คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 : Beside You
Chapter 10
ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...ตัวอุ่นที่สุดในโลกเลยครับ
ตอนนี้ผมกับครูกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ในห้องโถงกว้างครับ บรรยากาศมาคุแบบนี้ทำผมรู้สึกใจไม่ดีสักเท่าไหร่เมื่อเห็นสายตาของพ่อที่มองมายังเราทั้งคู่ ผมคิดว่าพ่อคงหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องเดินทางไปมาจากบ้านท่านสู่บ้านย่าอยู่หลายรอบแบบนี้ ปู่กับย่าที่ว่าพูดเก่งๆ ก็ยังต้องเงียบเมื่อเห็นพ่อแสดงสีหน้าแบบนั้น
“ผมมาขออนุญาตพาคยูฮยอนกลับโซลครับ”
“ว่าไงนะ?”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อได้ยินน้ำเสียงพ่อแบบนั้น สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้คือนั่งก้มหน้าคุกเข่าเงียบๆ ไม่มีปากเสียงอะไร เพราะตอนเป็นเด็กผมจำเหตุการณ์นั้นได้ดีเลยครับตอนที่ผมพูดแทรกพ่อขึ้นมาระหว่างที่ท่านกำลังดุพี่อารา หลังมือท่านในตอนนั้นทำให้ผมหน้ามืดเห็นดาวลอยอยู่ไหวๆ
ผมชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ครูนิ่งมากจนทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์วันที่ถูกเรียกไปที่ห้องปกครองไม่ได้ ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าการขอของครูครั้งนี้มันจะเป็นผลสำเร็จแต่ถึงอย่างนั้นผมก็เลือกที่จะนั่งอยู่ตรงนี้...ข้างๆ ครูครับ
“ผมคิดว่าสิ่งที่คุณทำมันไม่ถูก คยูฮยอนจะสอบปลายภาคในวันพรุ่งนี้แล้ว”
“ผมทำไม่ถูกตรงไหน ยังไงคยูฮยอนก็เป็นลูกชายของผม”
“เพราะว่าเขาเป็นลูกชายของคุณผมถึงได้บอกว่ามันไม่ถูกต้อง...ผมได้ยินมาว่าคุณเองก็เป็นครูเหมือนกันเชื่อว่าคุณคงไม่อยากให้นักเรียนของคุณต้องขาดสอบหรอกใช่ไหมครับ?”
“คุณเป็นใคร”
“ผมชเวซีวอน เป็นครูที่ปรึกษาของคยูฮยอนครับ”
“ครูสอนคณิตศาสตร์เหมือนพ่อด้วยนะครับ...” สุดท้ายผมก็แหกกฎเหล็กตัวเองโดยการพูดแทรกผู้ใหญ่ขึ้นมา ผมยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะก้มหน้างุดลงไปอีกครั้ง
“หึ...สมัยนี้ครูเขาตามนักเรียนถึงต่างจังหวัดแล้วหรือ?”
“คยูฮยอนไม่ได้เป็นแค่นักเรียนของผมครับ”
“..................”
ผมเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินประโยคนั้น หัวใจผมกำลังเต้นตุบตับ...ตุบตับราวกับว่าประโยคถัดไปนั่นมันจะสร้างเรื่องให้กับเราทั้งคู่ ผมได้แค่ก้มหน้าฟังผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกันโดยที่ไม่ปริปากออกไปอีก
“คุณคงรู้ว่าถ้าขาดสอบปลายภาคแล้วจะมีปัญหาตามมาแค่ไหน ถ้าคุณรักคุณห่วงคยูฮยอนจริงๆ ก็ควรให้เขาผ่านช่วงนี้ไปก่อนดีไหมครับ?”
ผมคิดว่าครูคงพยายามใกล่เกลี่ยพ่อให้ยอมใจอ่อนแต่พ่อของผมไม่ใช่คนแบบนั้นน่ะสิครับ...
“ก็ได้ ฉันอนุญาตให้แกกลับไปสอบปลายภาคแต่ถ้าสอบเสร็จเมื่อไหร่แกต้องย้ายกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิม”
“นี่ก็เพิ่งเทอมแรก การย้ายโรงเรียนบ่อยๆ มันยุ่งยากแค่ไหนผมคิดว่าคุณน่าจะรู้เรื่องนี้ดี ยังไงก็อดทนรออีกสักครึ่งปีไม่ได้เหรอครับ?”
