมเองที่ไม่ยอมรับความจริงไม่เคยยอมใคร..และนั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เราต้องปล่อยมือจากกัน..เรายังเด็กกันมากผมในตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่าเหตุผลหรอกครับ..แต่ถ้าจะให้ผมเข้าไปขอโทษเขาในตอนนี้น่ะเหรอ?
ไม่มีทางซะล่ะ...
.
.
ร่างหนาเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง ดวงตาคมมองไปยังร่างโปร่งที่ทำหน้าซังกะตายราวกับสตรีขาดประจำเดือนก่อนจะเอ่ยปากถาม
“เป็นอะไร?”
“เฮ้อ...”
“หืม?”
“มึงจำ...ซีวอนได้ป่ะวะ?” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นสบตากับคนถาม
“ซีวอนไหนล่ะ? แฟนเก่ามึงที่เคยเล่าให้กูฟังป่ะ?” แค่นเสียงหัวเราะเบาๆ ถ้าเกิดเป็นไอ้หมอนั่นจริงๆคงไม่แปลกใจหรอก.. จะมีใครสักกี่คนที่ทำให้โจคยูฮยอนหงอยเป็นหมาเหงาได้ขนาดนี้ล่ะ
“ใช่..มันเป็นเมทกูอ่ะ..ซวยสัดหมา”
“ทำไมล่ะ..ก็แค่เป็นรูมเมทกันจะกลัวอะไร..หรือว่ามึงไม่บริสุทธิ์ใจ?” ร่างหนาหยิบยางมัดผมขึ้นมาก่อนจะรวบผมสีส้มขึ้นมัดอย่างลวกๆ
“โห..พูดมาได้นะมึง..ไม่บริสุทธิ์ใจห่าอะไรล่ะ..มึงเข้าใจฟีลกูป่ะทงเฮ..แบบ...แฟนเก่า..เออ..คนที่เคยบอกรักมึง กอดมึงทุกวัน..แล้วก็เลิกกันไปหนังหน้าแทบไม่อยากมอง..แล้ววันนึงมึงกับมันต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งสี่ปี..ย้ำว่าสี่ปีเลยนะเว้ย..เป็นมึงจะวิ่งรอบมหาลัยแล้วตะโกนว่า ไชโย๊...กูได้แฟนเก่ามาเป็นเมทล่ะแม่งเจ๋งสาด..รึไงวะ”
“มึงกลัวความรู้สึกเดิมๆกลับมาใช่ไหม?”
“
..”
“..ถ้ามึงจัดการความรู้สึกตัวเองได้ทุกอย่างก็จบ”
ที่ทงเฮพูดมันก็ถูก.. ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผมทั้งนั้น..แต่ผมคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าผมจะไม่หวั่นไหว เพราะทุกครั้งที่ผมเจอเค้า...
หัวใจของผมมันยังคงเต้นแรงอยู่เสมอ...
.
.
ผมมีเรียน sec เดียวกับทงเฮสามคาบเพราะมันเป็นคนลงให้ผมเองครับ..เรียนคนละคณะแท้ๆมันยังดิ้นรนหาวิธีลงเรียนกับผมจนได้ความพยายามของมันสูงส่งมากเลยใช่ไหมละ?..แต่ก็ดีเหมือนกันครับ..ผมจะได้ไม่ต้องซีเรียสเรื่องการตีสนิทเพื่อนใหม่เพราะผมอัธยาศัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่..
“จะรอกินข้าวพร้อมกูใช่ไหม?” ทงเฮถามพลางยื่นหนังสือให้ผม ผมรับมาอย่างเคยตัวเพราะตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายทงเฮก็เทคแคร์ผมมาโดยตลอด..ถือหนังสือให้บ้าง ซื้อนั่นซื้อนี่มาให้บ้าง ถึงมันอาจจะดูมากมายเกินกว่าเพื่อนคนอื่นจนดูแปลกในสายตาใครๆ..แต่ผมไม่สนหรอกครับ
ก็แค่เพื่อนดูแลเพื่อนเท่านั้นเอง
“เออ รีบเรียนรีบมา..กูหิว” ผมยักคิ้วให้มันทีนึงก่อนจะเหลือบหันไปเห็นคนสองคนกำลังเดินหัวเราะมาด้วยกัน... ภาพที่เห็นมันทำให้ใจผมวูบอยู่ไม่น้อย.. มันบอกอาการไม่ถูกเลยครับ..ใจหายเหรอ? ปวดใจเหรอ? หรืออะไรยังไง?