“ครึ่งปีงั้นเหรอ? ผมให้โอกาสมันกลับไปสอบตั้งอาทิตย์หนึ่งก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“เฮ่ย...แกอย่าใส่อารมณ์สิ เขาก็แค่หวังดี”
“แม่อยู่เฉยๆ ดีกว่าครับ”
“ฉันทนดูเฉยๆ ไม่ได้แล้วนา ดูสิ...คุณคนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดร้ายอะไร ทุกอย่างที่เขาพูดมานั่นก็เพื่อลูกชายของแกนะ ให้คยูฮยอนมันเป็นคนตัดสินใจบ้างซี่”
พ่อดูใจเย็นขึ้นหลังจากได้ยินประโยคนั้นจากปากย่า ผมเงยหน้าขึ้นหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังทำสีหน้าจริงจังอยู่ ผมรู้สึกเกรงใจครูมากเลยครับที่ต้องมาเดือดร้อนแทนผมอีกแล้วแต่อีกใจหนึ่งผมก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่ครูตามมาแบบนี้อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องสอบ...
และถ้าผมจะคิดแบบนั้น...มันจะเป็นการทำร้ายตัวเองอีกหรือเปล่านะ...
“หกเดือนข้างหน้านี้ ผมสัญญาว่าจะดูแลคยูฮยอนเป็นอย่างดีครับ”
.
.
ตอนนี้เป็นเวลา...เที่ยงคืนกว่าๆ
คืนนี้ปู่กับย่าให้ครูค้างที่นี่ก่อนเพราะกว่าจะเคลียร์กันเสร็จก็ปาไปทุ่มสองทุ่ม ทางเข้าบ้านผมก็เป็นพื้นรุกรังและถ้าจะเข้าไปในตัวเมืองก็ต้องนั่งรถประจำทางอีกซึ่งมันหมดไปตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้ว ในที่สุดครูก็ทำสำเร็จถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ค่อยเต็มใจให้ผมกลับโซลก็เถอะ ผมไม่รู้นี่ว่าพี่อาราโกหกปู่กับย่าไม่อย่างนั้นผมคงไม่ยอมตามไปด้วยหรอกครับ...
เอ...แต่ถ้าผมไม่ยอมไปกับพี่อารา ผมก็ไม่มีโอกาสได้เจอครูน่ะสิ...
ไม่เอา...ผมไม่โทษพี่อาราก็ได้ครับ...
ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับโกยผ้าห่มขึ้นมากอดแนบอกแล้วเดินไปห้องข้างๆ ผมค่อยๆ เลื่อนประตูออกเผยให้เห็นครูอยู่นั่งอยู่ในชุดของปู่ครับ ชุดพื้นบ้านที่ดูจะใส่ยากสักนิดแต่ถึงอย่างนั้นครูก็ยังพยายามที่จะใส่มัน ผมก้มหน้าเดินเข้าไปหาครูแล้วนั่งลงยองๆ ตอนนี้ผมรู้ว่าครูกำลังจ้องหน้าผมอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่กล้าเงยหน้าสบตากับครู
“ครูห่มผืนนี้ดีกว่าครับมันทั้งหนากว่าแล้วก็อุ่นกว่า...อากาศที่นี่เริ่มหนาวแล้วด้วย”
“แล้วนายล่ะ”
“สลับกันกับครูไงครับ ผืนนี้” ผมรวบผ้าห่มของครูขึ้นมาแล้วเอี้ยวตัวหันกลับแต่ก็ถูกครูคว้าข้อมือเอาไว้
“.................”
“...มีอะไรเหรอครับครู”
“รีบไปไหน...เราเพิ่งเจอกันไม่นานเองนะ”
“ผม...ผมคิดว่าครูคงอยากพักผ่อนน่ะครับ...นี่ก็จะตีหนึ่งแล้ว” ผมนั่งลงตรงหน้าครูพร้อมกับหลุบสายตาลงแล้วกอดผ้าห่มไว้แนบอก
“แทนที่จะสลับผ้าห่มกัน...ทำไมไม่เปลี่ยนมานอนกับครูล่ะ”
“...ได้เหรอครับ”
“หืม?”
“ผมมีสิทธิ์ด้วยเหรอครับครู...”
เราทั้งคู่เงียบไปหลังจากที่ผมพูดประโยคนั้น ผมก้มหน้ามองมือตัวเองที่วางอยู่บนผ้าห่มบนตักก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ทาบทับลงมาบนหลังมือ
“ครูขอโทษนะ”
“ขอโทษ...เรื่องอะไรครับ”
“ขอโทษที่ทำไม่ดีกับนาย ขอโทษที่ทำให้ต้องคิดมาก”
“ใช่ครับ...ครูทำให้ผมต้องคิดมาก ทั้งเมินผม หนีไปโรงเรียนก่อนด้วย ครูใจร้ายมากเลยครับ...”
ผมพูดเสียงอู้อี้ก่อนที่จะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใครอีกคนเปิดเหม่งผมขึ้นแล้วดีดหน้าผากเบาๆ ผมเลิกคิ้วมองครูอย่างงงๆ ก่อนจะเอามือปิดหน้าผากตัวเองไว้เมื่อครูทำท่าจะดีดมันอีกครั้ง
“ง้อนะครับ~”
ครูหัวเราะขณะที่เรายังค้างกันอยู่ท่านี้ ประโยคล้อเลียนเมื่อครู่ทำผมนึกโกรธครูตะหงิดๆ ขึ้นมาแล้วล่ะครับ ผมเอนถอยหลังเล็กน้อยเมื่อครูเริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“...ล้อผมเหรอครับ”
“เปล่าสักหน่อย ครูกำลังง้อนายอยู่นะมันไม่ได้ผลเหรอ?”
“ดีดหน้าผากเนี่ยเหรอครับง้อ...” ผมยังคงเอามือปิดหน้าผากตัวเองไว้ตราบใดที่ครูยังไม่ลดมือลง ทีแบบนี้แล้วมาง้อเหรอครับปล่อยให้ผมเสียใจอยู่ตั้งนานสองนาน
“งั้นนายอยากให้ครูง้อแบบไหนล่ะหืม?”
ทำไมนะ...ทำไมเวลาครูสงสัยอะไรถึงได้ชอบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแบบนี้...
“...ครูก็รู้” ผมเม้มริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมกับช้อนตามองใบหน้าครูที่อยู่ไม่ห่างกันสักเท่าไหร่ “ว่าผมอยากให้ครูง้อแบบไหน...” ครูยิ้มแล้วจ้องหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงผมลงไปนอนข้างๆ ด้วยกัน เขาขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับช้อนหัวผมขึ้นแล้วสอดแขนเข้ามาให้ผมหนุน
“ครูก็ง้อในแบบของครู นายก็ง้อในแบบของนายแต่ครูเชื่อว่านายงอนครูได้ไม่นานหรอก”
“ครูเดาเก่งจัง” ผมหัวเราะเบาๆ แล้วขยับหัวเล็กน้อยแค่ครูตามมาถึงที่นี่ผมก็หายแล้วล่ะครับ...
“ที่ครูไปโรงเรียนก่อนเพราะทางโรงเรียนโทรมาบอกว่ามีคนงัดตู้เซฟที่เอาไว้เก็บข้อสอบน่ะ ครูเห็นนายยังไม่ตื่นเลยเขียนโน๊ตแปะไว้บนหัวเตียง ไม่เห็นเหรอ?”
ผมส่ายหน้าพรืด ผมไม่เห็นโน้ตอะไรเลยสักใบเดียว...หรือว่าผมจะไม่ทันมองกันนะ...แย่จัง ผมก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าครูคงไม่อยากคุยกับผมแล้วถึงได้หลบหน้ากันแบบนั้น ที่จริงก็...
“ผมก็คิดว่าครูไม่อยากเจอหน้าผมซะอีกครับ...”
“ครูขอโทษ”
“ไม่เป็นไรครับ ครูก็อธิบายให้ผมเข้าใจแล้วนี่...”
“ครูหมายถึงเรื่องที่เย็นชากับนาย”
“อ๋อ...เรื่องนั้น...”
“ครูกำลังสับสน...คิดมานานแล้วว่าถ้าเกิดได้เจออึนซออีกครั้งแล้วจะเป็นยังไง มันจะทำให้นายเสียความรู้สึกมากน้อยแค่ไหน ครูกับเธอจะคุยกันได้อย่างบริสุทธิ์ใจหรือเปล่า เราจะยังคงเป็นเพื่อนกันได้ไหมสรุปคือมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”
“...................”
“ตอนนี้แม้แต่คำว่าเพื่อนครูยังให้เธอไม่ได้ นายคิดว่าคนที่เคยรักกันจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้จริงๆ น่ะเหรอ?”
“มันก็แล้วแต่คนมั้งครับครู...”