ทั้งคู่หยุดชะงักพร้อมกับจ้องมองมาที่ผม..ดวงตากลมของคนตัวเล็กกว่ามองผมอย่างสงสัยสลับกับใบหน้าของคนที่เขายืนควงแขนอยู่ด้วย..
ซีวอน... มีแฟนแล้ว
“อะ..โอ้...หวัดดี” ผมฝืนยิ้มออกไปได้อย่างหน้าไม่อาย.. ทำไมผมต้องฝืนทำในสิ่งที่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วยนะ
“เรียนเสร็จแล้วเหรอ?” ซีวอนถามผมพร้อมกับยิ้มบางๆ มือเรียวของร่างบางค่อยๆคลายออกก่อนจะเลื่อนลงมาสอดประสานกับมือแกร่งไว้ราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ
สายตาของผมที่มองซีวอนมันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอไง?
“อืม ช่วงบ่ายเรียนอีกทีก็ตั้งบ่ายสาม..แล้วนายล่ะ” ผมเอามือล้วงในกระเป๋าเสื้อไว้..มือของผมมันกำลังกำหมัดแน่นเพียงแค่เห็นซีวอนกำลังจับมือคนอื่นที่ไม่ใช่ผม..
หวงก้างสินะโจคยูฮยอน... ผมมันก็แค่หมาหวงก้างเท่านั้นแหละ...
“เราไม่มีเรียนแล้ว.. นี่คยูฮยอน..รูมเมทที่เราเล่าให้ฟังไง..ส่วนนี่ฮยอกแจแฟนเราเอง” ซีวอนแนะนำร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆให้ผมรู้จัก.. ดวงหน้าหวานยิ้มให้ผมจนตาปิดดูน่ารักเกินกว่าจะเป็นพิษเป็นภัยกับใคร.. ซีวอนก็แบบนี้แหละ..เขาชอบคนที่ดูน่ารักไร้เดียงสาแต่การที่เขาได้มาคบกับผมในตอนนั้นมันทำให้ผมสงสัยมาก..แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่า
‘เราชอบแบบนั้น..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการแบบนั้นนี่’
ถึงเป็นคำตอบที่ไม่ดูหวานหยดย้อยแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มได้..เราสองคนมีอะไรเหมือนกันคือชอบพูดอะไรตรงๆ..ผิดแต่ผมนั้นมันขวานผ่าซากไม่รักษาน้ำใจผู้ฟังก็เท่านั้นแหละ
“ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดนะ” ดวงหน้าหวานยังคงยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น.. วูบนึงผมแอบคิดว่าอยากเข้าไปผลักเขาออกจากตรงนั้นซะให้รู้แล้วรู้รอด.. ทั้งที่รอยยิ้มนั่นมันบริสุทธิ์ซะขนาดนั้น..แต่ยิ่งผมมองเท่าไหร่.. ผมก็ยิ่งอยากจะทำลาย..
“เรียกว่าหล่อดีกว่าครับ.. ใช่ไหมซีวอน?” ผมพูดจาติดตลกปลอบใจตัวเอง..คิดว่าผมอยากได้ยินคำว่าน่ารักจากปากแฟนใหม่ของแฟนเก่าตัวเองงั้นเหรอครับ?
ซีวอนคงไม่ได้บอกเขาสินะว่าเราเคยเป็นคนรักกัน..แต่จะว่าไปแล้วถ้าเป็นผม..ผมก็คงไม่บอกเหมือนกัน..เขาคงไม่อยากให้คนรักต้องมากังวลเรื่องแฟนตัวเองเป็นรูมเมทกับแฟนเก่าสักเท่าไหร่
“ฉันไปดีกว่า ไว้เจอกันนะ” ผมตัดบทสนทนาซะดื้อๆ เพราะเป็นตัวผมเองที่รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้..
คนแพ้...ก็ต้องถอย..
ผมได้แต่บอกตัวเองว่าผมคงชินกับภาพเหล่านี้ได้สักวัน..
.
.
Talk With Writer
บรรยากาศมันกดดันแปลกๆ
แลดูคยูฮยอนร้ายลึกๆนะ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
คุณก็ต้องรู้สึกเหมือนคยูบ้างแหละจริงมั้ย
ฟิคเรื่องนี้อิงชีวิตจริง ตัดเคะผู้เสียสละออกไป
ตัดภาพลักษณ์อิมเมจเมะผู้แสนดีที่จะซื่อสัตย์กับคนรักออกไปซะ -.-
ความคิดเห็น