“อืม...มันก็คงอย่างนั้นแต่พอเห็นนายเป็นแบบนี้แล้วการเป็นเพื่อนกับแฟนเก่ามันคงไม่ดีสักเท่าไหร่”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่งขณะที่เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น ครูไล้หลังมือไปตามแก้มผมช้าๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาจูบหน้าผากผมเบาๆ
“ผมมีค่าพอให้ครูแคร์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ...”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะหืม?”
“ผมไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง...แม้กระทั่งที่ครูยอมตามมาถึงที่นี่ ผมก็คิดว่าครูคงเป็นห่วงแค่เรื่องการเรียนของผมน่ะครับ”
ครูยิ้มแล้วดึงผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ครูจะอยู่ในชุดของปู่แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของครู ผมซุกหน้าลงพร้อมกับกอดตอบ ครูลูบหัวผมเบาๆ เหมือนกับกำลังกล่อมเด็กทารกให้นอน
“ครูอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีนาย”
“....................”
“ตอนที่ไม่มีอึนซอ ครูยังมีเหตุผลคอยเตือนตัวเองว่าต้องอยู่ให้ได้ถึงแม้ว่าจะไม่มีเธอแต่สำหรับนายแล้ว...มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ครูต้องทำแบบนั้น...”
“...พอแล้วครับ”
“หืม?”
“ผมจะตายแล้ว...พอก่อนครับครู...” ผมพูดอู้อี้ในอ้อมกอดพร้อมกับกระชับกอดให้แน่นยิ่งขึ้น มันไม่ใช่เพราะว่ากอดของครูแน่นเกินไปจนทำให้ผมหายใจไม่ออกแต่เพราะยิ่งได้ฟังผมก็ยิ่งรู้สึกว่าจะระเบิดตัวเองเพราะคำพูดนั้นของครูครับ
“ไม่อยากฟังต่อหน่อยเหรอ” ได้ยินเสียงหัวเราะของครูที่อยู่ใกล้หูผม แต่ผมไม่อยากฟังต่อหรอกครับ...ผมจะเก็บไว้รู้สึกดีวันอื่นด้วย
“วันนั้น...อึนซอถามว่าตอนนี้ครูรู้สึกยังไง”
ผมอึ้งที่ได้ยินประโยคนั้น มันคงไม่แปลกอะไรใช่ไหมครับ...ถ้าผมจะกลัวคำตอบของครูน่ะ
“ครูเลยถามกลับไปว่า ‘รู้สึกยังไงในที่นี้คืออะไร คำถามของเธอมันกว้างมากนะ’ ”
“ครูแกล้งย้อนเธอนี่ครับ...”
“เปล่าสักหน่อย ครูก็ถามตามที่คิดจริงๆนี่...”
“แล้วเธอว่ายังไงครับ”
“เธอถามว่าครูโกรธเธอหรือเปล่า ครูตอบเธอไปว่าไม่หรอกเราทั้งคู่ในตอนนั้นต่างก็ยังเด็ก ยังห่างไกลกับเรื่องแต่งงานมาก”
‘ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ยังไม่อยากแต่งเหรอหืม?’
‘ฉันว่าเรายังเด็กเกินไปค่ะซีวอน...ฉันยังไม่เคยคิดเรื่องนั้น ขอโทษนะ’
“ถูกปฏิเสธขอแต่งงานแต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเลิกกันสักหน่อย แต่ไม่นานนักเธอก็บอกเลิกครูเหตุผลเพราะว่า...เธอคงแต่งงานกับครูไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต”
“....................”
“ตอนนั้นครูไม่เข้าใจ แต่ก็ได้แค่ยอมให้เธอเดินจากไป”
“ครูคงเสียใจมากใช่ไหมครับ”
“ใช่ ครูเคยเสียใจมาก”
“แล้วตอนนี้เธอกลับมาแล้ว...ครู...”
“ทั้งเรื่องที่อึนซอทั้งเรื่องของนายมันทำให้ครูต้องทบทวนอะไรหลายอย่าง ยิ่งครูเห็นหน้านายครูยิ่งรู้สึกผิด”
‘...ครูครับ’
‘ฮือ...อย่าทิ้งผม...’
“แต่อดีตมันก็คืออดีต...เหมือนกับรูปถ่ายไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่พอย้อนกลับไปดูแล้วคนสองคนก็ยังคงยืนอยู่ด้วยกันในกระดาษแผ่นนั้นทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ใช่...เวลาผ่านไปตั้งหกปีแล้วครูก็ไม่ควรจมปลักอยู่กับความเศร้านั้นเพราะมันจะทำให้ครูเดินต่อไปข้างหน้าไม่ได้”
“ทำไมครูถึงเล่าให้ผมฟังล่ะครับ”
ขณะที่ผมรอคำตอบนั้นผมไม่สนใจแล้วว่าครูจะรู้สึกยังไงกับผมหรือคุณอึนซอในตอนนี้ ขอเพียงแค่ครูกอดผมมา...แล้วผมจะเป็นคนที่กอดตอบครูเองครับ...
“นายไม่รู้จริงๆ เหรอว่าเพราะอะไร”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบถามอยู่ข้างหู ผมใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งครูเชยคางผมขึ้นมาแล้วประทับริมฝีปากลงเบาๆ จูบของครูที่เคยทำให้ผมใจเต้นได้แค่ไหนวันนี้ผมก็ยังคงรู้สึกอย่างนั้นอยู่ ครูกำลังชะล้างความรู้สึกแย่ๆ ในใจผมออกไปจนหมดในขณะที่ผมเองก็ยินดีให้ครูทำแบบนั้นเช่นกัน...
ริมฝีปากหยักเลื่อนลงมาซุกอยู่ตรงซอกคอผม มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต มือทั้งสองข้างของผมกำลังเก้ๆ กังๆ เมื่อมันไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ไหน ริมฝีปากของครูเลื่อนลงไปเรื่อยๆ ตามกระดุมเสื้อนอนของผมที่ค่อยๆ หลุดออกทีละเม็ด...ผมคิดว่าสถานการณ์แบบนี้มันชักจะยังไงๆ แล้วล่ะครับ
ผมเอามือปิดปากตัวเองไว้ทั้งสองข้างเพื่อกลั้นเสียงไม่ให้ลอดออกมา มันน่าอายมากแค่ไหนที่ส่งเสียงแบบนั้นออกไป ถ้าเกิดปู่กับย่าตื่นมาได้ยินแล้วเห็นเราทั้งคู่อยู่ในสภาพแบบนี้จะเป็นยังไง ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหลุดออกมาจากความคิดเมื่อปลายลิ้นร้อนแตะลงบนยอดอกของผม ร่างกายมันอ่อนระทวยไปหมด มันโอนอ่อนไปตามความต้องการของครู เขาเลื่อนใบหน้าขึ้นมาก่อนจะแกะมือออกจากริมฝีปากผมแล้วประทับจูบลงมาอีกครั้ง ผมได้แค่หลับตาลงแล้วซึมซับสัมผัสทุกอย่างที่ครูมอบให้อย่างไม่ประสีประสา ผมรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ผมก็เลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นไปครับ...
“ค...ครูขอโทษนะ...”
น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบพร่ำบอกอยู่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจติดขัด มือแกร่งไล่ติดกระดุมเสื้อคืนให้ผมทีละเม็ดจนถึงเม็ดสุดท้าย ผมกระพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจเมื่อจู่ๆ ครูก็หยุดเสียดื้อๆ
“นอนเถอะ...พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า...” ครูยิ้มบางๆ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างผม มือแกร่งรั้งผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับจูบหน้าผากผมเบาๆ
“ครูโอเคไหมครับ” ผมถามเมื่อได้ยินน้ำเสียงของครูไม่ค่อยดีนัก เหงื่อเขาเริ่มออกทั้งที่อากาศก็เย็น ผมคิดว่าตอนนี้ครูกำลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่ล่ะครับ
“.....................”
ตะเกียงดับลงพร้อมกับความมืดมิดในห้อง ความเงียบเข้าครอบคลุมเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ผมนอนนิ่งในอ้อมกอดไม่กล้าขยับตัวไปไหน ได้ยินเพียงแค่เสียงผ่อนลมหายใจเข้าออกของอีกฝ่ายเท่านั้น เมื่อกี้ผมทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าถ้าเกิดครูจะทำอย่างนั้นผมก็ยินดี ผมเชื่อว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความเผลอใจ ถึงผมจะยังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากับใครมาก่อนแต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด เพราะอย่างน้อยมันก็เกิดขึ้นจากความรักของผมครับ แต่ครูก็ห้ามใจตัวเอง ผมไม่รู้หรอกว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ครูต้องหยุดทั้งที่ไปถึงขั้นนั้นแล้วและถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าครูคงอยากทนุถนอมผม...แบบนั้นจะได้ไหมนะ...
.
.
“ขออนุญาตครับ!”
ผมเปิดประตูห้องสอบออกท่ามกลางนักเรียนเกือบห้าสิบที่กำลังนั่งทำหน้าตึงเครียดกับบรรยากาศในห้องสอบ เพื่อนๆ หลายคนเบิกตาโพลงทันทีที่เจอหน้าผม เสียงปรบมือและเสียงโห่แซวดังขึ้นมาทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้อง
“ไอ้แว่นกลับมาแล้วเว้ย”
“T_T ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าปาฏิหารย์มีจริง แกมานั่งข้างหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะได้มีคนให้ลอก”
“คยูฮยอน! เร็วเข้าใกล้จะหมดเวลาแล้วนะเว้ย”
ผมโค้งหัวขอโทษขอโพยอาจารย์ยกใหญ่จนกระทั่งเหลือบไปมองใครอีกคนที่เพิ่งเดินมาส่งผมหน้าห้องทั้งที่อยู่ในชุดสูทตัวเมื่อวาน ผมโค้งหัวให้ครูในขณะที่เขายังคงยิ้มให้ผมอยู่อย่างนั้น ขณะที่ครูคุมห้องสอบเดินออกไปคุยกับครูซีวอนข้างนอกนั่นเป็นจังหวะที่เพื่อนๆ รีบกรูเข้ามาหาผมทันที
“ครูซีวอนไปตามนายกลับมาใช่ไหม เขายังใส่ชุดเมื่อวานอยู่เลย”
“หน้าพ่อนายเมื่อวานนะโหดยิ่งกว่าฮีชอลซอนแซงนิมอีก”
“ครูซีวอนนี่เป็นยอดครูเลยว่ะ แต่ถ้าให้เขาออกตามหาตอนฉันโดดเรียนก็ไม่เอานะ”
“บ้านนายเป็นไงบ้าง สาวๆ เยอะหรือเปล่า ติดต่อให้บ้างเด้”
“เฮ้! พวกเธอกลับไปนั่งที่แล้วตั้งใจทำข้อสอบได้แล้วนะ!” เสียงครูคุมห้องสอบตวาดเข้ามานั่นทำให้นักเรียนทั้งหลายต่างวงแตกกลับไปนั่งที่โดยอัตโนมัติ
ผมเปิดกระเป๋าเครื่องเขียนออกมาพร้อมกับเปิดข้อสอบทำอย่างเร่งรีบ ขณะนั้นก็เหลือบไปเห็นฮยอกแจที่นั่งเยื้องอยู่ทางขวา เขายิ้มให้ผมพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้และที่นั่งถัดไปก็เห็นมินโฮกับจงฮยอนพวกเขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ผม ความรู้สึกในตอนนี้มีหลายอย่างปะปนไปหมดเลยครับ ผมดีใจที่ได้เจอกับเพื่อนๆ อีกครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าผมเองก็สำคัญพอที่จะทำให้เพื่อนๆ คิดถึงเหมือนกัน
ตอนนี้ผมรู้สึกอยากขอบคุณพ่อแล้วล่ะครับ...อยากขอบคุณพ่อที่ทำให้ผมกับครูเข้าใจกันมากขึ้น...
.
.
ตอนนี้ผมกำลังกินมื้อเที่ยงอยู่กับฮยอกแจแล้วก็ครูทงเฮในห้องพยาบาลครับ ตอนกินผมก็ยืมหนังสือฮยอกแจมาอ่านไปด้วยเพราะคาบบ่ายยังต้องสอบอีกตั้งสองวิชา (เขาไม่ยอมอ่านผมก็เลยยืมซะเลย) เมื่อเช้าผมมาไม่ทันสอบภาษาอังกฤษแต่ระหว่างทางตอนขากลับมาโซลครูบอกว่าให้ผมไปยื่นเรื่องขอสอบย้อนหลังได้
“พี่บอกแล้วไง ว่าซีวอนมันต้องตามไปแน่ๆ”
“ที่ผมบอกว่าครูซีวอนจะไม่ไปก็เพราะพี่นั่นแหละ เอาแต่เล่าเรื่องอดีตรักบ้าบอไรนั่นให้ฟังจนผมเขว”
“แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ เกมนี้นายแพ้พี่แล้ว เพราะฉะนั้นเย็นนี้นายเป็นคนเลี้ยงหมอไฟ”
“เฮ้! นี่พี่เป็นครูประสาอะไรเนี่ยให้นักเรียนจ่ายค่าหม้อไฟ ผมยังต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่นะ”
“จุ๊ๆ พอก้าวออกจากโรงเรียนนี้พี่ก็กลายเป็นพ่อคุณทูนหัวของนายแล้ว ลืมๆ เรื่องครูบาอาจารย์นั่นไปเถอะ”
“ฮึ่ย!” ฮยอกแจง้างมือทำท่าจะต่อยครูทงเฮครับแต่ดูเหมือนว่าครูทงเฮจะไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลยสักนิด ผมอมยิ้มน้อยๆ แล้วก้มลงกินข้าว
“ทำไมนายถึงยอมตามพ่อกลับไปได้ง่ายๆ ล่ะคยูฮยอน”
“พ่อผมโหดมากครับฮยอกแจ ถ้าเกิดผมหือเมื่อไหร่คงโดนหลังมือท่านเมื่อนั้น”
“ไม่เห็นเหมือนพ่อฮยอกแจเลย พร้อมจะประเคนลูกชายให้ครูได้ทุกเมื่อ โอ๊ย!” พูดจบก็ถูกฮยอกแจเอาหัวโหม่งคางจนหงายหลัง
“เพราะเขาเห็นว่าพี่เป็นครูไงล่ะอีทงเฮ -_-”
“ที่พ่อยอมให้ผมกลับมาได้ก็เพราะเห็นว่าครูซีวอนเป็นครูเหมือนท่านน่ะครับ”
“ถ้าบอกว่าเป็นคนที่นายรักพ่อนายคงเดินไปหยิบสปาต้ามาปาดคอหมอนั่นสินะ” ครูทงเฮกุมคางตัวเองเอาไว้ทั้งหัวเราะทั้งซี๊ดปากเพราะความเจ็บปวด
“แหงอยู่แล้วล่ะ ครูซีวอนเขายังกลัวคุกอยู่...ไม่เหมือนพี่ไง?” ฮยอกแจชำเลืองมองคนข้างๆ ที่กำลังเท้าคางมองหน้าเขาพร้อมกับทำปากจุ๊บๆ
“เอาน่า...แต่วินาทีแรกที่ซีวอนรู้นะ หมอนั่นรีบคว้าเสื้อสูทอย่างกับพระเอกละครเลยล่ะ วิ่งไปสตาร์ทรถโดยที่ไม่ถามความเป็นมาอะไรเลย ประโยคเดียวที่ทำให้หมอนั่นวิ่งได้เร็วขนาดนั้นคือ ‘คุณพ่อของคยูฮยอนมารับกลับปูซานไปแล้วนะเออ’ ”
ผมรู้สึกใจเต้นแรงอีกแล้วเพียงแค่รู้ว่าครูเป็นห่วงผมมากแค่ไหน เขายอมทิ้งทุกอย่างในตอนนั้นเพื่อไปตามผมกลับมาเลยเหรอครับ...
“ถ้าผมโดนเหมือนคยูฮยอนบ้างพี่ก็คงไม่เดือดร้อนอะไรใช่ไหมล่ะ” ฮยอกแจถามอย่างเง้างอน
“ทำไมพี่ต้องเดือดร้อนด้วยล่ะ บ้านนายก็อยู่แค่นี้เอง”
“ไปตายเถอะครับครูอีทงเฮ”
“จุ๊บหนึ่งที”
“ผมเกลียดพี่ -_-”
.
.
ทันทีที่รถดับลง ร่างสูงหันไปมองที่นั่งข้างคนขับเผยให้เห็นคยูฮยอนกำลังหลับคอพับอยู่ ริมฝีปากหยักอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถแล้วอ้อมไปเปิดประตูรถแล้วช้อนตัวเด็กหนุ่มออกมา เขาใช้หลังดันประตูกลับเข้าไปแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน ก้มลงมองดวงหน้าหวานที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องแล้วก็นะ...
คยูฮยอนคงจะเหนื่อยมากถ้าเทียบกับเขาแล้วการอดหลับอดนอนมันเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงแล้ววางเด็กหนุ่มลงอย่างเบามือ ตอนนี้เขาควรจะเข้าครัวแล้วคิดเมนูอร่อยๆ สักสองสามอย่างเพื่อบำรุงสมองให้กับเด็กที่กำลังอยู่ในช่วงสอบแบบนี้ ทั้งที่เขาก็ต้องการพักผ่อนเพราะหลายวันที่ผ่านมาเจอแต่เรื่องวุ่นวายแต่เขาก็ยังอยากทำมื้อเย็นให้คยูฮยอนได้ทาน
เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ มื้อเย็นทั้งสามเมนูถูกวางไว้บนโต๊ะอาหารพร้อมกับใครอีกคนที่เดินงัวเงียเข้ามาในห้องครัว คยูฮยอนเบิกตาโพลงทันทีที่เห็นเขาอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน
“เดี๋ยวนะครับครู!” คยูฮยอนขยี้ตาตัวเองแรงๆ แล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบแว่น ระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียง ‘โป๊ก!’ ซะดังลั่นบ้าน...คาดว่าเด็กคนนั้นคงซุ่มซ่ามเดินชนอะไรอีกแน่ๆ
ไม่นานนักคยูฮยอนก็เดินกลับมาในสภาพเจียมๆ เขาหัวเราะแห้งๆ แล้วมองซีวอนนั่งลงก่อนแล้วค่อยนั่งตาม
“ครูครับ ผมขอโทษที่หลับนะครับ”
“เรื่องแบบนี้ควรขอโทษด้วยหรือไง กินสิ เดี๋ยวเย็นหมด” ซีวอนยื่นช้อนกับตะเกียบให้กับเขา
“งั้นขอโทษที่ไม่ได้เป็นคนทำมื้อเย็นให้ครับ”
ซีวอนวางตะเกียบลงแล้วประสานมือไว้ตรงหน้า เขาจ้องเด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้าสำนึกผิดแล้วก็นึกหัวเราะในใจ คยูฮยอนก็เป็นซะอย่างนี้ ขี้เกรงใจไปซะทุกอย่าง กลัวว่าคนอื่นจะเดือดร้อนเพราะตัวเอง
“เปลี่ยนคำว่าขอโทษเป็นคำว่าขอบคุณครับพี่ซีวอนดีกว่าไหม?” คยูฮยอนหน้าแห้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“งั้น...ขอบคุณมากครับครู”
“หืม?”
“ผมพูดแล้วไงครับ...” เด็กหนุ่มพูดเสียงอู้อี้แล้วทำท่าจะตักข้าวเปล่าเข้าปาก
“เรียกเหมือนตอนที่อยู่ปูซานสิ...ครูอยากได้ยินอีก”
คยูฮยอนหน้าแดงเห่อจนแทบอยากจะเอาหน้ามุดเข้าไปในชามข้าวถ้ามันมีขนาดใหญ่เท่ากับใบหน้าของเขา ไม่ยักรู้ว่าซีวอนจะจำมันได้...ไอ้ประโยคนั้นน่ะ...
‘ผมรักพี่ครับ...พี่ซีวอน..’
“ถ้ากินเสร็จแล้วมีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ฮะๆ”
“หืม?”
เขายังคงจ้องหน้าคยูฮยอนไม่ลดละ เด็กหนุ่มปาดเหงื่อออกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มใจดีสู้เสือ
“ขอบคุณครับ...พี่...พี่ซีวอน...” ประโยคสุดท้ายดูจะแผ่วเบาไปนิดแต่ก็ทำให้เขารู้สึกดีได้ไม่น้อย
ร่างสูงโน้มตัวไปหาคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะเชยคางมนขึ้นแล้วประกบริมฝีปากลงไปเบาๆ คยูฮยอนหลับตาพริ้มรับรสจูบหวานของคนตรงหน้าทั้งที่ยังมีช้อนกับตะเกียบอยู่ในมือทั้งสองข้าง ริมฝีปากหยักผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ปลายจมูกโด่งสันกำลังคลอเคลียกลับปลายจมูกอีกฝ่าย ในม่านตาของเขาทั้งคู่มีกันและกันอยู่ในนั้น...แค่สองคน...
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ...”
เสียงกระซิบเพียงเบาบางกลับทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ที่เคยบอบช้ำก่อนหน้านี้ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาทีละนิด...ทีละนิด...คยูฮยอนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเมื่อคุณครูหนุ่มกำลังทำท่าจะจูบเขาอีกแล้ว มือเรียววางช้อนกับตะเกียบลงพร้อมกับโอบกอดร่างของคนตรงหน้าเอาไว้
ตอนนี้คยูฮยอนแน่ใจความรู้สึกตัวเองแล้ว...
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าเขาจะยอมรับมันและยืนอยู่ตรงนี้...
ข้างๆ ครูของเขา...
TALK
*ปาดน้ำตาเหมือนกับเห็นลูกสาวแต่งงาน*
เอามีดมาแทงเราได้เลย... (อ้าแขนออกพร้อมกับหลับตาพริ้ม)
ตอนนี้มันไม่ค่อยมีอะไรเนาะ . _.
ความคิดเห็น